ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) OH! YES SEKAI | 'The Doctors'

    ลำดับตอนที่ #5 : พาริม ♣ | Narcotic.-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 929
      1
      18 ต.ค. 58

    (c)              Chess theme














    Narcotic.-

    O H  S E H U N   X    K I M   J O N G I N

    “ผมถามตัวเองอยู่เสมอว่าเจอกันได้ยังไง เราอยู่กันคนละเส้นทางมาตั้งแต่แรก จนกระทั่งวันหนึ่งดันเดินมาเจอกันในแบบที่โชคชะตามันค่อนข้างที่จะเล่นตลก จะเรียกวาอะไรดีล่ะ? เพื่อนของเพื่อน ก็ฐานะประมาณนั้นนั่นล่ะมั้ง  ไม่ได้คิดที่จะสนิทสนมด้วยสักเท่าไหร่หรอก แต่ก็นะกับหมอนั่นน่ะ...”

    “ผมจำได้ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกมันเป็นยังไง สาบานเลยว่าทันทีที่ได้รู้ว่าเขาเป็นคนในประเภทที่ จะเรียกว่ายังไงดีล่ะ ก็ไม่ค่อยจะถูกโรค กันสักเท่าไหร่ เรียกแบบนี้ก็คงได้นั่นแหละ ก็เลยต่อต้านพี่เขาอยู่นิดๆ  บวกกับไอ้นิสัยถือดี อวดดี ของผมน่ะ พอรู้สึกว่าโดนท้าทายเข้าหน่อย ก็อยากจะเอาชนะ ทำให้รู้ว่าผมไม่ได้กลัวคนแบบเขาหรอก  แต่พอได้อยู่ด้วยกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน มันกลับมีอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ผมลืมเรื่องที่คิดไว้ตั้งแต่แรกไปหมด กับพี่เขาน่ะ...”

    กว่าจะรู้ตัวอีกที 'ผม' ก็เสพติดการมีอยู่ของ'เขา' ไปเสียแล้ว

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------




    เจ้าของห้องหมุนเก้าอี้ทำงานกลับมามองเด็กตัวยาวที่เข้ามาอาศัยอยู่ในคอนโดของเขาได้หนึ่งเดือนแล้วด้วยความไม่เข้าใจ นอกจากจะไม่ไปไหนยังไม่ขยับตัวจากโซฟารับแขกของเขาไปไหนเลย และที่สำคัญเด็กนั่นปรับให้มันเป็นโซฟาเบดแล้วมานอนเท้าแขนตะแคงข้างมองเขาเกือบทั้งวัน

    "นั่งจ้องฉันไป เงินมันไม่ได้งอกออกมาให้นายมีใช้หนี้คนอื่นหรอกนะ”"

    คำพูดของคนโตกว่ายังคงทำให้สะอึกได้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้เซฮุนอาศัยคำว่าหน้าด้านล้วนๆ ตลอดหนึ่งเดือนเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการสังเกตชีวิตประจำวันของพี่จงอินจนจำได้เกือบทุกอย่าง และก่อนหน้านั้นเราคุยกันเรื่องการอยู่อาศัยนิดหน่อย กฎก็ไม่มีอะไรมาก นอกจาก...

    'ห้ามรบกวนเวลาทำงาน'

    กฎข้อเดียวคิดว่าเซฮุนจะทำไม่ได้หรอ? เหอะ...  ก็เออน่ะสิ

    "ลุกได้แล้ว อย่าทำตัวเป็นเด็กงอแงน่า” เสียงเจ้าของร้องเรียกสติของเขากลับมาอีกครั้ง เซฮุนทำเป็นนิ่งอยู่แบบนั้น จนกระทั่งอีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาแล้วพูดไปด้วยนั่นแหละ “ข้าวอยู่บนโต๊ะ"   เมื่อได้สิ่งที่พอใจคนที่นอนเหยียดยาวอยู่บนโซเมื่อครู่ก็เด้งตัวขึ้นมาอย่างทันที จงอินส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายหันกลับมาสนใจงานของตัวเอง

    เซฮุนดูขี้เกียจแต่ก็ไม่ได้เกินไปสักเท่าไหร่นัก บ่อยครั้งที่เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษและเสื้อผ้าของจงอิน ก็นะมันก็แค่เรื่องนี้เท่านั้น  แต่เรื่องอื่นกลับตรงกันข้ามจงอินเองก็คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะไปเคี่ยวเข็ญ ถึงแม้จะใช้ชีวิตร่วมกัน แต่นั่นมันก็แค่ชั่วคราว อีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัว  ถ้าอีกฝ่ายไม่คิดถึงตัวเองจงอินก็ไม่รู้ว่าจะยื่นมือไปก้าวก่ายทำไมเหมือนกัน

    เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นนั่งห้อยขาบนเตียง มองคุณนักเขียนที่นั่งหันข้างให้อยูไม่ไกลกำลังตั้งใจทำงาน วันๆ ก็วนอยู่แค่นี้ หน้าคอม ห้องนั่งเล่น เตียง ระเบียง โซฟา และที่สำคัญทุกที่ต้องมีไอ้บุหรี่นั่นติดอยู่ด้วย

    “ถ้ามันไม่ร้อนแล้วมาขออุ่นใหม่ ฉันไม่ลุกไปทำให้หรอกนะ” ได้ยินเสียงย้ำมาอีกครั้งโดยไม่หันมามองหน้า คราวนี้เซฮุนรู้ว่าอีกฝ่ายเอาจริง

    “ผมทำเองได้น่า”  ไม่มีเสียงตอบรับเพราะคุณนักเขียนเขาหันกลับไปจดจ่อกับนิยายเรื่องใหม่เสียแล้ว เซฮุนได้แต่ทำหน้าเซ็ง เพราะวิธีเรียกร้องความสนใจของตัวเองไม่ได้ผล พี่จงอินไม่เหมือนสาวๆที่เขาเคยควงมาเลยสักคน แม่พวกนั้นแค่พูดอ้อนเข้าหน่อยก็แทบจะหาทุกอย่างมาประเคนแทบเท้าให้ แต่นี่ทั้งลูกหยอดลูกอ้อน ใช้ไม่ได้ผลสักนิด สุดท้ายก็ต้องยอมลุกจากเตียงเพื่อไปทำงานของตัวเองสักที

    “ผมไปก่อน ถ้าพี่จะเอาอะไรก็โทรมาแล้วกัน”

    เซฮุนพูดขณะก้มลงใส่รองเท้าอยู่หน้าประตู หลังจากจัดการธุระส่วนตัวและมื้ออาหารที่อีกฝ่ายเตรียมไว้เรียบแล้ว ก็ถึงเวลาย้ายก้นออกไปหาเงินใช้หนี้ บอกกล่าวเจ้าของห้องแล้วแต่ดูเหมือนว่าพี่จงอินจะไม่ได้หันมามองกันเลยสักนิด เห็นว่าพยักหน้ารับทั้งที่มือยังรัวอยู่แบบนั้น ก็คงรับรู้ล่ะมั้ง

    “ขากลับซื้อบุหรี่เข้ามาให้ด้วย”  แต่ในขณะที่เขากำลังจะออกจากห้อง เสียงพี่จงอินก็ดังขึ้นเสียก่อน เซฮุนตอบอืออาในลำคอ แล้วก็ปิดประตูเดินออกจากห้องไป

    ทันทีที่ได้ยินเสียงประตูปิดจงอินก็ละมือออกจากหน้านิยายที่พิมพ์ค้างไว้ จ้องมองมันด้วยความรู้สึกที่อยากจะทำอะไรสักอย่างแต่ก็ทำไม่ได้ เขาหลับตาลงพยายามจะใช้ความนิ่งที่มีจัดการสิ่งที่ตีวนอยู่ในหัว ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่โอเซฮุนเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตเขา มันทำให้ทุกอย่างเริ่มจะรวนขึ้นไปหมด ยิ่งนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมามันยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก

    “ผมซื้อข้าวมากินด้วยกัน พี่ยังไม่ได้กินอะไรใช่มั้ย”  จงอินเงยหน้าขึ้นจากกระดาษที่เขากำลังร่างพลอตนิยายขึ้นมามองอย่างแปลกใจ เห็นเซฮุนกำลังเทอาหารใส่จานวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยก่อนจะหันมากวักมือเรียกให้เขาลุกไปกิน

    “นึกอะไรขึ้นมา” เซฮุนไม่ได้ตอบแถมยังจัดการลากเขามานั่งอีกต่างหาก ถึงจะพึ่งย้ายมาอยู่ได้สองอาทิตย์ แต่ก็ถือว่าพอจะรู้สไตล์ของอีกฝ่าย แล้วไอ้การซื้อข้าวมากินด้วยกันนี่มันไม่ใช่เลยสักนิดเดียว ปกติก็ท้องใครท้องมัน จงอินเป็นพวกทำงานดึก กินดึก ส่วนอีกคนก็กินบ้างไม่กินบ้าง

    “ทำไมมองผมแบบนั้น แค่อยากเลี้ยงเจ้าของห้องไม่ได้หรือไง”

    “หาเงินใช้หนี้ที่มันมัดคออยู่ให้หมดซะก่อนเถอะ”

    จงอินส่วนกลับไปทันทีและไม่ได้คิดว่ามันเป็นการทำลายน้ำใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่ต้องการตักเตือนให้เซฮุนรู้ว่าตัวเองยังมีภาระอีกมากแค่ไหนที่ต้องรับผิดชอบ การเอาเงินมาเลี้ยงคนอื่นแบบนี้มันเป็นเรื่องสิ้นเปลื้อง

    “พี่ทำร้ายจิตใจคนที่มีน้ำใจแบบนี้หรอครับ” อยากจะหัวเราะใส่หน้า แต่ทำได้แค่พ่นเสียงเหอะออกมาเบาๆ ถ้าทำร้ายจริงๆ โอเซฮุนจะมายิ้มร่าจนหน้าจับหัวฟาดโต๊ะใส่เขาอยู่แบบนี้งั้นหรอ “ทานเถอะ ผมแค่อยากกินข้าวกับพี่”

    “ปกติก็แยกกันกินอยู่แล้ว มานึกอยากกินอะไรเอาตอนนี้” พูดอย่างไม่จริงจังสักเท่าไหร่นัก ความจริงเขาก็หิวอยู่พอตัว วันนี้ตื่นเร็วกว่าทุกวันเลยทำให้ท้องไส้เริ่มเรียกร้องหาอาหาร แต่เขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะย้ายตัวเองลงไปซื้อกินนี่แหละ

    สุดท้ายก็กลายเป็นว่าพวกเขาเริ่มกินข้าวเย็นด้วยกันบ่อยขึ้น จงอินที่เคยทำทุกอย่างไม่เป็นเวลาก็กลับต้องมีอีกคนพ่วงเข้ามาด้วย มันอาจจะทำให้ชีวิตเขาดูเป็นระเบียบมากขึ้น แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องดีกับคนที่เอาอะไรแน่นอนไม่ได้อย่างเขาและโอเซฮุน

    ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด สุดท้ายก็ได้แต่คว้าซองบุหรี่ออกมานอกห้อง แล้วก็ตระหนักได้ว่านี่ก็เป็นอีกเรื่องที่แปลกไป แต่มันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนไปจากตัวเขาเอง จงอินไม่ใช่พวกที่จะออกมาสูบแบบนี้ เมื่อก่อนเขาอยากสูบตรงไหนก็สูบ ที่เขี่ยบุหรี่มีอยู่ทั่วห้อง แต่เดี๋ยวนี้กลับรู้สึกเกรงใจคนที่อยู่ด้วยกันจนต้องมาพ่นควันทำร้ายรังนกพิราบที่ระเบียงแทน

    หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกที่เอาออกมาตั้งไว้ อัดเข้าเฮือกใหญ่แล้วปล่อยมันลอยไปในอากาศ แต่แทนที่จะปล่อยสายตาไปตามควันเหมือนแต่ก่อนให้หัวโล่ง เขากลับมานั่งมองปลายบุหรี่ที่กำลังไหม้ไฟอย่างช้าๆ ขี้เถ้าจากเนื้อยาข้างในเริ่มยาวขึ้นเมื่อจงอินไม่ได้เคาะมันออก เขายังคงมองมันเผาตัวเองไปเรื่อยๆหลังจากที่จุดไฟครั้งเดียว

    เซฮุนก็เหมือนกับบุหรี่ยี่ห้อใหม่ที่โฆษณาตัวเองผ่านตาจงอินให้เห็นได้บ่อยๆ ความรู้สึกคงเหมือนกับตอนที่จะเริ่มลองสิ่งเสพติดชนิดนี้ครั้งแรก เขาเห็นเพื่อนสูบตอนนั้นมันก็แค่อยากรู้อยากลอง จงอินมั่นใจว่าเขาเติบโตมาดีพอที่จะไม่เสียคนด้วยบุหรี่มวนเดียว และมันเป็นอย่างที่เขารู้จักตัวเองนั่นแหละ เขาเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถเอาตัวรอดได้ในโลกใบนี้ นั่นก็ถือว่าดีพอแล้ว ส่วนเรื่องการติดบุหรี่ จงอินพูดกับคนที่เคยมาถามทัศนคติของเขาไป ว่ามันก็แค่คนไม่รักสุขภาพ

    ลมพัดเข้าปะทะหน้าทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ ขี้บุหรี่เกาะยาวที่ปลายมวน หลุดปลิวลงไปกองกับพื้น จงอินมองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งกลัว ทั้งพยายามเปรียบเปรยกับตัวเองในใจ

    โอเซฮุนก็เป็นเหมือนบุหรี่มวนนี้ ความรู้สึกระหว่างเขากับหมอนั่นคือไฟ ถ้าจงอินเผลอไผลไปสูบแล้วติดขึ้นมาเมื่อไหร่ ผลลัพธ์ตอนที่เขาหาซื้อไม่ได้ตอนหมดคงไม่สวยสักเท่าไหร่นัก

    ก็ได้แต่เตือนตัวเองเอาไว้ล่ะนะ อย่าเผลอไปหยิบขึ้นมาสูบเชียว โอเซฮุนน่ะ







    *


    เอ่อ.... สปอยล์มา..เขาก็เริ่มเรื่องกันไปแล้ว... คุณนักเขียน กับเด็กหนีหนี้(?) เขาไปอยู่ด้วยกันได้ยังไงล่ะนั่นนนนนนนน

    ดูจะเป็นเรื่องที่มึนมึนเล็กน้อยถึงปานกลาง ยังไงก็ขอฝากไว้ด้วยนะคะ เจอกันในเล่มน้า

    #OHYESSEKAI




                              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×