ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) OH! YES SEKAI | 'The Doctors'

    ลำดับตอนที่ #1 : oharha ♣ | WEDNESDAY BROTHER

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.04K
      11
      13 ต.ค. 58

     

     

     

     

     

     

    Wednesday Brother

    PARK CHANYEOL l KIM JONGIN l OH SEHUN

     

     

     

     

    - OHARHA -

     

     

     

    GENRE : EROTIC / ANGST

    RATED : (18+)

    WARNING : เนื้อเรื่องอาจประกอบด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม รุนแรง ทั้งในแง่ศีลธรรมและจิตใจ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมรู้จักพี่ชายของผมดีที่สุด ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้จักตัวเองเลยด้วยซ้ำ

     

     

     

     

     

     

    JONGIN

     

     

     

     

     

    จงอินดึงกางเกงขึ้นสวมใส่อย่างลวกๆด้วยท่าทางที่ไม่สะดวกนัก ขณะที่ใครอีกคนยังเอนหลังเอกเขนกห่างออกไปราวหนึ่งฟุต ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางมีมวนบุหรี่รสร้อนที่เจ้าตัวรักเดียวใจเดียวกำลังถูกสูบนิโคตินลงปอด แล้วจึงมวนตัวออกมาเป็นควันสีขาวหม่นทางจมูก กลิ่นของมันกับมวนที่เขาเพิ่งจะกะเทาะออกจากมวนมาจุดสูบบ้างไม่ต่างกันนัก แต่ถ้าเรื่องรสล่ะต่างแน่ จงอินไม่ชอบบุหรี่ร้อนถึงขนาดที่เคยอ้วกแตกเพราะริคิดว่าไม่เป็นอะไรมาแล้ว

     

     

    เลื่อนมือไปสอดหางเข็มขัดเข้าหัวต่อหลังจากคาบเจ้านิโคตินแท่งเป็นมั่นเหมาะคาปากดี ความเงียบไม่ค่อยน่าอึดอัดเท่าไรนักถ้าเทียบกับการดั้นด้นเปิดปากพูดสักเรื่องแต่ฟังไม่เข้าท่า ซึ่งชานยอลก็คงคิดแบบเดียวกัน ถึงได้เปิดประตูรถลงไปแล้วเดินอ้อมสู่ฝั่งคนขับ

     

     

    “เร็วเข้าคุณผู้ชาย” คนตัวสูงเอ่ยแซว จงอินคิดว่าจะเป็นอะไรถ้าเขานั่งเบาะหลัง เสื้อเชิ้ตราคาแพงของหมอนั่นไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดูเหมือนคนขับรถนักหรอกเชื่อเถอะ

     

     

    แต่ท้ายแล้ว เจ้าของผิวสีแทนก็ทำอย่างที่อีกคนต้องการ ทันทีที่ปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับเรียบร้อยดีแล้ว ดวงตาคมถึงกับต้องกลอกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือไปรูดซิปกางเกงให้คนเป็นพี่อย่างเอือมระอา ยิ่งพอชานยอลแกล้งกระเซ้าขึ้นว่า “ฉันตั้งใจ” จงอินก็ยิ่งหมั่นไส้ที่ถูกทำไร้ยางอายใส่อย่างนี้เหลือเกิน

     

     

    “ลำบากเหมือนนะ พอน้องกลับมาอยู่ด้วยอย่างนี้แล้ว”

     

     

    เขาเข้าใจว่าชานยอลหมายถึงอะไร

     

     

    “ถ้าอยากมากนักก็ไปพึ่งอีตัวสิ”

     

     

    คนฟังเลิกคิ้ว ใครๆก็ว่าผู้ชายข้างตัวเป็นพวกไม่พูดคำหยาบ แต่พวกนั้นคงได้เจอคุณหมอจงอินแค่เฉพาะตอนอยู่โรงพยาบาลน่ะสิ ชานยอลคิด

     

     

    ไม่นานนักพวกเขาก็ขับรถกลับมาถึงบ้าน ทั้งยังเจอใครบางคนยืนรออยู่ก่อนแล้ว ฝนทำท่าจะตกแต่ก็ยังรีรอ ก่อนความโชคดีนี้จะหมดไป จงอินรีบเป็นฝ่ายเปิดประตูลงจากแล้วเร่งฝีเท้าไปไขกุญแจเปิดรั้วเพื่อให้ชานยอลพารถเข้าไป ส่วนตัวเองยืนมองว่าจะช่วยคนที่เพิ่งมาถึงขนสัมภาระชิ้นไหนบ้าง เพราะมันมีน้อยกว่าที่คิดเหลือเกินสำหรับคนที่ไปเรียนต่างจังหวัดมาตั้งหลายปี

     

     

    “ทำไมของมีแค่นี้ล่ะ” จงอินถาม พยายามมองข้ามสีหน้าไร้อารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยน เพราะเดี๋ยวจะพาลหงุดหงิดกันอีก

     

     

    “ทิ้งไปหมดแล้ว”

     

     

    สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เหลือให้พี่ชายคนรองถือก็มีแต่กล่องใส่ของกระจุกกระจิกขนาดไม่เท่าลังเบียร์ ส่วนชานยอลพอจอดรถเรียบร้อยดีแล้วก็พบว่าไม่มีอะไรให้เขาต้องช่วย นอกเหนือจากรีบเปิดประตูบ้านเพราะเซฮุนบอกเอาไว้ว่าทำกุญแจหายตั้งแต่อยู่ที่นั่นใหม่ๆ แล้วก็ไม่ได้กระตือรือร้นจะปั๊มเพิ่มหรือให้ส่งไปแต่อย่างใด เพราะเด็กหนุ่มมีโอกาสได้กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้แค่พอนับครั้งได้ ซ้ำยังค้างห้องนอนของตัวเองไม่เกินคืนอีกต่างหาก

     

     

    ระหว่างที่น้องกำลังทิ้งเป้และวางกระเป๋าเดินทางทุลักทุเลอยู่แถวโซฟารับแขก ชานยอลก็ทำหน้าที่พี่ที่ดีด้วยการรื้อหากุญแจบ้านซึ่งปั๊มรอเอาไว้ ต่อให้เรียนจบแล้ว แต่ครั้งนี้เซฮุนก็ยังทำเหมือนทิ้งที่นี่ไปโดยสมบูรณ์เมื่อตั้งใจกลับมาอยู่เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แล้วจากนั้นก็จะไปอยู่กลางทะเลอีกหลายเดือน สลับกันไปทั้งอย่างนี้

     

     

    ครอบครัวเราเป็นที่หมายปองของสาวๆ ชานยอลคงจะเท่น่าดูเวลาเซ็นแบบหรือใส่หมวกนิรภัยลงพื้นที่ก่อสร้างเพื่อตรวจงานในฐานะวิศวกรโยธา จงอินยังเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองและเพิ่งถอนตัวจากคลีนิคของรุ่นพี่ที่รู้จักเพื่อเตรียมตัวสอบแพทย์เฉพาะทาง ส่วนเซฮุนที่เป็นเหมือนลูกหลงของบ้านนี้เพิ่งเรียนจบวิศวกรรมปิโตรเลียมและรอบรรจุ ถึงแม้พี่ชายคนโตและน้องชายคนเล็กจะฟังดูเหมือนเดินทางคล้ายกัน แต่เชื่อเถอะว่ามันต่างกันสิ้นเชิง

     

     

    จงอินถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวนี้เมื่อตอนอายุได้หกขวบ ส่วนชานยอลแปดขวบ เราสองคนจึงเป็นพี่น้องต่างสายเลือดที่ใช้เวลาหนึ่งปีในการสนิทกันได้ไม่ยาก ไม่มีใครคาดคิดว่าคุณแม่จะตั้งท้องอีกหลังจากผ่านมานานขนาดนี้ กระทั่งวันที่หล่อนกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และบอกให้จงอินแทนตัวกับหน้าท้องนูนเล็กๆนั่นด้วยคำว่าพี่ชาย

     

     

    เซฮุนเป็นลูกหลงที่ทำให้ความสัมพันธ์ของชานยอลและจงอินเปลี่ยนไป อย่างแรกคือพวกเขาไม่ได้มีกันแค่สองคนอย่างแต่ก่อน อย่างที่สองคือทั้งคู่ต้องฟูมฟักและช่วยกันดูแลน้องคนเล็กเสมือนเป็นดวงใจของครอบครัว อย่างที่สาม การที่ชานยอลมีน้องชายแท้ๆเกิดขึ้นมา ทำให้เราต่างค่อยๆมองเห็นกันและกันในสถานะที่ต่างไปจากพี่น้อง ช่องว่างจากกันไม่ใช่ลูกแท้ๆหล่อหลอมให้จงอินรู้สึกผิดน้อยลงเมื่อเขากับชานยอลทดลองมีเซ็กส์กันครั้งแรกเมื่อปีก่อน -- หลังจากเซฮุนย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยได้ไม่นาน อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่เราอยู่กันสองต่อสองเมื่อโตพอแล้ว

     

     

    การที่เซฮุนกลับมา จงอินรู้ว่าชานยอลเองก็กำลังปิดบังความเครียดที่ไม่ต่างจากเขาอยู่

     

     

    “พี่ปั๊มไว้ให้นาย โตขนาดนี้แล้วก็อย่าทำของสำคัญหายง่ายๆอีกล่ะ” เจ้าของร่างสูงโปร่งทิ้งตัวลงบนโซฟาชุดแล้วสไลด์พวงกุญแจสามดอกไปกลางโต๊ะ มันหยุดใกล้มือของเซฮุนพอดิบพอดี “ผิวคล้ำขึ้นนะเรา แปลกตาไปเลย”

     

     

    “เล่นกีฬาน่ะดีจะตาย แถมผิวแทนยังทำให้ดูสุขภาพดีด้วย” จงอินหยอกพี่ชายคนโตที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ส่วนชานยอลก็ได้แต่หัวเราะขณะรับแก้วมัคมาดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล มองดูคนที่เพิ่งมาจากครัวค่อยๆหย่อนตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัวอย่างเอื่อยเฉื่อย “แล้วเราล่ะเซฮุน รอบรรจุเดือนไหนนะ”

     

     

    คนถูกถามนิ่งคิดไป สีหน้าสงบนิ่งของเซฮุนนั้นค่อนข้างน่าอึดอัดมาแต่ไหนแต่ไร มันยากที่จะเดาใจว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ “เดือนหน้าผมต้องไปทำเรื่องที่บริษัท แต่บรรจุเข้าทำงานจริงๆก็เดือนกรกฏาคม”

     

     

    จงอินพยักหน้ารับพลางยกแก้วกาแฟในมือขึ้นดื่มบ้าง ส่วนน้องชายคนเล็กเองก็ไม่ได้ขออะไรมากไปกว่าน้ำเปล่าเย็นๆที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขกตรงหน้า เพราะเป็นอย่างนี้ แต่ไหนแต่ไรเขาจึงสนิทใจที่จะคุยกับชานยอลมากกว่าเด็กที่พูดจาน้อยคำและชอบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีทะมึนอย่างเซฮุน อันที่จริง จงอินไม่อยากจำกัดความรู้สึกพวกนี้ออกมาเป็นถ้อยคำที่ชัดเจนนัก แต่เอาเป็นว่าถ้าต้องอยู่สองต่อสองกับเซฮุน เขามักจะกลัวแบบไร้สาเหตุทุกที

     

     

    บทสนทนาของเราสามคนไม่เคยยาวนาน จงอินจึงลุกขึ้นแยกตัวไปหยิบเสื้อคลุมแล้วขอตัวกลับไปโรงพยาบาลโดยอ้างเรื่องลืมเอกสารไว้ที่โต๊ะทำงาน ซึ่งชานยอลก็มีทีท่าว่าอยากลุกตามมาจริงๆ เขาจึงรีบเผ่นก่อนที่อีกฝ่ายจะเลือกทิ้งน้องชายคนเล็กให้อยู่ตามลำพัง

     

     

    จงอินกับชานยอลไม่ใช่คนรักหรือแฟนเฟินอย่างที่คนส่วนใหญ่เรียกคู่ของตัวเอง แน่นอน เรายังอยู่ในสถานะพี่น้องทั้งทางนิตินัยละอาจจะพฤตินัย หากความแปลกประหลาดอย่างเดียวคือเซ็กส์ที่มักจะเกิดราวกับทั้งคู่เป็นแค่เพื่อนนอนของกันและกัน มันช่วยปลดปล่อย ทั้งยังไม่มีใครรู้ใจชานยอลเท่ากับจงอินอีกแล้ว

     

     

    มือสีแทนล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เขายังไม่เดินออกมาไกลจากละแวกบ้านมากนัก นี่มากกว่าครั้งที่ร้อยที่จงอินปล่อยพี่น้องในสายเลือดให้คุยกันเองสองคน ส่วนตัวเขาก็แค่เดาว่าชานยอลจะเล่าอะไรให้พี่ชายคนกลางอย่างเขาฟังต่อจากนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

    CHANYEOL

     

     

     

     

     

    ชานยอลกลับมาถึงบ้านตอนเที่ยงคืนครึ่งเพราะติดประชุมงานที่ไซต์ ถ้าพูดโดยไม่ปด เขาเครียดพอสมควรถ้าเกิดว่าการก่อสร้างที่กำลังเร่งมือในตอนนี้ไม่สามารถเสร็จทันตามกำหนดในสัญญา นั่นหมายถึงทางบริษัทอาจต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงินถึงห้าเปอร์เซนต์จากรายรับทั้งหมด แล้วคนที่ต้องตกที่นั่งลำบากก็คือนายช่างอย่างเขา

     

     

    ไฟห้องโถงปิดสนิทเหมือนไม่มีคนอยู่ เขาแขวนเสื้อโค้ทสีดำที่ซื้อติดมือกลับมาจากทริปเที่ยวอังกฤษเมื่อปีที่แล้วไว้กับเสาแขวนที่จงอินชอบเรียกติดตลกว่าต้นคริสมาสต์ ทั้งที่คิดว่านอนไปแล้ว แต่ดูเหมือนชานยอลจะเดาผิดเมื่อเห็นแสงไฟเรืองออกมาจากห้องครัวขณะที่เขากำลังเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง ชายหนุ่มตัดสินใจวางข้าวของกองไว้ใกล้บานประตูอย่างลวกๆ จากนั้นจึงสาวเท้าไปดูว่าใช่คนในความคิดจริงหรือเปล่า

     

     

    แล้วก็ไม่ผิด จงอินโน้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อหยิบนมร้อนในแก้วมัคออกมายืนดื่มตอนดึกๆ ชุดที่ใส่อยู่เป็นเสื้อยืดตัวโปรดกับกางเกงวอร์มสีเทาจั๊มข้อเท้าที่สั่งซื้อจากอินเทอร์เน็ต คิ้วนั้นเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นคนมาใหม่ยืนอยู่ตรงประตูครัว ก่อนริมฝีปากจะเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเล็กๆเพื่อรอเขาสาวเท้าเข้าไปใกล้

     

     

    ชานยอลเป็นคนคิดเยอะแต่ก็น้อยอย่างน่าประหลาด มือใหญ่จาบจ้วงเข้าที่เว้าเอวก่อนจะใช้อีกมือจับเอาแก้วมัคอุ่นๆขึ้นจรดริมฝีปาก นมพาสเจอร์ไรซ์ยี่ห้อนี้อร่อยดีอย่างที่จงอินว่า แต่ช่างมันก่อน

     

     

    “เซฮุนล่ะ”

     

     

    “เข้านอนไปแล้ว แยกกันตอนสี่ทุ่ม” จงอินตอบเสียงเบาหวิว ทำเอาพี่ชายคนโตเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่น้องสองคนอยู่ด้วยกันได้ถึงดึกเพียงนั้น

     

     

    ร่างสูงกดริมฝีปากลงบนอวัยวะเดียวกันทั้งรุนแรงและดูดดื่ม ผิดข้อตกลงที่ว่าให้ห่างกันสักพักในช่วงสามสี่เดือนนี้ เป็นว่าตอนนี้ชานยอลทนไม่ไหว แล้วจงอินก็ไม่ได้ไล่ไปหาอีตัวที่ไหนเพราะรู้ว่าคนเป็นพี่หงุดหงิดกลับมาเต็มที

     

     

    “ทำแค่ข้างนอกนะ” จงอินคงกลัวเซฮุนจริงๆ

     

     

    ในช่วงแรก ชานยอลยังเหลือบมองประตูอยู่เป็นระยะ ทั้งยังพยายามไม่ส่งเสียงจ๊วบจ๊าบเวลาดูดดุนลงไปบนร่างกายอีกฝ่ายเช่นเดียวกับที่จงอินกักเก็บเสียงตัวเองเอาไว้ได้เงียบกริบ แต่เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันจึงน่าหายห่วงเพียงพอให้หนุ่มตัวสูงเลิกระวังและจัดการถอดกางเกงตัวเองออกเพื่อให้จงอินที่กำลังย่อตัวลงทำได้ถนัดถนี่ขึ้น

     

     

    เสียงครางต่ำในลำคอเบาหวิว เขาเอนพิงสะโพกกับโต๊ะครัวแล้วจินตนาการภาพฟันขาวกำลังรูดรั้งแกนกายด้านล่างไปด้วย จงอินทั้งไล้เล็ม ใช้ลิ้นกวัดแกว่งไปตามจุดกระสัน แกล้งย้ำซ้ำราวกับให้รางวัลความอดทนที่เราต่างอดกลั้นมาทั้งสัปดาห์ มันช่างฟังดูน้อยนิด แต่ยาวนานเหลือเกินสำหรับคนที่ต้องอยู่ร่วมชายคาบ้านด้วยกันทุกวัน

     

     

    เขาขยับสะโพกกระทุ้งมันเข้าไปในปาก ลึกจนเสียดคอหอยแต่จงอินก็ไม่ว่าอะไร นอกเสียจากเอียงองศาใบหน้าเปลี่ยนมุมให้ชานยอลลืมคำว่าเคยชินก็เท่านั้น ห่อปากขยับหัวเข้าออก ปล่อยให้เจ้าแท่งร้อนนั่นขยายใหญ่จนคับปากแล้วพ่นน้ำรสเฝื่อนจนล้นไหลออกทางปาก

     

     

    ชานยอลมองมือสีแทนยกขึ้นเช็ดคางอย่างลวกๆ รีบรั้งแขนอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นไวๆเพื่อเขาจะได้ช่วยจงอินจนถึงบ้าง แต่ดูเหมือนว่าต้องหยุดทุกอย่างเอาไว้เมื่อคนตรงหน้าขืนท่อนแขนออกจากมือ แล้วมองไปที่ประตูครัวด้วยความตื่นตระหนกอย่างกับเห็นผี

     

     

     

     

     

     

     

     

    SEHUN

     

     

     

     

     

    เซฮุนกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นสัปดาห์ที่สองแล้ว แต่ก็เพิ่งจะสัมผัสความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้แค่วันอาทิตย์และช่วงเย็นไม่ถึงสองชั่วโมงของเกือบทุกวัน

     

     

    หนึ่งคือสี่ในหกครั้ง พี่ชายสองคนจะกลับบ้านพร้อมกันโดยที่ยังไม่ได้แวะกินมื้อเย็น น่าแปลก เซฮุนไม่รู้ว่าวิศวกรกับหมอเลิกงานพร้อมกันหรืออย่างไร ชานยอลอ้างว่าแวะรับจงอินเป็นประจำอยู่แล้ว และเขาก็ไม่เห็นประโยชน์ของการครุ่นคิดเรื่องนี้จึงยอมตัดทิ้งไป ส่วนสอง เซฮุนแน่ใจว่าเขาคงเป็นส่วนเกินไม่ผิดแล้ว เมื่อเหตุการณ์ในครัวมันฟ้องชัดยิ่งกว่าครั้งไหนที่พี่ๆพยายามปลอบใจ

     

     

    เซฮุนไม่ต้องการตกเป็นเป้าสายตา ถึงแม้ว่าเขาจะมองพี่ชายสองคนในแบบเดียวกันเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ร่างสูงผอมก้าวออกมาไกลจากครัวแล้วหลบตัวเองเข้ามาในห้อง ครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่อยู่ซ้ำๆกระทั่งฟ้าสาง

     

     

    อีกแล้ว ในหัวเขาเฝ้าวนเวียนอยู่แต่คำนี้ และเชื่อว่าตัวเองคงจะอุทานมันอยู่ซ้ำๆตั้งแต่แรกเกิด เมื่อรู้ประสาครั้งแรก เซฮุนมีพี่ชายสองคนเดินประกบข้าง ทั้งสอนให้ทำนู่นทำนี่และดูแลเขาอย่างที่แม่บอก ทว่ามันฝังสิ่งหนึ่งลงสู่ใจเด็กน้อยก่อนที่ความคิดจะเริ่มแปลกแยก เขามีพี่ชายสองคน -- สองคนเสมอ เพราะทั้งคู่ไม่เคยแยกจากกัน ชานยอลว่าอะไรดี จงอินก็ว่าดี ชานยอลอยู่คุยกับเขา จงอินก็มักจะพยายามอยู่ด้วย แต่ถ้าไม่มีชานยอล จงอินก็มักยอมทิ้งให้เซฮุนอยู่คนเดียว นั่นคือวัฏจักรของเราสามคนซึ่งเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

     

     

    เสียงทุ้มต่ำร้องเรียกชื่อเขาเสียงเคาะประตูในตอนเช้า เซฮุนกำลังชั่งใจว่าควรแกล้งหลับดีไหม เขาหันไปเห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของตัวในกระจกแล้วรู้สึกเกลียดขึ้นมาเสียฉิบ

     

     

    สมการในหัวถอดออกมาเป็นข้อๆ

     

     

    เมื่อเปิดประตูออกไปเจอชานยอลในชุดเตรียมออกไปทำงาน เยื้องไปข้างหลังก็เห็นจงอินกำลังยืนกอดอกเงียบๆเป็นบุคคลที่สามอีกแล้ว มันตอกย้ำความคิดในหัวของชายหนุ่มให้ยิ่งเป็นเส้นหนาและแข็งกร้าวกว่าครั้งไหน

     

     

    “เซฮุน...” ชานยอลตัดพ้อความสงบนิ่งของเขา แต่เซฮุนกลับอยากแสดงออกว่าร้อนเป็นไฟมันรู้สึกอย่างไร

     

     

    “ตั้งแต่เมื่อไร” เขาถาม ส่วนคนฟังเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงสลด

     

     

    “ตั้งแต่นายไม่อยู่”

     

     

    มือของเซฮุนกำเข้าหากันแน่นจนเห็นเส้นเลือดที่หลังมือ แต่เขาก็เบี่ยงมันไปซ่อนไว้ด้านหลังก่อนที่จะถูกเห็น มันเป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่ว่าเมื่อไร ชานยอลกับจงอินก็มักจะทำเหมือนไม่จำเป็นต้องมีคนที่สามก็ได้ สมการในหัวเซฮุนไม่สมบูรณ์

     

     

    “มันดีไหม” เซฮุนถามอีก ครั้งนี้ การไม่ตอบของชานยอลถือเป็นคำตอบตรงตามที่เขาคิด

     

     

    เขามองหน้าพี่ชายทีละคนด้วยแววตาว่างเปล่า

     

     

    “รับผมเข้าไปด้วยสิ”

     

     

    “....”

     

     

    “อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว นั่นคือสิ่งที่พวกพี่ควรทำไม่ใช่เหรอ”

     

     

     

     

     

     

    TRAILER

    #OHYESSEKAI

     

     

     

     

     

     

     

    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×