คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ภารกิจที่ 6 : รักเกินรัก มักทำลาย
ภารกิจที่
6 : รักเกินรัก มักทำลาย
“พี่ก้อย”
เสียงเพ้อของคนป่วย ทำให้ฉันที่นอนอยู่บนโซฟาข้าง ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก....
ฉันอาสานอนเฝ้าเพื่อนรักที่เพิ่งทำร้ายตัวเองจากคนใจร้ายที่เธอเพิ่งเรียกชื่อเมื่อครู่ ฉันถอนหายใจเล็ก ๆ ลุกขึ้นไปดูขนมปังที่พลิกตัวไปอีกด้าน พลางก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากเพื่อนรักเบา ๆ
“ตัวร้อนจี๋เลย”
ฉันพูดกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบกะละมังใบเล็กข้าง ๆ เตียงไปใส่น้ำ แล้วควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าสะพาย บิดหมาด
แล้วบรรจงเช็ดตัวให้คนที่นอนอยู่...
“พี่ก้อย....พี่ก้อย”
เสียงแหบแห้งของขนมปังเหมือนจะเพ้อด้วยพิษไข้ รำพึงรำพันหาคนที่ทิ้งเธอไปอีกแล้ว คิดแล้วก็น่าหงุดหงิด หลังจากที่อาการของขนมปังพ้นขีดอันตรายแล้ว ก็ดูเหมือนพี่ก้อยจะแค่รู้สึกผิดเท่านั้น ฉันเห็นเขาทำหน้าเศร้า แล้วก็โทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ขนมปังเป็นแบบนี้ แต่บางทีฉันอาจต้องกลับไปทบทวน...ว่าความจริงแล้ว คนที่ผิดจริง ๆ อาจจะเป็นฉันก็ได้
ฉันพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ก้อยและพี่ดาวมาระยะหนึ่ง ตั้งแต่ยังไม่เข้าไปบ้าน The
Roommate นั่นด้วยซ้ำ
เพราะทั้งสองคนก็เป็นคู่จิ้นคู่ดังประจำโรงเรียนที่หลาย ๆ คนพูดถึง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคู่จริงอะไร เพราะช่วงนั้นก็เห็นพี่ก้อยอัธยาศัยดี จนเรียกว่าเนื้อหอมเลยก็ว่าได้ ทั้งผู้หญิงผู้ชายดูจะชื่นชอบเธอทั้งนั้น รวมทั้งเพื่อนของฉันด้วย ส่วนพี่ดาวก็เห็นสนิทกับพี่ขวัญ ซึ่งอาจจะเพราะอยู่ชมรมเดียวกันก็ได้
“พี่ก้อย”
เสียงเพ้อดังขึ้นมาอีก ทำลายความคิดของฉันโดยฉับพลัน ....
“ปัง”
ฉันแตะที่แก้มของคนที่นอนอยู่เบา ๆ
“พี่ก้อย....อย่าทิ้งปัง
พี่ก้อย...”
สวบ!
ปังพุ่งตัวพรวดมากอดฉันที่ตั้งตัวแทบไม่ทัน....ฉันลูบผมคนตรงหน้าไปมา ปังกอดฉันแน่นขึ้น สัมผัสได้ว่ามีน้ำอุ่น ๆ
เปียกอยู่ที่ไหล่ของฉัน
“เลิกร้องไห้ให้คนใจร้ายแบบนั้นได้แล้ว”
ตกลงคือปลอบ หรือซ้ำเติมไม่รู้ ปังสะอื้นหนักขึ้นไปอีก พูดจนจะไม่เป็นภาษา
“อะ ออย....ฉะ
ฉัน....ฉัน ระ รัก ...พะ พี่ กะ ก้อย ฮือออออออ”
นี่ล่ะนะ “ความรัก”
รักมาก เจ็บมาก....
“เขามีคนในใจอยู่แล้ว แกอย่าหลอกตัวเองดิ”
ฉันพยายามพูดให้ปังตัดใจจากอีกคน
“ฉันไม่อยากเสียเขาไป....”
ขนมปังผละออกจากฉัน เช็ดน้ำตาป้อย ๆ สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ดวงตาแข็งกร้าวขึ้น
“ฉันจะทำทุกอย่าง....เพื่อให้ได้พี่ก้อยกลับมา”
ลงชื่อ....ออย...
......................
มุมสี่เหลี่ยมบนเพดานห้องในคอนโดหรู กำลังลอยเป็นภาพทับซ้อนกัน โลกเหมือนกำลังหมุนติ้ว ติ้ว
ติ้ว......
“พอแล้วก้อย พี่เวียนหัวแล้วนะ”
ฉันพูดพร้อมกับดึงแก้วจากมือของรุ่นน้องมาไว้ในมือตัวเอง
“พี่เมาแล้วก็ไปนอนไป....ก้อยยังเฉย
ๆ อยู่เลย”
ปกติฉันคอแข็งพอสมควร
กะอีแค่แอลกอฮอล์ไม่กี่แก้วไม่อาจทำให้ฉันสะทกสะท้านได้ ยกเว้นวันนี้ที่กินไปแค่ไม่กี่แก้ว รู้สึกว่าสมง
สมองไปหมดแล้ว...แต่คนตรงหน้านี่สิที่ทำให้ฉันเป็นห่วง เพราะกินไปเยอะเลยทีเดียว แต่ยังไม่มีท่าทีจะเมาง่าย ๆ ....หรือเพราะสิ่งแย่ ๆ ที่ถาโถมมาพร้อม ๆ
กัน
จะทำให้ความรู้สึกมันด้านชาไปหมดแล้วนะ
ก้อยกระดกแก้วน้ำสีเหลืองอ่อน ๆ
นั่นลงคออีกครั้ง อาจด้วยฤทธิ์ของความขมที่ทำให้คนที่ฉันเพิ่งคิดว่าคอแข็งเมื่อครู่หยีตาด้วยรสของมัน ก้อยวางแก้วลง
เอนหัวพิงที่นั่งโซฟา
หลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา
“พี่ไปรท์ ก้อยเหนื่อย
ฮือๆ”
โธ่! ก้อย....ฉันมองคนตรงหน้าด้วยความสงสารจับใจ
...........................
ติ๊ก
ต้อก ติ๊ก ต้อก....
เสียงนาฬิกาในห้องยังเดินไปเรื่อย
ๆ ตามวิถีทางของมัน ...ตอนนี้หกทุ่มกว่าแล้ว
...ฉันกับก้อยยังจับแก้วน้ำไว้กับตัวเหมือนกลัวมันจะหายไป
...ก้อยกำลังตาปรืออย่างเห็นได้ชัด
คงจะเมาจริง ๆ แล้วสินะ
“ไม่มาววววว ไม่มาวววววว
อาวอีก อาวอีก”
พูดทั้ง ๆ
ที่ตอนนี้....หน้าฟุบอยู่ที่โซฟา
พลางก็เรียกชื่อคนนั้นคนนี้สลับกัน
“ปัง....พี่ขอโทษ....ดาว....ฉันขอโทษ”
ก้อยพูดซ้ำ ๆ
แบบนี้ไม่รู้กี่รอบ....แต่ฉันไม่เบื่อหรอกนะ...ฉันเข้าใจ เข้าใจทุกอย่างดี...ว่าความรักมันมีอานุภาพมากแค่ไหน
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตู ทำให้ฉันชะงักแก้วที่กำลังจะยก แล้วเดินไปต้อนรับแขกที่มาเยือน
“อ้าว ดาว...มาแล้วเหรอ”
ฉันทักทายคนที่จะเข้ามาโดยไม่รู้สึกตกใจ เพราะฉันเป็นคนโทรให้ดาวมาดูใจก้อยเองแหละ ...
แต่ที่ตกใจนั่นก็คือคนข้างหลังที่เดินมาสมทบต่างหาก
“ขวัญ”
........................................
ขวัญนั่งพิงโซฟาตรงข้ามกับฉันที่นั่งผสมเหล้ากะโซดาอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนจะยื่นให้คนตรงหน้าที่ทำหน้าขรึมอยู่
“ซักแก้วมั้ย...คุณประธาน”
ขวัญส่ายหน้าเล็กน้อย...
“ไม่ล่ะ...มันดีตรงไหนไอ้เหล้าเบียร์เนี่ย...ถามหน่อยเหอะ”
รู้สึกเหมือนกำลังถูกสอบปากคำยังไงก็ไม่รู้แฮะ ฉันเลยตอบไปแบบไม่ยี่หระ
“อย่างน้อยก็ช่วยให้ลืมอะไร
ๆ ร้าย ๆ ได้ไปชั่วเวลาหนึ่งแหละ”
“แล้วพอหายเมา สิ่งร้าย ๆ ก็อยู่กับเราต่อ”
ขวัญพูดพร้อมกับจ้องหน้าฉันนิ่ง ฉันพูดไม่ออกเหมือนกัน มือยังกำแก้วใบนั้นอยู่ แล้วตัดสินใจกระดกมันครั้งเดียวจนหมดแก้ว ด้วยความเข้มของมัน ทำให้สมองตอนนี้เริ่มจะเบลอ ๆ
เพิ่มไปจากอาการมึน ๆ ในตอนแรก ฉันขยับเข้าไปหาขวัญ ชี้หน้าคนข้างหน้า
“เหมือนกับสิ่งร้าย ๆ
กำลังอยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้ไง”
ขวัญไม่ตอบ แต่รวบตัวฉันเข้าไปกอด ตอนนี้หน้าเราสองคนอยู่ใกล้กันมาก มากเสียจน
อีกไม่กี่เซ็นมันต้องสัมผัสกันแน่ ๆ
...ฉันพยายามผลักขวัญออก
แต่ดูเหมือนขวัญจะยิ่งรัดตัวฉันแน่นขึ้น
...
“ฉันเป็นสิ่งร้าย ๆ สำหรับแกงั้นเหรอ”
“.................”
“ฉันไม่เคยเป็นสิ่งดี ๆ
ของแกเลยสินะ”
เพี๊ยะ!
ฉันตบหน้าขวัญด้วยความโมโห ....ขวัญเป็นคนโลเล ไร้ทิศทางแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ทั้ง ๆ ที่การทำหน้าที่เป็นประธานนักเรียน ขวัญตรงไปตรงมา และทำหน้าที่ที่ดีได้อย่างเต็มเปี่ยม แต่ทำไมบทบาทในชีวิตถึงได้งี่เง่า ไม่มีเหตุผลแบบนี้
“ตัดพ้อเพื่ออะไรขวัญ แกเป็นอัลไซเมอร์รึไง แกเป็นคนปล่อยให้ฉันไปหาออย แล้วแกมาพูดแบบนี้ทำไมวะ....
แกมันคนโลเล เดี๋ยวก็มาง้อ
เดี๋ยวก็หายไป
เดี๋ยวก็อยากให้ฉันมีคนใหม่
เดี๋ยวก็อยากให้กลับไปเหมือนเดิม แกเป็นบ้ารึไงวะ”
ฉันพูดจบก็ทุบไหล่คนโลเลซ้ำ ๆ แต่ขวัญไม่ปัดป้อง จนฉันต้องหยุดเอง แล้วมองอีกคนด้วยน้ำตา
“แกอยากให้ฉันคบกับออย ฉันก็ทำให้อยู่นี่ไง จะต้องการอะไรอีก”
ฉันพูดได้แค่ประโยคนั้น ขวัญก็ดึงฉันเข้าไปจูบอย่างรวดเร็ว ด้วยฤทธิ์น้ำเมาที่ดื่มเข้าไปทำให้ร่างกายฉันอ่อนปวกเปียกตามไปด้วย พลันมือก็วาดไปที่คอของผู้กระทำ แล้วดึงรั้งเข้ามาหาตัวเองเข้าไปอีก ...
เรากวัดเกี่ยวลิ้นกันไปมา ริมฝีปากยังอยู่ที่กันและกันอยู่ ....
ตุ๊บ!
เสียงของบางอย่างกระทบพื้น ทำให้ฉันกับขวัญผละออกจากกัน
มองไปเป็นดาวกำลังก้มเก็บกะละมังใบเล็กขึ้นมา
“ขอโทษค่ะ”
ดาวเอ่ย แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนของฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันหันมาสบตากับขวัญพอดี เราต่างเคอะเขินกัน ....จากที่เมาเมื่อกี้เลยเริ่มจะสร่างเมาขึ้นมาทันใด ...ขวัญกุมมือฉันไว้
“ฉันรู้ว่าฉันทำให้แกรู้สึกไม่ดี รู้สึกแย่ตลอดเวลา ...ฉันคงไม่คาดหวังว่าฉันจะเป็นสิ่งดี ๆ
ในชีวิตแก แต่หากฉันจะเป็นสิ่งร้าย ๆ
สำหรับแกแล้ว....แกก็อย่าเกลียดฉันได้ไหม....
ไม่รักก็ได้....แต่อย่าเกลียดกันนะ”
ฉันพุ่งตัวเข้าไปกอดขวัญ พลางเช็ดน้ำตาตัวเองที่ไหลออกมาอีกครั้ง...
“ฉันไม่เคยเกลียดแก...ไม่เคยเลยสักครั้ง..”
“งั้นเรา..........”
RRRRRRRRRrrrrrrr เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตัดบทสนทนาของเรา
ฉันมองดูเบอร์ที่หน้าจอแล้วมองที่หน้าขวัญสลับกัน ...ซึ่งขวัญพยักหน้าให้ฉันกดรับ
“อือ....ออย ......หา!”
ฉันมองหน้าขวัญ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปเคาะประตูห้องนอน
“ฝากดูแลก้อยด้วย....พี่ต้องรีบไปโรงพยาบาล....ขนมปังกินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไป ตอนนี้กำลังล้างท้อง”
ขวัญจับมือฉันไว้ พยักหน้าเหมือนรู้กัน รีบเดินออกไปกลางดึกนั้น
ลงชื่อ....สไปรท์....
..........
ประโยคเมื่อครู่ ทำให้ฉันตกใจอยู่ไม่น้อย
หันไปดูตัวต้นเหตุที่นอนหลับใหลไม่รู้สึกรู้สา แต่เพราะก้อยเครียดมากกับเรื่องนี้ต่างหาก ถึงได้กินเหล้ามากมายขนาดนี้
ฉันหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่บิดหมาดมาเช็ดตัวให้กับคนขี้เมาที่แม้จะหมดสภาพ แต่ก็ไม่ทำให้ใบหน้าคมที่ดูดีนั้นหายไป ...ฉันบรรจงเช็ดไปตามใบหน้า แล้วเลื่อนมาตามซอกคอช้า ๆ...
“ดาว....ดาว”
คนเมาเพ้ออย่างไร้สติ ทำให้ฉันอดยิ้มไม่ได้ที่มีชื่อฉันปรากฏออกมา
“ปัง....”
ฉันหุบยิ้มในทันที ...ทำไมต้องมีชื่อคนอื่นปนอยู่ในความรู้สึกด้วย ทำไมไม่มีฉันคนเดียวฮะ! ก้อย....
ฉันเม้มปากด้วยความโมโห แล้วเช็ดตัวอีกคนด้วยน้ำหนักที่แรงขึ้น
“ดาว...ดาว...โอ๊ย!
เบา ๆ”
ก้อยสะลึมสะลือ ปรือตาขึ้นมา
แล้วคว้าข้อมือฉันไว้...พลางกุมหัวตัวเอง
พยุงตัวขึ้นมาพิงหัวเตียง
“ดาว....”
ก้อยเรียกฉัน แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่นัก ...ฉันใช้อุ้งมือโอบแก้มทั้งสองของคนตรงหน้าไว้....แล้วเขย่าเพื่อเรียกสติ
“ก้อย ก้อย”
ก้อยลืมตาขึ้นมา ก่อนจะสะดุ้งจนตัวโยน
อ้วก!
เต็ม ๆ....
เสื้อผ้าของฉันเต็มไปด้วยอาหารการกินนานาๆ
ชนิด ที่มันพวยพุ่งออกมาจากปากของก้อยเมื่อกี้
ถ้ามันออกมาในรูปของอาหารดี ๆ ก็คงจะดี
แต่นี่....อี๋ >>>>
ฉันหยีหน้า...แล้วรีบเดินไปหาอุปกรณ์มาทำความสะอาด ...เพราะกลัวเจ้าของห้องกลับมาคงได้บ่นกันหูชาแน่
ๆ
.......
ฉันซักเสื้อที่เปื้อนคราบอาเจียน กลิ่นคละเคล้ากับน้ำหอมของคนที่นอนอยู่ กลิ่นที่คุ้นเคย...ไม่สิ...ที่เคย เพราะว่าไม่ได้คุ้นนานแล้ว หลังจากที่อีกคนคงจะไปคุ้นกับคนอื่นมากกว่า
ฉันขยี้เสื้อไป...พร้อม ๆ
กับคิดถึงเรื่องราวเก่า ๆ....
ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกกับก้อยมากกว่าเพื่อนตั้งแต่ตอนไหน...เพราะเราสนิทกันมาก...มากเสียจน มันมองข้ามคำว่าความรัก เป็นคำว่าความผูกพันไปซะแล้ว...
เราเรียนห้องเดียวกัน เรานั่งด้วยกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอ แม้จะมีแอลซึ่งเป็นเพื่อนร่วมแก๊งโลกสวยอีกคน แต่แอลก็เป็นเสมือนไม้ประดับเท่านั้น นี่ฉันไม่ได้ตีค่าแอลน้อยไปใช่มั้ย
...แต่ฉันกลับให้ความสำคัญกับเพื่อนอีกคนมากกว่าจริง ๆ
มีหลายครั้ง ที่ฉันโทรชวนก้อยมาค้างที่บ้าน แต่ไม่ได้ชวนแอล
มีหลายครั้ง ที่ฉันกับก้อยไปดูหนังด้วยกัน แต่ไม่มีแอล
มีหลายครั้ง ที่ฉันกับก้อยไปกินข้าวด้วยกัน แต่ไม่มีแอล
และอีกหลาย ๆ ครั้ง ที่ฉันจะนึกถึงก้อยก่อนที่จะคิดถึงแอล
บางที....ฉันอาจจะรู้สึกดี ๆ
กับก้อยมาตั้งนานก็ได้...เพียงแค่ไม่รู้ใจตัวเองเฉย ๆ
....เอาแต่คิดว่าตัวเองคงจะชอบพี่ขวัญ
เพราะประทับใจพี่เขาตั้งแต่แรกเจอ
แต่ไป ๆ มา ๆ พออยู่ใกล้กับพี่ขวัญ
ก็รู้สึกเพียงว่าพี่ขวัญเป็นพี่สาวที่น่ารักที่คอยดูแลฉันเป็นอย่างดีเท่านั้น
ฉันสะบัดผ้า แล้วใส่ไม้แขวนตากตรงขาแอร์ด้านนอกระเบียง
ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของฉันกับก้อยที่ผ่านวีรกรรมมาเมื่อสักครู่
อ่ะ ! อ่ะ! อย่าคิดว่าตอนนี้ฉันโป๊ หรือใส่แค่ผ้าขนหนูผืนเดียวนะ ....หลังจากที่ชุดของฉันอุดมด้วยผลิตภัณฑ์ สิ่งบริโภคต่าง ๆ นานาของก้อย ฉันก็ไปอาบน้ำ
แล้วก็ถือวิสาสะค้นตู้พี่สไปรส์เพื่อหาชุดที่จะใส่ชั่วคราวก่อน ...แล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อีกคน พร้อมทั้งเช็ดตัวให้อีกรอบ ^//////^
“ดาว”
เสียงเรียกชื่อฉันดังขึ้น
ทำให้ฉันเอี่ยวตัวไปหาเจ้าของเสียงที่นอนพลิกไปพลิกมา พลางกอดอก
เนื่องจากอากาศเย็นเพราะเครื่องปรับอากาศในห้องที่เห็นตัวเลขในรีโมทแล้วถึงกับเหวอ
“18 องศา”
“พี่สไปรท์กะจะแช่แข็งก้อยเลยเหรอเนี่ย”
ฉันพูดคนเดียว แล้วกดเพิ่มอุณหภูมิไปยังเลข 25
ซึ่งเป็นเลขมาตรฐาน
ทั้งประหยัดไฟอีกต่างหาก
วุ่นวายกับสภาพอากาศในห้องมากพอแล้ว ฉันนั่งลงข้าง ๆ
ใกล้ยัยตัวปัญหาที่นอนขดอยู่ใต้ผ้าห่ม
...ฉันค่อย ๆ ปัดไรผมที่ตกมาปลกหน้าแล้วลูบหัวไปมาเชิงหมั่นเขี้ยว
“ดาว”
ก้อยเพ้อขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง....ฉันแอบดีใจนิด
ๆ ที่ชื่อนั้นยังเป็นฉันอยู่
“ดาว”
ฉันล้มตัวนอนลงข้าง ๆ คนขี้เพ้อ
ก่อนจะโอบกอดสร้างความอบอุ่นภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
“ก็อยู่ตรงนี้แล้วไง”
ฉันเลื่อนหน้าไปจูบที่หน้าผากคนตรงหน้าเบา
ๆ ด้วยกลัวอีกคนจะตื่น รู้สึกคิดถึงมากจนห้ามใจไม่อยู่ ....
“ดาว อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ”
ก้อยพูดจบก็ลืมตาขึ้นมาสบตากับฉัน
“หายเมาแล้วเหรอ”
ฉันใช้นิ้วชี้จิ้ม ๆ
ไปที่แก้มของก้อยไปมา
“สร่างเมาตั้งแต่แกจูบที่หน้าผากฉันแล้วล่ะ”
ก้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้ฉันนึกเขิน เลยตีที่ไหล่ของคนตรงหน้าไปหลายครั้ง....ก้อยจับมือฉันไว้ ก่อนดึงเข้ามากอด ที่ตอนนี้หน้าของเราชิดกันมาก ....ก้อยใช้จมูกคม ๆ นั้นถูที่จมูกของฉันไปมา
“ขอนอนกอดทั้งคืนได้มั้ย”
ฉันไม่ตอบ....แต่พลิกตัวมาอีกด้าน ซึ่งก้อยก็โอบกอดฉันไว้....จมูกของก้อยอยู่ใกล้
ๆ กับคอของฉัน ลมหายใจอ่อน ๆ
รดที่ต้นคอ
ทำให้รู้สึกใจเต้นตุบตับขึ้นมา...ฉันกุมมือก้อยที่พาดมายังลำตัวไว้...
อยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง....
ลงชื่อ.....ดาว.....
ฉันกับสไปรท์นั่งรถแท็กซี่มาถึงหน้าโรงพยาบาลก่อนจะรีบจ่ายเงิน และเดินจ้ำอ้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ภาพที่เห็นหน้าห้อง I.C.U
คือคุณพ่อ
คุณแม่ของขนมปัง
รวมทั้งพี่ชายของเธอ คือ ป็อบคอร์นนั่นเอง ทุกคนหันมาทันทีที่ฉันกับสไปรท์มาถึง
“ขนมปังเป็นไงบ้าง”
สไปรท์ถามป็อบทันที
“ก้อยไปไหน”
ป็อบถามเสียงเรียบ
“.....................”
“บอกฉันมาสไปรท์”
“.....................”
สไปรท์ยังนิ่งงัน...ไม่ยอมปริปากใด
ๆ
“มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ!!!!
”
สุดท้ายความอดทนของป็อบก็ไม่เหลืออีกต่อไป ตะคอกใส่หน้าเราทั้งสองคนด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“ไปลากตัวมันมารับผิดชอบชีวิตน้องฉัน....ถ้าขนมปังเป็นอะไรไป...ฉันฆ่ามันแน่”
ป็อกหันหลังเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดดาล....ขณะที่พ่อกับแม่ของขนมปังก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ฉันโอบไหล่สไปรท์ไว้เพื่อปลอบใจอีกฝ่ายที่ใจเสียไม่แพ้กัน....
“ไปรท์”
ออยมาจากไหนไม่รู้....ปัดแขนของฉันออกจากสไปรท์ ก่อนที่จะกึ่งจูงกึ่งลากไปนั่งอีกด้าน....
สไปรท์มองมาที่ฉัน น้ำตาคลอขึ้นมา ....ฉันพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ แล้วฝืนยิ้มให้...มองคนรักพรากไปจากอ้อมกอดต่อหน้าต่อตา....เจ็บดีเหมือนกัน
เรานั่งอยู่หน้าห้องเดิมอยู่พักใหญ่....จนกระทั่งคุณหมอเดินออกมา....เป็นออยที่พุ่งพรวดเข้าไปหาก่อน
“คุณหมอคะ....เพื่อนหนูเป็นไงบ้างคะ”
หมอขยับแว่นเล็กน้อย
“เพื่อนคุณปลอดภัยแล้วครับ”
ฉันสบตากับสไปรท์อยู่ไกล ๆ พลางถอนหายใจโล่งอก.....แต่กลับใจสั่นอีกครั้ง
เมื่อเห็นออยลูบหัวสไปรท์อย่างห่วงใย...ฉันเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น แล้วเดินออกไป
ภาพเก่า ๆ ทับซ้อนขึ้นมา...ตั้งแต่วันที่ฉันกับสไปรท์คบกัน จนวันที่เราห่างกันไปอย่างไร้เหตุผล ....จู่ ๆ ก็ไปไหนมาไหนกับไผ่ โดยที่ฉันตั้งตัวไม่ทัน....ฉันถูกบอกเลิกกลาย ๆ
เมื่อสไปรท์บอกว่าเธอไม่เหมาะกับฉัน....
มันใช่เหตุผลมั้ย?
หรือมันมีเหตุผลอื่นมากกว่านั้น
ฉันอยากถาม....อยากรู้คำตอบ....
แต่ตอนนี้มันยังสำคัญมั้ย? ที่ฉันจะรู้คำตอบนั้น....
ในเมื่อ....ไม่มีอะไรที่มันเหมือนเดิมอีกแล้ว
สไปรท์คบกับออย....
เขามีเจ้าของแล้ว....!
.......................
ฉันทิ้งตัวลงที่เตียงนอน ซึ่งทั้งห้องมีแต่หนังสือที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ....ฉันไม่ย้อนกลับไปที่คอนโดของสไปรท์อีก
ปล่อยให้ดาวกับก้อยปรับความเข้าใจกันตามสบาย ส่วนเรื่องของฉันกับสไปรท์ ปล่อยให้มันเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรมไปเถอะ
ฉันดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้า....พยายามข่มตาให้หลับ
RRRRRRrrrrrrrr
ฉันหยิบขึ้นมาอย่างเนือย
ๆ ...แต่ก็ต้องขมวดคิ้ว...เมื่อเห็นเบอร์
“สไปรท์”
ฉันเอ่ยชื่อเจ้าของเบอร์ ก่อนกดรับ
“อืม”
(ขวัญกลับบ้านแล้วเหรอ)
“อืม”
(ทำไมไม่กลับมาที่คอนโด พาดาวมาแล้วตัวเองก็หาย แบบนี้ใช้ได้เหรอ)
“อืม”
ฉันไม่พูดคำอื่นนอกจากการตอบรับที่ไม่ค่อยเป็นมารยาทที่ดีเท่าไหร่นัก ....
ก็อก! ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น....
“แค่นี้ก่อนนะ....แม่มา”
ฉันกดตัดสาย
แล้วเดินไปเปิดประตู....พลันเงยหน้าขึ้นมาก็ถึงกับสะดุ้ง
“ไปรท์”
สไปรท์ยักคิ้วใส่อย่างยียวน
“ก็ฉันไง....เห็นเป็นใครล่ะ”
สไปรท์พูดเสร็จก็เดินเข้ามาโดยไม่ต้องให้ฉันเชื้อเชิญ แล้วนั่งลงที่ปลายเตียง เอนตัวลงทาบไปบนที่นอน
“ทำไมมันมีแต่เรื่องวุ่นวายแบบนี้วะ”
ฉันเอนตัวลงไปนอนข้าง ๆ กัน ก่อนจะหันไปหาคนข้าง ๆ
“แล้วออยไปไหน ทำไมแกไม่ไปอยู่กับแฟน มาที่นี่ทำไม”
“.....................................”
ฉันมองหน้าสไปรท์ที่เงียบไป
“เดี๋ยวออยก็ตามมาแหกอกฉันหรอก”
ฉันพูดเชิงหยอกล้อ ไม่ได้จริงจังมากนัก แต่เห็นหน้านิ่ง ๆ ของสไปรท์ ทำให้ฉันหุบยิ้มไปทันที
“แกเป็นไรวะ ไปรท์”
“ฉันเบื่อว่ะขวัญ”
“เบื่อเรื่องแย่ ๆ
นี่น่ะเหรอ”
“เบื่อ....”
สไปรท์เว้นวรรค
แล้วหันมาที่ฉัน....ตอนนี้เราจ้องตากันอยู่ในระยะประชั้นชิด สไปรท์ใช้อุ้งมือทั้งสองประกบแก้มของฉัน
“เบื่อ....ที่ตัดใจจากแกไม่ได้สักที...”
ฉันอึ้งไปกับคำตอบ....ของคนตรงหน้า...รู้สึกใจเต้นแปลก
ๆ....ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี
ดีใจ...ที่ใจตรงกัน
หรือ...เสียใจ...ที่มันสายเกินไป
“แกอยากรู้มั้ย....ว่าทำไมตอนนั้น...ฉันถึงบอกเลิกแก แล้วไปคบกับไผ่”
ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้อีก...
“อยากรู้สิ”
...............
“แกมีอะไรดาวแล้วใช่มั้ย?”
ลงชื่อ.....ขวัญ......
.....................................
ฉันยังนั่งอยู่ที่เดิม....ตรงหน้าห้อง ICU
ที่ตอนนี้หมอยังให้ออกซิเจนกับขนมปังอยู่....ฉันนั่งบนเก้าอี้ แล้วพิงที่ผนังอย่างหมดแรง ....
“ฉันจะทำทุกอย่าง....เพื่อให้ได้พี่ก้อยกลับมา”
ประโยคสุดท้าย....ก่อนที่ฉันเดินออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก ....เพียงเวลาไม่ถึงห้านาที ทำให้ขนมปังคิดสั้นได้ขนาดนี้เลยเหรอ
นี่สินะ...เขาถึงเรียกว่า ความรักชนะทุกอย่าง แม้แต่คำว่า ถูกต้องและเหมาะสม
......
“ไปร์ท.....พี่ก้อยอยู่นั่นมั้ย รีบมาโรงพยาบาลด่วนเลย ตอนนี้ขนมปังกินยาล้างห้องน้ำเข้าไป อยู่ห้อง
ICU”
ปลายสายกดวาง....คงจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วอาจรีบมาในไม่ช้า....
ฉันกดเบอร์เตรียมโทรพี่ป็อบ
แต่ยังไม่กล้าโทร....สัมผัสหน้าจอไปมาอยู่หลายครั้ง จึงตัดสินใจกดปุ่มโทรออก ในเมื่อเรื่องมันบานปลายไปใหญ่....เราคงแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว
“พี่ป็อบ....ขนมปังอยู่ที่ห้อง ICU ค่ะ......”
หลังจากที่แจ้งข่าวสารให้แต่ละฝ่ายรับรู้แล้ว ฉันก็เดินกลับไปกลับมาด้วยความร้อนรน รู้สึกเป็นห่วงขนมปังมากจนบอกไม่ถูก ...อีกความรู้สึกก็คิดว่าตัวเองแย่ที่ดูแลเพื่อนไม่ดี ไม่งั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้
เวลาผ่านไปประมาณ 10
นาที
พี่ป็อบเข้ามาพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่
...ฉันเดินเข้าไปทักทาย
พร้อมทั้งอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ถ้าขนมปังเป็นอะไร....พี่ไม่ปล่อยไอ้ก้อยไว้แน่”
คำพูดของพี่ป็อบ ทำให้ฉันมองไปสองด้าน
บางที....อาจจะเป็นเพราะตัวขนมปังเองก็ได้ที่ไม่ยอมรับความจริงว่าพี่ก้อยไม่ได้รักเธอแล้ว เพราะพี่ก้อยมีคนอื่น ซึ่งเป็นคนที่มาก่อนตั้งแต่แรก เพียงแต่ขนมปังเข้าไปชุบมือเปิบเอาดื้อ
ๆ....หรือมันจะเป็นเวรกรรมที่ทำต่อกันไว้นะ
เรื่องมันถึงอิรุงตุงนังขนาดนี้
ตึก
ตึก
เสียงฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้
...จึงเห็นว่าเป็นพี่ขวัญกับแฟนของฉันเดินเข้ามา
...พี่ขวัญโอบไหล่สไปรท์ไว้....ฉันเห็นดังนั้นก็พยายามควบคุมอารมณ์สุดฤทธิ์ กำหมัดไว้แน่น
ก่อนจะเดินไปหาคนทั้งคู่
“ไปรท์”
ฉันพูดพร้อมกับดึงมือคนที่โอบไหล่ออก....ฉันมองพี่ขวัญเพียงหางตา ด้วยไม่อยากมีเรื่อง รู้สึกเจ็บแปลบ
ๆ....รู้สึกเหมือนกำลังจะโดนแย่งของรักไปจากมือยังไงก็ไม่รู้
...........
ฉันขยี้ตาไปมา ลุกขึ้น
...ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับบ้านแล้วเหมือนกัน...ตอนแรกว่าจะกลับพร้อมกับสไปรท์ แต่สไปรท์บอกว่ามีธุระด่วน ฉันก็เลยไม่ขัด เพราะฉันต้องรอถามรายละเอียดต่าง ๆ จากหมอก่อน
ฉันเดินไปที่หน้าโรงพยาบาล โบกรถแท็กซี่
ก่อนบอกจุดหมายที่ตั้งใจ
...............
ก็อก ๆ ก็อกๆ
ฉันเคาะประตูอยู่สองสามครั้ง แต่เจ้าของห้องไม่เปิด เลยถือวิสาสะ
หยิบกุญแจสำรองในกระเป๋าที่อีกคนให้ไว้มาไขประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย
ฉันมองไปรอบห้อง....เห็นขวดเหล้ากับขวดเบียร์ที่วางไว้ที่มุมห้อง
ขมวดคิ้ว.....แล้วเดินไปยังห้องนอนของเจ้าของห้อง....ตั้งท่าจะเคาะประตู...แต่เปลี่ยนใจ ชะงักไว้แค่นั้น แล้วยิ้มกริ่ม
ฉันไขประตูเข้าไปด้วยหวังจะเซอร์ไพรส์คนในห้อง....
แกร๊ก!
เสียงเปิดประตู พร้อมกับแสงสว่างที่สาดเข้าไปในห้อง ฉันค่อย ๆ ย่องเข้าไป แล้วเปิดผ้าห่มออกมาหมายจะแกล้ง ....แต่เป็นฉันที่เบิกตากว้าง
“พี่ก้อย....พี่ดาว”
ทั้งสองคนอยู่ในสภาพกอดกันอย่างสนิทแนบแน่น ...แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของฉัน
“ออย”
ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน...และคลายกอดจากกันทันที....คิด
ๆ แล้วก็โมโหแทนขนมปังจริง ๆ...อีกคนนอนครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่โรงพยาบาล แต่อีกฝ่ายนอนด้วยกันอย่างมีความสุข....
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะต้องทำโทษพี่ก้อยแทนขนมปัง....แต่กลับถามหาเจ้าของห้องมากกว่า เพราะคิดว่าจะกลับมาที่ห้อง....แล้วไปไหน
“พี่สไปรท์ไปไหนคะ”
พี่ก้อยกับพี่ดาวมองหน้ากัน.....แล้วส่ายหัวปฏิเสธ...ฉันจึงถอนหายใจ เดินออกไป
พร้อมจะปิดประตูให้
“ขอโทษที่รบกวนนะคะ”
......................
ฉันออกมานั่งอยู่ตรงโซฟาห้องนั่งเล่น แล้วกดโทรศัพท์หาเลขหมายที่ต้องการ
ตื้ด ตื้ด....ปิ๊บ
เสียงกดรับจากปลายสาย ฉันจึงรีบถามตามคอนเซ็ปต์
“ไปรท์อยู่ไหน”
“.......................................”
“ไปรท์”
ฉันร้องเรียกอีกครั้ง....
“โอ๊ย! ขวัญ....เจ็บนะ.....”
เป็นเสียงที่เข้ามาไม่ดังมากนัก....ทำให้ฉันรีบตัดสาย...ข่มกราม แล้วกำโทรศัพท์ไว้แน่น รู้สึกตาแข็งกร้าวขึ้นมาด้วยความโมโห
“พี่ขวัญ”
ลงชื่อ.....ออย
............................................
จบไปอีก 1 ตอน >>> ความวุ่นวายจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้วแต่อารมณ์ของไรท์เอง ฮ่า ๆ เนื่องจากช่วงนี้ทั้งทำงาน ทั้งเรียน ไม่ค่อยมีเวลามาอัพ ยังไงก็อย่าลืมกันน๊าาา ติดตามกันได้เรื่อย ๆ ค่ะ..
ปล. NC ถึงความเห็นที่ 311 นะคะ ขอโทษขออภัยที่ส่งช้า >>>
^_____^ สวีดัสค่ะ
ความคิดเห็น