คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : รักนี้...เสถียร 10
ตอนที่ 10
เกลียวคลื่นซัดเข้าฝั่งอย่างเป็นจังหวะ เสียงคลื่น เสียงสายลม แม้แต่เสียงใบไม้ ใบหญ้า ราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงแห่งธรรมชาติให้ ชายหนุ่มร่างบางที่นั่งลงบนทรายขาวที่เหมือนพรมชั้นดี หลังจากที่ได้สัมผัสกับเกลียวคลื่นน้อยที่เคลื่อนเข้าหาเท้าเปล่า อาจารย์ ธวัช ชายหนุ่มวัยเข้าเลข สี่ ยิ้มน้อยๆส่งให้กับธรรมชาติที่โลกสรรสร้างขึ้น พร้อมกับดื่มด่ำกับความสงบ ที่มักจะหาไม่ได้ในเมืองหลวง
นอกจาก ต้นไม้ หาดทราย คลื่นที่เข้าชายฝั่ง หรือลมทะเล ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นอย่างมหัศจรรย์ อาจารย์หนุ่มร่างบางนี้ เสน่ห์ที่ดึงดูดให้เหล่าทุกสรรพสิ่งอยากจะเข้าใกล้ ทั้งความอ่อนโยน ความอบอุ่น ที่สะท้อนมาจากสายตา ใจ ท่าทางและ รอยยิ้ม ถ้าจะเปรียบร่างบางคงเหมือน ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขา คุ้มครองและดูแลทุกสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาเพิ่งพิงตน ต้นไม้ที่ทุกสิ่งอยากจะเข้ามาขอร่มเงา หรือแม้แต่สายลมเย็นๆ ต้นไม้ที่มีแต่การให้อย่างบริสุทธิ์ใจ
กรอกแกรก
กรอกแกรก
กรอกแกรก
เสียงต้นไม้ใบไม้แปลกไปจากเดิม ฉุดอาจารย์หนุ่มร่างบางจากการดื่มด่ำธรรมชาติ ให้กลับมาระวังเสียงต้นไม้ที่ดังแปลกไปแถมเสียงยังดังชัดขึ้น เหมือนบางสิ่งกำลังเคลื่อนเข้าหาตน
“สตินะเรา”
อาจารย์ ธวัช ยกมือกำแน่นเรียกความฮึกเหิม ก่อนจะลุกออกจากพรมธรรมชาติ เดินตรงนิ่ง โดยไม่หันมามองอะไรทั้งสิ้นด้านหลังตน ความมืดมีสิ่งที่น่ากลัวเสมอ
กรอกแกรก
กรอกแกรก
กรอกแกรก กรอกแกรก กรอกแกรก
ยิ่งเร่งฝีเท้ามากขนาดไหน เสียงประหลาดก็ตามมาประชิดยิ่งขึ้น อาจารย์ ธวัช เร่งฝีเท้ามากขึ้น
มากขึ้น มากขึ้น
“พรุ่งนี้ผมจะทำบุญให้ครับ พวกคุณไม่ต้องตามผมมานะครับ ผมสัญญา”
สิ้นเสียงตะโกนจากอาจารย์หนุ่ม เหมือนเจ้าของเสียงประหลาดจะรับรู้ แต่
กรอกแกรก กรอกแกรก กรอกแกรก กรอกแกรก กรอกแกรก ก ร อ ก...
ยิ่งดังขึ้น ใกล้ขึ้น ความมืดปกคลุมทุกส่วน ต้นไม้หนาทึบ เสียงคลื่นที่กำลังซัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ลมทะเลที่พัดอย่างหนักหน่วง พาให้ต้นไม้ เศษไม้ ปลิวไปมา
“ผมจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้จริงๆนะครับ”
อาจารย์ได้แต่ตะโกนในใจ ขณะที่เปลี่ยนจากเร่งฝีเท้ามาเป็นวิ่ง ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ความมืดที่ปกคลุมทำให้ประตูแห่งความกลัวเปิดออก ความคิดเรื่องลี้ลับประดังเข้ามาอย่างเขื่อนแตก ชายหนุ่มปิดตาแน่น มือทั้งสองปิดหูไม่ให้เสียงที่น่ากลัวเข้ามาได้ ยิ่งวิ่งมากขนาดไหน เสียงประหลาดก็ยิ่งเคลื่อนที่เข้าใกล้
“ฮึก ผมสัญญาจริงๆนะครับ ผมจะทำบุญให้แน่นอน ฮึก”
ความมืด บวกกับ สติที่หายไปของอาจารย์ธวัช ทำให้ร่างบางหกล้มอย่างจังพยายามจะลุกขึ้นเท่าไรก็ไม่ได้ จึงได้แต่ก้มหน้ารอเผชิญเหน้ากับสิ่งประหลาด
เงามืดคืบคลานเข้ามาใกล้ จนมิดร่างอาจารย์หนุ่ม กายสั่นเหมือนลูกนก หลับตาแน่นไม่เคลื่อนกายไปไหนนอกจากกุมข้อเท้าที่ชโลมไปด้วยสายโลหิต
ร่างของอาจารย์ ธวัชลอยขึ้นเหนือพื้นดิน ด้วยความตกใจ อาจารย์หนุ่ม พยายามดิ้นอย่างสุดแรง ยิ่งดิ้น ร่างกายก็ถูกโอบรัดยิ่งขึ้น
“ปล่อย ปล่อยผม”
“อย่าดิ้นซิ”
ผี พูดได้ด้วย
“ง่า ปล่อยผมๆๆๆ”
อาจารย์ ธวัชหลับหูหลับตาดิ้นไม่หยุด ถึงแม้ร่างตนจะถูกอุ้มหายไปทิศทางไหนก็ตาม วงแขนหนาแน่นโอบกอดร่างอาจารย์อย่างแน่นหนาเหมือนกับว่าปกป้องร่างนี้มิให้ร่วงหล่นไป
“อ้าว! คุณตุลย์ กะเกิดอะ...”
“ไปเอารถออก”
เอ๊ะ? เสียงคุยกัน? รถ?
“โอย”
ทันทีที่สติกลับเข้ามา ความเจ็บปวดจากปลายเท้าก็เข้ามาแทรกทันใด เศษกระเบื้องยังฝังดึกเข้าไปในเนื้อ เลือดสดจากบาดแผลยังไหลไม่หยุดอาบเต็มเท้าของอาจารย์หนุ่ม วงแขนของชายหนุ่มยิ่งโอบกระชับให้ร่างอาจารย์ ธวัชแนบชิดกับตนมากขึ้น ก่อนจะพาร่างบางเคลื่อนกายไป
################################
“หมอเอาเศษกระเบื้องที่ฝังเข้าไปในเนื้อออกแล้วนะครับ ช่วงนี้พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ แผลค่อนข้างใหญ่ทีเดียว หมอสั่งยาแก้ปวดให้ ถ้ารู้สึกปวดขึ้นมาก็ทานได้เลยนะครับ ”
คุณหมอกำชับเรื่องการรักษาอีกสองสามอย่างให้ ร่างบางที่นั่งฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาสุกใสส่องประกาย อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆส่งท้ายการจากลา แม้จะปวดแสบจากน้ำยาล้างแผล ร่างบางตรงหน้าก็อดทนได้เป็นอย่างดี ถึงจะมีน้ำตาตกบ้างก็ตาม
อาจารย์ ธวัชพยักหน้ารับคำสั่งจากคุณหมอ ก่อนจะแอบลอบมองชายหนุ่มที่นั่งไขว้ห้างเด่นสง่า ใบหน้าคมเข้มนิ่ง สายตาคมมองตรงมายังตนเอง พอสายตาสบกัน อาจารย์ ธวัชเป็นต้องตกใจแล้วละสายตามองอย่างอื่น แล้วกลับมาแอบมองอีก
สงสัยเขาต้องโมโหเรามากแน่ๆเลย ไม่น่าเลยเรา
อาจารย์ ธวัช จมอยู่ในความคิด ไม่ทันได้สังเกตถึงปฎิกิริยาของชายหนุ่มที่นั่งรอ และจ้องมองตนเองอย่างไม่ละสายตา เหมือนพญาราชสีกำลังเคลื่อนกายออกกกระโจนกระต่ายน้อยผู้น่าสงสาร ร่างหนาลุกขึ้นยืน ค่อยๆก้าวหา ที่ละก้าว อย่างมั่นคง ริมฝีปากของตุลย์ยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางสับสน กระวนกระวาย
รูปร่างดีทีเดียว แต่ ตาดุจัง ต้องโกรธเราแน่ๆ เขาอุสาห์มาช่วย
ทำไงดี ทำไงดี ไม่กล้ามองแล้ว
“เห้ย”
เสียงอุทานจากอาจารย์หนุ่ม เมื่อตนหันหน้าหวังจะลองมองชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตตนเองอีกครั้ง ร่างสูงจากเก้าอี้ด้านติดผนัง กลับย้ายร่างมายืนประชิดเด่นให้ได้เห็นเรือนร่างอย่างเต็มตา จนหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงเล็กน้อย ตอนเห็นระยะไกลว่าดูดีแล้ว พอมาเห็นใกล้ๆกลับทำให้ อาจารย์ ธวัช หน้าแดงขึ้นมาได้ อาการประหลาดทำให้ ร่างบางเริ่มไม่เป็นสุข หันไปมองซ้ายทีขวาที
“เออ... คุณครับ”
มือหนาทว่าแข็งแกร่งยกขึ้นมาจับคางมนของร่างบางอย่างวิสาสะ ดวงตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาที่สุกใสของอาจารย์ ธวัชอย่างครุ่นคิด นิ้วหนาไล้เบาๆข้างพวงแก้มใสแกมสีแดงอ่อนๆ
“ขออนุญาตครับ คุณตุลย์ รถเข็นพร้อมแล้วครับ”
“……………………”
“……..”
“อ่อ ขะ ขอบคุณครับ”
เสียงตอบกระท่อนกระแท่นหวังจะให้ชายหนุ่มร่างสูงหันมาสนใจกับ บุคคลคนใหม่ แทนแก้มขาวเนียนที่กลายเป็นผลมะเขือเทศสุกเรื่อด้วยแววตาใสราวกับหยดน้ำ ริมฝีปากคมเข้มของตุลย์ยกขึ้นอีกอย่างพอใจ ก่อนจะเคลื่อนกายไปอย่างไม่สนใจใครอีก ทิ้งไว้แต่เสียงที่ดังในอก กายที่ร้อนระอุอย่างไร้สาเหตุแก่ อาจารย์ธวัชผู้ไร้เดียงสา
“คุณครับ? ”
“ชะช่วยผมทีครับ แก้มผมมันร้อนไม่หยุด สงสัยผมต้องมีไข้แน่ๆเลย”
เลขาประจำตัวของนักธุรกิจใหญ่ได้แต่อมยิ้มไปกับเจ้าผลมะเขือเทศสุก ก่อนจะเข้าไปทักทายแสดงความรู้จักกันอย่างมิตรไมตรี แอบยิ้มให้กับความน่ารัก ถึงจะเพิ่งพบกันแต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจที่ได้สนทนากับร่างบางนี้
######################################
“อันที่จริง คุณชาลี ไม่ต้องเข็นรถให้ผมก็ได้ครับ ผมพอเดินได้บ้าง ลำบากคุณแย่ ไหนจะต้องมาเข็นรถให้ผม ไหนจะจัดการธุระให้ผมอีก ผมขอโทษจริงๆที่ต้องลำบากคุณมากขนาดนี้”
“อย่าเพิ่งดื้อสิครับ คุณ ธวัช คุณเพิ่งทำแผลมา ถ้าเกิดแผลเปิด จะแย่นา เข็นแค่นี้สบายมาก แถมได้คุยกับคุณ ผมสนุกมากครับ ถ้าคุณธวัช อยากจะขอบคุณ ผมว่าควรจะขอบคุณ คุณ... เอ๋ รถมาพอดีครับ รอสักครู่นะครับ”
เลขาหนุ่มเดินเลี่ยงไปทางรถคันหรูคันเดียวกับที่พาร่างของอาจารย์ธวัชมาส่งที่โรงพยาบาลนี้ โรงพยาบาทที่แตกต่างจากโรงพยาบาททั่วๆไป ที่ไม่ค่อยจะมีรถเข้าออกมากนะ อาจเพราะเข้าสู่กลางดึกก็เป็นไปได้ อาจารย์หนุ่มได้แต่ยิ้มหัวเราะไปกับเหตุการณ์ที่นำพาให้เขาต้องมาโรงพยาบาล ได้รู้จักและเจอกับ คนที่แสนดีอย่าง คุณชาลี และ ชายหนุ่มร่างใหญ่ ใจดี
ถึงจะไม่ได้ยินเสียงใดหลุดออกมาจากชายหนุ่ม แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ซึมลึกข้างใน อบอุ่นแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ร่างบางหลับตาลงอย่างช้าๆ มือเรียวบางเลื่อนไปสัมผัสก้อนเลือดที่เรียกว่าหัวใจ ความเงียบและสงบเกาะกุม แต่ความอบอุ่นนั้นยังคงตราตรึงในก้อนเลือดนี้ ก้อนเลือดที่มีหน้าที่ก็แค่เปลี่ยนเลือดเสียให้สะอาดอะไหล่ชีวิตที่ไร้ชีวิต เหมือนวันนี้มันจะรับรู้ได้ถึง คำว่า ชีวิต ...
แม้ความอบอุ่นที่ไหลเข้ามาห่อคลุมก้อนเลือดนี้ ทว่าร่างกายกลับรับรู้ถึงความลุ่มร้อนที่ก่อเกิดอยจาก ชายหนุ่มร่างใหญ่เช่นกัน
“หืม!”
ไม่ทันที่อาจารย์ธวัชจะได้ลืมตา ร่างก็ถูกอุ้มลอยขึ้นแล้วประทะเข้ากับหมัดกล้ามเนื้อที่หนาแน่น วงแขนอันแข็งแกร่งกอดกระชับเพิ่มยิ่งขึ้น ร่างใหญ่ก้าวอย่างมั่นคงตรงไปที่รถคันหรู ค่อยๆบรรจงวางร่างบางในอ้อมแขนลง
ไร้เสียงใดๆออกมาตลอดทางที่รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล ชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเขาและยังนำเขาพามาที่รักษา คนเดียวกับที่อุ้มเขาไปมา คนๆเดียวกันอีกที่ทำให้ อาจารย์หนุ่ม ธวัช แห่งภาควิชาเคมี กระวนกระวาย สับสนไปหมด ตื่นเต้นเพราะไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาอะไร หรือเพราะ ชายหนุ่มที่สง่างามคนนี้นั่งใกล้จนใจเต้นแรงกันแน่
“อ่อ.. คุณครับ ผมชื่อ ธวัช ครับ ผมเป็นอาจา.. โครกกกกกกก”
เสียงประท้วงดังจากกระเพาะจอมเผด็จการ ส่งผลให้อาจารย์หนุ่มได้แต่หยุดแล้วก้มหน้านิ่ง เสียงหัวเราะเบาๆจากทางด้านคนขับทำให้ อาจารย์ธวัชหันมาส่งยิ้มแล้วหัวเราะไปด้วย ลืมความตื่นเต้นก่อนหน้าไปหมด สายตาหันไปปะทะกับชายหนุ่มข้างกายที่มองตรงมาหาอย่างมั่นคง ยิ้มที่มุมปากของร่างสูงถึงกับดึงความสดใสเดิมของร่างบางมาใหม่
“ขอโทษด้วยนะครับที่เสียมารยาท ผมอยากจะกล่าวคำว่าขอบพระคุณครับที่ช่วยผม ขอบคุณมากนะครับ ค่ารักษาเดี๋ยวผมจะใช้ให้ ผมชื่อ ธวัช เป็นอาจารย์มหาลัยวิทยาลัยครับ ”
“ตุลย์”
###############################
จบซะที( ==;;;) นานเน้อ??
คิดถึงอาจารย์ ชนากร จัง (ลืมกันยังหว่า??? ดองนานจัด)
อุบะ!! อาจารย์ธวัชเจอะกะคุณตุลย์แว้ว จะเกิดไรขึ้น! อาจารย์ต้นหละ ไหนอาจารย์น้องใหม่ อย่าง อาจารย์แพท จะมีบทบาทขนาดไหน ? แล้ว อาจารย์ชนากรของเราจะลุยต่อขนาดไหน
ฝากติดตามด้วยนะค่ะ (พยายามไม่ดองจ้า)
ความคิดเห็น