คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ภารกิจพิเศษ : การเดินทางที่แสนพิเศษ
ภารกิจพิเศษ : การเดินทางที่แสนพิเศษ : หัวใจสั่งให้ทำ
“ฮ้าว!”
ฉันเอามือป้องปากแล้วบิดขี้เกียจไปมา พลางมือก็เอื้อมไปกดนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียงให้หยุดทำหน้าที่ของมันสักพัก
“04.30 น.”
วันนี้เราตื่นเช้ากว่าปกติ เนื่องจากมีภารกิจสำคัญสืบเนื่องจากเมื่อวาน คือ การนำสื่อการสอนทำมือของพวกเราที่ตั้งใจทำกันเมื่อวานไปมอบให้โรงเรียนที่ขาดแคลนงบประมาณในการสนับสนุนการศึกษา ซึ่งจุดหมายของเราก็คือโรงเรียนแถว ๆ ดอยปุย จังหวัดเชียงใหม่นู่นแหนะ
ดีเหมือนกัน ได้โอกาสไปเที่ยวผ่อนคลายบ้างก็ดี โดยพาหนะที่เราจะไปกันก็คือรถตู้ น่าจะใช้เวลาสัก 9 ชั่วโมงเห็นจะได้ เราจึงต้องออกเดินทางประมาณหกโมงเช้า เพื่อจะได้ไปถึงสักประมาณสามหรือสี่โมงเย็น ซึ่งตามตารางแล้วเมื่อไปถึงเชียงใหม่ ก็จะแวะนมัสการพระธาตุดอยสุเทพเพื่อเสริมสิริมงคลกันก่อนจะเข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนให้พร้อมที่จะทำภารกิจที่โรงเรียนในวันถัดไป
ว่าแล้ว....ก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ...ชำระร่างกายให้สดชื่นดีกว่า
....................
ฉันนั่งพิงโซฟา โดยมีเกมกดสุดที่รักอยู่ในมือเพื่อฆ่าเวลาในการรอคอยคนอื่น ๆ
“เล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมอง จึงเห็นใบหน้าของอีกคนในสภาพกลับหัว
“พี่ก้อย......เฮ้ย! ตายเลยอ่ะ”
ฉันทำหน้าบู้ใส่เกมตัวต่อสุดฮิตที่มัน Game Over ไปแล้ว
“สมน้ำหน้า” พี่ก้อยพูดพร้อมกับเอามือมายีหัวฉัน
ฉันเผลอจ้องหน้าคนเป็นพี่ แววตาคมคู่นั้นจะมีเจ้าของหรือยังนะ ถ้ามีก็คงไม่แปลก แต่ถ้าไม่มี อยากมีสิทธิ์เป็นคนโชคดีคนนั้นจัง
“สมมติว่าพี่เต้ยยังไม่มีแฟน ปังจะขอเป็นแฟนพี่เต้ยจริง ๆ เลย เอาสิ”
ประโยคสุดท้ายตอนชั่วโมงละลายพฤติกรรม ...เป็นการพูดเบี่ยงเบนความสนใจไปงั้นแหละ ความจริงอยากเขียนชื่อของอีกคนมากกว่า ทั้ง ๆ ที่วันนั้นก็ไม่มีใครเขียนชื่อพี่ก้อยไปด้วยซ้ำ รู้งี้น่าจะเขียนก็ดี....
.................
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
ฉันเดินชนกับผู้หญิงคนหนึ่งกลางโรงอาหาร น้ำแดงในแก้วพลาสติกนั่นพุ่งกระจายเต็มเสื้อของอีกฝ่าย ฉันรีบควักผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากระโปรงนักเรียนมาเช็ดให้คู่กรณีอย่างรีบร้อน พร้อมกับกล่าวขอโทษซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มองหน้าด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
“ไม่เป็นไรค่ะ....พี่เดินไม่ระวังด้วยแหละ มัวแต่มองร้านอาหาร”
ฉันเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาประสานไปกับคนตรงหน้า อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้นมาอัตโนมัติ ใจก็พลันเต้นตุบตับอย่างไม่รู้สาเหตุ
“พี่ก้อย”
ฉันเผลออุทานชื่อออกมา จนพี่ก้อยเลิกคิ้ว มองหน้าฉัน
“รู้จักชื่อพี่ด้วยเหรอ”
“ไม่รู้จักได้ไง ขวัญใจสาว ๆ ขนาดนี้” เป็นเสียงเล็ก ๆ ของพี่ดาวดังขึ้น ก่อนจะกอดคอเพื่อนรัก แล้วหันมาคุยกับฉัน
“ขอโทษแทนน้องด้วยนะคะ เพื่อนพี่ซุ่มซ่ามอย่างนี้แหละ ฮ่า ๆ”
พี่ดาวหันไปยิ้มหวาน พร้อมยักคิ้วใส่พี่ก้อย ส่วนพี่ก้อยก็ทำท่าค้อนใส่เพื่อนรัก
“ยังไงก็ขอโทษด้วยนะ น้อง....”
“ขนมปังค่ะ”
..................
“ปัง”
“.........”
“ปัง”
“.........”
“ปัง เฮ้! เหม่ออะไรเนี่ย”
ฉันสะดุ้งกับเสียงเรียกของออย เพื่อนสนิทของฉันที่เข้ามาแตะไหล่ฉันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แล้วพี่ก้อยหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ฉันชะเง้อมองซ้ายมองขวา แล้วถอนหายใจออกมา
“มองหาใคร”
ยัยออยเป็นคนขี้สงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ปล๊าว เปล่าเลย เปล่ามองหาใคร” ฉันเผลอขึ้นเสียงโวลุ่มดังไปหน่อยในจังหวะแรก
“ฉันว่าแกแปลก ๆ นะ” ออยทักฉันขึ้น
แต่ฉันก็ว่าแกแปลกเหมือนกันว่ะออย....เมื่อจู่ ๆ พี่สไปรท์ รูมเมทของออยก็เดินมาคล้องแขนคนที่กำลังคุยกับฉัน แถมยัยออยยังมีการอมยิ้มเขิน ๆ ...ก่อนจะยกกระเป๋ากับพี่สไปรท์คนละข้าง เสมือนใส่ลูกเหล็กเป็นสิบกิโล.....ทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่กระเป๋าเป้ใบนิดเดียวเนี่ยนะ...
เฮ้! ออย...ของฉันกระเป๋าเดินทางนะเว้ย! มาช่วยกันมั่งดิ ...แค่คิดในใจแค่นั้นแหละ เพราะอยู่ดี ๆ ก็มีฮีโร่มาคว้ากระเป๋าฉันไปถือเองซะแล้ว
“พี่ก้อย”
“เห็นทำท่าจะยก ไม่ยกซะที ก็ไม่หนักเท่าไหร่นิ....เอาไปแต่ชุดชั้นในเหรอ” พี่ก้อยแซว...ฉันจึงได้ทีตีไปที่ไหล่ของพี่ก้อย
“พี่ก้อย...อ่ะ”
ฉันหัวเราะคิกคักกับพี่ก้อยสักพัก ก็รู้สึกถึงรังสีอำมหิตจากที่ไหนสักแห่งจับจ้องมา....
“อ้าว! ดาว มา...ฉันช่วย” พี่ก้อยมีน้ำใจอีกแล้ว....มิเสียแรงที่ฉันเทคะแนน เป็นแฟนคลับเต็มตัว
“ไม่ต้องย่ะ....ไปช่วยน้องเลยไป” พี่ดาวมีงอน...สงสัยจะหวงเพื่อนที่มาช่วยคนอื่นล่ะสิ...
พี่ก้อยส่ายหัวเบา ๆ แล้วยิ้มออกมา ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่จูงมือฉันไปขึ้นรถ...
“รีบไปกันเถอะ....”
ฉันก้มมองมือที่พี่ก้อยกุมฉันอยู่อย่างนั้น ใจก็เผลอเต้นอีกแล้ว ....ฉันกรี๊ดในใจ...รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกเกาหลีที่แอบชอบพระเอกรอง แล้วเขามาทำดีด้วย แค่นี้ใจก็ล่องลอยถึงสวรรค์ชั้นไหนต่อไหนแล้ว
“06.00 น.”
ทุกคนทยอยขึ้นรถตู้จนครบทุกคน ....
ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเพื่อนสาวของฉันเปลี่ยนไป ดูร่าเริงสดใสผิดหูผิดตา แถมยังดูสนิทสนมกับพี่สไปรท์มากกว่าเดิมอีก
ออยถอดหูฟัง MP3 ของตัวเองออกข้างหนึ่ง แล้วเอาไปใส่ที่หูอีกข้างของพี่สไปรท์....ฟังเพลงอะไรกันนะ พี่สไปรท์ถึงเอาแต่ยิ้มไม่หุบอย่างนั้น แถมยังเอามือมาหยิกแก้มคนที่เป็นดีเจนั่นอีก...แต่ก็ดีเหมือนกันแหละ ออยจะได้ออกมาจากโลกส่วนตัวบ้าง เลิกกินน้ำเปล่าจืด ๆ แล้วมากินสไปรท์ซาบซ่าดีกว่า ....เฮ้ย! ๆ ไม่ใช่แล้ว....หมายถึงออยจะได้มีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
ฉันมองไปยังอีกคู่ คือ พี่เต้ยกับพี่กานต์ ที่พอจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าพี่เขาคบกันอยู่ เพราะฉันเป็นรูมเมทพี่เต้ย กว่าจะได้คำตอบก็คาดคั้นจนเสียน้ำลายไปเยอะพอสมควร ก็พี่เต้ยเล่นกั๊กอยู่นั่นแหละ จนฉันเจอหลักฐานจดหมายรักฉบับเล็กของพี่กานต์ที่ให้พี่เต้ยนั่นแหละถึงได้ยอมจำนน แต่พี่เต้ยก็ไม่อยากเปิดเผยอะไร ฉันก็เลยต้องเหยียบความลับนี้ไว้ ที่ไม่รู้ว่ามันเป็นความลับหรือเปล่า เพราะบางทีการแสดงออกความรักมันก็มักจะเผยออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัวเสมอ
ฉันเอนเบาะเดี่ยวลงเล็กน้อย พลันก็เหลือบไปเห็นพี่ขวัญกับพี่ดาวที่นั่งคู่กันอยู่เบาะหลัง....พี่ขวัญกำลังจัดทรงผมให้พี่ดาวให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหยอกล้อด้วยการดีดหน้าผากพี่ดาวไปหนึ่งที พี่ดาวก็เอาคืนด้วยการจับนิ้วพี่ขวัญมาหักเล่นจนอีกคนสะดุ้งโหยง ....ฉันมองภาพนั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้
“ยิ้มคนเดียวอีกแล้ว บ้าเปล่าเนี่ย” พี่ก้อยที่นั่งอยู่ข้างหน้าข้าง ๆ พี่เต้ยและพี่กานต์ทักขึ้นมา
“มีลูกอมมั้ย พี่รู้สึกว่าจะเมารถ”
ฉันควักหาลูกอมจากกระเป๋าเสื้อแขนยาวแล้วยื่นให้พี่ก้อยไปสองเม็ด....พี่ก้อยพลิกห่อลูกอมไปมา แล้วทักท้วงขึ้น
“กินฮาร์ทบีท....บำรุงหัวใจเหรอจ๊ะ” พี่ก้อยยิ้มออกมา....รอยยิ้มนี่สินะ ที่ทำให้ฉันหลงเสน่ห์...ตั้งแต่วันนั้นที่ฉันบังเอิญชนกับพี่ก้อย....จนถึงวันนี้ที่เรามีโอกาสอยู่ในบ้านเดียวกัน ฉันก็รู้สึกว่าฉันคิดไม่ผิดที่ปลื้มคน ๆ นี้....
น่ารัก...อบอุ่น...เป็นกันเอง...
นิยามของพี่ก้อยเขาล่ะ...
“ขอบใจนะ” เสียงพี่ก้อยทำให้ฉันตื่นจากความคิด....ฉันพยักหน้าให้แล้วเอนตัวลงกับเบาะ..
ครืดดดดดด
เสียงเปิดประตูรถตู้ ก่อนที่พี่ก้อยจะไล่ฉันให้เขยิบไปนั่งที่เบาะคู่ที่ยังไม่มีคนนั่งติดกับหน้าต่าง ส่วนพี่ก้อยก็เขยิบมานั่งกับฉัน ปล่อยที่นั่งของฉันเมื่อกี้ให้ว่าง...
“เขานั่งเป็นคู่กันหมด....เราจะนั่งเป็นคี่ได้ไง”
ฉันรู้สึกล่องลอยกับคำพูดนี้จัง....อยู่ดี ๆ ก็ได้ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองประทับใจแบบนี้....
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” อันนี้คือกรี๊ดในใจ....รู้สึกปลื้มปริ่มเป็นที่สุด
......................
เรานั่งรถไปได้สักพัก ฉันก็รู้สึกง่วง ๆ ...พลันตาก็ค่อย ๆ ปิดลง....แต่กลับรู้สึกถึงสัมผัสของคนข้าง ๆ ที่ดันหัวฉันให้มาซบที่ไหล่ของตัวเอง....พี่ก้อยปัดผมที่ปรกหน้าฉันขึ้น แล้วคนเป็นพี่ก็เอนตัวไปที่เบาะของตัวเอง....
ฉันเผลอเอามือไปกุมมือพี่ก้อย ทั้ง ๆ ที่ตาฉันยังปิดอยู่....มารู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป ก็ไม่กล้าลืมตาซะแล้ว ได้แต่ทำตาปี๋เหมือนคนทำผิด ...แต่พี่ก้อยกลับกุมมือฉันตอบ ตอนนี้เราจึงอาจอยู่ในสภาพของการกุมมือกัน...
เหมือนแฟนกัน....
แค่คิด...ก็ฟินแล้ว...
ถ้ามันเป็นความฝัน....ก็อยากอยู่ในฝันตลอดไปล่ะนะ
...............................
ฉันสะลึมสะลือขึ้นมา เมื่อพบว่า...ตอนนี้เราอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ....พวกเราเปิดประตูรถลงไป ต่างคนต่างยืดเส้นยืดสาย เพื่อให้คลายอาการปวดเมื่อย...
ถึงครึ่งทางแล้วสินะ....อยากนั่งต่ออีกสัก 24 ชั่วโมง >>^_^ ขอแค่คนข้าง ๆ ยังเป็นพี่ก้อยก็พอนะ...
ฉันนั่งพักอยู่ตรงม้าหินอ่อนหน้า 7-11 ...แต่อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกถึงสัมผัสของความเย็นตรงหน้า
“เฮ้ย!”
ฉันหันไป...เห็นพี่ก้อยยิ้มหวานใส่ พร้อมกับยื่นน้ำอัดลมกระป๋องยี่ห้อดังให้ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉัน ยกน้ำกระป๋องในมือดื่มอึก อึก โดยไม่ใช้หลอด...>_< กรี๊ดดดด...คนอะไรเท่เป็นบ้า...
ฉันมัวแต่เพ้อสินะ...พี่ก้อยเลยดึงกระป๋องในมือของฉันไป...เปิดที่ล็อคออก เสียบหลอด แล้วยื่นให้ฉัน...
ฉันดูดน้ำนั่น....ไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นรสอร่อย ไม่อร่อย สดชื่น หรือไม่สดชื่น...แต่ตอนนี้รู้สึกชื่นใจมาก....อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จัง
ขณะที่ฉันคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่...ก็เหลือบไปเห็นออยกับพี่สไปรท์สวีทกันอยู่...
สวีท?
เฮ้ย! ไม่ใช่มั้ง....แค่ความสนิทสนมแหละ...
ออยดูดน้ำจากหลอดในแก้ว...ที่พี่สไปรท์เป็นคนถือแก้วนั้น ทั้งคู่สบตากัน...ก่อนที่ออยจะผละริมฝีปากออกจากหลอด แล้วใช้ใบปลิวอะไรสักอย่างพัดแถว ๆ หน้าตัวเอง สงสัยจะร้อนมั้ง....พี่สไปรท์เห็นดังนั้นจึงควักผ้าเช็ดหน้าออกมา...แล้วซับตามบริเวณใบหน้าของอีกคน ออยหลับตาพริ้มให้อีกคนบรรจงลูบไล้ไปตามแก้ม จนถึงซอกคอ....
จะว่าไป...การที่ออยสนิทกับพี่สไปรท์มากขึ้นก็ดีเหมือนกัน....เพราะตอนแรก ๆ พี่สไปรท์กับพี่ก้อยสนิทกันมาก จนเผลอ ๆ แอบคิดว่าเป็นแฟนกันเลยแหละ...
เห็นอย่างนี้ค่อยสบายใจหน่อย....
“ไปกันเถอะ”
พี่ก้อยแตะไหล่ฉัน...จนความคิดเพ้อเจ้อฉันหายไป....พี่ก้อยยื่นมือให้ฉันจับเพื่อลุกขึ้น....ฉันยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปหา....แต่ไม่ทันที่มือจะแตะกัน....ก็มีมือของใครสักคนมาตีแยกระหว่างกลางซะก่อน...
พี่ดาวทำหน้าบู้ใส่พี่ก้อย.... ท่าทางหงุดหงิดพิกล....
“เป็นไร....”
พี่ก้อยยักคิ้วใส่อีกฝ่าย...ก่อนที่จะโดนกระทุ้งศอกใส่ท้องเต็ม ๆ....แล้วคู่กรณีก็เดินหนีไป...
“พี่ก้อย เป็นอะไรมั้ยคะ”
“อู้ย! ไม่เป็นไร...” พี่ก้อยกุมท้อง...แววตาจ้องไปที่พี่ดาว...เหมือนอยากเอาคืนเสียเต็มประดา
................
เราเริ่มเดินทางอีกครั้ง....บางทีก็แอบคิดเหมือนกันนะว่า...ทำไมไม่ให้เรานั่งเครื่องบินไปหว่า? จะได้ถึงเร็ว ๆ ...และอาจจะทำภารกิจเสร็จสิ้นตั้งแต่วันนี้เลยก็ได้...ไม่ต้องไปเสียค่าที่พง ที่พัก เปลืองเงิน เปลืองทอง
“เป็นไง เหนื่อยกันมั้ยทุกคน”
อ้าว! เสียงพี่ป็อบ...พี่ชายของฉันดังขึ้นนี่นา....เราทำตัวเหมือนไม่ค่อยสนิทกัน...เพราะเดี๋ยวเขาจะว่าฉันเด็กเส้น...แต่จะไม่ให้คิดก็ไม่แปลก...เพราะตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าฉันเข้ามาในรายการนี้ได้ยังไง...หรือพี่ป็อบจะเป็นคนดันให้เข้ามา...เฮ้ย! ช่างเหอะ...ว่าแต่พี่ป็อบมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย ไม่ยักกะรู้
“ผมเพิ่งขึ้นมาเมื่อกี้เองแหละครับ...ทุกคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่กัน ซึ่งมันง่ายดายกว่านี้เยอะ”
เออ! พี่ป็อบเอาคำถามจากสมองฉันไปรึเปล่าเนี่ย
“เหตุผลข้อแรก...มันสบายเกินไป
เหตุผลข้อสอง...เวลาอันรวดเร็วของเครื่องบิน...จะไม่สามารถทำให้เราใกล้ชิดกันได้ขนาดนี้....จริงมั้ยครับ...สไปรท์”
ทุกคนหันไปยังเป้าหมายคือพี่สไปรท์ที่เบาะยาวหลังสุด ซึ่งมีออยนอนหนุนตักอยู่ รายนั้นหลับทีไรเหมือนซ้อมตายทุกที...
แต่ดูท่าทีแล้ว...พี่ขวัญเหมือนไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ พี่แกเบือนหน้าหนี แล้วมาซบที่ไหล่พี่ดาวที่กุมมือปลอบอยู่ก่อนแล้ว
“และกฎเฉพาะกิจที่เรากำหนดในวันนี้นะครับ....คืนนี้...คู่รูมเมทของคุณ...คือคนที่คุณนั่งคู่ด้วยในตอนนี้ครับ”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
กรี๊ดเป็นภาษาอะไรดี
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!
ฉันมัวแต่บ้ากับตัวเองอยู่ จนลืมสังเกตคนข้าง ๆ ว่าเขารู้สึกเหมือนฉันรึเปล่า...
พี่ก้อยดูนิ่ง ๆ ไป...ก่อนจะหันไปหาพี่ดาวที่อยู่ข้างหลัง แต่ไม่พูดอะไร หรือพี่ก้อยจะอยากนอนกับพี่ดาว เพื่อนรักของเขา...ฉันควรจะเป็นนางเอกรึเปล่านะ...?
“พี่ก้อยคะ ถ้าพี่ก้อยอยากเปลี่ยน.....”
“ไม่แม้แต่จะคิดนะครับ....น้องขนมปังคนสวย เพราะนี่คือ ‘กฎ’”
.....................
พระธาตุดอยสุเทพ เชียงใหม่
เราค่อย ๆ ทยอยลงรถเพื่อไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพ โบราณสถานศักดิ์สิทธิ์อันมีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเสริมสิริมงคลก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ต่อไป
ฉันกับพี่ก้อยลงมาพร้อมกัน จัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย แล้วเดินไปบูชาดอกไม้ธูปเทียน ฉันสังเกตเห็นพี่ก้อยดูเศร้า ๆ ไปกว่าเดิม จึงใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของคนพี่เบา ๆ เพื่อตรวจว่ามีอาการผิดปกติ เมารถ หรือไม่สบายรึเปล่า
“พี่ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ”
พี่ก้อยยิ้มให้ ฝืนรึเปล่านะ?
“เฮ้! ไหว้พระด้วยคนสิ” เป็นเสียงของเพื่อนสนิทฉันทักขึ้น
“แล้วพี่รูมเมทเธอไปไหนยะ” ฉันแขวะออยเล่น ๆ
“ไปกับพี่กานต์ พี่เต้ย พี่ขวัญน่ะ สงสัยเขาจะไปไหว้เป็นทีม...ขอให้สอบติดกัน”
ออยหันมายิ้มให้ฉัน ที่ตอนนี้พี่ดาวเดินเข้ามาร่วมวงกับเราอีกคน
“หวังว่าฉันกับออยคงไม่เป็นก้างขวางคอนะ”
พี่ดาวพูดด้วยน้ำเสียงประชดเล็ก ๆ ...ประชดใคร ประชดฉัน พี่ก้อย หรือออย....แต่สายตาตรงดิ่งไปที่เพื่อนของเขา....
สงสัยจะหวงเพื่อน....
ฉันภาวนาขอให้พี่ดาว...แค่หวง...พี่ก้อย...ในฐานะเพื่อน...เท่านั้น
..........................
ที่พัก
พวกเราได้พักที่รีสอร์ทริมเขาที่บรรยากาศดี๊ ดี....มีต้นไม้รายรอบ และมีธรรมชาติอันน่าพิสมัย ฉันเปิดหน้าต่างไม้ออกเพื่อสูดอากาศเย็น ๆ ให้ชุ่มปอด ....รีสอร์ทหลังโตที่แบ่งเป็นห้องเดี่ยวสองห้อง แต่ละห้องเป็นเตียงเดี่ยว ซึ่งหลังนี้ ห้องฝั่งซ้ายมีฉันกับพี่ก้อย ส่วนห้องฝั่งขวาคือพี่ขวัญกับพี่ดาว
“พี่ก้อยคะ....” ฉันพูดพร้อมกับหันหลังไปหาอีกคน...แต่ฝ่ายนั้นสลบเหมือดไปแล้ว....
ฉันเดินเข้าไปค่อย ๆ ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของคนที่นอนอยู่ เพราะเห็นว่าหน้าซีด ๆ ก็ต้องตกใจ เพราะตัวร้อนมาก...ฉันรีบจัดแจงวิ่งหาผ้าขนหนูผืนเล็กที่ทางรีสอร์ทวางไว้ ไปชุบน้ำแล้วบิดหมาด ก่อนที่จะบรรจงเช็ดไปตามใบหน้าของพี่ก้อยเบา ๆ ....
ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มกับใบหน้าอันชวนหลงใหลนี้จัง ฉันใช้นิ้วเกลี่ยไประหว่างใบหน้าของอีกฝ่าย
จุ๊บ!
เฮ้ย! เผลอหอมแก้มคนป่วยไปได้ไงเนี่ย...ฉันยกมือปิดปากด้วยความอายตัวเอง...แต่จู่ ๆ คนข้างล่างก็ดึงฉันเข้ามากอด
“ดาว”
ว้าย! ปังค่ะ ปัง...ไม่ใช่พี่ดาว...แต่เอ๊ะ! ทำไมเรียกหาพี่ดาว
“ดาว...”
ความคิดมหาโจรเริ่มเข้าครอบงำฉันโดยไม่รู้ตัว....ขอขโมยโอกาสนี้ได้มั้ย....ไม่ว่าพี่ก้อยจะเพ้อถึงพี่ดาวในฐานะอะไร แต่ตอนนี้ฉันอยู่กับพี่ก้อย...เพราะฉะนั้น...
“ดาว”
เรียกหาพี่ดาวอีกแล้ว...ฉันสะบัดตัวออกจากพี่ก้อย...เพราะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว...ถ้าพี่ก้อยกับพี่ดาวมีอะไรมากกว่าความเป็นเพื่อน...ฉันก็ไม่ควรเข้าไปยุ่งไม่ใช่เหรอ...ถึงจะรู้สึกกับคนที่นอนอยู่ตรงนี้มากแค่ไหนก็ตามเถอะ
แต่ ณ ตอนนี้...พี่ก้อยไม่มีสติ....
ถึงจะกอดฉัน...ก็ไม่ได้...รู้สึกอะไร
ฉันตัดสินใจเปิดประตูห้องออกไปเพื่อจะไปเรียกเจ้าของชื่อที่อีกคนต้องการ....
“พี่ขวัญ”
“พี่คิดว่า...ปังควรใช้เวลาที่อยู่ที่นี่ให้คุ้มค่าที่สุดนะ”
“หมายความว่า....” ฉันมองพี่ขวัญอย่างตั้งคำถาม
“สองทุ่ม...นัดรวมห้องสัมมนา...มาบอกแค่นี้แหละ...” พี่ขวัญยิ้มหวานให้ ก่อนจะทิ้งท้ายให้ฉันรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ
“และที่สำคัญ....สองทุ่ม...เริ่มออนแอร์...ถ้าไม่รีบ...จะเสียใจ”
คือ...ฉันต้องทำอะไรเหรอ...รวบหัวรวบหางเลยมั้ย?
ฉันสะบัดความคิดบ้า ๆ ออกจากหัว แล้วเดินไปนั่งบนปลายเตียงที่คนป่วยนอนอยู่ พลางตาก็มองไปดูนาฬิกาที่ตอนนี้หกโมงเย็นพอดี ....ฉันมองหน้าพี่ก้อยที่หลับไม่รู้เรื่อง สงสัยจะด้วยพิษไข้อ่อน ๆ นั่น ที่ทำให้เพ้อชื่อเพื่อนรักออกมา....
รู้สึกเจ็บนิด ๆ ...ถ้าเกิดว่าชื่อนั้น...เป็นคนที่พี่ก้อยรู้สึกดี ๆ ด้วย....
ขอเป็นชื่อ “ขนมปัง” ได้มั้ย?
“ปัง....”
หืม?
“พี่ก้อย” ฉันขยับหน้าเข้าไปหาอีกคนใกล้ ๆ ด้วยอยากจะรู้ว่าเขาต้องการอะไรรึเปล่า แต่ยิ่งขยับเข้าไปใกล้แค่ไหน...ก็รู้สึกว่าจะอดใจไม่ไหวอยู่ดี
ฉันเลื่อนริมฝีปากของตัวเองไปประกบริมฝีปากของอีกคนอย่างแผ่วเบา
“อื้อ!” เสียงพี่ก้อยลอดออกมา...ฉันจึงคลายริมฝีปากนั่นออก ด้วยกลัวอีกคนจะตื่น
“ดาว”
เจ็บนะ...กับการที่เขาเรียกชื่อคนอื่น...ทั้ง ๆ ที่ฉันอยู่ตรงนี้
เจ็บที่มีโอกาส....แต่ทำไม่ได้...
ไม่สิ...ทำได้....
แม้จะเป็นการฉวยโอกาส...ก็ตาม
“ก้อย”
ฉันเอ่ยขึ้น แล้วโน้มหน้าเข้าไปจูบคนข้างล่างด้วยน้ำหนักที่แรงขึ้น ก่อนจะบดริมฝีปากอย่างหนักหน่วง จนคนเป็นพี่เผยอริมฝีปากเพื่อให้ฉันใช้ลิ้นนุ่ม ๆ ดันเข้าไปข้างใน....
ความหวานที่ฉันได้รับ....
ไม่รู้ว่า...เจ้าของชื่อ...จะได้รับมันรึเปล่า...
แต่ตอนนี้....ฉันกำลังสัมผัสมัน...
ขอโทษด้วยนะ...พี่ก้อย...
ขอโทษที่เห็นแก่ตัว....
ฉันถอนริมฝีปากออก แล้วซุกไซ้ไปตามลำคอยาวนั่น ใช้มือเล็ก ๆ ปลดกระดุมของคนที่หลับอยู่ ก่อนจะแทรกมือเข้าไปด้านใน ลูบคลำไปตามหน้าท้องที่มีอุณหภูมิร่างกายไม่ค่อยปกติ....ฉันพรมจูบไปที่หน้าท้องนั้น....พี่ก้อยก็เหมือนจะตอบรับแต่โดยดี เมื่อตอนนี้เธอพลิกตัวมาอยู่ข้างบนเรียบร้อย พร้อมกับซุกไซ้ซอกคอของฉันจนต้องส่งเสียงเบา ๆ ออกมา
“อือ”
ขอโทษ....ที่ต้องทำแบบนี้
บางอย่าง....ถ้าไม่แลกด้วยอะไรสักอย่าง...ก็คงไม่ได้มันมา...
ลงชื่อ.........ภาณิน
25 กันยายน
.........................................
จบแบบ.... ฮ่าๆ....ไม่มี NC ...เป็นฉาก...มีแต่ NC มโนเอาเองละกันนะคะ...
บอกไว้ก่อนว่าความดราม่า...วุ่นวาย...จะเข้ามาอีกเรื่อย ๆ....แต่ตอนนี้ก็เอาไปแบบนี้ก่อนละกัน....
ขออภัยที่สร้างตัวละครบางตัวฉีกไปจากตัวละครใน hormones ไปบ้าง...
แต่ก็เพื่อสร้างสีสัน...ให้มันน่าเบื่อน้อยลง ^_^
ยังไงก็ติดตามกันไปเรื่อย ๆ นะคะ พิมพ์ผิดพิมพ์ถูก...ขออภัยด้วยนะ...เพราะทั้งเผางาน เผาฟิคไปพร้อม ๆ กัน ^_^
อ้อ! และที่สำคัญ...อย่าลืมไปโหวตก้อยดาว...ด้วยนะคะ...
หมดเขต วันที่ 5 มีนาคม นี้แล้วนะ....
ไม่มีตังค์ส่งไม่เป็นไร....เรากดโหวตด้วยใจ...คราวละครึ่งชั่วโมง เย้ๆ >>>
http://activity.gmember.com/awards2015/vote
ความคิดเห็น