One Shot Fic SNSD ข้างๆหัวใจ (Yuri)
ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากเราใกล้ชิดกัน แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน...สับสนมากเหลือเกิน ฉันจะรอนะ ยัยเป็ด --------100%-------
ผู้เข้าชมรวม
5,530
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
หลังจากที่คร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสืออย่างจริงจัง
มากถึงมากที่สุด และแล้ววันนี้.....
วันช็อตเรื่องใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
ระบายความเครียดให้กับตัวเอง
เรื่องนี้จะเป็นภาคต่อของวันเดย์
(ใครจำไม่ได้ก็จิ้มไปตามลิงค์ข้างล่างเลยค่า)
http://writer.dek-d.com/ok-lets/writer/view.php?id=739338
ภาคนี้จะเป็นเวอร์ชั่นยูลสิกความปวดตับของหญิงสิก
ที่หลงรักเพื่อนสนิทตัวเองจนถอนตัวไม่ขึ้น
แต่เพื่อนสนิทมันไม่ได้คิดแบบเดียวกับที่มันคิด
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ต้องติดตามค่ะ
อ่อ อันนี้ลิงค์ของเพื่อนมิลค์ค่ะ เห็นบ่นๆอยู่เพราะเม้นท์น้อย
ยังไงก็ถ้าใครชอบอ่านอีกแนวหนึ่งก็ลองเข้าไปดูได้ที่นี่ค่ะ
http://writer.dek-d.com/ninagawasunshine/story/view.php?id=735110
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fic SNSD Beside ข้างๆหัวใจ YulSic
แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร
มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
ให้ฉันได้ยืนต่อไป..... เพื่อรักเธอ
.
ภายในโบสถ์สีขาวตามแบบคริสต์ เสียงของบาทหลวงดังก้องไปทั่วบริเวณให้ได้ยินต่อพยานนับร้อยที่มาในพิธีการแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ .......
แต่ไกลออกไปนั้น ภายนอกโบสถ์ หยาดฝนได้โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เหมือนกับจะต้องการแสดงความเสียใจกับใครบางคน
หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนเพียงลำพังอย่างไม่กลัวว่า ถ้าเธอโดนฝนมากๆเข้า เธอจะต้องไม่สบาย ตรงบริเวณนั้นก็มีต้นไม้ใหญ่เป็นที่หลบฝนได้ดีทีเดียว แต่เธอก็ตัดสินใจเลือกที่จะไม่หลบมัน แต่กลับยืนอยู่ตรงกลางแจ้งให้สายฝนมันโปรยปรายลงมาใส่เธอแทน
ถ้าหากมีใครมาเห็น คงหาว่าเธอ “ บ้า ” ที่หลบฝนก็มีตั้งมากมายไม่หลบ แต่มายืนบ้ากลางสายฝนแบบนี้ แต่ถ้าหากใครได้สังเกต ก็คงจะได้เห็นหยาดน้ำตาใสๆอาบแก้มของหญิงสาวแข่งกับสายฝนก็เป็นได้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอเป็นอะไร มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นกระมัง ที่รู้ว่า ตนเองเป็นอย่างนี้เพราะสาเหตุใด
“แกจะมาเป็นแฟนฉัน เพียงแค่ฉันจีบน้องฟานี่ไม่ติดเนี่ยนะ แกบ้าหรือเปล่า ไอ้ลิงดำ”
“ก็ฉันอยากเป็นแฟนกับแกนี่นา เป็นแฟนกับฉันนะ” คำของ่ายๆของเพื่อนสนิทที่คบกันมานานเกือบสิบปี ทำให้เจสสิก้าอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ไหนๆก็ไหนๆ คงแค่จะอยากแกล้งเป็นแฟนหลอกๆกับเธอกระมัง มันคงไม่ได้จริงจังอะไรมากหรอก
......ก็แค่เป็น “แฟน.” แฟน ก็คงไม่ต่างจาก “เพื่อน”หรอก(มั้ง)
“แฟนก็คงไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไร” หญิงสาวแค่นยิ้มทั้งน้ำตากับตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นเธอถึงแยกความต่างไม่ออกระหว่างเพื่อนกับแฟน ทั้งๆที่มันก็อยู่ใกล้ๆห่างกันเพียงแค่เส้นด้ายบางๆกั้นไว้ก็เท่านั้นเอง
..........ถ้าวันนั้น เธอไม่ตอบตกลง เธอก็อาจจะไม่ต้อง “เจ็บ” แบบวันนี้ก็เป็นได้
..........และเธอก็จะไม่ต้องเสียน้ำตา กับการแอบรักคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทตัวเอง
“นี่! ไอ้ลิงดำ เมื่อไหร่แกจะเลิกแย่งไอติมฉันซะที ห้า!!” เสียงตวาดดังแวดของเธออย่างไม่อายคนในร้านไอศกรีมชื่อดัง ช่างเป็นที่พึงพอใจเสียเหลือเกินสำหรับคนร่างสูง
“ก็ฉันอยากกิน แกก็รู้ว่าฉันชอบรสนี้ แกยังจะซื้อมาให้ฉันอีก” ร่างสูงว่าพลางหัวเราะชอบใจกวนอารมณ์ของอีกคนได้ไม่น้อย
นับจากวันที่พวกเธอเป็นแฟนกัน พวกเธอก็ปฏิบัติต่อกันเหมือนอย่างเดย ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า จะเลื่อนสถานะจากเพื่อนเป็น “คนรัก” กันทำไม ในเมื่อทุกฝ่ายต่างก็ประพฤติตัวกันเหมือนเดิม...ไม่เปลี่ยนแปลง
“แกนี่ กวนประสาทฉันตลอดเลย อ้ะ!” แล้วเธอก็ต้องร้องด้วยความตกใจ เมื่ออีกคนยื่นหน้าเข้ามาใกล้
แล้วก็ต้องหลับตาลงเมื่อริมฝีปากนุ่มของอีกคนสัมผัสกับริมฝีปากบางของเธออย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าออกมา
“กินเป็นเด็กๆไปได้ยัยเป็ด โตแล้วนะ!” เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายเรียกสติที่หลุดรอยไปแล้วของเธอต้องกลับมาอีกครั้ง
“ไอ้ลิงดำ! นั่นมันจูบแรกของฉันนะเว้ย หนอยๆ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนโกรธๆแต่ที่จริงคงเป็นเพราะความเขินมากกว่า แล้วก็ทำให้ร่างสูงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“โว้วๆ ไม่น่าเชื่อ ว่าเป็ดน้อย จอง เจสสิก้าจะมีจูบแรกเป็นเทพบุตรสุดหล่ออย่าง ควอน ยูริ โหะๆ” ประโยคที่ติดจะกวนๆ เป็นผลทำให้เธอต้องทุบเข้าที่หลังของร่างสูงแรงๆเข้าให้ เรียกเสียงโอดครวญจากร่างสูงได้ไม่น้อย
“สัญญาทุกสัญญาที่คุณให้กับฉัน คุณก็รักษาไม่เคยได้สักที ควอน ยูริ” หญิงสาวมองไปที่โบสถ์สีขาว ที่ตอนนี้คนในนั้นคงยังทำพิธีไม่เสร็จ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่า จะคิดเรื่องในอดีตให้รกหัวสมองทำไม......
........แต่เมื่อได้เห็นเธอกับคนที่เธอรัก ก็อดที่จะเจ็บปวดไม่ได้ ทำไมคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เป็นฉัน ทำไมต้องเป็นคนๆนั้น.... คนที่เธอบอกว่ารักสุดหัวใจ
“นี่! คืนนี้ฉันจะไม่กลับบ้าน”
“แล้วแกจะไปไหน นี่มันก็ดึกมากแล้วด้วย!” เธอถามอีกคนอย่างเป็นห่วง กลัวจะไปในที่ๆไม่ใช่บ้านอีก
“ก็ไม่ไปไหนหรอก ฉันจะนอนบ้านแกนี่ไง!”เหมือนคำพูดของอีกคนที่ไม่ได้กลั่นกรองจากสมอง ทำให้เธอถึงกับอึ้งไม่น้อย ร้อยวันพันปีไม่เคยคิดจะมานอนบ้านเธอ แล้ววันนี้เป็นอะไร ถึงคิดจะมานอนที่บ้านเธอล่ะเนี่ย!
“เราเป็นเพื่อนกัน ก็ต้องนอนด้วยกัน มันแปลกยังไง?”
“ก็ไม่แปลกหรอก แต่ฉันเสียหาย เข้าใจไหม!”เธอก็ว่าไปอย่างนั้นนั่นเอง ใจจริงถ้าอีกคนมานอนที่นี่ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะดีใจด้วยซ้ำ ที่มีคนนอนเป็นเพื่อน
“ดีมาก งั้นก็นอนได้แล้ว ฝันดีคุณแฟนสุดที่รัก!” ไม่พูดเปล่า ไอ้คนจอมกวนก็ลากเธอลงไปนอนก่อนจะกกกอดเธอไว้แน่นราวกับกลัวเ.ธอหายไปอย่างไรอย่างนั้น
“ไอ้ลิงดำ ฉันไม่ใช่พวกเด็กในฮาเร็ม ของแกนะเว้ย ที่จะให้แกกอดง่ายๆ ปล่อยฉันซิวะ”
พยายามเอามือลิงออกไปให้พ้นตัว แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล เมื่ออีกคนนั้นได้หลับลงไปแล้ว ทำให้เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วก็ยอมให้อีกคนกอดเธอแบบนั้น...ทั้งคืน
“พี่ยูลมองหาอะไรอยู่หรอคะ?” หญิงสาวร่างสูงบางในชุดเจ้าสาวถามคนที่ใส่ชุดสูทขาวไปทั้งตัว ก่อนที่อีกคนจะหันมาตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“หาเพื่อนค่ะ น้องซอ งานจะเริ่มแล้ว ทำไมยังไม่มาก็ไม่รู้” ร่างสูงบ่น ทำให้คนเป็นเจ้าสาวส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนจะเอามือมาแตะแก้มของร่างสูงเบาๆพลางเอ่ย
“อย่าคิดมากเลยนะคะ เดี๋ยวเพื่อนของพี่ยูลก็มาแล้ว เขาคงไม่พลาดงานสำคัญแบบนี้หรอก”
........แกอยู่ไหนนะยัยเป็ดไหนบอกว่าจะมาไง ถ้าไม่มา ฉันจะตามไปฆ่าเธอแน่ คอยดู!
เวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วไม่รู้ รู้แต่เพียงว่า น้ำตาเริ่มจะแห้งเหือดไป พร้อมๆกับฝนที่เริ่มจะซาลง เหลือเพียงหยาดฝนที่เป็นเม็ดๆเท่านั้น เธอกอดตัวเองไว้แน่นด้วยความหนาวจากฝนที่ได้สัมผัสมาเป็นเวลานาน
“ใครใช้ให้แกวิ่งมาแบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”ร่างสูงส่ายหน้าอย่างระอากับคนรัก(?)เมื่อเห็นว่าคนรักวิ่งตากฝนมาหาตนเอง ก็บอกว่าให้รอ เพราะมีร่ม ยังจะรีบวิ่งตากฝนมาหาเธอจนตัวเปียกอีก
“ก็ฉันกลัวว่าแกจะไปหาสาวที่ไหน จนมารับฉันช้านะสิ!”เธอทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกร่างสูงดุ
“ฉันจะไปหาใครได้อีก ก็ฉันมีแกเป็นแฟนแล้วนี่ ยัยเป็ดบ๊องเอ๊ย!” ร่างสูงยกมือยีหัวทุยๆได้รูปอย่างหมั่นเขี้ยวอย่างได้เปรียบ ทำให้เธอต้องร้องออกมา
“หัวฉันยุ่งหมดแล้ว ไอ้ลิงดำ!!”
.......สัมผัสที่คุ้นเคย แต่ว่าณ เวลานี้ มันคงไม่คุ้นเคยสำหรับเธออีกต่อไป มันเป็นสัมผัสที่แปลกใหม่ ราวกับว่า..... เธอไม่เคยได้รับสัมผัสนี้มาก่อนเลย
เธอเงยหน้ามองบนฟ้าอย่างเหนื่อยอ่อนเสียเต็มประดา แม้เวลานี้ ฝนจะตก แดดจะเริ่มส่องแสงแล้วก็ตามที เธอคงต้องยอม...ยอมรับในโชคชะตา ที่ไม่มีสิทธิ์ได้เขามาครอบครอง
ร่างสูงมองนาฬิกาอย่างหวั่นใจ พิธีการก็เริ่มมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ทำไมเพื่อนสนิทของเธอยังไม่มาเสียที ท่าทางครุ่นคิดขมวดคิ้วไปมา เป็นที่สังเกตได้ของเจ้าสาวคนสวย แต่เจ้าสวยคนสวยก็ไม่ได้ว่าอะไร
“เพื่อนพี่ยูลยังไม่มาอีกหรอคะ” เจ้าสาวกระซิบถามอย่างแผ่วเบา ร่างสูงได้แต่พยักหน้าตอบก่อนจะกุมมือเจ้าสาวของตัวเองไว้แน่น
“ช่างเขาเถอะ ตอนนี้คิดแต่เรื่องของเราเท่านั้นก็พอ”
"ถามจริง แกเคยเห็นฉันเป็นแฟนของแกจริงๆไหม แกจะมีใครสักกี่คน ฉันไม่ว่า แต่ฉันเบื่อเสียงนินทา พวกปากมาก ที่ด่าฉันเป็นพวกโง่ ที่ยอมให้แฟนของตัวเองไปมีคนอื่น!”
.....เอ่ยทั้งน้ำตา เพราะรู้ไม่ว่าอย่างไร อีกคนก็คงจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม
....เพราะว่าอีกคนนั้นไม่เคยรักเธอมากไปกว่าคำว่า “เพื่อน” เลย
“แล้วแกจะคิดมากทำไม ยัยเป็ด ไอ้ที่บอกว่าฉันเป็นแฟนแกอ่ะ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันก็แค่อยากลองเป็นแฟนเล่นๆกับแก....”
ฉันว่า มันไม่เวิร์คหรอก เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอต้องยอมอีกคนเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ในตอนแรกที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนกับอีกคน เธอก็ไม่คิดอะไรมาก
.........ถ้าไม่ใช่อีกคนแสดงนิสัยที่เธอไม่เคยเห็นในบางมุม มันทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหว
........ความอบอุ่น ความเอาใจใส่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน แบบนั้นล่ะ ที่ทำให้เธอ “หลงรัก”
ยิ้มให้ความผิดหวังของตัวเองอีกครั้ง เธอคงจะรอฉันอยู่ล่ะสิ ควอน ยูริ แม้ตัวจะเปียกโชกไปทั้งตัว แต่เวลานี้น้ำตาที่ปล่อยไปกับสายฝนมันได้ชะล้างหัวใจอันบอบช้ำของเธอออกไปจนเกือบหมดแล้ว อีกทั้งสถานะที่เปลี่ยนเป็นแฟนในระยะเวลาอันสั้น ก็กลับมาเป็นเพื่อนกันในระยะยาวอีกครั้ง มันตอกย้ำเธอเสมอทุกครั้งไม่ว่าหลับ หรือ ตื่น
.....ให้เธอทำใจ ตัดใจจากเขาเสียที
......แล้วพยายามดีใจเมื่อเห็นเขามีความสุขกับคนที่เขารักจะดีกว่า
พิธีแต่งงานยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ ร่างสูงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ทำไมต้องหงุดหงิดด้วยก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เธอกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับคนที่เธอ “รัก” แล้วทำไมเธอต้องไปนึกถึงเพื่อนสนิทที่ป่านนี้คงลืมวันสำคัญของเธอไป
.......เพราะอะไรกัน? ทำไมฉันต้องคิดถึงเธอในเวลาแบบนี้ด้วย เจสสิก้า
“น้องซอ น้องซอว่าชุดนี้สวยป่ะ” หันไปถามว่าที่คู่หมั้นของตัวเองที่ตอนนี้กำลังเลือกชุดสีขาวที่จะสวมใส่ในวันแต่งงาน ซึ่งร่างโปร่งบางก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
ผละจากว่าที่คู่หมั้นก็หันไปหาเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะทำหน้างออยู่ ทำให้เธอต้องรีบเข้าไปหยิกแก้มด้วยความหมั่นไส้ แล้วดูเหมือนจะได้ผลดีเสียด้วย เพราะ ร่างบางหันกลับมาแยกเขี้ยวใส่เธอใหญ่
“ฉันเจ็บแก้มนะเว้ย ไอ้ลิงดำ”
หัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นว่าร่างบางทำหน้าบูด ก่อนจะจูงมือร่างบางไปยังร้านขายเสื้อผ้าข้างๆร้านชุดแต่งงาน
“แกพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย” ร่างบางถาม ทำให้เธอต้องอมยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“เลือกสิ”
ร่างบางได้แต่มองไปรอบๆ ชุดเดรสหลากสีสันมากมาย แขวนไว้บนที่โชว์ ทำให้ต้องเดินเข้าไปดูหยิบจับสัมผัสบ้างตามประสา
“เลือกได้แล้วก็บอกฉันได้นะ ฉันซื้อให้แก”
“ซื้อให้ฉันทำไม แกก็ไปซื้อให้แฟนแกสิ” พูดออกไปแล้วก็แทบอยากจะตบปากตัวเองที่พูดออกไปอย่างนั้น แทงใจดำตัวเองชัดๆ
“ฮ่าๆ ก็ฉันซื้อให้แก แล้วแกต้องใส่ไปในวันที่แต่งงานด้วย เข้าใจไหม! มัวแต่พูดอยู่ได้ ฉันช่วยเลือกเอง”
เขยิบหน้าเข้ามาใกล้ๆ เพื่อลองชุดโน้นชุดนี้ให้ร่างบาง พาลให้ร่างบางหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ เป็นอย่างนี้เสมอทุกครั้ง..นับตั้งแต่เราคบกันเป็นคนรัก จนกระทั่ง.....
....กลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม โรคหัวใจเต้นแรงก็ยังรักษาไม่ได้เสียที
“ตกลงแกจะซื้อให้น้องซอก็บอกมาเถอะ ไม่เห็นต้องเป็นข้ออ้างเลย” ร่างบางกล่าวอย่างหงุดหงิดระคนน้อยใจ
หลงดีใจนึกว่าเขาจะซื้อของให้เธอ แต่กลายเป็นว่า กลับซื้อให้คนที่เขารักเสียอย่างนั้น เพื่อนกับคนรักมันต่างกันตรงนี้เองสินะ
“เอาเถอะน่า ก็ถ้าฉันบอกว่าจะมาซื้อให้น้องซอ แกจะยอมมากับฉันไหมล่ะ”
ก็รู้นี่นาว่าเธอไม่ชอบที่จะต้องมานั่งเฝ้ามองดูคนที่เธอรักเลือกซื้อของให้กับคนที่เขารัก และคนๆนั้นก็ไม่ใช่เธอเสียด้วย ไม่ว่าใครก็ไม่ชอบทั้งนั้น จริงไหม?
“น้องซอคงจะชอบมากเลยล่ะ ไปกันเถอะเดี๋ยวน้องซอจะรอนาน ขอบใจนะยัยเป็ดที่มาช่วยฉันเลือกเสื้อผ้าไปให้น้องซอ”
......เป็นได้แค่นี้ เป็นแค่คนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ แต่เธอไม่เคยรับรู้....
.....เป็นได้แค่คนที่อยู่ข้างๆหัวใจ คนที่เธอมองข้ามตลอดมา.....
“มุงดูอะไรกันอยู่เหรอ” บ่าวสาวคู่ใหม่ เดินเข้าไปถามคนที่อยู่ภายนอกโบสถ์
“มีคุณผู้หญิงเป็นลมค่ะ สงสัยเธอคงตากฝนจนไม่สบายเอาแน่ๆ”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น คู่บ่าวสาว จึงรีบปรี่เข้าไปรวมกับกลุ่มเกาหลีมุง อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะสิ่งที่คู่บ่าวสาวเห็นก็คือ ร่างบางของหญิงสาวคนหนึ่งนอนสลบไป เนื้อตัวเปียกชื้นน้ำฝน เพราะเพิ่งตากฝนมาเมื่อครู่ และที่สำคัญที่สุด....
คนๆนั้นเป็นคนที่คู่บ่าวสาวคู่นี้รู้จักดีเสียด้วย
เจสสิก้า!
ร่างสูงร้องเสียงหลง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่นอนอยู่นั้นเป็นเพื่อนสาวของตัวเอง ไม่รอช้า ว่าที่เจ้าบ่าวจึงจัดการอุ้ม ร่างบางไว้ในอ้อมแขนก่อนจะรีบวิ่งออกจากตรงนั้นทันที
“พี่ยูล แล้วงานแต่งงาน....”
“เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง! น้องซออยู่เฉยๆไปเถอะน่า” ร่างสูงพูดกึ่งตวาด
ในยามนี้....คนที่ร่างสูงเป็นห่วงที่สุด ก็คือร่างบางที่มานั่งร้องไห้เสียใจเรื่องระหว่างเขา กับ เธอ ทำไมซอฮยอนจะไม่รู้ ว่าเพื่อนสนิทของว่าที่เจ้าบ่าวของเธอนั้น...เป็นแฟนกันมาก่อน
ก็เธอเองนั่นล่ะ ที่ทำให้ร่างสูงหลงเสน่ห์เธอ จนถึงขั้นที่ร่างสูงเปลี่ยนสถานะระหว่างเขากับร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาขนาดนี้
ไม่ได้ใช้มารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนแต่อย่างใด แค่แกล้งเดินตามเขา.... แอบถ่ายรูปเขา จนเขาจับได้ แล้วดูเหมือนเขาก็มีใจให้เธอไม่น้อย
นั่นล่ะ .....เหตุผลที่ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่ก็ทำให้เธอได้ครอบครองหัวใจของเขา ในขณะที่ผู้หญิงหลายๆคนอยากจะได้หัวใจของเขา
แล้วเธอ...ก็เป็นผู้โชคดี ที่ได้มันไป
แต่ ณ ตอนนี้ เธอคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ เพราะดูเหมือนว่า....
.ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอดูจะเป็นห่วงคนที่ได้ชื่อว่าเป็น “เพื่อนรัก” มากเกินกว่าจะเป็นเพื่อนรักซะแล้วสิ
“คุณหมอคะ เพื่อนของฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” ร่างสูงกระวนกระวายวิ่งเข้าไปถามหมอด้วยความเป็นห่วงร่างบางแทบใจจะขาด
“เพื่อนคุณแค่พักผ่อนน้อย แล้วยังมาโดนฝนอีก ก็เลยเป็นลมไปนะครับ ตอนนี้หมอให้ย้ายไปอยู่ห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว”
ร่างสูงก้มหัวขอบคุณหมอเรียบร้อย ก็ตรงดิ่งไปยังห้องพักฟื้นของเพื่อนรักทันที
“โถ ยัยเป็ด ทำไมต้องตากฝนแบบนี้ด้วย” ว่าพลางลูบผมที่ปรกหน้าผากร่างที่หลับอยู่อย่างอ่อนโยน ไม่ได้ทำแบบนี้ให้เธอนานเท่าไหร่แล้วนะ
........ตั้งแต่วันที่เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม....
........ขอโทษนะยัยเป็ดที่ฉันไม่ได้สนใจแกเลย ฉันคงเป็นเพื่อนที่แย่มากจริงๆสินะ....
“ไม่แย่หรอก ฉันต่างหากล่ะ ที่แย่” ร่างบางอยู่บนเตียงเอ่ย ก่อนจะกระแอมไอออกมาเบาๆ สายตาก็มองร่างสูงที่ยังใส่ชุดสูทเต็มยศ
“ฉันขอโทษ ขอโทษที่ดูแลแกไม่ดี ทำให้แกไม่สบาย ฮึกๆ” ร่างสูงร้องไห้ออกมาราวกับเด็กๆ ปากก็พร่ำบอกขอโทษอยู่ไม่ขาด ร่างบางยิ้มน้อยๆก่อนจะดึงมือของร่างสูงไปกุมไว้แล้วลูบมันเบาๆอย่างปลอบโยน
“ไม่หรอก ถ้าฉันไม่คิดกับแกเกินเพื่อน......เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น เป็นเพราะความอ่อนแอของตัวเธอเอง ที่ทำให้เธอทำอะไรไร้สาระบ้าๆนั่นลงไป”
กลับไปงานแต่งงานของเธอเถอะ......
.........ไม่ต้องสนใจคนอย่างฉัน คนที่ยืนอยู่ข้างๆหัวใจของเธอคนนี้
..
จะกลับไปที่งานแต่งก็ไม่ได้แล้ว ในเมื่อเจ้าบ่าวก็ออกมาจากงานแต่งงานเอง ป่านนี้ในงานคงจะวุ่นวายแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้
“ฉันไม่กลับ!” พูดอย่างคนเอาแต่ใจ แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะ ถ้ากลับไป ก็มีแต่โดนด่ากับด่า!
“นี่แกอายุเท่าไหร่ อย่าทำตัวเป็นเด็กๆสิ หัดมีความรับผิดชอบบ้าง”
ร่างบางพูดออกมาอย่างเหลืออดกับคนที่เธอรักคนนี้ ไม่เคยมีความรับผิดชอบ ทั้งในหน้าที่ และ ความรู้สึกของคนอื่น
“ไม่ช่วยแล้วยังไล่อีก ไปก็ได้ เชอะ!”
“นี่! ไอ้ลิงดำ”
คำเรียกที่แสนจะคุ้นเคยทำให้ร่างสูงหันไปอย่างงอนๆ
“อะไรอีกล่ะ!”
“ฝากอันนี้ไปให้เจ้าสาวของแกด้วยล่ะ บอกว่าจากฉัน.....เจสสิก้า”
น้ำตาที่ว่ามันหายไปพร้อมกับฝนแล้ว มันก็ไหลออกมาอีก เมื่อร่างสูงเดินจากไป ร่างบางได้แต่ซบหน้าลงกับหมอนพยายามไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา
“หวังว่าเธอคงจะดูแลมันได้ดีนะ....ซอ จูฮยอน”
“โอ้ย ยูลเจ็บนะ” ร่างสูงลูบหน้าตัวเองน้อยๆ เมื่อโดนมารดาตบไปที่แก้มเนียนอย่างแรง
“ก็ใครใช้ให้แกออกจากงานแต่งของตัวเองล่ะ รู้ไหม? ว่าฉันขายหน้าขนาดไหน แขกเหรื่อก็มาตั้งเยอะตั้งแยะ ดีนะ ที่ครอบครัวหนูซอเขาไม่ถือสาหาความอะไร ไอ้ลูกคนนี้นี่ แย่จริงๆ”
หลังจากที่ฟังผู้เป็นมารดาบ่นไปชุดใหญ่ ร่างสูงก็เพิ่งจะได้มีโอกาสพูดออกมา
“เรื่องงานแต่งงาน ยูลจะรับผิดชอบเอง”
“ไม่ต้องรับผิดชอบหรอกค่ะ” เสียงของผู้มาใหม่ เรียกความสนใจของสองแม่ลูกได้ดี
“ขอฉันคุยกับพี่ยูลแค่สองคนจะได้ไหมคะ?”
“จะให้พี่รับผิดชอบอะไรก็บอก พี่รับผิดชอบได้ทุกอย่าง” ร่างสูงอ้อนวอน ร่างโปร่งบางที่กำลังยืนหันหลัง ให้อยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเอาใจเช่นทุกครั้ง แต่ร่างบางกลับสะบัดออก นั่นก็ทำให้ร่างสูงรู้สึกเสียหน้า
“ทำไมต้องโกรธพี่แบบนั้นด้วยล่ะ ก็เพื่อนพี่แค่เป็นลม พี่ก็ต้องพาไปส่งโรงพยาบาลมันถึงจะถูก”
“ให้คนอื่นพาไปก็ได้นี่คะ นี่มันวันแต่งงานของเรานะ...หรือว่า...” หญิงสาวโต้กลับ เพียงแค่นี้เธอก็รู้แล้วล่ะว่า....เจ้าบ่าวของเธอเป็นห่วงใครมากกว่ากัน
“พี่รักพี่เจสสิก้า...แบบที่ซอรักพี่..ใช่หรือเปล่าคะ?”
ร่างสูงนิ่งไปครู่ใหญ่ เพราะไม่คิดว่า คำพูดแบบนี้....มันจะหลุดออกมาจากปากของคนรักที่เรียบร้อยน่ารักอย่างซอฮยอน
“ชักจะไปกันใหญ่แล้วนะน้องซอ เจสสิก้าเป็นเพื่อนพี่ พี่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอมากไปกว่านั้น”
“ไม่ได้คิดงั้นหรอคะ? ถามหน่อยเถอะคะ ตลอดเวลาที่เราคบกัน พี่เคยนึกถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม...”
“ไปสวนสนุกกันเถอะนะคะ พี่ยูล”
ร่างโปร่งบางเอ่ยเสียงใสออกมา ทำให้ร่างสูงอมยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวคนรักอย่างทะนุถนอม
“ได้สิคะ”
แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ร่างสูงกลับพาใครอีกคนมา ทำให้แผนที่เธอคิดไว้พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า
“นี่เพื่อนพี่ไง ชื่อเจสสิก้า นี่ยัยเป็ด คนนี้ไงแฟนฉัน น้องซอ”แนะนำให้รู้จักกันเสร็จสรรพ แล้วก็เป็นร่างโปร่งบางที่แนะนำตัวเองกับเพื่อนของแฟนอย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ พี่เจสสิก้า”
“เช่นกันนะ ซอจูฮยอน”
ถึงแม้ว่าบรรยากาศภายในสวนสนุกจะคึกคักขนาดไหน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ร่างโปร่งบางสนุกไปด้วยเลย ถึงแม้คนที่ได้ชื่อว่า คนรัก จะดูแลปรนนิบัติเธอราวกับเจ้าหญิงก็มิปาน
เหตุผลที่ไม่สนุกก็คือ มากันสามคน และสิ่งที่เธอสังเกตได้อีกอย่างก็คือ......
สายตาที่เพื่อนสนิทของคนรักมองมา ทำให้เธอเห็นว่า
....ไม่ใช่สายตาของเพื่อนสนิทที่มองกันแบบนี้.....
....ผู้หญิงด้วยกัน แค่มองหน้ากัน ก็รู้ใจกันแล้ว....
“พี่รักน้องซอนะ น้องซอจะให้พี่ทำยังไงก็บอกมา พี่รับผิดชอบเอง”
ร่างสูงพูด พยายามกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ร่างโปร่งบางยังคงยืนนิ่ง แม้ว่าในใจ...เธอจะร้องไห้หนักแค่ไหนก็ตาม
“รับผิดชอบความรู้สึกของคนที่พี่รักมากที่สุดจะดีที่สุดค่ะ กลับไปหาเธอเถอะค่ะ”
และแล้ว....น้ำตาที่มันไหลอยู่ข้างในก็ไหลออกมาผ่านนัยน์ตากลมใสที่มักจะเปล่งประกายอยู่ตลอดเวลา เธอยอมเจ็บปวดแต่เพื่อคนที่เธอรัก เธอยอมได้เสมอ
.....เพราะถึงแม้ว่าเธอจะได้ร่างกายของเขามา แต่ถ้าหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่เธอ....
.....การแต่งงานระหว่างเราสองคนมันก็คงไม่มีความหมายเลยแม้แต่นิดเดียว......
“แต่พี่ระ.....”
“พอสักทีเถอะค่ะพี่ยูล พี่ยูลน่าจะรู้นะคะ ว่าพี่รักซอแบบไหน ”
ร่างสูงยืนนิ่ง ตลอดเวลาที่เธอกับเจสสิก้าคบกันเป็นเพื่อน เจสสิก้า คือเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยคบมา เป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือเธอ เป็นเพื่อนที่พิเศษที่สุด และมีแบบเดียวในโลก และยากหากจะมีเพื่อนแบบนี้ได้อีก
และเมื่อพวกเธอได้ลองคบกันในอีกรูปแบบที่ไม่เคยคาดคิดกันมาก่อน ก็ทำให้พวกเธอได้เรียนรู้ความรู้สึกในแบบที่เพื่อนให้กันไม่ได้ และมันก็ทำให้เธอได้รับรู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ...
.....เธอตกหลุมรักเพื่อนสาวที่พิเศษที่สุดในชีวิตเข้าให้แล้ว.....
แต่คงเป็นเพราะจิตใจของเธอนั้นยังโลเล ไม่ชัดเจนและเข้าใจกับสถานะที่เป็นอยู่ บวกกับความเจ้าชู้ที่มีอยู่ในตัว เลยทำให้เธอตัดสินใจบอกเลิกกับเพื่อนสาวแสนสนิทนั่นไป
......โดยไม่คิดเลยว่า นั่นเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจเพื่อนสาวของเธอที่กำลังตกหลุมรักเธออย่างถอนตัวไม่ขึ้นให้เจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่สุด....
.....เธอคงโง่มากสินะ ที่ทำร้ายคนที่เธอรักได้ถึงเพียงนี้ ยูริ....
“เจสสิก้าฝากเจ้านี่มาให้น้องซอด้วยล่ะ” ร่างสูงยื่นกล่องบางอย่างให้ร่างบางรับไป พลางเอ่ย
“แล้วก็ขอบคุณมากนะ ที่ทำให้พี่รู้หัวใจตัวเอง ว่าพี่รักใคร”
ซอฮยอนหยิบกล่องใบเล็กๆที่เจสสิก้าฝากมาให้ขึ้นมาดูหลังจากที่ร่างสูงวิ่งไปจนลับสายตา มันจบแล้ว งานแต่งงานที่เธอได้วาดฝันว่าสวยหรูมันคงจะไม่เกิดขึ้นอีก
ค่อยๆเปิดกล่องออกดู ข้างในนี้มันจะมีอะไรกัน ตอนแรกที่เธอรับกล่องนี้มา เธอก็ยังสงสัยว่าอย่างเจสสิก้านี่หรือจะให้ของๆเธอ เนื่องจากเจสสิก้าไม่มีท่าทีจะสนใจเธอกับยูริเลยแม้แต่น้อย เมื่อเปิดกล่องออกดูเธอก็ได้พบกับสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
....แหวนคู่สองวงที่ร้อยติดกันพร้อมสลักชื่อบนแหวนไว้อย่างเรียบร้อย.....
....KWON YURI & SEO JUHYUN
ให้ตายเถอะ!! เจสสิก้า ทำไมเธอถึงเป็นคนอย่างนี้กันนะ เจสสิก้าทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนเลวที่แย่งของของคนอื่นมา
เมื่อก่อน หากว่ายูริบอกรักเธอ แม้จะบอกสักกี่ร้อยพันครั้ง เธอคงจะดีใจจนตัวลอยกับคำหวานๆชวนเลี่ยนของเขา แต่ถ้าตอนนี้เขาบอกรักเธออีกครั้งเธอก็จะไม่เชื่ออีกต่อไป
.....ก็เพราะยูริสารภาพออกมาหมดแล้วนี่ว่า “รักใคร”......
.....แล้วคนอย่างเธอที่เขาเข้าใจผิดว่ารัก ก็ไม่มีสิทธิ์จะไปรั้งเขามาไว้แต่เพียงผู้เดียว....
แล้วตัวเธอเองก็เลยได้แต่ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างหมดแรง โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป
ร่างสูงรีบขับรถมาที่โรงพยาบาลทันที หลังจากที่ออกมาจากงานแต่งงานของตัวเองได้สำเร็จ ต้องเหนื่อยกว่าจะฝ่าด่านพ่อแม่ของตัวเองแล้วก็ของเจ้าสาว แม้จะโดนด่าจนอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ก็ต้องยอม เพราะเรื่องของหัวใจมันเป็นเรื่องที่รอช้าไม่ได้
.....เพราะมันอาจจะสายเกินไปสำหรับเรื่องของคนสองคน....
“ยัยเป็ด ฉันมาแล้วนะ !!!” ตะโกนเสียงดังลั่นห้องอย่างไม่เกรงใจใครในขณะที่เปิดประตูเข้าไป ดีใจที่จะได้มาอยู่กับคนที่เธอรักมาตลอด เพียงแต่เพิ่งจะรู้ตัว แล้วก็ต้องพบเพียงแต่ความว่างเปล่า
..เจสสิก้าหายไปไหน?.......
“ยัยเป็ด ยัยเจสสิก้า แกอยู่ไหน ฉันมาหาแกแล้วไง” ร่างสูงพูดเสียงสั่นๆ เมื่อเห็นว่าบนเตียงว่างเปล่า ไม่มีร่างของร่างบางอยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย
ทำไมเรื่องทั้งหมดมันต้องเป็นแบบนี้ ทำไมพระเจ้าต้องกลั่นแกล้งควอน ยูริคนนี้ด้วย ตอนนี้เธอรู้หัวใจตัวเองจริงๆแล้วว่าเธอรักจอง เจสสิก้า แล้วทำไมพระเจ้ายังจะต้องพรากเธอไปจากเขาอีก ทำไม?
ว่าแล้วก็ไม่รอช้า รีบวิ่งไปหาร่างบางทั่วโรงพยาบาล ดูทุกตึก ทุกห้อง ทุกชั้น แต่ก็ไม่มีวี่แววคนที่เธอรักอยู่แม้แต่น้อย เธอจึงได้แต่ไปเดินอยู่ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์หน้าโรงพยาบาล
“ออกมาสิ ยัยเป็ด ออกมา ฉันรักแกได้ยินไหม?!!!”
ตะโกนเสียงดังโดยไม่สนใจใคร น้ำตาที่แห้งเหือดไปกลับไหลออกมาอีกครั้ง แต่แล้ว ร่างสูงก็ได้ยินเสียงหวานๆอันเป็นเอกลักษณ์ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“เจสสิก้า!!!”
ร่างสูงตะโกนเรียกเธอเสียงดังให้คนทั้งโรงพยาบาลหันมา ไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวที่ดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย เพราะคิดว่าตอนนี้คนเรียกชื่อเธอคงจะอยู่ในพิธีแต่งงานอันศักดิ์สิทธ์ ไม่ใช่มาอยู่หน้าโรงพยาบาลอันเป็นที่อยู่ของคนป่วย
“ยูริ!” แล้วเธอก็ต้องตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าร่างสูงกำลังเดินตรงปรี่เข้ามาหาเธอ
“หนี ต้องหนี” คำพูดนี้สะท้อนก้องขึ้นมาในหัวของร่างบาง พอแล้ว พอกันที เธอไม่อยากเจ็บปวดอีกต่อไป
หลายๆครั้งที่เธอเจ็บ เธอก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน แต่ว่าครั้งนี้มันเจ็บจนเหลือทน แล้วเธอจะไม่ขอทนมันอีกต่อไป
.....ใครว่า เจ็บมาหลายครั้งหลายคราแล้ว หัวใจมันจะชินชาไปเอง....
..สำหรับเธอ เจ็บมาหลายครั้งหลายครา เป็นความรู้สึกเดิมๆที่ยากจะคุ้นชิน
..
“นี่! ยัยเป็ด อย่าหนีสิ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันรู้แล้วว่าฉันรักใคร”
ร่างสูงเดินตามอีกคนที่กำลังออกจากโรงพยาบาล ดูก็รู้ว่าเธอจงใจหนีกันชัดๆ เรียกก็แล้ว โบกมือก็แล้ว อายคนเขาจะตายอยู่แล้ว ร่างบางก็ยังไม่สนใจเธออีก
แล้วสุดท้าย ไม้เด็ดที่ต้องงัดออกมาใช้ก็คือ....
“ฉันรักแก ได้ยินไหมวะ ตอนนี้ฉันรักแก ยัยเป็ด!!”
ร่างบางหยุดชะงักอยู่กลางถนน พลางหันมามองอีกคนที่อยู่ตรงฟุตบาททางเดิน น้ำตาเริ่มจะไหลอีกแล้ว เธอกำลังกลับมาอ่อนแออีกครั้ง ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ร้องไห้อีก เธอก็ทำไม่ได้เสียที
“รักของแก กับรักของฉัน มัน “ต่างกัน” นะ ยูริ”
“ไม่ต่าง เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกแบบเดียวกับแกแล้ว เข้าใจไหม!!!”
ร่างบางอ้ำอึ้งๆ อยู่สักพัก แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรถคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง เธอเตรียมจะหลบ แต่แล้วร่างสูงที่อยู่ตรงริมฟุตบาทกลับดึงเธอไว้ได้แต่กลับไม่ทัน...
“ยูริ!!!”
“มายืนขวางถนนทำไมแถวนี้ นี่มันทางรถวิ่ง คนกำลังรีบ เสียอารมณ์ชะมัด!!”
เสียงรถบีบแตรดังลั่นถนน พร้อมด้วยเสียงตะโกนด่าของคนขับ ร่างสูงนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจากแรงกระแทก แต่เมื่อเห็นว่าร่างบางในอ้อมกอดไม่เป็นไรก็รู้สึกอุ่นใจ
“ยัยเป็ด! ไม่เป็นไรแล้วนะ” ร่างสูงกอดปลอบคนในอ้อมกอดเบาๆพลางลูบหลังปลอบโยนเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ไอ้ลิง แกไม่เป็นไรใช่ไหม ฮึกๆ” คนในอ้อมกอดจับใบหน้าคมไปมาเพื่อดูว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เป็นผลค่อยๆให้ร่างสูงได้โอกาสจูบที่หน้าผากมนของคนในอ้อมกอดเบาๆหนึ่งที
“ไอ้บ้า!! ฉวยโอกาส ลุกไปๆ คนมองกันเต็มแล้ว” ผลักคนที่เนียนกอดเธอเสียเต็มแรง ให้คนที่กำลังเนียนอยู่ต้องร้องโอดครวญขึ้นมา
......คนเจ้าเล่ห์แบบนี้ เจสสิก้าไม่เชื่อหรอก ว่ามันจะเจ็บจริง
.
แต่เมื่อยังได้ยินเสียงร้องของอีกคนไม่หยุด เธอก็ต้องก้มลงมาดูเขาอีกครั้ง เพราะตอนนี้เธออายเกาหลีมุงที่มามุงพวกเธอสองคนอยู่เต็มเลยต่างหาก ไม่ได้เป็นห่วงหรืออะไรทั้งสิ้น
“ไหนๆ เจ็บตรงไหน” ร่างบางวางมือไปตรงหัวไหล่ของอีกคนเบาๆ เพื่อจะดูว่าตรงส่วนไหนเจ็บ ร่างสูงส่ายหน้าก่อนจะจับมือมาแนบที่หัวใจของตัวเอง
“เจ็บ ฉันเจ็บตรงนี้”
ประโยคสั้นๆที่ทำให้ร่างบางอยากจะเอาอะไรยัดปากคนพูดนัก ดูละครมากไปหรือไงนะ ถึงได้ทำอะไรเสี่ยวๆแบบนี้ เธอก็ไม่ใช่นางเอก และเขาก็ไม่ใช่พระเอก มันเลยรู้สึกดูเลี่ยนๆแปลกๆพิกล
“ลุกได้แล้ว คนมองกันใหญ่ ”
“ไม่อยากลุกอยากให้แกดูแผลตรงนี้”
โอ้ย เจสสิก้าอยากจะบ้าตาย อายก็อาย แกยังจะมาให้ฉันดูแผลตรงนี้อีกหรอ ไอ้ลิงดำ
“ก็ไปให้หมอดูซิวะ นั่งทำตามองเป็นลิงอดกล้วยอยู่ได้”
ร่างบางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วสินะ พูดจาไม่ค่อยจะเข้าหูใคร แถมยังชอบเถียงกับเธอเป็นว่าเล่น อย่างนี้ล่ะ ที่ควอนยูริต้องการ
“แกให้อภัยฉันแล้วใช่ไหม ยัยเป็ด!!”
“ยัง แกทำฉันเจ็บมามาก แค่นี้มันยังไม่คุ้มหรอก”
ร่างบางว่า ก่อนจะลุกขึ้นไปก่อน ที่พูดไปอย่างนั้นมันไม่เป็นความจริงหรอก ใจจริงแล้ว เธอก็ไม่เคยโกรธอีกคนด้วยซ้ำไป ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่มีใครไปบังคับหัวใจของคนอื่นให้มารักตัวเองได้หรอก ขนาดตัวเธอเองยังบังคับหัวใจของตัวเองไม่ได้เลย
“ง่า...ที่รัก ให้อภัยเถอะนะ ให้ทำอะไรบอกมา เขายินดีทำให้ทุกอย่างเลย”
ร่างสูงชูสามนิ้วเหมือนเนตรนารี พาให้คนมองหัวเราะไปด้วย แต่ก็ทำได้เพียงหัวเราะในใจเท่านั้น ขืนหัวเราะออกมาก็เสียฟอร์มแย่สิ
“อืมๆ อยากให้ฉันให้อภัยใช่ไหม งั้นแกก็ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ ฉันอายคนจะแย่อยู่แล้ว!”
“จ้ะๆ ไม่เห็นจะต้องดุกันขนาดนี้เลย ชิ!”
หลังจากวันนั้น วันที่ยูริได้ยกเลิกงานแต่งงาน ดูเหมือนว่าพ่อแม่จะเข้าใจเหตุผลของร่างสูงเป็นอย่างดี ทั้งๆที่ตอนแรกด่าเป็นฟืนเป็นไฟ
...ก็เพราะว่าพ่อแม่ของยูริ อยากได้เจสสิก้ามาเป็นสะใภ้ของบ้านมากกว่าซอฮยอนอีกนะสิ...
ส่วนว่าที่เจ้าสาวของยูริในครานั้น ป่านนี้คงจะหาคนแต่งงานได้ด้วยแล้วล่ะ เพราะเหตุการณ์คราวนั้น เธอคงเป็นฝ่ายน่าสงสารที่สุด เจ้าบ่าวหนีออกจากงานแต่งงาน งานแต่งงานก็ถูกยกเลิกไปตามระเบียบ
“เมื่อไร จะแต่งงานกับฉันสักทีนะที่รัก ฉันรอนานแล้วนะ” ยูริพูดขึ้นก่อนจะเข้ามาสวมกอดคนรักจากด้านหลัง แต่ก็ได้รับศอกที่สีข้างจากคนรักเป็นของแถม
“นานหรอ นี่ไม่กี่เดือนเอง ฉันรอแกเป็นปีๆ ยังรอได้เลย”
“แต่ถ้าเรารักกัน ระยะเวลามันก็ไม่สำคัญสำหรับเรานะ”
“สำคัญสิ เพราะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้ ว่าแกรักฉันจริงหรือเปล่า เพราะแกอาจจะเลิกรักฉันไปรักคนอื่นก็ได้”
ไม่ใช่ว่ากลัวการผูกมัด แต่เธอกลัวใจของยูริจะไม่มั่นคง เพราะที่ผ่านๆมา ยูริเป็นคนเจ้าชู้ ไม่เคยรักใครจริง เธอเลยไม่แน่ใจว่า ตอนนี้ยูริจะจริงจังและมั่นคงกับรักครั้งนี้มากแค่ไหน
“ก็ได้ ฉันจะรอ อีกไม่นาน ควอน ยูริคนนี้จะทำให้ จอง เจสสิก้าเชื่อว่า ควอน ยูริจะรัก และดูแล จอง เจสสิก้า ด้วยชีวิตตลอดไป”
คำพูดอันหวานเลี่ยนของร่างสูง ทำเอาร่างบางอดที่จะเขินไม่ได้
“แหวะ เลี่ยน จะไปไหนก็ไปเลย” แล้วร่างบางก็เดินหนีอีกคนด้วยความเขิน ทำให้ร่างสูงที่อมยิ้มราวกับคนบ้าอยู่ต้องวิ่งตาม
“รอด้วยสิ ที่รักอ่า”
เมื่อเห็นว่าอีกคนรีบวิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว เธอจึงรีบวิ่งหนี กลายเป็นว่า ทั้งสองคนกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่ช่างน่ารักน่าเอ็นดูสำหรับคนมอง
The end
จบแล้ว จบจริงๆT^T จบแบบนี้แหละ
สะใจสิก้า แกล้งชายยูล
ที่เหลือหวานพอจะชดเชย
ที่ผ่านๆมาได้ไหมคะ ฮ่าๆ
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ติดตามมาตลอด
เพราะว่าเดี๋ยวก็คงจะหายไปนาน
ปล.เม้นต์เป็นกำลังใจด้วยนะคะ >\\\<
ผลงานอื่นๆ ของ มิลค์กี้191 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มิลค์กี้191
ความคิดเห็น