^สายเกินไป^ - ^สายเกินไป^ นิยาย ^สายเกินไป^ : Dek-D.com - Writer

    ^สายเกินไป^

    จงพูดคำว่า "รัก" ให้คนที่คุณ"รัก"ได้ยิน ก่อนที่มันจะ...สายเกินไป...

    ผู้เข้าชมรวม

    556

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    10

    ผู้เข้าชมรวม


    556

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 มี.ค. 49 / 12:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      สายเกินไป

      แสงไฟติดๆดับๆจากเสาไฟฟ้าข้างทาง
      อาจทำให้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นสมุดเล่มหนึ่งซึ่งตกอยู่ระหว่างกอหญ้า
      ที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาท
      แต่ไม่เคยมีใครสักคนคิดจะหยิบมันขึ้นมา
      ปล่อยให้สมุดที่เคยสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอนอยู่กับกอหญ้า
      ผ่านลมและฝนมานานพร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันยิ่งเลือนลาง
      เพราะน้ำฝน...
      แต่ฝนไม่สามารถลบเลือนคำสัญญาจากจิตใจคนๆหนึ่งได้
      ชีวิตของเด็กมัธยมปลายทุกคนคงไม่สามารถหลีกหนีไปจากเรื่อง
      เพื่อน ความฝัน ความรัก เอ็นทรานซ์ ไปได้
      และทั้งหมดนี้คือที่มาของเรื่องราวของผมที่เริ่มต้นที่ห้องเรียนศิลปะ...

      ผม บอม กบ ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่

      ม.ต้นได้มาอยู่ห้องเดียวกันในชั้นม.4
      คงเป็นเหตุการณ์นั้นที่ทำให้พวกเราได้รู้จักกับนุ่น
      "นี่เธอ...เธอ..ยืมของเราก็ได้นะ" บอมพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2b ให้ 1 แท่ง
      เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา
      รอยยิ้มที่เราได้เห็นทำให้พวกผมนึกไปถึงรอยยิ้มของน้องสาวตัวเล็กๆน่ารักคนหนึ่ง
      หลังจากหมดชั่งโมงศิลปะ พวกผมอาสาพาเธอไปกินข้าวที่โรงอาหาร
      และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผม
      พร้อมกับความแปลกใจของหลายๆคนที่เห็นเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง    นั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชายที่กำลังคุยกันเสียงดังด้วยคำสบถต่างๆ
      ซึ่งเป็นคำธรรมดาในความคิดของเด็กผู้ชาย ..
      จากวันป็นเดือน......จากเดือนเป็นปี....

      เมื่อเพื่อนคบกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน...
      และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่นุ่นตัดผมสั้นมาใหม่
      "เฮ้ยนี่แกอะไรเข้าฝันวะ" ผมพูด

      "อี๋...ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย" กบพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะจากทุกคน
      "แต่เราว่าน่ารักดีนะ" บอมพูด
      คำๆนี้ของบอมทำให้หน้าขาวๆของนุ่นแดงขึ้นมา
      ตั้งแต่เราเริ่มสังเกตุจากวันนั้นเราก็รู้ว่าคำพูดของบอมมีอิทธิพลกับนุ่นมาก
      และรู้ว่านุ่นต้องแอบปลื้มบอมไม่มากก็น้อย
      แต่ไม่เคยมีคำว่ารักคำใดๆเกิดขึ้นในกลุ่มเพื่อน
      ณ.โต๊ะประจำกลุ่มของเรา "ขนมมาแล้วจ๊ะ"
      เสียงใสๆของนุ่นที่มาพร้อมกับขนมหลายถุงที่ถือเดินคู่มากับบอม
      (การซื้อขนมเลี้ยงของนุ่นมักเป็นกิจวัตรประจำ
      พวกเราเคยปฎิเสธเพราะพวกผมยังไม่รู้ว่านั่นมาจากเงินเล็กน้อยของคุณหนูนุ่นนั่นเอง)
      ขณะที่กินขนมอยู่นั้นนุ่นถามถึงอาชีพในอนาคตของทุกคน
      ผม กับ กบ ยังไม่ได้คิดอะไรถ้า เอ็น ติดอะไรก็เรียนไป
      ความฝันของบอม คือ เข้าเรียนเศรษฐศาสตร์ที่ธรรมศาสตร์
      และเป็นนักวิเคราะห์การเงินเหมือนพ่อของเขา
      ความฝันของนุ่นที่ต้องการเป็นนักสังคมสงเคราะห์ช่วยเหลือเด็กไม่ทำให้พวกผมแปลกใจเลย
      เพราะการชอบช่วยเหลือผู้อื่นและมองโลกในแง่ดีที่เป็นนิสัยของเธอ
      สิ่งที่เรารู้กันเลยก็คือนุ่นต้องอยากเรียนสังคมสงเคราะห์ที่ธรรมศาสตร์แน่นอน
      เมื่อนุ่นพุดจบบอมก็หยิบสมุดจดศัพท์ภาษาอังกฤษของนุ่นที่วางอยู่มา
      เปิดไปหน้าสุดท้ายของสมุดแล้วเขียนว่า...
      เราสองคนจะต้องเป็นลูกแม่โดมให้ได้นะ.....ลงชื่อ....บอม ...
      สิ่งที่เราเห็นต่อมาคือรอยยิ้มของนุ่นพร้อมกับหน้าแดงนาน 2-3นาที.
      ยิ้มน่ารักมากกว่าสิ่งใดๆ............

      วันแรกของม.6ไม่มีอะไรมากนอกจากการฉลองที่นุ่น
      ได้อนุญาติให้ไป-กลับโรงเรียนเองเหมือนนักเรียนทั่วไป
      ซึ่งเป็นสิ่งที่นุ่นต้องการมาตลอด 4-5 ปีที่แม่คอยรับคอยส่ง..
      วันนี้ผมได้เห็นอาการดีใจของคนที่ได้รับสิ่งที่ผมเรียกมันว่า
      ....."อิสรภาพ".........

      ชีวิตของนักเรียนม.6 หลายๆคนคงไม่พ้นการเรียนพิเศษต่อตั้งแต่ 5 โมง-2 ทุ่ม
      แต่การที่ได้เรียนกับเพื่อนรักของผมทำให้ผมไม่เคยคิดเหนื่อยหรือท้อแท้เลย
      โต๊ะ 4
      ตัวหลังสุดเป็นที่รู้กันว่าเป็นโต๊ะของกลุ่มผมขณะที่พวกเรากำลังนั่งคุยรออาจารย์อยู่นั้น
      บอมได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงใส่ชุดuniformแขนยาว หน้าตาสวยมากคนหนึ่ง
      พร้อมพูดว่า "นี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิเราชอบเขามากเลยนะ"
      ตั้งแต่วันนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เป็นประเด็นสนทนาในกลุ่มอีกบ่อย
      แต่ทุกครั้งที่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นผมรู้สึกว่านุ่นมีความรู้สึกแปลกๆที่ไม่แสดงออกมา
      จนผมคิดว่าต้องให้บอมถามให้ได้ว่าเป็นอะไรเพราะเขาสองคนสนิทกันมากที่สุด
      แต่บอมก็ไม่เคยสงสัยและถาม
      สักพักผมเลิกสนใจกับสิ่งนี้เพราะผมก็แค่ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง
      เวลาที่พวกผมได้ผักผ่อนมากที่สุดจากการเรียนคงเป็นตอนหลังเลิกเรียนพิเศษ
      ซึ่งพวกผมจะเวียนไปฝากท้องตามร้านต่างๆ
      หลังจากนั้นก็มักไปเล่นเกมส์ เกมส์ประจำตัวของผมคือ daytona
      ของกบชอบเล่น dj โดยเฉพาะตอนมีสาวๆมองเยอะจะออกลีลาเป็นพิเศษ
      เครื่องตู้เกมส์ เตอติส
      ที่อยู่หลังร้านเหมือนเป็นเกมส์ที่สร้างมาเพื่อบอมและนุ่น
      ผมได้เห็นทั้งคู่เล่นด้วยกัน เล่นแข่งกันได้
      ดูเวลาที่เขาแกล้งกัน นุ่นมักปัดมือของบอมให้ออกจากจอยเกมส์เป็นประจำ
      เวลาที่ทั้งคู่เล่นแข่งเพราะบอมเป็นคนที่เล่นเก่งมาก  แต่บอมก็ชอบและไม่เคยเห็นบอมโกรธนุ่นสักครั้งเวลาที่นุ่นคอยแหย่คอยกวน
      ผมคิดว่าทั้งคู่คงมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน
      พลางคิดไปถึงคำพูดใน หนัง รักออกแบบไม่ได้ ที่ว่า
      "เป็นเพื่อนกันดีที่สุดจะได้คบกันนานๆ"
      แต่สำหรับสำหรับคู่นี้ผมนึกภาพไปถึงตอนที่ทั้งคู่เป็นคนชราคู่หนึ่ง
      ที่ใช้เวลาบั้นปลายชีวิตนั่งนับดาวบนท้องฟ้าด้วยกันและต่อเติมความสุขซึ่งกันและกัน
      ทุกครั้งที่มองคู่นี้อยู่ด้วยกันผมคิดว่าเค้ากำลังร่วมสร้างและต่อเติมความรักซึ่งกันและกันอยู่
      แม้เพื่อนสนิทอย่างผมจะแซวว่าทั้งคู่ไม่เหมือนแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นนะคู่นี้
      แต่ว่าสิ่งที่ผมเห็นคือรอยยิ้มของทั้งคู่พร้อมอาการเขิน
      และสายตาของนุ่นที่หันไปมองบอม แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันปฎิเสธ
      แล้วนุ่นก็มักจะพูดว่า"พวกนี้เนี่ยไม่พูดด้วยแล้ว"
      พร้อมกับหันหลังเดินไปซื้อขนมและบอมก็เดินตามติดๆกันไป
      วันศุกร์ใกล้ปิดคอร์สเรียนพิเศษภาษาอังกฤษเมื่อพวกเรามาถึงที่เรียนพิเศษปรากฏว่า
      ไฟดับโรงเรียนจึงนัดชดเชยให้วันอื่น
      วันนี้จึงไม่ค่อยได้เรียนเพราะวันศุกร์ที่โรงเรียนมีเรียนแค่2วิชา
      พวกเราจึงถือสมุดหนังสือไปเรียนเพียงไม่กี่เล่มหลังจากนั้นพวกเราจึงไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า
      วันนี้นุ่นผิดปกติดูซึมๆตั้งแต่เช้า พวกเรารบเร้าเท่าไหร่ก็ไม่บอก
      ขณะที่เดินเล่นกันอยู่ บอมได้จับหน้าผากของนุ่น

      บอมตกใจมากเพราะนุ่นตัวร้อนจัด
      บอมจึงพูดว่า"นุ่นเธอตัวร้อนมากนะกินยาอะไรหรือยัง?"
      "ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก" นุ่นตอบ
      พวกผมจึงรบเร้าให้นุ่นรีบกลับไปผักผ่อนที่บ้านและตัดสินใจให้บอมเดินไปส่งนุ่นขึ้นtaxi
      โดยผมกับกบจะไปรอที่food center
      ก่อนที่ผมจะแยกย้ายกับนุ่น บอมแซวนุ่นว่า
      "นี่ไม่สบายขนาดนี้ยังไม่ยอมนอนพักอยู่บ้านอีก"
      "ก็ฉันเป็นเด็กขยันนะซิจ๊ะ" นุ่นตอบพร้อมกับยิ้มมา
      "ดูนุ่นสิหน้าเหมือนคนจะตายอยู่แล้วยังยิ้มออกอีก"
      บอมพูดไปโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนี้จะเป็นรอยยิ้มที่พวกผมจะไม่มีวันลืม
      สำหรับผมเหตุผลเดียวที่นุ่นมาเรียนวันนี้คือการที่ได้มานั่งเรียนพิเศษข้างๆบอม
      หลังจากผมแยกย้ายกับนุ่นบอมก็เดินไปส่งนุ่นขึ้น taxi กลับบ้าน
      .......เอี้ยด.....ปัง......อัก......
      รถบบรทุกคันหนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับtaxiคันหนึ่งที่วิ่งมาด้วยความเร็วค่อนข้างสูง
      ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัยกระเด็นกระแทกกระจกรถออกมาตกลง
      บนพื้นและไถลไปข้างหน้าอีก7-10 เมตร
      สมุด หนังสือ ดินสอกระจัดกระจายอยู่บนถนนบ้างบนทางเท้าบ้าง
      กล่องดินสอ มือถือแตกเป็น 2 ส่วน
      พลเมืองดีผู้หนึ่งอุ้มร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลไปส่งโรงพยาบาล
      เช้าวันเสาร์ ณ ที่เรียนพิเศษวิชาคณิตพวกผมรู้สึกแปลกใจที่นุ่นมาเรียนสาย  เพราะปกตินุ่นจะมาเป็นคนแรก
      แต่พวกผมก็คิดว่านุ่นคงยังไม่ค่อยสบายและผักผ่อนอยู่ที่บ้าน
      แต่ขณะที่เริ่มเรียนไปได้15นาที เพจของบอมก็ดังขึ้น
      พร้อมกับข้อความจากแม่ของนุ่นที่ว่า ตอนนี้นุ่นอยู่ห้อง ICU โรงพยาบาลเปาโล
      ต้องการพบบอมด่วน
      เมื่อพวกผมอ่านข้อความนี้จบก็เดินออกจากห้องทันทีมารู้ตัวอีกทีก็คือเห็นรอยช้ำ
      ของขอบตาที่เกิดจากการร้องไห้ของแม่ของนุ่น
      พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ยอมหยุดที่หน้าห้องICU
      เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องหมอบอกพวกผมว่านุ่นเสียเมื่อ 5 นาที ที่แล้ว
      พวกผมเหมือนตกอยู่ในภวัง น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากทุกคนที่เรียกตัวเองว่าลูกผู้ชาย
      ทุกคนยืนร้องไห้อยู่ข้างๆเตียงของนุ่น
      ไม่มีสักคนเปิดผ้าที่คลุมร่างที่ไร้วิญญาณของนุ่นดูเพราะทุกคนรู้ดีว่านุ่นไม่ต้องการ
      ให้ใครเห็นนุ่นในสภาพอย่างนี้แน่
      เหตุการณ์นี้แม้ว่าผมจะเสียใจมากแต่ยังไงก็คงไม่เท่าบอมเพราะทุกคนรู้ดีว่าบอมเสียใจมากที่สุด
      แต่บอมก็เก่งมากเพราะหลังจากนั้นอาทิตย์หนึ่งก็ไม่เห็นบอมร้องไห้อีก
      ขณะนั่งเรียนวิชาคณิตในคาบที่ 7 หลังจากงานฌาปณกิจนุ่น 2 วัน
      แม่ของนุ่นได้ขออนุญาตอาจารย์เดินเข้ามาหาบอมในห้องและพูดว่า
      " ในห้องICU ก่อนที่นุ่นจะสิ้นใจนุ่นบอกกับแม่ให้นำ diary
      เล่มนี้มาให้บอมให้ได้"
      แล้วแม่ของนุ่นก็ยื่นถุงกระดาษที่ข้างในมี diary เล่มหนึ่งมาให้
      หลังจากหมดคาบผมและบอมได้หยิบ diary ขึ้นมา
      มันเป็น diary เล่มสีชมพู ที่นุ่นใช้เขียนความคิดและความฝันต่างๆของนุ่น
      ชื่อของบอมมีอยู่ใน diary
      ของนุ่นทุกหน้าตั้งแต่วันที่เธอได้พบกับบอมที่ห้องศิลปะ
      เมื่อพลิกกลับมาช่วงกลางเล่มน้ำตาของบอมก็หยดลงบนรูปๆหนึ่งที่นุ่นวาดขึ้นในdiary
      เป็นรูปนุ่นกับบอมที่ยืนยิ้มโดยนุ่นยืนกอดแขนบอมอยู่และทั้งคู่ใส่ชุดนักศึกษามหาลัยธรรมศาสตร์

      "ทำไมนุ่นไม่รู้ล่ะว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน"
      บอมพูดเมื่ออ่าน diary และได้รู้ว่านุ่นรอคอยคำว่ารักจากบอมอยู่
      และเมื่อช่วงหนึ่งใน diary จึงได้รู้ว่า
      นุ่นเข้าใจผิดว่าบอมไปรักผู้หญิงคนหนึ่งที่บอมชี้ให้พวกเราดู ณ ที่เรียนพิเศษ
      สิ่งต่อมาที่ผมได้รู้ก็คือ นุ่นไม่เคยเข้าใจสิ่งที่บอมพูดเสมอในกลุ่ม
      ว่า รัก กับ ชอบ นั้นแตกต่างกันมาก
      ผมได้แต่นึกเสียดายที่บอมไม่ยอมพูดความรู้สึกของตัวเองให้นุ่นได้รับรู้
      ได้แต่ปล่อยให้นุ่นคิดไปต่างๆนาๆ
      เพราะถ้าบอมได้พูดและอธิบายความรู้สึกของตัวเองนุ่นก็คงจากไปอย่างมีความสุขกว่านี้
      ก่อนการเร่งสอบปลายภาคไม่กี่วัน
      เพื่อให้เวลานักเรียนอ่านหนังสือเตรียมเอ็นครั้งที่2
      ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกัน กบได้ตะโกนถามเพื่อนๆทุกคนว่า
      ถ้าตอนนี้มีพรวิเศษขออะไรก็ได้สิ่งหนึ่งจะขออะไร
      คำตอบที่ได้ก็แตกต่างกันไป บ้างขอให้ หล่อ รวย สวย เอ็นติด ทุกคนตอบต่างๆกันไป
      เมื่อกบหันมามองหน้าบอมทุกคนก็หันมาเหมือนจะรอคำตอบจากบอม
      "เราขอแค่ได้พบนุ่นอีกครั้งแล้วเราจะบอกเค้าว่าเรารักเค้ามากขนาดไหน"
      บอมตอบมาพร้อมๆกับน้ำตาที่ค่อยๆคลอออกมา
      หลังที่บอมพูดจบเพื่อนในห้องหลายคนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาของตน
      วันนั้นผมจึงได้รู้ว่า นุ่นยังคงอยู่ในใจของบอมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
      วันที่ผมได้รู้อานุภาพของความรักก็คือวันประกาศผลเอ็น
      เรานัดเปิดซองจดหมายผลสอบพร้อมกันที่บ้านของกบ
      กบติด ม.เชียงใหม่ ผม ติด ที่ประสานมิตร
      แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากคือ คนที่ได้คะแนน60
      กว่าเกือบทุกวิชาไม่ติดเศรษฐศาสตร์ได้อย่างไร
      แต่คำอธิบายของบอมก็ทำให้ผมรู้ว่าบอมทิ้งความฝันที่จะเป็นนักการเงินของเขา
      มาเรียนสังคมสงเคราะห์เพื่อเดินตามความฝันของนุ่น
      ทำให้ผมได้เห็นความรักที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆหนึ่ง
      ความฝันของบอมเปลี่ยนเป็นการได้สร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
      และได้นำชื่อณัฐธิดาที่เป็นชื่อจริงของนุ่นมาตั้งเป็นชื่อสถานเลี้ยงเด็ก
      เพื่อเป็นอนุสรณ์ของผู้หญิงจิตใจดีงามคนหนึ่งที่เค้าได้เคยพบเจอในชีวิต
      คนที่ไม่รู้จักบอมดีจะมองเค้าเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ปิดตัวเองไม่ยอมเปิดใจให้ใคร
      แต่สำหรับผมรู้ดีว่าใครอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา ........
      ในเวลาโพล้เพล้สายลมลมพัดเมฆมาก่อตัวรวมกันจนกลั่นป็นเม็ดฝนลงมาสู่ดินทุกหนแห่ง
      ลมพัดเข้ามาในห้องผมอย่างแรง ทำให้กรอบรูปที่มีรูปถ่ายของพวกเราอยู่คว่ำด้านหน้าลง
      ผมหยิบมันพลิกขึ้นวางที่เดิม
      และมองไปที่รูปนั้น อีกครั้งหนึ่งที่มันทำให้ผมนึกถึง ..เธอ....

      เธอ... ผู้ที่ทำให้พวกผมรู้ได้รู้ว่าคนดัดฟันกินอาหารบางอย่างไม่ได้ ..

      เธอ... ผู้ที่ทำให้พวกผมได้หัดฟังเพลงค่าย DOJO CITY

      เธอ... ผู้ที่แนะนำให้พวกผมมองโลกในแง่ดี และออกไปต่อสู้กับปัญหา

      เธอ... ผู้ที่นำความงดงามของจิตใจเธอมาให้พวกผมได้สัมผัส

      เธอ... ผู้ที่มาเปลื่ยนแปลงชีวิตของพวกผม

      เธอ... ผู้ที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับมา

      ฝนยังคงกระหน่ำลงบนถนนสายหนึ่ง
      เม็ดฝนกระหน่ำลงมาปานจะฉีกสมุดที่อยู่ในดงหญ้าข้างๆ
      ทางเท้าเล่มหนึ่งยุ่ยขาดเป็นส่วน
      แม้จะผ่านลมฝนลมหนาวมานานเท่าใดแต่สมุดเล่มนี้ก็ยังคงอยู่ที่เดิม
      พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่ไม่อาจเป็นจริงได้เพราะคนๆ หนึ่งได้จากไปแล้ว .....

      "รัก" บางคนคิดว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่จำเป็นต้องพูด

      แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่ามีบางคนใช้ชีวิตเพื่อเสาะหาและรอคอยคำๆนี้จากปากคุณอยู่
      เมื่อคุณมั่นใจแล้วคุณควรที่จะพูดออกไป
      ดีกว่าที่จะต้องมานั่งเสียดายและเสียใจเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่

      ...สาย...เกิน...ไป....

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×