ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่มขี้งอนกับยายปากแข็ง

    ลำดับตอนที่ #8 : มื้ออาหารที่แสนยาวนาน

    • อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 48


                       “^-^” นายคิมยิ้มอย่างดีใจ ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาคิดยังไงกันแน่ คนเขากำลังร้องไห้อยู่แทนที่จะให้กำลังใจกลับยิ้มเยาะซะอย่างนั้น



                       “ยิ้มอะไรล่ะT^Tคนเขาร้องให้ยังจะมายิ้มเยาะอีกเหรอ”



                       “ฉันไม่ได้ยิ้มเยาะเธอสักหน่อยฉันแค่ดีใจ”



                       “ดีใจอะไรล่ะ ดีใจที่ตัวเองป่วยหรือไง” ฉันไม่เข้าใจเลยว่านายคิมดีใจเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นว่าจะมีเรื่องอะไรที่น่าดีใจตรงไหนเลย



                       “เธอนี่จริงๆเลยนะ เมื่อกี้ยังเป็นห่วงฉันอยู่เลย แล้วทำไมตอนนี้ถึงทำท่าเหมือนไม่ชอบฉันอีกแล้วล่ะ”



                       “ใคร(-  ) (-_-) (  -) ใครเป็นห่วงนาย ฉันหรอ ฉันพูดตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นรู้เลยล่ะ”



                       “เธอนี่ปากแข็งจริงๆเลยนะ”



                       “เออน่าไม่ต้องพูดแล้ว กินข้าวดีกว่า”



                       “โอ๊ย!!!” นายคิมขยับตัวแล้วร้องขึ้น



                       “นายเป็นอะไรน่ะ” ฉันรีบถามเขาทันที



                       “ฉันเจ็บหลังน่ะ ไม่รู้ไปโดนอะไรมา”



                       “นายจำไม่ได้จริงๆหรอ” ฉันก้มหน้ามองพื้น



                       “อ๋อ ฉันจำได้แล้ว เมื่อเช้าที่เธอตีฉันใช่มั้ย”



                       “(_ _) (-_-) (_ _)” ฉันพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบถาดอาหารที่โต๊ะ



                       “อ่ะ กินซะ” ฉันยื่นถาดอาหารไปที่หน้าของนายคิม



                       “ฉันยกมือไม่ขึ้นน่ะ” นายนั่นทำสายตาวิงวอน



                       “กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน” ฉันสะบัดหน้าหนี



                       “เธออยากให้ฉันตายหรือไง”



                       “อือ อือ ก็ได้” ฉันหันหน้าไปหานายคืม แล้วตักข้าวต้มไปจ่อปากนายคิม



                       “อ้าปากสิ ไม่อ้าแล้วจะกินยังไงเล่า หรือจะให้ฉันป้อนทางจมูก”



                       “ถ้าเธอกล้าก็ลองดู..(อุ๊บ)..” ยังไม่ทันที่นายคิมจะพูดจบ ข้าวต้มก็เข้าไปอยู่ในปากของนายคิมเรียบร้อยแล้ว



                       “แคก แค่ก (นายคิมสำลักข้าวต้ม) นี่จะป้อนก็ป้อนให้มันดีดีหน่อยสิ เดี๋ยวถ้ามันติดคอ ฉันหายใจไม่ทันจะทำยังไงฮะ” นายคิมพูดใส่ฉันอย่างไม่พอใจ ก็ช่วยไม่ได้ก็ไม่ยอมกินเองนี่นา ก็แค่เจ็บหลังไม่ได้เจ็บมือสักหน่อย ทำไมถึงกินข้าวเองไม่ได้ หาเรื่องจะใช้ฉันก็บอกมาดีกว่า



                       “สมน้ำหน้าก็ช่วยไม่ได้นายอยากไม่ยอมอ้าปากเองทำไใล่ะ ฮะๆๆๆๆๆ”^-^



                       “นี่เธอทำฉันเกือบตายแล้วยังจะมาหัวเราะอีกหรอ” นายคิมทำหน้าบึ้งแล้วหันหน้าไปทางอื่น ผู้ชายอะไรขี้งอนง่ายจังเลย



                       “ฉันไปดีกว่าไม่อยากจะอยู่เถียงกับนายแล้ว ส่วนเรื่องข้าวถ้ากินไม่ได้เดี๋ยวฉันจะไปตามพยาบาลมาให้เขาช่วยป้อนให้ก็แล้วกัน ฉันไปล่ะแล้วเดี๋ยวจะมาเยี่ยมใหม่”



                       ฉันเดินออกจากห้องมาโดยไม่ได้ยินเสียงลาจากนายคิมสักคำ ฉันไปจัดการค่ารักษาพยาบาลแล้วไปตามพยาบาลให้ไปป้อนข้าวให้นายคิม



    เฮ้อ…วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันและ ขอกลับบ้านไปพักผ่อนก่อนดีกว่า



    วันรุ่งขึ้น



                        ฉันตื่นแต่เช้ามาแต่งตัว ฉันลังเลอยู่นานว่าจะใส่ชุดไหนดีระหว่างชุดนักเรียนกีบชุดไปรเวท แต่ในที่สุดฉันก็เลือกใส่ชุดไปรเวท แล้วเดินทางไปโรงพยาบาล ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องรีบมาด้วย แต่ฉันก็ไม่อยากอยู่บ้าน



                       “ลุงคะ ไปโรงพยาบาลด่วนเลยค่ะ” เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันพุดว่าอะไรนะ ด่วนเหรอ ทำไมต้องด่วนด้วยล่ะ



                       เอ๊ะ วันนี้วันจันทร์ นี่ แล้วทำไมฉันถึงไม่ไปโรงเรียนล่ะฉันจะไปโรงพยาบาลทำไม ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องบอกให้คุณลุงไปที่โรงเรียนถึงจะถูก แต่ปากของฉันมันก็ไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่ง มันไม่ยอมขยับแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าที่โรงพยาลบาลมีอะไรนักหนาฉันถึงอยากไปที่นั่นจัง



                       “ถึงแล้วหนู” ลุงคนขับรถหันมาบอก



                       “อะ นี่ค่ะ” ฉันยื่นเงินให้ลุงแล้วลงจากรถ ฉันเดินไปที่ห้องของนายคิม มือของฉันไม่รอช้าจับลูกบิดแล้วเปิดทันที นายคิมกำลังหลับอยู่ ฉันเดินให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะฉันไม่อยากไปรบกวนการนอนของเขา ฉันเดินไปนั่งโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างมองดูเมืองอันแสนกว้างใหญ่ที่มีแต่ความวุ่นวาย รถราวิ่นสวนกันวุ่นอยู่เต็มถนน ไม่หน้าเชื่อเลยว่าโลกของเราจะมีความวุ่นวายได้มากขนาดนี้ ฉันค่อยๆหลับตาลงและจินตนาการเมืองอันแสนสงบที่ในตอนนี้ไม่มีอีกแล้วแม้กระทั่งในต่างจังหวัดก็แทบจะไม่มี แต่ฉันก็ต้องตื่นขึ้นจากจินตนาการของฉันเพราะมีเสียงบางอย่างเกิดขึ้นภายในห้อง



                       “แม่ครับ ผมคิดถึงแม่ครับ แม่อย่าทิ้งผมไปนะครับ ผมขอโทษ แม่กลับมาหาผมนะครับ แม่! แม่!! แม่!!!” ฉันหันไปทางต้นเสียงเห็นนายคิมกำลังเพ้อถึงแม่ของเขา เขายกมือขึ้นไข่วขว้าอากาศที่ว่างเปล่า โถ น่าสงสารจริงๆ ฉันอยากรู้จังว่าทำไมนายคิมถึงเอาแต่เพ้อถึงแม่นะ ฉันว่าเดี๋ยวถามให้แน่ใจดีกว่า



                       แล้วประตูห้องก็เปิดขึ้น นางพยาบาลถือถาดอาหารเข้ามาด้วยหน้าตายิ้มแย้ม



                       “อ้าวมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ดิฉันไม่เห็นเลย แหมเป็นห่วงกันจังเลยนะคะ อิจฉาคนไข้จังที่มีแฟนคอยดูแลอยู่ตลอดเลย”



                       “ไม่ใช่ ///-_-/// อย่าง …” ฉันพูดยังไม่ทันจบพี่พยาบาลก็พูดแทรกขึ้น



                       “แหมไม่ต้องเขินหรอกค่ะ อ้าวคนไข้ตื่นพอดีเลย งั้นพี่ฝากด้วยนะคะ ช่วยให้เขากินเยอะๆหน่อยนะคะ เมื่อวานกินไปนิดเดียวเอง เดี๋ยวร่างกายจะไม่แข็งแรงนะค่ะ พี่ไปก่อนะคะ”^-^



                       “เดี๋ยวสิคะ” พี่พยาบาลเดินออกไปจากห้อง ไม่ยอมฟังเสียงเรียกของฉันเลย แล้วฉันจะทำไงดีเนี่ย ให้ฉันป้อนข้าวนายคิมอีกแล้วเหรอ แถมยังหาว่าฉันเป็นแฟนกับนายคิมอีก ฉันว่านายคิมจะกินน้อยยิ่งกว่าเก่าอีกมั้ง



                       “นี่ ยืนทำอะไรอยู่ฉันหิวแล้ว” นายคิมพูดใส่ฉันอย่างไม่พอใจ แหมตื่นขึ้นมาก็บ่นเชียวนะ ผู้ชายอะไร



                       “แล้วอาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นบ้างมั้ย” ฉันเดินเข้าไปหานายคิม



                       “อือ ก็เหมือนเดิมไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นเลย”

                      

                       “ก็แหงแหละ ก็ไม่ยอมกินข้าวเองแล้วจะหายได้ยังไงล่ะ”



                       “ฉันจะกินหรือไม่กินมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอ เพราะยังไงเธอก็ไม่สนใจอยู่แล้วหนิ” นายคิมพลิกตัวหันหลังให้ฉัน เฮ้อผู้ชายอะไรงอนอีกและ



                       “นี่แล้วจะกินมั้ยข้าว ไหนบอกว่าหิวไง”



                       “ฉันอิ่มแล้ว”



                       “นายยังไม่ได้กินอะไรเลย จะอิ่มได้ยังไงกัน”



                       “เธอไม่ต้องทำเป็นห่วงฉันก็ได้ ลำบากเปล่าๆ”



                       “ถ้าฉันป้อนให้ล่ะ นายจะกินมั้ย”



                       “ไม่เป็นไรไม่ต้องลำบากหรอก”



                       “ฉันพูดจริงๆนะ ตกลงจะกินหรือไม่กิน”



                       “ก็ได้ เธอนี่น่ารำคาญจริงๆ” นายคิมพลิกตัวกลับมานอนหงาย ฉันเดินไปหมุนปรับระดับเตียงให้หัวเตียงสูงขึ้น



                       “ หิวก็บอกมาเถอะ ไม่เห็นต้องอายเลย อ่ะกินซะ” ฉันพูด พลางตักข้าวใส่ปากนายคิม นายนี่ถ้าจะบ้ากินข้าวไปยิ้มไป งงจริงๆ ฉันตักข้าวคำต่อไปรอนายคิม แต่นายคิมก็กินไม่หมดสักที ฉันพยายามไม่ใส่ใจรอจนเกือบนาที จนฉันทนไม่ไหว



                       “นี่ ชาติที่แล้วนายเกิดเป็นลารึไงถึงเคี้ยวข้าวช้าแบบนี้”



                       “เปล่าสักหน่อย^-^” นายคิมยังคงไม่เลิกยิ้ม



                       “แล้วเป็นอะไรยิ้มอยู่นั่นแหละ เลิกยิ้มได้แล้ว”



                       “ฉันจะยิ้มแล้วจะทำไม ข้าวหมดแล้วตักมาสิ”



                       “คราวนี้เคี้ยวเร็วๆนะไม่งั้นก็กินเองเลยละกัน” นายคิมอ้าปากรอให้ฉันตักข้าวให้โดยไม่พูดอะไร แล้วเวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่านายคิมจะกินข้าวหมดจาน เฮ้อ..ช่างเป็นผู้ชายที่กินข้าวได้ช้าจริงๆ แต่ตอนนั้นที่กินข้าวด้วยกันที่โรงเรียนฉันก็เห็นนายคิมกินเร็วดีนี่นาแล้วทำไมวันนี้ถึงกินช้าจัง หาเรื่องแกล้งฉันอีกแล้วแน่ๆเลย หึ นี่เพราะว่าไม่สบายหรอกนะถึงยอมไม่งั้นเจอดีแน่ จริงๆแล้วฉันก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ยที่ทำให้นายคิมกินข้าวหมดได้^-^ เออใช่ ลองถามเรื่องแม่นายคิมดูดีกว่า



                       “นี่นายไม่ได้อยู่กับแม่หรอ ทำไมนายถึงชอบละเมอถึงแม่จัง” นายคิมเปลี่ยนสีหน้าไปทันที แววตาของเขาดูเศร้ามาก แล้วเขาก็เริ่มพูดขึ้น v_v

                       “ฉันว่าเธออย่ารู้เลยนะ มันไม่ใช่เรื่องของเธอ”



                       “แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ”



                       “ที่พูดมาเนี่ยเธอแน่ใจเหรอ”



                       “อือ^-^ก็แน่ใจน่ะสิ ถ้าไม่แน่ใจแล้วจะพูดเหรอ หรือว่านายไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อน”



                       “ฉันว่าฉันน่าจะเป็นคนถามเธอมากกว่านะ ฉันว่าเธอต่างหากที่ไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อน”



                       “แล้วนายรู้ได้ไง นายไม่ใช่ฉันสักหน่อย”



                       “ก็การกระทำของเธอไง”



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×