ตอนที่ 1 : PROLOGUE + CHARACTER
เครดิตภาพ : Pinterest Tumblr Google Weheartit
JAOWNARA
รัก...ทำลายซึ่งทุกสิ่ง
-พู่ไหม-
@ทีเคผับ
“ไหม เดี๋ยวเล่นอีกเพลงก็พอนะ พวกเรามีธุระต้องรีบไป”
“อืม แล้วแต่” ฉันหันไปตอบ ‘เดียว’ มือกีต้าร์ของวงในช่วงที่ทำนองเพลงท่อนสุดท้ายจบและกำลังจะเริ่มเพลงใหม่
ตอนนี้ฉันอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าผับ และกำลังยืนบนเวที ปล่อยเสียงร้องไปตามทำนองและจังหวะของเพลง
ฉันชื่อ ‘พู่ไหม’ นักศึกษามนุษยศาสตร์เอกอังกฤษปีสี่ ทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักร้องประจำอยู่ที่ทีเคผับ ประวัติครอบครัวไม่ได้ดีเด่อะไร ฉันไม่ใช่คนรวย ไม่ใช่คนดี ครอบครัวมีปัญหา จึงเป็นเหตุให้ต้องพาตัวเองออกมาอยู่ข้างนอก ทำงานเลี้ยงตัวเองและน้องสาว
‘ใหม่จีน’ คือชื่อน้องสาวแท้ๆของฉัน เธอเรียนอยู่มอ.หก อีกไม่นานก็ต้องเข้ามหา’ลัย เราย้ายมาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กๆ มีคนแชร์ค่าที่อยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง เขาทำงานในนี้ด้วยเหมือนกัน เป็นบาร์เทนเดอร์ชื่อ ‘ธีม’
“น้องไหมคนสวยยย ทำไมวันนี้ร้องน้อยจังคร้าบบ~”
“ร้องอีกสิ ร้องอีกสิ...”
เมื่อทำนองเพลงสุดท้ายจบลง กลุ่มผู้ชายโต๊ะหน้าสุดก็ตะโกนพูดเสียงอ้อแอ้ คนพวกนี้ฉันจำได้ ชอบมานั่งดื่มที่ผับเป็นประจำ ไม่ได้อันตรายอะไรก็แค่พวกขี้เมาและหรี่สาวไปวันๆ
ฉันส่งยิ้มในแบบที่ชอบทำใส่ลูกค้าให้พวกเขา ก่อนจะหันมารับเสื้อคลุมจาก ‘มัพ’ มือกีต้าร์อีกคนของวง
“ขอบใจ”
“ยินดีครับพี่สาวคนสวย” เขาฉีกยิ้มจนตาเป็นสระอี ผู้ชายคนนี้อารมณ์ดีได้ทุกวัน
วงฉันมีกันอยู่ห้าคน ฉันเป็นนักร้อง เดียวกับมัพเป็นมือกีต้าร์ ส่วยอีกสองคนที่เหลือก็คือ ‘ก๋า’ กับ ‘กันต์’ เป็นมือกลองและเบส พวกเขาล้วนเป็นรุ่นน้องฉันทั้งหมด เด็กพวกนี้เพิ่งเรียนอยู่ปีสอง แต่ก็มาตั้งวงเพื่อทำงานพาร์ทไทม์เล่นๆในระหว่างที่เรียนอยู่
“พี่กลับไง?”
“เดี๋ยวมีคนมารับ” ฉันตอบมัพขณะที่ก้าวลงเวที ภายในผับค่อนข้างมืด แม้จะมีแสงไฟวิบวับแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย นอกจากนั้นมันยังทำให้ตาลายจนอยากอ้วก
“อ่อ ผมก็นึกว่ากลับคนเดียว ว่าจะชวนไปเที่ยว...” มัพพูดค้างไว้ ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้พลางเอามือป้องปากกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน “สวรรค์”
ป้าบ!
“โอ๊ย! เชี่ยก๋า! ตบหัวกูหาพ่อมึงอ่อ”
“เออ! จะตบให้ดังลั่นไปถึงสวรรค์เลยคอยดู ห่า...น้อยๆหน่อยมึงอ่ะ”
ที่ว่าจะชวนไปเที่ยวสวรรค์น่ะเขาแค่พูดเล่น ฉันรู้เพราะพวกเราค่อนข้างสนิทกัน ใครพูดเล่นพูดจริงก็ดูออก อีกอย่างมัพเคารพฉันที่สุดแล้วในวงนี้ มีแค่มัพกับก๋าที่เรียกฉันว่าพี่ ส่วนอีกสองคนนั้นก็แล้วแต่อารมณ์ บางครั้งก็เรียกพี่บางครั้งก็ชื่อเฉยๆ
ก็นะ...ไม่ได้ซีเรียสเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
“เสือกไรด้วย กูแค่พูดเล่น เข้าใจป้ะ? ‘เล่นๆ’ อ่ะ” มัพเท้าสะเอวพูดกับก๋าด้วยท่าทางกวนๆ “กูไม่ได้จะลามปามพี่ไหมจริงๆซะหน่อย”
“เออ จะเล่นกูไม่ว่า แต่มึงควรแหกตาดูข้างหลังด้วย” ก๋าบุ้ยปากไปยังข้างหลังเราสองคน ทีแรกก็ไม่ได้สนใจจะหันไปมอง แต่เสียงอุทานของมัพทำให้ฉันจำต้องหันกลับไปมองในวินาทีต่อมา
“เชี่ย...พี่ทาย”
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง เขายืนล้วงกระเป๋าจ้องหน้ามัพก่อนจะเบนสายตามาหาฉัน แววตาไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ซึ่งนั่นก็ปกติของเขา
คนตรงหน้าชื่อว่า ‘เพทาย’ มีเรือนกายสูงโปร่ง ใบหน้าคมคาย ดวงตาทั้งสองขับเน้นให้เขาดูเป็นคนดุดัน ดิบเถื่อน ซึ่งมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นอกจากนี้ยังมีดีกรีเป็นถึงเดือนแพทย์ ฐานะไม่ต้องพูดถึง...หน้าตาดี ชาติตระกูลดี เรียนเก่งติดท๊อปอันดับต้นๆของมหา’ลัย ทุกสิ่งที่พูดมามันช่างเพอร์เฟค...ว่างั้นมั้ย?
เรารู้จักกัน...และมีความสัมพันธ์บางอย่างที่มันค่อนข้าง ‘ลับ’
“ไง ทำไมวันนี้เล่นน้อย” เพทายเดินเข้ามาใกล้ เขาเข้ามายืนแทรกตรงกลางระหว่างฉันกับรุ่นน้อง แขนข้างหนึ่งถูกยกขึ้นพาดบ่ามัพที่ตอนนี้มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“มีธุระน่ะ กำลังจะรีบไป” คนตอบคำถามไม่ใช่มัพแต่เป็นเดียว จะให้มัพตอบตอนนี้ก็คงไม่ได้ไปไหนกันพอดี ดูทรงแล้วคงสั่นจนพูดไม่รู้เรื่อง
หลายคนกลัวเพทาย เพราะลักษณะภายนอกผลักดันให้ดูเหมือนคนมีอำนาจ น่ากลัว ทว่ากับเพศตรงข้ามเขากลับมีเสน่ห์ดึงดูด น่าค้นหา ภายใต้ท่าทีนิ่งเฉยผลักดันให้ผู้หญิงหลายคนลุ่มหลง พร้อมใจกันยอมสยบแทบเท้าเพื่อให้เขาได้เชยชม
แต่กลับไม่มีใครรู้เลยว่าเนื้อแท้ข้างในผู้ชายคนนี้โสมมแค่ไหน...
“หรอ” เขาตอบอย่างไม่ยินดียินร้าย
“ทำไม?” เป็นฉันเองที่ถาม หากปล่อยให้บรรยากาศอัดอึดแบบนี้ต่อไปคงแย่ ฉันเป็นห่วงมัพ เขาไม่ได้จริงจังอะไรแค่พูดหยอกล้อกันเล่นๆ
...แต่อีกคนคงไม่ ‘เล่นๆ’ ด้วย
“เปล่า” เขาเบือนหน้ามาตอบฉัน เรามองตากันเพียงเสี้ยววิก่อนเขาจะหันกลับไปหามัพอีกครั้ง “ไม่ว่างหรอน้องชาย”
“คะ...ครับ”
“อ่อ ก็นึกว่าว่าง...” แม้แสงไฟในผับจะค่อนข้างสลัว แต่รอยยิ้มร้ายตรงมุมปากเขาก็ใช่ว่าจะรอดพ้นสายตาฉันไปได้ “ว่าจะชวนไปเที่ยววัด”
“เฮือก”
มัพหน้าถอดสีตอนที่เพทายพูดอะไรแบบนั้น ฟังผ่านๆก็คงไม่คิดอะไร แต่ถ้าตั้งใจฟังจะรู้ว่าเพทายเน้นตรงคำว่าวัดมากแค่ไหน คำพูดของเขามีความหมายในทุกประโยค
“กลับได้แล้ว อย่ามัวแต่เล่น” ฉันดึงตัวเพทายนอกจากกลุ่ม เพื่อให้สี่คนนั้นหลุดจากภวังค์ความอึมครึ้ม
ด้วยความที่เป็นนักร้องจึงสามารถกลับได้เลยหลังจากขึ้นเวทีเสร็จ แต่ปกติฉันต้องรอให้ยาดาเลิกงานก่อน เพราะต้องไปส่งเธอที่หอ ยาดาเป็นพนักงานในผับที่ฉันสนิทด้วยมากที่สุดรองจากธีมและกลุ่มวง เธอไม่ค่อยมีเพื่อนและเกือบทุกๆวันที่ฉันไปส่งเธอ
ทว่าวันนี้ไม่จำเป็น เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของยาดาเป็นคนมารับเอง
“ได้ยินนะ ที่คุยกับมันเมื่อกี้” เอาแล้วไง
พอเดินมาถึงบริเวณพื้นที่จอดรถด้านหลังผับ เพทายก็เข้าเรื่องก่อนหน้านี้ทันที บอกแล้วว่ามัพแค่พูดเล่น แต่คนนี้ไม่เล่น เพทายหวงทุกอย่างที่เป็นของตัวเอง
“แล้วยังไง น้องเขาแค่พูดเล่น”
“แน่ใจว่าแค่พูดเล่น” เพทายทำเหมือนพยายามหาเรื่องกัน เขาเดินตามอยู่ข้างหลัง ในลานจอดรถนี้ปลอดผู้คน ต่อให้เราเถียงกันเสียงดังก็ไม่มีใครได้ยิน นอกซะจากว่าคนคนนั้นจะโชคร้ายเดินเข้ามาในเวลานี้ และอาจโดนพายุอารมณ์ของเพทายเล่นงาน
“คิดว่าโกหกรึไง?” ฉันหันมาเผชิญหน้ากับเขาเมื่อตอนที่เดินมาถึงตัวรถแล้ว เพทายหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน เรายืนชิดกันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่เป่ารด
“ก็แค่ถาม...เผื่อเธออยากไปเที่ยวสวรรค์กับมันจริงๆ” เขายื่นหนัาเข้ามาใกล้จนปลายจมูกเราบดเบียดกัน เอวฉันถูกแขนแกร่งรวบเข้าไปกอดจนระหว่างร่างกายเราไม่สามารถมีสิ่งใดเล็ดลอดผ่านไปได้ แม้แต่อากาศก็ไม่...
“ก็อยากไปอยู่...” พูดถึงตรงนี้ฉันก็วาดแขนโอบคล้องรอบลำคอเขา ช้อนสายตาขึ้นมองก่อนจะกระซิบชิดริมฝีปากด้วยทำนองเสียงแหบพร่า “แต่อยากไปกับคนนี้มากกว่า”
“หึ” เพทายกระตุกยิ้ม
จากนั้นเขาก็ผลักฉันเข้ามาในรถ พาตัวเองอ้อมเข้ามานั่งยังฝั่งคนขับก่อนจะพุ่งทะยานไปยังจุดหมายปลายทาง เมื่อมาถึงคอนโดเขา ฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากทำตัวนิ่งๆให้เพทายอุ้มตลอดทางกระทั่งเข้ามาในห้อง
พลั่ก!
“อื้อ” เพทายไม่ปล่อยให้เสียเวลา เขาผลักฉันติดผนัง บดจูบลงมาด้วยความรุนแรง มือไม้เขาอยู่ไม่เป็นที่ มันสะเปะสะปะไปทั่ว ทั้งลูบคลำขย้ำเป็นบางจุด “ใจเย็นสิ รีบร้อนไปไหน”
ฉันถามเขาอย่างยั่วยวนเมื่อเพทายถอนจูบเพื่อกำจัดเสื้อผ้าเราให้พ้นทาง
“อยากทัวร์สวรรค์ใจจะแย่แล้ว” เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำระหว่างที่ก้มลงถอดรูดเศษผ้าชิ้นล่างของฉัน มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่บนร่างกาย ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างก็เปลือยเปล่า เปิดเผยทุกสิ่งอย่างให้อีกฝ่ายได้เห็นอย่างไร้ยางอาย
“ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อน มันไม่ไปไหนอยู่แล้ว” ฉันขยับเข้าใกล้เขา โอบแขนคล้องรอบต้นคอ มือข้างหนึ่งขยุ้มเส้นผมตรงท้ายทอยเพทาย เขาเองก็ไม่ต่าง ใช้ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วสะโพกและบั้นท้ายพลางกดแนบร่างกายเราจนบางอย่างแนบชิดกัน
“ไม่ได้กลัวมันหาย แค่เสียดายเวลา ถ้าช้าก็เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมง”
“หึ พรุ่งนี้ไม่มีเรียน...อนุญาตให้ยิงยาว” เราบิดยิ้มให้กันอย่างรู้ทันในทุกความหมาย
“แน่ใจ?” เพทายเลิกคิ้วถาม คล้ายไม่แน่ใจแต่ประกายตาแวววับอย่างหื่นกระหาย “รับได้หรอ อึดขนาดนั้นเชียว”
“ไม่ลองไม่รู้” ฉันลูบไล้หน้าอกเขา ลากปัดผ่านจุดอ่อนไหวบริเวณอกก่อนจะวกขึ้นไปคล้องรอบต้นคอดังเดิม “ไหนว่าเสียดายเวลา ช้าทำไม รีบลงมือสิ”
“ท้าเองนะ ถ้าคิดว่าอึดพอ งั้นก็ลองเดินขาถ่างดูสักวันสองวันแล้วกัน”
จบคำนั้นความเร่าร้อนรุนแรงก็เกิดขึ้น เพทายบดจูบลงมาอย่างหื่นกระหาย เขายกตัวฉันเพื่อที่ฉันจะได้ตวัดเรียวทั้งสองเกาะเกี่ยวรอบเอวสอบ เขาดันจนแผ่นหลังฉันแนบติดไปกับผนังที่แสนเย็นเฉียบ
สองมือตัวเองขยุ้มกลุ่มผมเขาจนยุ่งเหยิงเพื่อระบายอารมณ์วาบหวามที่ปะทุขึ้นเรื่อยๆ ฉันชอบในการกระทำของเขา ฉันชอบความป่าเถื่อนของเพทาย
ยิ่งเมื่อเวลาที่ร่างกายเราสอดประสานกัน ยามที่เขากระหน่ำตัวเองเข้ามาในตัวฉัน มันทั้งเจ็บจนทรมานและมีความสุขจนแทบล้นอก ผู้หญิงหลายคนอาจไม่ชอบในเซ็กส์ของเพทายแต่นั่นไม่ใช่กับฉัน ไม่ปฏิเสธว่าชอบในรสรักของเขา
ยามเมื่อเพทายรุกรานฉันด้วยความรุนแรงแสนป่าเถื่อนของเขา มันช่างมัวเมาให้รู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด
“แอ่นหน่อย” เขาออกคำสั่งเสียงพร่า ร่างกายขยับรุกรานเร็วขึ้น
เพทายมีความลับอยู่หนึ่งอย่าง เขาเป็นพวกเสพติดเซ็กส์รุนแรง และใช่...เพราะอย่างนั้นฉันจึงติดใจในรสชาติเซ็กส์ของเขา ซึ่งแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เข็ดขยาดมัน...
เพิ่งรู้ว่าตัวฉันชอบในความรุนแรงของเขา...ทุกการกระทำ
“ทำหน้าอย่างนั้น อยากให้แรงกว่านี้หรอ?” ฉันกระตุกยิ้มซึ่งเป็นอันรู้กันดี
สำหรับเซ็กส์ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดใด ๆ เพราะแค่ร่างกายมันก็ตอบสนองแทนทุกคำพูดแล้ว
“จัดไปสิ...ชู้ที่รัก”
แผ่นหลังฉันนอนราบไปกับเตียงก่อนจะตามมาด้วยอารมณ์รุนแรงที่โหมกระหน่ำ เราต่างตอบรับซึ่งกันและกันผ่านความป่าเถื่อนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทว่ามันก็ยังแฝงความอ่อนโยนไปด้วยโดยที่เราทั้งคู่ไม่เคยรู้ตัว ตลอดทั้งค่ำคืนมีเพียงเสียงกระทบกันของเราและเสียงเตียงขยับเสียดสีพื้นดังระงมไปทั่วทั้งห้อง เสียงคราญครางแทบกลืนหายไปกับจูบเผาผลาญ
ความรุนแรงที่แสนปวดร้าว...แต่ก็ช่างสุขใจ
เพทาย : PHETHAY
IMAGES : SEHUN[EXO]
'เอากับชู้ รู้สึกดีกว่าตัวจริง...ไม่เชื่อก็ลอง'
พู่ไหม : PHUMAI
IMAGES : LIM BORA
'ชู้แล้วไง เร้าใจกว่าตัวจริงก็แล้วกัน...อยากรู้ต้องลอง'
ฟ้าคราม : FAHKHRAM
IMAGES : JAEN MOM
'หนูรักม๊านะ...'
ยี่หวา : YEEWHAA
IMAGES : PARK SORA
'ชู้ ไม่นานก็ถูกเขี่ย ตัวจริงต่างหาก...ที่เป็นนิรันดร์'
ชมพู : CHOMPHU
ใหม่จีน : MAIJEEN
IMAGES : BAEK SU MIN
IMAGES : JOY [RED REVET]
เปาโล : PAOLO
ธีม : THEEM
IMAGES : B.I[IKON]
IMAGES : JINWOO
เอาคาเลคเตอร์ไปก๋อยยย ที่เหลือจิตามมา
เรื่องนี้จะคาบเกี่ยวกับเรื่องของเอเชียแล้วก็นารายณ์นะ
มหากาพย์มากคู่นี้ โลดแล่นอยู่ในทุกเรื่องของ RETURN 555
แต่อิทายไม่มีเซตนาจา นางมาแบบเดี่ยวๆและจบแบบเดี่ยวๆ
ใครอยากจะเหมาเป็นเซคเดียวกับพวกรีฯก็ได้ ไม่ว่า
มีตัวละครจากเรื่องอื่นๆโผล่หน้ามาเยี่ยมเป็นบางช่วง
แล้วเจอกันนะครัชเชอร์
เจิมรอค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

1,344 ความคิดเห็น
-
#1285 Papaya80 (จากตอนที่ 1)วันที่ 14 กันยายน 2560 / 15:09แซ่บบบบบมากกกกก#1,2850
-
#696 ตะขบแอฟริกา (จากตอนที่ 1)วันที่ 13 มิถุนายน 2560 / 21:29โหยยย ตอนแรกก็แซ่บแล้วอ่า#6960
-
#17 huspower1 (จากตอนที่ 1)วันที่ 31 สิงหาคม 2559 / 22:07เอ้ออออออ#170
-
#9 PrettyPatte (จากตอนที่ 1)วันที่ 22 สิงหาคม 2559 / 21:24ชอบความ SM ของเพทาย 555+ มีความมันส์#90
-
#8 Namwhans (จากตอนที่ 1)วันที่ 22 สิงหาคม 2559 / 20:58เจิมมม#80
-
#7 fon_siliphone (จากตอนที่ 1)วันที่ 22 สิงหาคม 2559 / 11:41เจิมค่าาาาาาา#70
-
#6 siriyakonr (จากตอนที่ 1)วันที่ 22 สิงหาคม 2559 / 08:43รอน้ะไรท์ สู้ๆ ค่าา#60
-
#5 นักอ่านเงา (จากตอนที่ 1)วันที่ 21 สิงหาคม 2559 / 21:42อยากอ่านต่อล้าวววว รีบมานะไรท์#50
-
#4 DynamiteSugar (จากตอนที่ 1)วันที่ 20 สิงหาคม 2559 / 22:44เจิมรอค่าาาาาา#40
-
#3 siriyakonr (จากตอนที่ 1)วันที่ 20 สิงหาคม 2559 / 18:44เจิมมมมมมมมรอค่ะ#30
-
#2 สตอเบอรี่สีสด (จากตอนที่ 1)วันที่ 14 สิงหาคม 2559 / 11:03เจิมมมมมๆๆๆๆๆๆ รออออออ#20