ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Ultimate Exorcist

    ลำดับตอนที่ #1 : นิโคลัส เคลลี่

    • อัปเดตล่าสุด 22 มี.ค. 49


    ***ทุกชื่อในเรื่องนี้อ้างอิงขึ้นมาเฉยๆนะครับ ถึงจะมีอยู่จริงแต่ก็ไม่ได้มีการข้องเกี่ยวกับความเป็นจริงแต่อย่างใด***


    สายวันอาทิตย์ที่โบสถ์ เซนต์ ปีเตอร์ ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เด็กชายในชุดบาทหลวงสีดำสนิท ผมสีดำเข้ม ดวงตาข้างซ้ายมีสีฟ้าสะท้อนแดด ส่วนอีกข้างหนึ่งสีดำสนิทไม่มีแม้แต่แววตา เขามีชื่อว่า บาทหลวง นิโคลัส เคลลี่ ซึ่งกำลังขะมักขะเม้นกวาดลานหน้าโบสถ์  โบสถ์คริสต์แห่งนี้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางของคนในแถบสวินตัน ซึ่งมีโบสถ์คริสต์อยู่หลายแห่ง ลักษณะตัวโบสถ์ซึ่งมีหอระฆังสูงใหญ่สร้างเป็นตัวตึกติดอยู่กับตัวโบสถ์ ภายในถึงจะไม่ค่อยระโหฐานแต่ก็กว้างพอที่จะรองรับคนเกือบครึ่งเมืองมาร่วมกันสวดมนต์และร้องเพลงกันในวันอาทิตย์ได้ สถาปัตยกรรมซุ้มประตูรูปสลักพระเยซูคริสต์เป็นหนึ่งในจุดเด่นของโบสถ์นี้นอกเหนือจากหอระฆัง

    "คุณพ่อนิโคลัส ขยันแต่เช้าเลยนะ" เสียงที่อบอุ่นและเป็นมิตรดังขึ้นข้างหลัง ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยของคนแถวนั้น

    "จะสิบเอ็ดโมงแล้วนะครับ" นิโคลัสหัวเราะแหยะๆให้กับบาทหลวงแจ๊ค เวสลี่ ซึ่งตอนนี้สายแล้วแต่คนเข้าโบสถ์น้อย เนื่องจากวันนี้เป็นวันก่อนวันคริสมาสต์อีฟ การพบปะกันระหว่างคนสวินตันนั้นดูเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นแค่ถนนเล็กๆไม่กี่สายตัดกันไปมาเท่านั้น ซึ่งการพบปะคนรู้จักไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด เสียงผู้คนมากมายทักทายคุณพ่อตัวน้อย

    "คืนนี้หิมะคงตกนะครับ" นิโคลัสได้แต่ยิ้มกว้างด้วยความเป็นมิตรให้กับทุกคน แถบนี้มีคนรู้จักเขามากโดยเฉพาะวัยรุ่นในแถบนั้นซึ่งจะเรียกได้ว่ามีคุณพ่อนิโคลัสเป็นศูนย์กลางเลยก็ว่าได้ เขาผละจากงานเมื่อสังเกตเห็นว่าเริ่มมีคนเข้าโบสถ์เยอะแล้ว ตอนนี้ซึ่งเป็นงานของเขาที่จะต้องไปรอให้ห้องสารภาพบาป ประตูลึกลับในโบสถ์ที่นานๆทีจะมีผู้คนเข้ามา ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งถัดมา การสวดมนต์และร้องเพลงเสร็จสิ้น ผู้คนทยอยกลับกันหมดแล้ว เหลือแต่เพียงมิสเตอร์เคล้นคนเดียวซึ่งนั่งอยู่ม้านั่งยาวตัวหลังสุด

    "คุณพ่อฝากด้วยนะ" บาทหลวงแจ๊คใส่สวมเสื้อโค้ต ปลีกตัวออกทางประตูหลังโบสถ์ เห็นว่ามีธุระที่อ๊อกฟอร์ด ทั้งโบสถ์เหลือแต่นิโคลัส และมิสเตอร์เคล้นอยู่ ซึ่งชั่วอึดใจต่อมา เขาก็เปิดประตูเข้าไปในห้องสารภาพบาป

    "ว่าไง สาวกแห่งพระผู้เป็นเจ้า ทำอะไรผิดมาหรือ?" นิโคลัสพูดบทพูดที่คุ้นเคย

    "เอ่อ...คือ คือผมคิดว่าผมได้พบกับพระผู้เป็นเจ้าครับ"

    "เหตุใดจึงคิดเช่นนั้นล่ะ" คุณพ่อตัวน้อยขยับตัวด้วยความสนใจ

    "อยู่ดีๆ พระองค์ก็ปรากฎตัวแก่ผมผู้สิ้นหวัง และต้องการแลกชีวิตผมครึ่งหนึ่งเพื่อมอบให้กับกับลูกชายผมซึ่งตายไปแล้ว" ความเงียบเข้ามาแทรกบทสนทนาของทั้งสอง

    "แล้วคุณแน่ใจแค่ไหนว่าสิ่งนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าจริงๆ"

    "พระองค์บอกว่าให้นำศพลูกชายผมมาที่สวนสวินตันในเที่ยงคืนวันคริสมาสต์อีฟครับ ท่านจะเสด็จลงมาหาผมและมอบชีวิตครึ่งหนึ่งของผมให้ลูกชาย"

    "ยังไง?"

    "ผมไม่รู้ว่าการติดสินบนพระองค์เป็นการทำผิดต่อพระองค์ไหม ผมจึงมาสารภาพบาปครับ"

    "ยังไงก็ตาม บาปของท่านจะถูกชำระล้างในที่นี้ เมื่อท่านเชื่อว่าเป็นพระองค์แล้ว เหตุใดเล่าถึงต้องกังวล พระองค์จะทรงให้อภัย และอยู่เคียงข้างคุณแน่นอน นำทางสว่างที่ถูกต้องมาสู่คุณแน่ มิสเตอร์เคล้น" ใบหน้าชุ่มเหงื่อของมิสเตอร์เคล้นมีรอยยิ้มในทันที เขากล่าวขอบคุณและกระวีกระวาดออกจากโบสถ์

    นิโคลัสรู้ทุกอย่างแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไรอีกในบ่ายวันนั้นนอกจากปิดประตูโบสถ์และกลับมาอ่านหนังสือที่แมนชั่นแถวนั้น เขาอาศัยอยู่ตัวคนเดียว นานๆก็จะมีเพื่อนมานอนอยู่ด้วย เนื่องจากนิโคลัสอยู่ในวัยเรียน แต่ถูกชุบเลี้ยงมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และถูกส่งมาที่โบสถ์คริสต์ตั้งแต่เล็ก เขาจึงผูกพันกับคัมภีร์มากกว่าหนังสือเรียน และได้เรียนแค่อาทิตย์ละ 3วัน แต่ก็ไม่ทำให้การเรียนของเขาแย่ลงแต่อย่างใดเพราะเขาเป็นคนหัวดีมากเลยทีเดียว คุณพ่อตัวน้อยดูรายการโทรทัศน์วันอาทิตย์ซึ่งน่าเบื่อที่สุดอยู่ได้ครู่นึงจึงหลับไป

    ถึงเขาจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ก็ไม่ได้เกิดมาในตระกูลของปุถุชนทั่วไป
    ,,,

    มุมหนึ่งในสวนสาธารณะเล็กๆในเมืองแมนเชสเตอร์ ชายวัยกลางคนนั่งกอดถุงผ้าสีดำ เหงื่อไหลออกมามากทั้งๆที่เป็นวันหิมะตก ซึ่งเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาแล้ว อากาศหนาวเย็นเกินกว่าที่คนที่นั่งอยู่เฉยๆจะมีเหงื่อเหมือนกับไปเล่นกีฬาหนักมาเช่นนั้น แสงไฟจากตะเกียงดวงเล็กซึ่งส่องเปลวไฟวูบวาบไปมา คงเป็นสวนสาธารณะที่นี่ที่เดียวที่ยังคงให้แสงสว่างแบบไส้เทียนอยู่ ไฟถนนสาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าของเขา

    ลมยะเยือกพัดวูบเข้ามาใต้ม้านั่ง เหงื่อกาฬของเขาพาลกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งในทันที เขาตัวสั่นเทิ้ม เตรียมก้าวลุกออกจากที่นั่งตรงนั้น สายตาล่อกแล่กมองซ้ายมองขวา เขาก้าวเท้าวิ่งสุดแรงไปที่ประตูหลังอีกฟากของสวนสาธารณะ

    ผ้าคลุมสีดำปลิวตามแรงลมลอยสะบัดพริ้วมาขวางหน้าเขา ซึ่งเบิกตาโพลง ทุกสิ่งหยุดนิ่ง มือขาวนวลภายใต้ผ้าคลุมยื่นมือมาข้างหน้า ชายคนนั้น ผงะถอยหลังเมื่อได้ยินเสียงดังออกมาจากใต้ผ้าคลุม "สวัสดีครับมิสเตอร์เคล้น"

    ผ้าคลุมปลิวสะบัดไปด้านหลัง เด็กชายในชุดบาทหลวงปรากฎตัวขึ้น

    "มิสเตอร์เคล้น คุณไปสารภาพบาปที่โบสถ์บ่อยๆ ทำไมไม่กล่าวทักทายผมสักนิดละครับ" นิโคลัสยิ้มกว้าง

    "คุณพ่อ...คุณพ่อมาทำอะไรที่นี่ครับ" มิสเตอร์เคล้นยังกอดถุงผ้าสีดำในมือแน่น เหงื่อที่กลายเป็นน้ำแข็งในฉับพลันยังคงผุดออกมา

    "ขอโทษนะ แต่ผมได้ยินคุณไปสารภาพบาป ... คุณยอมขายวิญญาณให้กับปีศาจที่สี่แยก ใช่ มันไม่ใช่กิจของผมที่จะมายุ่งเรื่องนี้ แต่ผมทำไม่ได้ ส่งถุงนั่นมาให้ผมเถอะ"

    "ไม่ได้หรอกครับ ท่านให้ผมไปดีกว่า" มิสเตอร์เคล้นยังคงยืนยันหนักแน่น นาฬิกาในสวนตีเวลาเที่ยงคืน หิมะโปรยปรายลงมาเกลี่ยพื้น นิโคลัสพูดทำลายความเงียบ "คริสมาสอีฟแล้ว"

    ฉับพลันพลังความร้อนแผ่ออกมาจากถุงผ้า มันสั่นไหวไม่เป็นธรรมชาติ และผิดแผกไปจากสิ่งมีชีวิตใดๆในโลก "คุณพ่อออกไปเถอะครับ ลูกผม ลูกผมทรมานแล้ว"

    ลูกชายวัย5เดือนของมิสเตอร์เคล้นเป็นทารกที่มีสุขภาพอ่อนแอมาก ร่างกายไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถทานนมแม่ได้ แต่ออกมาจากโรงพยาบาลได้ไม่นานบุตรของเขาก็เสีย แต่เขาไม่ได้บอกภรรยาของเขา เนื่องจากมิสเคลิ้นเป็นคนที่ต้องออกไปทำงาน เขาปิดบังภรรยาโดยการฉีดฟอมาลีนให้ศพของลูกซึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ในเปลเด็กอยู่ทุกค่ำคืน มิสเตอร์เคล้นได้พบกับชายลึกลับที่หัวมุมสี่แยกระหว่างถนนสิบเอ็ดและสิบสอง เขาชะงักฝีก้าวทันทีเมื่อได้บุรุษลึกลับพูดว่า "อยากได้ลูกชายคุณคืนมาไหม?"

    ชั่วเสี้ยววินาทีที่เขากลับคิดว่าปีศาจคือพระเจ้า และเขาตัดสินใจขายวิญญาณตัวเองให้กับลูก

    สิ้นเสียงระฆังตี "คุณส่งนั่นมาให้ผมเร็ว!"

    ชายวัยกลางคนน้ำตาไหลพราก แต่เหมือนกับของเหลวทุกชนิดที่ออกมาจากร่างของเขา มันกลายเป็นน้ำแข็งแล้วก็แทบจะสลายไปในทันที เขากรีดร้อง "หลวงพ่อเป็นใครกันแน่!!"

    ศพของเด็กในถุงผ้าร้องไห้จ้าออกมา มิสเตอร์เคล้นปล่อยมือทิ้งแทบจะในทันที ผ้าคลุมสีดำของนิโคลัสสะบัดพริ้วไปรับตัวศพเอาไว้ แสงไฟจากถนนสาดส่องเข้ามากระทบเกิดเป็นเงาน่ากลัวดูพิลึก มันไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาเด็กที่เดินได้เลย มันกลับคลานต่อไปเรื่อยๆ มือควานไปมาเหมือนกำลังหาอะไรอยู่ ปากส่งเสียงร้อง "ปะป๊า ปะป๊า"

    มิสเตอร์เคล้นถลาเข้าไปอุ้ม'ปีศาจ'ทารกตนนั้นขึ้นมาชูขึ้นไปบนฟ้า "พ่ออยู่นี่ครับลูก พ่ออยู่นี่" ดวงตาของเขาทอเป็นประกายดังกับเจอสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตอยู่ตรงหน้า นิโคลัสยังยืนเฉยปรายตามองปีศาจทารกตนนั้น เขาคาดว่าอีกไม่นานต้องมีผู้ไม่หวังดีสักคนปรากฎตัวแถวนี้แน่ ตาข้างสีดำสนิทของเขาเบิกโพลงเมื่อได้ยินเสียงทารกหัวเราะอย่างมีความสุขนั้นเปลี่ยนไป

    "แก... แกเอาอะไรมาใส่ในตัวฉัน เอามาฉีดใส่ได้ทุกวี่ทุกวัน แกรู้มั้ยว่าร่างของข้าต้องทนทรมานแค่ไหน" เสียงของทารกกลายเป็นเสียงคำรามใหญ่ ร่างของทารกบวมออก เส้นเลือดปูดนูนขึ้นเด่นชัด  ปากฉีกกว้างจนถึงใบหู เขี้ยวแหลมเต็มปากนั้นอ้า สารคัดหลั่งสีเขียวเข้มและอุจจาระพรูออกมาจากทุกทวาร บาทหลวงนิโคลัสคว้าคอทารกปีศาจที่เปรอะเปื้อนด้วยสารคัดหลั่งแล้วบีบสุดแรง ของเหลวหนืดทั้งหมดกลายเป็นน้ำแข็งและสลายกลายเป็นอากาศธาตุได้ในทันที...

    "ผมเป็นบาทหลวง แล้วผมก็เป็นหมอ" นิโคลัสฉีกยิ้มกว้างให้กับมิสเตอร์เคล้นที่ทรุดลงนั่งคุกเข่า ดวงตารื้นน้ำตาเบิกโพลง ทารกปีศาจส่งเสียงด่าทอบาทหลวงจากลำคอไม่ขาดปาก นิโคลัสล้วงมือที่ว่างหยิบสนับมือเงินออกมาจากเสื้อนอก และขยับให้เหมาะมือ

    "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้า หนึ่งในบุตรของท่าน ผู้ที่รับใช้ท่านใกล้พระบาทที่สุด ข้าขอให้ท่านรับวิญญาณร้ายดวงนี้ได้พิพากษาและขอล่วงเกินสู่ ณ สรวงสวรรค์ที่ท่านอยู่ด้วยเทอญ!!" บาทหลวงว่าจบก็กระแทกหมัดเต็มแรงไปที่ปีศาจทารกน้อย มันกรีดร้องสุดเสียง อึดใจเดียวก็กลายเป็นฝุ่นผงลอยละลิ่วไปในอากาศ

    "ว่าไง มิสเตอร์เคล้น" คุณพ่อตัวน้อยเก็บสนับมือเงินกลับเข้าเสื้อนอก

    "ลูกผม ลูกผม... คุณพ่อเอาลูกผมไปไหน" มิสเตอร์เคล้นยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม จ้องมองไปที่ฝุ่นผงที่ลอยละลิ่วไปในอากาศ "บาปของคุณน่ะ ผมชำระให้แล้ว ชีวิตที่เหลือมีไว้ดิ้นรนต่อไป ไม่ใช่ไว้แลกกับปีศาจครับ..."

    นิโคลัสสะบัดพาคลุมสีดำและเร่งฝีเท้าออกจากสวนสาธารณะแห่งนั้น นิโคลัส เคลลี่เป็นผู้ที่มาจากตระกูลเวทย์มนต์ในเวลส์ แต่เค้าก็ไม่ได้คิดผิดที่เลือกทางเดินแห่งพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ปีศาจทารกตนนี้เท่านั้นที่เขาเคยเจอ ความเข้าใจผิดของคนทั่วไปที่คิดว่าปีศาจคือพระเจ้ามีอยู่ให้เห็นบ่อยครั้งไป เขาอ้าปากหาวเดินขึ้นบันไดแมนชั่น พรุ่งนี้คริสตมาสอีฟแล้วสินะ ต้องรีบตื่นเช้าไปเปิดไฟต้นคริสมาสต์ใหญ่ในโบสถ์อีก คุณพ่อตัวน้อยทิ้งตัวลงนอนบนเตียงและเข้าสู่ห้วงนิทรา...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×