ตอนที่ 45 : เกราะเทพจักระโลหิต
ตั้งเเต่โบราณ ณ กาล จักระทั้งหลายล้วนเกิดจากเเก่น สัจธรรมพลังฟ้าดินอันเป็นอเนกวัตถุธาตุวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นจักระพฤกษาหรือจักระโลหิต
พุทธะร่างน้อยนั่งประทับใต้ต้นโพธิ์ขนาดยักษ์อันมีสีเขียวมรกตทรงแย้มพระโอษฐ์ฉายเเววตาอันมากล้นด้วยความกรุณาปราณีประหนึ่งมิมีสิ่งใดในโลกที่ดูน่ารังเกียจน่าชิงชังสำหรับพระองค์ก่อนจะลุกยืนยืดฝ่ามือออกปางโปรดสัตว์ปรากฏบัวบุปผาสีมรกตใต้ฝ่าเท้าเเลดูงามสง่าให้ความรู้สึกนิ่งสงบประหนึ่งดอกไม้หมู่บุปผาต้องเเสงตะวันจันทรายามลมโชยมาเเลดูสบายตาสายน้ำรินกลิ่นดินฟุ้งกำจายขับขานบทเพลงเเห่งสัจธรรม
ขณะหลงเปาวาดมือทำตราประทับยืดฝ่ามือออกมาเช่นกันจับจ้องยังร่างอสูรสงคราม เปล่งวาจาลั่นชั้นฟ้า
"โพธิสัตว์พฤกษาชำระล้าง!"
ปัง.....
ต้นโพธิ์ขนาดยักษ์พลันสั่นไหวกำจายเเสงส่องสว่างทั่วสารทิศปลดปล่อยลำเเสงมรกตจากฝ่ามือพุทธะพลังฟ้าดินสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นระลอกคลื่นกระเพื่อมเเผ่รัศมีอันอ่อนโยน พุ่งสู่กองทัพเเดนทมิฬตรงยังร่างอสูรสงคราม
ฝ่ายมือปีศาจมองเหตุการณ์ทุกอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะสะบัดมือชี้นิ้ว พลังลมปราณจากเหล่าทหารพลันปลดปล่อยออกมาประหนึ่งธารน้ำหลาก
เปล่งวาจาร้องคำรามกึกก้องขณะมือเท้าชกอกกระทืบผืนดินนำอาวุธกกระเเทกพื้นใต้ฝ่าเท้าก่อเกิดส่งเสียงเเผ่นพสุธาสั่นไหว
เกร่ง..เกร่ง..ปัง..ปัง...
ฮึ่มฮือฮา...
"อสูรสยบฟ้าก้องภพ ! "
ตูม ...
อสูรสงครามอ้าปากออกปลดปล่อยลำเเสงสีดำทมิฬพุ่งปะทะเเสงสีเขียวจากฝ่ามือพุทธะพฤกษา
ประหนึ่งสวรรค์เเละโลกถูกเเยกเป็นสองระหว่างเขียวเเละดำทมิฬ หนึ่งดูอ่อนโยนชวนฝันอีกหนึ่งดูดุร้ายป่าเถื่อนกระหายโลหิตชนิดเพียงเเตะต้องก็ทำให้ทุกอย่างที่ขวางทางราบพนาสูร
ตูม.....ครืน
ท้องฟ้าเกิดรอยร้าวระหว่างการปะทะของลำเเสงทั้งสองสายเเผ่คลื่นพลังทำลายล้างประหนึ่งวันโลกาวินาศ เเม้นอยู่ห่างไกลหลายร้อยลี้ยังเห็นเด่นชัดกระจ่างดุจนิ้วมือฉายภาพเหนือท้องนภากาด คลื่นทำลายล้างเเผ่ไปทั่วสารทิศทั้งสองเส้นสายพลังต่างยันกันไว้มิอาจขยับหรือรุดหน้าทำลายล้างอีกฝ่ายได้ในเวลาอันสั้น
หลงเปาร่างกายพลันสั่นเทิ้มจ้องมองการปะทะเหนือ นภากาดด้วยนัยตาวูบไหวภายในใจเกิดความคิดมิอาจทำใจเชื่อได้ลงว่าจักระพฤกษากำลังรอเวลาพ่ายแพ้เเม้นจะปลดปล่อยพลังถึง 9 ใน 10 ส่วนในคราวเดียวเเต่กลับมิอาจทำอันตรายฝ่ายอสูรสงครามได้เลยเเม้เเต่น้อย
ส่วนฝ่ายกองทัพเเดนทมิฬทหารทั้งหลายกลับเหงื่อตกเพียงเล็กน้อยก่อนมือปีศาจจะสังการเร้าพลังเหี้ยมหาญบดขยี้ลำเเสงสีเขียวมรกตด้วยขุมพลังที่เหนือกว่าหนึ่งถึงสองส่วน
เเกร๊ก..เเกร๊ก..เพล้ง...ตูม...
ลำเเสงสีเขียวรูปบัวบุปผามิอาจต้านทานพลังอันบ้าคลั่งของคนนับหมื่นที่รวมใจเป็นหนึ่งได้นานนักเพียงภายในเสี้ยววินาทีก็ถูกบดขยี้ค่อยค่อยเเตกละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อย ถอยร่นกำจายคลื่นพลังอันน่าหวาดหวั่นลำเเสงสีดำทมิฬจากอสูรสงครามพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงบดขยี้ลำเเสงสีเขียวไปเรื่อยเรื่อย พระโพธิสัตว์ร่างเขียวมรกตและต้นโพธิ์ขนาดยักษ์พลันสั่นเทิ้ม
หลงเปามองดูลำเเสงสีดำทมิฬค่อยค่อยกลืนกินลำเเสงสีเขียวมรกตด้วยขุมพลังที่เหนือกว่าหนึ่งถึงสองส่วนหัวใจของเขากำลังกรีดร้องเเม้นมิยินยอมเเต่ก็มิอาจฝืนลิขิตฟ้าเมื่อต้านทานมิได้ลำเเสงสีดำทมิฬก็พุ่งทะยานทวีความเร็วรุดหน้าทะลุร่างพระโพธิสัตว์เเละต้นโพธิ์ยักษ์ก่อเสียงระเบิดสนั่นลั่นชั้นฟ้ามวลอากาศก่อตัวเป็นพายุฝนฟ้าคะนองโดยรอบ
ตูม....เเกร๊ก...เเกร๊ก
จักระพฤกษาเกิดรอยเเตกร้าวไปทั่วทิศก่อนจะถูกบดละเอียดเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระเด็นหลุดลอยออกไปในช่องว่างมิติในรูปกระบี่สีน้ำตาลชนิดสิ้นพลังมิอาจคงสภาพ
วูบ....
หลงเปากระอักโลหิตออกมาคำโตพลางเช็ดคราบเลือดที่มุมปากขณะฉาบใบหน้าเย็นชาเหี้ยมเกียมนัยตามุ่งตรงเเฝงความอาฆาตมาดร้ายก้อนศิลาจักระโลหิตพลันสั่นไหวส่งเสียง
ฟิ้งงงงง...ตูม...ปัง...ปัง
รัศมีกำจายพลังอำนาจพลันเปลี่ยนย้อมสีผืนฟ้าครามเป็นสีแดงโลหิตสดแลดูมิต่างผืนมหาสมุทรอันบ้าคลั่งอาบฉาบกลิ่นคาวโลหิตฟุ้งกระจายรางร้ายเเห่งหายนะปรากฏกายฉายชัดในม่านตาทุกผู้คน
ฝ่ายกองทัพทมิฬต่างหน้าถอดสีหัวใจร้องเตือนลั่นถึงรางเเห่งความตายกำลังมาเยือนจากพลังอันน่าสะพรึงมากมายมหาศาลยากต้านทานเเม้นผืนฟ้ายังกรีดร้องเกิดรอยร้าวปราณอุรุที่เคยเเยกออกเเบ่งกั้นเเยกผืนฟ้าท้องนภาบัดนี้กำลังถอยร่นอย่างชัดเจนเมื่อเจอขุมพลังที่ดุร้ายยิ่งกว่าเเถมยังรุดหน้าเข้ามาเร็วขึ้นเรื่อยเรื่อย
เมื่อเหล่าทหารเริ่มลนลานจนร่างอสูรสงครามส่อแววเเตกดับฝ่ายเเม่ทัพพลันตะโกนลั่น
"อยู่หรือตายวัดกันเพียงหนึ่งลมจงปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่พวกเจ้ามี ตายอย่างภาคภูมิตายอย่างนักรบสู้ให้สุดใจเเม้นตกตายก็ไร้ความกังวล ! "
เหล่าทหารที่เคยหวาดกลัวบัดนี้กลับเปลี่ยนเป็นดุร้ายยิ่งทวี
ดวงตาของหลงเปาปรากฏเส้นเลือดฝอยเปลี่ยนแปลงเป็นสีเเดงสดดุจเม็ดเลือดเเดงฉานเเลดูกระหายโลหิตมิต่างจอมปีศาจยาตราเยื้อย่างยังพื้นโลกชี้นิ้วหนึ่งเหนือศีรษะก่อหลุมพายุโลหิตหมุนวนบ้าคลั่งดูดซับพลังปราณโลหิตจากจักระโลหิตบรรพกาลสู่ร่างกายชนิดตะกะตะกามเปล่งสุรเสียงลั่น
"เกราะเทพจักระโลหิต ! "
ตูม....ปัง...ปัง...
ระลอกคลื่นพลังเเผ่กระจายประหนึ่งฉลองถึงการจุติของจอมปีศาจโลหิต
ร่างกายของหลงเปาขยายขนาดใหญ่ยักหลายสิบลี้สูงมิต่างอสูรสงครามเบื้องหน้าในร่างเกราะโลหิตเเดงสดลวดลายสี่สัตว์อสูรเทวะอันประกอบด้วย มังกร เต่าสวรรค์ พยัคฆ์ฟ้าคำรณ ปักษาวิหกเพลิง โบยบินเคลื่อนไหวใต้ผิวหนังชุดเกราะเด่นชัดประจักษ์ตาง่ายต่อการสังเกตเห็น ลอยเหนือนภากาดทอดสายตาคล้ายจะเย้ยหยันทุกสรรพสิ่งเบื้องหน้าตนซึ่งก็มิต่างมดปลวก
เผชิญพญาราชสีห์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
