One Shot SNSD เสียงจากคนใกล้ตัว SunSoo Soosun (Yuri)
เพื่อนสนิทคนนี้มีหัวใจไว้ "รัก" เธอคนเดียวเท่านั้น 100% The end
ผู้เข้าชมรวม
2,580
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
...แม้ไม่ได้เป็นคนรักอย่างที่หวัง
....อย่างน้อยๆการที่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ
....ก็ทำให้ฉันรู้ว่า....การทำเพื่อคนที่เรา ‘รัก’
มันมีความสุขมากมายเพียงใด
...เสียงจากคนใกล้ตัวคนนี้ ฉันอยากให้เธอได้ยินมัน..
....อยากให้เธอรู้ว่า เพื่อนสนิทคนนี้....
.“รักเธอ” เท่านั้นก็เพียงพอ...
อยากจะเป็นคนของเธอ อยากจะเป็นคนสำคัญ ฉันได้แต่หวังไป
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ โดยที่มือก็ลูบเส้นผมยาวของเพื่อนสนิทตัวสูงที่ตอนนี้ร้องไห้เป็นวักเป็นเวร โดยที่คนร้องไห้ก็ไม่บอกฉันเลยว่าเป็นอะไรถึงได้ร้องไห้ขนาดนี้
“เป็นอะไรไป ซูยอง~ ร้องไห้อยู่นั่น แล้วฉันจะรู้ไหมว่าเธอเป็นอะไร?” ฉันเอ่ยถามเสียงนุ่ม ส่วนมือก็ยังลูบไปตามเส้นผมนุ่มสลวยของอีกคนอย่างทะนุถนอม
เห็นเพื่อนสนิทร้องไห้อย่างนี้ ฉันก็อยากจะร้องไห้ออกมาเหมือนกัน เหมือนกับว่า..
เหมือนมีใครมาบีบขยี้หัวใจให้ฉันเจ็บปวดยามที่ ‘เพื่อนสนิท’ของตัวเองต้องร้องไห้
“ซูทะเลาะกับพี่ซีวอน พี่ซีวอนไม่ยอมรับโทรศัพท์ซูเลย ซันบัน ฮึกๆ” พูดไปก็ร้องไห้ไป เป็นอย่างนี้ทุกที เวลามีเรื่องไม่สบายใจทีไร มีอันต้องมาหาฉันทุกที
อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่า อยากให้เธอเลิกกับ ‘เขา’ คนที่เธอให้เป็นคนสำคัญ คนที่คอยปกป้องและได้ครอบครองหัวใจของเธอ
...แต่คนอย่างฉัน สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เพราะไม่อยากให้เธอเสียใจ....
อยากจะเป็นกว่าเพื่อนกัน อยากจะยืนข้างๆใจ ฉันได้แต่ทนเก็บไว้
....เคยแอบหวังไว้เล็กๆว่าเธอจะรักฉันอย่าง ‘คนรัก’...
....ไม่ใช่แอบรักอย่าง ‘เพื่อนสนิท’เช่นนี้
แต่ฉันก็พูดไม่ได้ เพราะขืนถ้าพูดอย่างนั้น เธออาจจะโกรธฉันก็เป็นได้
ฉันรู้...ว่าเธอรักเขามาก เขาก็รักเธอมาก และ ฉันคนนี้ก็ ‘รัก’เธอ มากเหมือนกัน
ไม่อยากบอกความรู้สึกที่มีข้างในที่แทบจะล้นออกมาจากอก ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเธอ ฉันกลัว..กลัวว่าวันหนึ่ง ถ้าฉันพูดออกไป เธออาจจะโกรธ เกลียด และไม่มองหน้าฉันอีกเลยก็ได้ ฉันไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นกับเราสองคน
เพราะอย่างน้อยฉันก็คิดว่าอย่างน้อยๆการเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ก็ทำให้เธอคิดถึงฉันเป็นคนแรกเสมอเวลาที่เธอทะเลาะกับเขา และทำให้ฉันได้ยินคำบอกรักของเธอทุกวัน
“ซันบัน ซูรักซันบันนะ” เธอจะพูดอย่างนี้อยู่เสมอทุกวัน
“ซันก็รักซู” ฉันก็จะตอบเธออย่างนี้ทุกวัน
คำว่า ‘รัก’ เป็นคำสั้นๆที่ต้องกลั่นกรองมาจากใจจึงจะพูดได้ ไม่ใช่บอกพร่ำเพรื่อ เพราะคำว่ารักเป็นคำที่มีความหมายกว้างหลายรูปแบบ
และบางครั้ง....คำว่ารักที่คนสองคนพูดกัน อาจจะไม่ใช่จุดประสงค์เดียวกันก็ได้
เธอรักฉันอย่างเพื่อน เพื่อนที่สนิทกันมานานหลายปี ในขณะเดียวกันฉันก็รักเธอในแบบที่คนรักเขารักกัน
...ฉันอยากให้เธอได้ยินเสียงหัวใจข้างในของฉัน แล้วเธอจะรู้ ว่าฉันรู้สึกอย่างไรกับเธอ...
ได้ยินไหมใจฉันบอกรักเธอ เธอได้ยินหรือเปล่าฮือๆ รักเธอเหลือเกิน
เธอยังคงเงียบ ไร้เสียงตอบรับ ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่อยากจะคุยกับใครในตอนนี้ แล้วฉันก็จะนั่งเงียบๆคอยมองเธออยู่อย่างนี้
ใบหน้ายามที่เธอยิ้ม มันดูดีกว่าที่เธอร้องไห้อีกนะ..เพื่อนรัก
ดูเหมือนเธอจะหยุดร้องไห้ไปแล้ว เธอหันมามองหน้าฉันท่ามกลางความเงียบ หน้าของฉันแดงก่ำเมื่อเธอขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ...
“ตึกๆ” เสียงหัวใจที่ดังขึ้นระรัวท่ามกลางความเงียบระหว่างเราสองคน ตอนนี้เธอจะได้ยินเสียงหัวใจของฉันไหมนะ?
“ซันบันหน้าแดงด้วยอ่ะ น่ารักจัง” เธอยิ้มแล้ว ฉันทำให้เธอยิ้มได้ แล้วจากนั้นฉันก็จะยิ้มไปพร้อมๆกับเธอ
เธอดึงแก้มฉันไปมา ดูเหมือนจะสนุกมากที่ทำให้แก้มของฉันเป็นรอยแดงๆ ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนที่ขี้เล่น ชอบแกล้งคนโน้นคนนี้ แต่ฉันก็ยอมให้เธอแกล้งทุกครั้ง เพียงเพราะว่า
“ฉันรักเธอ”
และประโยคสั้นๆนี้ก็เป็นประโยคที่ฉันอยากจะให้เธอได้ยินด้วยตัวของเธอเอง
อยากให้เธอรู้ว่าคนใกล้ๆตัว แอบรักเธอมานานเท่าไหร่ แอบมีอะไรอยู่ในความสัมพันธ์
“ซันบันอยู่ที่นี่ไม่เบื่อหรอ อยู่คนเดียวด้วย” เธอถามฉัน
“ก็ไม่เบื่อหรอก ตอนนี้ก็มีซูอยู่ด้วยไง” ฉันตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่เธอบอกว่าแอ๊บแบ๊วมากถึงมากที่สุดเหมือนอย่างเคย
ฉันพูดความจริงนะ การที่มีเธออยู่ด้วยมันทำให้ฉันรู้สึกว่า เธอเห็นฉันมีค่าและสำคัญสำหรับเธอมากเพียง แม้จะเป็นแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม
“ไปเดินเล่นกันไหม จะได้รู้สึกดีขึ้น” หันไปหาเธอที่ตอนนี้ดูจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนมามาก เธอส่ายศีรษะน้อยๆลูบท้องไปมา ดูน่าเอ็นดู เหมือนเด็กโข่ง!
“ซันบันทำอาหารให้กินหน่อยสิ ซูหิวแล้ว” เธอเอ่ยเสียงอ้อน ฉันอดไม่ได้ที่จะลูบผมเธออีกครั้งอย่างเอ็นดู เห็นแก่กินชะมัด ซูยอง!
แล้วฉันก็ต้องทำอาหารให้เธอกินไปตามระเบียบ อาหารที่ฉันทำไม่ใช่น้อยๆนะ แต่สำหรับเธอที่ฉันต้องทำมากๆก็เพราะว่า
“ทำให้กินอีกสิ ซูยังไม่อิ่ม”
“กะจะเอาให้ของหมดบ้านไปเลยใช่ไหม ซูยอง!”
“ก็ปกติซูกินเยอะกว่านี้นี่นา”
แล้วฉันก็ต้องใจอ่อน ยอมกลับเข้าไปในครัวทำอาหารให้เธอกินอีก ไม่รู้ว่าทำไมฉันจะต้องยอมเธอทุกที
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราสองคนมักจะเป็นคู่กัด กัดกันตลอด ถ้าวันไหนไม่ได้กัดก็จะนอนไม่หลับ แต่หลังจากที่ได้รับรู้ความรู้สึกภายในว่า..ฉันรักเธอ...ฉันก็ยอมยอมเธอตลอด
แต่เธอ..ก็ไม่เคยสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงนี้แม้แต่ครั้งเดียว
ก็มีแต่เสียงที่ดังก้องในใจ ว่ารักเธออย่างนั้น ได้แต่รอวันที่เธอจะรู้ใจ
“ซันบัน ไปเดินเล่นที่ทะเลกันเถอะ” เธอเอ่ยชวน ซึ่งฉันก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใดถ้ามันทำให้เธอสบายใจได้ขึ้นมาบ้าง
เราเดินเลียบชายหาดไปด้วยกัน ฉันเดินเข้าไปจับมือของเธอมากุมไว้อย่างรู้ใจ เธอยิ้ม ฉันยิ้ม เราต่างก็ยิ้มให้กัน ยิ้มที่เธอให้ฉันมันดูบริสุทธิ์เหลือเกิน
ต่างจากฉันที่ต้องยิ้มให้เธอแบบเฝือนๆ เพราะความรู้สึกที่ไม่บริสุทธิ์ใจต่อ ‘เพื่อนสนิท’
“บอกรักเธอสิ ให้เธอได้รู้” ฉันรู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่คอยตอกย้ำให้ต้องพูดอย่างนั้น แต่ทำไม....
ทำไมฉันถึงพูดไม่ได้! ประโยคนี้ทำไมบอกยากเหลือเกิน รู้สึกจุกที่ลำคอ พูดไม่ออก
แล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงที่กดทับมาจากด้านหลัง หันไปดูก็พบสาวร่างสูงเพื่อนสนิทเธอที่กำลังส่งยิ้มกวนๆมาให้ หนอย! กล้ามาขี่หลังฉันในขณะที่ฉันเผลอได้อย่างไรกัน
“เรียกตั้งนาน ซันก็ไม่หันมา ซูก็เลยต้องทำแบบนี้ยังไงล่ะ” เธอว่าก่อนจะยิ้มกวนๆอีกที
รู้อะไรไหม? ฉันเกลียดรอยยิ้มของเธอ รอยยิ้มที่ทำให้ฉัน ‘รัก’
“ลงไปเลยนะ ตัวก็สูง ยังจะมาขี่หลังฉันแบบนี้อีก เห็นใจคนเตี้ยบ้างสิ!” ฉันแกล้งสะบัดหลังเพื่อให้เธอล้มลงไป แต่ก็ยาก เพราะในเมื่อเธอตัวสูงกว่าฉันหลายขุมนักอีกทั้งมือปลาหมึกที่โอบรอบคอ ทำอย่างไรก็เอาออกไม่พ้นสักที
“เตี้ยอยู่แล้ว เตี้ยอีกก็ไม่เห็นเป็นไร” เธอว่าพลางหัวเราะเสียงดังชอบใจ แล้วฉันก็ต้องแบกเธอขึ้นขี่หลังเดินชมวิวทะเลต่อไปเรื่อยเปื่อย
เราเดินเลยห่างจากบ้านพักของฉันได้สักระยะหนึ่งแล้ว แล้วฉันก็ยังให้เธอขี่หลังแบบนี้ ดูเหมือนว่าเธอคงจะง่วงเต็มที เธอถึงได้คางเกยไหล่เอาแก้มแนบแก้มของฉัน
“ถ่ายรูปกันไหม?” เธอถาม พร้อมกับหยิบกล้องโทรศัพท์มือถือราคาแพงขึ้นมา
“ถ่ายทั้งๆที่ซูง่วงเนี่ยนะ เดี๋ยวรูปก็ออกมาไม่สวยหรอก” ฉันว่า แล้วเธอก็ได้ทำท่ากอดอกอย่างขัดใจ อีกแล้ว..ฉันยอมเธออีกแล้ว
“ก็ได้ๆ ถ่ายก็ได้” แล้วฉันก็ให้เธอเป็นคนถ่าย เธอเอาเปรียบฉันมากโดยการเอาแขนยาวๆมาโอบรอบคอของฉันไว้ เตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูป
“ฟอดดด~” รู้สึกว่าสติจะหลุดลอยไป เสียงกล้องหยุดดังไปแล้ว ฉันยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ข้างแก้ม
ใช่ว่าเราจะไม่เคยหอมแก้มกัน ถ้านับตั้งแต่ที่เราสนิทกันมา นับครั้งไม่ถ้วนกระมังที่เราจะหอมแก้มกัน
...แต่พอความเป็น ‘เพื่อนสนิท’ มันได้จางลง แล้วความรู้สึกใหม่เข้ามาแทนที่...
...มันก็รู้สึกกระดากกระเดือกที่จะทำได้เหมือนอย่างเคย...
อีกทั้งเธอก็มีคนที่เธอรักอยู่แล้ว ฉันว่ามันคงจะไม่เหมาะนัก หากคนรักของเธอมาเห็นเข้า
“ซันบัน หอมแก้มซูบ้างสิ” เอ่อ..ให้ตายเถอะ! หอมแก้มเธอเนี่ยนะ!
“จะบ้าหรือไง ไม่เอาหรอก” รู้สึกได้ถึงใบหน้าที่เริ่มจะแดงก่ำ และหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
“ทีเมื่อก่อนหอมแก้มกันไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย หวงตัวนักหรือไงหึ!”
“ป่าวสักหน่อย ก็ได้ๆ ชิ!” เธอตั้งกล้องอีกครั้ง โอบรอบคอฉันเหมือนอย่างเดิม แต่แตกต่างกันตรงที่...
“ฟอดดด~” แตกต่างกันตรงที่คราวนี้ฉันเป็นฝ่ายหอมแก้มเธอบ้าง แก้มเนียนนุ่มแสดงให้เห็นว่า เพื่อนสนิทของเธอบำรุงผิวหน้ามาอย่างดีทีเดียว
“หอมนานจัง แก้มซูจะเน่าเพราะซันบันอยู่แล้ว!”
เมื่อได้สติ ฉันจึงรีบผละออกจากแก้มที่แสนหอมและนุ่มนั้น นี่ฉันหอมแก้มเธอนานขนาดนั้นเลยหรือ? ให้ตายเถอะ! ฉันทำอะไรลงไป
“ซันว่าถ่ายพอแล้ว เรากลับบ้านกันเถอะ” รู้สึกขัดเขินทั้งที่ความเป็นจริงการเป็นเพื่อนสนิทไม่เห็นจะต้องมานั่งขัดเขิน กันแบบนี้
เราก็ยังเดินกอบกุมมืออยู่อย่างนั้น ฉันแทบไม่อยากจะปล่อยมือจากเธอเลย
...เมื่อไรกัน...เมื่อไรที่เธอจะได้รู้ใจของฉันเสียทีว่าฉัน ‘รัก’ เธอมากแค่ไหน?
อยากจะมีคำพูดจา เอ่ยออกแทนเสียงหัวใจ ให้เธอได้รู้ไป
“ฮึกๆ” ฉันได้ยินเสียงเธอร้องไห้ หลังจากที่ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ฉันก็เดินออกมา เธอร้องไห้! ร้องไห้อีกทำไมกัน ในเมื่อเธอก็อารมณ์ดีแล้วไม่ใช่หรือ?
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเธอเข้ามากอดฉันแน่น ใบหน้าซบกับไหล่เล็กๆของฉัน ฉันรู้ว่าเธอคงจะอารมณ์ดีเพื่อให้ฉันสบายใจ แต่จริงๆแล้วเธอก็ยังคงคิดมาก
ผู้หญิงเป็นเพศที่คิดมาก ข้อนี้ฉันรู้ดี แล้วบุคลิกลักษณะนิสัยของเธอมันก็ดูจะเป็นผู้หญิงมากๆด้วย
“ทำไมพี่ซีวอนเขาไม่รับโทรศัพท์ ซู” เธอสะอื้น “ซันบัน ซูจะทำยังไงดี ซูอยากให้เขากลับมาหาซู”
ไร้ซึ่งคำพูดใดๆออกมาจากปากฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะปลอบเธออย่างไรดี ในเมื่อเธอยังคิดมากอยู่แบบนี้ แล้วเธอก็ยังคงร้องไห้ต่อไป น้ำตาของเธอทำเอาฉันหัวใจเจ็บปวด แทบอยากจะร้องไห้ไปพร้อมๆกับเธอ
สายตาเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบสีเหลืองและสีขาวที่ปักอยู่บนแจกันที่ฉันเพิ่งจะมาปักวันนี้ ถึงแม้วันนี้กลีบมันจะสีสดสวยงามบานสะพรั่ง แต่พรุ่งนี้ กลีบของมันก็คงจะเหี่ยวแห้งและหลุดลอยร่วงหล่นไปในอากาศตามกาลเวลา
เหมือนกับความรักของเธอและเขาที่เมื่อก่อนเบ่งบานเหมือนดอกไม้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ต้องเหี่ยวเฉาบ้างเป็นธรรมดา
มันคือเรื่องจริงของ ‘ความรัก’
เคยอ่านเจอในหนังสือเกี่ยวกับดอกไม้ที่สื่อความหมายของมันเกี่ยวกับความรัก ฉันสะดุดตากับความหมายของดอกกุหลาบสีส้มและสีขาวเหลือเกิน
กุหลาบสีส้ม เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา เหมือนฉันที่อยากจะบอกความในใจที่ฉันมีให้เธอได้รับรู้ และฉันก็ไม่อาจจะพูดออกไป เพราะอยากให้เธอได้รับรู้ด้วยตัวเธอเอง
กุหลาบสีขาว แทนคำบอกว่า "ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน" ใช่แล้ว! ฉันไม่เคยหวังว่าอยากจะให้เธอมารักฉันแบบที่ฉันรักเธอ ขอแค่ให้ฉันได้ทำเพื่อเธอ อยากให้เธอมีความสุขกับสิ่งที่ฉันทำให้ ให้เธอได้หัวเราะและกลับมาแกล้งฉันได้เหมือนเดิม
...ไม่ใช่มานั่งร้องไห้เสียใจ เพราะมีปัญหากับคนที่เธอ ‘รัก’ อยู่อย่างนี้....
ฉันหยิบดอกกุหลาบจากแจกัน แล้วเดินเข้าไปหาเธอ พร้อมกับคุกเข่าลงตรงหน้า
“อ่ะ! ซันให้” ยื่นดอกกุหลาบทั้งสองสีไปให้ รู้สึกเขินจนหน้าแดงเหมือนกัน เพราะเกิดมาไม่เคยทำอย่างนี้กับใครเลย นอกจาก ...เธอ..
“ตลกจัง เวลาซันบันเขิน ขอบใจนะ ฮึกๆ” แล้วเธอก็ร้องไห้อีกรอบ อ้าว! ฉันไปทำอะไรให้เธอร้องไห้อีกละเนี่ย!
“โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องนะ คนเก่ง” ฉันได้แต่กอดปลอบเธออยู่อย่างนั้น เธอร้องไห้ไม่หยุดเลย
“ขอบคุณนะซันบัน ซันบันเป็น ‘เพื่อนสนิท’ที่ฉันรักมากที่สุดเลย” พูดไปก็ปาดน้ำตาไป ฉันลูบหัวเธอเบาๆก่อนจะดึงเข้าสู่อ้อมกอดเล็กๆของฉันอีกรอบ
ขอแค่มีเธออยู่ตรงนี้กับฉันก็พอ...แม้จะไม่ได้ยินเสียงหัวใจของฉันที่ร่ำร้องแต่เธอเลยก็ตาม
ติดที่คำว่าเพื่อนกัน ติดที่กลัวเสียเธอไป ถ้าเธอไม่คิดอย่างฉัน
“ซันว่าเราไปเล่นเกมเพลย์กันดีกว่า ซูจะไม่ได้มานั่งร้องไห้เสียใจอยู่แบบนี้” ฉันเอ่ยขึ้นหลังจากที่เราสองคนนั่งเงียบกันไปอีกนาน เราต่างก็จมกับความคิดของตัวเอง
ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอกำลังคิดมากเรื่องเขาขนาดไหน แล้วเขาทำอะไรให้เธอเจ็บปวดอีกหรือเปล่า
แต่สิ่งที่ฉันรู้ ณ ตอนนี้ ก็คือ...เวลาอยู่กับฉัน ฉันจะต้องทำให้เธอมีความสุข!
“อื้ม~” เธอตอบรับสั้นๆอย่างว่าง่าย ฉันจึงรีบจูงมือของเธอขึ้นไปบนห้องนอนที่เราสองคนนอนด้วยกัน
เกมส์ที่เราเล่นกัน มันก็เป็นเกมที่ต้องใช้ ทักษะ ความรวดเร็วมาก เพราะมันเป็นเกมส์ “ต่อสู้” และเราสองคนสนใจจะเล่นเกมส์นี้เหมือนกัน อีกอย่าง เธอก็ชอบมันมาก ส่วนฉันก็ยอมและตามใจเสมอ ฉันยอมเธอตลอดอยู่แล้วนี่!
“ซันบันอย่าแกล้งซูสิ! ซูใกล้ตายแล้วนะ!” เธอโวยวาย เมื่อเห็นว่าฉันทั้งชกทั้งเตะตัวในเกมส์ของเธอจนตอนนี้แต้มชีวิตในเกมส์ของเธอเหลือน้อยเต็มที
“ก็ซูอยากอ่อนเอง ทำไมอ่ะ!” ฉันพูดกวนใส่เธออย่างล้อเลียนก็แหม่...เซียนเกมส์เพลย์อย่างซันนี่ ไม่มีทางแพ้เธอหรอก ซูยอง หึ!
“อยากกวนนักใช่ไหม ได้!!” โดยไม่ทันคาดคิด เธอกระโดดมานั่งที่ตักของฉันทันทีทันใด
“เฮ้ย! เล่นอย่างนี้ซันก็มองไม่เห็นอ่ะสิ ลงไปเลยนะ ซู!” ฉันทำได้แค่โวยวายเล็กๆเท่านั้นแหละ เพราะว่าเธอคงไม่ลุกง่ายๆหรอก สูงซะขนาดนี้ มานั่งตักกัน ฉันก็มองไม่เห็นเกมส์อ่ะสิ บังมิดเลยเชียว
“ฮ่าๆ ชนะซันบันแล้ว เป็นไงล่ะ ซูเก่งกว่าซันบันอีก” เธอยิ้มเยาะ
“ชนะแบบโกงๆเนี่ยนะ ชิ!” ฉันก็อดแขวะไม่ได้ ขนาดเป็น ‘เพื่อนสนิท’ กัน ยังทำกันได้ พูดถึงเพื่อนสนิทแล้วมันรู้สึกเจ็บปวดแปลกๆอย่างไรก็ไม่รู้
“ไม่เอาๆ ซูจะเล่นอีก” เธองอแง แต่คราวนี้ ฉันไม่ยอมหรอกนะ เพราะมันดึกมากแล้ว ฉันก็ง่วงเหมือนกัน แล้วดูตาเธอสิ! มันจะปิดอยู่แล้ว
“ไปนอนได้แล้ว ดึกแล้วนะซู อย่าดื้อสิ” ฉันว่า แต่เมื่อหันมาอีกทีก็พบว่า..
เธอหลับไปแล้ว! ให้มันได้อย่างนี้เถอะ ชเว ซูยอง!
มองหน้าเพื่อนสนิทของตัวเองนิ่งๆ ผมยาวสวยที่เธอชอบมาตั้งแต่แรกเห็น ไปจนถึงใบหน้าที่ถึงแม้จะไม่ได้สวยน่ารักไปกว่าใคร แต่ฉันก็ชอบมัน!
...ฉันชอบทุกอย่างที่เป็น ซูยอง....
ปัดปอยผมไปทัดหูให้เพื่อนสนิทที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข สงสัยคงต้องให้นอนบนโซฟาแล้วกระมัง เพราะฉันคงไม่มีปัญญาอุ้มเธอขึ้นเตียงได้หรอก
“ฉันรักเธอแบบคนรักนะ” ทำได้แค่คิด แม้แต่ตอนเธอหลับ ฉันยังไม่กล้าพูดออกไปเลย
....เพราะคำว่าเพื่อนสนิท ทำให้ฉันไม่กล้าพูดในสิ่งที่ฉันคิด...
....เพราะฉันกลัว..กลัวว่าเราจะกลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้อีกถ้าหากฉันพูดออกไป...
....เพราะฉัน อยากให้เธอได้ยินมันด้วยตัวเอง...
และที่สำคัญที่สุด!...เธอชอบผู้ชาย เธอคงจะเสียใจมาก หากผู้หญิงที่เป็นเพื่อนสนิทคนนี้หลงรักเธอ
“พี่ซีวอน เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์มากที่สุดเท่าที่ซูเคยเจอมาเลยล่ะ” เธอเคยพูดกับฉันเมื่อนานมาแล้ว ฉันได้แต่ย้อนนึกถึงคำพูดของเธอ ตอนนั้นเธอคงจะปลื้มเขาตามภาษาสาววัยแรกรุ่นมากสินะ ในตอนนั้นฉันเลยได้ตัดสินใจถาม
“แล้วถ้ามีผู้หญิงมาชอบซูล่ะ ซูจะทำยังไง?”
“ซูก็จะบอกว่า ไม่ชอบ เพราะซูไม่ชอบพวกรักเพศเดียวกันอ่ะ”
นั่นสินะ! เธอไม่ชอบเพศเดียวกันเหมือนอย่างฉัน เธอไม่รู้เลยจริงๆหรือไม่อยากยอมรับความจริงว่าเพื่อนสนิทคนนี้ ‘รักเธอ’
แต่คิดไปคิดมาแล้วหลายตลบ ก็พบคำตอบว่า ...เธอคงไม่รู้ความรู้สึกของฉันที่มีให้กับเธอ ไม่อย่างนั้น เธอคงจะหลบหน้าฉัน โกรธฉัน ไม่ให้ความไว้วางใจเป็นเพื่อนสนิทมาจนถึงปัจจุบันนี้หรอก
การที่เธอคอยตอกย้ำถึงสถานะความเป็นเพื่อนสนิทของเรามันทำให้ฉันรู้
....รู้ว่า ฉันไม่สมควรจะพูดประโยคนั้นออกไปจริงๆ....
ผ่านมาแล้วหลายวัน เธอก็เหมือนเดิม ฉันก็เหมือนเดิม เราได้ทำอะไรด้วยกันหลายๆอย่างที่เคยทำด้วยกันเมื่อครั้งสมัยเด็กๆ ดูเธอยิ้มและหัวเราะทำท่าทางมีความสุข
...แต่ฉันรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติในจิตใจของเธอ..
...ลึกๆแล้วเธอก็ยังคิดถึงเขาอยู่ดี...
“คิดถึงเขาก็พูดออกมาเถอะ ซันยินดีรับฟัง” ฉันเอ่ยกับเธอในขณะที่มองดูคลื่นในทะเลกระทบฝั่งด้วยกัน
คลื่นที่กระทบฝั่ง ก็เหมือนกับการที่คู่รักทะเลาะกัน เมื่อทะเลาะกันเสร็จ ขอคืนดีกัน ก็กลับมาดีกันได้เหมือนเดิม
“ซูอยากให้พี่ซีวอนมาง้อซูบ้าง” เธอพูดน้ำเสียงเศร้า ฉันลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
“ถ้าอยากเขาไม่ยอมง้อ เราก็ง้อเองสิ จะเป็นไรไป”
นี่ฉันพูดอะไรออกไป! ฉันกำลังบอกให้คนที่ฉัน ‘รัก’ ไปคืนดีกับเขางั้นหรือ?
ดูเอาเถอะ! ขนาดแค่พูดคำว่ารักยังไม่กล้าพูดออกไป และยังบอกให้เพื่อนสนิทไปคืนดีกับคนรัก ดูจะเจ็บไปหน่อยไหม? ซันนี่
เป็นคนดีเสียจริง! ไม่ได้ดูหัวใจตัวเองเลยว่าเจ็บขนาดไหน?
“อื้ม จริงด้วยสิ! ขอบคุณนะซันบัน” เธอยิ้มกว้าง ก่อนจะหอมแก้มของฉันตามความเคยชิน เพราะอย่างนี้ไง ที่ทำให้ฉันไม่อาจคิดกับเธอเป็นแค่ ‘เพื่อนสนิท’ จริงๆ
เพื่อนสนิทที่ไหน?..ที่หอมแก้มกันวันละนับครั้งไม่ถ้วน
เพื่อนสนิทที่ไหน?..ที่ป้อนอาหารด้วยกันทางปาก
และเพื่อนสนิทที่ไหน?..ที่ ‘จูบ’กัน
จะโทษใครก็ไม่ได้ คนที่สมควรจะโทษ คือ ตัวเธอเอง ที่ไม่ควบคุมจิตใจตัวเองให้ดี ไปจูบเธอ ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรกับฉันเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิทเลย!
“ทะเลที่นี่สวยจัง ไม่เหมือนที่ไหนๆเลย” ใบหน้าของเธอในเวลานี้ดูร่าเริงและเศร้าสร้อยในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อต้องแสงจันทร์ก็ทำให้ใบหน้าดูสว่างไสว แม้จะไม่ได้ขาวแบบสาวสวยคนอื่นๆก็เถอะ
“อื้ม ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ ซันจะเปิดบ้านรอไว้เลย” ฉันยิ้มให้เธอ การได้อยู่กับเธอแบบนี้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เราจ้องหน้ากัน ยิ้มให้กัน ในบรรยากาศดีๆ ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องแสงกระทบใบหน้าของเราทั้งสอง
ดังมนต์สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกอยู่เหนือสติและการควบคุม
ริมฝีปาก..ของเพื่อนสนิท มันจะน่าสัมผัสสักแค่ไหนกันนะ?
ใบหน้าของเราสองคนใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกันมากขึ้นเรื่อยๆ
และแล้วริมฝีปากของเราก็ค่อยๆสัมผัสกัน
ความรู้สึกแรกคือ ริมฝีปากที่นุ่มดังขนมมาชเมลโล่ทั้งหวานหอม ทำเอาฉันแทบเคลิ้มไปกับสัมผัสนี้ เป็นสัมผัสแรกของฉันที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน แม้แต่กับเธอ
ความรู้สึกต่อมาคือตัวฉันเบาราวกับขนนกเหมือนจะล่องลอยไปบนฟ้า
แต่สติและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็เข้ามาในหัว
“เราเป็นเพื่อนสนิทกัน เพื่อนสนิทเขาไม่จูบกันแบบนี้”
ทำให้ฉันต้องละริมฝีปากออกมา แม้ในใจจะรู้สึกเสียดายก็ตามที ฉันไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร นอกจากเธอ ‘เพื่อนสนิทของฉัน’
“ขอโทษนะ” ฉันเอ่ยปาก เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไป “ซันไม่ได้ตั้งใจ”
เธอค่อยๆหันมา ก่อนจะยิ้มกว้างๆ ให้ฉันได้ชื่นใจ ต้องอย่างนี้สิ! ซูยองคนที่ฉันรู้จัก
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ซันเป็นเพื่อนสนิทของซูนี่นา!”
“ขอบใจนะ ซันบัน” เธอเข้ามากอดคอฉัน หลังจากที่ออกไปคุยโทรศัพท์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อื้ม ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง” ฉันตอบ
“พรุ่งนี้พี่ซีวอนเขาจะมารับซูกลับบ้านแล้วล่ะ”
ไงล่ะ! ทำตัวเป็นคนดี บอกให้เขาสองคนกลับมาคืนดีกัน แค่มาเห็นเขากอดแสดงความคิดถึงกัน หัวใจก็แทบจะแตกสลาย
ทำตัวเป็นเพื่อนสนิทที่ดี ปกปิดความรู้สึกตัวเองมาตลอด แล้วสุดท้าย...
ตัวเองก็ต้องมานั่งเจ็บอยู่คนเดียว!
“ขอบใจสำหรับทุกๆอย่างนะ ซันบัน ไว้ว่างๆ ซูจะมาหาซันบันใหม่” เธอยิ้มกว้าง อยู่ในอ้อมกอดของคนรักหนุ่มที่ยืนโอบเอวอยู่ด้วยกัน
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอก” ฉันตอบสั้นๆ
“ขอบใจเธอมาก ที่ทำให้เราสองคนคืนดีกัน” คนรักของเธอยิ้มก่อนจะจับมือฉันแสดงความยินดี
และเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ที่ฉันต้องฝืนยิ้มแสดงความยินดีกับคนสองคน
“ ไว้ว่างๆก็มาหาฉันบ้างก็แล้วกัน เดินทางดีๆล่ะ” ฉันพูดแค่นั้นก่อนจะรีบเดินเข้าบ้านไป
อยากให้เธอรู้ว่าคนใกล้ๆตัว แอบรักเธอมานานเท่าไหร่ แอบมีอะไรอยู่ในความสัมพันธ์
น้ำอุ่นๆจากสองตาไหลอาบแก้มในระยะเวลาอันรวดเร็ว ฉันปล่อยให้น้ำตามันไหลอยู่อย่างนั้น ฉันกำลังปล่อยให้ความเจ็บปวดไหลผ่านน้ำตาที่ไหลเป็นทางไป
เข้าข้างตัวเองว่าสักวัน เพื่อนสนิทของฉันจะต้องได้ยินและรับรู้ความรู้สึกจากหัวใจเล็กๆของฉันดวงนี้
แล้วสุดท้าย..เธอก็ไม่เคยรับรู้ถึงมันเลยสักนิดเดียว!
ก็มีแต่เสียงที่ดังก้องในใจว่ารักเธออย่างนั้น ได้แต่รอวันที่เธอจะรู้ใจ
“ฉันรักเธอ”
ค่อยๆพูดออกเสียงอย่างยากเย็น คำง่ายๆทำไมมันถึงพูดได้ยากนัก แล้วมันจะมีความหมายอะไร..ถ้าพูดออกมาแล้วไม่มีใครฟัง พูดออกมาแล้วไม่มีใครได้ยิน
เจ็บ..มันเจ็บเหลือเกิน...
ได้แต่รอวันที่เธอจะรู้ใจ
ฉันคิดว่า...วันนั้น มันคงไม่มาถึงฉันแล้วล่ะ
THE END
____________________________________________________________________________
มันปวดตับใช่ไหมล่ะ ที่จะให้จบแบบนี้T^T
แต่ในเมื่อซูในเรื่องมันชอบผู้ชาย
มันก็ยากที่จะให้เปลี่ยนความคิดมาชอบ
ผู้หญิงแบบซันบัน
ที่ให้จบแบบนี้ก็เพราะว่าอยากให้เห็นว่า
ความรักที่ซันมีให้ซูบริสุทธิ์
ไม่หวังสิ่งตอบแทน
แม้ว่าสุดท้ายตัวเองจะเจ็บก็ตาม
เพราะคำว่าเพื่อนสนิทที่มันค้ำคออยู่นั่นล่ะ T__T
แต่สำหรับมิลค์ มิลค์คิดว่า
ความรักแบบเพื่อน มันยั่งยืนที่สุดแล้ว ^ ^b
เพราะสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน มันไม่มีทางตัดขาดกันได้หรอก
บอกตรงๆเรื่องนี้ซันแมนป้ามาก= = ซูก็สะดิ้งสุดๆ
คิดว่าคงเป็นเรื่องนี้เรื่องเดียวแหละค่ะที่แต่งซันซู T^T
ผลงานอื่นๆ ของ มิลค์กี้191 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มิลค์กี้191
ความคิดเห็น