คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 รักหลอกๆ
มาอัพต่อแล้วนะคะ ขอโทษทีนะคะที่หายไปหลายวัน งานยุ่งมากจริงๆ ค่ะช่วงนี้ ยังไงก็อย่าเพิ่งเบื่อผู้เขียนไปซะก่อนนะคะ
Merry Christmas ย้อนหลังค่า ขอให้มีความสุขสมหวังกันทุกคนนะคะ^^
@พิมพ์ใจ
บทที่ 8 รักหลอกๆ
“ฮา...โหล” พีรพัฒน์รับสายโทรศัพท์อย่างงัวเงียและหงุดหงิดใครซักคนที่โทรมาปลุกเขาในเช้าวันอาทิตย์แบบนี้
‘ใครวะ โทรมาปลุกแต่เช้า’
“คุณพีท นี่ชั้นเองนะ”
“ชั้นน่ะใคร” พีรพัฒน์เล่นลิ้นทั้งๆ ที่รู้ว่าใครโทรมาหาเขา
“ชั้นก็นีน่าน่ะสิ นี่คุณจำเสียงชั้นไม่ได้รึไง” นีน่าแหว
“แล้วคุณคิดว่าคุณเป็นใครผมถึงต้องจำเสียงคุณได้”
“ชั้นก็เป็นนางเอกชื่อดังดาราดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการ แสนสวย ฝีมือดี...” นีน่าร่ายยาวไปเรื่อยจนชายหนุ่มเริ่มหมั่นไส้
“พอๆๆ คุณนี่ก็ขี้โม้เหมือนกันนะ ตกลงคุณมีอะไรโทรมาปลุกผมแต่เช้าเนี่ย วันนี้วันอาทิตย์นะ แทนที่ผมจะได้นอนตื่นสายๆ”
“วันนี้เราต้องไปเดตกัน”
“อะไรนะ”
“ชั้นบอกว่าวันนี้เราต้องไปเดตกัน หูหนวกรึไง คุณมารับชั้นที่บ้านตอนสิบโมงนะ แค่นี้ล่ะ” นีน่าเตรียมวางหู
“เฮ้ยๆๆ เดี๋ยวก่อนคุณ แล้วทำไมผมต้องไปเดตกับคุณด้วย”
“เอ้า ก็คนรักกันมันก็ต้องไปเดตกันน่ะสิ คุณไม่รู้รึไง”
“นี่ๆ คุณเข้าใจอะไรผิดรึป่าว ระหว่างเราสองคนน่ะมันแค่รักโปรโมตนะ ไม่ใช่คู่รักจริงๆ ซะหน่อย เอ๊ะ หรือว่าคุณคิดอะไรกับผมจริงๆ”
“พอเลยๆ ไม่ต้องหลงตัวเอง ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับคุณทั้งนั้นแหละ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะว่าพี่แต๋มเค้าต้องการให้มีใครเห็นเราไปไหนมาไหนด้วยกันบ้าง นักข่าวเค้าจะได้เชื่อว่าเราเป็นคู่รักกันจริงๆ” นีน่าให้เหตุผล
“นี่เราต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่สิ ถ้าทุกคนรู้ว่าเราไม่ได้รักกันจริงๆ ก็เท่ากับเราโกหกพวกเค้าน่ะสิ คราวนี้นักข่าวก็จะตามขุดคุ้ยความจริงไม่จบไม่สิ้น เอาเป็นว่าชั้นจะรอคุณมารับที่บ้าน อย่าเลทล่ะ อ่อ แล้วช่วยแต่งตัวให้มันดูดีด้วยนะ ชั้นไม่อยากขายหน้าคนอื่น แค่นี้ล่ะ” นีน่าสั่งเสร็จก็วางสายไป
“อะไรของเค้าวะเนี่ย” พีรพัฒน์มึนงงแต่ก็ยอมลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปรับนีน่าแต่โดยดี
...
“สวัสดีครับคุณน้า” พีรพัฒน์ทำความเคารพแม่ของนีน่าอย่างนอบน้อมเมื่อขับรถมาถึงบ้านหญิงสาว
“อ้าวพีทเองเหรอลูก มารับยัยนีไปเที่ยวเหรอจ๊ะ”
“เอ่อ ก็ทำนองนั้นแหละครับ”
“ยัยนียังแต่งตัวไม่เสร็จเลย เข้ามารอข้างในก่อนสิ”
‘อะไรกัน แล้วโทรไปปลุกเราให้รีบมาทำไมเนี่ย’ พีรพัฒน์นึกบ่นในใจ
เสียงพูดคุยกันของคนด้านนอกทำให้นางเอกสาวที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จตะโกนถามเสียงดังออกมาก่อนตัว
“ใครมาคะแม่”
ภาพของนางเอกสาวคนสวยในชุดลำลองแบบสบายๆ สร้างความประหลาดใจให้กับพีรพัฒน์ ภาพนีน่าที่เขาเห็นไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เธอจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมและแต่งหน้าจัด วันนี้เธอใส่กางเกงยีนส์สั้นอวดเรียวขายาวและเสื้อยืดสีขาวแต่เธอก็สร้างสีสันให้มันด้วยผ้าพันคอลายกราฟิก ผมยาวถูกรวบขึ้นสูงและมัดเป็นมวยแบบง่ายๆ และเพิ่มความเก๋ด้วยแว่นกันแดดเรย์แบนอันโต ใบหน้าของเธอถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยส่งผลให้เห็นความสวยแบบเป็นธรรมชาติของเธอ แต่อย่างไรนีน่าก็ยังคงเป็นนีน่าที่จะต้องมีเครื่องประดับสีแสบสันให้เห็นอย่างน้อยก็ชิ้นหรือสองชิ้น เธอจึงเลือกใช้กระเป๋าถือใบใหญ่สีน้ำเงินเข้มสีเข้าชุดกับรองเท้าคัตชูส้นแหลมสีเดียวกัน
“อ้าวแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอลูก คุณพีทมาพอดีเลย”
“คุณนั่นเอง งั้นเราไปกันเลยละกัน” นีน่าออกคำสั่งกับชายหนุ่ม
“นีไปก่อนนะคะแม่” นีน่าหันมาหอมแก้มมารดาเพื่ออำลาอย่างน่ารัก
“จ๊ะ เที่ยวให้สนุกนะลูก”
...
“คุณจะไปไหนล่ะ” พีรพัฒน์เอ่ยถามขึ้นเมื่อขับรถออกมาได้ซักระยะ
“แล้วแต่คุณสิ”
“เอ้า ได้ไง ก็คุณเป็นคนชวนผมออกมา คุณก็คิดสิ”
“อะไรกัน แล้วคุณคิดว่าคนเป็นแฟนกันเค้าไปไหนกันบ้างล่ะ คุณไม่เคยมีแฟนรึไง”
“เคยสิ หล่อๆ อย่างผมจะไม่เคยมีแฟนได้ไง”
“แต่ก็โดนทิ้ง เชอะ” นีน่าต่อให้อย่างถูกต้อง
“นี่คุณ” พีรพัฒน์เริ่มโมโห “งั้นก็ไปเดินห้างละกัน ขี้เกียจคิด กะอีแค่ออกเดตแบบหลอกๆ จะไปคิดมากทำไม”
...
ภาพหญิงสาวที่เกาะแขนควงคู่กับชายหนุ่มอย่างสนิทสนมกลางห้างสรรพสินค้าดึงดูดสายตาของปาปารัซซี่มือดีให้แอบถ่ายภาพจากระยะไกล แต่หากใครได้เข้าไปอยู่ในระยะใกล้กว่านั้นคงจะรู้ความจริงว่า...
“นี่คุณทำไมต้องเดินชิดผมขนาดนี้เนี่ย แล้วมาควงแขนผมทำไม” พีรพัฒน์กระซิบถามทำให้ปาปารัซซี่ยิ่งกดชัตเตอร์มากขึ้นเพราะจากหากใช้มุมกล้องที่เหมาะสมภาพนั้นจะดูเหมือนพีรพัฒน์กำลังหอมแก้มนีน่าเลยทีเดียว
“เมื่อกี้ชั้นเห็นปาปารัซซี่กำลังแอบถ่ายรูปเราอยู่ เราต้องทำตัวให้ดูหวานๆ เข้าไว้จะได้ดูเหมือนคู่รักกันจริงๆ”
“จริงเหรอ ไหนอ่ะ”
“อื้ม ที่ 10 นาฬิกาน่ะ แต่คุณอย่าหันไปมองนะ เดี๋ยวเค้ารู้ว่าเรารู้ตัวแล้ว” นีน่าบอกตำแหน่งตามหลักการของทหาร
“ผมว่าเรากลับกันเถอะ ผมชักจะอึดอัดแล้วน่ะ” ชายหนุ่มชวนทันที
ครื่ดดดด...
“เสียงอะไรน่ะ” พีรพัฒน์ถามขึ้นขณะได้ยินเสียงประหลาดดังแทรกขึ้นมา
“เสียงอะไร ไม่เห็นได้ยิน”
“แต่ผมได้ยินจริงๆ นะ” ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาต้นตอ ว่าแล้วชายหนุ่มก็เข้าใจที่มาของเสียงทันทีเมื่อหันมาเห็นว่าหญิงสาวกำลังหน้าแดง
“คุณท้องร้องเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆ”
“ตลกมากใช่มั้ย ก็ชั้นหิวนี่ คุณน่ะเป็นผู้ชายยังไงกัน พาผู้หญิงมาเดตทั้งที มาถึงห้างก็เดินจ้ำๆๆ ยังกับจะรีบไปตามควายที่ไหน ข้าวซักมื้อก็ไม่พาไปเลี้ยง” นีน่าบ่นเมื่อนึกถึงว่าตั้งแต่เขาพาเธอมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ เขาก็เอาแต่เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่คอยเธอเลย เขาพยายามเดินห่างเธอมากซะจนเหมือนต่างคนต่างมา ยังดีหน่อยที่เวลาที่หญิงสาวหยุดที่ร้านไหนเขาก็ยังยืนรออยู่หน้าร้าน และจนตอนนี้เกือบบ่ายสี่โมงแล้วนีน่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
“อ้าวก็ผมจะไปรู้ได้ไงว่าคุณหิวข้าว ผมเห็นคุณเองก็มัวแต่ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าอะไรพวกนี้เนี่ยะ ผมก็นึกว่าคุณจะกินมันแทนข้าวได้ซะอีก” พีรพัฒน์ตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้พลางยกแขนชูถุงช็อปปิ้งที่หญิงสาวซื้อแล้วมาบังคับให้เขาถือให้จนเต็มไม้เต็มมือ
“เอาเถอะ เดี๋ยวผมพาคุณไปเลี้ยงข้าวเอง” ชายหนุ่มใจอ่อน
“ไม่ต้องหรอก นี่ก็จะได้เวลาอาหารเย็นแล้ว เดี๋ยวชั้นกลับไปกินข้าวเย็นกับแม่ชั้นเลยดีกว่า”
“คุณแน่ใจเหรอ ว่าคุณจะหิ้วท้องรอจนถึงบ้านได้น่ะ เอางี้ดีมั้ย เดี๋ยวผมพาคุณไปกินอะไรเบาๆ แบบพวกกาแฟกับเบเกอรี่รองท้องไปก่อนแล้วคุณค่อยกลับไปกินข้าวเย็นกับแม่คุณ” พีรพัฒน์เสนออย่างเป็นห่วง
...
“กลับมากันแล้วเหรอลูก ทำไมกลับเร็วจังล่ะ” คุณลดาแม่ของนางเอกสาวออกมาต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณน้า”
“จ๊ะ” คุณลดารับไหว้
“อยากรีบกลับมาทานข้าวเย็นกับแม่กับน้องน่ะค่ะ” นีน่าตอบคำถามที่ค้างคำตอบให้คุณแม่ไว้
“เอ๊ะ ยัยนาถยังไม่กลับมาอีกเหรอคะแม่” นีน่าถามถึงน้องสาวซึ่งขอไปเที่ยวหัวหินกับเพื่อนตั้งแต่เช้าวันเสาร์แล้วบอกจะกลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นวันอาทิตย์
“ยัยนาถแกบอกว่าเพิ่งจะออกจากหัวหิน คงจะถึงบ้านดึกๆ หน่อย”
“เหรอคะ”
“คุณน้าครับ ผมลากลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มอาศัยช่วงเวลาที่สองแม่ลูกหยุดคุยกันเอ่ยคำลา
“อ้าวทำไมรีบกลับล่ะพีท อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนสิ” คุณลดาเอ่ยชวน
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับคุณน้า ผมเกรงใจ”
“เกรงใจอะไรกันจ๊ะ ทานข้าวด้วยกันเนี่ยแหละ ทานกันแค่สองคนแม่ลูกมันเหงาน่ะ พีททานด้วยกันนะลูก”
“เค้าไม่อยากทานก็ไม่ต้องรั้งเค้าไว้หรอกค่ะแม่ ดีซะอีกไม่ต้องเปลือง” นีน่าเสียงเขียวด้วยความหมั่นไส้ชายหนุ่มทำให้เขาเริ่มไม่พอใจคนอย่างเขามันเป็นพวกยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเสียด้วย
“งั้นผมรบกวนหน่อยนะครับคุณน้า เข้าบ้านเถอะครับเดี๋ยวผมเข็นรถให้” ชายหนุ่มตอบรับแล้วหันไปยักคิ้วใส่นางเอกสาวอย่างกวนๆ ทันที
...
“แล้วเย็นนี้ป้านิ่มทำกับข้าวอะไรมาให้เหรอคะ” นีน่าถามขึ้นเมื่อทั้งสามคนเข้ามาถึงในบ้าน
ป้านิ่มคือป้าที่อยู่ข้างบ้านพวกเธอ นีน่าผูกปิ่นโตไว้กับนางเนื่องจากแม่ของเธอเป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ได้จึงทำอาหารเองไม่ค่อยสะดวก น้องสาวเธอก็ทำอาหารไม่เป็น ส่วนเธอเองถึงแม้จะทำอาหารเป็นแต่ก็ด้วยการทำงานในวงการทำให้เลิกงานไม่เป็นเวลาจึงไม่สามารถทำอาหารให้คนในบ้านทานได้
“แม่ยังไม่ได้เปิดดูเลย ปิ่นโตอยู่ในครัวน่ะลูก”
“งั้นเดี๋ยวนีไปอุ่นให้นะคะ” ว่าแล้วนางเอกสาวก็เดินเข้าครัวไป
...
“แม่ดีใจนะที่ยัยนีได้คบกับพีทน่ะ ถึงแม่เพิ่งจะเคยเจอพีทไม่นาน แต่แม่ก็รู้ว่าพีทเป็นคนดี แม่ฝากน้องด้วยนะ” คุณลดาหันมาฝากฝังลูกสาวคนโตไว้กับชายหนุ่มเมื่ออยู่กันตามลำพัง
“ไม่ใช่นะครับคุณน้า นี่นีน่าไม่ได้บอกคุณน้าเหรอครับว่าเราสองคนแค่คบกันหลอกๆ น่ะครับ” ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวความจำเป็นทั้งหมดที่ทำให้เขาและนีน่าต้องแสดงตัวเป็นคนรักกันให้แม่ของนีน่าฟัง...
“จริงเหรอ” เสียงคุณแม่ของนางเอกสาวถามอย่างเสียใจจนชายหนุ่มสงสัย
“คุณน้าเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่าหรอก แม่แค่สงสารยัยนีน่ะ ตั้งแต่แกเข้าวงการแกก็มีแต่ข่าวเสียๆ หายๆ แต่แกก็ต้องทนทุกอย่างเพื่อให้สามารถยังอยู่ในวงการนี้ต่อไปได้ ดูอย่างคราวนี้สิแกคงกลัวว่าจะเสียงานไปจนถึงกับต้องมาคบกับพีทหลอกๆ แบบนี้”
“แต่ยังไงแม่ก็ต้องฝากพีทดูแลน้องด้วยนะ ยัยนีน่ะบางทีแกก็อาจจะดูเอาแต่ใจไปบ้าง เป็นเพราะแม่เองแหละที่เลี้ยงเค้ามาไม่ดี ตามใจเค้ามากเกินไป แต่ก่อนบ้านเราก็พอจะมีฐานะอยู่บ้าง ยัยนีกับยัยนาถน่ะถูกเลี้ยงมาแบบลูกคุณหนูเลยก็ว่าได้ เพราะพ่อยัยนีน่ะเก่งเป็นถึงผู้จัดการบริษัทใหญ่โต เงินเดือนเป็นแสนๆ แต่ว่าเค้าโชคร้ายถูกเพื่อนสนิทหลอกให้ไปเซ็นค้ำประกันหนี้สินให้ตั้งหลายล้าน แล้วเพื่อนคนนั้นก็หนีไป ทำให้พ่อยัยนีต้องรับภาระหนี้สินทั้งหมด หลังจากนั้นพ่อก็เลยตัดสินใจขายบ้านหลังเก่าเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ แล้วเราก็มาอยู่บ้านหลังเล็กๆ กันนี่แหละ แต่ว่าหนี้สินมันก็ยังมีเหลืออีกส่วนหนึ่ง ตอนนั้นยัยนีเองก็ยังเรียนไม่จบเพิ่งจะขึ้นปีสามเอง แกก็อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระที่บ้าน แกพยายามทำงานพิเศษหาเงินทุกอย่างส่งเสียตัวเองกับน้องเรียนแทน”
“...” พีรพัฒน์ยังคงเงียบเพื่อฟังคุณลดาเล่าเรื่องอดีตต่อไป
“จนเมื่อประมาณสองปีก่อนน่ะยัยนีแกหายตัวไป พ่อกับแม่เป็นห่วงที่ดึกมากแล้วแต่ยัยนียังไม่กลับบ้าน แล้ววันนั้นฝนก็ตกหนัก แม่เลยชวนพ่อขับรถออกไปตามหายัยนีจนเกิดอุบัติเหตุ พ่อของยัยนีไปเสียที่โรงพยาบาลส่วนแม่ก็กลายเป็นคนเดินไม่ได้ ช่วงนั้นก็พอดีกับที่ยัยนีแกได้เข้าวงการก็เลยมีรายได้มากขึ้นจนตอนนี้ยัยนีก็ใช้หนี้สินของพ่อส่วนที่เหลือไปได้หมดแล้ว แต่ก็ยังต้องใช้เงินอีกมากเพื่อรักษาแม่ ไหนจะส่งยัยนาถเรียนมหาวิทยาลัยอีก แล้วยัยนีแกก็มีความฝันว่าอยากจะให้แม่กับน้องได้กลับไปอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ใช้ชีวิตสบายๆ แบบเดิม”
“เอ่อ...แล้ววันนั้นวันที่คุณพ่อกับคุณแม่เกิดอุบัติเหตุ นีน่าเค้าหายไปไหนเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มสงสัย
“วันนั้นน่ะยัยนีแก...”
ความคิดเห็น