ตอนที่ 6 : Summer Season III
Summer Season III
I really like summer...I mean,Now i also like it that my heart can feel.
Natural 4
ครั้งแรกของนิตยสารที่ได้บุกสัมภาษณ์บุคคลทรงอิทธิพลด้านวัยรุ่นถึง 4 คน! หลังจากที่ทางเราได้เปิดโหวตตำแหน่ง The most Handsome Guy 2017 ในปีนี้ ผลตอบรับที่ได้กลับมาอย่างล้นหลามทำเอาทีมงานถึงกับอึ้งไปตามๆกัน เพราะไม่คิดว่าบุคคลที่โดนโหวตนั้นมีมากถึง 4 คน! จากการเปิดโพลสำรวจความชื่นชอบสำหรับวัยรุ่นทั่วฟ้าเมืองเกาหลีผลที่ได้แน่ชัดและกวาดคะแนนไปมากกว่าครึ่ง! ตายแล้วๆ อย่างนี้ดิฉันก็ตายนะสิคะคุณผู้อ่านนนนน !ซึ่งทางเราได้ทำการสัมภาษณ์ทั้ง 4 คนถึงไลฟ์สไตล์ คำถามที่คุณนักอ่านได้ส่งกันเข้ามาในสำนักพิมพ์ ซึ่งแน่นอนว่าเราจะเจาะลึกแบบ Exclusive!
มือสากเลื่อนเปิดผ่านบทสัมภาษณ์บุคคลแรกไปโดยไม่สนใจที่จะอ่านมัน เขาตัดสินใจซื้อนิตยสารเล่มนี้เพียงเพราะบุคคลเดียวที่มีอิทธิพลทางด้านจิตใจเขามาโดยตลอด นิ้วเรียวกรีดนิ้วเปิดอ่านหน้ากระดาษสีเหลืองอ่อนที่แตกต่างจากหน้าแรกซึ่งเป็นสีน้ำเงินหม่นอย่างลิบลับ ภาพผู้ชายผมสีน้ำตาลยืนหลับพริ้มตากอดหมีขั้วโลกทำเอาหัวใจเขาเต้นผิดจังหวะ
LUHAN ―Shining Boy
หนุ่มน้อยที่ลืมตาดูโลกก่อนน้องชายคนที่สาม 2 วินาที เป็นนักศึกษาวิศวะโยธาปี 4 เจ้าของตำแหน่ง Cute Boy ด้วยใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้มทำให้ผู้คนเทใจกดโหวตอย่างล้นหลาม เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างใหญ่โตถึงเด็กหนุ่มน่ารักคนนี้ว่าเป็นใคร จนได้รับรู้ว่าเป็น 1 ในแฝด 4 ผู้โด่งดังของมหาวิทยาลัย Exo Planet และยังเป็นเจ้าของตำแหน่ง Faculty Ambassader ปี 2016 ซึ่งทำให้เจ้าตัวได้ไปโลดแล่นด้วยการไปโปรโมตคณะรวมทั้งคลิปโปรโมตต่างๆจนเป็นที่รู้จักทั้งโลกโซเชี่ยลทั้งทวิตเตอร์ เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม กลายเป็นที่จับตามองของหนุ่มสาววัยรุ่น แถมด้วยอุปนิสัยแสนดีและเฟรนด์ลี่ของลู่ฮานทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ติดอันดับวัยรุ่นชายที่เป็นที่รู้จักและน่าคบหามากที่สุด
MC : แนะนำตัวกันหน่อย
ลู่ฮาน : สวัสดีครับ ลู่ฮานครับ นักศึกษามหาวิทยาลัย Exo Planet คณะวิศวะปี 4 เป็นสมาชิกคนที่ 2 ของแฝดครับ
MC : ตื่นเต้นรึเปล่าที่ได้มาสัมภาษณ์นิตยสารของเรา?
ลู่ฮาน : ตื่นเต้นจนขาสั่นมือสั่นไปหมดเลยครับ(หัวเราะ)
MC: แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการมาทำอะไรแบบนี้นี่
ลู่ฮาน : แต่ไม่เคยโดนสัมภาษณ์นี่ครับ… (ก้มหน้างุดเลยครับ น่าเอ็นดูมาก5555555)
MC : รู้มั้ยเนี่ยว่าตัวเองมีแฟนคลับเยอะมาก โดยเฉพาะผู้ชาย
ลู่ฮาน : จริงเหรอครับ?แฟนคลับเลยเหรอ?ผมไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติเสียอีกเวลามีคนเข้ามาชวนเราคุยหรือเอาของมาให้ ไม่คิดว่าจะเป็นแฟนคลับ(หัวเราะ)เฮ้! แต่ผมแมนๆนะ!
MC : ทำไมถึงคิดว่าตัวเองแมนละ?
ลู่ฮาน:ก็ผมเป็นผู้ชายนี่ครับ เตะบอลเล่นบาสเหมือนผู้ชายทั่วไปนี่แหละ
MC : มีแฟนคลับหลายคนส่งมาถามเยอะมากว่าทำไมถึงเรียนวิศวะทั้งๆที่หน้าตาเหมาะกับจะเรียนบริหารไม่ก็นิเทศมากกว่า
ลู่หาน :ผมไม่ชอบกราฟต์เขียวแดง (หัวเราะ) ครอบครัวของเราทำงานด้านอะไหล่รถยนต์ส่งออกรวมถึงรถยนต์นั่นทำให้ผมตัดสินใจเข้าวิศวะ ผมว่ามันเท่นะ ตอนเด็กๆผมจะชอบไปดูคุณพ่อซ่อมรถบ่อยๆ โตขึ้นมาเลยอยากสานต่อด้านนี้กับหานเกอ เสี่ยวลู่กับเซฮุนคงถนัดด้านบริหารมากกว่า(หัวเราะ)
MC : แล้วในบรรดาแฝดๆสนิทกับใครมากที่สุด
ลู่ฮาน : เสี่ยวลู่นะ เพราะว่าเราเกิดติดๆกันมันเหมือนสายใยอารมณ์จะชัดเจนมากที่สุด ไม่ใช่ว่ากับหานเกอและเซฮุนไม่มี แต่เสี่ยวลู่คือรับรู้ได้มากที่สุดว่าเรารู้สึกยังไงโดยไม่ต้องพูด แบบ สบตาก็รู้ใจ แต่ตัวจะติดกับหานเกอมากกว่า(กระซิบ)เซฮุนน่ะ..ขี้หวง
MC : สื่อสารทางอารมณ์คือยังไง?
ลู่ฮาน : ก็ถ้าเสี่ยวลู่โกรธ เราก็จะหงุดหงิดคนแรกถ้าอยู่ใกล้กัน ก่อนจะลามไปที่หานเกอ และเซฮุนเป็นคนสุดท้าย เพราะเซฮุนเนี่ยมีสติที่สุดในการควบคุมอารมณ์ของตัวเองและยังต้องคอยโอ๋เสี่ยวลู่อีก ใครที่ทำให้เซฮุนโมโหได้คือสกิลเข้าขั้นล้มบอส(ยกนิ้วโป้ง)
MC : มีแต่คนบอกว่าเซฮุนไม่ชอบพูด จริงรึเปล่า?
ลู่ฮาน : ไม่นะ เซฮุนพูดมากพอๆกับหานเกอเลย แถมยังขี้บ่นอีกต่างหาก
ลู่หาน : นินทาระยะเผาขน?
ลู่ฮาน : เขาเรียกเล่าสู่กันฟัง
MC : คิดว่าสมาชิกคนไหนปกป้องเราได้ดีที่สุด?
ลู่ฮาน : หานเกออออ ~ ฮ่าๆ เขาวิ่งตามเราทันที่สุดแล้ว ส่วนเซฮุนนี่ฟักเสี่ยวลู่อย่างเดียว(หัวเราะ)
MC : ทำไมเรียกลู่หานว่าหานเกอ?
ลู่ฮาน : 哥(เกอ)ในภาษาจีนแปลว่าพี่ชายครับ ทุกคนจะมีชื่อเรียกเฉพาะที่ติดปากเรา อย่างหานเกอ แฝด ฮุนฮุนแบบนี้ครับ
MC : แล้วของตัวเองละ?
ลู่ฮาน : สุดหล่อฮานฮาน!
ลู่หาน : มีถุงมั้ยครับ?เหมือนมีอะไรจะย้อนออกมาจากคอ
ลู่ฮาน : ย๊า!!!!
MC : คนในครอบครัวหวงเรารึเปล่า?
ลู่ฮาน : หวงมาก!ทั้งพี่ทั้งน้อยเลย!!หวงเรากับเสี่ยวลู่มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
MC :อึดอัดมั้ย?
ลู่ฮาน :ไม่นะครับ สนุกดี(หัวเราะ)
ลู่หาน :หึ!
MC : รู้มั้ยว่าตอนนี้มีแต่คนอยากคบมากที่สุดจากการโหวตของนิตยสารเรา
ลู่ฮาน : ห้ะ?
MC : นั่นแหละ(หัวเราะ)รู้สึกยังไงบ้าง?(น้องน่าเอ็นดูมากครับ ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกว่าเหมาะกับตำแหน่งมาก)
ลู่ฮาน :ก็ดีใจนะครับที่มีแต่คนอยากคบ…แต่ว่าก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน อยากคบหากับหานเกอมั่งซี่…หานเกอก็ใจดีนะ…
MC : น่ารักอย่างนี้ โสดมั้ยครับเนี่ย? (หัวเราะ)
ลู่หาน :อะแฮ่ม!(พี่เขาโหดจริงครับ555555)
ลู่ฮาน: (หัวเราะ)
MC : มีสเป๊คเป็นของตัวเองมั้ยครับ?
ลู่ฮาน : อยากได้แฟนแบบหานเกอครับ(หัวเราะ)
ลู่หาน : หืม?
MC : ยังไง?
ลู่ฮาน :คุมเราได้ แค่นั้นก็พอ เพราะยังไงที่เหลือเดี๋ยวหานเกอก็ทำให้เราเองแหละ55555555
ลู่หาน : เก่งกว่าเกอไม่มีอีกแล้วในโลก (ยิ้ม)
ลู่ฮาน : ผมขอถุงด้วยครับ(ยกมือเรียกสต๊าฟ)
MC : แล้วมีคนในใจรึยัง?
ชายหนุ่มผิวแทนเลียริมฝีปากของตนอย่างประหม่ากับประโยคคำถามสั้นๆของพิธีกร เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงหลังรับรู้ถึงคำตอบ มันอาจจะดีใจ เสียใจ หรือไม่…ก็รู้สึกผิด คิดถึงและโหยหามากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ลู่ฮาน : มีครับ เป็นหมีด้วยละ!
กึก
มือที่ยกแก้วกาแฟชะงักกลางอากาศ ไอร้อนแผ่กระจายแต่มือที่จับกลับเย็นเยียบ
MC :เพราะแบบนี้รึเปล่าถึงได้เลือกหมีมาประกอบฉาก?
ลู่ฮาน : ครับ (ยิ้ม)
ลู่หาน : เขาติดคนนั้นมากถึงขนาดลืมผมเลยด้วยซ้ำ ใช่สิ…เรามันก็แค่ของตายนี่…
ลู่ฮาน : เกอถ่ายกับหมาเรายังไม่งอแงเลย!
MC : บอกหน่อยได้มั้ยครับว่าใคร?
ลู่ฮาน : หมอไค(หัวเราะ)เราเรียกหมอ บางทีก็เรียกชื่อจริง สูงมากกกก ใจดีด้วย!(ยกมือทำท่าประกอบ)
ลู่หาน : พอได้แล้วมั้ง
เพล้ง!
แก้วกาแฟสีขาวกระแทกกับผนังห้องอย่างรุนแรงจากการขว้าง เศษกระเบื้องสีขาวปะปนไปกับน้ำสีเข้มที่สาดกระจายตามผนังและพื้น
MC : โห…อกหักกันไปครึ่งประเทศเลยครับ…อิจฉาหมอคนนั้นจริงๆ
ลู่ฮาน : อิจฉาทำไมครับ(หัวเราะ)
หากเป็นแต่ก่อนเขาคงรู้สึกดีอย่างถึงที่สุด รู้สึกโชคดีที่ได้เป็นผู้ชายคนนั้น มีความสุขกับความจริงใจทีเปี่ยมล้นของเด็กน้อย แต่ในวันนี้มันไมใช่…
เขากลับรู้สึกอิจฉาผู้ชายในหนังสือที่เด็กน้อยพูดถึงอย่างถึงที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
จงอินวางนิตยสารลงบนโต๊ะหน้าโซฟา สะบัดหน้าไปมาไล่ความมึนงงที่เกาะกุมเต็มสมอง เหยียดตัวลุกขึ้นด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งร่างกาย เดินไปที่ประตูห้อง บิดลูกบิดเปิดประตูให้กับแขกยามวิกาลซึ่งไม่พ้นเพื่อนสนิทของเขา
ผิดคาด...
ตรงหน้าจงอินเป็นผู้ชาย 2 คน ที่หนึ่งในนั้นหน้าตาเหมือนลู่ฮานอย่างกับแกะ ส่วนคนที่อยู่ข้างๆตัวสูงชะลูดและหน้าตาคล้ายเด็กหนุ่มข้างหน้าเขาอยู่บ้าง ผมสีเทาบุหรี่โดดเด่นนั่นไปกระตุ้นความทรงจำในคืนวันวาน
“คุณจงอิน…ผม…”แฝดหน้าตาดุจตุ๊กตากระเบื้อง ดูบอบบางกว่าลู่ฮาน ดูอ่อนหวานกว่า น่าถนุถนอมมากกว่าเอ่ยวาจาออกมาเสียงแผ่ว
“เข้ามาก่อนสิครับ” จงอินแทรกประโยคเสี่ยวลู่ที่มีสีหน้ากังวล เขาอ้าประตูให้ทั้งสองเข้ามาในห้องพักที่ปกติสะอาดเรียบร้อยแต่วันนี้กลับเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์ แก้วกาแฟสองสามแก้วบนเคาน์เตอร์ห้องครัว เศษแก้วแตกตรงผนัง ชีทเลคเชอร์ที่วางกองๆอยู่ไม่เป็นที่ เศษขยะมากมายวางเกลื่อนพื้นห้อง จงอินเดินเข้าไปเก็บกระป๋องเบียร์และแก้วกาแฟหน้าโซฟา บนโต๊ะ บนโซฟา เดินนำไปทิ้งที่ขยะในห้องครัว
“ขอโทษที่ต้องให้พวกคุณมาเจอกับสภาพห้องแบบนี้ คุณมากะทันหัน ผมเลยไม่ได้เก็บกวาด ขอโทษด้วย”
เสียงคิม จงอินราบเรียบพอๆกับสีหน้ายามขยับปากพูด ผิดกับสองแฝดที่เม้มปากแน่นกับสิ่งที่เห็น
หมอจงอินสภาพโทรมเหมือนคนทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์ ไม่เหมือนเดิมกับที่เคยเห็นผ่านๆหรือไม่ได้หน้าตาใจดีอย่างที่ได้ยินมาจากปากพี่ชาย ตอนนี้สิ่งที่เห็นกลับสวนทางสิ้นเชิง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใต้ตำคล้ำ ปากอิ่มซีดผากไม่มีชีวิตชีวา ตอหนวดเขียวครึ้มขึ้นตามสันกรามและเหนือริมฝีปาก กลิ่นแอลกอฮอลล์ผสมกลิ่นกาแฟลอยคลุ้งไปทั่วห้อง
เสี่ยวลู่ที่เห็นจากตอนแรกว่าสลดแล้วตอนนี้ยิ่งสลดเข้าไปใหญ่ จงอินเดินมาวางแก้วน้ำบรรจุเครื่องดื่มสีส้มสองใบให้พวกเขา บรรยากาศอึดอัดภายในห้องทำเอาเสี่ยวลู่จะบ้าตายให้ได้
“มาหาผมดึกขนาดนี้ มีอะไรกันรึเปล่าครับ?” จงอินเอ่ยปากถามสองคนที่มีท่าทางหนักอกหนักใจ เขาพอจะรู้ถึงสาเหตุ แต่ถ้าทั้งสองไม่บอกคงได้อยู่แบบนี้กันทั้งคืน
“เรื่องคืนนั้น…ที่คุณเห็นมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะครับ” เสี่ยวลู่พยายามเค้นเสียงออกมาพูด มือกำเข้าหากันบนหน้าตัก เรื่องวุ่นวายของตัวเองพาลทำให้ทุกคนพลอยเดือดร้อนไปเสียหมด เซฮุนเลื่อนมือกอบกุมมือเล็กที่กำจนขึ้นข้อขาว ลูบไล้หลังมือแผ่วเบา เรื่องในครั้งนี้เขามีส่วนผิดครึ่งหนึ่งและเขาเองก็รู้สึกผิดและเสียใจกับอาการซึมเศร้าของแฝดพี่อีกสองคน
เรื่องในคืนนั้น…ไม่ได้มีแค่ลู่ฮานที่รู้สึกดั่งทั้งโลกพังทลายยามเห็นรูปของหมอจงอินโอบเอวคริสตัล จอง
หานเกอเองก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย
ลูกหมาตัวนั้น…ติดเจ้าของมากเกินไป…และยังไม่เชื่องเท่าที่ควร
ทุกวันนี้ยังไม่มีใครเห็นทั้งสองคนไปที่อื่นนอกจากบ้านและคณะ ไม่รู้ว่าลูกหมาที่เคยอ้อล้อกับหานเกอจะเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนหมีตัวตรงหน้า…ทั้งไม่เชื่อง…และยังหัวร้อนง่ายอีกต่างหาก
อันตรายทั้งสองตัวจริงๆ
ทำไมฮยองทั้งสองคนถึงได้เลือกพวกนี้มาเป็นคนรักนะ
รังสีทมึฬแผ่ออกมารอบตัวคนไหล่เล็ก เซฮุนหันไปมองแล้วต้องขมวดคิ้วกับสายตาตำหนิในดวงตาใส่แจ๋ว
บางทีเขาก็เบื่อที่พวกเราอ่านความคิดกันออก
“ผม..ก็ขอโทษด้วยครับ” เซฮุนเอ่ยคำขอโทษ หน้าตาราบเรียบ แววตานิ่งสงบและเยือกเย็น ใช่ว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่พี่ชายของเขารู้สึกดีแล้วเขาต้องหวั่นเกรง กลับกัน เขากลับไม่รู้สึกพิศวาส มีแต่ความไม่ชอบที่เคลือบอยู่ในจิตใจเมื่อนึกถึงน้ำตาที่ไม่ควรจะไหลลงมาในวันนั้น
สองสายตาสบประสาน เหมือนมีกระแสบางอย่างกระแทกกันจนเป็นเสียงดังเปรี้ยะ!
“……” เสี่ยวลู่กลืนน้ำลายอึก ทั้งหานเกอและเซฮุนหวงเขากับเสี่ยวลู่เสียยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก
“เรื่องวุ่นวายของพวกเราอาจทำให้คุณเข้าใจผิดก็จริง…แต่คุณก็ใจร้อน―”
เพี๊ยะ!
เซฮุนหลับตาข่มความไม่พอใจไว้ยามรู้สึกถึงความเจ็บที่ต้นแขน ตัวต้นเหตุนั่งนิ่งเป็นตุ๊กตากระเบื้อง
“ครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเราเอง ขอโทษด้วยครับ” โอ เซฮุนก้มหัวขอโทษพร้อมกับเสี่ยวลู่ที่รีบก้มตามน้องชายคนสุดท้อง
คิม จงอินถอนหายใจ เขาจะมองข้ามที่เมื่อกี้เสี่ยวลู่ตีชายหนุ่มผมสีเทาต่อหน้าต่อตาและรับคำขอโทษแล้วกัน แต่จะให้เขามองข้ามเรื่องที่เกิดขึ้นก็คงไม่ได้ทีเดียว ตอนที่รู้เรื่องความโกรธก็แล่นริ้วแต่พอกลับมามองสถานการณ์ถึงได้ทราบว่าสองคนนี้ไม่ได้ผิดอะไร คนผิดคงเป็นเขาที่วู่วามและคิดเรื่องทุกอย่างไปเอง แถมยังทำให้เด็กน้อยร้องไห้ คงไม่แปลกที่เซฮุนจะไม่ชอบเขานัก
“ไม่เป็นอะไรเลยครับ ผมเองก็ผิดที่ใจร้อนและขาดสติ ต้องขอโทษพวกคุณด้วยที่ทำให้ต้องเดือดร้อนกันทั้งครอบครัว” นักศึกษาแพทย์ก้มหัวพร้อมกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ เซฮุนพยักหน้าพอใจผิดกับเสี่ยวลู่ที่มองเขาตาเขียวปั๊ด
ทำเป็นดุ…กลับบ้านไปจะคิดบัญชีให้คุ้มกับเวลาและความรู้สึกที่เสียหาย
“งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ ขอโทษที่มารบกวนเวลาของหมอจงอิน” เสี่ยวลู่ลุกขึ้นยืน ไม่รู้ว่ากล่าวประโยคขอโทษไปกี่ประโยคแล้วในวันนี้ เซฮุนยืนก้มหัวลาแล้วก้าวออกจากห้องไปสตาร์ถรถรอ เมื่อไหล่กว้างก้าวพ้นประตูห้อง เสี่ยวลู่หยุดเดินแล้วหันมามองหมอไค
“คุณหมอ…จริงจังกับเสี่ยวลู่ใช่มั้ยครับ?”
“ครับ??” จงอินขมวดคิ้ว เสี่ยวลู่ก็คนตรงหน้าไม่ใช่หรืออย่างไร?
“อา…ผมหมายถึงลู่ฮาน” ใบหน้าตุ๊กตาไขข้อข้องใจให้คุณหมอ จงอินนิ่งงันไปครู่หนึ่งแล้วก้มลงป้องปากกระซิบข้างหูฝาแฝด กลิ่นหอมกุหลาบอ่อนลอยแตะจมูกยิ่งนำพาให้เขาคิดถึงกลิ่นเสื้อที่ถูกตากแดดยามเช้าของเจ้าเด็กกวาง
“จริงจัง…จริงจังเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมีได้ครับ” ร่างสูงผละออกแล้วเม้มปาก ความจริงเขาไม่จำเป็นต้องก้มลงไปกระซิบ แต่เขาแค่ต้องการพิสูจน์บางอย่าง
เสี่ยวลู่แย้มรอยยิ้มบาง เป็นรอยยิ้มที่จริงใจและอ่อนหวานเหมือนกลิ่นตัว
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเสียเท่าไหร่นัก มันทำให้เขายิ่งคิดถึงเด็กน้อยคนนั้นมากขึ้นกว่าเดิม
ก็เพราะในวันนั้น…กลิ่นที่แตะจมูกไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมของเด็กน้อย
แต่เป็นกลิ่นกุหลาบที่มันฉุนเหมือนโดนสาดมาเสียมากกว่าฉีด
“ความผิดในครั้งนี้…สาเหตุเป็นเพราะผม ผมจะช่วยคุณเองครับ หมอจงอิน”
เสี่ยวลู่แลกไลน์กับเขาแล้วขอตัวกลับเนื่องจากน้องชายหัวเทาโทรตามรอบที่ 5 เขาไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นเป็นยังไง แต่คิดว่าคงไม่ใช่พี่น้องธรรมดาแน่ๆ
พี่น้องอะไรจูบกันดูดดื่มขนาดนั้น…
ความรักนี่…เข้าใจยากชิบหาย
ติ๊ง
เสียงแจ้งเตือนแอพสีเขียวดังขึ้น เป็นข้อความจากคนแปลกหน้าซึ่งหน้าตาพิมพ์เดียวกับเจ้าของหัวใจ
ก็หวัง…หวังว่าสิ่งที่จะทำมันจะช่วยได้จริงๆ
“จงแด…พรุ่งนี้กูจะเข้าคลาสเย็น ช่วยอะไรกูหน่อย”
ขอให้เด็กน้อยของเขาอย่าพึ่งงอแงก็พอ…
☼
“ลู่ฮาน พอได้แล้วมึง”
“เราขอทำตรงนี้อีกแปปนะ เติมน้ำมันอะไหล่ก็เสร็จแล้ว”
“แต่นี่มันเลยเที่ยงแล้วนะเว้ย กูหิวใส้จะขาดแล้ว” คยองซูยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกา เสียงท้องร้องโหวกเหวกในมโนสำนึกและหน้าท้องทำให้หัวคิ้วขยับชิดติดกัน
“คยองซูไปกินข้าวกับชานยอลเลยก็ได้ เราขอทำก่อน”เสียงอู้อี้เล็ดลอดมาจากใต้ท้องรถยนต์
“ถ้ามึงไม่ไปกูก็ไม่ไป”
“ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ”น้ำเสียงหนักใจเต็มแก่เหมือนแบกรับภาระเป็นผู้ที่อดทนรอทานข้าว
“มึงสิดื้อ ไอ้หานเรียกไปแดกก็ไม่ไป กูเรียกมึงจนปากเปียกปากแฉะมึงก็บอกเดี๋ยวๆ เดี๋ยวของมึงมาจะชั่วโมงแล้ว”คยองซูเริ่มจะเหลืออด ท้องเขามันชักจะแสบๆขึ้นมา ไอ้หิวข้าวก็หิว แต่เพื่อนผู้มุดอยู่ใต้ท้องรถก็สำคัญ
“คยองซูขี้บ่นตั้งแต่เมื่อไหร่?” ตัวต้นเหตุความหิวโหยของลำไส้โผล่หน้าออกมาแล้วหยัดตัวลุกขึ้นเตรียมตัวไปทานข้าว อันที่จริงใช่ว่าลู่ฮานจะไม่หิว แต่งานยังไม่เสร็จเลยยังไม่อยากละทิ้งชิ้นงานโบว์แดงคันนี้ไปไหน
“ตั้งแต่ที่มึงอก―”
โครม!!
เสียงประแจลอยตัดผ่านหน้าคยองซูกระแทกผนังด้านหลังหล่นลงมาทับข้าวของเครื่องใช้นักศึกษาที่พักทานข้าวกลางวัน
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว” ลู่ฮานขยับยิ้มหวานสวนทางกับน้ำเสียงที่กดต่ำจนน่ากลัว
เพื่อนสนิทตาโตกลืนน้ำลายลงคอด้วยความตระหนก หัวใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม ลูบหน้าอกฝั่งซ้าย ผ่อนลมหายใจครู่หนึ่งแล้วหันหลัง
คยองซูเดินไปหาลู่ฮานที่ก้มลงเก็บประแจ
บอกตามตรงว่าตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่พอสมควร แต่เพื่อนสนิทตัวดีเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว
ครั้งแรกเป็นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัว
ครั้งที่สองเป็นมือถือของลู่หาน สภาพพังยับเยิน หน้าจอแตกละเอียด ไม่เหลือเค้าความเป็นมือถือแต่แทนที่เจ้าของจะโกรธกลับเดินเข้าไปกอดแน่นแล้วนั่งร้องไห้กันสองคนที่มุมห้องนอนสีน้ำเงิน
เป็นภาพที่สะเทือนใจทั้งบ้าน ขนาดคยองซูเป็นคนนอกยังอดหดหู่ตามไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าคำพูดที่จงอินพูดกับลู่ฮานร้ายแรงขนาดไหน ไม่รู้ว่าแรงตบหรือคำด่ากราดของแบคฮยอนเจ็บแสบเท่าใด
แต่ที่แน่ๆมันทำให้หัวใจสองแฝดไม่เหลือสภาพให้เต้นได้ตามปกติจนถึงปัจจุบัน
ต้องใช้เวลาในการรักษาตัวพอสมควร…
ผ่านมา 1 อาทิตย์ทุกอย่างกลับไปแต่ก่อนเก่า ทุกคนเรียน กิน เที่ยว โดดบ้าง เข้าบ้าง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมีเพียงทั้งพี่ทั้งน้องซึ่งทำงานกันเป็นบ้าเป็นหลัง เมื่อยังเป็นคนปกติตั้งใจเรียนเท่าใด ปัจจุบันให้คุณนึกสภาพเด็กนักเรียนเกรดสุดท้ายอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“ขอโทษ…” เจ้าของผมสีดำสนิทนั่งคุกเข่า ในมือกำประแจเหล็กขึ้นสนิมแน่น ไหล่เล็กห่อลง แผ่นหลังบอบบางสั่นไหวตามด้วยเสียงสะอื้นฮัก คยองซูตาลีตาเหลือกวิ่งไปหาเด็กน้อยผู้เคยเป็นต้นกำเนิดรอยยิ้มให้ใครหลายคน แต่ในตอนนี้กลับมีไม่กี่คนที่ทำให้ริมฝีปากอิ่มเอิบขยับยิ้มออกมา ถึงทำได้นั่นก็ทำเอาแทบตาย
โด คยองซูได้แต่โทษตัวเองที่หลุดปากพูดถึงมัน
“ไม่ต้องขอโทษกู…มึงก็แค่หลุดมือ นิดหน่อยเอง” ลูบหัวทุยๆที่เอนเอียงมาซบหาไออุ่นดั่งลูกแมว เส้นผมที่แต่ก่อนสากมือเพราะสีผมที่ย้อมทุกเดือนตอนนี้กลับนุ่มขึ้นถนัดตา สีที่เคยเป็นโทนสีโคล่ากลับแปรเปลี่ยนเป็นสีดำแซมน้ำตาลเข้ม
‘ไปทำอะไรกับผมมา?!’
‘ย้อมแล้วก็ตัด…นิดหน่อย’ เสียงหวานหูกลายเป็นแหบแห้งจนน่ากลัวว่าไอออกมาแล้วจะมีฝุ่นผง
ไม่เลยสักนิด!ไอ้เพื่อนเวรนี่ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนสีผมมาตั้งแต่ปี 1 เริ่มย้อมพร้อมกันทั้งหมู่คณะ 4 แฝด ไปๆมาๆกลับย้อมกลับเป็นสีสมัยวัยละอ่อน!?
เงาดำเคลื่อนตัวมาทางด้านหลังอาจเป็นตัวอธิบายคำตอบให้คลายความสงสัย แต่แล้วก็ต้องตะลึงหนักมากกว่าเก่าเมื่อไอ้พี่คนโตที่เป็นหัวโจกเรื่องรสนิยมสีเดียวใช้ถึงหัวหงอกกลับย้อมสีดำ!!!
ดำปิ๊ดปี๋ ดำเหมือนขนอีกาดำ!
‘พวกมึง กูขอคำอธิบาย’
“…………” ลู่หานไม่พูด เดินหนีเข้าห้องเรียนไปนั่งหลังห้องโต๊ะตัวริมสุด มนุษย์หัวดำอีกคนปิดปากเงียบสนิทแล้วเดินตามพี่ชายต้อยๆ
ชานยอลและคยองซูรับรู้ถึงความผิดปกติได้ตั้งแต่ตอนนั้น
40%
มันเริ่มจากตอนนั้น กลุ่มที่เคยเต็มไปด้วยเสียงโวยวาย เสียงหัวเราะ แปรสภาพเหลือเพียงเสียงหัวเราะเจื่อนๆและบรรยากาศอึมครึมเหนือหัวพวกเขา
ลู่ฮานไม่ใช่เด็กหัวรุนแรง แต่ติดนิสัยเมื่อความรู้สึกเกินกักเก็บ สติที่เหลือเพียงไม่มากจะขาดหายและชั่ววูบเดียวของในมือจะถูกขว้างไปโดยไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้สึกตัว ไม่รับรู้ถึงการกระทำ
คยองซูเคยเห็นเพื่อนสนิทเป็นแบบนี้เมื่อนานมาแล้วในวัยที่พวกเรายังขาดการยั้งคิด สติและใช้อารมณ์ในการตัดสิน
เขาไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัดนักถึงต้นเหตุที่แท้จริงในการหล่อหลอมตัวลู่ฮานให้เป็นเช่นนี้
เขารู้ในสิ่งที่เขาอยากจะรู้
และสิ่งที่เขารู้ เขาก็คิดว่ามันก็มากเกินไปสำหรับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง
พี่น้องสกุลลู่ เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกช่วยเหลือออกมาจากศูนย์แพทย์โดยครอบครัวโอ เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถรู้เรื่องราวได้มากกลับถูกจับมาเป็นหนูทดลองหลังจากผู้เป็นแม่เสียชีวิตทันทีหลังคลอดทั้งสามออกมา
และลู่ฮานเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถูกทดลองในศูนย์วิจัยห่าเหว
ถูกปลูกฝังมาโดยความรุนแรงของนักวิทยาศาสตร์ผู้โลภมากที่ต้องการเปลี่ยนความคิดเด็กให้เป็นเพียงเครื่องจักรสังหารวัยละอ่อน
โชคดี…ที่ลู่หานพาหนีออกมาได้
วันนั้นฝนตก…ลู่ฮานตัวสั่นงั่นงกนั่งคุดคู้อยู่ในอ้อมกอดพี่ชาย ในวงแขนมีน้องชายคนเล็กที่นอนหลับใหลด้วยความเหนื่อยอ่อน
พวกเขาถูกช่วยโดยหญิงสูงอายุ ลืมตาอีกครั้งเห็นเพดานสีขาว เตียง และสายระโยงระยาง
บรรยากาศที่เกลียดแสนเกลียดไม่ได้ทำให้เขาหุบยิ้ม
ยามที่เห็นน้องชายนอนอยู่บนเตียงถัดไปทั้งสองคน
ไม่กี่วันหลังจากนั้น…เด็กน้อย 3 คนก็ได้รับการช่วยเหลือ
เวลาผ่านไป…อดีตถูกทิ้งไว้ พวกเราต่างเติบโต เดินตามเส้นทางที่สมควรจะเป็น
แต่แผลที่อยู่ภายในใจกลับไม่ถูกลบเลือนไปดั่งความทรงจำ
ลู่ฮานจะเผลอรุนแรงทุกครั้งยามเมื่อสมองหลั่งสารพิเศษซึ่งกระตุ้นอารมณ์ในก้านสมองมากจนไม่อาจกักเก็บ
ความรุนแรง…ความเจ็บปวด…ความสูญเสีย
นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาถูกยัดเยียดเข้ามาในสมอง จิตใต้สำนึก
ลู่หานตัดสินใจบอกเขาและชานยอลในวันที่ท้องฟ้าสีดำสนิท ห่าฝนตกลงมาอย่างหนักจนกลบเสียงเพลงที่เปิดคลอ ทุกสิ่งหยุดนิ่ง เราสองคนหยุดหายใจ แก้วเหล้าในมือเย็นเชียบ ความคิดเรื่องที่จะต่อว่าลู่ฮานหลังโดนปาของใส่นั่นปลิวหายไปทันที
ความสงสารเข้ามาแทนที่ และผันแปรเป็นความรู้สึกซื่อสัตย์ต่อเพื่อนสนิทคนนี้อย่างแท้จริง
ติ๊ง
ข้อความแสดงให้เจ้าของเครื่องเห็น ผู้รับสารขมวดคิ้ว อีกมือลูบหัวทุยเบาๆ อีกมือที่ว่างสไลด์หน้าจอพิมพ์ตอบกลับมือเดียวอย่างชำนาญ
ไม่นานอีกฝั่งข้อความก็เด้งขึ้น ความไม่พอใจแล่นริ้ว เสียงฮึดฮัดดังข้างหูเด็กน้อยขี้แย เงยหน้ามองทั้งที่น้ำตายังเปรอะทั่วใบหน้า จมูกขึ้นสีแดง ตาแดง แก้มแดง ปากแดง ดูฉ่ำๆเหมือนมะเขือเทศสุกควรค่าแก่การกัด
คยองซูดึงลู่ฮานให้ลุกขึ้น จับแขนเล็กและดึงไปที่โรงอาหาร
ทุกอย่างยังปกติดี…
เพียงแค่เพื่อนสนิทตาโตติดธุระนิดหน่อยเลยกลับบ้านด้วยกันไม่ได้…แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
ครืน…
ปัญหาอยู่ที่ท้องฟ้าซึ่งไม่เป็นสีฟ้า
ท้องฟ้าเหมือนกำลังเสียใจ…
เสียใจ…ไม่ต่างจากเขา…
ผมเกลียดฝน…โคตรจะเกลียดมัน…มันหนาวและเปียก
เย็นและน่ากลัว
ถ้าไม่จำเป็นสาบานได้ว่าผมจะไม่ก้าวขาออกจากห้องนอนสีเหลืองของผม
ไม่…ไม่มีทางซะหรอก
แต่ดูเหมือนวันนี้ผมจะดวงไม่ดี
ฝนดันตกในเวลาที่ลู่เกอไม่อยู่
แปะ…แปะ…
“อา…”
ริมฝีปากเม้มแน่น เอื้อมมือออกไปรองน้ำฝน
ฝนเม็ดใหญ่ ตกแรงและมันต้องกระแทกผิวหนังจนคันแน่ๆ…
แน่นอน…เขาจะไม่ออกจากคณะจนกว่าฝนจะหยุดตก
มันก็แค่หยดน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า…ตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง
มาพร้อมลมฝน
หนึ่งหยด…สองหยด…สามหยด
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมือเล็กๆนั่นเปียกไปหมด
แบมือออก
น้ำที่อยู่ในอุ้งมือไหลลงสู่พื้นถนน
มันเกิดจากแรงโน้มถ่วง…
บางที ดวงตาของเขาก็คงเหมือนท้องฟ้าในตอนนี้
ดึงน้ำในร่างกายมาใช้และสร้างให้กลายเป็นหยดกลมๆ
และไหลลงตามแรงโน้มถ่วงพร้อมเม็ดฝนสีเทานั่น
ผมขอยืนยันเสียงเดิม
I xing hate rain season
แต่ก็นั่นแหละ…อะไรที่มันย้อนแย้งมนุษย์ย่อมชอบกระทำ
ผมยืนอยู่กลางถนน ตัวเปียก ผมเปียก เปียกแม่งทั้งตัวถึงขนาดที่นิ้วเท้ายังเปียก
และมันก็ถึงจุดอิ่มตัวของน้ำในกระบอกตา
ผมทรุดลง…ทำตัวเหมือนนางเอกเอ็มวีงี่เง่า ยกมือขึ้นปิดหน้า ปิดตา ความเย็นแทรกผ่านง่ามนิ้ว ปะปนไปกับความอุ่นที่ล้นทะลักออกมาจากก้นบึ้งความรู้สึก
ไม่เคยคิดว่าความรู้สึกพวกนี้จะตื้นยิ่งกว่าอะไร บอบบางยิ่งกว่าแก้ว เปราะง่ายยิ่งกว่าแผ่นพิงเกิ้ล
“ฮึก…”
ไม่ไหว…ก้อนสะอื้นกระแทกคอหอย กระบอกเสียงส่งออกมา ตัวผมสั่น อาจเพราะหนาวหรือเพราะกำลังร้องไห้ก็ไม่แน่ใจ
โชคดีที่ไม่มีใครแถวนี้หรือในเวลานี้ ไม่งั้นพวกเขาคงงงที่ผมมานั่งยองๆโง่ๆอยู่กลางถนน
ซ่า…!!!
ผมชูแขนเหนือหัว กำมือเป็นกำปั้นยามท้องฟ้าปล่อยน้ำพวกนี้ลงมามากกว่าเดิม
และชูนิ้วกลางใส่ท้องฟ้าโทษฐานที่แกล้งผม
“เขาไม่ผิดหรอกนะ” ―มีเสียงผู้ชายแทรกเข้ามาในหู
ซ่า!
เขาที่ว่า…คงเป็นเขาที่ทำให้ผมเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำ
แต่ก็ใช่ เขาไม่ผิด ผิดที่ผมเอง ผมเองที่ยอมโดนเขาประทุษร้าย
“ถ้าตากฝนแบบนี้…จะไม่สบายได้นะครับ” ถึงอย่างนั้นเสียงฝนก็ไม่ได้กลบคำพูดที่แทรกได้
เสียงนุ่มละมุน มันทุ้มต่ำ ดูสุภาพถ่อมตน
เป็นเสียงที่เขาชื่นชอบ แม้บางครั้งจะทำให้เหมือนล่องลอย
แต่เสียงนี้ก็ฉุดให้ตกลงมากระแทกพื้นดินจนเจ็บร้าวทั้งสรรพสางร่างกาย
ลามไปก้อนเนื้อนอกเหนือคำสั่ง
ลู่ฮานหยุดนิ่ง ไม่เงยหน้า หยุดร้องไห้ ปล่อยให้ฝนสาดอยู่แบบนั้น
ถึงจะอยากหันไปหาแค่ไหน ถามเหตุผลว่าทำไมแต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญความจริง
ไม่รู้เหมือนกันทำไม…รู้สึกแค่ว่ากำลังอ่อนแอ
สายน้ำที่ไหลลงพาความกล้าน้อยลงทุกที
ร่างกายสูงใหญ่ย่อตัวลงข้างๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวแนบไปตามร่างกาย ผมสีน้ำตาลแนบลู่ไปตามโครงหน้า สายตาจดจ้องเด็กน้อยผู้แสนอ่อนแอ
อ่อนแอไม่ต่างจากเขา
เขาก็ไม่ชอบหน้าฝน…แต่แค่น้อยกว่าเด็กข้างๆ
“วันนั้น…พี่เห็นใครบางคนอยู่ในร้านเหล้า” จงอินเปิดปากพูด เสียงไม่ดังแต่ชัดเจนพอให้ก้อนกลมๆข้างกายได้ยิน
“พี่ไม่ชอบเข้าร้านแบบนั้น มันอึดอัด น่ารำคาญ วุ่นวายและเสียเวลาที่สุด” ลู่ฮานลดมือลงจากใบหน้า ปลายจมูกแดงรั้น
“พี่เกลียดความวุ่นวาย” คิม จงอินพูดต่อ ลูบหน้าเมื่อหยดน้ำกระทบม่านตา
ลู่ฮานหันหน้ามามองเขา
ไม่มีรอยยิ้มให้ เช่นเดียวกับเขา
เราต่างรู้ดีถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ
“มันเหมือนแมลงวันที่ชอบบินส่งเสียงรบกวนในหู และในตอนนั้น…” เด็กน้อยเม้มปาก ท่าทางเหมือนจะร้องไห้อีกรอบ
จงอินเอื้อมมือสั่นเทาไปลูบแก้มนิ่ม
“พี่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่พี่ก็ไม่เข้าใจ…ทำไมในความวุ่นวายพี่ถึงพอใจที่จะนั่งอยู่ตรงนั้น”
ความอุ่นชื้นตรงโคนนิ้วนั่นทำเอาจงอินหน้าเสีย
เขาสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะเข้มแข็ง…ไม่อ่อนแอให้เด็กวิศวะเห็น และเชื่อใจว่าเขาจะเป็นคนรักที่ดี
ที่สามารถปกป้องได้
แต่ตอนนี้เขาผิดคำสัญญากับตัวเอง
นักศึกษาแพทย์ปล่อยผ่านหยดน้ำที่ขอบตา ปล่อยให้มันไหล ปล่อยพร้อมคำพูดมากมาย
“พี่พอใจ…ถ้ามันคุ้มค่ากับการรอ”
“และพี่เห็นเรา…ไม่สิ…เห็นคนที่เหมือนเรา…จูบกับคนรัก…ซ…ซึ่งพี่ พี่เสียใจ”
“โมโห โกรธ ผิดหวัง เสียใจ”
“เหมือนอกหัก…” จงอินเล่าต่อไม่ขาดตอน และทุกคำพูดยิ่งตอกย้ำความรู้สึกให้สั่นไหวกว่าเดิม
ลู่ฮานก้มหน้า ความอุ่นดั่งแสงแดดส่งผ่านฝ่ามือหนาส่งผลให้แนบเนื้อแก้มลงไปมากกว่าเดิม
“พี่กินเหล้าเผื่อมันจะทำให้พี่หาย กินเหมือนกินน้ำ กินเพื่อลบ กินเพื่อลืม…”
“แต่ยิ่งกิน…พี่ก็ยิ่งเห็นภาพนั้น…” จงอินหายใจสะดุดยามที่ได้สบแก้วตาใส
คิดถึง…คิดถึงเหลือเกิน
“คุณเลยนอนกับคริสตัลงั้นเหรอ?” ใบหน้าหวานเงยขึ้น ดวงตาแดงก่ำ แววตาสั่นไหว ความฉ่ำวาวในม่านตานั้นฉายแววผิดหวัง
สรรพนามห่างเหินกระชากความหวังริบหรี่มอดดับรวดเร็วยิ่งกว่าราดน้ำใส่ไฟ
“ใช่”
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย…แต่มันสามารถฆ่าคนให้ตายได้
พลั่ก!!!
ชั่ววูบเดียว กำปั้นกระแทกเข้าสันกราม โลกหมุนคว้าง ร่างกายเสียหลัก แขนขวากระแทกพื้นและรับน้ำหนักทั้งร่าง
ซ่า!!!
“ทำไม…ทำไมไม่ถามผม!!!” ―ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นมาตั้งหลัก ก็มีร่างโปร่งขึ้นคร่อม กระชากคอเสื้อแล้วแผดเสียงใส่หน้าเขา
เป็นลู่ฮานที่เขาไม่เคยเห็นและรู้จัก
“ขอโทษ…”
พลั่ก!!!!―หมัดลุ่นๆกระแทกสันกรามจงอินอีกรอบ คราวนี้มันร้ายแรงกว่าเดิม
แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่าน
ตกใจเหมือนกัน…แต่ก็รู้มาตลอดว่าที่ผ่านมาเด็กน้อยเป็นผู้ชายแท้ ไม่ใช่ผู้ชายแนวนั้น
“วันนั้น…โทรไม่ติด…”
กึก
มือที่กำเสื้อชะงัก เปลือกตาปิดลง ผ่อนลมหายใจระงับสติ
“ขอโทษ…”
ลู่ฮานกัดปากจนรู้สึกถึงความคาวตรงปลายลิ้น
“ขอโทษที่นอนกับเขา…”
พลั่ก!!!
“ขอโทษแล้วมันหายมั้ยวะ?!” ความโกรธแล่นริ้วขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนั่น ความหนาวไม่ได้ทำให้เขาใจเย็นลงเลยสักนิด
“ข…ขอโทษ…”
พลั่ก!!!
ใบหน้าคมคายสะบัดไปตามแรงกระแทก มุมปากห้อเลือด มันเจ็บจี๊ดทุกคราที่เปิดปาก
“ขอโทษ…ที่ไม่ฟังเหตุผล…”
พลั่ก!!!
“อึก…ขอโทษ…ที่ไม่เชื่อใจ…”
ลู่ฮานหอบตัวโยน ก้มหน้าซุกแผงอกตรงหน้า ปล่อยโฮอย่างลืมอาย
“ขอโทษ…อ―!”
สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปากทำเอาจงอินหยุดหายใจ
ความร้อนแผ่ซ่าน…ขนอ่อนลุกชูชัน
จะหาว่าลู่ฮานใจง่ายก็คงไม่ผิดนัก แค่คำขอโทษโง่ๆคำเดียวทำให้ความขุ่นเคืองปลิวหายไปกับสายลม
ความรักของเราสองคนเป็นเรื่องแปลกใหม่…ยิ่งกับหมอจงอิน…ผู้ซึ่งไม่เคยรู้จักสิ่งใดนอกจากตำราเรียนและความฝันสูงสุดในชีวิตอย่างการเป็นหมอ
เขาเข้าใจ…แม้มันจะเจ็บปวดแต่นั่นทำให้เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
และเขาให้อภัย…ยกโทษให้คนผิดที่ทำเพราะความรัก
ไม่สิ…
เขาให้อภัยเพราะคนตรงหน้าคือคิม จงอินต่างหาก
ก้อนเนื้อที่อกซ้ายขยับเต้นกระหน่ำจนเจ็บไปหมด
เต้นแรงเท่ากับก้อนเนื้ออีกฝ่าย
จงอินหยัดกายขึ้นด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นจนน่าใจหาย โอบเอวคอดที่นั่งทับต้นขา เอียงหน้ารับเลียวลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างอุกอาจ
ฝนเริ่มซา…เมฆครึ้มเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศ
ทั้งสองร่างผละออก กอบโกยลมหายใจเข้าปอด
เป็นอนาคตแพทย์แนบหน้าผากลงที่หน้าผากกลมมน หลับตาฟังเสียงหยาดฝน
กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น
“ให้โอกาสพี่ได้มั้ย…”
ลู่ฮานพยักหน้า
“คบกับพี่นะ…ลู่ฮาน”
“ถ้าเราป่วย…พี่จะต้อง ฮึก รักษาเรา…ฮึก ด้วย”
“ได้ ได้สิ”
เมฆก้อนหนาสีเทาน่ากลัวหายไปแล้ว
เหลือเพียงท้องฟ้าสีชมพูและแสงแดดตกกระทบไอน้ำในอากาศ
สายรุ้งได้ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าเป็นวงกว้าง
พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าคนสองคนบนถนน
SPE;
นัยน์ตากวางมองสองร่างตรงหน้านิ่ง ผมสีอีกาดำชื้นหยดฝน กอดอกพิงเสาต้นใหญ่ใต้ตึกวิศวะ
‘อย่าทำให้น้องชายฉันร้องไห้อีกคิม จงอิน’
‘และฉันขอสั่ง…ให้นายรักษาลู่ฮานในฐานะหมอประจำตัวเขา เข้าใจมั้ย?’
‘ครับ’ ―จงอินเหยียดยิ้มมุมปากแม้จะรู้สึกจุกตรงหน้าท้องไม่น้อย แรงชกนักเรียนวิศวะไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
แต่คำอนุญาตของพี่ใหญ่บ้านลู่ก็ทำให้เขาสามารถยิ้มออกมาได้เต็มปาก
เหอะ…
เบนหน้าหนีสายฝนเปาะแปะ ลู่หานเดินจากเสาต้นใหญ่ใต้ตึก เดินยาวมาสุดโถง
สองขาหยุดเดิน มองแขกไม่ได้รับเชิญด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“หลบไปบยอน แบคฮยอน”
Writer Talkative
;-; เขียนจบเรื่องแรกเลยค่ะ จะร้องไห้ ปริ่มมากอ่ะ แงงงงงง ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ด้วยจริงๆ แล้วพบกันในฤดูฝน<3
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
