Life is Shit ...ชีวิต is Here !! - นิยาย Life is Shit ...ชีวิต is Here !! : Dek-D.com - Writer
×

    Life is Shit ...ชีวิต is Here !!

    ถ้าพรุ่งนี้โลกแตก... แล้วคุณจะ...

    ผู้เข้าชมรวม

    126

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    126

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  18 พ.ค. 52 / 00:00 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ฉันรู้ว่า "โลกแตก" ที่เค้าว่ากัน มันไม่ได้หมายถึง โลกนี้จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หรอกนะ
    ถึงแม้ตอนสมัยเรียนจะไม่ได้เรียนเก่ง แต่ฉันว่ามันคงหมายถึง มนุษย์เราจะไม่มีวันพรุ่งนี้ หรืออะไรเทือกนั้นมากกว่า

    ในช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของปี
    ฉันผุดไอเดีย ที่จะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง และชีวิต x  x  ของฉัน
    ให้คนอื่นได้อ่านมัน

    ถ้าจะมีใครสักคนได้อ่านมันจริงๆ นั่นแหละที่ฉันเรียกว่า ฉันประสบความสำเร็จของการเป็นนักเขียนแล้ว
    เพราะถึงคนที่ได้อ่านจะมีแค่คนเดียว แต่อย่างน้อย ฉันก็ได้ทำมันอย่างเต็มที่แล้ว
    ทำไปด้วยความตั้งใจ แม้จะออกมาดีหรือไม่ได้เรื่องเลย แต่...มันออกมาจากใจ ออกมาจากทั้งหมดที่เป็นตัวฉัน

    รอบๆตัวฉัน มันดำเนินไปอย่างเดิมทุกวัน บางทีการได้ ยืนในมุมที่เงียบ มองดู สิ่งต่างๆรอบๆกายผ่านไปอย่างช้า ซึมซับไว้ มันก็ดีเหมือนกันนะ

    "อิง"
    เป็นชื่อที่พ่อ แม่ พี่ น้อง หรือ ใครๆก็เรียก
    คนบางคน เรียกชื่อฉันแค่ ครั้ง หรือสองครั้ง เท่านั้น

    " ไอ้แก้ว แกรู้มั้ย ว่าแกเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุด "
    ตอนเด็กๆ หรือสมัยมัธยม ตอนที่ใกล้จะจบ ม.6  คุณคงจำภาพวันที่ คุณและเพื่อนๆร้องไห้กันยกห้องได้
    ฉันก็มีวันเวลาแบบนั้นเหมือนกัน...

    ย้อนไปหลายปี (แต่ไม่บอกว่ากี่ปี ไม่อยากให้ตัวเองดูแก่)
    ฉันย้ายมาเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง เพื่อเรียนต่อ ม.4 ที่นี่
    แน่นอน พ่อกับแม่ อยากให้เรียนสายวิทย์-คณิต
    ทั้งที่ รอยหยักในสมองฉัน มันไม่ค่อยไปด้วยกันกะพวก ฟิสิกส์ หรือ คณิต เอาซะเลย
    แต่คิดว่า ตอนนี้ฉันจะทำตามใจพ่อกับแม่ไปก่อน 
    ไว้เมื่อไหร่ เข้ามหา'ลัย ชีวิตก็จะเป็นของช้านนนนนนนน ซะที

    มีวิชาหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ในหลักสูตรของโรงเรียนมัธยม
    และไม่น่าเชื่อ ว่า เด็กวิทย์-คณิต
    อย่างฉันจะต้อง เรียนมันจริงๆ

    "ทำไมชั้นต้องมานั่งวาด ไอ้ถ้วยเบญจรงค์พวกนี้ด้วยวะ"
    แก้ว เป็นเพื่อนคนแรกที่ชวนฉันไปกินข้าวเที่ยงด้วย ตั้งแต่ฉันย้ายมาเรียนที่นี่
    ตอนนี้ เปิดเทอมมาได้ไม่นาน
    เราก็เป็นเพื่อนสนิทกัน


    พอเปิดเทอมขึ้นม.4 มา
    ก็ได้เรียนวิชาแปลกๆไปจากตอน ม.ต้น
    อีกมากเลยทีเดียว
    วิชาที่ฉันไม่ชอบมีเยอะแยะ รวมทั้งวิชานี้ด้วย วิชา "การงานและการประดิษฐ์"
    สรุปแล้ว เพื่อนๆ ร่วมชะตากรรมอีก 20 คน ต้องมาเรียนการเขียน ถ้วยเบญจรงค์เหมือนฉัน

    ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่าตัวเอง ถนัดที่จะใช้มือ ในการวาดๆขีดๆเขียนๆ
    และชอบที่จะใช้สมองคิดอะไร จินตนาการไปเรื่อยๆ 
    มากกว่ามาคำนวณตามสูตรเลขยกกำลังประหลาดๆพวกนั้น
    จริงๆแล้ว เวลาในการเรียนวิชานี้ มันผ่านไปรวดเร็ว
    3 ชม. ในหนึ่งอาทิตย์มันช่างน้อยเกินไป
    ฉันให้ความใส่ใจกับ วิชานี้เป็นพิเศษ
    ศึกษาแบบ และลวดลายทั้งที่อาจารย์เอามาสอนในชั้นเรียน และที่พยายามไปหามาดูเพิ่มเองจากห้องสมุด
    นั่นคือ จุดเริ่มต้นของ life is ชิท...ชีวิต is here ของฉันล่ะ

    ทำไมฉัน(และคนอีกหลายคน)จึงเรียกชีวิตตัวเองว่า x
    บางที คุณอาจจะเคยรู้สึกนะว่า 
    "อะไรกันวะนี่ ชีวิตกู"


    ตอนนี้ฉันเรียนมหา'ลัยปีสุดท้ายแล้ว
    เคยถามตัวเองมากกว่า 80 ครั้ง ว่า "อะไรกันวะนี่ ชีวิตกู"
    ไม่เคยตอบตัวเองได้เลย ว่าทำไม?
    จนวันนึง ไปได้เจอเด็ก มัธยมที่มันกำลังจะเอ็นทรานซ์ พูดว่า "life is ชิท...ชีวิต is here "
    แล้วก็ เอ้อออ ช่ายเลย ชีวิตคนเรามันก็เรื่องขี้ๆ นี่แหละ

    ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนึง
    ที่อยู่ไกลจากบ้านพอสมควร เป็นอันว่า Freshy  อย่างฉันก็ต้องอยู่หอใน
    ไอ้ครั้นจะออกมาอยู่บ้านญาติ ก็ไม่ได้เพราะตอนอยู่ที่บ้านพ่อกับแม่ไม่เคยปล่อยไปไหนเลยนั่งรถเมลล์ก็ไม่เปน
    ยิ่งถ้าพูดถึงการขี่มอเตอร์ไซค์ แค่คิดก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะหาที่เสียบกุญแจตรงไหน

    เข้าปีหนึ่งมาพร้อมทรงผมสั้นแบบนักเรียนหญิงของโรงเรียนรัฐบาล
    หน้าตาก็บ้านๆ แถมด้วยผมหน้าม้า ตามธรรมเนียมของโรงเรียนมัยมที่เค้าบังคับตัด
    ตอนอยู่โรงเรียนก็รู้สึกว่า "อะไรเนี่ยยย ทำไมกุต้องตัดหน้าม้าด้วย"
    เคยสงสัยว่าถ้า ตัดหน้าม้าแล้ว มันจะทำให้เด็กผู้หญิงโรงเรียนนี้ เรียนเก่งขึ้นรึไงนะ
    สรุปแล้วก็ไม่...เพราะฉันก็ไม่ได้เรียนดีขึ้นหรือแย่ลง เพียงเพราะแค่การตัดหน้าม้าเลยสักนิด

    ช่วงเวลาการเป็น freshy ของคนบางคนมีมากกว่า 1 ครั้ง ในชีวิต
    แต่ฉันไม่อยากเป็นอีกแล้ว แค่ครั้งเดียวก็พอ พ่อกับแม่ก็คงว่ายังงั้นเหมือนกัน(มั้ง?)

    ที่มหาวิทยาลัย มีกิจกรรมรับน้อง
    ที่คณะฉันก็เหมือนกัน โดยเฉพาะคณะที่คนเยอะๆก็จะสนุกมากเป็นพิเศษ
    แต่แล้วก็มีเหตุให้ฉันไปรับน้องกับเพื่อนๆที่เพิ่งเข้าเรียนใหม่เหมือนๆกับฉันไม่ได้
    นั่นเพราะ อวัยวะบางส่วนของฉันมันอ่อนแอเกินไป

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น