ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Mysticism Sense

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 [UP!!!]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 56


    ตอนที่ 1

                ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง มีเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน ชาวบ้านอยู่กันอย่างสงบสุขภายใต้การปกครองของพระราชาซึ่งกำลังจะสละบัลลังก์ให้แก่ว่าที่ราชาคนต่อไปคือ เจ้าชายซีวอน โดยจะมีพิธีฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในการขึ้นเป็นราชา

                ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก เป็นป่าต้องห้ามที่ชาวบ้านก็รู้ดีว่าไม่ควรเหยียบย่างเข้าไปใกล้หากไม่จำเป็น ภายในป่านั้นมีประตูสู่เมืองภูต ที่ปกครองโดยราชาคังอินผู้น่าเกรงขาม และเป็นที่เคารพรักต่อเหล่าภูตและสรรพสัตว์ทั้งหลาย

                2 นางฟ้าพี่น้องกำลังรดน้ำให้ดอกไม้ในสวนหน้าบ้านอย่างสบายอารมณ์ ทั้งสองเป็นภูตนางฟ้าที่งดงามทั้งหน้าตาและจิตใจ คนพี่สวยคม ร่างบางผอมเพรียว คนน้องใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก น่าเอ็นดู

                “ท่านพี่ฮีชอล พี่จะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดกับท่านคังอินหรอ?”นางฟ้าคนน้องหันมาเอ่ยถามคนพี่อย่างร่าเริง

                “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะให้อะไรดี ทั้งๆที่ก็ทำให้มาเยอะแล้ว”คนพี่หันมาตอบ พลางมีสีหน้าคิดไม่ตก

                “น้องว่าน้องจะทำขนมฟักทองสูตรใหม่ให้ท่านคังอินล่ะ”

                “ทำให้ท่านคังอินหรือว่าทำกินเอง หืม? อ้วนแล้วนะเราน่ะ”ฮีชอลเอ่ยแซว ก่อนจะเอานิ้วจิ้มที่หน้าท้องของซองมินผู้เป็นน้อง

                “ใครบอกว่าอ้วนกัน ท่านพี่นี่ล่ะก็ น้องงอนแล้ว”ซองมินยืนกอดอกอมลมอย่างงอนๆ

                “โอ๋ๆ พี่ล้อเล่นเองหน่า”

                “แล้วท่านพี่คิดจะบอกความรู้สึกให้ท่านคังอินรู้มั้ย?”ซองมินหันมายิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้น

                “พี่ก็ไม่แน่ใจ จริงสิ! พี่ต้องเอาผงชาดอกไม้ไปให้ท่านคังอินนี่นา”ฮีชอลตอบพลางยิ้มบางๆแล้วก็เปลี่ยนเรื่องอย่างนึกขึ้นได้

                “ถ้าเรื่องนั้นน้องเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ นี่ไง”ซองมินพูดยิ้มๆพลางใช้ปลายนิ้วเสกให้ตะกร้าลอยออกมาจากหน้าต่าง จากนั้นก็ยื่นให้ฮีชอล

                “ขอบใจนะน้องรัก”ฮีชอลตอบแล้วหอมแก้มซองมิน จากนั้นก็บินออกจากสวนดอกไม้ตรงไปยังปราสาท ซึ่งกำลังวุ่นวายน่าดูสำหรับงานฉลองครบรอบวันเกิดของราชา ฮีชอลเดินไปตามทางเดินเพื่อดูการเตรียมงานของเหล่าผู้คนในปราสาทอย่างไม่เร่งรีบนัก แล้วก็ตรงไปยังเขตส่วนพระองค์ของราชาคังอินซึ่งห้องที่จะไปนั้นคือห้องทำงานที่คาดว่าคังอินน่าจะอยู่

                พอเดินมาถึงหน้าห้อง ประตูกลับแง้มเอาไว้นิดหน่อยแต่ฮีชอลก็ตั้งใจจะเคาะประตูตามมารยาทหากแต่ได้ยินเสียงพูดคุยกันระหว่างราชาคังอินกับภูตส่งสารซึ่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวจึงทำให้หยุดชะงัก

                “ท่านราชา เมื่อไหร่ท่านจะหาคู่ครองสักที?”

                “ข้าไม่รีบหรอกเรียวอุค ทำไมจู่ๆถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา?”

                “ข้าแค่คิดว่าท่านกับนางฟ้าฮีชอลเหมาะสมกันดี”ภูตส่งสารตอบเสียงใส ใครคนหนึ่งยืนฟังอย่างตื่นเต้นกับคำตอบที่จะได้ยิน

                “เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าคิดกับฮีชอลแค่เพื่อนเท่านั้น แน่นอนซองมินก็ด้วย พวกเขาคือเพื่อนที่ดีที่สุดของข้า”ราชาคังอินตอบจริงจังและอ่อนโยน ทำให้บุคคลที่ยืนอยู่หน้าประตูถึงกับพูดไม่ออก น้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตา ตะกร้าที่เคยถือพลันหลุดมือตกลงพื้น ทำให้เรียวอุคกับคังอินตกใจแล้วเสกมนต์ไปเปิประตูทันทีดูว่าใครที่มาโดยไม่ได้รับเชิญเช่นนี้ พอรู้ว่าเป็นใครทำให้ทั้งคู่ตกใจไม่น้อย หากแต่ยังไม่ทันที่จะทักทาย ฮีชอลก็วิ่งออกไปเสียแล้ว

                ทำไมนะ ทำไมข้าถึงรู้สึกเสียใจมากเช่นนี้ ทั้งๆที่มันคือคำตอบที่ตัวข้าก็รู้ดีแท้ๆ แต่ทำไมถึงยังเสียใจ และ เจ็บปวดเช่นนี้...

                ฮีชอลบินออกจากปราสาทไปเรื่อยๆ น้ำตาแห่งความเศร้าโศกไหลไม่หยุด จนไม่รู้ตัวเลยว่าได้หลงเข้ามาในที่ที่ไม่ควรมา ที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะเป็นสถานที่ที่ราชาองค์ก่อนได้ทำการร่ายมนต์กักขังสิ่งชั่วร้ายที่เคยเข้ามารุกรานเมืองภูตแห่งนี้ ทุกคนต่างเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า เขตมนต์ดำ

                ฮีชอลหยุดแล้วนั่งร้องไห้ที่ก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่แล้วกลับมีเสียงปริศนาดังขึ้นมา

                “เหตุใดใยนางฟ้าแสนสวยถึงได้มานั่งร้องไห้คร่ำครวญอยู่แบบนี้?”

                “ข้าไม่รู้จะไปที่ไหน คนที่ข้ารักมาก รักมาโดยตลอดกลับไม่เคยคิดอะไรกับข้าเลยนอกจากคำว่าเพื่อน”ฮีชอลคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร

                “โถ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก เจ้าสนใจจะมาอยู่กับข้ามั้ยล่ะ อยู่เพื่อปกครองสถานที่แห่งนี้ เป็นราชินีของเขตมนต์ดำแห่งนี้”

                “เขตมนต์ดำ!!!”ฮีชอลตกใจเมื่อได้ยินชื่อสถานที่แล้วมองไปรอบๆตัว ป่าอึมครึมดูน่ากลัว กลิ่นอายแห่งความมืด ทำให้นึกเจ็บใจที่มาอยู่ในที่ที่ไม่ควรมา

                “ข้าว่าข้าคงต้องกลับก่อน...”

                “กลับเรอะ? เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ที่จะกลับไป ที่ๆมีแต่คนหลอกลวงเจ้า”

                “หลอกลวง? ท่านพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ?”

                “ราชาคังอินที่เจ้านั้นใฝ่หารู้ว่าเจ้าคิดยังไง แต่ยังทำเหมือนไม่รู้แล้วเอาใจใส่เจ้าอย่างดีทำให้เจ้าเสียใจและคิดเกินเลย น้องของเจ้านั้นก็รู้ดีหากแต่ไม่บอกเจ้าทำเป็นไม่รู้เรื่อง”

                “มะ...มันไม่จริง!!”ฮีชอลพูดแย้งขึ้นด้วยเสียงที่เริ่มจะสั่นเครือ น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง

                “จริงไม่จริงเจ้าก็ลองคิดดู แต่ถ้าเจ้ายอมรับข้อเสนอข้า ขอเพียงแค่กินแอปเปิ้ลลูกนี้เข้าไป พลังทั้งหมดของมนต์ดำและทุกสิ่งทุกอย่างของที่นี่จะเป็นทาสเจ้า เจ้าจะได้ทุกอย่างที่เจ้าปรารถนาหากเจ้ายอมเป็นราชินี”แล้วก็ปรากฏลูกแอปเปิ้ลสีแดงลอยอยู่ตรงหน้า ฮีชอลค่อยๆเอื้อมมือขึ้นไปหยิบแอปเปิ้ลลูกนั้น ภาพต่างๆที่แสนมีความสุขค่อยๆฉายเข้ามาในหัวแต่กลับมีเสียงที่ดังก้องคือคำว่าหลอกลวง ฮีชอลนั้นดั่งถูกมนต์สะกด น้ำตาหลั่งรินออกมามากมาย แล้วกินแอปเปิ้ลนั้นเข้าไป ฮีชอลค่อยๆหลับตาลงช้าๆชุดที่สวมใส่ค่อยๆกลายเป็นสีดำแดง สีแห่งอำนาจและความน่ากลัว พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งคราบน้ำตาได้จางหายนัยน์ตาได้แปรเปลี่ยนไปแฝงความเย็นชา และ คมกริบดุจปลายมีด

                บัดนี้นางฟ้าฮีชอลได้ถูกความมืดครอบงำจิตใจกลายเป็นราชินีแห่งมนต์ดำ....

     

     

                เวลาต่อมา ณ เมืองมนุษย์

                “คิบอม!! คิบอม!!”เสียงร้องเรียกอย่างดีใจพลันวิ่งเข้ามาในร้านขนมปัง

                “พี่อีทึกอย่าวิ่งในร้านสิ”เจ้าของชื่อเดินออกมาพลางติติงผู้เป็นพี่ที่วิ่งในร้าน

                “คิบอม ร้านเราได้รับเลือกให้ทำขนมปังให้ปราสาทล่ะ แล้วก็ได้ทำให้กับงานเลี้ยงฉลองการขึ้นเป็นราชาของเจ้าชายซีวอนด้วย”อีทึกพูดพลางจับไหล่น้องเขย่าอย่างตื่นเต้นจนคิบอมต้องจับแขนอีทึกเอาไว้เพราะเริ่มมึน

                “จริงหรอพี่ งานใหญ่เลยนะนั่น”

                “เรื่องดีที่สุดเลยใช่มั้ยล่ะ พี่ว่าต้องไปซื้อของเพิ่มซะแล้ว”

                “ใจเย็นสิพี่ เราต้องเช็คดูของในร้านก่อนว่าขาดเหลืออะไรมั้ย”คิบอมพูดจากนั้นทั้งคู่ก็พากันไปดูของที่ห้องเก็บของหลังร้าน

     

                ณ กระท่อมชานเมือง

                “ดงเฮ ทำอะไรอยู่?”เสียงของชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น

                “ข้าว่าจะไปตักน้ำที่ลำธารมาสำรองไว้น่ะ”ชายหนุ่มหน้าหวานร่างเล็กหันมาตอบ

                “อ่อ ระวังล้มล่ะ”

                “ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะลุง”ดงเฮบ่นออกมาอย่างงอนๆแล้วเดินถือถังน้ำออกไปที่ลำธารซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จัดว่าเป็นเส้นที่สุดขอบของเมืองก็ว่าได้ ดงเฮอาศัยอยู่กับลุงแค่ 2 คน นอกเมืองไกลจากผู้คนพลุกพล่านด้วยเหตุผลอะไรนั้นดงเฮก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก พอถามลุงก็ได้คำตอบแค่ว่าไม่อยากอยู่ในที่ที่วุ่นวาย

                พอมาถึงลำธารดงเฮก็ลงมือตักน้ำด้วยถังที่เอามา แต่ก็ต้องสะดุดตากับบางอย่างที่อยู่ในน้ำสะท้อนกับแสงอาทิตย์ จึงค่อยๆเอื้อมมือลงไปเก็บขึ้นมา พบว่าเป็นพลอยที่ค่อนข้างสวย แต่ทำไมถึงมาอยู่แถวๆนี้ แล้วก็ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมา ดงเฮตกใจจึงทำหลุดมือ แสงนั่นก็ดับลง ดงเฮยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ ก่อนจะจัดการเก็บมันขึ้นมาอีกครั้ง ตักน้ำจนเต็มถังแล้วรีบเดินกลับบ้านเพื่อจะเอาไปให้ลุงดู

                เมืองภูต กลางดึกเรียวอุคสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงบางอย่าง ก่อนจะตัดสินใจบินไปหาราชาคังอิน

                “ท่านราชา ท่านราชา”เรียวอุคบินมาอย่างรีบร้อนถือวิสาสะเข้าไปในห้องนอนของราชาแต่เจ้าของห้องไม่อยู่จึงตรงไปที่ห้องทำงานก็พบคนที่ตามหากำลังนั่งทำหน้าเครียด

                “มีอะไรเรียวอุค มาซะดึกดื่นตอนนี้ข้ากำลังเครียดและรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย”คังอินพูดขึ้น ก่อนจะเอนหลังหลับตาช้าๆ

                “หยุดเครียดสักพักแล้วฟังข้าก่อน ข้ารู้สึกได้ถึงพลอยจันทราของราชินีองค์ก่อน”สิ้นคำพูดของเรียวอุคทำให้ตัวของท่านราชาตั้งตรง

                “มันอยู่ที่ไหน”

                “นอกเมืองภูต แถบชานเมืองของมนุษย์”

                “ไปเอามาสิ รู้มั้ยข้าตามหามันมานานมากแค่ไหน”

                “ข้าไม่สามารถไปนำกลับมาให้ท่านได้ คนที่สามารถจับต้องพลอยนั่นได้มีแต่สายเลือดของราชินีเท่านั้น”

                “งั้นข้าไปเอง”

                “ไม่ได้ ต่อให้มันสำคัญแต่ช่วงนี้ท่านห้ามออกนอกเมืองเป็นอันขาดเพราะใกล้จะมีพิธีเฉลิมฉลองวันประสูติของท่านนะ”

                “ก็ยกเลิกงานไปสิ พลอยนั่นจำเป็นต่อข้าในตอนนี้ ข้ากำลังรู้สึกไม่ดีเกรงว่าจะมีภัย”

                “ท่านอย่าเอาแต่ใจสิ ข้าเข้าใจ ข้าเชื่อว่าพลอยนั่นต้องกลับมาหาท่านแน่นอน”

                “ทำไมเพิ่งมาเจอเอาป่านนี้”ราชาคังอินครุ่นคิด

                “ข้าคิดว่าอาจจะเป็นทายาทอีกคนขององค์ราชินีที่เจอมันเข้า”เรียวอุคตอบตามความรู้สึก

                “หรือว่านั่นจะเป็นน้องของข้า!!??”คังอินร้องขึ้นอย่างตกใจ

                “มีความเป็นไปได้สูง”เรียวอุคให้ความเห็นทำให้คังอินรู้สึกดีใจ ในที่สุดก็ได้ข่าวคราวของพลอยจันทรากับน้องชายของตน

                “งั้นข้าขอสั่งเจ้าให้ไปพาตัวน้องของข้าและพลอยจันทรามาหลังงานฉลองวันเกิดข้าเสร็จสิ้น”

                “น้อมรับคำสั่ง”เรียวอุคโค้งตัวย่อเข่าลงอย่างนอบน้อม

                “เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ขอบใจมากที่นำข่าวมาบอก”

                “ด้วยความยินดี”จากนั้นเรียวอุคก็โค้งลาแล้วจากไป

     

                เขตมนต์ดำ ในปราสาททมิฬ

                “คยูฮยอน คยูฮยอน”เสียงของราชินีองค์ใหม่ร้องเรียกสัตว์เลี้ยง

                “ครับ ท่านราชินี”ปรากฏร่างชายหนุ่มสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลาแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัวเพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่ใช่ภูตเทพารักษ์ หากแต่เขาคือมนุษย์หมาป่า

                “ข้าต้องการไปคุยกับมังกรดำ”

                “เหตุใดท่านจึงอยากไป มังกรดำเป็นสัตว์ที่รักสงบ ไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใด”

                “ข้าต้องการให้เขามาเป็นองครักษ์เยี่ยงเจ้า ไปเดี๋ยวนี้”ราชินีฮีชอลออกคำสั่ง

                “ข้าว่าท่านราชินีไปพรุ่งนี้ดีกว่ามั้ยครับ”คยูฮยอนออกความเห็น

                “ทำไม??”

                “มังกรดำทุกครั้งที่ตะวันลับฟ้าในยามราตรีเช่นนี้จะไม่อยู่ที่ถ้ำครับ”

                “เจ้ารู้เหตุผลมั้ย?”ราชินีถามอย่างสงสัย

                “ข้าก็ไม่ทราบครับ”

                “งั้นเจ้าต้องไปสะกดรอยตามมังกรดำ ดูว่าเหตุใดเขาจึงไม่อาศัยอยู่ที่ถ้ำทุกราตรี”

                “น้อมรับคำสั่ง”คยูฮยอนโค้งรับคำสั่งก่อนจะออกจากปราสาทโดยกลายร่างเป็นหมาป่าแล้ววิ่งไปตามเส้นทางที่มืดสนิทตรงไปยังถ้ำใต้ภูเขาของป่าแห่งนี้

                อีกด้านนึงในเมืองภูต ซองมินรู้สึกใจไม่ดีเมื่อยังไม่พบแม้แต่เงาของฮีชอล จึงตรงไปยังปราสาทเพื่อถามไถ่

                “ท่านคังอิน”

                “นี่เจ้าก็ด้วยรึ ข้าจะได้พักผ่อนมั้ยเนี่ย?”คังอินบ่นลอยๆหากแต่ซองมินไม่สนใจ

                “พี่ฮีชอลยังไม่กลับไปที่บ้าน เขาอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”ซองมินเอ่ยถามถึงเหตุที่มาทันทีไม่รอช้า

                “จริงหรอ? ส่งทหารออกไปตามหาเดี๋ยวนี้”ราชาคังอินหันไปสั่งทหารที่อยู่หน้าประตู

                “เขาไม่ได้อยู่กับท่านหรอกหรือ?”

                “เปล่า เขากลับไปตั้งแต่ได้ยินข้ากับเรียวอุคคุยกันเรื่องคู่ครองข้า...”

                “แล้ว...”

                “ข้าไม่ได้คิดกับฮีชอลเช่นนั้น”

                “ท่านพูดแบบนั้น พี่ข้าเสียใจมากแน่ๆ ทำไมท่านทำแบบนี้!!”ซองมินโวยวายขึ้นมาทันที

                “ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าฮีชอลยืนฟังอยู่”

                “ข้าจะไปตามหาพี่ฮีชอล”ซองมินพูดทิ้งท้ายแล้วบินออกไปทันที

                “เดี๋ยวสิซองมิน ซองมิน!!”ราชาคังอินร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงแต่ซองมินไม่ฟังแล้วบินเข้าไปในป่าทันที

                “พี่ฮีชอลฮะ พี่อยู่ที่ไหน พี่ฮีชอล”ซองมินร้องเรียกตะโกนก้องเข้าไปในป่า บินไปเรื่อยๆ บางทีก็เดินหรือวิ่งหาตามพุ่มไม้ เผื่อว่าฮีชอลจะมาหลบอยู่แถวนี้ แต่ก็ไม่พบวี่แวว ซองมินวิ่งมาเจอกับหมาป่าตังหนึ่งโดยบังเอิญ

                นี่คือน้องของท่านราชินี คนที่ทำให้ท่านราชินีเสียใจ นั่นคือศัตรู...คยูฮยอนนึกขึ้นได้ ก่อนจะขู่ออกไปอย่างน่ากลัว ซองมินที่กำลังร้อนรนใจรู้สึกร้อนที่ขอบตา น้ำใสๆไหลออกมาเป็นสาย ทั้งเป็นห่วงพี่ และก็กลัวเจ้าหมาป่าตัวนี้ จึงทรุดลงกับพื้นไม่กล้าขยับไปไหน

                “พี่ฮีชอลฮะ...พี่อยู่ไหน...!!”ซองมินร้องออกมาอย่างคร่ำครวญ ในขณะเดียวกันคยูฮยอนนึกสงสารนางฟ้าตนนี้ใบหน้าที่น่ารักตอนนี้กลับเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เสียงหวานกลับเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ก่อนจะตัดสินใจ  เดินเข้าไปปลอบด้วยการเลียแก้มใสๆของนางฟ้า แล้ววิ่งออกไปอีกทางเพื่อทำภารกิจที่รับมา

                ซองมินชะงักค้าง พลันในใจได้ยินเสียงปริศนาดังเข้ามาในโสตประสาท

                อย่าร้องไห้เลยนะทำให้ซองมินร้องไห้อีกครั้ง แม้กระทั่งหมาป่ายังมาปลอบทำให้รู้สึกเวทนาตนเองยิ่งนักก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นแล้วกลับไปดูที่บ้านอีกครั้งเผื่อว่าฮีชอลจะกลับมา















    *********************************************************************************
    มันสั้นไปมั้ยอ่าาาาาา จะพยายามมาอัพเรื่อยๆนะคับ
    ต่อให้ต้องเตรียมเข้ามหาลัยก็เถอะ >w<
    แต่ว่าช่วยกันเม้นหน่อยจิ น้าาาาาา นะๆๆๆ คนละเม้นนะๆๆๆๆ
    *.* รักรีดเดอร์ทุกคนค๊าบบบบ



     






    ใครไม่เม้น อุคงอนน้าาาาาาาา >^<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×