ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) OH! YES SEKAI | 'The Doctors'

    ลำดับตอนที่ #11 : คุณฐา ♦ โสต

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 395
      1
      5 ก.ค. 59





    โสต





    &






                   ทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาให้ตอนเช้าสิ่งแรกที่คุณได้ยินอาจเป็นเสียงของนาฬิกาปลุก และแม่ที่กำลังพยายามเคาะประตูห้อง หรือโทรศัพท์จากใครบางคน แต่สำหรับผมแล้ว ผมตื่นขึ้นมาพร้อมความว่างเปล่า ไม่มีเสียงนาฬิกา เสียงแม่เรียก กระทั่งสัญญาณเตือนจากโทรศัพท์ ผมตื่นด้วยตัวเอง และที่ต้องทำต่อมาคือการตรวจดูนาฬิกาว่าสายแล้วหรือยัง

     

     

                   10.28 นาฬิกา

     


                'ผมตื่นสาย พ่นลมหายใจพลางกลอกสายตามองเพดานห้องด้วยความเบื่อหน่าย สลัดผ้าปูที่นอนลายทางสีเทา-ดำพ้นตัว กางปลายนิ้วสางเรือนผมให้เข้าทรง ก่อนจะลุกเดินเข้าห้องน้ำ จัดการทำธุระส่วนตัว ขบคิดทุกครั้งที่มองเห็นวัตถุใดก็ตาม

     


                   เวลาที่น้ำไหลออกจากก๊อกเสียงของมันเป็นอย่างไรนะ? แปรงสีฟันที่กำลังทำความสะอาดฟันของเราอยู่ ขณะตอนที่ผมยืนอาบน้ำ ก็พยายามจินตนาการถึงเสียงเหล่านั้น ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะ...ผมลืมไปหมดแล้ว...

               


                   บรรยากาศวันจันทร์เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ผมเห็นคุณหมอบางคนวิ่งหน้าตาตื่นไปยังตึก A ที่อยู่ถัดไป เช้านี้อเมริกาโน่เย็นขายดีเป็นพิเศษ ผมลองนับใบเสร็จรับเงินดูสัก 20 แก้วได้แล้วมั้ง หน้าจอไอแพดกำลังฉายภาพยนตร์แบบมีซับ แต่ผมดูไม่ค่อยรู้เรื่องนักเพราะต้องคอยมองลูกค้าไปด้วย

     


                   การแบ่งสมาธิทำสองอย่างพร้อมกันเป็นเรื่องที่ยาก ในขณะที่ตาขวากำลังดูฉากพระเอกวิ่งหนีคนร้ายที่ลอบเข้ามาวางระเบิด ตาซ้ายก็เหลือบมองลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในร้าน ผมบอกกับตัวเองว่าอีกไม่นานคงต้องไปพบจักษุแพทย์เพิ่มเพราะตาเขนไปคนละข้าง

     


                   ‘ลาเต้เย็น น้ำตาลน้อย นมโลแฟต


    แผ่นกระดาษสีาวยู่ยี่ถูกเขียนด้วยลายมือตัวโยกเยกยื่นมาตรงหน้า ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมาถึงไว้ ดูท่าเจ้าเด็กคนนี้จะงอนอยู่ไม่น้อย เพราะเจ้าของร้านตื่นสายปล่อยให้ลูกน้องต้องทำงานคนเดียว มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คุณต้องใช้ชีวิตแบบนี้ บางทีผมอาจต้องจ้างใครสักคนมาทำหน้าที่นาฬิกาปลุกตื่นเช้า แต่คิดอีกทีมันเป็นเรื่องเปลืองเงินเกินไป จึงต้องพับเก็บโครงการ

     


    ระหว่างที่กำลังชงกาแฟอยู่นั้น เด็กน้อยน่ารักในชุดนักบัลเล่ต์สีชมพูสดใสก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับแม่ของเธอ นอกจากกาแฟร้านผมจะอร่อยที่สุดในโรงพยาบาลแล้ว เรายังมีบริการขายขนมหวาน เช่น เค้กมะพร้าวน้ำหอม ช็อกโกแลต ชาเขียว ตลอดจนคุกกี้กล่องเล็ก ด้วยคุณภาพที่ดีและย่อมเยาว์กว่ากาแฟหลอดเขียว

     


                   ภาพของเธอตอนที่กำลังเขย่งปลายเท้ามองดูขนมในตู้ ทำให้ผมนึกถึงตัวเอง....

     

               

                   ตั้งแต่เมื่อไรที่เริ่มใช้ชีวิตแบบนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ชีวิตแบบเดิมกลับมา และตั้งแต่ตอนไหนที่คิดว่าการมีชีวิตแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เหลือใคร

     


                   วันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าและเมฆสวยจนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ ผมสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลาย ในมือมีช่อดอกไม้ที่สั่งทำเพื่อวันนี้โดยเฉพาะ หลังจากการแสดงไวโอลินเดี่ยวของพี่สาวจบลง ผมขอร้องให้เธอเล่นเพลงโปรดให้ฟัง


     

                   เธอเล่นด้วยความไพเราะเหมือนกับทุกครั้ง เป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์ น่าแปลกที่จู่ๆเสียงไวโอลินก็เบา...เบาลงทีละนิด ผมบอกให้เธอเพิ่มเสียงขึ้นอีก แต่ก็ยังไม่พอใจ ผมเร่งเธอแต่ผลที่ได้กลับเป็นเสียงของไวโอลินที่เบาลง


               

                   จนกระทั่งสายไวโอลินตัวนั้นขาด เธอพูดกับผมว่า ฉันเล่นสูงกว่านี้ไม่ได้แล้วสูงที่ไหนกัน เธอเล่นเบามาก นี่เธอกำลังล้อผมเล่นเหรอ? ผมต่อว่าเธอ และพวกเราก็ทะเลาะกันอย่างรุนแรง หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ผมเริ่มหงุดหงิดเมื่อพบว่าระบบเสียงของเครื่องใช้ภายในบ้านทุกชนิดทำงานผิดปกติ


     

                   เช้าวันหนึ่งในวัยสิบเก้าปีหลังจากเดบิวท์ นาฬิกาปลุกของผมถ่านมันอ่อนลงทำให้ส่งเสียงปลุกเบามาก ผมจึงรีบออกไปที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อถ่านใหม่

     


                   บ่ายวันหนึ่งในวัยยี่สิบปี ผมกำลังอัดเสียงอยู่และเหวี่ยงใส่โปรดิวเซอร์เพราะหูฟังมอนิเตอร์สำหรับอัดเสียงในสตูดิโอไม่ได้เรื่อง

     


                   เย็นวันหนึ่งในวัยยี่สิบเอ็ด ผมยืนอยู่บนเวทีเพื่อเต้น ร้องเพลง และทำกิจกรรมร่วมกับแฟนคลับ เสียงเชียร์ของพวกเธอดังกระหึ่มทั่วทั้งฮอล มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะยืนอยู่ตรงนั้นให้นานกว่านี้ เพื่อรับฟังและจดจำให้ขึ้นใจ

     



                   จนกระทั่ง....

                   เช้าวันหนึ่งในวัยยี่สิบสองปี ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าหูของผมนั้น...ไม่สามารถได้ยินเสียงใดใดอีกต่อไป

                   ผมกลายเป็นผู้บกพร่องทางการได้ยิน

     





    &





                   ผมเคยเป็นนักร้อง

     

                       
                   เรียกได้ว่าเป็นความฝันสูงสุดของเด็กวัยรุ่นหลายคน เลิกเรียนมาเข้าบริษัทซ้อมเต้น ซ้อมร้องเพลง เรียนการแสดงตลอดจนทักษะการวางตัว ผมผ่านมาเกือบทุกรูปแบบ ผมเคยได้ขึ้นไปยืนอยู่ในจุดนั้น จุดที่สปอร์ตไลท์ตกกระทบลงมา

     


                   ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตผมต้องเลือกระหว่างการเป็นนักบัลเล่ต์และนักร้อง คิดเหมือนกันว่าถ้าเลือกเป็นนักบัลเล่ต์ ชีวิตคงไม่เป็นแบบนี้ ไม่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกปราศจากเสียงเพลง

     


                   มีคนเคยพูดว่าอาการหูหนวกก็เหมือนกับเราอยู่ใต้น้ำ มันอาจจะดูน่ากลัว บางครั้งก็รู้สึกเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก บางทีมันก็น่าเบื่อโดยเฉพาะตอนที่คุณต้องนั่งรถออกไปไกลๆ เจอกับสภาพการจราจรติดขัด คุณทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่เฉยๆ จนถึงที่หมาย

     

               

                   ลำพังแค่ตอนเป็นคนธรรมดา เวลาลืมหยิบหูฟังมาจากบ้านก็หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว แต่นี่ คุณมีทั้งหูฟังเพลงและเครื่องเล่น mp3 อยู่ในกระเป๋า อะไรจะน่าหงุดหงิดมากกว่ากันเมื่อคุณมีหูฟังแต่ฟังเพลงไม่ได้
















    - ติดตามอีก 100% ได้ใน Ohyesekai vol.2 ค่ะ -


    &

    ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ 
    ด้วยรัก.คุณฐา  #ohyessekai 

    ? cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×