ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ร้ายมา...รักตอบ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 ดาราเด็ก

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 54


    บทที่ 4 ดาราเด็ก
    “ตายแล้วน้องพีท...หน้าไปโดนอะไรมาคะเนี่ย” เสียงถามอย่างตกใจของพี่กุ๊กกิ๊กช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองในกองถ่ายทำภาพยนต์โฆษณาดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าตาบวมช้ำของพระเอก นีน่านางเอกสาวที่นั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นรอเวลาเข้าฉากเงยหน้ามามองพีรพัฒน์อย่างข่มขู่ทันทีด้วยกลัวว่าเขาจะเล่าเหตุการณ์เมื่อวานออกไป แต่คนอย่างพีรพัฒน์ก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง เขารู้ดีว่าอะไรควรพูดอะไรไม่ควรพูด (เหรอ?)
    “ไม่มีอะไรหรอกครับ เมื่อวานไปฟัดกับหมามานิดหน่อย” คำตอบนี้ทำให้นีน่าต้องจ้องหน้าเขาตาเขียวทันที
    “แล้วไปฟัดกับมันทำไมละคะน้องพีท”
    “ก็ผมเห็นหมาตัวนึงมันกำลังโดนหมาตัวโตกว่ากัด ผมอุตส่าห์เข้าไปช่วยมันออกมา เลยโดนไอ้ตัวโตมันฟัดเอาเนี่ย” พูดไปก็จ้องหน้านีน่าไปด้วย
    “โถถถถถถ น่าสงสารจังเลยน้องพีทของเจ้” พี่กุ๊กกิ๊กทำท่าจะเข้าไปกอดปลอบประโลมชายหนุ่ม
    “เฮ้ยยย” พีรพัฒน์กระเด้งตัวหนีแทบไม่ทันเรียกเสียงหัวเราะของทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
    “ไปสงสารทำไมคะเจ้ อยู่ดีๆ อยากจุ้นจ้านไม่เข้าเรื่อง” นีน่าเอ่ยขึ้นบ้างอย่างทนไม่ไหวหลังจากปล่อยให้เขากระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่าเธอเป็นหมาอยู่นานสองนานแล้ว
    “ใช่ผมมันจุ้นจ้านเอง แต่ถ้าผมรู้นะว่า ถ้าช่วยแล้วหมาตัวนั้นมันจะไม่สำนึกบุญคุณผมน่ะ ผมไม่ช่วยหรอก ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” พีรพัฒน์ไม่ยอมแพ้มองตอบโต้นีน่าตาเขม็ง
    “เชอะ เป็นคนซะเปล่า สู้กับหมายังแพ้เลย อ่อนชะมัด” นีน่าเย้ยหยัน
    “ก็ผมเป็นครีเอทีฟนะคร้าบคู๊ณ ไม่ใช่นักมวยปล้ำจะได้แข็งแรงยังงั้น”
    และก่อนที่สงครามน้ำลายจะระเบิดไปมากกว่านี้
    “เฮ้ย แล้วพระเอกหน้าเละยังงี้จะถ่ายได้ไงวะเนี่ย” เสียงพี่โป้งผู้กำกับตะโกนแทรกขึ้นมาเล่นเอาชายหนุ่มหน้าสลดลงทันที
    “โธ่...พี่โป้งคะ เดี๋ยวหนูจัดการให้เองค่ะ แผลแค่นี้เองไม่คณามือหนูหรอก แล้ววันนี้ก็เป็นฉากที่พระเอกกลับมาจากสนามรบแล้วด้วย หน้าตาปูดๆ บวมๆ นิดหน่อยก็ดูสมจริงดีนะค้า” พี่กุ๊กกิ๊กช่วยแก้ตัวแทนพระเอกสุดหล่อ (ในใจเจ้^^)
    “พี่โป้งครับ มีเรื่องแล้วครับ” ผู้ช่วยผู้กำกับเดินมากระซิบกระซาบ
    “เออ เอาเข้าไป...วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย ไอ้พระเอกก็หน้าเละ ลูกพระเอกก็ท้องเสีย แล้วมันจะได้ถ่ายมั้ยวะเนี่ยวันนี้”พี่โป้งเริ่มของขึ้นหลังจากพบอุปสรรคการถ่ายทำแต่เช้า ทั้งเรื่องของพีรพัฒน์แล้วยังจะเรื่องของน้องจีน ดาราเด็กที่ถูกจัดวางตัวให้แสดงเป็นลูกน้อยของพระเอกนางเอกโฆษณาชุดนี้เกิดอาหารเป็นพิษ ท้องเสียจนต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหันเมื่อคืน
    “แล้วถามโมเดลลิ่งรึยังว่าส่งใครมาแทนได้บ้าง”
    “ถามแล้วครับพี่ แต่เค้าบอกว่าช่วงนี้เด็กๆ คิวเต็มกันหมดเลย”
    “พี่โป้งครับ ผมว่าผมพอจะช่วยได้นะครับ” พีรพัฒน์คิดทำดีไถ่โทษความผิดทันที
    ...
    “มีน มาแล้วเหรอ” มีนาพาลูกน้อยวัยสองขวบกว่าของเธอมาถึงกองถ่าย
    น้องโมนา ลูกสาวของเธอมีชื่อจริงว่าเด็กหญิงมนกร อ่านว่า มน-นะ-กอน ซึ่งคนตั้งให้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือ คุณเพียงเพ็ญ อดีตอักษรศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แม่ของทินกรนั่นเอง ท่านตั้งใจใช้ตัวอักษรผสมกันระหว่างชื่อพ่อและแม่ คือ ทินกร และ มีนา แต่เด็กน้อยเกิดวันจันทร์จึงต้องตัดสระและวรรณยุกต์ออกให้หมดตามความเชื่อ
    เมื่อเหลือตัวอักษรเพียงแค่นี้ ชื่อนี้จึงเป็นการสมาสของคำสองคำ คือคำว่า มน ที่แปลว่า ใจ และคำว่า กร ที่แปลว่า มือ จึงมีความหมายแฝงว่าเด็กน้อยผู้นี้จะถูกอุ้มชูด้วยความรักจากพ่อและแม่นั่นเอง ถึงแม้ความหมายของชื่อนี้จะดีมาก แต่มีนาเองก็ยังรู้สึกเป็นกังวลว่าชื่อนี้มันออกจะเหมือนเด็กผู้ชายไปซักหน่อย หากลูกเธอโตขึ้นมาอาจจะรู้สึกไม่ชอบ ดังนั้น เธอจึงขอตั้งชื่อเล่นให้ลูกที่คล้องจองกับชื่อจริงแต่ฟังแล้วเป็นเด็กผู้หญิงมากกว่าคือ โมนา
    “ว้ายยย พีทหน้าไปโดนอะไรมา” คุณแม่ยังสาวอุทานอย่างตกใจทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรัก พีรพัฒน์ส่ายหัวระอากับคำทักทายซ้ำซากที่เขาได้รับมาตลอดทั้งช่วงเช้าวันนี้
    “ช่างเหอะมีน ขี้เกียจเล่า” พีรพัฒน์บอกปัดไป
    “ขอบคุณนะที่ช่วยพาน้องโมนามาเล่นให้น่ะ”
    “ไม่เป็นไรหรอก น้องโมนาไหว้อาพีทหรือยังคะ ดูสิหลานจำหน้าไม่ได้เลย” มีนากล่าวติดตลกเมื่อวันนี้น้องโมนาไม่เล่นทักทายกับพีรพัฒน์เหมือนเคย คงจะกลัวใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลของเขา
    “ว่าแต่น้องโมนาจะเล่นได้เหรอพีท แกไม่เคยเล่นมาก่อนเลยนะ”
    “ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ให้นางเอกจูงบ้างอุ้มบ้างเข้าฉากแค่นั้นเอง ไม่มีบทพูดอะไรเลย” พีรพัฒน์ปลอบใจเพื่อนขณะที่พาสองแม่ลูกเดินไปยังสถานที่แต่งหน้าเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนูน้อย
    ...
    ก๊อก ก๊อก
    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้ทินกรตะโกนตอบกลับไปโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
    “เชิญครับ”
    ‘เอ๊ะ หายไปไหนว้า เมื่อวานไม่ได้ลืมไว้ตรงนี้เหรอ’ ทินกรนึกในใจ ขณะรื้อค้นโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารทับถมกองโต ภายในบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายที่เขาทำงานอยู่ เพื่อหาโทรศัพท์มือถือของเขานั่นเอง
    “คุณทินหาอันนี้อยู่รึป่าวคะ” เสียงหวานใสที่ไม่ใช่เสียงของแม่บ้านซึ่งชงกาแฟมาให้ทินกรทุกเช้า ทำให้ทินกรต้องเงยหน้าขึ้นมามองอย่างประหลาดใจ
    “อ้าว คุณเจ” ทินกรทักทายสาวสวยนามว่าศิวพรหรือ เจ เลขาของคุณวิชาญลูกค้าที่เพิ่งมาประชุมกับเขาเมื่อวานนี้นั่นเอง และต้องงุนงงเมื่อเห็นสิ่งของในมือของเธอ
    “แล้วมือถือผมไปอยู่กับคุณเจได้ยังไงครับ”
    “ขอโทษนะคะ เมื่อวานเจลงไปถึงลานจอดรถแล้วเจหามือถือไม่เจอ เจก็นึกว่าลืมไว้ที่ห้องนี้พอขึ้นมาเอา ก็เจอมือถือของคุณทินวางอยู่บนโต๊ะ แล้วมันเหมือนกับของเจเป๊ะเลย เจก็เลยหยิบไป พอไปถึงบ้านเจถึงจะเห็นว่ามือถือเจมันก็อยู่ในกระเป๋าอยู่แล้วแต่เจหาไม่เจอเอง เลยคิดว่าอันนี้ต้องเป็นของคุณทินแน่เลย เลยเอามาคืนน่ะค่ะ” เลขาคนสวยอธิบายยืดยาวก่อนส่งมือถือเจ้าปัญหาคืนทินกรไป
    “ขอบคุณนะครับ”
    ว่าแล้วเจ้ามือถือของทินกรก็ดังขึ้นมาทันที ชายหนุ่มก้มหน้าดูเบอร์ที่โทรเข้ามาแต่ยังไม่ยอมกดรับสายทำให้เลขาสาวสวยผู้รู้มารยาทต้องเอ่ยคำลา
    “งั้นเจกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ศิวพรยกมือไหว้ทินกรแล้วเดินจากไป แต่เธอก็พอจะทันได้ยินเสียงนุ่มทุ้มของเขารับสายโทรศัพท์
    “ครับมีน”
    ...
    “สวัสดีพี่นีน่าสิลูก” มีนาหันมาสอนลูกตัวน้อยอย่างเกร็งๆ ทันทีที่พีรพัฒน์พาเธอและลูกมาถึงบริเวณที่แต่งหน้าแต่งตัวแล้วพบกับนีน่าซึ่งนั่งรอแต่งหน้าสำหรับเข้าฉากต่อไปอยู่
    “สวัสดีค่ะ” น้องโมนายกมือไหว้อย่างสวยงามน่ารักตามที่คุณแม่สอน
    “น่ารักจัง ชื่ออะไรเหรอคะ” นีน่าหันมาเล่นกับเด็กน้อยทันที
    “ชื่อน้องโมนาค่ะ” เด็กน้อยตอบ
    “ชื่อก็น่ารัก ชื่อเราคล้องจองกันเลยเนอะ พี่ชื่อนีน่าค่ะ”
    “โมนา นีน่า โมนา นีน่า...” สองสาวต่างวัยท่องชื่อของตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างสนุกสนาน
    ภาพที่เห็นทำให้มีนาซึ่งเคยได้ยินแต่ข่าวความร้ายกาจของนักแสดงดังผู้นี้คลายความกังวลลง
    ‘ก็น่ารักดีนี่นา ไม่เห็นจะขี้วีนอย่างที่ข่าวว่าเลย’ มีนาโล่งอกที่นักแสดงสาวเอ็นดูและเข้ากับลูกของเธอได้ดี อย่างน้อยก็คงช่วยให้น้องโมนาไม่หวาดกลัวเวลาที่ต้องเข้าฉากด้วย
    ...
    การถ่ายทำสิ้นสุดลงในช่วงเย็น ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น น้องโมนาก็น่ารักแสดงได้เทคเดียวผ่านโดยไม่งอแงทั้งๆ ที่ปกติเด็กน้อยจะค่อนข้างกลัวคนแปลกหน้า แต่เพราะว่าเริ่มคุ้นเคยกับนีน่าแล้วนั่นเองทำให้หนูน้อยเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
    “เอ่อ คุณนีน่าคะ พี่ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ยคะ อยากจะเอาไปอวดเพื่อนใน facebook น่ะค่ะ” มีนาเอ่ยขออย่างเกรงใจ
    “ได้สิคะ”
    “พีทถ่ายรูปให้หน่อยสิ” มีนาส่งไอโฟนรุ่นล่าสุดให้พีรพัฒน์ถ่ายรูปให้เธอกับลูกน้อยและนางเอกสาวคนดัง
    “ไหนๆ เราขอดูหน่อย” มีนาขอเช็ครูปก่อนจะบ่นทันทีว่า
    “คุณนีน่ากับน้องโมนาน่ารักจังเลย มีเราไม่สวยอยู่คนเดียว”
    “ฮ่าๆ ส่องกระจกอยู่ทุกวันยังไม่ชินอีกเหรอมีน นี่ดีนะที่น้องโมนาหน้าเหมือนพี่เล็ก ถ้าหน้าเหมือนมีนล่ะก็ สงสารหลานแย่เลย” พีรพัฒน์ล้อเลียน
    “พีท” มีนาค้อนเขาตาเขียว
    “มีนครับ กลับบ้านกันเถอะ” ทินกรมาถึงพอดี เขามารับภรรยาสาวที่ไม่ค่อยสวยในสายตาคนอื่น แต่สวยในสายตาของเขาเสมอกลับบ้าน หลังจากที่เมื่อเช้ามีนาโทรไปรายงานว่าเธอพาน้องโมนามาถ่ายทำโฆษณาที่นี่และขอให้เขามารับในตอนเย็น
    “เป็นไงครับ ลูกพ่อ ดื้อรึป่าวเอ่ย” ว่าแล้วก็หันมาอุ้มลูกน้อยหอมแก้มซ้ายทีขวาทีไม่หยุดจนเด็กน้อยหัวเราะเพราะจั๊กจี๊
    “พี่เล็กสวัสดีครับ” พีรพัฒน์เอ่ยคำทักทายให้ชายหนุ่มที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทของพี่สาวและสามีของเพื่อนรักในเวลาเดียวกัน
    ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มรับคำทักทายแต่ไม่สามารถยกมือรับไหว้ได้ เพราะอุ้มแม่หนูน้อยอยู่จนมือไม่ว่าง
    “ปากแตกยังงี้ ไปต่อยแย่งผู้หญิงกับใครมาล่ะสิ” ทินกรเอ่ยอย่างรู้ทันผู้ชายด้วยกันก่อนจะหัวเราะร่าอุ้มน้องโมนาเดินไปขึ้นรถ
    “พี่เล็ก! ไม่ใช่ยังงั้นนะครับ” พีรพัฒน์ร้อนตัวทันที ทำให้มีนาจ้องพีรพัฒน์ตาโตก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
    “เพิ่งรู้ว่าพีทก็มีโหมดนี้กับเค้าด้วย” มีนาแซวก่อนจะหันไปเอ่ยคำลาให้นางเอกสาว
    “ไปก่อนนะคะคุณนีน่า”
    “ค่ะ”
    “ไปก่อนนะพีท”
    “อือ บ้ายบาย” พีรพัฒน์โบกมือลาแล้วมองตามหลังมีนาซึ่งเดินตามไปจนทันทินกรกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ
    ...
    “ที่แท้ก็พวกอยากปีนต้นงิ้ว” เสียงจิกกัดของนีน่าดังขึ้นด้านหลัง
    เธออดไม่ได้จริงๆ เมื่อเห็นพีรพัฒน์เอาแต่เหม่อมองตามหลังครอบครัวแสนสุขนั้นไปด้วยสายตาหมองเศร้าจนพวกเขาขับรถออกไปจนลับสายตานานแล้ว
    “คุณพูดถึงใคร” ชายหนุ่มสวนกลับหน้าตาบึ้งตึง
    “ก็พูดถึงคุณไง” นีน่าลอยหน้าลอยตาตอบอย่างน่าหมั่นไส้
    “ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”
    “คุณมีนเค้ามีทั้งสามีทั้งลูกที่น่ารักแบบนั้น เค้าไม่หันมามองคุณหรอก” นีน่าพูดต่อเหมือนไม่ได้สนใจฟังคำตอบของพีรพัฒน์เลยซักนิด
    “อย่ามาพูดแบบนี้อีก ถ้าใครมาได้ยินเข้าเพื่อนผมเค้าจะเสียหายได้” พีรพัฒน์หน้าเครียดหันหลังเดินจากไปแต่ก็ทันได้ยินเสียงนีน่าตะโกนไล่หลังมา
    “นี่คุณชั้นเตือนด้วยความหวังดีหรอกนะ”
    _______________________________________
    ใครคิดถึงเกศกาญจน์ ตอนหน้าได้พบกับเธอแน่นอนค่ะ J
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×