Fic Snsd โรงแรมหลอนTaeny [Yuri] - Fic Snsd โรงแรมหลอนTaeny [Yuri] นิยาย Fic Snsd โรงแรมหลอนTaeny [Yuri] : Dek-D.com - Writer

    Fic Snsd โรงแรมหลอนTaeny [Yuri]

    ริมฝีปากได้รูปของพี่แทค่อยๆประกบริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาและค่อยๆร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เอ๊ะทำไมผมของพี่แทยาวจัง กรี๊ดดด จบแล้วค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    5,968

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    5.96K

    ความคิดเห็น


    84

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ก.พ. 55 / 18:59 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    แหะๆ แวะมาเปิดฟิคสั้นเรื่องที่สองค่ะ อยู่ในชุดสยองขวัญเหมือนเดิม ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยน้า รักรีดเดอร์ทุกคนที่สุดเลย เรื่องนี้ไม่ค่อยหยาบ แต่เรท ฮ่าๆช่วงนี้คู่นี้กระแสแรงเลยเรทสักหน่อย ไม่ว่ากันนะคะ ^_^ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของไรท์เตอร์ล้วนๆ แล้วก็ใช้วิจารณญาณในการอ่านเหมือนเดิมค่ะ ใครยังไม่อ่านของ
    ยูลสิก จิ้มค่ะ http://writer.dek-d.com/ok-lets/story/view.php?id=708321


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
            เช้าวันนี้ท้องฟ้า แจ่มใส อุณหภูมิ 24 องศาเซลเซียล ซึ่งถือว่ากำลังดี ทางที่ดี น่าจะออกไปเที่ยวนอกบ้านนะคะ เสียงผู้ประกาศข่าวพยากรณ์อากาศดังขึ้น ก่อนที่เธอจะปิดรีโมตลง
       
            "ฟานี่ ไอ้ยูลให้หยุดทั้งทีแล้วเราไปฮันนีมูนกันเถอะ" สามีถูกต้องตามกฎหมายของฉันพูดขึ้น เราแต่งงานกันมาสามเดือนแล้ว ยังไม่มีโอกาสไปฮันนีมูนกันเลยเนื่องจาก งานที่รัดตัวของสามีและงานของฉันที่ต้องลงพื้นที่อยู่ตลอดเวลา คงจะเดาถูกว่างานของฉันคืองานอะไร

            "ก็ดีนะพี่แท เราจะไปไหนกันดีอ่ะ" ฉันถามเพราะอยากจะไปเหมือนกัน
       
            "ไปปารีสกัน พี่อยากไปดูหอไอเฟล เดี๋ยวไปซื้อตั๋วกันนะ" ว่าแล้วพี่แทของฉันก็จูงมือฉันขึ้นรถไปซื้อตั๋วทันที

            "นี่พี่แท จะไปเที่ยวไม่มีการวางแผนเลยนะ เอาของไปแค่นี้หรอ" ฉันถาม พ่อคุณเล่นเอาแค่เสื้อผ้าไป3ชุดกับโลออน แค่นี้เนี่ยนะ เฮ้อ อยากจะบ้าตาย สามีฉัน

            "ใครจะแบกไปเท่าบ้านอย่างฟานี่ล่ะ หนักตาย ทำตัวสบายๆดีกว่านะ" แล้วพี่แทก็เอาของของฉันออก อ๊ายยย อย่าเอาคิตตี้สุดที่รักของฉันออกสิ 

            "นี่ ฟานี่ เราไปฮันนีมูนกันนะ อย่าเอาคิตตี้ไปเป็นก้างขวางคอเลย ออกแค่นี้คงพอแล้ว"ดูสามีฉันสิ แงๆๆๆเอาคิตตี้ออกไม่พอ ยังจะเอาเสื้อผ้าของฉันออกไปอีกชุด

            "พอแล้ว พี่แท ฟานี่เป็นผู้หญิงนะ ของใช้ก็ต้องเยอะเป็นธรรมดาสิ" 

            "แล้วพี่ไม่ใช่ผู้หญิงหรือไง โอเคๆไม่แกล้งและ ไปกัน"


            หลังจากเดินทางข้ามน้ำทะเลจากเกาหลีมาถึงยุโรป และแล้ว เราสองคนก็มาถึงปารีส โอ้ ช่างสวยงามอะไรเช่นนี้  ที่นั่นสวยมาก แล้วจากนั้นเราก็ตะลอนทัวร์กันอย่างเมามันส์

            "โห พี่แท กระเป๋าสวยอ่ะ ฟานี่อยากได้ นะๆๆๆ" ฉันทำเสียงออดอ้อนเพราะยังไงคุณสามีก็ต้องซื้อให้อยู่แล้ว ส่วนสามีฉันก็ได้แต่ยิ้มๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องซื้อให้ฉันอยู่ดี ผลดีของลูกอ้อน อิอิ

            "ฟานี่ ซื้อเยอะแล้วนะ เดี๋ยวแบกกลับไม่ไหว" สามีฉันส่ายหัวไปมา

            "ไหวสิ ก็มีพี่แทช่วยแบกไง ฮ่าๆ" แล้วฉันก็เดินนำหน้าคุณสามีไป ปล่อยให้คุณสามีเดินตามหลังต้อยๆ ตกลงจะให้เป็นคนใช้หรือสามี

            "ฟานี่ พี่ว่าเอาของไปเก็บที่โรงแรมก่อนไหม จะได้ออกไปเที่ยวอีกรอบได้ ไม่หนักด้วย" สามีฉันถามคงจะเป็นเพราะถือหนักมาก ส่วนฉันก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะหนักเหมือนกัน(ตรงไหน)

            "งั้น เราหาโรงแรมกันดีกว่า" ว่าแล้วเราสองคนก็นั่งรถแท็กซี่หาโรงแรมกันต่อไป

            "ลุงคะ แถวนี้มีโรงแรมอะไรถูกๆมั่งอ่ะคะ" ฉันถามเป็นภาษาอังกฤษ

            "แถวๆชานเมืองหน่อย แต่เป็นโรงแรมก็ค่อนข้างหรูนะ ราคากันเอง เดี๋ยวพาไป" ลุงคนขับแท็กซี่บอก ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะมีแบบนี้ด้วย ชักอยากไปดูแล้วสิ


            และแล้วเราก็มาถึงโรงแรมค่ะ อย่างหรูเลย ถ้าให้ฉันประเมินก็คงจะประมาณโรงแรมห้าดาว ดีจังเลยเนอะ ขนาดอยู่แถวชานเมือง บรรยากาศก็สงบ ไม่เหมือนอยู่ใจกลางเมือง หลังจากลงจากแท็กซี่ ฉันกับสามีก็เดินเข้าไปเช็คอิน

            "มีห้องว่างไหมคะ" ฉันถาม เพราะโรงแรมหรูๆแบบนี้ต้องห้องเต็มแน่

            "ว่างครับ ว่างหลายห้องเลย คุณผู้หญิงดูก่อนได้ครับ" พนักงานต้อนรับบอก เข้าทางฉันล่ะ ฮ่าๆคงจะไม่มีสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้แน่นอน เพราะถ้ามีเขาจะพูดว่า เหลือห้องสุดท้ายแล้วอะไรประมาณนี้ แต่นี่เหลือห้องว่างมากมายก่ายกอง

            "งั้นเอาห้อง 2709 ค่ะ เช็คอิน" ฉันบอกพนักงานต้อนรับแล้วพนักงานก็เอากุญแจให้

            "แน่ใจนะฟานี่ว่าเอาห้องนี้อ่ะ" คุณสามีถามส่วนฉันก็พยักหน้า

            "ก็มันเลขมงคลระหว่างเรานี่คะ อิอิ" ฉันพูดไปพลางยิ้มไปก็ไปดูหมอมา หมอดูบอกว่าเลขชีวิตคู่คือเลข 2,7,9,0 แล้วดันบังเอิญมีห้องตัวเลขนี้อีก ยิ่งทำให้ฉันหน้าบานเข้าไปใหญ่
           
            "ฟานี่ คิดอะไรอยู่ พี่หนักจะแย่อยู่แล้วนะ" โถๆ คุณสามี คงจะหนักมาก แล้วฉันก็เปิดประตูเข้าไป

            "แอ้ดดด" ฉันค่อยๆเปิดประตูเข้าไป โอ้โห ภายในห้องประดับตกแต่งไว้อย่างหรูหราเป็นแบบสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่14  สมกับเป็นโรงแรมห้าดาวจริงๆ แล้วฉันก็รู้สึกถึงได้ถึงแรงโอบจากด้านหลัง
      สามีฉันเอง แล้วมือพี่แกก็ค่อยๆไปตามส่วนโค้งเว้าของฉัน

           "เอ่อ พี่แทคะ ฟานี่ว่าตอนนี้ยังไม่เหมาะนะ ฟานี่อยากเที่ยวต่ออ่า" ฉันหันหน้าไปทางสามีก่อนจะทำปากยื่นออกมา สามีของฉันก็ยิ้มน้อยๆก่อนจะคลายอ้อมกอด

           "ใจคอจะไม่ให้พี่พักเลยหรอไง หืม" คุณสามียังอุตส่าห์ถามอีกนะ 

           "แล้วที่จะทำเมื่อกี้ มันเรียกว่าพักหรือไง ชิส์" แล้วฉันก็หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป 

           ภายในห้องน้ำ ฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นกว่าปกติ ทำไมมันยะเยือกอย่างนี้นะ ห้องน้ำก็ปิดสนิทดีแล้วนี่ โอ้ย ยัยฟานี่จะคิดมากทำไม โรงแรมหรูขนาดนี้ จะมีได้ยังไงกัน หลังจากฉันสลัดความคิดอันไร้สาระและเพ้อเจ้อได้ ฉันก็อาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ 

           หลังอาบน้ำเสร็จ ฉันก็เดินออกมาพร้อมผ้าขนหนูคลุมกายผืนเดียว เอ๊ะ สามีของฉันหายไปไหน ทำไมปิดไฟมืดขนาดนี้ล่ะ

           "พี่แท พี่แทอยู่ไหนอ่ะ ออกมานะ" ฉันตะโกนเสียงดังลั่นห้อง แต่ก็พบกับความเงียบ อยู่ไหน ออกมานะ แต่แล้ว ฉันก็เห็นเงาดำๆยืนอยู่ตรงระเบียง

           "ใครน่ะ" ฉันตะโกนออกไป แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบ

           "พี่แท อยู่ไหน ฮือๆๆๆช่วยฟานี่ด้วย" แล้วเงาดำนั้นก็เขยิบ เขยิบเข้ามาใกล้ตัวฉันทีละนิด ทีละนิด

           "กรี๊ดดดดดดด"    

           "แบร๋ๆๆ ฮ่าๆ" แล้วคุณสามีก็หัวเราะอย่างชอบใจ สนุกมากไหม แกล้งคนขวัญอ่อนอย่างฉัน

           "ไม่ตลกนะ ฮือๆๆ ไม่ต้องมายุ่งกับฟานี่เลย ชิส์" แล้วฉันก็หันหน้าไปทางอื่น

           "โอ๋ ขวัญเอ๋ย ขวัญมา อุ้ย!! ผ้าเช็ดตัวหลุด คิกๆ" แล้วฉันก็ก้มมองสภาพของตัวเอง

           "ทะลึ่ง ลามก ออกไปเลยนะ ฟานี่จะแต่งตัว" แล้วฉันก็เข้าห้องน้ำอีกรอบ เพราะไม่ไว้ใจสามีค่ะ ถึงจะเห็นมาหลายครั้งแต่ก็อายอยู่ดี >///<


           ยามเย็นบรรยากาศแถวชานเมืองค่อนข้างเย็นสบายอย่างบอกไม่ถูก เราทั้งคู่ต่างสอดมือประสานกันเดินไปตามถนนอย่างสบายๆไม่รีบ ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น พลางคิดถึงวันแรกที่ฉันกับสามีเจอกัน

          
      " ยัยฟานี่ เพื่อนพี่เอง ชื่อ แทยอน เป็นหลานเจ้าของสำนักพิมพ์นี้  ส่วนไอ้แท นี่ลูกมือของฉันเอง ทิฟฟานี่" พี่ยูลบอกแล้วฉันก็ทักทายเขาตามมารยาท

           "สวัสดีค่ะ พี่แทยอน" แล้วก็ส่งยิ้มตาปิดไปหนึ่งที

           "สวัสดีจ้ะคนสวย ลูกน้องมึงนี่หน้าตาดีทุกคนเลยป่าววะเนี่ย ไอ้ยูล" เขาถาม

           "ไม่รู้เว้ย ยัยฟานี่ไปหยิบน้ำให้เพื่อนพี่ที" แล้วฉันก็เดินออกไปหยิบน้ำมาให้แขกของเจ้านาย ระหว่างทางกำลังเดินมาถึงตัวเขาแล้ว เหมือนอะไรมาสะดุดขาฉันทำให้ฉันล้มลงไปแล้ว.............
      น้ำก็หกใส่เสื้อเขา ฉันไม่รอช้ารีบหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูของตนเองเช็ดเสื้อของเขาทันที แต่แล้วเขาก็เอามือของเขามาจับมือฉัน ทำให้ฉันหน้าขึ้นสีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

           "ไม่เป็นไร พี่เช็ดเองได้" เขาบอกแล้วฉันก็ช้อนตามองเขาที่อยู่ข้างบน  รู้สึกได้ว่าสายตาของเขามันช่างเยิ้มเหลือขนาด ทำให้ฉันไม่กล้าสบตา และก้มหน้างุดด้วยความเขิน มองอยู่ได้>///<

          
           "ฟานี่ คิดอะไรอยู่" ทำให้ฉันหลุดจากห้วงความคิดของตนเอง

           "ป่าวค่ะ ไม่ได้คิดอะไร" ฉันบอกสามีแล้วสายตาก็เหลือบไปเห็น..........................

           "อุ้ย มีร้านอาหารด้วยอ่ะ พี่แท เราเข้าไปกินร้านนั้นกันเถอะ ครัวซองน่ากินจัง" แล้วฉันก็กึ่งลากกึ่งจูง(?) สามีเข้าไปในร้านอาหารทันที

          
           หลังจากกินอาหารเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม ฉันก็เดินออกจากร้านด้วยสภาพ เอิ่ม เหมือนหมีขึ้นอืด เนื่องจาก อัดเข้าไปเต็มท้อง ก็มันอร่อยนี่นา

           "โห ฟานี่ กินเข้าไปขนาดนี้แล้วคืนนี้จะไหวไหมเนี่ย" สามีของฉันพูดแปลกๆอีกแล้ว

           "อะไรไหว พูดให้มันดีๆ หน่อยนะคะ" ฉันว่า เพราะรู้ว่าสามีของฉันคิดอะไรอยู่

           "ป่าวๆ อ่ะถึงโรงแรมและ เข้าไปพักกันเถอะ" สามีฉันว่าก่อนจะเดินเข้าโรงแรมไปด้วยกัน

          
      ในห้อง2709

          
      ฉันเดินขึ้นมาที่เตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนอย่างเมื่อยล้า(จากการกิน) ส่วนสามีของฉันก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินมาที่เตียง

           "ฟานี่เล่นปูไต่ก่อน" แล้วสามีของฉันก็เริ่มเล่นทันที

           "ไม่เอาๆ ฟานี่จานอนนนน" ฉันปัดมือซุกซนของสามีก่อนจะเอาผ้าห่มคลุมกายจนมิด

           "โอเค ไม่เล่นปูไต่เล่นผีผ้าห่มก็ได้ นี่แนะ" กว่าฉันจะรู้ตัว สามีของฉันก็มาอยู่ในผ้าห่มเสียแล้ว

           "ฮ่าๆ พี่แท จั๊กกะจี้อ่ะ ฟานี่ไม่เล่น ฮ่าๆ" พี่แทของฉันก็เป็นซะอย่างนี้ทุกที

           "งั้นเล่นปูไต่กัน" เหมือนกับพี่แทไม่ยอมแพ้ ฉันก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย แล้วพี่แทก็เชยคางฉันขึ้นมาก่อนที่ริมฝีปากได้รูปของพี่แทค่อยๆประกบริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบาและค่อยๆร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่เอ๊ะทำไมผมของพี่แทยาวจัง 

            "กรี๊ดดดดดดดดด"


            แล้วสิ่งที่ฉันเห็นก็คือ ผู้หญิงผมยาวสลวย(?)ถึงตาตุ่ม แต่ทั้งใบหน้า ลำตัว และแขนขาไหม้เกรียมเหมือนถูกเผา นั่งอยู่บนหลังของพี่แท และยิ้มแสยะอย่างน่ากลัวก็ถูกส่งมาให้ฉันโดยตรง

            "พี่แท ผะๆๆๆ ผี กรี๊ดดดดดด" ฉันกรี๊ดลั่นด้วยความหวาดกลัวทำให้สามีที่กำลังซุกไซ้ซอกคอขาวๆของฉันถึงกับตกใจ แล้วผละออกมาจากฉัน

            "ไหนๆ ไม่เห็นมีเลย ฮ่าๆ จะแกล้งกันก็บอกมาเหอะ ไม่เห็นต้องหลอกกันเลย" แล้วพี่แทก็หัวเราะออกมา ชิส์ ลองเป็นฉันซิ แต่สาบานได้เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตาฝาด ของจริงๆล้วนๆ

            "ไม่ได้หลอกนะ เมื่อกี้ฟานี่เห็นจริงๆ ฮือๆ ฟานี่กลัว" แล้วฉันก็ผวาเข้ากอดสามี ส่วนสามีของฉันก็ไม่ว่าอะไรแต่ก็ลูบหลังเบาๆเป็นเชิงปลอบ

            "โอเคๆไม่หลอกก็ไม่หลอก นอนเถอะ พี่ไม่แกล้งและ" แล้วพี่แทก็จุ๊บที่หน้าผากฉันเบาๆแล้วก็ดึงฉันเข้าไปกอด ส่วนฉันก็ซุกในอ้อมกอดของพี่แทแต่โดยดี เพราะตอนนี้ฉันกลัวมาก

           
      2 ชั่วโมงผ่านไป
       
          
        ฉันนอนกระสับกระส่ายในอ้อมกอดของพี่แท พลางคิดถึงเหตุการณ์สดๆเมื่อตะกี้ ถึงฉันจะทำงานเกี่ยวกับเรื่องพวกสยองขวัญ สิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ว่าฉันไม่เคยเจอของจริง แล้วผู้หญิงผีคนนั้นเป็นใคร เขาต้องการอะไรจากเรากันแน่ ส่วนสามีของฉัน หลับไปแล้วเรียบร้อย

            " จึกๆ" เอ๊ะ ใครมาจิ้มเท้าฉันเล่นเนี่ย ฉันคิดในใจ รู้แล้ว ใครจิ้ม ฉันพยายามไม่กลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็นก่อนจะบอกออกไป

            "อย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลยนะ เดี๋ยวฉันทำบุญไปให้ ฉันกลัว อย่ามาเลย"แล้วฉันก็พยายามกลั้นใจหลับต่อ สักพัก......

            "ฉันบอกแล้วไงคะว่าอย่าเล่น ฉันจะนอน" ก่อนที่ฉันจะจับสิ่งที่กำลังเล่นผมฉันอยู่ออก ทำให้ฉันเห็น

            "กรี๊ดดดดด แขนคน(?) พี่แทๆ ผีหลอกอีกแล้ว" ฉันปลุกสามี แต่ดูท่าสามีของฉันจะไม่ยอมตื่นง่ายๆ ฉันค่อยสอดสายตามองไปทั่วห้องในความมืด ทำให้ฉันเห็น.................

            "พี่คะ ช่วยพวกหนูด้วย พวกหนูไปเกิดไม่ได้ ฮือๆๆๆ" เด็กผู้หญิง2ชาย2กำลังล้อมเตียงฉันไว้แล้วก็จับแขนจับขาของฉันเล่น เด็กพวกนั้นคงจะน่ารักสำหรับฉัน ถ้าไม่ใช่
      ผี 

           
      "กรี๊ดดด พี่แทตื่นสิ" ฉันปลุกคนข้างกายพอๆกับเสียงที่หัวเราะอย่างยะเยือกของเด็กผี4คนที่ฉันอยากจะร้องไห้ให้รู้แล้วรู้รอดไป เด็กผู้หญิงสองคนนั้น สภาพใบหน้าโบ๋กรวง ตาลึกโบ๋ ตัวไหม้เกรียม ส่วนเด็กผู้ชายก็ไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ แขนกับขาขาดก็เท่านั้นเอง

            สามีของฉันก็เพิ่งตื่นหลังจากฉันปลุกไปประมาณ10รอบ อยากตายยย

            "มีอะไรหรือเปล่า ถึงปลุกพี่" พี่แทถามยิ้มๆ

            "ผีหลอกนะสิ เนี่ยเห็นไหม เด็กสี่คนเนี่ยกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรง........

            "กรี๊ดดดดดด ตอนนี้ผีมันขี่คอพี่อยู่นะ" แล้วฉันก็รีบถอยห่างออกจากพี่แท ส่วนไอ้ผีนั่นมันก็ยิ้มแสยะอยู่นั่นแหละ ฮือๆ ฉันกลัว

            "อะไรฟานี่ ไม่เห็นมีอะไรเลย อย่ามาอำกันดีกว่า"

            "แต่ฟานี่เห็นจริงๆนะ ตอนนี้มันอยู่บนหลังพี่แทตั้งห้าตัวเลย" ฉันพูดสั่นๆก่อนจะตัดสินใจค่อยๆถอยหลังออกมา จากนั้นก็..........

            "กรี๊ดดดดดดด ช่วยด้วย ฉันถูกผีหลอก แล้วฉันก็วิ่งออกจากโรงแรมทันที ข้าวของสามีไม่สนใจแล้ว  ฉันวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปๆ ทางไหนก็ไม่รู้ แต่รู้สึกมันเหมือนเขาวงกต คือ หาทางออกไม่เจอ ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยได้แต่ภาวนาถึงพระเจ้า

            "พระเจ้าคะ ได้โปรดช่วยลูกกับสามีออกจากสิ่งที่น่ากลัวนี้ด้วยเถอะคะ" แล้วฉันก็วิ่งไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็เห็นแสงสีขาวออกมา ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาแสงสีขาวทันที ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบไป

       
           ฉันรู้สึกตัวอีกที เอ๊ะ ทำไมฉันกลับมาที่โรงแรมได้ล่ะ แล้วก็เหมือนมีอะไรบางอย่างต้องให้ฉันเดินเข้าไปข้างใน 

           "สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ" หญิงสาวดูภูมิฐานกล่าวทักทายฉัน 

           "พี่คะ ไปเล่นกับพวกเรานะคะ" เด็กผู้ชาย2กับเด็กผู้หญิงอีก2จับแขนของฉัน ฉันได้แต่งงๆ ก็ฉันไม่รู้จักเด็กพวกนี้นี่นา แต่ทำไมรู้สึกหน้าคุ้นๆจัง

           "นี่ลูกๆของฉันค่ะ  พวกเธอคงดีใจที่มีคุณเป็นเพื่อนเล่น ส่วนฉันได้แต่พยักหน้า ทำไมปฎิเสธเขาไม่ได้นะ

           "แต่ว่า ฉันมากับสามีของฉันนะคะ เดี๋ยวเขาจะรอนาน" 

           "คุณอย่ามาอำฉันเล่นดีกว่า ฉันเห็นว่าคุณมาคนเดียว" พนักงานสาวบอกฉัน ฉันถึงกับงง ก็เมื่อกี้ฉันก็เห็นพี่แทเดินตามมาอยู่นี่ แล้วไปไหน?

           "เออค่ะ คนเดียวก็คนเดียว"

           แล้วฉันก็ถูกลากให้ไปเล่นกับเด็ก4คนนั่น ถึงฉันจะไม่ใช่คนรักเด็กก็เหอะ โรงแรมนี้คนพักมากจัง ตกแต่งก็สวย แล้วเด็ก4คนนั้นก็ลากฉันไปที่สระน้ำหลังโรงแรม ทำไมตอนฉันมาเมื่อกี้ฉันถึงไม่เห็นสระน้ำนะ ฉันก็ผ่านตรงนี้เหมือนกันนี่

            "พวกเราชอบมาเล่นน้ำตรงนี้ค่ะ พี่สาว แล้วบางทีเราก็จะช่วยพวกพี่ๆเขาทำความสะอาดสระน้ำด้วย เด็กผู้หญิงคนแรกบอก

            "โห น้องนี่เก่งจังเลย พี่ยังไม่เคยทำความสะอาดสระน้ำเลย(?) ว่าแต่น้องชื่ออะไรกันบ้างละเนี่ย" ฉันชักอยากรักเด็ก อยากมีลูกขึ้นมาซะแล้วสิ

            "หนูชื่อเลดี้ค่ะ ส่วนนี่ก็น้องของหนูอีกสาม ผู้ชายชื่อ อเลน เอ็ดเวิร์ด ส่วนผู้หญิงคนสุดท้องชื่อ เคตี้ ค่ะ"

            "ชื่อน่ารักกันทุกคนเลย แล้วทำไมถึงไม่ใช่ชื่อแนวฝรั่งเศสล่ะ"

            "ก็พ่อกับแม่หนูอยู่อังกฤษ แล้วมาเปิดโรงแรมที่ย่านชานเมืองตรงนี้ เดี๋ยวพวกหนูจะพาพี่ไปดูรอบๆเลยค่ะ" แล้วเลดี้กับน้องๆก็พาฉันไปดูรอบๆโรงแรม


           ตอนเย็น

           หลังจากที่ฉันดูรอบๆโรงแรมเสร็จแล้ว ฉันก็กลับมาที่ห้องของตนเอง 2709 ทำไมพี่แทไม่มานะ ไปไหนของเขาเนี่ย หรือว่าจะไปร้านอาหารที่เราไปกันมาเมื่อกี้ แล้วฉันก็ตัดสินใจออกไปตามหาสามีทันที

           "ลุงเห็นแฟนของหนูไหมคะ" ฉันถามแล้วมองไปรอบๆตัวก็ไปสะดุดตากับปฏิทิน นี่มันปี2011ไม่ใช่หรอ ทำไมมันเป็นปี 1927ได้ มันย้อนไปตั้งเกือบร้อยปีเลยทีเดียว

           "แล้วแฟนหนูหน้าตารูปร่างเป็นยังไงล่ะ"
       
           "ก็เตี้ยๆขาวๆค่ะ นี่ลุงสะสมปฏิทินเก่าด้วยหรอคะ" แล้วฉันก็ชี้ไปที่ปฎิทินปี 1927นั่น

           "เก่าอะไรกันหนู ของวันนี้ต่างหาก" ทำเอาฉันอึ้งไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว นี่มันปี2011นะเฟ้ย แต่ฉันก็ไม่ได้เถียงอะไรต่อ ก็เลยรีบเดินออกจากร้านอาหาร


           "ไฟไหม้โรงแรม มีคนอยู่ข้างใน ช่วยด้วยค่ะ" เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากโรงแรม ทำให้ฉันรีบก้าวเข้าไปในนั้น แต่ก็โดนดึงไม่ให้เข้า
       
           "เข้าไม่ได้ครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นะครับ" 

           "แต่สามีของฉันอยู่ในนั้นนะคะ ฮือๆ" แล้วน้ำตาของฉันก็เริ่มไหลออกมา

           "หัวหน้า ครับ เราพบผู้บาดเจ็บในนั้น200คนครับ ส่วนผู้เสียชีวิตมี 70 คน" แล้วฉันก็เห็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกำลังแบกศพ ฉันจึงรีบวิ่งถลาเข้าไปดู

           "นี่ศพใครคะ" ฉันถือวิสาสะเข้าไปดึงผ้าขาวออกมา สิ่งที่เห็นคือ เด็กผู้หญิง2คนอยู่ในอ้อมกอดของผู้หญิงผมยาว สภาพเนื้อตัวไหม้เกรียม แต่แล้ว ทั้งสามก็ลืมตาขึ้นมา แล้วก็หันมายิ้มแสยะให้ฉัน

           "กรี๊ดดดดดด ไม่นะ"

           "กรี๊ดดดดดดด"






               
       














             นี่ฉันอยู่ที่ไหน ทำไมมีแต่ควันสีขาวเต็มไปหมด  ฉันค่อยๆมองไปรอบๆ รอจนกระทั่งให้ควันหมอกนั้นจางลงไป  เผยให้เห็นเป็นสุสานขนาดใหญ่ตามแบบตะวันตก ฉันค่อยๆเดินเข้าไปในนั้น ตอนนี้ฉันงงไปหมดแล้ว ว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วคริสตศักราช 1927 โรงแรมอะไรนั่น มันยังไงกันแน่ คำถามมากมายผุดขึ้นมาในสมอง แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดความสงสัยเมื่อ...............

            "ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าพวกเราตายยังไง คุณจะช่วยพวกเราได้ไหม"  ฉันค่อยๆหันไปมองก็พบกับพวกเขา เด็กๆพวกนั้น เลดี้ อเลน เอ็ดเวิร์ด เคตี้ แล้วก็คุณผู้หญิง ในสภาพปกติ

            "พวกเราใช้พลังงานมากนะคะในการทำให้เราอยู่ในสภาพปกติ พวกเราอยากให้คุณช่วยจริงๆ เพราะไม่มีใครเห็นพวกเรานอกจากคุณ" เลดี้บอก

            "สิ่งที่คุณเห็นทั้งหมด ขอให้คุณจำไว้ว่า มันเป็นแค่ภาพลวงตาที่เราสร้างขึ้นมา จริงๆแล้ว เราทั้งห้าคนติดอยู่ในนั้น ไม่ได้ออกมาแบบที่คุณเห็น เราติดอยู่ข้างใน พวกเราออกมาไม่ได้ เราพยายามจะบอกทุกคน แต่ก็ไม่มีใครเห็นเรา หรือกลัวเรากันหมด แต่พอเราได้เห็นคุณ เราก็รู้ได้ทันทีเลยว่า คุณเป็นคนดี คุณต้องช่วยพวกเราได้แน่"

            "ได้ค่ะแล้วฉันจะช่วยพวกคุณยังไงล่ะเนี่ย" ฉันถามอย่างสงสัย

            "คุณต้องกลับไปในโลกของคุณ แล้วคุณต้องไปบอกผู้ว่าการอำเภอของเมืองนี้ว่าศพของพวกเราฝังไว้ใต้ต้นสนต้นใหญ่นี้" คุณผู้หญิงกล่าว

            "แล้วฉันจะกลับไปในโลกของฉันได้ยังไง"

            "ฉันจะไปส่งคุณเอง  ปิ๊ง" แล้วฉันก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจิ้มที่หน้าผากแล้วสติของฉันก็ดับวูบไปอีกครั้ง


            ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นมา ทำไมมันมืดอย่างนี้ ฉันค่อยๆคลำๆสิ่งรอบๆตัวฉัน เอ๊ะ ยังไง แล้วสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นฝาด้านบน 

            "นี่มันโรงศพนี่นา เราตายแล้วหรอเนี่ย" แล้วฉันก็เคาะฝาเพดานโรงศพ 

            "ปังๆๆๆๆ" เสียงเคาะโรงศพดังสนั่น แล้วเสียงที่ฉันได้ยินในเวลาต่อมา คือเสียงบาทหลวงกำลังสวดมนต์ และเสียงคนกรี๊ด เสียงวิ่ง สงสัยคงคิดว่าฉันตายแล้วสินะ อะไรจะกลัวกันขนาดนั้น   -*-

            "ผ่างงงง" ฝาโรงศพเปิดออก เผยให้เห็นคนด้านนอกทำให้ฉันถึงกับน้ำตาซึมออกมา

            "พ่อ พี่แท พี่ยูล พี่ยุน ยัยเจส น้องซอ ฮึกๆๆๆ" แล้วฉันก็ร้องไห้ออกมา นี่ฉันยังไม่ตายจริงๆใช่ไหม

            "ฟานี่ ลูกพ่อยังไม่ตาย ฮึกๆๆ" แล้วพ่อของฉันก็ดึงฉันขึ้นไปกอด ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอีกครั้ง ขอโทษนะคะพ่อ ที่หนูไม่ค่อยมีเวลาไปหา ไปดูแล

            "ฉันดีใจมากเลยที่แกยังไม่ตาย ชาตินี้ฉันนึกว่า ฉันจะไม่ได้เจอแกอีกแล้ว ฮึกๆ" เจสสิก้าเพื่อนสาวของฉันเข้ามากอดฉันจากนั้นก็กอดฉันกันเป็นพรวน

           ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น ฉันงงไปหมดแล้ว ใครก็ได้ช่วยเล่าให้ฉันฟังที ว่าตอนที่ฉันไม่อยู่ มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง
         

           Taeyeon part


           "โอเค ฟานี่ พี่จะเล่าให้ฟัง" ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆเล่าให้ฟานี่และพวกที่เหลือฟัง

           "ตอนนั้นพี่ตกใจมาก ที่จู่ๆฟานี่ก็กรี๊ดออกมา และตะโกนว่า ผีหลอกๆ นั่นแหละ แล้วฟานี่ก็วิ่งออกมา ตอนนั้นพี่งงพี่ทำอะไรไม่ถูก แต่พอพี่ได้สติ พี่ก็รีบวิ่งตามฟานี่ไป ฟานี่วิ่งไม่ดูทิศดูทาง แล้วก็มีรถเก๋งขับมาขับชนฟานี่ พี่พยายามจะช่วยแล้วนะ แต่ไม่ทัน  แล้วเขาถามเราแปลกๆด้วย

           "ถามว่าอะไรคะ" ที่เหลือถาม

           "คุณมาสุสานตอนกลางคืนทำไม!!" รู้ไหมว่าฉันเถียงกับไอ้บ้านั่นแทบตายแต่สุดท้ายก็ต้องติดรถมันพาฟานี่ ไปโรงพยาบาล แล้วก็หมอก็บอกว่า มาไม่ทัน ฟานี่ตายแล้ว ทั้งที่จริงๆแล้วรถยังไม่ชนเลยด้วยซ้ำ แค่เกือบ

            Tiffany part

            "งั้นที่พวกเขาให้ฉันช่วยก็เป็นเรื่องจริงสินะสิ พี่แทพาฟานี่ไปปารีสเดี๋ยวนี้เลยค่ะ" ฉันบอกก่อนจะดันตัวเองออกมาจากโลง เมื่อยชะมัด

            "จะไปทำไมอีก เกือบตายแล้วเห็นไหม" พี่แทพูดก่อนจะเดินมาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน

            "ฟานี่ต้องไปช่วยพวกเขานะคะ เชื่อฟานี่เหอะ" ฉันอ้อนวอนจนสุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อน


            ปารีส

            กว่าจะคุยเรื่องศพได้ แทบตาย ไอ้บ้าผู้ว่านั่นก็งี่เง่า ไม่ยอมฟัง หาว่าเป็นเรื่องไร้สาระ จนฉันต้องท้าให้ลองขุดต้นสนใหญ่ดู ซึ่งหลายๆคนอาจจะคิดว่ามันไร้สาระ แล้วในที่สุด ก็พบศพ ศพทั้งห้าคน ห้าคนจริงๆ  สภาพศพเป็นโครงกระดูก ซึ่งอายุคงคาดว่าจะเกือบร้อยปี แล้วจู่ๆก็มีผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฉัน

             "ทำไมหนูถึงรู้ว่ามีศพอยู่ในนี้ล่ะ" 

             "ก็เขามาเข้าฝันฉันขอให้ฉันช่วย ก็แค่นั้น"

             "ไร้สาระจังหนู"

             "ไม่เชื่อก็ตามใจนะคะ ฉันไปล่ะ" แล้วฉันก็นั่งรถกลับเพื่อไปที่สนามบิน ใครจะไปมีอารมณ์เที่ยวล่ะ เชอะ

             หมดเวรหมดกรรมกันสักที อย่าหวังเลย ว่าฉันจะมาเหยียบที่นี่อีก 

      the end

                                                                   ..................................................................

               special  part

               ฉันเซิร์ทหาโรงแรมปารีส ที่เคยไปพักที่ปารีส เพราะสงสัยอะไรบางอย่าง แล้วฉันก็ไปเจอรูปสุสานที่เพิ่งไปมาเข้า ฉันก็เลยเข้าไปอ่าน

               "สุสานนี้เดิมเป็นโรงแรม แต่เนื่องจากวันหนึ่งของปี1927 เกิดเหตุไฟไหม้ คนตายหมดเขาก็เลยสร้างเป็นสุสานเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้คนที่ตาย" 

               "ก็อกๆๆ" เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับผู้มาใหม่

               "ยังไม่นอนหรอคะ สุดสวยที่รัก" พร้อมกับแรงโอบกอดจากด้านหลัง

               "ก็ยังไม่ง่วงนี่คะ" ฉันตอบสามีเบาๆ

               "พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้านะ อย่านอนดึกล่ะ" แล้วสามีของฉันก็ทิ้งตัวลงบนเตียง

               "ฟานี่ ฮันนีมูนครั้งหน้าจะไปไหน" 

               "ไม่ไปแล้ว อยู่บ้านเรานี่แหละค่ะ สบายใจที่ซู้ดดดด" แล้วฉันก็ปิดคอมก่อนจะนอนข้างๆสามีก่อนจะโอบกอดเขาเอาไว้แน่น ก่อนที่ไฟในห้องจะค่อยๆปิดลงช้าๆ

            

                                . ............................................................................

      จบแล้วค่ะ  ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เรื่องนี้อาจจะไม่สนุกเท่ายูลสิก ส่วนเรื่องเปียโนมือสอง คงต้องอัพพรุ่งนี้แล้วล่ะค่ะ เพราะไม่รู้ทำไมเรื่องเปียโนถึงเข้าไปแก้ไขไม่ได้ ก็ต้องรอดูพรุ่งนี้ค่ะ ไรท์เตอร์สัญญาว่าจะพยายามฝึกเขียนให้มากกว่านี้ ใกล้เปิดเทอมแล้ว ไรท์เตอร์อาจจะเป็นนักอ่านอย่างเดียว ฮ่าๆ เพราะต้องตั้งใจเรียน ให้มากๆๆๆๆค่ะ แล้วเจอกันกับเปียโนมือสองนะคะ  บายๆค่ะ  ^ ^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×