ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Black or White ใครกันนะ...เจ้าของหัวใจของฉัน

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 : 7ปีที่รักเธอ

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 57


     

    1

              วันต่อมา

                    เวลา 7:30.

                    ติ๊งต่อง!!

                    เสียงกดกริ่งดังมาจากหน้าบ้าน ไวท์มาถึงแล้วเหรอ ^_^ ฉันยังนอนดิ้นบนเตียงสีชมพูอันแสนนุ่มอยู่เลย ฉันกระโจนเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง เป็นเวลาพอดีกับที่ไวท์ขับรถเข้ามาจอดไว้ในบ้าน สงสัยล่ะสิ ^O^ ว่าไวท์ขับรถเข้ามาในบ้านได้ยังไง

                    พี่มาย แม่บ้านที่ฉันจ้างมาดูแลบ้านและดูแลฉันในตอนกลางวัน วิ่งไปเปิดประตูหน้าบานให้ไวท์ขับรถเข้ามาในบ้านอย่างรู้งาน -*-

                    “พี่มายแพร์ขอข้าวต้มสองถ้วยนะคะฉันบอกเมนูอาหารที่ต้องการกินกับไวท์ในตอนเช้าให้พี่มายทำ

                    “เอาข้าวต้มอะไรคะน้องแพร์

                    “ของไวท์เป็นข้าวต้มกุ้ง ส่วนของแพร์ข้าวต้มหมูคะ ^^”

                    “จัดไป อีกครึ่งชั่วโมง อาหารพร้อมทานคะ

                    “ขอบคุณคะ พี่มาย ^^” พี่มายเดินอย่างรีบเร่งเข้าไปในครัว เป็นจังหวะเดียวกับที่ไวท์ก้าวเข้ามาในบ้าน

                    ไวท์ใส่เสื้อยืดลายขวางสีฟ้าสลับขาวกับกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม ผมถูกเซ็ทขึ้นมาแบบลวกๆ ตามสไตล์ของเขา อยากบอกเขาจังว่าวันนี้นายหล่อใช้ได้จริงๆ เขาถือถุงใบใหญ่เข้ามาในบ้านก่อนจะยื่นถุงนั้นมาให้ฉัน

                    “เอาไปลองใส่ดู

                    “เอ๋…”

                    “ชุดนักเรียนไง

                    “อ่อ ขอบคุณนะคะ ที่รักฉันเขย่งตัวขึ้นไปจุ๊บแก้มไวท์หนึ่งครั้ง แล้วคว้าถุงนั่นจากเขาก่อนจะวิ่งมานั่งตรงโซฟาในห้องนั่งเล่น ด้วยความเคอะเขิน ^////^

                    “….!!!” ฉันสังเกตเห็นสีหน้าของไวท์จากที่ขาวซีดกลายเป็นแดงจัด สงสัยจะเขินที่ฉันจุ๊บแก้มเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

                    หลังจากนั้นเราสองคนต่างก็เงียบไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน มันเงียบจนได้ยินเสียงแอร์ในห้องนั่งเล่นดังกว่าเสียงหายใจของพวกเราด้วยซ้ำ -*-

                    “ไวท์...กินข้าวมาหรือยังคะ

                    “ยังเลย กะจะมากินที่รักแทนได้มั้ยอ่ะ

                    ไวท์อ่ะ..จะให้ฉันเขินไม่ต้องเงยหน้ามามองหน้านายเลยใช่มั้ย ? หยอดอยู่นั่นแหละ คำหวานๆ ของนายเนี่ย แต่ฉันก็ชอบให้นายหยอดแบบนี้ไปตลอดน่ะ ^_^

                    “นี่แหน่ะ ^////^” ฉันตีแขนเขาดังป้าบ สักพักแขนของเขาแดงจนเป็นรอยมือของฉันอย่างชัดเจน เค้าขอโทษนะตัวเอง ก็เค้าเขินตัวเอง~~~

                    “ที่รักตีฉันเหรอ ต้องลงโทษที่รักก่อนจะปล่อยให้กินข้าวเช้าแล้วล่ะมั้งไวท์เข้ามานั่งข้างฉันแล้วโน้มตัวลงมาแนบชิดจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของเขา

                    “นะ..นายจะทำอะไรอ่ะ ^///^” ฉันเบี่ยงหน้าไปอีกทางแต่ไม่พ้น โดนจนได้...

                    จุ๊บ xD

                    “ตอนแรกแค่จะจ้องหน้าเท่านั้นเอง แต่แพร์รี่เบี่ยงหน้าหลบไวท์เอง ช่วยไม่ได้ ^^+” ไวท์พูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ฉันไม่น่าเบี่ยงหน้าหลบเขาเลยจริงๆ หน้าแดงราวกับคนโดนตบสักร้อยที (แค่ห้าครั้งก็แดงแปร๊ด นี่ร้อยที คงแดงยันชาติหน้า -*-)

                    “งั้นแพร์รี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วกัน ไวท์รอตรงนี้นะ =///=               

                    “ไวท์เปลี่ยนให้แพร์รี่คนสวยดีกว่านะ ^^+” ไวท์ค่อยๆ เลื่อนมือมายังปลายเสื้อข้างหลังของฉัน ก่อนจะเอามือเข้าไปในเสื้อแล้วปลดตะขอยกทรงของฉัน แฟนฉันหื่นแล้ววววว TT

                    “ไวท์คะ เอามือปลาหมึกของคุณออกจากเสื้อ…..ยังไม่ทันพูดจบ ไวท์กระชากฉันเข้าไปจูบ ปากนุ่มๆ ของเขาทำให้ฉันยังจำจูบแรกที่เราสองคนจูบกันได้อย่างดี ไวท์ไม่จูบรุนแรงแบบพระเอกนิยายเรื่องอื่นๆ รสจูบของเขาช่างอ่อนหวานนุ่มนวลทำฉันเคลิ้มจะหลับในอ้อมกอดของเขา รักนายนะนายไวท์ ^////^

                    ไม่นานเลยที่ฉันจะได้ชิมรสจูบหวานๆ ของเขา ก่อนที่จะมีบุคคลที่สามมาคั่นจังหวะการจูบครั้งนี้ คนๆ นั้น ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่บ้านที่ฉันสั่งให้เธอไปทำข้าวต้ม

                    “ชะอุ๊ย!! ตาเถรตก ยายชีตาย

                    “ไม่มีใครตายค่า พี่มาย -*-” ฉันเด้งตัวขึ้นก่อนจะเกี่ยวตะขอยกทรงให้เหมือนเดิม

                    “อ่อค่าข้าวต้มเสร็จแล้วนะคะ เชิญน้องแพร์กับน้องไวท์ไปทานข้าวคะ ไม่ใช่ทานกันเอง

                    “พี่มาย!!”

                    “อุ๊ย!!...พี่ขอโทษค่า ไปกวาดบ้านต่อดีกว่า

                    “ไวท์ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน แพร์จะไปเปลี่ยนชุด

                    “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แพร์ใส่ชุดไหนก็น่ารักเสมอ :)”

                    “บ้าน่า ^////^”

                    “ไปกินข้าวกับฉันนะ ที่รัก

                   

                    ณ ห้องอาหารของบ้านจริยวิทยา

                    “ไวท์ นายรู้มั้ย? วันนี้วันอะไร

                    “วันจันทร์ ^^”

                    “ไม่ใช่ๆ

                    “วันที่สิบ ^[]^”

                    “ก็ไม่ใช่!!”

                    “วันอะไรอ่ะ

                    “ไวท์!!...ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่คะ

                    “…..

                    ไวท์ไม่พูดและทำหน้าสงสัยว่าใครคงจะมาเข้าสิงฉัน ถึงได้อารมณ์เปลี่ยนเร็วอย่างกะจรวด ทั้งๆ ที่ตอนแรกยังมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง กับเขาที่โซฟาอยู่เลย

                    ก็มันน่าให้โกรธและโมโหมั้ยล่ะ….

                    ถ้าเกิดว่าแฟนจำวันครบรอบไม่ได้ แถมจำไม่ได้ทุกปีด้วยนะ นักอ่านจะรู้สึกยังไง!? ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเลยก็รู้นะว่าผู้ชายไม่ซีเรียสเรื่องวันครบรงครบรอบอะไรนี่ แต่ต้องเข้าใจบ้างสิว่าคนคบกันก็ต้องจำวันใดวันหนึ่งให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดแฟนหรือวันครบรอบ แต่นายไวท์ไม่เคยจำได้เลย แม้กระทั่งวันเกิดฉันยังต้องให้บอก T[]T

                    “เรารักกันจริงๆ ป่ะฉันถามประโยคที่พอพูดออกไปแล้วรู้สึกเหมือนมีใครมาแทงหัวใจของฉันจนกระอักเลือดและตายอย่างช้าๆ

                    “แพร์ก็รู้นะว่า….ไวท์รักแพร์คนเดียว =_=^” ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แฝงไปด้วยความรำคาญ

                    “รู้!! แต่ไวท์ไม่รู้เลยเหรอว่าวันนี้วันครบรอบที่เราเป็นแฟนกัน เจ็ดปีแล้วนะ!!”

                    “แค่ลืมวันครบรอบไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมแพร์รี่ได้นะ ทุกวันนี้แพร์รี่อยู่ในใจผมคนเดียว

                    “มาประโยคนี่อีกแล้วนะ พูดจากใจหรือเปล่าเถอะ หรือว่าพูดแบบอัดเทปแล้วพูดคะ!!”

                    เงียบอีกแล้ว พูดไม่ออกสินะ….ไวท์!!

                    “ข้าวต้มมาแล้วค่า ข้าวต้มกุ้งของน้องไวท์ ส่วนข้าวต้มหมูของน้องแพร์

                    “ขอบคุณคะพี่มาย แต่แพร์ไม่กินแล้ว

                    “ทำไมอ่ะคะ!?”

                    “แพร์ไม่หิวแล้วคะ ขอตัวนะคะฉันลุกยืนมองหน้าไวท์ก่อนจะหันหลังกลับเดินไปหยิบถุงชุดนักเรียนแล้ววิ่งขึ้นห้อง

                    ฉันไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเขา ฉะนั้นการขึ้นไปร้องไห้บนห้องมันน่าจะดีกว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อึมครึมและคนที่ทำให้สถานการณ์มันเป็นเยี่ยงนี้ก็เป็นใครไปไม่ได้เลย…ฉันนั่นเอง

     

                    ห้องนอนแพร์รี่ ชั้นสอง

                    ฉันกระโจนไปนอนบนเตียงแล้วก้มหน้ากับหมอนร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง…ทุกคนคงจะคิดว่าฉันบ้ามากที่ร้องไห้กับเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ TT

                    ใช่!!...ฉันมันบ้ามาก (ก.ไก่ ล้านตัว)

                    ทำยังไงได้!! ฉันเป็นคนคิดมาก อะไรเข้ามาทำให้ความรู้สึกฉันเปลี่ยนไปจากเดิมฉันก็คิดแล้วก็รู้น่ะว่าไวท์ไม่มีใคร ไม่เจ้าชู้เลยสักนิด แต่ฉันยังคิดมากเลยแล้วถ้าไวท์แอบซุกผู้หญิงไว้โดยที่ฉันไม่รู้แล้วอ้างว่ารักฉันคนเดียว มีฉันอยู่ในหัวใจคนเดียว จะให้ทำยังไงล่ะถึงตอนนั้นฉันคงได้คิดมากจนฆ่าตัวตายแน่!!

                    พอๆๆ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ร้องไห้ไป ผู้ชายที่อยู่ข้างล่างไม่ขึ้นมาง้ออยู่ดี

                    ฉันลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำ กวักน้ำมาล้างหน้าก่อนจะเอาผ้ามาเช็ดหน้าจนไม่เหลือคราบน้ำตาอีกแล้วออกจากห้องน้ำ เห็นถุงกระดาษใบหนึ่งอยู่บนเตียง ถุงที่ฉันหยิบมาจากโซฟาที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง …..

                    ถุงชุดนักเรียน -_<

                    ฉันกระโดดขึ้นไปยืนบนเตียงจับถุงนั่นคว่ำลงจนของทุกอย่างที่อยู่ในนั้นหล่นลงบนเตียง ฉันกวาดสายตาดูแล้วมันมีมากกว่าชุดนักเรียน เพราะในถุงนั้นไม่มีชุดนักเรียนอยู่เลย…O_O

                    ของที่หล่นมานั้นเป็นของที่เราสองคนสะสมกันเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน เขายังเก็บไว้ตั้งแต่ปีแรกที่เราครบกันจนมาถึงปีล่าสุด ซึ่งฉันรู้ได้ยังไงเพราะฉันจำของทุกชิ้นได้หมด แต่เขาเอามาให้ฉันทำไม?

                    ในเมื่อฉันก็มีของฉัน และเขาก็มีของเขา (ไม่ใช่เนื้อเพลงนะจ๊ะ)

                    หรือว่า…นี่คือการบอกเลิกทางอ้อม

                    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

                    “ใครคะ!?”

                    “พี่มายเองค่า คุณน้องแพร์

                    “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

                    “คุณน้องไวท์ ให้พี่เอาข้าวต้มหมูมาให้คุณน้องแพร์คะ

                    “ขอบคุณนะคะ พี่มายวางไว้หน้าห้องเลยคะ แพร์ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นคะ

                    แกร๊ก แกร๊ก

                    แอ๊ด!!

                    “ใครอนุญาตให้พี่มายเข้ามาคะพี่มายเอาสีข้างผลักประตูเปิดเข้ามาในห้อง จากนั้นเธอถือถาดข้าวต้มมาวางตรงโต๊ะเครื่องแป้ง

                    “พี่อนุญาตตัวเองแล้วคะ พี่วางข้าวต้มไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ หิวก็มาทานล่ะ พี่เป็นห่วง คนที่เป็นห่วงน้องแพร์มากกว่าพี่คือ…” ฉันพูดแทรกตัดบทไม่ให้พี่มายพูดถึงใครคนนั้น ==^

                    “ออกไปได้แล้วคะพี่มาย

                    “คะๆ คุณน้องแพร์น้ำเสียงของคุณเธอช่างหนักแน่นประมาณว่า เออไปก็ได้ว่ะแล้วค่อยๆ ปิดประตูอย่างช้าๆ

                    ในห้องนี้เหลือแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นอีกแล้ว -*-

                    ข้าวต้มหมู ของโปรดที่ฉันชอบกินทุกเช้าก่อนไปมหาวิทยาลัย วันนี้ยังไงฉันก็ไม่กินข้าวต้มหมูถ้วยนี้เด็ดขาด ไม่อยากกินไปร้องไห้ไป ยิ่งอารมณ์ฉันตอนนี้โคตะระเซนซิทีฟ อารมณ์ขึ้นลงอย่างกับคนแพ้ท้อง เอ้ยฉันไม่ได้ท้อง แค่เปรียบเทียบเฉยๆ ==^^^

     

                    สามสิบนาทีต่อมา

                    9:00 a.m.

                    โครก….คราก….

                    เสียงท้องร้องหรือว่าเสียงคนตำน้ำพริก เสียงดังออกมาจนได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านชัวร์ๆ หิวแล้วววว ฉันอยากกินข้าว ตอนนี้ข้าวต้มหมูที่พี่มายเอามาวางไว้เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงที่แล้วอืดคาถ้วยอย่างกับไข่ตุ่นที่ฟูสุกคาถ้วย

                     โครก….คราก….

                    ร้องอีกแล้วนะฉันไม่ใช่ครกนะเว้ยไม่ต้องมาตำน้ำพริกในท้องนะเว้ย ทนไม่ไหวแล้วหิวข้าว หิวมาก ข้าวต้มอืดแล้วก็อืดสิ ฉันจะกินซะอย่าง แล้วถ้ากินปุ๊บท้องเสียปั๊บค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้กินข้าวก่อนดีกว่า T[]T

                    ฉันลากตัวเองมายังโต๊ะเครื่องแป้ง พอมาถึงไม่พบถ้วยข้าวต้มสักถ้วย มีเพียงแต่….

                    สมุดโน้ตที่หน้าปกเป็นรูปฉัน ซึ่งสมุดเล่มนี้ฉันไม่เคยมี สงสัยว่าไวท์จะฝากพี่มายเอาขึ้นมาให้ฉัน และอีกอย่างที่ฉันเจอก็เป็น โทรศัพท์ I-Phone 5 ของไวท์ โดยหน้าจอเป็นรูปฉันในสมัยในไม่รู้ จำไม่ได้!! ฉันหยิบสมุดโน้ตออกจากถาด เพ่งดูรูปตัวเองที่ไวท์ตัดแปะไว้หน้าปก สมุดโน้ตเล่มนี้ถูกเคลือบอย่างดีไม่มีรอยเปื้อนแม้แต่หยดเดียวฉันค่อยเปิดสมุดโน้ตเล่มนี้อย่างระมัดระวังกลัวมันจะขาดเสียก่อน เพราะสมุดเล่มนี้หนามากและดูวี่แววแล้วจะต้องขาดเข้าสักวัน พอเปิดมาหน้าสองมีรอยปากกาน้ำเงินเต็มหน้า และมีภาพวาดที่จะเป็นใครวาดไปไม่ได้นอกจากเจ้าของสมุดโน้ตเล่มนี้

                    ภาพวาดนั้นเป็นรูปฉันอีกเช่นเคยแต่เป็นฉันในจินตนาการของเขา อ้อ!!...ฉันรู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็เขาเขียนกำกับไว้เหนือภาพวาดนั้น ในภาพวาดฉันใส่ตัวอ้วนกลมอย่างกับโดเรมอนบวกไจแอนท์

                    หี๊ยยย….

                    นายว่าฉันอ้วนหรือไงย่ะ ==^^^

                    ฉันไม่ได้อ้วนแค่กินเยอะไปหน่อยเท่านั้นเอง อิๆ

                    เอ๊ะ ในรูปนั้นฉันไม่ได้อ้วนทั้งตัวแต่อ้วนแค่พุง หรือว่าในรูปวาดนั้นเขาจงใจจะวาดฉันท้องฉันเหลือบเห็นข้อความใต้ภาพ

                   

                    ‘ฉันอยากมีแต่งงานกับเธอ

                    อยากอยู่กับเธอไปจนแก่

                    อยากมีลูกกับเธอ

                    ต่อให้เธอแก่ เธออ้วน

                    หรือว่าตอนเธอท้อง

                    ฉันก็ยังจะรักเธอ’

     

                    บ้าที่สุดปล่อยให้ฉันโกรธ ฉันงอนนาย แล้วเอาไดอารี่ส่งผ่านพี่มายมาให้ฉันอ่าน ฉันหายโกรธ หายงอนนายแล้วก็ได้ ฉันเลิกอ่านสมุดโน้ต เอาหน้าสมุดปิดทับกัน ฉันไม่อ่านอีกแล้ว เพราะหน้าอื่นๆ เป็นการจดความรู้สึกแต่ละวันที่เขาอยู่กับฉัน ซึ่งแต่ละความรู้สึกถ้าอ่านแล้วอยากจะอ้วกจนหมดไส้หมดพุงแน่ ^////^

                    ฉันเอื้อมหยิบโทรศัพท์ I-Phone 5 ซึ่งอยู่ข้างๆ กับสมุดโน้ตน้ำตาลหกนั้น ก่อนจะกดเปิดล็อคโทรศัพท์ I-Phone 5 แล้วกดเบอร์ฉัน ซึ่งโทรศัพท์ SumSung S5 ของฉันนอนนิ่งหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น และฉันเดาว่าเขาคงยังอยู่ในบ้านและยังคงนอนดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น เพราะปกติเขาไม่เคยกลับบ้านโดยที่ไม่บอกลาฉัน

                    ติ๊ดติ๊ด….ติ๊ด

                    (สวัสดีครับที่รัก) ฉันยังไม่ได้กรอกเสียงใส่ในโทรศัพท์เลยสักนิดแต่ฝั่งนู้นกรอกเสียงที่คุ้นเคยดังลอดผ่านสายโทรศัพท์มาทำให้น้ำตาที่รื้นๆ ของฉันแห้งเหือดและกลายเป็นรอยยิ้มเล็กๆ ได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความดีใจที่ได้ยินเสียงของเจ้าของโทรศัพท์ซึ่งฉันกำลังถือมันแนบกับหูอยู่นั่นเอง ^_^

                    นั่นแสดงว่าไวท์นอนรอให้ฉันโทรหาเขาสินะ ^^

                    “ไวท์

                    (คิดถึงที่รักจังเลย) เสียงออดอ้อนของชายหนุ่มซึ่งฉันไม่ค่อยได้ยินนานแล้ว

                    “ฉันไม่เคยรู้เลยว่านายชอบเขียนไดอารี่

                    (ฉันไม่ชอบเขียนไดอารี่นะ แต่อยากเขียนไว้ให้เธออ่านตอนที่เธอโกรธ และวันนี้ก็ได้ให้เธออ่านจริงๆ แล้วฉันเริ่มเขียนตอนที่ได้เจอเธอวันแรก จนถึงวันนี้ยังเขียนอยู่เลย เวลาเธองอนเรื่องวันครบรอบอ่ะ ฉันไม่รู้จะง้ออะไรเธอดี เธอรู้นี่ว่าฉันง้อใครไม่เป็น ง้อเธอยิ่งไม่กล้าง้อเลย กลัวเธอจะโกรธ ก็เลยต้องพูดประโยคที่เธอจำได้…)

                    “แค่ลืมวันครบรอบไม่ได้หมายความว่าผมจะลืมแพร์รี่ได้นะ ทุกวันนี้แพร์รี่อยู่ในใจผมคนเดียว

                    (นั่นแหละเป็นประโยคง้อซึ่งเลี่ยนสุดๆ ฉันพูดทีไร อยากจะเอาน้ำกลั้วคอแล้วล้วงคอให้อ้วกออกมาทุกที)

                    “หายงอนก็ได้

                    (จริงเหรอ)

                    “ไม่จริงมั้ง

                    (แพร์หิวข้าวมั้ย?)

                    ไวท์เปลี่ยนเรื่องคุยอย่างกะทันหัน ฉันไม่ได้ตั้งตัวอะไรเลย คำถามง่ายๆ ออกมาจากปากของเขา แฝงด้วยความเป็นห่วง ซึ่งฟังจากน้ำเสียงเรียบของเขา ^w^

                    “หิวมากเลย อยากกิน

                    (กินไรล่ะ ข้าวหรือฉัน)

                    “ตาบ้า!!...กินข้าวสิ

                    (ฉันจะชวนเธอไปกินข้าวร้านเจ้าประจำของเรา เธอจะไปมั้ย)

                    ร้านเจ้าประจำของเรา อยู่หน้าหมู่บ้านที่ฉันอาศัย เป็นร้านเล็กขนาดสองถึงสามห้องแถว ขายทุกอย่างที่ทุกคนอยากกิน ไม่ว่าจะเป็นอาหารฝรั่ง อาหารอิตาลี อาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น อาหารไทย อาหารจีน เอาเป็นว่ามีอาหารทุกสัญชาติให้ทาน ซึ่งเจ้าของร้านเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันนั่นเอง :) ฉันได้อภิสิทธิ์ทุกอย่างภายในร้าน ตั้งแต่ค่าอาหารจนถึงมีห้อง VIP ที่ไว้ใช้สวีทกับไวท์หรือไม่ก็พาเพื่อนมาปาร์ตี้ ^^

                    “ไม่ไปได้ไง สุดหล่อชวนทั้งที ^-^”

                    (ครับที่รัก ฉันจะสตาร์ทรถรอนะ)

                    “อีกห้านาทีจะลงไปนะคะ ไวท์

                    (บายที่รัก)

                    ฉันกดวางสายจากไวท์ วางโทรศัพท์ของเขาไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งเหมือนเดิม และพุ่งเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาเข้าห้องน้ำ แล้วออกมาโบ๊ะแป้งทาลิปสติกสีชมพูเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะหยิบกระเป๋าแชแนลที่แควนไว้ข้างโต๊ะเครื่องแป้งมาสะพาย ยิ้มให้ตัวเองหนึ่งที ^^ แล้วก้าวออกจากห้อง

                    “พี่มาย...อยากทานอะไรมั้ยคะฉันก้าวลงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วตะโกนถามพี่มาย

                    “ไม่ดีกว่าคะ พี่ไม่อยากขัดจังหวะการสวีทของพวกน้องๆ เชิญสวีทกันให้เต็มที่น้า ^^” พี่มายวิ่งออกจากครัวมาอวยพรให้พวกเราสวีทกันเต็มที่ โอ๊ยยยยพี่มาย น้องอยากจะเพิ่มเงินรายวันให้พี่จริงๆ อวยพรจนหน้าฉันแดงยังกับโดนบรัชออนตกใส่

                    ฉันสวมรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วกระโดดออกจากบ้านด้วยสีหน้าที่เปรมปรีด์ พร้อมจะไปเดตครั้งที่พันกว่า ในรอบเจ็ดปี วิ่งขึ้นรถที่ไวท์สตาร์ทไว้ ….

                    “พี่มายครับ ฝากดูแลบ้านด้วยน้าไวท์ซึ่งอยู่บนรถอยู่แล้วตะโกนบอกพี่มายก่อนจะเอามือหนักๆ ของเขามาหยีหัวฉัน

                    “จัดไปค่าคุณไวท์พี่มายตะโกนกลับมาให้ไวท์ได้ยิน แต่ไวท์ไม่ยี่หระ กดเลื่อนกระจกรถปิด แล้วบึ่งรถออกจากบ้านของฉัน

                    “จะไปไหนคะ ^^+” ไวท์หันมาถามฉันในขณะที่เขายังขับรถด้วยความเร็วสูงมาก

                    “ไปหน้าหมู่บ้านไงคะ ?”

                    “ไม่ไปแล้วที่นั่นอ่ะ

                    “แล้วจะไปไหนอ่ะ O_O?”

                    “ไปไหนก็ได้ที่มีแต่แพร์รี่

                    ไวท์….นายพูดอะไรกำกวมอีกแล้วน่ะ !!!

                    แต่ฉันก็ชอบนะเออ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×