ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Nadao Girl] Stop! Your Heart – ปฏิบัติการห้ามหัวใจไม่ให้รัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ภารกิจที่ 2 : กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.พ. 58


    ภารกิจที่ 2  :  กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ  :  เต็มใจจะใกล้เธอ

     

              “ดาวมีคนในใจรึยัง?” 

              คำถามจากรูมเมทของฉันถามขึ้นมา  หลังจากเหตุการณ์ที่พี่ขวัญเดินดุ่ม ๆ ออกจากโต๊ะอาหาร   ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน

              พี่ขวัญยังมีดาวนะคะ”  คำพูดสุดท้ายของฉันในคืนนั้น  ก่อนที่เราทั้งคู่จะนอนกอดกัน  โดยมีผ้าห่มกั้นอยู่  ฉันไม่รู้รายละเอียดโดยตรงว่าพี่ขวัญเป็นอะไร  แต่พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ลาง ๆ  เพราะหลังจากที่ฉันกับก้อยเปิดโอกาสให้พี่ขวัญกับพี่สไปรท์คุยกัน  สถานการณ์ก็เหมือนจะตึงเครียดมากขึ้น  ยิ่งเมื่อพี่สไปรท์หวานใส่ก้อยอีก  นี่อาจเป็นชนวนเหตุหลักที่ทำให้พี่ขวัญเสียน้ำตาก็เป็นได้  หลักการสันนิษฐานของฉันจะถูกหรือผิดไม่สำคัญเท่าคำถามข้างบนที่กำลังสร้างความกังวลใจให้ฉันอยู่

              ดาวมีคนในใจรึยัง?

              ทำไมเหรอคะ ดาวยังไม่มีแฟนค่ะ”  ฉันตอบตรง ๆ แบบไม่คิดอะไร

              ถ้าดาวยังไม่มี  พี่อยากรบกวนดาวหน่อยได้มั้ย”

              คะ?”  ฉันขมวดคิ้ว

              ดาวช่วยคบกับพี่ได้มั้ย”

    .....................

              ขณะนี้เวลา  23.00 น.  ระบบ  ON Air  Offline  และจะ  Online  อีกครั้ง  05.00 น. ของวันถัดไป

              เสียงสัญญาณบอกว่าตอนนี้รายการปิดกล้องไปเรียบร้อย  และจะไม่มีภาพของพวกเราไปสู่สายตาคนดูใน  ชั่วโมงนี้  ฉันว่ากฎข้อดีก็ดีเหมือนกันนะ  อย่างน้อยเราก็เป็นอิสระ  ไม่ถูกจับจ้องจนเสียความเป็นส่วนตัวจนเกินไป

              ก๊อกแก็ก ๆ....

              เสียงบิดลูกบิดประตู  ซึ่งพยายามเบามือที่สุด  เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ในห้องสะดุ้งตื่น  ภารกิจหลังจากทานข้าว คงจะทำให้พี่ขวัญหลับสบายเลยแหละ  ก็แน่ล่ะสิ  เมื่อภารกิจที่ว่า  คือ  ให้ทำข้อสอบ  O-Net  เป็นรายบุคคลนี่สิ  พี่ขวัญแกก็เด็กท็อปอยู่แล้ว  ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ  แถมถูกเกือบเต็มอีกต่างหาก  ฉันก็เกือบเต็มนะ  แต่ใช้เวลาคิดจนหัวจะพัง  ผลพวงที่ได้คือตอนนี้  ที่อาหารแสนอร่อยฝีมือพี่เต้ยได้ย่อยสลายหายไปหมดแล้ว  ฉันจึงต้องย่องออกจากห้องเพื่อไปหาอะไรมาทดแทนส่วนที่เสียไปสักหน่อย

              ฉันค่อย ๆ เดินลงบันได  เลี้ยวไปหาห้องครัว  เป้าหมายสำคัญของกระเพาะที่มันกำลังประท้วงอยู่ตอนนี้  ฉันส่องดูชั้นวางอาหารแห้งที่เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยกิน  นั่นคือ  มาม่า  นั่นเอง  ว่าแล้วก็รีบเสียบปลั๊กกาต้มน้ำร้อน  และฉีกซองโดยไม่ต้องอ่านคำแนะนำด้านหลังซอง เพราะเคยทำเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว 

              ระหว่างที่รอ  ฉันก็คิดเรื่องที่ว้าวุ่นใจไปด้วย  พี่ขวัญก็แปลกคน  บอกว่าขอคบกับฉัน  แต่ตอนชั่วโมงละลายพฤติกรรม  กลับเขียนชื่อพี่สไปรท์  พร้อมเหตุผลที่ฟังจนฉันอดยิ้มไม่ได้  คนอะไรจะอบอุ่น  แสนดี  น่ารักขนาดนั้นนะ  ...เออ  ว่าไปแล้วก็เผลอนึกถึงอีกคน  ก็ก้อยเพื่อนรักของฉันน่ะสิ  ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจยังไงพิกล  ที่ก้อยไม่เขียนชื่อฉัน  แต่เขียนชื่อพี่กานต์  ทั้ง ๆ ที่แกรู้จักกับเขาแค่วันสองวัน  ฉันไม่รู้ว่าฉันทำหน้าแบบไหนในตอนนี้  รู้แค่ว่าหัวใจปั่นป่วนเล็กน้อย  รู้สึกไม่พอใจ  แต่มาคิดดูอีกที  จะไปคิดแบบนั้นทำไม  ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้เขียนชื่อก้อยไปซะหน่อย 

    ฉันนั่งเท้าคางระหว่างที่รอน้ำเดือดอยู่สักพัก  ก็คิดว่าคงจะร้อนได้ที่แล้ว  จึงเดินไปหยิบชาม  แต่ก็ได้ยินเสียงคนเดินมา  ฉันชะงักไป  ก่อนจะรีบวิ่งไปซ่อนที่ไหนซักที่ที่คนเข้ามาจะไม่เห็น  ไม่ใช่อะไรหรอก  แค่อยากแกล้งแค่นั้นแหละ

    คนที่เดินเข้ามาคือพี่เต้ยกับพี่กานต์  เอ๊ะ! สองคนนี้มาทำอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ  หรือว่ามาหาอะไรกินเหมือนกับฉัน  ฉันจึงคิดจะออกไปทัก  แต่ขณะที่ขยับตัวก็แทบเดินถอยกลับไม่ทัน  เมื่อเห็นพี่เต้ยบรรจงหอมแก้มพี่กานต์  แล้วพูดอะไรซักอย่างซุบซิบกันข้างหู  โอ้! แม่เจ้า  ดูหนังสดครับท่าน

    พี่กานต์ขยับเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบตอบ  คนหนึ่งอาจจะบอกว่ารักนะ  อีกคนอาจจะว่ารักเหมือนกัน  เฮ้ย! มโนเองอีกแล้วดาว  แต่จะว่าไปตอนนี้มันอยู่ในช่วง  Offline  ก็คงไม่เห็นว่าใครทำอะไรกับใคร  แต่มันก็ประจวบเหมาะที่ฉันดันอยู่  ทำให้เป็นกล้องเคลื่อนที่ซะงั้น...พี่เต้ยกับพี่กานต์กอดคอกันเดินออกไป  ฉันจึงค่อย ๆ ออกมาจากที่ซ่อน  ถอนหายใจเฮือกใหญ่ 

    โล่งอกไปที” 

    โล่งอกอะไรของแก”  ฉันหันขวับไปยังต้นเสียง  ก่อนจะอึ้งไป  ทั้งคนอยู่ก่อนและคนมาทีหลัง...เมื่อตอนนี้จมูกขอนฉันชนแก้วของคน ๆ นั้นไปเรียบร้อย 

    ก้อย!”  ฉันผละออกจากคนข้างหน้า  ระคนตกใจว่าก้อยมาทำอะไร  ประกอบกับเมื่อกี้ฉันเพิ่งหอมแก้มก้อย  (โดยบังเอิญ)  คิดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อน ๆ ขึ้นมาอัตโนมัติ

    ฉันคิดไปเองรึเปล่านะ  ว่าก้อยก้มหน้าลงเหมือนเขิน ๆ  ก่อนจะแซวฉันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    มาแอบกินเหรอ  กินจุกจิกเดี๋ยวอ้วนนะ”  ก้อยแซวฉันต่อได้เฉยเลย 

    เอ่อ...ใช่ๆ ฉันหิว...เมื่อกี้ใช้สมองมากไป”  ฉันตอบแบบธรรมดา  ทั้งที่ปกติแล้ว  จะตอบแบบจิกกัดบ้างตามประสา  แต่ตอนนี้คิดคำพูดไม่ออก รู้แต่ว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปหน่อย  สงสัยจะหิวจัด

    แล้วแกมาทำอะไร  ว่าแต่ฉัน  แกก็มาหาอะไรกินล่ะสิ”  ฉันพยายามพูดให้บรรยากาศไม่เงียบจนเกินไป

    ลงมากินน้ำผลไม้....แต่บังเอิญเจอ....”  เราสองคนมองหน้าเหมือนรู้กัน...

    ไม่น่าเชื่อเนาะ”  ฉันพูดเชิงตั้งคำถาม

    ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย”  ก้อยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น  จริงมะ?”  ก้อยพูดจบก็เดินไปเปิดตู้เย็น  เฮ้อ! คน ๆ นี้ยังไงกันนะ  จะรู้บ้างไหมว่าอีกคนใจเต้นโครมคราม  แต่อีกคนกลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร  เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ....คือ  ดาว...แกจะใจเต้นเพื่อ...คือ  คนข้างบนที่นอนอยู่ในห้องแกน่ะ  คือคนที่แกควรรู้สึกไม่ใช่เหรอวะ...ฉันปลื้มพี่ขวัญมานานแล้วนะ....พี่ขวัญ  พี่ขวัญ  พี่ขวัญ....

    พี่ขวัญ” เฮ้ย! คิดจนเพ้อ  จนก้อยมองหน้าฉัน  เลิกคิ้วงง ๆ

    อ๋อ...คงจะคิดถึงจัด  รีบกินรีบขึ้นไปสิ  เขาคงรออยู่”  ก้อยพูดน้ำเสียงแปลก ๆ  ประชดฉันอยู่ไหมเนี่ย...ฉันยิ่งมโนเก่ง  ยิ่งเป็นบก.วารสารของโรงเรียนอีกต่างหาก  ความจริงกับจินตนาการจึงต้องควบคู่กัน

    แกอยากคบกับพี่ขวัญมั้ย?” หือ....ก้อยรู้เรื่องที่พี่ขวัญขอคบกับฉันเหรอฉันสงบนิ่งไปหลายวิ  หรือพี่ขวัญจะบอกก้อย  หรือก้อยไปรู้มาจากไหน  หรือ...หรือ...หรือ...

    เฮ้! ดาว”  ก้อยเขย่าฉันเบา ๆ 

    ไม่สบายรึเปล่าเนี่ย  เหม่อเชียว”  ไม่พูดเปล่า  ก้อยยื่นหลังมือมาแตะที่หน้าผากฉันเบา ๆ  แล้วไล้มาตามใบหน้า  ก่อนใช้สองมือประกบแก้มทั้งสองข้าง

    ก็ปกติดีนี่” 

    คนที่ไม่รู้สึกอะไรเลย  มักจะทำตัวปกติ  เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสินะ  ฉันถอนหายใจ  แล้วเดินแยกออกจากก้อย  ไม่อยากตอบคำถาม

    อ้าว!  ดาว  เป็นอะไร”  ก้อยดึงแขนฉันไว้  สายตาดูคาดคั้นหาคำตอบ

    จะอยากรู้ไปทำไม”  ฉันพูดออกไปแล้วหลบสายตาของคนที่จ้องอยู่...

    ก็แค่อยากรู้  ถ้ารู้ไม่ได้  ก็แล้วไป” ก้อยพูดแค่นั้น  แล้วนั่งลงกับโต๊ะอาหารในครัว  ยกน้ำผลไม้ในแก้วขึ้นดื่ม....ใบหน้าอันทรงเสน่ห์มันช่างน่าหลงใหล  เฮ้ยๆ ...ความคิดมาผิดเวลาอีกแล้ว...

    ก้อย  ตอนชั่วโมงละลายพฤติกรรม  ทำไมแกตอบว่าพี่กานต์วะ”  ฉันกลั้นใจถามคำถามที่ฉันอยากรู้

    ก้อยวางแก้วลง  แล้วหันมามองหน้าฉันอย่างสงสัย

    แกไม่ตอบคำถามฉัน  ฉันก็ไม่ตอบคำถามแก”  โห เล่นงี้เลยนะก้อย....โอเค  ฉันก็ไม่อยากรู้สักเท่าไหร่หรอก

    ก็....ตอนนี้ยังไม่รู้เหมือนกัน...เป็นเรื่องของอนาคต”  เออ  ไหนบอกไม่อยากรู้ไง  ตอบเขาทำไมล่ะเนี่ย

    ที่ฉันถาม...เพราะเห็นว่าแกชอบพี่ขวัญมานานแล้วไง  เป็นโอกาสของแกแล้วนี่  ก็คบไปเลย”

    แกไล่ฉัน  เพราะแกจะไปคบกับพี่สไปรท์ล่ะสิ”  เอ๊ะ! คนละประเด็นรึเปล่าวะดาว  ฉันพูดอะไรออกไป

    ก้อยขมวดคิ้ว  มันเกี่ยวอะไรกันล่ะ  อีกอย่างฉันกับพี่สไปรท์.....”  ก้อยเหมือนหยุดคิดไปชั่วขณะ

    เออ...ฉันกับพี่สไปรท์ก็คบกันอยู่แล้ว”

    หา!  ฉันรู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก  แค่จะแกล้งแซวเล่นนะ....แต่ทำไมหัวใจรู้สึกเจ็บจริง ๆ ก็ไม่รู้  ......แล้วแกจะเจ็บทำไมฮะแกชอบพี่ขวัญไม่ใช่รึไง  เสียงประท้วงในใจฉัน...มันย้ำเตือนตลอดเวลา

    แล้วที่ฉันเขียนชื่อพี่กานต์....ก็เพราะเค้าเป็นรูมเมทฉัน  และก็ตามเหตุผล....พี่กานต์คือคนที่ประทับใจ....ส่วนพี่สไปรท์...คิดเอาเองละกัน”  ก้อยพูดจบก็เดินออกไปกดน้ำร้อนลงถ้วยมาม่าที่ฉันเตรียมไว้  แล้วแกะเครื่องปรุง  วางมาม่าไว้ตรงหน้าฉัน

    กินซะ...แล้วอย่าขี้สงสัยมาก...บางทีคนเราก็มักจะทำอะไรตรงข้ามกับความรู้สึกเสมอแหละ”

    ก้อยมองมาที่ตาของฉัน  เราสบตากันเหมือนค้นหาคำตอบอะไรบางอย่าง  แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ  ก็รู้สึกร้อน ๆ แสบๆ ตรงแขนด้านซ้าย....เฮ้ย! มาม่าคว่ำ...นี่ฉันเหม่ออีกแล้วสินะ...มือไม้ถึงได้ปัดไปถูกแบบนี้...

    ดาว...เป็นอะไรมั้ย”  ก้อย...รีบเดินเข้ามาจับแขนฉัน  แล้วใช้ผ้าเช็ดเศษมาม่าจากแขนของฉัน  (ผ้าขี้ริ้วป่าววะ  ไปเอามาจากไหนเร็วจัง)  ตอนนี้แขนของฉันเป็นรอยแดง  เนื่องจากถูกน้ำร้อนลวก  มาม่าก็ไม่ได้กิน  แถมยังเจ็บตัวอีก  มันน่ามั้ยล่ะดาว...

    ก้อยเดินไปเปิดตู้เย็นอย่างรีบเร่ง  หยิบน้ำแข็งใส่กะละมังใบเล็ก  เปิดน้ำใส่พอประมาณ  แล้วจับมือบริเวณที่ถูกน้ำร้อนวางลงในน้ำเย็น ๆ นั่น...ฉันรู้สึกเย็นยะเยือกตรงบริเวณที่ถูกแช่น้ำ  จนเผลอบีบมือคนข้าง ๆ  เพื่อขอกำลังใจ  ก้อยเองก็บีบมือฉันตอบ 

    ดีขึ้นมั้ย”  ก้อยถามด้วยสีหน้ากังวล 

    โอเคขึ้นกว่าเดิมนิดนึง” 

    ฉันขอโทษนะดาว”  ก้อยทำเสียงเหมือนรู้สึกผิด

    ขอโทษทำไม  ฉันทำตัวฉันเอง” 

    ก็ถ้าฉันไม่เริ่มถามเรื่องพี่ขวัญ  แกก็คงไม่เหม่อ  จนเผลอทำถ้วยมาม่าคว่ำแบบนี้หรอก” 

    ฉันมองหน้าก้อยที่ยังจับมือฉันอยู่  ฉันยิ้มให้และส่ายหัวหน่อย ๆ เป็นเชิงว่าไม่เป็นไร  เพราะแกเป็นแบบนี้ไงก้อย  ฉันก็เลยสับสน...สับสนหัวใจตัวเอง  ว่าคนที่ ชอบ”  กับคนที่ รัก”  มันต่างกันยังไง

              .....

              ก้อยนอนเหยียดบนโซฟาในห้องรับแขกจนสุดความยาวของขา แสงไฟจากหน้าจอทีวีที่ขึ้นตามจังหวะการเคลื่อนไหวของนักแสดง  วับวาบ  จนฉันแสบตา  การปิดไฟดูทีวีแบบนี้  มันทำให้เสียสายตาในระดับหนึ่งเชียวนะ  ฉันนั่งพิงโซฟาตัวข้าง ๆ  หลับตาลงเบา ๆ  รู้สึกปวดตุบ ๆ ตรงแผล  เหมือนมีอะไรเต้นอยู่ในแขน  ฉันยกมือขวาที่ไม่เจ็บขึ้นมาก่ายหน้าผาก  ส่วนมืออีกข้างถูกพันแผลเรียบร้อยโดยคุณหมอก้อย  ตอนนี้น่าจะประมาณตีหนึ่งเห็นจะได้  เพราะรายการที่ฉันชอบมักจะออกอากาศในเวลานี้

              นอนไปสักพัก  รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝัน  คล้าย ๆ กับมีใครมานั่งอยู่ข้าง ๆ พลางใช้นิ้วเกี่ยวผมฉันเล่น  แล้วเสยผมที่ปรกหน้าฉันให้เปิดขึ้น  หรือจะเป็นผีอำ....แม้แต่ในฝันฉันยังขี้กลัว  ฉันพยายามลืมตา  แต่ทำยังไงก็ไม่ตื่น  คนที่ว่านั้นผมดำยาว  จมูกโด่ง  ดูมีสันกรามเล็กน้อยกำลังก้มลงมาจูบที่หน้าผากของฉันแผ่วเบา  ...เฮ้ย! ไอ้ผีลามก  ก้อยช่วยฉันด้วย....

              ก้อย”  ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา  มองไปรอบห้องรับแขกไม่เจอใคร  ได้ยินแต่เสียงทีวีที่เปิดอยู่  และเสียงนาฬิกาบอกเวลา  จนฉันปรือตาขึ้นไปมอง 

              “ตีสามแล้วเหรอเนี่ย”  ฉับพลันในความคิด  คิดไปถึงความเชื่อเรื่องผีสางนางไม้  ที่ว่าตีสามผีมักจะออกมาปรากฏตัว  กรี๊ด!!! (ในใจ)  ฉันมองซ้ายมองขวา  แล้วลุกขึ้นยืน 

              หมับมีมือเย็น ๆ มาจับที่แขนของฉัน  ฉันหลับตาปี๋รับสภาพกรรม  แล้วหันไปยกมือไหว้ผีที่จับฉันไว้

              อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”

              ......................”

              ......................”

              ไม่มีเสียงตอบ  สักพักฉันจึงลืมตาขึ้นมา  เห็นแต่ก้อยที่ใช้กำปั้นอังปาก  กลั้นหัวเราะเอาไว้  ก่อนจะระเบิดออกมาอย่างสะใจ

              แกเป็นอะไรดาว  ฮ่าๆ ฉันไม่ใช่ผีนะ แกนี่ดูหนังมากไป  ฮ่าๆ”  ก้อยหัวเราะในความขี้กลัวของฉัน  จนฉันแอบค้อน  และนั่งตรงโซฟาเหมือนเดิม  ทำหน้างอนตุ๊บป่องเหมือนงอนแฟนไปงั้น

              โอ๋ๆ  เค้าขอโทษ  เค้าแค่ขำอ่ะ”  ก้อยเดินมานั่งติดกับฉัน  ยกนิ้วก้อยขึ้นมาเพื่อง้อ  เมื่อเห็นฉันไม่ตอบโต้  ก้อยก็เปลี่ยนวิธีการ  เป็นรวบตัวฉันมากอดแทน

              ฉันขืนตัวไว้เล็กน้อย  แล้วมองก้อยที่มองหน้าฉันนิ่ง    ก้อยเลื่อนหน้าเข้ามาหาฉัน  ใจก็เต้นตึกตัก  ตึก  ตัก  ตึก  ตัก  ก้อยก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้อีก  จนหน้าเกือบจะชิดกัน  ก้อยเลื่อนหน้าไปที่ข้างหูฉัน..แล้วกระซิบเบา ๆ

              ดีกันนะ”

              น้ำเสียงแผ่วเบาแต่ทรงเสน่ห์แบบนั้น  เป็นใครจะไม่หวั่นไหว  ไม่แปลกใจที่พี่สไปรท์สาวสุดฮอตจะมาคบกับก้อยเพื่อนรักของฉัน  ฉันควรพูดว่าอะไรดี...ในฐานะของเพื่อนที่ดี

              ยินดีด้วยนะ”  ฉันพูดได้แค่นี้จริง ๆ  พลันน้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว

              เฮ้ย! ดาว  แกเป็นอะไรอีก  ฉันทำอะไรให้แกไม่พอใจรึเปล่า” ก้อยทำหน้าไม่สู้ดี  เมื่อเห็นฉันร้องไห้  ก้อยดึงฉันเข้ามากอด  พร้อม ๆ กับลูบผมของฉันเป็นการปลอบใจ  เรากอดกันอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้....รู้แค่ว่าเวลาต่อมาก้อยเดินจูงแขนฉันมาส่งที่หน้าห้องของฉัน

              อย่าคิดมาก  มีอะไรก็บอกฉันนะ  ฉันเป็นห่วงแกมากนะ”

              ขอบคุณนะ”  ฉันพูดแล้วยิ้มให้เพื่อนรัก

    เอ้อ! ก้อย”  ก้อยที่หันไปแล้วหันกลับมา

    จุ๊บ!  

    รู้ตัวอีกที...ก้อยก็ยิ้มเขิน  หน้าดำ ๆ เอ้ย! ขาว ๆ  ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ  ฉันโบกมือให้ก้อย  เดินเข้าห้อง  ปิดประตูเข้ามา  ยิ้มให้กับตัวเอง  แต่ตาก็สะดุดกับคนที่นอนอยู่บนเตียง  ฉันหุบยิ้มลง  ขยับตัวเข้าใต้ผ้าห่มของเรา  มือพาดเข้าไประหว่างตัวของคนนั้น  คนหลับเหมือนจะรู้สึกตัว  ขยับเข้ามาใกล้ 

    ถ้าดาวไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะ”  เสียงคนที่กอดฉันกระซิบเบา ๆ ข้างหู

    ดาวตกลงคบกับพี่ขวัญค่ะ”  ฉันหลับตาลง  พร้อม ๆ กับที่พี่ขวัญกระชับกอดให้แน่นขึ้น     

    บางทีคนเราก็มักจะทำอะไรตรงข้ามกับความรู้สึกเสมอแหละ”  คำพูดของคน ๆ นั้น....ก้องอยู่

    ในโสตประสาท  และสักพักมันคงดับวูบไปพร้อมกับการหลับใหล

             

    .....................

              กริ๊งงงงงงงงง  เสียงนาฬิกาปลุกของบ้านดังขึ้น

              ขณะนี้เวลา  ห้านาฬิกา  ของวันที่ยี่สิบสาม  กันยายน  ขอให้ทุกคนในบ้านรูมเมท  ตื่นขึ้นมาทภารกิจในวันนี้ด้วยค่ะ”

              อื้อออออออ....

              ฉันบิดขี้เกียจไปมา  การมีเสียงหวาน ๆ ปลุกตอนเช้าของทุกวันก็ดีเหมือนกันนะ  อยากยืมตัวไปไว้ที่บ้านจัง ^_^ 

              ฉันหันไปมองคนข้าง ๆ ที่เริ่มจะงัวเงียขึ้นมา  แล้วนึกไปถึงประโยคที่ฉันตอบตกลงพี่ขวัญไปแล้ว  ฉันถอนหายใจบ่อยครั้ง  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะทุกข์ใจ  กังวลใจ  เศร้าใจ  แต่ที่แน่ ๆ ฉันคงไม่ได้ฝืนใจใช่มั้ย...

              ฉันลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัว  แล้วเดินเข้าห้องน้ำ  พลางสมองก็คิดไปต่าง ๆ นานา  ปกติดุจดาวไม่น่าจะเป็นคนคิดมากขนาดนี้นี่นา  ถ้าไม่ติดที่ว่ามีใครบางคนเข้ามามีอิทธิพลปั่นป่วนหัวใจซะเหลือเกิน  นั่นก็คือเพื่อนรักของฉันเอง

              ฉันกับก้อยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม.ต้น  เพราะฉะนั้นความสนิทสนมไม่ต้องพูดถึง....สนิทกันมากจนสามารถเล่าให้กันฟังได้แทบทุกเรื่อง  ยกเว้นเรื่องหัวใจ  ที่ว่าใครชอบใคร  แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ  เพราะก้อยเป็นคนบอกฉันเอง....ว่าก้อยกำลังคบกับพี่สไปรท์  ฉันเองก็ยินดีกับเขาไปแล้ว  ก็ควรจะจบแค่นั้นไม่ใช่หรือทำไมต้องเก็บมาคิดต่อ...เพราะอะไร?...ทำไม?

              ฉันแต่งตัวเรียบร้อย  แล้วเดินออกไปจากห้องก่อนพี่ขวัญที่ยังไม่เรียบร้อย  บังเอิญอีกแล้ว...ฉันเผชิญหน้ากับก้อยที่เดินมากับพี่สไปรท์ที่เดินเกาะแขนกันมา  ฉันหลบสายตาของทั้งคู่  เดินลงบันไดโดยไม่พูดอะไร

              ดาว...แขนเป็นไงบ้าง  หายเจ็บยัง”  เป็นก้อยที่ทักฉันขึ้นมา  ฉันจึงชะงักระหว่างกลางทางของบันได้  ฉันเห็นแววตาของความเป็นห่วง เลยตอบออกไป

              ดีขึ้นแล้ว  แต่ก็ยังปวดอยู่นิดหน่อย”  ฉันมองผ้าพันแผลที่ฉันเพิ่งพันใหม่  แล้วยิ้มให้พี่สไปรท์ที่มองฉันเหมือนจะตั้งคำถาม

              ดาวซุ่มซ่ามน่ะค่ะพี่สไปร์ท” ^_^  ....สักพักพี่ขวัญก็เดินออกมา  วงแขนพาดไปที่ไหล่ของฉันอีกด้าน  พูดดี ๆ ก็คือการโอบไหล่นี่แหละ 

              อ้าว  ไปรท์  น่าจะขอเขาเปลี่ยนรูมเมทนะ”  ฉันมองหน้าพี่ขวัญ  ที่เหมือนจะฝืนยิ้มไม่ต่างจากฉัน  จะพูดประชดให้ตัวเองเจ็บทำไมกัน...

              ไม่ดีกว่า  อยู่ด้วยกันตลอด...เบื่อแย่  เนาะ”  สไปรท์พูดพร้อมกับตบไหล่ก้อยเบา ๆ

              ฉันตัดสินใจจูงมือพี่ขวัญเดินลงบันได  แต่มือที่ฉันจับพี่ขวัญกลับเป็นด้านซ้ายที่เป็นแผล

              โอ๊ย!”  ฉันสะดุ้ง  เมื่อรู้สึกว่าตอนนี้มันแสบไปทั้งแขน  แค่น้ำร้อนลวกมันทำให้ร้าวไปถึงกระดูกรึไงเนี่ย

              ดาว  ไหวมั้ย”  พี่ขวัญถามฉัน  แล้วกดลงตรงผ้าพันแผล  ด้วยน้ำหนักมือ  ทำให้รอยช้ำที่โดนน้ำร้อนลวกถูกกระตุ้นให้รู้สึกเจ็บแปลบเข้าไปอีก...

              โอ๊ย!”  ฉันร้องออกมาอีกครั้ง  แต่คราวนี้เป็นก้อยที่เดินมาคว้ามือฉันเดินมุ่งหน้าไปห้องรับแขก

              ก้อยบรรจงถอดผ้าพันแผลฉันออก  เห็นรอยแดงที่เป็นรอยช้ำเขียวพอสมควร  ก้อยหยิบยานวดสมุนไพรจากไหนไม่รู้  มานวด ๆ ตรงบริเวณแผล  ฉันกัดฟัน  เริ่มรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น  ฉันเผลอจ้องคนตรงหน้าแล้วยิ้มออกมา

              หายแล้วใช่มั้ย  ยิ้มได้แล้วสิ”  ก้อยยิ้มดีใจที่เห็นฉันเริ่มหายเจ็บ

              ขอบใจแกมากนะก้อย”  ฉันพูดอย่างจริงใจ 

              เป็นไงบ้างดาว”  พี่ขวัญเข้ามากดไหล่ฉัน  ถามไถ่

              ดีขึ้นค่ะ”  ฉันใช้มือข้างที่เหลือกุมมือพี่ขวัญไว้

              ก้อยนี่เก่งจริง ๆ นะ...วันหลังรักษาพี่บ้างสิ”  สไปร์ทนั่งไขว่ห้างอยู่โซฟาตรงข้าม

              รักษาโรคอะไรคะ  ถ้าหนักหนาสาหัส  รักษาไม่ได้นะ”  ก้อยตอบ

              โรคหัวใจขาดคนดูแลเรื้อรังไง”  เออ  เล่นมุกแบบนี้ทำฉันอึ้งเหมือนกันนะเนี่ย

              ก็ดูแลอยู่แล้วไง”  ฉึก....! รู้สึกอึ้งกับคำตอบนี้มากกว่า  ฉันดึงมือกลับจากก้อย  แล้วลุกออกไปจากตรงนั้น 

    ....................

              ภารกิจในวันนี้ของพวกเรา  ไปปฏิบัติการกันที่โรงเรียนของพวกเราเอง  นั่นก็คือที่โรงยิม  ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับใช้เล่นกีฬา  และชั่วโมงพละ  ว่าแต่...เขาให้เรามาทำอะไรน่ะ

              วันนี้....ภารกิจสำคัญของพวกเรา  คือการทดสอบความเป็นนักกีฬาของคุณ  ด้วยกีฬาชนิดแรก  บาสเกตบอล”  โดยให้ทุกคนแบ่งข้างออกเป็นข้างละ  คน  โดยการเป่ายิงฉุบ  คะแนนใครถึง  20  ก่อน  เป็นฝ่ายชนะ”

              เสียงพี่แว่น  สิริรัตน์  สาวหล่อ  อดีตนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติไทย  ผู้รับหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินในวันนี้ชี้แจงกฎกติกา

              หลังจากเราเป่ายิงฉุบกันเรียบร้อย  ปรากฏว่า

              ทีมที่ ออย  ขนมปัง  ก้อย  สไปรท์

              ทีมที่ เต้ย  กานต์  ขวัญ  ดาว

              ฉันทำได้แค่นั่งเชียร์อยู่ห่าง ๆ  เนื่องจากสภาพแขนยังไม่ปกติ  ส่วนทีมนั้น  ก็เป็นพี่สไปรท์ที่ออกมานั่งเชียร์  ฉันมองไปยังพี่ขวัญที่เปลี่ยนชุดจากเสื้อยืดแขนสั้น  กางเกงยีนส์  มาเป็นเสื้อกีฬาก็เท่ไปอีกแบบ  และไม่วายมองหาอีกคนที่อยู่คนละทีม  ก้อยดูทะมัดทะแมง  และดูเหมาะกับชุดกีฬามาก ๆ  ผมยาวที่ถูกรวบตึง  ทำให้เห็นใบหน้าชัดขึ้น  หล่อเหลาเอาการเหมือนกันแฮะ...เพื่อนเรา

              ปรี๊ดดดดดดดเสียงสัญญาณนกหวีดดังขึ้น

              ทั้งสองฝ่ายเล่นกันอย่างสูสี  ผลัดกันรุก  ผลัดกันรับ  และมีท่วงท่าเหมือนนักบาสมืออาชีพเลยทีเดียว  จนตอนนี้ทีมที่ นำทีมที่  ไป  คะแนน  คะแนนอยู่ที่  17  ต่อ  15  เพราะฉะนั้นการชู้ต  แต้ม  สำคัญมากสำหรับทีมที่  .....ก้อยได้ลูกบาสพอดี  และเลี้ยงไปป้วนเปี้ยนถึงอีกฝั่ง  ฉันลุ้นกับก้อยให้ชู้ตได้  ทั้ง ๆ ที่ฉันอยู่อีกทีม  แต่แอบส่งกำลังใจให้อีกทีมซะงั้น  ขณะที่ก้อยกำลังจะชู้ต  อยู่ดี ๆ พี่ขวัญก็วิ่งมาจากไหนไม่รู้  มากันก้อยออกไป  แต่คงจะกระแทกแรงไปหน่อย  ตอนนี้ก้อยไถลไปกับพื้นสนาม  จนกรรมการเป่าฟาล์ว

              ฉันทำท่าเหมือนจะเดินไปดู  แต่พี่สไปรท์ดึงแขนไว้ซะก่อน 

              ก้อยไม่เป็นอะไรหรอก  ไม่ต้องเป็นห่วง”

              ความจริงฉันก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเป็นห่วงก้อยอย่างออกหน้าออกตา  แต่ทำไมทุกอย่างมันดูตรงข้ามกับหัวใจ....คนที่ฉันควรสนใจ...คือพี่ขวัญสิ...สมองเข้ามาค้านหัวใจอีกครั้ง

              ก้อยชู้ตลูกฟาล์วลงไป  ลูก  ทำให้ตอนนี้คะแนนอยู่ที่  18  ต่อ  15  แต่หลังจากนั้นฝ่ายของเราก็เริ่มบุก  พี่ขวัญชู้ต  แต้มได้  แล้วหันมายิ้มให้ฉันหรือพี่สไปรท์ไม่แน่ใจ...ฉันเลยยกนิ้วให้  สังเกตเห็นพี่สไปรท์อมยิ้มด้วยแฮะ  ....ฉันตั้งใจดูการแข่งขันต่อ...ปรากฏว่า...ทีมที่ เอาชนะไปได้  20 ต่อ  18  ถือเป็นคะแนนที่ใกล้เคียงพอสมควร...เหล่านักกีฬาก็พากันเคลื่อนย้ายจากในสนามมานั่งพัก  ฉันยื่นขวดน้ำให้พี่ขวัญ  พี่แกก็ยกดื่มอึก ๆ คงจะเหนื่อยมาก....ฉันเห็นเหงื่อที่ขึ้นเป็นผุด ๆ ตรงหน้าผาก  เลยใช้ผ้าขนหมูผืนเล็กที่พาดอยู่บนคอของพี่ขวัญ  ซับเหงื่อให้พี่ขวัญอย่างแผ่วเบา

              มีคนดูแลดีแบบนี้  หายเหนื่อยเลยดิ”  เป็นเสียงของพี่สไปรท์ที่พูดขึ้นมาลอย ๆ แล้วเดินผ่านไป  พี่สไปรท์นั่งลงข้าง ๆ ก้อย  ป้อนน้ำผ่านหลอดที่ส่งน้ำอัดลมในแก้วใสนั้น  ยัยเพื่อนของฉันก็ดูเหมือนปลื้มปริ่มซะเหลือกิน  ดูดไปยิ้มไป  คนป้อนก็ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กลูบไล้ไปตามใบหน้า  จนจะลงไปถึงคอเสื้อ

              เฮ้ย! พี่สไปรท์”  ก้อยทักท้วงขึ้นมาเสียงดัง  แล้วหัวเราะกันคิกคัก  สงสัยจะหยอกกันเล่น  เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ชะมัด

              ดาวเป็นไง  แขนโอเคขึ้นยัง”  พี่ขวัญถาม 

              โอเคแล้วค่ะ”

              เป็นก้อยนี่ดีเนาะ  มีแต่คนเป็นห่วง”  หืม!  ฉันหันไปมองหน้าพี่ขวัญที่จ้องหน้าฉันนิ่ง

              หมายความว่าไงคะ”

              ก็หมายความแบบที่พูดนั่นแหละ”  พี่ขวัญลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป  อารามตกใจ  ฉันเลยรีบคว้าแขนพี่ขวัญไว้  ด้วยแรงดึงทำให้พี่ขวัญเซถลามาจนตอนนี้จมูกเราชนกัน  ฉันชะงักสบตากับพี่ขวัญเหมือนพระเอกกับนางเอกในละครที่มักจะมีความบังเอิญแบบนี้เสมอ

              แฮ่ม!  เสียงขนมปังกระแอมขึ้นมา  ทำให้ฉันกับพี่ขวัญผละออกจากกัน

              ทำอะไรกันอ่ะ....แต่พี่ขวัญกับพี่ดาวน่ารักจัง  ขอสมัครเป็น  FC  คู่จิ้นนะคะ ^_^” 

              ขนมปังก็ยังเป็นขนมปังอยู่วันยังค่ำ  ฉันรู้สึกหมั่นเขี้ยวเล็ก ๆ จึงขยี้ที่หัวของอีกฝ่าย

              พี่ดาวอ่ะ  หัวยุ่งหมดแล้ว”  ว่าแล้ว  เราสองคนก็ยิ้มตาหยีใส่กัน

    ........

              กีฬาชนิดต่อไปคือวิ่ง  400  เมตร  นั่นก็คือการวิ่งรอบโรงยิม  จำนวน  รอบ  ซึ่งสนามมีการวางกรวยเป็นลู่วิ่งไว้ให้แต่ละคน....ฉันอาสาวิ่งรอบแรก  ซึ่งมีขนมปัง  พี่สไปรท์  และพี่กานต์  ....เมื่อสัญญาณนกหวีดดังขึ้น  ฉันวิ่งสุดแรงเกิด  แต่ก็ไม่ทันยัยขนมปังจอมอึด  ที่คาดไม่ถึงว่าจะมีแววนักกีฬาขนาดนั้น  วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรก  ฉันคนที่สอง  พี่กานต์คนที่สาม  และพี่สไปรท์อันดับสุดท้าย 

    มาถึงฝ่ายเมะ  เอ้ย! อีกสี่คนที่เหลือ  ก้อย  พี่ขวัญ  พี่เต้ย  และออย  ...พี่ขวัญกับก้อยสบตากันแว่บนึง...จะแย่งชิงพี่สไปรท์กันใช่มั้ย  คิดได้แค่นั้นก็รู้สึกหดหู่  ...ฉันเบือนหน้าหนี  ไม่อยากรับรู้ผลอะไร  แต่เมื่อได้ยินเสียงเชียร์  ก็ทำให้ต้องหันไปดูอย่างทึ่ง ๆ  ...ก็พี่ขวัญกับก้อยดันตีคู่สูสีกันตั้งแต่สตาร์ท  ชนรอบที่หนึ่งผ่านไป  พี่ขวัญวิ่งนำอยู่....ส่วนก้อยดูเนือย ๆ ไป...

              ก้อย  สู้ ๆ”  สไปรท์เอามือป้องปาก  ร้องตะโกนเชียร์ก้อย...

              ก้อยเหมือนจะฮึดสู้  เร่งฝีเท้า  จนเกือบจะถึงพี่ขวัญอยู่แล้ว  ฉันรู้สึกลุ้นมาก...ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังลุ้นใครมากกว่ากัน  ....จังหวะนั้นพี่ขวัญเหลือไม่กี่ก้าวจะถึงเส้นชัย  แต่จังหวะตรงกัน  ก้อยกลับล้มลงกลางลู่สนามวิ่ง  ที่อยู่ห่างจากเส้นชัยไม่กี่เมตร  ....ก้อยบีบข้อเท้าตัวเอง  เหมือนข้อเท้าจะพลิกรึเปล่านะ...

              ทุกคนวิ่งกรูไปยังตัวก้อย  ไม่เว้นแม้แต่ฉันที่แหวกเข้าไปกลางวงจนถึงตัวก้อยได้ก่อน  นี่แหละข้อดีของการเป็นคนตัวเล็ก...ฉันเอื้อมมือไปจับข้อเท้าก้อยที่ตอนนี้ใบหน้าไม่สู้ดีนัก

              ฉันเอาแขนข้างหนึ่งของก้อยมาพาดที่คอตัวเองไว้  ส่วนอีกข้างเป็นพี่สไปรท์ที่พยุงอยู่  ฉันลากก้อยไปอย่างทุกลักทุเล  สงสัยจะตัวหนักเกิน  กินจุล่ะสิ....แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น  เมื่อตอนนี้ก้อยทำหน้าเหมือนเจ็บเจียนตาย  คล้าย ๆ จะขาดอากาศหายใจ  (เว่อร์ไป)  

              “ฝากพี่สไปรท์ดูแลก้อยด้วยนะคะ”  ฉันบอกคนที่พยุงคนเจ็บอีกข้าง  ส่วนฉันเดินไปหาอีกคนที่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจ  ทั้ง ๆ ที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยซ้ำ

              ดาวดีใจด้วยนะคะพี่ขวัญ...เก่งที่สุดเลย”  ฉันเกาะแขนคนที่ตัวโตกว่า...ส่วนคนเก่งที่ฉันชมเมื่อกี้  ก็กอดคอฉันไว้  แล้วเลื่อนหน้ามากระซิบข้าง ๆ หู

              ขอรางวัลเป็นอย่างอื่นได้มั้ย”

              ฉันมองหน้าพี่ขวัญ  เลิกคิ้วอย่างสงสัย

              ฟอด!  

              แก้มด้านขวาของฉันโดนขโมยหอมไปจากคนเจ้าเล่ห์  คาดไม่ถึงว่าพี่ขวัญจะแอบมีมุมแบบนี้ด้วย...ฉันเอามือจับแก้มตรงบริเวณที่ถูกล่วงเกิน  แล้วยิ้มเขิน ๆ  ใจเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ  ...ฉันใช้กำปั้นเล็ก ๆ ยันไปที่ท้องของพี่ขวัญเบา ๆ แก้เขิน....

              อุ๊ย! ฉันมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก....ตรงอยู่ในชั่วโมงแห่งความรัก....เลยลืมคนเจ็บที่ฉันพยุงมาเมื่อกี้...คิดได้แล้วก็หันไปหาก้อยกับพี่สไปรท์...ที่ตอนนี้จ้องเราสองคนเขม็ง  แล้วหลบตาลงเมื่อพี่ขวัญหันมา...ฉันกับพี่ขวัญเดินไปดูใกล้ ๆ

              เป็นไงบ้างก้อย  เจ็บข้อเท้าเหรอ”  พี่ขวัญนั่งลง  กำลังจะจับตรงข้อเท้าของก้อย  แต่พี่สไปรท์กลับตวาดเสียงดัง

              อย่ามายุ่ง! ”  พี่สไปรท์หันหน้ามา  ทำให้ฉันเห็นน้ำตาคลอเบ้า  เธอกำลังสะอื้น  และต่อว่าพี่ขวัญ  ด้วยเหตุผลที่ฉันไม่เข้าใจ

              ไปห่วงคนที่เธอควรห่วง อย่ามายุ่งกับคนของฉัน”.....พี่สไปรท์พูดจบก็เดินออกจากพวกเราทันที  คงไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา  ไม่อยากให้กล้องจับภาพ  ไม่อยากให้...

              สไปรท์”  พี่ขวัญเรียก  กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามคู่กรณีไป

              ฉันยืนมองคู่นั้นอย่างงง ๆ ก่อนจะหันมายังคนเจ็บที่ตอนนี้ขาดคนเหลียวแล  ฉันนั่งลงข้าง ๆ  มือสัมผัสไปที่ข้อเท้าของก้อย  แล้วบีบด้วยน้ำหนักมือที่แรงพอสมควร

              โอ๊ย! ดาว”  ก้อยร้องขึ้นมา  ฉันเลยลดน้ำหนักมือลง  ค่อย ๆ นวดเบา ๆ เพื่อให้คนเจ็บผ่อนคลาย

              สมน้ำหน้า...อยากโชว์พาวดีนัก”  ฉันแกล้งบีบแรงขึ้นด้วยความหมั่นไส้...

              โอ๊ย! เจ็บนะ”  ก้อยจับมือฉันไว้  "ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำ”

              ถ้าไม่อยากทำ  ก็ไม่ทำหรอก”  ฉันพูดโดยไม่มองหน้าอีกคน....การสนทนาสุดท้ายของเรา  โดยที่ก้อยยอมให้ฉันนวดให้แต่โดยดี

              ................................

              ช่วงบ่าย....

              กิจกรรมแรลลี่  ที่ให้พวกเราเลือกจับคู่ตามคู่เพื่อนสนิทของตนเอง  เพื่อทำกิจกรรมตามจุดมุ่งหมาย  โดยมีพาหนะ  คือ  รถจักรยาน  และอุปกรณ์  คือ  เข็มทิศ 

              พี่ขวัญกับพี่สไปรท์ดูมึนตึงต่อกัน  ไม่รู้ว่าพี่ขวัญไปง้ออีท่าไหน  แต่พี่สไปรท์ก็ยอมนั่งซ้อนท้าย  โดยมือขวากอดเอวคนปั่นอยู่  ด้านพี่เต้ยกับพี่กานต์ก็ดูปกติ  ไม่เหมือนคู่รักในเบื้องหลังละครสดที่ฉันเห็น  ส่วนออยกับขนมปัง  ออยก็ทำหน้าที่เป็นสารถีให้แมวน้อยขี้อ้อนข้างหลัง 

              ก้อย  แกยังไม่หายดี  เดี๋ยวฉันปั่นให้ดีกว่า”  ฉันต่อรองคนเจ็บ  เนื่องจากอาการของก้อยน่าจะยังไม่ดีเท่าที่ควร

              ฉันไหวน่า...ถ้าให้แกปั่น  ฉันกลัวฉันเจ็บหนักกว่าเดิม”  ก้อยทำเป็นเข้มแข็งด้วยการชูกำปั้นขึ้น ...วันนี้ทำไมก้อยน่าหมั่นไส้จังเลยนะ ไหนจะทำตัวเท่กระโดดชู้ตบาส  ไหนจะวิ่งซะเก่ง...เกือบเข้าเส้นชัยก่อนพี่ขวัญ...ทั้ง ๆ ที่ตามไปหลายเมตร  ไหนจะตอนนี้ที่ทำแมน  เหมือนตัวเองไม่เป็นอะไรอีก...

    ฉันหยิกเข้าที่เอวของคนข้างหน้า  แต่ก้อยกลับตะปบมือฉันไว้  แล้วดึงแขนฉันให้ไปกอดเอวตัวเอง 

    เกาะแน่น ๆ นะ” 

    ฉันรู้สึกว่าหัวใจกำลังเต้นขึ้นลงวูบวาบ  เหมือนล่องลอยอยู่ในอากาศ  ฉันยิ้มก่อนวางหัวตัวเองลงบนหลังของก้อย  หลับตาพริ้ม

    ฉันดีใจนะ...ที่เราเป็นเพื่อนกัน”  ฉันพูดออกไปตามความรู้สึก

    แต่สำหรับฉัน  เราไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่แรก”  ก้อยพูดน้ำเสียงปนเศร้า  หรือจะผิดหวังที่มารู้จักกับเพื่อนที่ขี้เหงา  เอาแต่ใจอย่างฉันนะ

    แกผิดหวังที่รู้จักกับฉันงั้นเหรอ”  ฉันพูดตามที่สมองคิดทันที

    เปล่า  เพียงแต่ฉันแค่คิดว่า...มันจะดีกว่านี้...ถ้าเราไม่ได้เป็นแค่..........พ เพื่อน ก กัน”

              หือฉันชะงักไปกับประโยคหลัง   ได้ยินไม่ค่อยชัด  ด้วยเสียงประกาศจากทีมงานด้วย  จึงทำให้ฉันจับใจความได้ไม่ชัดเจน

              แกพูดว่าอะไรนะ”

              เปล่า  ไม่มีอะไร  แกเกาะดี ๆ นะ”  ก้อยเฉไฉไปเรื่องอื่น

              ฉันทุบหลังก้อยเบา ๆ  เชิงหยอกล้อ

              ก้อย  แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ  แกพูดอะไร  ฉันไม่ได้ยิน”

              ก้อยไม่ตอบ  แต่เร่งแรงปั่นมากขึ้น  จนฉันเกือบเซตกจักรยานแล้วมั้ยล่ะ  ฉันรีบกวาดแขนไปกอดคนตรงหน้าไว้  ไว้มีโอกาสค่อยถามใหม่ละกัน....

    .............................

              ฐานแรก  ให้เดินทางไปทางทิศเหนือ  500  เมตร  ทิศใต้  300  เมตร  ทิศตะวันออก  500  เมตร 

              ฉันกับก้อย...ดูเข็มทิศ...ผิด ๆ ถูก ๆ  กว่าจะถึงจุดหมาย  ก็คู่สุดท้ายแล้ว  เอ๊ะ! แสดงว่าเราฉลาดน้อยใช่ปะคือ...จะยุ่งยากไปไหนคะ..บอกว่าไปตึก ม.ต้น  แค่นั้น...ง่ายกว่ามั้ย?

              ฐานแรกที่เราเจอ...คือฐาน...จุดเยือกแข็ง  โดยให้แต่ละทีมใช้มือล้วงไปในถังน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก  เพื่อหาก้อนหินสีแดงที่ถูกทาสีไว้  จำนวน  ก้อน

              กรี๊ด!”  ขนมปังกรีดร้องออกมา  เมื่อมืออ่อน ๆ สัมผัสโดนน้ำแข็ง  .โดยมีออยช่วยล้วงอยู่ข้าง ๆ

              มือเหี่ยวหมดแล้ว”  พี่ขวัญจับมือพี่สไปรท์ที่ล้วงลงในถังจนได้ก้อนหินครบทุกก้อน....ก่อนจะจูงมือกันไปวิ่งลงบันได  เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป...

              เฮ้ย! ๆ แล้วคู่เราล่ะ ....ฉันหันไปเห็นก้อยทำหน้าเหยเก  เนื่องจากความเย็นในถังน้ำแข็ง  ฉันเลยรีบช่วยก้อยหา  ว้าย! มันเย็นจริง ๆ นะเนี่ย....รู้สึกว่าความเย็นมันพุ่งจี๊ดไปถึงสมองเลยทีเดียว

              เมื่อครบทั้ง  ก้อนแล้ว  เราก็รีบวิ่งไปหาพาหนะของเรา  เพื่อปฏิบัติภารกิจอีกหลายฐาน

              ไม่หึงเหรอ?  ที่พี่ขวัญกับพี่สไปรท์เขาสวีทกันขนาดนั้น”  ก้อยถามขึ้นมาขณะที่กำลังปั่นจักรยานอยู่

              มันก็เรื่องของเขา  ฉันห้ามใครไม่ได้หรอก”  ฉันพูดตามความจริง  ฉันไม่ได้รู้สึกเจ็บ  รู้สึกปวด...เวลาที่เห็นพี่ขวัญกับพี่สไปรท์อยู่ด้วยกัน  แต่กลับรู้สึกกับคนอื่นมากกว่า...และคน ๆ นั้นก็คือ...........

              เฮ้ย! ดาว  เจอฐานที่ แล้ว”  ก้อยพูดน้ำเสียงดีใจสุด ๆ  จนความคิดเมื่อกี้ของฉันถูกกลืนหายไป...

              ฐานที่  ส่งน้ำ  บริเวณลานกว้างหลังอาคาร ม.ปลาย

              วิธีการเล่นฐานนี้  คือตั้งถังน้ำ  ณ  จุดหนึ่ง  กำหนดให้แต่ละคู่  ยืนต่อกันด้านหลังขวดโหล

    โดยให้คนแรกวิ่งไปนำน้ำในถังมาใส่ขวดโหลที่มีขีดบอกปริมาณไว้  ด้วยอุปกรณ์ในการส่งน้ำคือขวดน้ำที่ถูกเจาะรูไว้  เมื่อนำน้ำกลับมาใส่ขวดโหลแล้วไปต่อที่ท้ายแถว  คนที่สอง  ก็วิ่งออกไป  นำน้ำกลับมาใส่ขวดโหลเช่นกัน  คล้ายการวิ่งเปี้ยว

              วันนี้ขนมปังเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้  วิ่งปรื๊ดกลับไปกลับมาสลับกับออยอย่างรวดเร็ว  ช่างเป็นคู่ที่เข้าขากันดีจริง ๆ  ส่วนฉันกับก้อยเหรอ  เหอะ ๆ  วิ่งไปขาก็แทบอ่อน  รู้สึกจุกท้อง  แต่ก็กัดฟันช่วยกันจนเราเสร็จเป็นคู่ที่สอง....ฉันรีบจับมือก้อยวิ่งไปยังจักรยานจอมเก่งที่พาพวกฉันผ่านมาแล้วสองฐาน  ตอนนี้เรามุ่งตรงไปยังฐานสุดท้าย  ทิศเหนือ  100  เมตร  ทิศใต้  400  เมตร  ทิศตะวันตก  300  เมตร  ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  200  เมตร  ...เออ...ตูจะบ้า  เอาไปเอามาเหมือนเราปั่นจักรยานเป็นวงกลมอ้อมเล่นอยู่แค่นั้นแหละ

              ฐานที่ เก็บของ 

              ฐานนี้...แต่ละคู่จะต้องเก็บของที่ห้อยระโยงระยางอยู่บนเส้นเชือกที่ผูกโยงจากต้นไม้สองต้นให้ได้คู่ละ  10  ชิ้น  โดยให้คนหนึ่งขี่คอหรืออุ้มอีกคนขึ้นไปเก็บของ  เมื่อเสร็จแล้วให้ปั่นจักรยานไปเอาธงแดงที่หน้าเสาธง  และกลับมาที่โรงยิม  ใครถึงเส้นชัยก่อนเป็นฝ่ายชนะ

              เค้าตัวหนักนะเต้ย”  ฉันหลิ่วตาไปยังเสียงหวาน ๆ นั่น 

              ไม่เป็นไร  สบาย”  พี่เต้ยก็ช่างแมน  นั่งลงก่อนที่พี่กานต์จะเดินมาข้างหลัง  แล้วยกตัวขึ้นอย่างง่ายดาย 

              หนักตรงไหนเนี่ย  ให้อุ้มตลอดเวลายังได้เลย” 

              อีกคนก็ยิ้ม  ทุบไหล่คนข้างล่างแก้เขิน  แล้วพี่กานต์ก็เอาหน้าตัวเองเงยที่หัวพี่เต้ย  จมูกสัมผัสกับผมของคนที่อยู่ข้างล่าง  ....เง้อ  อยากมี  moment  นี้จัง....

              เฮ้ย!  ดาว...เร็ว ๆ ดิ”  ก้อยปลุกฉันจากละเมอเพ้อพกอีกละ...

              ฉันตัวหนักนะก้อย”  ฉันเลียนแบบพี่กานต์  นางเอกในซีรีย์มโนของฉัน

              ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ  ก็แกกินเก่งซะขนาดนั้น”  เอ้า  แต่ไหงพระเอกปากมอมอย่างงี้วะ

              ฉันกระโดดขึ้นหลังก้อย  แล้วกอดคอคนโดนขี่ไว้  ด้วยกลัวจะตก  เพราะฉันก็ตัวหนักไม่ใช่เล่น  ฉันมองดูหางม้าของก้อยที่ถูกรวบตึงขึ้นมา  แล้วลูบไรผมที่ชี้ขึ้นมาลง...ก้อยหันขวับมาที่ฉัน 

              ดาว  แกทำอะไรอยู่  รีบเก็บดิ”  ก้อยเร่ง  ทำให้ฉันหลุดจากความเพ้อฝันอีกครั้ง 

              ฉันเลื่อนหน้าเข้าไปกระซิบข้าง ๆ หูก้อย  ....หลังคำพูดนั้น  รู้สึกว่าก้อยจะหูแดงขึ้นมาทันที  ฉันรีบเก็บของอย่างคล่องแคล่ว....แล้วเราก็เสร็จก่อนเป็นคู่แรก  ฉันกระโดดลงจากหลังก้อย  แล้วเราก็ใช้กำปั้นชนกันเป็นการฉลองชัย....ก่อนจะรีบวิ่งไปยังเป้าหมายต่อไป...

    ..........................................

              “แกนี่ชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อยเลยนะ”  ก้อยเอ่ยขึ้น  หลังจากเรานั่งพักรอเพื่อน ๆ ทีมอื่น ๆ อยู่

              แกล้งอะไร”  ฉันทำหน้าแบ๊ว  แสร้งไม่รู้เรื่อง

              ก็ที่แกพูดเมื่อกี้อ่ะ”

              พูดว่าอะไรเหรอ”  ฉันส่ายหน้า  ยักคิ้วเชิงล้อก้อย...

              ก็แกเป็นคนพูดเองอ่ะ  ฟังอีกได้มั้ย” 

              ฉันสบตากับก้อยครู่หนึ่ง  ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา

              สู้ ๆ นะคะ....ที่รัก”  คำสุดท้าย...ทำให้ใจฉันเต้นตุบตุบ  ก้อยก็คงเหมือนกันตอนนี้นางดูหน้าแดง  และหูแดงมากกว่าเมื่อกี้อีก  ฉันได้ที...เลยแกล้งถามคนขี้อายขึ้นมา

              แกจะมาคิดอะไรกับคำพูดของฉันวะ  ฉันแค่หยอกเล่น  อีกอย่างแกก็มีพี่สไปรท์อยู่แล้ว  ฉันก็....มีพี่ขวัญ”

              ฉันสังเกตว่าสีหน้าของก้อยดูจริงจังขึ้น  ก้อยยื่นมือมาจับมือฉัน 

              ดาว....ฉันว่า...เราคงต้องทบทวนความสัมพันธ์กันใหม่แล้วนะ” 
     

    ลงชื่อ......ดุจดาว  
    23  กันยายน

    .............................

              จบไปแล้วอีกหนึ่งตอน...แบบไม่จบ...ฮ่าๆ สปอยว่าตอนต่อไป...จะเป็นเรื่องราวต่อจากกิจกรรมแรลลี่  ซึ่งทางรายการได้มอบรางวัลแก่เด็ก ๆ ในบ้าน  ด้วยการจัดปาร์ตี้เบา ๆ เพื่อผ่อนคลายจากการออกกำลังอย่างหนักหน่วงในช่วงกลางวัน....สิ่งที่พิเศษอีกอย่าง....คือ  งานปาร์ตี้นี้  offline  ตั้งแต่เวลา  18.00 00.00 น.  ...เพราะฉะนั้น...อย่าลืมติดตามกันนะคะ ^_^

    อย่าลืมไปโหวตด้วยนะคะ  https://polldaddy.com/poll/8610430/


    review โหวต  ณ  วันที่  1  กุมภาพันธ์  2558  เวลา  14.15 ค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×