ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM] The friendship

    ลำดับตอนที่ #4 : chapter3

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 55


                    “แทคยอน”

                    แจบอมที่พึ่งฟื้นและลืมตาขึ้นมาก็เห็นแทคยอนที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆเตียงเป็นคนแรก กลีบปากบางคลี่ยิ้มให้ชายผู้เป็นที่รักแล้วน้ำตาก็ซึมออกมาเบาๆ ไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลยที่ยังเห็นว่าแทคยอนเลือกที่จะอยู่กับเขาในเวลาแบบนี้

                    “ฟื้นมาก็จะร้องเลยหรอ... ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

                    แทคยอนว่าพลางยกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นการปฏิเสธแบบหยอกล้อ และหัวเราะเบาๆให้กับความขี้แยของแจบอม เอะอะร้องเอะอะร้องตลอด ก็น่ารักดี... อ่อนแอแบบนี้มันก็น่าปกป้องดีนะ

                    “ไม่ต้องเลย ไม่ต้องมาหัวเราะเยาะเลย”

                    “โอ๊ะ!!

                    มือเล็กฟาดลงบนต้นแขนแทคยอนไม่เบานักแล้วแยกเขี้ยวใส่ แจบอมพยายามลืมเรื่องก่อนหน้านี้แล้วพยายามทำตัวสดใสเหมือนเดิมแทคยอนจะได้ไม่เตลิดอีก กว่าจะตามกลับมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ ผู้ชายหน้าหล่อๆนิสัยเฟรนด์ลี่คนนี้แหละ ที่มีแต่คนคอยจ้องจะงาบ

                     “ฉันดีใจนะแทคยอน ที่นายยังอยู่ตรงนี้ ข้างๆฉัน อย่าไปไหนอีกนะ ที่ผ่านมาช่างมันเถอะ เริ่มต้นใหม่กับฉันได้ไหม นายเลิกคบกับนิชคุณได้ไหม”

                    แทคยอนนิ่งเงียบไปดูเหมือนจะคิดหนัก ก่อนจะขยี้หัวทุยๆของคนนอนบนเตียงจนยุ่งไปหมดแล้วฉีกยิ้มให้

                    “ไอตัวเล็ก ร้องไห้แค่นี้ก็เป็นลมซะแล้ว น้ำเกลือขวดนี้หมดก็กลับบ้านได้แล้วนะ ไม่มีอะไรต้องห่วง”

                    “ได้มั้ยแทคยอน”

                    ร่างเล็กยังย้ำคำถามใส่แทคยอนในขณะที่แทคยอนพยายามเบี่ยงประเด็นแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด ได้มั้ยน่ะเหรอ... ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ

                    “แจบอม... ฉันยอมถอยมาเป็นแค่เพื่อนกับนิชคุณก็ได้ แต่เราคงเลิกคบกันไม่ได้หรอก เราเป็นเพื่อนกันน่ะ”

                    “กลับอเมริกากันดีไหม”

                    อยู่ๆแจบอมก็พูดเรื่องการกลับอเมริกาขึ้นมาจนแทคยอนนิ่งไปอีกรอบ นั่นหมายถึงการตัดปัญหาของแจบอมสินะ ถ้าเลิกคบไม่ได้ก็จะให้ห่างกันไปเลยอย่างนั้นน่ะหรือ...

                    “ไม่ได้หรอก ฉันยังต้องช่วยงานที่บริษัทให้พ่อ บ้านฉันอยู่นี่ ครอบครัวฉันอยู่นี่...”

                    “นิชคุณก็อยู่ที่นี่?”

                    แจบอมพูดแซกขึ้นมาอย่างรู้ทัน แทคยอนทำงานก็จริง แต่เค้าไม่ได้จริงจังกับการทำงานเลยแม้แต่น้อย เค้าเป็นลูกเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่ยังไงก็มีเงินใช้ ส่วนเรื่องครอบครัว แทคยอนแยกตัวออกมาอยู่ข้างนอกนานแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่กลับบ้าน ไอ้ที่พูดมาทั้งหมดน่ะ ข้ออ้างล้วนๆ

                    “ใช่... ฉันทิ้งเค้าไม่ได้หรอก”

                    “แล้วฉันล่ะ?”

                    “...”

                    “โอเค... ฉันจะเรียงลำดับความนึกคิดในสมองของนายนะ ฉันใช่แฟนนายหรือป่าว”

                    แจบอมเห็นท่าไม่ดีแล้วจึงช่วยจัดลำดับความคิดของแทคยอนให้ ต่างคนต่างยัดเรื่องของตัวเองเข้าสมองแทคยอนเตมไปหมด ฝั่งโน้นก็พูดกรอกหูเอาแต่จะได้และรั้งแทคยอน แฟนตัวจริงพูดอะไรทำไมต้องเอาไปเกี่ยวกับเรื่องที่ฝั่งโน้นพูดด้วย

                    “ก็ใช่”

                    “ปกติคนเราเค้ามีแฟนแค่คนเดียวไม่ใช่หรือไง”

                    “ใช่”

                    “นอกเหนือจากแฟนคนอื่นที่นายคบน่ะเค้าเรียกว่าชู้ รู้หรือป่าว นายต้องการให้เพื่อนนายตกอยู่ในฐานะแย่ๆแบบนั้นเหรอ คนอื่นเค้าจะมองนิชคุณยังไง รวมถึงนายด้วย ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะแทคยอน”

                    “อ...อืม”

                    ถ้าเป็นก่อนหน้าแจบอมอาจจะพูดว่าถ้าเลิกคบกับมันไม่ได้ ก็เลิกกับฉันไปเลย แบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้จะใช้อารมณ์ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าแทคยอนไปอีกคราวนี้นิชคุณไม่มีทางปล่อยกลับมาแน่

                    “นายรักฉันมั้ยแทคยอน”

                    “รักสิ”

                    “รักฉันก็อย่าเลิกกับฉันนะ ฉันก็รักนาย เราสองคนรักกัน เราคบกันในฐานะแฟน มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่านิชคุณและนานกว่าด้วย ต่อให้นายจะแอบคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ตาม แต่มันก็คงจะหลังจากที่ฉันเป็นแฟนนายแล้วล่ะ เพราะถ้าเป็นก่อนหน้านั้นนายสองคนคงเป็นแฟนกันไปแล้ว แล้วฉันก็คงจะไม่ใช่แฟนนายในปัจจุบันนี้ จริงไหม

                    “อื้ม”

                    “นายรักฉันมากกว่านิชคุณ เพราะทั้งๆที่นายรู้จักกันมาก่อน ถ้านายรักเค้าจริง นายสองคนคงเป็นแฟนกันไปแล้ว แต่นี่นายเลือกฉันเป็นแฟน นายรักฉันมากกว่า จริงไหม

                    “เออ...ใช่”

                    ถึงการทำแบบนี้มันจะดูเหมือนแทคยอนกลายเป็นคนโง่ไปหน่อย แต่ถ้าไม่กรอกหูกันแบบนี้ ฝ่ายโน้นก็จะทำอยู่ข้างเดียวและแทคยอนคงจะเขวเอาง่ายๆ คนเราไม่ว่าจะเป็นคนโง่หรือฉลาด การพูดให้เค้าได้คิดมากๆเป็นการโน้มน้าวใจได้เสมอ ขึ้นอยู่กับผู้พูด ว่าจะพูดในแง่มุมไหน เช่นเดียวกับแจบอม ที่พูดในแง่มุมที่ตัวเองได้เปรียบ และแทคยอนก็คล้อยตามได้ไม่ยาก

                    “เริ่มใหม่เถอะแทคยอน อย่าทำให้นิชคุณเสียหายไปด้วยเลย นายคบกับฉันอยู่ อย่าทำแบบนั้นอีกเลยนะ ฉันขอร้อง”

                    “อ...อื้ม”

     

                    RRRRRRrrrrrrr

                    มือหนาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง พอเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็ถึงกับต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ แจบอมก็ยังมองดูอยู่เช่นกัน แจบอมไม่แสดงสีหน้าอะไรทั้งนั้น ไม่โกรธ ไม่เศร้า หรือไม่เขม่น แต่จะให้แทคยอนคิดเอาเองว่าควรทำยังไง

                    “รับได้ ฉันไมว่า พวกนายมีความลับอะไรกันหรือป่าว ถ้าไม่มีก็คุยตรงนี้แหละ”

     

                    แทคยอนเม้มปากเบาๆแล้วชั่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดรับสายกล้าๆกลัวๆ ไม่รู้ว่านิชคุณจะคุยเรื่องอะไร

     

                    (แทคยอน พี่เจย์เป็นยังไงบ้าง?)

                    เสียงหวานที่ดูเป็นห่วงและจริงใจทำเอาแทคยอนค่อนข้างโล่งอกที่เขาไม่โทรมาชวนคุยเรื่องที่ไม่ควรคุยต่อหน้าแจบอมตอนนี้

                    “อ๋อ ไม่เป็นไรมากหรอก ให้น้ำเกลือหมดขวดก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

                    แทคยอนพูดด้วยน้ำเสียงสดใส พูดไปก็ยิ้มไปพลางมองหน้าแจบอมไปด้วย แจบอมเดาได้ว่านิชคุณถามถึงอาการตัวเอง และพอจะรู้ว่ามันไม่ได้ห่วง มันแค่เช็คเฉยๆ ว่าถึงขนาดใกล้ตายมั้ย เฮอะ

                    (หรอ... ดีจัง อีกนานมั้ยล่ะ?)

                    “ประมาณ2ชั่วโมงได้”

                    (ตอนนั้นฉันก็ยังไม่เข้างานเลยนิ่ จะมารับฉันเหมือนเดิมมั้ย?)

                    “เอ่อ...” แทคยอนลอบมองตาแจบอมนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆตอบ “วันนี้ไปกับมินจุนนะ”

                    (ได้ๆ แค่ถามน่ะ ถ้าไม่ได้ฉันจะได้ออกไปพร้อมมัน แค่นี้แหละ)

                    “อื้ม”

     

     

     

                    “ฉันนี่ก้างแท้ๆเลยเนอะ”

                    แจบอมเอ่ยขึ้นมาลอยๆแล้วขยับตัวลงนอนบนเตียงดีๆก่อนจะหลับตาแล้วทำเป็นนอนหลับหนีแทคยอน

                    “พูดอะไรอย่างนั้นเล่า”

                    “...”

                    “ฉันจะอยู่กับนาย พานายกลับบ้าน แล้วก็นอนกับนายด้วยเลยอ่ะ”

                    “แค่คืนนี้ล่ะมั้ง”

                    “คืนไหนนายอยากฉันก็ได้หมดอ่ะ”

                    “ทะลึ่งละ อีก2ชั่วโมงฉันจะนอนก่อนแล้วกัน อย่าให้รู้นะว่าแว้บไปไหน”

                    “ไม่ไปหรอกน่า ก็บอกแล้วไงว่ารอพากลับบ้านด้วยกัน นอนเถอะ พักผ่อนน้อยเลยเป็นแบบนี้ไง”

                    แทคยอนขยี้หัวคนตัวเล็กที่นอนบนเตียงอย่างหมั่นไส้เพราะขี้กังวลเหลือเกิน ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้จะอยู่ด้วย ถ้าพรุ่งนี้ล่ะก็ไม่แน่

                    “ฉันพี่แกนะ จับหัวฉันเรอะ!?

                    “ทำไมเล่า ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่แบ่งชนชั้น จะพี่จะน้องฉันก็เป็นผัวนายเหมือนเดิมแหละ”

                    “เดี๋ยวปั๊ด!! นั่งเงียบๆไปเลย ฉันจะนอน”

                    “คร้าบ”

     

     

     

     

    .......................................................................................

     

     

     

     

                    “ไอคุณ อีก5นาทีแกต้องขึ้นแล้วนะเว่ย มานั่งเหม่อทำบ้าอะไรตรงนี้วะ”

                    มินจุนเดินมาตบบ่านิชคุณที่นั่งอยู่บนโซฟาที่พักนักดนตรีหลังเวทีแล้วนั่งลงข้างๆ ก่อนจะมองคนที่ยังเอาแต่นั่งกุมมือแล้วก้มหน้าอย่างสงสัย ปกตินิชคุณไม่เคยทำท่าซีเรียสขนาดนี้

                    “ไม่มารับฉันไม่ว่านะเว่ย ฉันไม่ได้ปัญญาอ่อนจะมานั่งคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนั้น แต่ฉันกลัวว่ะ กลัวว่าแฟนมันจะเอาอยู่ แล้วฉันล่ะ?”

                    “เอ๊า แล้วแกมานั่งคิดทำไมตอนนี้วะ ทำงานก่อน เมื่อวานฉันก็ขึ้นแทนแล้ว ถ้าขึ้นอีกฉันจะรับเงินเดือนแทนแกแล้วนะ”

                    “ไม่มีอารมณ์ว่ะ”

                    “แกไม่ต้องมาติสแตกเลย อารงอารมณ์อะไร แกเล่นเพลงเศร้าไปอารมณ์แกมาเต็มแน่”

                    “จริงสิ... แกเคยเล่นหรือไง? คิดออกได้ไงวะ หัวฉันตื้อจะตาย”

                    “ทำไมเล่า แกอารมณ์นี้ก็ต้องเพลงเศร้าเท่านั้น ไม่เห็นแปลกเลย ไปๆๆ”

                    มินจุนช่วยรั้งแขนนิชคุณให้ลุกขึ้นแล้วดันหลังเพื่อนที่หน้าตาบูดบึ้งให้ขึ้นไปทำงาน แล้วทำท่าไฟติ้งให้เพื่อนสู้ๆ ก่อนจะฉีกยิ้มให้แล้วกลับมานั่งรอหลังเวทีเพื่อรอแบทเทิลกันในชั่วโมงสุดท้าย ยิ่งดึกลูกค้าที่นี่ยิ่งแน่น ยิ่งดึกการบรรเลงเปียโนในร้านนี้ยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆเพราะนิชคุณเป็นมือ2ต่อจากมินจุนและชั่วโมงที่3พวกเค้าจะต้องขึ้นเล่นร่วมกัน

                    ถ้าพูดถึงเงินเดือน... ก็พอประมาณ พอใช้พอกินแบบไม่ฟุ่มเฟือย แต่ถ้ารวมทิปแล้ว ถึงขั้นเหลือกินเหลือใช้เลยล่ะ เพราะคอนโดที่ทั้งสองอยู่ก็แชร์กันซื้อแล้ว ห้องไม่ต้องเช่า ซื้อแต่ข้าวกิน ยิ่งถ้าพูดถึงนิชคุณรายนั้นยิ่งเงินเหลือใช้กันเข้าไปใหญ่ เพราะข้าวไม่ต้องซื้อ คุณแทคยอนเค้ามาเลี้ยงตลอด พูดแล้วก็น่าอิจฉาเค้าเบาๆ แทคยอนชอบเลี้ยงเพื่อนคนนั้นจัง มินจุนก็เพื่อนคนหนึ่งนะ สนใจกันสักนิดก็ยังดี

     

                    “นั่งคิดอะไรอ่ะ เหม่อเชียว”

                    แทคยอนเข้ามานั่งแซะข้างๆมินจุนขยับขาเบียดๆสะกิดขามินจุนให้เค้าเลิกเหม่อ จะได้สนใจเพื่อนที่มาหาบ้าง

                    “เรื่องผู้ชายเฮ็งซวยคนนึง แย่ ไม่เคยสนใจฉัน หลายใจ กระล่อน โลเล เข้ากับคนง่าย แต่มันก็เกินไป ฉันเผลอไปรู้จักกับมันเข้า ชอบมันด้วย ฉันเลยแย่”

                    มินจุนว่าพลางมองหน้าและจ้องตาแทคยอนจนร่างสูงต้องเป็นฝ่ายหลุดขำแล้วหันหน้าหนีไปซะเอง มือหนาประสานกันไว้ที่ท้ายทอยแล้วนั่งพิงตัวไปกับโซฟาอย่างขำๆกับท่าทีของมินจุน

                    “ผู้ชายคอห่านอะไรทำนายดูท่าทางหงุดหงิดขนาดนี้เนี่ย? แล้วจะไปชอบมันทำบ้าอะไร?”

                    “ก็ฉันชอบของฉันน่ะ ยุ่งอะไรเล่า!?

                    แทคยอนเบ้ปากลงแล้วทำหน้าตากวนๆใส่จนมินจุนอดจะฟาดลงที่ต้นแขนของแทคยอนไม่ได้ นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้คุยกันด้วยท่าทางสนิทสนมกันขนาดนี้ ตั้งแต่แนะนำแทคยอนให้นิชคุณรู้จักมินจุนก็ตีตัวออกห่างเรื่อยๆเพราะรู้สึกความสัมพันธ์ฉันเพื่อนของพวกเขาไม่เหมือนไม่เดิม แต่ที่วันนี้มินจุนไม่หนีหน้า ไม่ถอยหนีก็เพราะเขาเริ่มมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นบ้างนิดหน่อย ว่าเขาอาจจะมีโอกาสมีความสัมพันธ์กับแทคยอนที่ดีกว่าตอนนี้ได้

                    “แล้วนี่ไม่อยู่กับแฟนนายหรือไง มาทำอะไรที่นี่?”

                    “เค้านอนแล้ว”

                    “?” ใบหน้าหวานขมวดคิ้วลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย ก่อนจะทำใจกล้าถามเรื่องส่วนตัวของพวกเขา “แล้ว... ทำไมไม่นอนด้วยกัน?”

                    “ฉันให้เค้ากินยานอนหลับน่ะ เห็นพักผ่อนน้อยจะได้ถือโอกาสนี้พักผ่อนให้เต็มที่ไปเลยไง”

                    “หรา~ แล้วนายก็จะได้ย่องมาคุณที่นี่?”

                    “บ้า~ ไม่เกี่ยวกัน ฉันไม่ได้วางแผนนะ ฉันแค่ว่างตอนเค้าหลับ เลยออกมา”

                    “ฉันก็ยังไม่ได้บอกว่านายวางแผนเลย ร้อนตัวไปนะ

                    ดวงตาเรียวเล็กจ้องดวงตาคมแบบจับผิด และแทคยอนก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และหลบตาหนีไปก่อน

                    “เออ ฉันวางแผน  ทำไม ฉันคิดถึงคุณไม่ได้หรือไง!?

                    ร่างสูงว่าก่อนจะทำหน้าเหมือนจะหาเรื่องในทำนองหยอกล้อกับมินจุนตามภาษาเพื่อน แต่ร่างบางกลับนิ่งไปและไม่พูดอะไรต่อ จนแทคยอนต้องมานั่งงงซะเอง ว่าตัวเองพูดอะไรผิดหรือป่าว

                    “มินจุน... เป็นอะไรหรือป่าว? หรือฉันพูดอะไรผิด โกรธฉันหรอ”

                    น้ำเสียงหวานๆปนออดอ้อนของแทคยอนยามทำผิดยิ่งชวนให้รักเข้าไปใหญ่ แทคยอนน่ารักจนใครๆก็รักเค้าไปซะหมด แทคยอนเป็นคนอัธยาศัยดี เฟรนด์ลี่ พูดคุยง่าย เป็นคนขำๆ อยู่ด้วยก็มีความสุขเสมอ หากแต่เวลาทำใครโกรธ แทคยอนก็ยังไม่วายทำตัวมีเสน่ห์เหมือนเดิม เค้ามีรูปร่างหน้าตาเป็นอาวุธเชือดใจใครหลายๆคน อีกทั้งน้ำเสียงที่ถูกจัดแจงไว้ใช้ได้ดีในทุกสถานการณ์ ผู้ชายคนนี้ทำอะไรก็ดูดีมีเสน่ห์ไปทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้หมายถึงข้อดีสักเท่าไหร่หรอกนะ เขาทำกับทุกคนแบบนี้... นี่ไม่ใช่เรื่องดีของผู้ชายคนนี้หรอก

                    “โกรธเรื่องอะไรเล่า”

                    “ก็นายเงียบไปนี่”

                    “ป่าววว... เดี๋ยวฉันจะขึ้นเวทีแล้วล่ะ ไปหน้าร้านไป”

                    “ไล่อ่อออออ?”

                    “ใช่ ออกไปๆ ทำฉันเสียสมาธิหมด”

                    “ชิ”

                    แทคยอนเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปหน้าร้านก่อนจะเดินไปหาโต๊ะนั่งแล้วยิ้มแฉ่งอยู่โต๊ะแถวหน้าเวทีที่นิชคุณทำงานอยู่ ใบหน้าคมยิ้มให้นิชคุณไม่หยุดแล้วทำหน้าทะเล้นหยอกล้ออยู่ตลอดจนเพลงเศร้าที่นิชคุณเล่นมาตั้งแต่แรกเริ่มไม่ได้ฟิลแห่งความเศร้า นิ้วเรียวเร่งจังหวะเพลงไปเรื่อยๆแล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นเพลงที่มีจังหวะขึ้นมานิดหน่อย ส่วนตาก็เอาแต่มองแทคยอนแล้วก็อมยิ้มอยู่ตลอด ไม่นานมินจุนก็เริ่มขึ้นมาเล่นด้วย

                    แต่ดูเหมือนแทคยอนจะเอาแต่มองหน้านิชคุณไม่เลิกและมองเพียงสิ่งเดียวด้วย แทคยอนไม่ได้มองมินจุน และเอาแต่ทำหน้าทะเล้นหยอกล้อกับนิชคุณกันอยู่สองคนอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมงจนเสร็จงานของนิชคุณและมินจุน 1ชั่วโมงมันก็ไม่นานสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่อยากรีบทำงานให้เสร็จลงมาหาแทคยอนอย่างนิชคุณนี่สิ ช่างยาวนานเหลือเกิน

     

                    แม้การบรรเลงเปียโนในร้านจะหมดคิวลงแล้ว แต่ในร้านอาหารกึ่งบาร์แห่งนี้ก็ยังมีบรรยากาศคลาสสิกสุดหรู และดนตรีคลอเบาๆกับบรรยากาศสลัวๆในร้านเหมาะกับบรรยากาศใกล้ๆเที่ยงคืนแบบนี้เป็นที่สุด

     

                    นิชคุณเข้าไปหยิบกระเป๋าตัวเองหลังเวทีและถอดสูททิ้งไว้ที่ร้านเสร็จก็เดินตรงออกมาหาแทคยอนทันที ร่างเล็กเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีดำที่ปลดกระดุมเม็ดบน3เม็ดเผยแผงอกขาวตัดกับเสื้อเป็นอย่างมากเล่นเอาแทคยอนมองไม่หยุด ร่างบางในเสื้อเชิ้ตไม่ใหญ่นักที่ทำให้เน้นรูปร่างว่าบางขนาดไหน และแขนเสื้อที่ถกขึ้นมาจนถึงศอกทำให้ยิ่งเห็นชัดว่าอะไรอะไรก็ขาวไปซะหมดและน่ามองซะเหลือเกิน

     

                    “มองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นหรอ?”

                    “แหม ดูบ่อยแค่ไหนก็ไม่มีทางเบื่อหรอก”

                    แทคยอนว่าจบก็ทำท่าตบลงบนตักตัวเองแล้วส่งสายตาหวานเยิ้มให้ร่างบางที่ยืนมองตนอยู่แบบรู้ๆกันว่าร่างสูงต้องการอะไร นิชคุณก็ยืนกอดอกอมยิ้มอยู่ครู่หนึ่งก็วางกระเป๋าตัวเองลงบนโต๊ะแล้วตัดสินใจทำเพียงแค่ลงไปนั่งข้างแทคยอนบนโซฟาแล้วเริ่มรินเหล้าบรั่นด์ดีในแก้วของแทคยอนและของตัวเองด้วย ก่อนจะส่งแก้วให้ร่างสูงแล้วชูแก้วของตัวเองขึ้นมาเพื่อเชิญชวนให้ดื่มไปด้วยกัน

                    “เป็นเด็กนั่งดริงค์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

                    “ไม่ชอบหรอ?”

                    “ไม่อ่ะ...”

                    แทคยอนตอบด้วยใบหน้าเฉยๆก่อนจะวางแก้วเหล้าของตนลงบนโต๊ะและดึงแก้วเหล้าออกจากมือคุณไปวางบนโต๊ะด้วยเช่นกัน เล่นเอาคนตัวเล็กเสียเซลฟ์ไปเลย

                    “แบบนี้ได้มั้ย?”

                    แทคยอนว่าก่อนที่จะวาดแขนแกร่งโอบไปที่เอวของร่างบางแล้วรั้งให้ขึ้นมานั่งบนตักตัวเอง นิชคุณไม่ขัดขืนและหลังจากที่โดนรั้งขึ้นมานิชคุณก็จัดที่นั่งตัวเองให้นั่งบนตักแทคยอนดีๆแล้วหยิบแก้วเหล้าส่งให้ร่างสูงอีกรอบ แทคยอนรับไว้แล้วยิ้มบางๆอย่างมีเลศนัยก่อนจะกระดกเหล้าแก้วนั้นเข้าปากไปแต่ยังไม่ทันจะกระเดื่องลงคอตัวเองมือหนาก็เลื้อยไปรั้งคอนิชคุณเบาๆให้ปากบางมาประกบกับตนแล้วค่อยๆปล่อยแอลกอฮอล์อุ่นๆจากปากตัวเองผ่านริมฝีปากบางไปพร้อมกับลิ้นหนาที่เข้าไปโกยรสชาติแอลกอฮอล์คืนจากโพรงปากอุ่นที่กลืนเหล้าไปแล้ว เหลือแต่เพียงกลิ่นและรสเพียงนิดหน่อยเท่านั้น เพราะทั้งสองต่างดูดดื่มกันซะจนรสหวานเข้ามาแทนที่แอลกอฮอล์เฝื่อนๆซะแล้ว

                    “นี่หนักกว่าเด็กนั่งดริงค์อีกนะ”

                    นิชคุณว่าเสียงเบาก่อนจะพิงศีรษะกับแทคยอนและซบใบหน้าลงกับซอกคอของร่างสูง

                    กลิ่นแชมพูอ่อนๆที่ยังติดกับเส้นผมน้ำตาลอ่อนๆเล่นเอาแทคยอนอดที่จะกดจมูกโด่งลงบนศีรษะของร่างเล็กเบาๆแล้วสูดความหอมของคนที่นั่งอยู่บนตักเขาไม่ได้ แขนแกร่งโอบร่างเล็กไว้เบาๆแต่อบอุ่นสุดๆ นั่นก็เล่นเอานิชคุณเคลิ้มๆได้เช่นกัน

                    “ไม่ชอบฐานะแบบนี้เลย”

                    นิชคุณพึมพำเบาๆในขณะที่ใบหน้ายังซบกับซอกคอของแทคยอน และดูเหมือนแทคยอนจะได้ยินชัดเจนดีและนิ่งไปเลย ที่นิชคุณพูดแบบนี้

                    “ฉันเลิกกับเค้าไม่ได้ ฉันต้องทำยังไงดี”

                    “นายรักเค้าหรอ?”

                    “ไม่รู้...ฉันไม่รู้”

                    ครั้งนี้นิชคุณเป็นฝ่ายนิ่งลงไปบ้าง ก่อนที่แทคยอนจะเริ่มรู้สึกได้ถึงหยดน้ำอุ่นๆที่ไหลลงมาสัมผัสแถวซอกคอตัวเอง แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงแต่กระชับโอบจนกลายเป็นกอดก็เท่านั้น

                    “นายคิดว่านายเป็นใคร ดีเด่นมาจากไหน คิดว่าจะคบคนทีเดียวสองคนได้เชียวหรือ?”

                    นิชคุณพูดเชิงต่อว่าในขณะที่ร่างกายของตัวเองก็ไม่สามารถขยับออกจากอ้อมกอดของแทคยอนได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีแรง แต่เพราะสมองมันไม่ยอมสั่งงานว่าให้ห่างจากผู้ชายคนนี้ต่างหาก

                    “ถ้านายทำแบบนี้ฉันก็กลายเป็นชู้น่ะสิ จริงไหม...”

                    “ฉันรู้... แต่ฉันทำอะไรไม่ถูก ฉันเลิกกับเขาไม่ได้ แล้วฉันก็รักนายด้วย”

                    “ทำไมถึงเลิกไม่ได้?”

                    “ฉันสงสาร... เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด”

                    “ความรักกับความสงสารมันก็มีเส้นบางๆกั้นอยู่นะแทคยอน ถ้านายจะเลือกใครสักคนเป็นแฟนนายเลือกคนที่นายสงสารมากกว่าคนที่นายรักหรอ?”

                    “...”

                    แทคยอนเงียบไปจนนิชคุณเริ่มเกิดอารมณ์โมโหนิดหน่อย แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าตัวเองต้องการอะไร ร่างเล็กเลิกซุกหน้าไว้กับซอกคอของร่างสูงแล้วผละตัวเองออกมาจากอ้อมกอดของแทคยอนและลุกขึ้นยืนมองแทคยอนทั้งที่ดวงตากลมยังมีน้ำตาคลออยู่จนเอ่อล้นไปหมด

                    “ถ้ายังตอบไม่ได้ก็เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีหลังจากที่นายมีคำตอบนะ ถ้านายเลือกอย่างแรกก็บอกฉันด้วย ฉันจะได้เลิกหวัง”

                    นิชคุณพูดก่อนจะคว้ากระเป๋าตัวเองแล้วรีบเดินออกจากร้านไป ทั้งที่อยากจะตามนิชคุณไปใจจะขาดแต่ในเมื่อเจ้าตัวประกาศเจตนาซะขนาดนั้นแล้วถึงตามไปก็ไม่มีประโยชน์ แทคยอนจึงทำได้เพียงแต่นั่งก้มหน้าแล้วเท้าศอกไว้บนเข่าทั้งสอง มือหนาประสานกันไว้แน่น ใบหน้าเริ่มตึงเครียดลงเรื่อยๆทันที

                    “เฮ้ย อย่าเครียดน่า”

                    มินจุนเดินเข้ามาตบบ่าแทคยอนแล้วนั่งลงข้างๆเพื่อนสนิทที่เวลานี้เขากำลังดูเครียดมาก

                    “พูดง่ายดีนะ”

                    “ใช่ซี่ คนมันหล่อนิ่นะ มีแต่คนแย่งกันรัก”

                    “ฉันซีเรียสอยู่”

                    “อ่ะ เดี๋ยวก็ลืม”

                    มือบางส่งแก้วเหล้าให้แทคยอนแล้วส่งยิ้มให้ แทคยอนรับมาถือไว้ แล้วเขย่าแก้วเหล้าไปมาให้น้ำแข็งกระทบแก้วเหล้าส่งเสียงเบาๆ แต่ก็ยังไม่ดื่มมันสักที

                    “พอฉันส่าง เรื่องทุกอย่างมันก็ยังกลับมารุมฉันเหมือนเดิม”

                    “ฉันแนะนำให้นายไม่ต้องเลือกใครสักคน จะได้ไม่ต้องลำบากใจ”

                    “จ...จะบ้าหรอ”

                    “ไม่บ้าอ่ะ ไม่ต้องเลือกใครสักคนในสองคนนั้นแล้วไปคนใหม่”

                    “บ้า...”

                    แทคยอนมองหน้ามินจุนแล้วทำหน้าเหวอๆ

                    “เฮ้ย ฉันล้อเล่น วันหลังค่อยคิด วันนี้ ดื่มๆๆ”

                    มินจุนรินเหล้าให้ตัวเองแล้วเอามาชนกับแก้วเหล้าที่แทคยอนถือไว้เฉยๆแล้วกระดกดื่มจนหมดแบบวันช็อต ก่อนจะหันมาดันแก้วแทคยอนให้ไปใกล้ๆปากแทคยอนแล้วพยักพเยิดหน้าให้แทคยอนดื่มมันให้หมด และร่างสูงก็กระดกมันตามแรงเชียร์จนหมด

                    ขวดแล้วขวดเล่าที่หมดไปจนโต๊ะแทบจะไม่มีที่ตั้งขวดใหม่ แม้บริกรจะมาเคลียร์โต๊ะให้อยู่เป็นระยะๆ แต่ขวดใหม่ก็มาเสริฟอยู่เรื่อยๆ เรียกได้ว่า ขวดสุดท้ายที่เขาต้องหยุดดื่มก็เพราะร้านมันปิดนั่นเอง

                    “มีนนนจูนนนน~ เคลียร์ซิ ฉ๊านนนจะดื่มต่อ”

                    “ร้านปิดแล้ว กลับเถอะ”

                    “ไม่เอาอ้า!~ นายเป็นนักดนตรีคนดังของร้านเชียวน้า~ เส้นใหญ่จะตายยยยย”

                    ดวงตาคมที่เวลานี้มันเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกฮอล์จ้องมองมินจุนอย่างของร้องแต่มินจุนที่สภาพสติสัมปชัญญะไม่ต่างกันเท่าไหร่ก็ยังคงปฏิเสธ

                    “ไม่เอาๆ พอแล้ว กลับเถอะ”

                    มินจุนพยายามจะลากแทคยอนออกมาและก็ไม่ยากเกินความสามารถสักเท่าไหร่ เพราะร่างสูงที่เมาซะจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ต่อให้ลากไถไปกับพื้นยังได้เลย ส่วนมินจุนถึงจะเมา แต่ก็ยังพอจะมีสติกว่าแทคยอนนิดหน่อย และเรียกบริกรในร้านที่รู้จักกันมาพยุงแทคยอนออกไปขึ้นแทกซี่ ซึ่งมินจุนก็ออกไปด้วยเช่นกัน

                    “กลับบ้านมั้ยแทค?”

                    “ไม่อ่ะ กลับไปสภาพแบบนี้เจย์โกรธฉันแย่เลยสิ”

                    “กลับคอนโดฉันหรอ?”

                    “ไม่อ่ะ ไม่อยากเจอคุณตอนนี้”

                    มือหนายกขึ้นมากุมขมับตัวเองไว้เบาๆเพราะอยากนอนเสียเต็มทนแล้ว นอนไหนก็ได้แล้วจริงๆ

                    “ตกลงจะให้ผมขับไปไหนครับ”

                    “โรงแรมที่ใกล้ที่สุด เจอที่ไหนก็เข้าเลย”

                    แทคยอนตอบคนขับแท็กซี่ไปเท่านั้นแล้วก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อยเพื่อหาท่าเหมาะๆในการนอน สุดท้ายก็มาจบด้วยท่าการนอนหดตัวบนเบาะหลังในขณะที่ศีรษะหนุนตักของมินจุน

                    มือบางลูบไล้ไล้เส้นผมหนาของร่างสูงอย่างเบามือและนึกอยากจะดูแลชีวิตผู้ชายคนนี้บ้าง เฮอะ... เพ้อเจ้อเสียจริง อย่างแทคยอนน่ะ ก็มีแต่คนแย่งกันดูแล เขาคงไม่ใช่ผู้ชนะในเกมนี้หรอก...

                    ...แต่ถ้าเป็นจริงได้ก็น่ะสิ...ขนาดได้อยู่กับแทคยอนในเวลาแค่นี้ยังมีความสุขเลย ถ้าได้เป็นเจ้าของแทคยอนขึ้นมาคงจะมีความสุขไม่เบา... แต่คงเป็นได้แค่ความคิดสินะ

                    เวลาความสุขของมินจุนต้องสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้นเพราะรถที่พวกเขานั่งได้ขับมาจนถึงจุดหมายแล้ว มือบางที่ลูบผมแทคยอนอยู่ต้องเปลี่ยนมาสะกิดแทคยอนแทน แต่เรียกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น จนมินจุนต้องจ่ายค่าแท็กซี่แล้วหามแทคยอนไปกองไว้บนโซฟาที่ล็อบบี้ ส่วนมินจุนก็ไปเชคอินแล้วเรียกคนให้มาหามแทคยอนไปแทน และเตรียมจะกลับคอนโด แต่พอแทคยอนรับรู้ว่าคนที่มาพยุงตัวเองไม่ใช่มินจุนก็ถึงกับตื่น

                    “มินจุน!!

                    แทคยอนตะโกนเรียกในขณะที่มินจุนจะเดินออกไปจนร่างบางต้องเดินกลับมาหา

                    “หืม?”

                    “อยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อย”

                    “จองห้องให้แล้ว เหลือแต่เตียงเดี่ยว นายไปนอนเถอะ”

                    “ไม่เอาอ่ะ ไปด้วยกัน”

                    แทคยอนพยายามย้ายร่างตัวเองออกจากพนักงานโรงแรมมาเกาะมินจุนแทน ก่อนจะพยายามประครองสติเดินเองไปที่ลิฟท์เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระร่างเล็กมาก

                    “กดสิ ชั้นไหน”

                    “เดี๋ยวฉันไปส่งที่ห้องแล้วฉันกลับนะ”

                    ร่างสูงไม่ตอบอะไรแล้วทำท่าจะหลับคาร่างที่ยังกาะคอมินจุนอยู่ พอประครองกันเดินมาถึงห้องมินจุนก็พาแทคยอนไปโยนทิ้งจนถึงเตียง แล้วนั่งลงบนปลายเตียงตรงนั้นเพื่อนั่งพัก ประครองแทคยอนให้เดินมาได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะ

                    “อยู่กับฉันนะ...

     

     



    ์No talk ค่ะ 555
    บอกได้คำเดียวว่า TBC
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×