คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : 7ปีที่รักเธอ
1
วันต่อมา
เวลา 7:30 น.
ติ๊งต่อง!!
เสียงกดกริ่งดังมาจากหน้าบ้าน ไวท์มาถึงแล้วเหรอ ^_^ ฉันยังนอนดิ้นบนเตียงสีชมพูอันแสนนุ่มอยู่เลย ฉันกระโจนเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง เป็นเวลาพอดีกับที่ไวท์ขับรถเข้ามาจอดไว้ในบ้าน สงสัยล่ะสิ ^O^ ว่าไวท์ขับรถเข้ามาในบ้านได้ยังไง …
พี่มาย แม่บ้านที่ฉันจ้างมาดูแลบ้านและดูแลฉันในตอนกลางวัน วิ่งไปเปิดประตูหน้าบานให้ไวท์ขับรถเข้ามาในบ้านอย่างรู้งาน -*-
“พี่มาย…แพร์ขอข้าวต้มสองถ้วยนะคะ” ฉันบอกเมนูอาหารที่ต้องการกินกับไวท์ในตอนเช้าให้พี่มายทำ
“เอาข้าวต้มอะไรคะน้องแพร์”
“ของไวท์เป็นข้าวต้มกุ้ง ส่วนของแพร์ข้าวต้มหมูคะ ^^”
“จัดไป อีกครึ่งชั่วโมง อาหารพร้อมทานคะ”
“ขอบคุณคะ พี่มาย ^^” พี่มายเดินอย่างรีบเร่งเข้าไปในครัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ไวท์ก้าวเข้ามาในบ้าน
ไวท์ใส่เสื้อยืดลายขวางสีฟ้าสลับขาวกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ผมถูกเซ็ทขึ้นมาแบบลวกๆ ตามสไตล์ของเขา อยากบอกเขาจังว่าวันนี้นายหล่อใช้ได้จริงๆ เขาถือถุงใบใหญ่เข้ามาในบ้านก่อนจะยื่นถุงนั้นมาให้ฉัน
“เอาไปลองใส่ดู”
“เอ๋…”
“ชุดนักเรียนไง”
“อ่อ ขอบคุณนะคะ ที่รัก” ฉันเขย่งตัวขึ้นไปจุ๊บแก้มไวท์หนึ่งครั้ง แล้วคว้าถุงนั่นจากเขาก่อนจะวิ่งมานั่งตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ด้วยความเคอะเขิน ^////^
“….!!!” ฉันสังเกตเห็นสีหน้าของไวท์จากที่ขาวซีดกลายเป็นแดงจัด สงสัยจะเขินที่ฉันจุ๊บแก้มเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
หลังจากนั้นเราสองคนต่างก็เงียบไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน มันเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ในห้องนั่งเล่นดังกว่าเสียงหายใจของพวกเราด้วยซ้ำ -*-
“ไวท์...กินข้าวมาหรือยังคะ”
“ยังเลย กะจะมากินที่รักแทนได้มั้ยอ่ะ”
ไวท์อ่ะ..จะให้ฉันเขินไม่ต้องเงยหน้ามามองหน้านายเลยใช่มั้ย ? หยอดอยู่นั่นแหละ คำหวานๆ ของนายเนี่ย แต่ฉันก็ชอบให้นายหยอดแบบนี้ไปตลอดน่ะ ^_^
“นี่แหน่ะ ^////^” ฉันตีแขนเขาดังป้าบ สักพักแขนของเขาแดงจนเป็นรอยมือของฉันอย่างชัดเจน เค้าขอโทษนะตัวเอง ก็เค้าเขินตัวเอง~~~
“ที่รักตีฉันเหรอ ต้องลงโทษที่รักก่อนจะปล่อยให้กินข้าวเช้าแล้วล่ะมั้ง” ไวท์เข้ามานั่งข้างฉันแล้วโน้มตัวลงมาแนบชิดจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเขา
“นะ..นายจะทำอะไรอ่ะ ^///^” ฉันเบี่ยงหน้าไปอีกทางแต่ไม่พ้น โดนจนได้...
จุ๊บ xD
“ตอนแรกแค่จะจ้องหน้าเท่านั้นเอง แต่แพร์รี่เบี่ยงหน้าหลบไวท์เอง ช่วยไม่ได้ ^^+” ไวท์พูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ฉันไม่น่าเบี่ยงหน้าหลบเขาเลยจริงๆ หน้าแดงราวกับคนโดนตบสักร้อยที (แค่ห้าครั้งก็แดงแปร๊ด นี่ร้อยที คงแดงยันชาติหน้า -*-)
“งั้นแพร์รี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน ไวท์รอตรงนี้นะ =///=”
“ไวท์เปลี่ยนให้แพร์รี่คนสวยดีกว่านะ ^^+” ไวท์ค่อยๆ เลื่อนมือมายังปลายเสื้อข้างหลังของฉัน ก่อนจะเอามือเข้าไปในเสื้อแล้วปลดตะขอยกทรงของฉัน แฟนฉันหื่นแล้ววววว TT
“ไวท์คะ เอามือปลาหมึกของคุณออกจากเสื้อ…..” ยังไม่ทันพูดจบ ไวท์กระชากฉันเข้าไปจูบ ปากนุ่มๆ ของเขาทำให้ฉันยังจำจูบแรกที่เราสองคนจูบกันได้อย่างดี ไวท์ไม่จูบรุนแรงแบบพระเอกนิยายเรื่องอื่นๆ รสจูบของเขาช่างอ่อนหวานนุ่มนวลทำฉันเคลิ้มจะหลับในอ้อมกอดของเขา รักนายนะ…นายไวท์ ^////^
ไม่นานเลยที่ฉันจะได้ชิมรสจูบหวานๆ ของเขา ก่อนที่จะมีบุคคลที่สามมาคั่นจังหวะการจูบครั้งนี้ คนๆ นั้น ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่บ้านที่ฉันสั่งให้เธอไปทำข้าวต้ม
“ชะอุ๊ย!! ตาเถรตก ยายชีตาย”
“ไม่มีใครตายค่า พี่มาย -*-” ฉันเด้งตัวขึ้นก่อนจะเกี่ยวตะขอยกทรงให้เหมือนเดิม
“อ่อค่า…ข้าวต้มเสร็จแล้วนะคะ เชิญน้องแพร์กับน้องไวท์ไปทานข้าวคะ ไม่ใช่ทานกันเอง”
“พี่มาย!!”
“อุ๊ย!!...พี่ขอโทษค่า ไปกวาดบ้านต่อดีกว่า”
“ไวท์ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน แพร์จะไปเปลี่ยนชุด”
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แพร์ใส่ชุดไหนก็น่ารักเสมอ :)”
“บ้าน่า ^////^”
“ไปกินข้าวกับฉันนะ ที่รัก”
ณ ห้องอาหารของบ้านจริยวิทยา
“ไวท์ นายรู้มั้ย? วันนี้วันอะไร”
“วันจันทร์ ^^”
“ไม่ใช่ๆ”
“วันที่สิบ ^[]^”
“ก็ไม่ใช่!!”
“วันอะไรอ่ะ”
“ไวท์!!...ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่คะ”
“…..”
ไวท์ไม่พูดและทำหน้าสงสัยว่าใครคงจะมาเข้าสิงฉัน ถึงได้อารมณ์เปลี่ยนเร็วอย่างกะจรวด ทั้งๆ ที่ตอนแรกยังมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง กับเขาที่โซฟาอยู่เลย
ก็มันน่าให้โกรธและโมโหมั้ยล่ะ….
ถ้าเกิดว่าแฟนจำวันครบรอบไม่ได้ แถมจำไม่ได้ทุกปีด้วยนะ นักอ่านจะรู้สึกยังไง!? ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเลย…ก็รู้นะว่าผู้ชายไม่ซีเรียสเรื่องวันครบรงครบรอบอะไรนี่ แต่ต้องเข้าใจบ้างสิว่าคนคบกันก็ต้องจำวันใดวันหนึ่งให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดแฟนหรือวันครบรอบ แต่นายไวท์ไม่เคยจำได้เลย แม้กระทั่งวันเกิดฉันยังต้องให้บอก T[]T
“เรารักกันจริงๆ ป่ะ” ฉันถามประโยคที่พอพูดออกไปแล้วรู้สึกเหมือนมีใครมาแทงหัวใจของฉันจนกระอักเลือดและตายอย่างช้าๆ
“แพร์ก็รู้นะว่า….ไวท์รักแพร์คนเดียว =_=^” ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความรำคาญ
“รู้!! แต่ไวท์ไม่รู้เลยเหรอว่าวันนี้วันครบรอบที่เราเป็นแฟนกัน เจ็ดปีแล้วนะ!!”
“แค่ลืมวันครบรอบไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมแพร์รี่ได้นะ ทุกวันนี้แพร์รี่อยู่ในใจผมคนเดียว”
“มาประโยคนี่อีกแล้วนะ พูดจากใจหรือเปล่าเถอะ หรือว่าพูดแบบอัดเทปแล้วพูดคะ!!”
เงียบอีกแล้ว พูดไม่ออกสินะ….ไวท์!!
“ข้าวต้มมาแล้วค่า ข้าวต้มกุ้งของน้องไวท์ ส่วนข้าวต้มหมูของน้องแพร์”
“ขอบคุณคะพี่มาย แต่แพร์ไม่กินแล้ว”
“ทำไมอ่ะคะ!?”
“แพร์ไม่หิวแล้วคะ ขอตัวนะคะ” ฉันลุกยืนมองหน้าไวท์ก่อนจะหันหลังกลับเดินไปหยิบถุงชุดนักเรียนแล้ววิ่งขึ้นห้อง
ฉันไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเขา ฉะนั้นการขึ้นไปร้องไห้บนห้องมันน่าจะดีกว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อึมครึมและคนที่ทำให้สถานการณ์มันเป็นเยี่ยงนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้เลย…ฉันนั่นเอง…
ห้องนอนแพร์รี่ ชั้นสอง
ฉันกระโจนไปนอนบนเตียงแล้วก้มหน้ากับหมอนร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง…ทุกคนคงจะคิดว่าฉันบ้ามากที่ร้องไห้กับเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ TT
ใช่!!...ฉันมันบ้ามาก (ก.ไก่ ล้านตัว)
ทำยังไงได้!! ฉันเป็นคนคิดมาก อะไรเข้ามาทำให้ความรู้สึกฉันเปลี่ยนไปจากเดิมฉันก็คิดแล้ว…ก็รู้น่ะว่าไวท์ไม่มีใคร ไม่เจ้าชู้เลยสักนิด แต่ฉันยังคิดมากเลย…แล้วถ้าไวท์แอบซุกผู้หญิงไว้โดยที่ฉันไม่รู้แล้วอ้างว่ารักฉันคนเดียว มีฉันอยู่ในหัวใจคนเดียว จะให้ทำยังไงล่ะ…ถึงตอนนั้นฉันคงได้คิดมากจนฆ่าตัวตายแน่!!
พอๆๆ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ร้องไห้ไป ผู้ชายที่อยู่ข้างล่างไม่ขึ้นมาง้ออยู่ดี…
ฉันลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ กวักน้ำมาล้างหน้าก่อนจะเอาผ้ามาเช็ดหน้าจนไม่เหลือคราบน้ำตาอีกแล้วออกจากห้องน้ำ เห็นถุงกระดาษใบหนึ่งอยู่บนเตียง ถุงที่ฉันหยิบมาจากโซฟาที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง …..
ถุงชุดนักเรียน -_<
ฉันกระโดดขึ้นไปยืนบนเตียงจับถุงนั่นคว่ำลงจนของทุกอย่างที่อยู่ในนั้นหล่นลงบนเตียง ฉันกวาดสายตาดูแล้วมันมีมากกว่าชุดนักเรียน เพราะในถุงนั้นไม่มีชุดนักเรียนอยู่เลย…O_O
ของที่หล่นมานั้นเป็นของที่เราสองคนสะสมกันเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน เขายังเก็บไว้ตั้งแต่ปีแรกที่เราครบกันจนมาถึงปีล่าสุด ซึ่งฉันรู้ได้ยังไง…เพราะฉันจำของทุกชิ้นได้หมด แต่เขาเอามาให้ฉันทำไม?
ในเมื่อฉันก็มีของฉัน และเขาก็มีของเขา (ไม่ใช่เนื้อเพลงนะจ๊ะ)
หรือว่า…นี่คือการบอกเลิกทางอ้อม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ใครคะ!?”
“พี่มายเองค่า คุณน้องแพร์”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“คุณน้องไวท์ ให้พี่เอาข้าวต้มหมูมาให้คุณน้องแพร์คะ”
“ขอบคุณนะคะ พี่มายวางไว้หน้าห้องเลยคะ แพร์ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นคะ”
แกร๊ก แกร๊ก
แอ๊ด!!
“ใครอนุญาตให้พี่มายเข้ามาคะ” พี่มายเอาสีข้างผลักประตูเปิดเข้ามาในห้อง จากนั้นเธอถือถาดข้าวต้มมาวางตรงโต๊ะเครื่องแป้ง
“พี่อนุญาตตัวเองแล้วคะ พี่วางข้าวต้มไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ หิวก็มาทานล่ะ พี่เป็นห่วง คนที่เป็นห่วงน้องแพร์มากกว่าพี่คือ…” ฉันพูดแทรกตัดบทไม่ให้พี่มายพูดถึงใครคนนั้น ==^
“ออกไปได้แล้วคะพี่มาย”
“คะๆ คุณน้องแพร์” น้ำเสียงของคุณเธอช่างหนักแน่นประมาณว่า ‘เออไปก็ได้ว่ะ’ แล้วค่อยๆ ปิดประตูอย่างช้าๆ
ในห้องนี้เหลือแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นอีกแล้ว -*-
ข้าวต้มหมู ของโปรดที่ฉันชอบกินทุกเช้าก่อนไปมหาวิทยาลัย วันนี้ยังไงฉันก็ไม่กินข้าวต้มหมูถ้วยนี้เด็ดขาด ไม่อยากกินไปร้องไห้ไป ยิ่งอารมณ์ฉันตอนนี้โคตะระเซนซิทีฟ อารมณ์ขึ้นลงอย่างกับคนแพ้ท้อง เอ้ย… ฉันไม่ได้ท้อง แค่เปรียบเทียบเฉยๆ ==^^^
สามสิบนาทีต่อมา
9:00 a.m.
โครก….คราก….
เสียงท้องร้องหรือว่าเสียงคนตำน้ำพริก เสียงดังออกมาจนได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านชัวร์ๆ หิวแล้วววว ฉันอยากกินข้าว ตอนนี้ข้าวต้มหมูที่พี่มายเอามาวางไว้เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วอืดคาถ้วยอย่างกับไข่ตุ่นที่ฟูสุกคาถ้วย
โครก….คราก….
ร้องอีกแล้วนะ…ฉันไม่ใช่ครกนะเว้ยไม่ต้องมาตำน้ำพริกในท้องนะเว้ย ทนไม่ไหวแล้ว…หิวข้าว หิวมาก ข้าวต้มอืดแล้วก็อืดสิ ฉันจะกินซะอย่าง แล้วถ้ากินปุ๊บท้องเสียปั๊บ…ค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้กินข้าวก่อนดีกว่า T[]T
ฉันลากตัวเองมายังโต๊ะเครื่องแป้ง พอมาถึงไม่พบถ้วยข้าวต้มสักถ้วย มีเพียงแต่….
สมุดโน้ตที่หน้าปกเป็นรูปฉัน ซึ่งสมุดเล่มนี้ฉันไม่เคยมี สงสัยว่า…ไวท์จะฝากพี่มายเอาขึ้นมาให้ฉัน และอีกอย่างที่ฉันเจอก็เป็น โทรศัพท์ I-Phone 5 ของไวท์ โดยหน้าจอเป็นรูปฉันในสมัยในไม่รู้ จำไม่ได้!! ฉันหยิบสมุดโน้ตออกจากถาด เพ่งดูรูปตัวเองที่ไวท์ตัดแปะไว้หน้าปก สมุดโน้ตเล่มนี้ถูกเคลือบอย่างดีไม่มีรอยเปื้อนแม้แต่หยดเดียว…ฉันค่อยเปิดสมุดโน้ตเล่มนี้อย่างระมัดระวังกลัวมันจะขาดเสียก่อน เพราะสมุดเล่มนี้หนามากและดูวี่แววแล้วจะต้องขาดเข้าสักวัน พอเปิดมาหน้าสองมีรอยปากกาน้ำเงินเต็มหน้า และมีภาพวาดที่จะเป็นใครวาดไปไม่ได้นอกจากเจ้าของสมุดโน้ตเล่มนี้
ภาพวาดนั้นเป็นรูปฉันอีกเช่นเคยแต่เป็นฉันในจินตนาการของเขา อ้อ!!...ฉันรู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็เขาเขียนกำกับไว้เหนือภาพวาดนั้น ในภาพวาดฉันใส่ตัวอ้วนกลมอย่างกับโดเรมอนบวกไจแอนท์
หี๊ยยย….
นายว่าฉันอ้วนหรือไงย่ะ ==^^^
ฉันไม่ได้อ้วนแค่กินเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง อิๆ
เอ๊ะ… ในรูปนั้นฉันไม่ได้อ้วนทั้งตัวแต่อ้วนแค่พุง หรือว่าในรูปวาดนั้นเขาจงใจจะวาดฉันท้อง…ฉันเหลือบเห็นข้อความใต้ภาพ
‘ฉันอยากมีแต่งงานกับเธอ
อยากอยู่กับเธอไปจนแก่
อยากมีลูกกับเธอ
ต่อให้เธอแก่ เธออ้วน
หรือว่าตอนเธอท้อง
ฉันก็ยังจะรักเธอ’
บ้าที่สุด…ปล่อยให้ฉันโกรธ ฉันงอนนาย แล้วเอาไดอารี่ส่งผ่านพี่มายมาให้ฉันอ่าน ฉันหายโกรธ หายงอนนายแล้วก็ได้ ฉันเลิกอ่านสมุดโน้ต เอาหน้าสมุดปิดทับกัน ฉันไม่อ่านอีกแล้ว เพราะหน้าอื่นๆ เป็นการจดความรู้สึกแต่ละวันที่เขาอยู่กับฉัน ซึ่งแต่ละความรู้สึกถ้าอ่านแล้วอยากจะอ้วกจนหมดไส้หมดพุงแน่ ^////^
ฉันเอื้อมหยิบโทรศัพท์ I-Phone 5 ซึ่งอยู่ข้างๆ กับสมุดโน้ตน้ำตาลหกนั้น ก่อนจะกดเปิดล็อคโทรศัพท์ I-Phone 5 แล้วกดเบอร์ฉัน ซึ่งโทรศัพท์ SumSung S5 ของฉันนอนนิ่งหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น และฉันเดาว่าเขาคงยังอยู่ในบ้านและยังคงนอนดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น เพราะปกติเขาไม่เคยกลับบ้านโดยที่ไม่บอกลาฉัน
ติ๊ด…ติ๊ด….ติ๊ด…
(สวัสดีครับที่รัก) ฉันยังไม่ได้กรอกเสียงใส่ในโทรศัพท์เลยสักนิดแต่ฝั่งนู้นกรอกเสียงที่คุ้นเคยดังลอดผ่านสายโทรศัพท์มาทำให้น้ำตาที่รื้นๆ ของฉันแห้งเหือดและกลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจที่ได้ยินเสียงของเจ้าของโทรศัพท์ซึ่งฉันกำลังถือมันแนบกับหูอยู่นั่นเอง ^_^
นั่นแสดงว่าไวท์นอนรอให้ฉันโทรหาเขาสินะ ^^
“ไวท์”
(คิดถึงที่รักจังเลย) เสียงออดอ้อนของชายหนุ่มซึ่งฉันไม่ค่อยได้ยินนานแล้ว
“ฉันไม่เคยรู้เลยว่า…นายชอบเขียนไดอารี่”
(ฉันไม่ชอบเขียนไดอารี่นะ แต่อยากเขียนไว้ให้เธออ่านตอนที่เธอโกรธ และวันนี้ก็ได้ให้เธออ่านจริงๆ แล้วฉันเริ่มเขียนตอนที่ได้เจอเธอวันแรก จนถึงวันนี้ยังเขียนอยู่เลย เวลาเธองอนเรื่องวันครบรอบอ่ะ ฉันไม่รู้จะง้ออะไรเธอดี เธอรู้นี่ว่าฉันง้อใครไม่เป็น ง้อเธอยิ่งไม่กล้าง้อเลย กลัวเธอจะโกรธ ก็เลยต้องพูดประโยคที่เธอจำได้…)
“แค่ลืมวันครบรอบไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมแพร์รี่ได้นะ ทุกวันนี้แพร์รี่อยู่ในใจผมคนเดียว”
(นั่นแหละ…เป็นประโยคง้อซึ่งเลี่ยนสุดๆ ฉันพูดทีไร อยากจะเอาน้ำกลั้วคอแล้วล้วงคอให้อ้วกออกมาทุกที)
“หายงอนก็ได้”
(จริงเหรอ)
“ไม่จริงมั้ง”
(แพร์…หิวข้าวมั้ย?)
ไวท์เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหัน ฉันไม่ได้ตั้งตัวอะไรเลย คำถามง่ายๆ ออกมาจากปากของเขา แฝงด้วยความเป็นห่วง ซึ่งฟังจากน้ำเสียงเรียบของเขา ^w^
“หิวมากเลย อยากกิน”
(กินไรล่ะ ข้าวหรือฉัน)
“ตาบ้า!!...กินข้าวสิ”
(ฉันจะชวนเธอไปกินข้าวร้านเจ้าประจำของเรา เธอจะไปมั้ย)
ร้านเจ้าประจำของเรา อยู่หน้าหมู่บ้านที่ฉันอาศัย เป็นร้านเล็กขนาดสองถึงสามห้องแถว ขายทุกอย่างที่ทุกคนอยากกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่ง อาหารอิตาลี อาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารจีน เอาเป็นว่า…มีอาหารทุกสัญชาติให้ทาน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันนั่นเอง :) ฉันได้อภิสิทธิ์ทุกอย่างภายในร้าน ตั้งแต่ค่าอาหารจนถึงมีห้อง VIP ที่ไว้ใช้สวีทกับไวท์หรือไม่ก็พาเพื่อนมาปาร์ตี้ ^^
“ไม่ไปได้ไง สุดหล่อชวนทั้งที ^-^”
(ครับที่รัก ฉันจะสตาร์ทรถรอนะ)
“อีกห้านาทีจะลงไปนะคะ ไวท์”
(บาย…ที่รัก)
ฉันกดวางสายจากไวท์ วางโทรศัพท์ของเขาไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิม และพุ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาเข้าห้องน้ำ แล้วออกมาโบ๊ะแป้งทาลิปสติกสีชมพูเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะหยิบกระเป๋าแชแนลที่แควนไว้ข้างโต๊ะเครื่องแป้งมาสะพาย ยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที ^^ แล้วก้าวออกจากห้อง
“พี่มาย...อยากทานอะไรมั้ยคะ” ฉันก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วตะโกนถามพี่มาย
“ไม่ดีกว่าคะ พี่ไม่อยากขัดจังหวะการสวีทของพวกน้องๆ เชิญสวีทกันให้เต็มที่น้า ^^” พี่มายวิ่งออกจากครัวมาอวยพรให้พวกเราสวีทกันเต็มที่ โอ๊ยยยย…พี่มาย น้องอยากจะเพิ่มเงินรายวันให้พี่จริงๆ อวยพรจนหน้าฉันแดงยังกับโดนบรัชออนตกใส่
ฉันสวมรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วกระโดดออกจากบ้านด้วยสีหน้าที่เปรมปรีด์ พร้อมจะไปเดตครั้งที่พันกว่า ในรอบเจ็ดปี วิ่งขึ้นรถที่ไวท์สตาร์ทไว้ ….
“พี่มายครับ ฝากดูแลบ้านด้วยน้า” ไวท์ซึ่งอยู่บนรถอยู่แล้วตะโกนบอกพี่มายก่อนจะเอามือหนักๆ ของเขามาหยีหัวฉัน
“จัดไปค่า…คุณไวท์” พี่มายตะโกนกลับมาให้ไวท์ได้ยิน แต่ไวท์ไม่ยี่หระ กดเลื่อนกระจกรถปิด แล้วบึ่งรถออกจากบ้านของฉัน
“จะไปไหนคะ ^^+” ไวท์หันมาถามฉันในขณะที่เขายังขับรถด้วยความเร็วสูงมาก
“ไปหน้าหมู่บ้านไงคะ ?”
“ไม่ไปแล้วที่นั่นอ่ะ”
“แล้วจะไปไหนอ่ะ O_O?”
“ไปไหนก็ได้ที่มีแต่แพร์รี่”
ไวท์….นายพูดอะไรกำกวมอีกแล้วน่ะ !!!
แต่ฉันก็ชอบนะเออ…
ความคิดเห็น