ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 จำไม่ได้หรือไม่ได้จำ
บทที่ 6 จำไม่ได้หรือไม่ได้จำ
“คุณเองเหรอ เชิญนั่งก่อนสิ” รัฐเศรษฐ์เชื้อเชิญให้เกศกาญจน์นั่งลงทันที
“เดี๋ยวตอน 10 โมงตรง เราจะมีการประชุมทีมร่วมกันครั้งแรก คุณเพิ่งมาถึงเดี๋ยวผมให้ใครพาคุณไปดูโต๊ะทำงานก่อนละกัน”
“ค่ะ”
“คุณดาวครับ เชิญที่ห้องผมหน่อยครับ” ชายหนุ่มกดโทรศัพท์ภายในเรียกเลขาเข้ามาในห้องก่อนจะหันมาชวนหญิงสาวคุย
“ผมอ่านประวัติคุณแล้วนะ คุณเป็นรุ่นน้องของผมด้วยนี่”
“ค่ะ”
“แต่ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลยนะ แต่ก็อย่างว่าแหละคณะเราคนเยอะจะตาย แถมคุณกับผมเรียนห่างกันตั้งหลายปี ไม่แปลกหรอก” ชายหนุ่มพูดต่อไปเรื่อย
‘นี่เค้าจำเราไม่ได้เลยเหรอ’ เกศกาญจน์คิดในใจ
“คุณดาวมาพอดีเลย ช่วยพาคุณเกศกาญจน์ไปดูโต๊ะทำงานของเธอหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มหันมากล่าวกับเลขาเมื่อเธอมาถึงห้องเขาพอดี
...
“เอาละครับทุกคนมากันครบแล้วใช่มั้ยครับ...ถ้าอย่างนั้นผมเริ่มเลยนะครับ ผมชื่อรัฐเศรษฐ์ รัฐกิตติกานต์กุล ผมได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมของพวกคุณ ก่อนอื่นผมอยากทำความเข้าใจกับพวกคุณเกี่ยวกับหน้าที่งานของทีมเราเสียก่อน” รัฐเศรษฐ์กล่าวขึ้นในที่ประชุมของทีมงานใหม่ที่ถูกจัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจโดยรวบรวมคนจากแต่ละแผนกสำคัญในบริษัทมาทำงานร่วมกันทั้งหมด 17 คน
“ทุกคนคงทราบแล้วว่าบริษัทเราเพิ่งจะได้สัมปทานแหล่งปิโตรเลียมใหม่ที่จังหวัดพิษณุโลกมา เดิมทีบริษัทเรามีประสบการณ์แต่แหล่งปิโตรเลียมในทะเล แต่สัมปทานนี้เป็นสัมปทานแรกที่เป็นแหล่งปิโตรเลียมบนบก ดังนั้นงานนี้ผู้บริหารของเราจึงให้ความสำคัญมาก ซึ่งหน้าที่หลักๆ ของทีมเราคือศึกษาและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อผู้บริหารและ Joint operator ผู้ร่วมลงทุนกับเราก่อนที่จะมีการขุดสำรวจและผลิตจริงๆ ซึ่งงานนี้เราจะต้องติดต่อประสานงานกับคนหลายแผนกมาก รวมถึงต้องติดต่อกับ subcontractor ภายนอกด้วย เพราะฉะนั้นผู้บริหารจึงมีแนวคิดที่จะ form ทีมขึ้นมาใหม่หนึ่งทีมโดยดึงคนจากแต่ละแผนกมาทำงานร่วมกันเป็นศูนย์กลางเพื่อให้สามารถติดต่อประสานงานกับแต่ละแผนกได้ง่ายขึ้น ซึ่งในที่สุดก็มารวมตัวกันเป็นพวกเราในวันนี้นั่นเอง ดังนั้นผมจะถือว่าพวกเราทุกคนที่ทำงานในทีมนี้เป็นเพื่อนร่วมงานกันทั้งหมด ทีมเราจะไม่มีการแบ่งลำดับขั้น ไม่มีเจ้านาย ไม่มีลูกน้องใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าผมจะเป็นหัวหน้าทีมของพวกคุณ และเป็นที่ปรึกษาของทีมเท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายอย่างเป็นงานเป็นการ เขาเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่เน้นการทำงานร่วมกันเป็น Teamwork มากกว่าการแบ่งลำดับขั้นเป็นสายการบังคับบัญชา
“และวันนี้เราได้มาพบกันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นวันแรก ผมเลยอยากถือโอกาสนี้ให้ทุกคนทำความรู้จักกันให้หมด อยากให้พวกคุณแต่ละคนช่วยแนะนำตัวว่าชื่ออะไร เคยทำงานแผนกไหนมาก่อน เพื่อที่เพื่อนร่วมทีมจะได้รู้ว่าคุณมีความรู้ความสามารถด้านใดเป็นพิเศษ และจะขอความช่วยเหลือเรื่องอะไรจากคุณได้บ้าง ผมเริ่มก่อนละกัน”
“แนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ผมชื่อรัฐเศรษฐ์ รัฐกิตติกานต์กุล พวกคุณจะเรียกผมว่าพี่เดย์ก็ได้ เพราะผมดูจากประวัติพวกคุณแล้วว่าทุกคนในที่นี้อายุน้อยกว่าผมหมด ผมมาจากแผนกขุดเจาะและเคยเป็นวิศวกรบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลอยู่หลายปีก่อนที่จะกลับมาทำงานในออฟฟิศ ถ้าพวกคุณมีปัญหาอะไรก็เดินเข้ามาปรึกษาผมได้ทันที ห้องของผมไม่เคยปิดประตู” ชายหนุ่มพูดอย่างใจกว้าง
“ทีนี้ถึงคิวของพวกคุณบ้าง เชิญครับ” ชายหนุ่มเปิดโอกาสให้คนอื่นๆ ได้แนะนำตัวกันจนครบทั้งหมด
...
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเค้าจำเราไม่ได้เลยจริงๆ” เกศกาญจน์รำพึงกับตัวเอง หลังกลับจากทำงานในวันแรก เธอมาเช่าคอนโดที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ที่ทำงานใหม่ของเธอมากนัก
“แล้วที่เราอุตส่าห์ไปสมัครเชียร์ลีดเดอร์ พยายามทำตัวเด่นดังจนได้เป็นดาวคณะให้เค้าหันมาสนใจ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเหรอ”
“ก็ดี เราจะได้ลืมเค้าให้ได้จริงๆ ซะที ไม่รู้จะไปจำทำไมเรื่องมันก็ตั้ง 12 ปีมาแล้ว” หญิงสาวตัดสินใจเด็ดขาด
...
“เกศ เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน” เสียงฝนเพื่อนร่วมงานใหม่ชวนขึ้นทำให้เกศกาญจน์เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำและพบฝนและเพื่อนร่วมงานชายหญิงอีก 4-5 คนยืนอยู่ที่โต๊ะของเธอ
“จ๊ะ วันนี้ไปกินที่ไหนกันล่ะ” เกศกาญจน์ถามเพราะเธอเพิ่งมาทำงานที่สำนักงานใหญ่ไม่นานจึงไม่รู้ว่ามีรับประทานอาหารกลางวันที่ไหนบ้าง ส่วนคนอื่นๆ ทำงานอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้นจึงรู้จักร้านอร่อยๆ เป็นอย่างดี
“ไปกินส้มตำ ร้านนี้อร่อยนะ” ฝนตอบ
“ผมว่าเราไปหาร้านโรแมนติกๆ กินกันสองคนดีกว่าครับพี่เกศ ผมว่าส้มตำไม่เหมาะกับคนสวยๆ อย่างพี่เกศหรอก” นัทรุ่นน้องในทีมคนหนึ่งหันมาชวนเธอด้วยตาหวานเชื่อม
“น้อยไปสินัท ตำปูปลาร้านี่ของโปรดพี่เลย” เกศกาญจน์ตอบ
ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เกศกาญจน์ก็เป็นขวัญใจของทีมโดยเฉพาะกับหนุ่มๆ ทั้งหลายที่มักจะขายขนมจีบให้เธอ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นประเภทหยิกแกมหยอกแบบขำๆ ไม่มีใครจริงจังอะไร และบางทีก็มีชายหนุ่มต่างแผนกแวะเวียนมาเมียงมองเธออีกด้วยเพราะความสวยอันเป็นที่กล่าวขานของเธอถึงแม้อายุกำลังจะเข้าสู่เลขสามในเดือนข้างหน้านี้
“อ้าวพี่เดย์ จะไปกินข้าวเหมือนกันเหรอครับ” เสียงนัทถามชายหนุ่มที่ยืนรอลิฟท์อยู่
“ไปกินที่ไหนกันล่ะวันนี้” รัฐเศรษฐ์ถาม
“กินส้มตำครับพี่ ไปด้วยกันมั้ยครับ”
“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้พี่มีนัดแล้ว” รัฐเศรษฐ์ตอบขณะที่ลิฟท์เปิดออกพอดี
“อุ้ย ขอโทษค่ะ” เกศกาญจน์อุทานเมื่อเธอถูกดันเข้าไปจนชิดรัฐเศรษฐ์ซึ่งก้าวเข้าลิฟท์ไปก่อน เนื่องจากเป็นเวลาเที่ยงลิฟท์จึงค่อนข้างแน่นเป็นพิเศษแต่หนุ่มสาวกลุ่มนี้ก็ยังพยายามอัดตัวเองเข้าไปได้จนหมด
หญิงสาวไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเพราะกลัวว่าจะต้องสบตากับเขา เธอได้แต่มองที่อกเสื้อของชายหนุ่มซึ่งดูแข็งแรงและคงอบอุ่นน่าดูหากได้อิงแอบอยู่ตรงนั้น แค่นี้เธอก็ใจเต้นแรงจนจะทะลุออกมาข้างนอก
และเมื่อลิฟท์เปิดออกที่ชั้นล่างสุดของตึก เกศกาญจน์ก็ได้แต่มองตามรัฐเศรษฐ์ที่เดินไปหาหญิงสาวสวยคนหนึ่งซึ่งยืนยิ้มหวานรอเขาอยู่ที่โถงหน้าลิฟท์แล้วโอบไหล่พาเธอเดินไปทันที
...
ช่วงบ่ายแก่ๆ เกศกาญจน์นำงานเข้าไปปรึกษารัฐเศรษฐ์จนถึงช่วงค่ำทำให้เวลานั้นทุกคนกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ทั้งชั้นเหลือเพียงหญิงสาวและชายหนุ่มเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่
“ผมว่าเราไว้คุยต่อพรุ่งนี้ดีกว่านะ ผมว่าวันนี้มันดึกแล้วเรากลับบ้านกันดีกว่า” ชายหนุ่มเสนอหลังจากที่เขาเหลือบตามองนาฬิกาและเห็นเป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว
“เกศจอดรถไว้ไหนล่ะ เดี๋ยวผมเดินไปเป็นเพื่อน” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นขณะรอลิฟท์ เขาเสนอตัวเดินไปส่งหญิงสาวที่รถ เพราะเกรงว่าเวลานี้ลานจอดรถจะเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ
“วันนี้ชั้นไม่ได้เอารถมาน่ะค่ะ เอาเข้าศูนย์เช็คเครื่องนิดหน่อย”
“เหรอ งั้นผมไปส่งมั้ย เกศอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเดย์ ชั้นเช่าคอนโดอยู่ใกล้ๆ แค่นี้เอง ชั้นกลับแท็กซี่เองได้” หญิงสาวปฏิเสธ เธอรู้สึกกระดากไม่กล้าเรียกเขาว่าพี่เดย์เหมือนคนอื่นๆ เพราะเธอไม่รู้สึกว่าเขาเป็นพี่เดย์ที่แสนน่ารักอีกแล้วตั้งแต่วันที่เขาวิจารณ์เธอเสียๆ หายๆ สมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่นั้น
“เอาน่าผมไปส่งเอง เดี๋ยวเราแวะทานข้าวเย็นกันก่อน ผมเลี้ยงเอง”
...
“พี่เดย์คะ” เสียงใครคนหนึ่งเรียกชื่อเขาอย่างขุ่นเคืองขณะที่ชายหนุ่มและหญิงสาวกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่ง
“ไหนบอกว่าวันนี้เลิกดึก เลยไม่ยอมมาทานข้าวกับแพรว แล้วนี่มันหมายความว่ายังไงคะ”
สาวสวยนามว่าแพรวมองหน้าเกศกาญจน์อย่างไม่พอใจ
“ก็พี่เพิ่งเลิกงาน แล้วนี่ก็เพื่อนร่วมงานของพี่ เห็นว่าดึกแล้วก็มากินข้าวกันก็แค่นั้นน่ะ” ชายหนุ่มอธิบาย
‘เฮอะ เจ้าชู้เหมือนเดิม ตอนเที่ยงก็คนนึง ตอนเย็นก็อีกคนนึง’ เกศกาญจน์คิดอย่างหมั่นไส้กับนิสัยเจ้าชู้ของชายหนุ่มหลังจากที่เธอเห็นว่าสาวสวยที่กำลังโวยวายใส่เขาในตอนนี้เป็นคนละคนกับหญิงสาวที่เขาไปทานข้าวด้วยเมื่อตอนกลางวัน
“ก็แค่ทุ่มสองทุ่ม ไม่เห็นจะดึกตรงไหน แพรวรอพี่เดย์ได้อยู่แล้ว พี่เดย์ตั้งใจจะหลบหน้าแพรวแล้วมากับยัยป้านี่มากกว่า” สาวสวยยังคงหาเรื่อง
‘หนอย ยัยบ้านี่ หล่อนหาว่าชั้นแก่เหรอยะ’ เกศกาญจน์โมโหแต่ไม่สามารถแสดงออกได้
“คุณเดย์คะ ชั้นขอตัวก่อนดีกว่านะคะ” หญิงสาวลุกและเดินออกจากโต๊ะไปในทันทีทั้งๆ ที่เธอยังไม่ได้ทานอะไรเข้าไปซักอย่าง เพราะเธอทั้งโมโหที่เจอคำพูดจี้ใจดำและเธอก็ไม่อยากนั่งอยู่ให้เป็นเป้าสายตาของคนในร้านที่เริ่มหันมามอง
“เกศ เดี๋ยวก่อน” ชายหนุ่มพยายามร้องเรียกแต่หญิงสาวไม่สนใจ
“แพรว พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ามาแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพี่แบบนี้ พี่ไม่ชอบ” รัฐเศรษฐ์หันกลับมาเล่นงานสาวสวยตรงหน้าแทน
“เอ่อ...พี่เดย์คะ”
“ในเมื่อแพรวไม่รักษาสัญญา พี่ว่าเราก็ไม่จำเป็นต้องเจอกันอีก” ชายหนุ่มวางเงินจำนวนหนึ่งซึ่งมากกว่าค่าอาหารที่เขาและเกศกาญจน์ช่วยกันสั่งมาแต่ยังไม่ได้ทานเข้าไปซักคำเดียวไว้บนโต๊ะ แล้วเดินจากไปทันที
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น