คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : วันแรก : กฎของ Roommate
วันแรก : กฎของ Roommate
วันที่ 21 กันยายน ปิดเทอมวันแรกของเหล่านักเรียนนาดาวบางกอก ถูกต้องว่ามันเป็นการปิดเทอมตามปฏิทินการศึกษาของโรงเรียน แต่มันไม่ใช่กับพวกเราทั้ง 8 คน เมื่อนักเรียนหญิงที่ได้รับการโหวตว่าเพอร์เฟ็กต์ที่สุดในนาดาวบางกอก กลับต้องมาปฏิบัติภารกิจบ้าบอตามแผนธุรกิจของรายการรูมมง รูมเมทอะไรก็ไม่รู้
“ไร้สาระสิ้นดี” ฉันสบถออกมาอย่างอดไม่ได้
ในฐานะประธานนักเรียนที่มีระเบียบแบบแผนการดำเนินชีวิตที่เป็นไปตามครรลองของคำว่า “เด็กตัวอย่าง” แบบฉัน การที่จะต้องเสียเวลาเป็นเดือนเพื่อมาอยู่ในบ้าน มาทำภารกิจ? แล้วไอ้ภารกิจที่ว่าเนี่ย มันดีกว่าที่ฉันเอาเวลานี้ไปเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมตรงไหน ใกล้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเต็มทีแล้ว ยังต้องมาทำอะไรแบบนี้อีก
“เสียเวลา” นั่นเป็นเพียงข้อความกระซิบกับตัวเองเท่านั้น ก็ในเมื่อทั้งสองมือกำลังลากกระเป๋าเดินทางที่บรรจุสิ่งของจำเป็นทั้งหมดทั้งมวล เพื่อใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน The Roommate เป็นเวลา 1 เดือนนี่สิ
ไม่ได้อยากไปเลยจริงๆ นะ ถ้าครูอ้อไม่สไกป์ไกลมาจากอังกฤษ ย้ำนักย้ำหนากับฉัน ว่าคนเราเมื่อรู้จักเรียน ก็ต้องรู้จักทำกิจกรรม ไม่ใช่แค่ในห้องเรียนเท่านั้น แต่ต้องรู้จักเผชิญโลกกว้างด้วย ซึ่งประโยคที่ฉันโดนใจมากก็คือ “การเรียนทำให้คนมีงานทำ กิจกรรมทำให้คนทำงานเป็น” ฉันก็เลยพยักหน้ายอมรับในข้อนี้อย่างเสียไม่ได้...เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ดี ๆ ที่นอกเหนือจากการอ่านแค่ในตำราละกัน
The Roommate
ณ บ้าน The Roommate ใจกลางเมืองหลวง ลักษณะบ้านทรงสมัยใหม่ ค่อนคล้ายไปทางลักษณะออฟฟิศที่มีห้องหับหลายห้องเรียงต่อกัน ชั้นล่างเป็นห้องโถงขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางตัวบ้าน เปิดประตูเข้าไปครั้งแรกเจอกับห้องรับแขกที่มีโซฟาหนังหลากสี หลายขนาดวางเรียงรายเป็นรูปตัว G โทรทัศน์สีดิจิตอลจอแบนติดหราอยู่ตรงผนัง ประตูส่วนใหญ่เป็นกระจก ปิดกั้นด้วยผ้าม่านด้านใน แต่ห้องที่เรากำลังเดินไปนั้น ม่านเปิดออกครึ่งหนึ่งของกระจก มองลอดไปเห็นคนอยู่สองสามคน น่าจะเกี่ยวข้องกับภารกิจที่กำลังจะทำอยู่นี่แหละ
“ของขวัญ”
“มาค่ะ”
เสียงโปรดิวเซอร์รายการ ขานเรียกชื่อ พร้อมคำตอบรับของพวกเราทีละคน เหมือนอยู่ที่ห้องเรียนเลยแฮะ เหมือนที่ครูสอน แล้วเรียกชื่อคนที่ไม่มา ไปเรื่อย ๆ จนครบทุกคน ใน 8 คน ดูทุกคนตื่นเต้นในการเข้าร่วมรายการนี้ ยกเว้นฉัน กับน้องอีกคน ชื่ออะไรนะ ออย อะไรเนี่ยแหละ ที่ดูเนือย ๆ ไม่ค่อยสนใจฟังคำแนะนำของพี่ ๆ เขาเท่าไหร่ จนกระทั่งมีมือเล็กๆ กระตุกชายเสื้อของฉัน ถามเสียงเล็กน่ารัก
“พี่ขวัญ ไม่สบายรึเปล่าคะ” น้องคนนี้อยู่ชมรมกับเรานี่นา น้องดาว ลูกนายกสมาคมผู้ปกครอง ที่ครูอ้อฝากฝังให้เราดูแล ดูน้องเขาเป็นห่วงเป็นใยคนอื่นดีนะ ช่างพูดช่างคุยกับคนนั้นคนนี้ ไม่เว้นแม้แต่ฉันที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมาก เธอก็ไม่ได้มองข้าม
“อ๋อ เปล่าจ้ะ พอดีพี่คิดอะไรเพลินๆ ไปหน่อย” ฉันตอบแบบแถสีข้างไปเรื่อย จะว่าไปถ้าการที่ได้อยู่ในบ้านกับผู้หญิงน่ารัก ๆ อีกตั้ง 7 คน มันก็ดีไม่น้อยนะของขวัญ...
เอ๊ะ! เดี๋ยว ๆ ....ก่อนที่ความคิดจะเตลิดเปิดเปิง สไปรท์เพื่อนรักก็ใช้นิ้วดีดที่หน้าผาก จนฉันหลุดออกจากความคิด
“แกยิ้มอะไรขวัญ คิดอะไรลามกเปล่าเนี่ย ฉันเห็นแกมองหน้าน้อง ๆ จนเยิ้มไปหมดแล้ว”
สไปรท์จ้องหน้าคาดคั้น ฉันเลยได้ดีดนิ้วไปที่หน้าผากแบบเดียวกันเพื่อกลบเกลื่อน
“จะบ้าเหรอ ฉันก็มองเฉย ๆ ว่ามีใครบ้าง จะไม่ให้ฉันมองใครรึไง หรือจะให้มองแค่แกคนเดียว”
พูดจบ ฉันก็ชะงักกับประโยคหลังที่พูดออกไป พร้อม ๆ กับสไปรท์ที่มองฉันหน้านิ่ง ๆ และตอบกลับมาด้วยคำพูดที่ฉันไม่ค่อยเข้าใจ
“ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี”
ฉันกับสไปรท์มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงโปรดิวเซอร์เรียกพวกเราไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องโถงใหญ่ จึงผละออกจากกันโดยไม่มีคำพูดใด ๆ อีก
ณ ห้องโถง
“สวัสดีครับ วันนี้ผมมาทำหน้าที่พิธีกรรับเชิญของเรา ขออนุญาตแนะนำตัว เอ๊ะ! หรือไม่ต้อง”
“ไม่ต้องค่ะ” พวกเราทั้ง 8 คน พูดออกมาพร้อมกันเหมือนนัดกันไว้ ก็ไม่รู้จะแนะนำไปทำไม ก็ในเมื่อพิธีกรประจำโรงเรียนก็คือแกคนเดียวแหละ นายป๊อปคอร์น หรือที่เขาชอบเรียกตัวเองว่า ท็อปแท็ปนั่นแหละ ไม่รู้ว่าเข้ากับหน้าตาตรงไหน ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ ตาก็สะดุดไปที่อีกคนที่กำลังมองฉันไม่วางตา แต่พอฉันสบตา คน ๆ นั้นกลับหลบตาฉัน แล้วหันหน้าไปคุยกับเพื่อนน้องดาว หรือน้องก้อย ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอมีอะไรกับฉันกันแน่ “สไปรท์”
“เมื่อเราเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้ว ทุกอย่างที่เราทำจะอยู่ใน “กฎ” เป็นตัวควบคุม เพราะฉะนั้นผมจะอธิบายกฎแต่ละข้อของบ้านหลังนี้”
ฉันคงเคยชินกับการปฏิบัติตามกฎล่ะมั้ง พอได้ยินคำนี้ขึ้นมา ฉันจึงปล่อยความสนใจจากผู้หญิงคนนั้น มาฟังป็อปคอร์นอย่างตั้งใจ
“ฟังผมดี ๆ นะครับ...กฎนี้มีไว้ให้เราปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เราจะมีคะแนนให้แต่ละคน คนละ 100 คะแนน หากใครฝ่าฝืนหรือทำผิดกฎจะถูกหักคะแนนครั้งละ 5 คะแนน และถ้าใครมีคะแนนต่ำกว่า 90 คะแนน คนนั้นจะหมดสิทธิ์ในการอยู่ในบ้านนี้ต่อ นั่นหมายความว่าคุณมีสิทธิ์ผิดพลาดได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น เมื่อถึงวันที่ 15 ของการอยู่ในบ้าน จะมีการคัดผู้ที่คะแนนน้อยที่สุด 4 อันดับสุดท้ายออก และมีเพียง 4 คนเท่านั้น ที่มีสิทธิ์ลุ้นเข้าไปเป็น 1 ใน 4 คนที่จะได้รับรางวัลสุดอลังการของเรา"
ขณะที่ป็อปคอร์นเว้นจังหวะหายใจ ฉันก็เหลือบไปเห็นสไปรท์นั่งหัวเราะคิกคักกับน้องก้อย แถมยังเอาวงแขนเล็ก ๆ ของเธอ กอดคอน้องเขาไว้อย่างสนิทสนม จะว่าไปก็รู้สึกแปลก ๆ พิกล ฉันส่ายหัวให้ความคิดตัวเอง แล้วฟังกฎที่ว่าต่อ
“สิ่งที่จะวัดคะแนนของคุณว่าใครจะได้ที่ 1 นั่นก็คือการโหวตจากท่านผู้ชมทางบ้านบวกกับคะแนน จาก 100 คะแนนของแต่ละคน....เพราะรายการนี้คือรายการเรียลลิตี้ ชีวิตจริงของพวกคุณจะถูกถ่ายทอดผ่านช่องพิเศษของเรา คนที่ได้ตำแหน่งจะได้รับรางวัลเป็นทุนการศึกษา จำนวน 10 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาตนเองให้เพอร์เฟ็กต์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป....เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะครับ”
ทุกคนหันมองหน้ากัน จริงอย่างที่ว่าเงิน 10 ล้าน หานานแค่ไหนถึงจะได้ ถ้าไม่ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง หรือบังเอิญแต่งงานกับเศรษฐีพันล้าน ดังนั้นฉันก็อยากได้รางวัลนี้เป็นของขวัญให้พ่อกับแม่ นอกจากจะได้เงินแล้ว ยังการันตีความสามารถได้อีก...
“ ฟังกฎต่อไปนี้ให้ดีนะครับ”
ข้อที่ 1 : ห้ามนำโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารใด ๆ เข้าร่วมในรายการ
ข้อที่ 2 : มีเวลาส่วนตัวที่ไม่ได้ออนแอร์วันละ 6 ชั่วโมง โดยภารกิจจะเวียนไปในแต่ละวันไม่เหมือนกัน เช่น ในวันพรุ่งนี้งดออนแอร์ตั้งแต่เวลา 06.00 – 12.00 น. วันถัดไปงดออนแอร์ตั้งแต่เวลา 12.00 – 18.00 น. วนไปเรื่อย ๆ ตามเข็มนาฬิกา
ข้อที่ 3 : จะมีการโหวตรูมเมทที่ประทับใจประจำสัปดาห์ และคนนั้นจะได้คะแนนเพิ่ม 5 คะแนน
ข้อที่ 4 : หากผู้เข้าร่วมรายการทำผิดกฎหรือมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมร้ายแรง ทางทีมงาน สามารถยกเลิกการเข้าร่วมรายการได้
และ ข้อที่ 5 : เมื่อจับคู่รูมเมทหรือคู่นอนในห้องแล้ว ห้ามเปลี่ยนคู่โดยเด็ดขาด
เราต่างคนต่างซุบซิบกัน เพื่อนที่สนิทกันอย่างฉันกับสไปรท์ เต้ยกับกานต์ น้องก้อยกับน้องดาว น้องออยกับน้องขนมปัง ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็คงต้องปรับตัวกันเยอะเลยล่ะ
“เราจะมีการจับสลากเพื่อเลือกรูมเมทกันครับ เชิญของขวัญมาจับคนแรกครับ”
ฉันลุกขึ้นเดินไปถึงหน้ากล่องกระดาษสี่เหลี่ยมที่ถือโดยคุณพิธีกร แต่ก็วายล้วงมือไปพร้อมกับเหลือบมองหน้าใครบางคน ทำไมเธอช่างมีอิทธิพลกับฉันจริง ๆ เลยนะ สไปรท์มองฉันจับสลากอย่างลุ้น ๆ ฉันเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ห้องที่ 1 ครับ”
ฉันเดินกลับมานั่งที่เดิม สไปรท์เดินผ่านฉันไม่พูดอะไร ก่อนเอื้อมมือไปจับสลาก ถ้าฉันมองไม่ผิด เธอถอนใจเล็ก ๆ เมื่อเห็นตัวเลขในสลากนั้น
“ห้องที่ 2 ครับ”
กลับเป็นฉันที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมนะ? ทำไม วันนี้มีแต่คำถามว่า ทำไม? กับอีแค่คำถามเมื่อตอนเช้าที่ฉันคุยกับสไปรท์ ทำไมถึงต้องรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทั้งที่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เข้ามาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ทำไมต้องคอยมอง คอยสนใจเธออยู่เรื่อยเลยนะ หรือความรู้สึกเมื่อปีที่แล้วจะกลับมาอีกครั้ง
-----------
“ไปรท์ เธอไม่คบกับไผ่ได้มั้ย”
“เหตุผล?”
“ฉันแค่รู้สึกไม่ถูกชะตา”
“แค่นั้น....”
“อือ แค่นั้น”
“ถ้าเหตุผลแค่นั้น...ก็คงห้ามฉันไม่ได้หรอกขวัญ”
“เธออยากคบกับไผ่มากใช่มั้ย”
“ก็ยังดีกว่าคบกับเธอ”
“ดีกว่ายังไง”
“เธอมันดีเกินไปขวัญ ฉันไม่ดีพอสำหรับเธอหรอก”
-------------
เหตุผลน้ำเน่าที่คนเขาบอกเลิกกันมันมีอยู่แค่นี้หรือไง หลังจากวันนั้นฉันก็ทำใจ เสียสละความรู้สึกของฉันให้มันหลบไปไกล ๆ แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม จนกระทั่งวันนี้ ผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันหวั่นไหวอีกครั้ง ฉันหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงป็อปคอร์นดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ตอนนี้เราก็จับสลากครบทุกคนแล้วนะครับ สรุปได้ดังนี้
“ห้องที่ 1 ขวัญกับน้องดาว”
“ห้องที่ 2 สไปร์ทกับน้องออย”
“ห้องที่ 3 กานต์กับน้องก้อย”
“ห้องที่ 4 เต้ยกับน้องขนมปัง”
“กรุณาจำรูมเมทของคุณ และอย่าสับเปลี่ยนคู่ตามอำเภอใจเด็ดขาดนะครับ ตอนเย็นนัดรวมตัวกันตอนหกโมงเย็น”
ฉันถอนหายใจยาว ๆ อีกครั้ง มองดูอีกคนที่ลากกระเป๋าไปพร้อมกับน้องออย สาวน้อยน่ารัก แต่เงียบขรึมจนดูมืดมนไปนิดนึง ส่วนฉันก็ช่วยน้องดาวยกกระเป๋าคิตตี้ใบกะทัดรัดเดินเข้าไปในห้องของเรา ที่มีเฟอร์นิเจอร์คล้าย ๆ คอนโดหรู น่าอยู่เหมือนกันแฮะ แต่ถ้ารูมเมทร่วมห้องเป็นคน ๆ นั้นก็น่าจะดี
“พี่ขวัญ ห้องน่ารักจังเลยค่ะ” เพื่อนร่วมห้องของฉันเอ่ยขึ้น ฉันจึงเบนความสนใจจากการมองสิ่งที่ตกแต่งตามผนังห้อง มาสนใจเด็กน้อยที่ตอนนี้ยิ้มจนแทบจะมองไม่เห็นลูกกะตาอยู่แล้ว
“อือ โอเคมากเลย พี่ดีใจนะที่ได้ร่วมห้องกับน้องดาว” ฉันยิ้มให้ แม้คำพูดจะดูสวนทางกับความรู้สึก แต่อย่างน้อยมีน้องชมรมอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีไปอย่าง
“ดาวก็ดีใจมากเลยค่ะ ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” เด็กน้อยโค้งศีรษะลง จนฉันตั้งรับแทบไม่ทัน จึงจับมือน้องเขาไว้แล้วบีบมือสร้างกำลังใจ
“เรามาสู้ไปด้วยกันนะ” ฉันพูดพลางส่งสายตามุ่งมั่น แต่กลับทำให้อีกคนอายม้วน คลายมือออกจากฉัน แล้วบิดตัวไปมา เอ๊ะ! หรือคนตรงหน้าจะไม่สบายรึเปล่า? ฉันจึงใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอเบา ๆ น้องดาวมองหน้าฉันนิ่ง ฉันเผลอสบตาคนตรงหน้า
“น่ารักจัง”
เดี๋ยว ๆ ฉันพูดอะไรออกไป แถมยังทำให้อีกคนยิ้มหวานมากขึ้นไปอีก ฉันยิ้มให้กับดาวอีกครั้ง แต่สักพักก็ต้องหุบยิ้ม เมื่อมองไปทางประตูที่ฉันยังไม่ได้ปิด เห็นภาพของผู้หญิงห้องข้าง ๆ กับเพื่อนสนิทของดาวกำลังหยอกล้อกันอยู่ สไปรท์กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับก้อย รอยยิ้มแบบนี้เหมือนภาพซ้อนของฉันกับเธอที่เคยมีด้วยกัน ฉันก้มหน้าต่ำลง รู้สึกเหมือนน้ำตาคลอ ๆ ที่ใต้ตา ฉันได้ยินเสียงคนหน้าห้องเรียกชื่อฉันหลายครั้ง แต่ฉันไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้ จนคนข้าง ๆ สะกิดแขนฉันสองสามครั้ง พร้อมเรียกชื่อ
“พี่ขวัญคะ พี่ขวัญ”
ฉันพยายามรวบรวมความกล้า แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เงยหน้าขึ้นมาเผชิญกับคนตรงหน้า
“เป็นอะไรรึเปล่าขวัญ” สไปรท์เข้ามาแตะไหล่ฉัน
“แกไม่สบายรึเปล่า หน้าแดงมากอ่ะ” เธอใช้มือทั้งสองแนบที่แก้มสองข้างฉัน แล้วจับใบหน้าให้มองไปยังแววตาของเธอ
“เป็นอะไร” สไปรท์พยายามคาดคั้น โดยเลื่อนมือลงมาบีบมือฉันไว้ เราสบกับตากันนานพอที่คนที่อยู่กับสไปร์ทเมื่อกี้จะเดินเข้ามาหาเพื่อนของเธอที่ยืนอยู่ข้างฉัน
“ดาว พาฉันไปดูห้องทางนู้นหน่อยสิ” เป็นก้อยที่พูดขัดความเงียบขึ้นมา ส่วนดาวเองก็เหมือนจะรู้ว่าต้องทำอะไร เธอจึงเดินเกาะแขนก้อยออกไปจากห้อง และไม่ลืมที่จะปิดประตูเข้ามาให้เราด้วย
ฉันนั่งลงที่ปลายเตียงอย่างหมดแรง พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ตัวต้นเหตุนั่งลงข้าง ๆ ฉัน แล้วกุมมือฉันไว้ พลางเอาหัวเล็ก ๆ พิงที่ไหล่ของฉัน
“เป็นอะไร” สไปรท์ถามคำถามนี้อีกครั้ง
ฉันคลายมือออกจากการเกาะกุม แล้วลุกขึ้นมองออกไปยังกระจกที่เป็นวิวด้านนอก กอดอกครุ่นคิดถึงการกระทำของสไปรท์ ตกลงเธอจะเอายังไงกับฉันกันแน่ บางทีก็ทำเหมือนแคร์ บางทีก็ไม่สนใจกันเลยด้วยซ้ำ เธอต้องการอะไรจากฉัน....พลันความคิดบังเกิด ฉันหันกลับไปเพื่อจะไปถามอีกคน แต่ก็ต้องสะดุ้ง สไปรท์เดินมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้หน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเล็กเรียว ขนตาที่ยาวเป็นแพ ทำให้ฉันอดใจไม่ไหวที่จะขยับเข้าไปใกล้อีก จมูกของเราสัมผัสกันแผ่วเบา แต่ทว่าสไปรท์กลับเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีก่อน
“ไม่เป็นอะไรแล้วใช่มั้ย”
สไปรท์พูดโดยไม่มองหน้าฉัน ฉันเองก็ไม่มีอะไรพูดต่อ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันหน่วงมากเหลือเกิน แค่เห็นภาพที่เธอหยอกล้อ ยิ้มร่าเริงกับคนอื่น ฉันก็แทบจะทนไม่ไหว
เท้าของฉันก้าวไปอัตโนมัติ ก่อนที่อ้อมแขนจะรัดไปที่ตัวของอีกคนที่ยืนอยู่จากด้านหลัง เธอไม่ได้ขัดขืนการกอดของฉัน แต่ฉันรู้สึกได้ถึงการสั่นเทาของร่างกาย เสียงสะอื้นดังเบา ๆ ฉันซบลงที่ไหล่ของคนข้างหน้า หลับตาลง ปล่อยให้น้ำตาของเราค่อย ๆ ไหลไปพร้อม ๆ กัน
...................
6 โมงเย็น ณ ห้องโถง
พวกเราทั้ง 8 คนมารวมตัวกันเพื่อรับฟังข้อปฏิบัติในภารกิจแรกของวันพรุ่งนี้ แต่ละคนนั่งเรียงกันเป็นคู่ตามรูมเมทที่จับสลากได้
“เราจะเริ่มติดกล้องตั้งแต่เวลา 06.00 น. เพราะฉะนั้นให้ทุกคนตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมตามตารางของเรา ขอยืนยันว่าทางรายการไม่มีสคริปท์ใด ๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของพวกคุณเอง ไม่มีการบังคับ เพียงแต่ขอให้รักษาความเหมาะสมในฐานะผู้ที่ถูกโหวตเข้ามาแล้ว เงินรางวัลเป็นเพียงผลพลอยได้ แต่สิ่งที่พวกคุณจะได้รับโดยตรงคือความรัก ความผูกพัน ประสบการณ์ดี ๆ ขอให้ทุกคนตั้งใจ และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ขอบคุณครับ”
เราปรบมือให้พี่โปรดิวเซอร์หลังจากพูดจบ เราก็แยกย้ายไปกินข้าวที่โต๊ะอาหารที่มีอาหารชั้นดีวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ ฉันนั่งลงคนแรก ก่อนที่ดาวจะนั่งลงข้าง ๆ และยิ้มให้ฉันตาหยี สไปร์ทนั่งกับก้อยตรงข้ามกับฉัน ส่วนเต้ยกับกานต์นั่งฝั่งสไปร์ท และออยขนมปังนั่งทางฝั่งฉัน
“ขอบคุณนะก้อย” สไปรท์หันไปยิ้มหวานให้กับคนข้าง ๆ ที่ตักกับข้าวให้เธออย่างรู้ใจ ฉันทำได้แค่มองเท่านั้น เพราะฉันเองก็รู้ว่าสไปร์ทชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพียงแต่ฉันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะทำให้ได้
“เออ ถามจริงเหอะนะ สไปรท์สนิทกับก้อยมานานแล้วเหรอ ดูมุ้งมิ้งกันจัง” เป็นกานต์ที่ถามขึ้นมากลางวงข้าว จนฉันแทบสำลัก
“ก้อยเป็นน้องชมรมของเพื่อนเราน่ะ...ก็เลยสนิทกัน” สไปรท์ตอบอ้อมแอ้ม
“อ๋อ เราก็นึกว่าแอบกุ๊กกิ๊กกัน” กานต์ทำหน้าใสซื่อ
“อุ๊บ!” ก้อยสำลักน้ำ ปิดปากแทบไม่ทัน จนดาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามรีบหยิบทิชชู่แล้วเดินไปเช็ดปากให้ก้อย ไอ้ที่ดูมุ้งมิ้งน่าจะเป็นคู่นี้มากกว่านะ
“เป็นอะไรมากมั้ยก้อย” ว่าพลางยกแก้วให้คนสำลักดื่มน้ำเข้าไป สายตาห่วงใยของดาวที่มีต่อเพื่อน คงไม่เหมือนกับที่ฉันมีต่ออีกคนหรอกมั้ง ฉันแค่คิดไปเอง
“ฉันไม่เป็นไรดาว ขอบใจมากนะ” ก้อยตบมือดาวที่จับไหล่ตัวเองไว้
“โอเครึเปล่า? ” คนข้าง ๆ ก้อยถามขึ้นมา พร้อมเอามือลูบหลังเบา ๆ
“โอเคค่ะ กินข้าวต่อเถอะ” สองคนยิ้มให้กัน สไปรท์ตักกับข้าวให้ก้อย....แล้วลูบหัวน้องคนนั้น
เจ็บ! เจ็บมาก....
ครืดดดด! เสียงเก้าอี้ ทำให้ทุกสายตามองมาที่ฉัน ฉันตัดสินใจเดินไปจากตรงนี้ ที่ที่มีเธอกับเขาอยู่ ที่ที่มันไม่ใช่ของฉันอีกต่อไป
“ฉันเลิกกับไผ่นานแล้ว......แต่ตอนนี้ฉันกำลังคุยกับก้อย”
ประโยคสุดท้ายก่อนที่ฉันจะคลายอ้อมกอดในตอนนั้น.....
ผ้าห่มผืนหนาถูกจับมาคลุมหัวในท่านอนคว่ำของฉัน น้ำตาไหลออกมาอย่างอัดอั้น ฉันร้องไห้ไปนานเท่าไหร่ไม่รู้....แต่ตอนนี้มีอ้อมแขนเล็ก ๆ โอบมาที่ฉัน แต่คน ๆ นั้นกลับจับผ้าห่มที่ฉันกำลังจะเปิดเอาไว้
“พี่ขวัญยังมีดาวนะคะ”
เจ้าของเสียงกระชับกอดให้แน่นขึ้น ฉันกอดตอบ อย่างน้อยฉันก็รู้สึกอบอุ่นมากขึ้น แม้สัมผัสของกอดนั้นจะมีผ้าห่มมากั้นระหว่างเราก็ตาม
ลงชื่อ......ของขวัญ
21 กันยายน
--------------------------------------------------
จบไปแล้ว...สำหรับตอนแรกของภารกิจ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...!
สิ่งที่จะดำเนินไปต่อไปนี้...คือสิ่งที่ไรเตอร์....อยากทำร่วมกับรีดเดอร์ ก็คือการโหวตคนที่จะอยู่ต่อ 4 คนสุดท้ายนั่นเอง เมื่อภารกิจถึงวันที่ 15 จะปิดการโหวต และการแต่งฟิคนี้จะดำเนินต่อไปตามทิศทางของรีดเดอร์อยากให้เป็น ท่านอยากให้ใครอยู่ต่อ เชิญโหวตได้เลยค่ะ
กด vote ที่นี่ https://polldaddy.com/poll/8610430/
ความคิดเห็น