ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) OH! YES KAIHUN | Dusk Till Dawn

    ลำดับตอนที่ #6 : มลินค่ะ △ | HIDE AND SEEK

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.09K
      3
      15 พ.ย. 57

     




     

     - HIDE AND SEEK -

     

     

     

    คุณเคยมีแฟนไหมครับ?

    แล้วปัจจุบันยังคบกันอยู่หรือเปล่า...ถ้ายังรักกันหวานชื่นผมก็ดีใจด้วย

    แต่ถ้าเลิกกันแล้วผมก็มีคำถามสักข้อว่าคุณกับเขาน่ะจบกันด้วยดีหรือเปล่า?

     

    โดยส่วนตัวผมคิดว่าแม่งจะจบกันด้วยดีได้ไงในเมื่อต้องมีคนนึงต้องเสียใจ นี่มันเรื่องตอแหลชัด ๆ แล้วอะไรคือการไปอวยพรให้มันเจอคนที่ดีกว่า บะบะบ้าไปแล้ว...มีแต่พวกขี้แพ้ที่หวังว่าไอ้หอกนั่นจะรีเทิร์นกลับมาเพราะความสงสารเท่านั้นแหละที่จะพูดอย่างนั้นน่ะ

     

     

    เพราะงั้นไอ้เรื่องจบลงด้วยดีหรือจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้นี่มันโคตรเลอะเทอะสิ้นดี

     

     

    สิ่งที่ผมมองเห็นในตอนนี้มีเพียงแค่ซากกลีบดอกไม้บนโต๊ะที่ร่วงลงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านใบกำลังปลิวไหวไปกับแรงลม มือของเพื่อนสนิทอย่างปาร์คชานยอลกำลังรัวกดเกมหอกอะไรสักอย่างอย่างบ้าคลั่ง และเกมเส็งเคร็งนั่นมันทำให้ผมตาลายทุกครั้งที่ชะโงกหน้าไปดู

     

    เสียงถอนหายใจของตัวเองเป็นเสียงเดียวที่ผมได้ยินในตอนนี้ถ้าไม่รวมเสียงบทสนทนาของนักเรียนที่เดินผ่านมาในเวลาพักเที่ยงและคงจะเป็นแบบนี้ไปจนถึงบ่ายสองเพราะช่วงบ่ายเป็นคาบกิจกรรม

     

    และนั่นคือเหตุผลที่ผมมานั่งทำหน้าเหมือนหมาพิการอยู่ตรงนี้ทั้งที่จิตใจไม่สงบ กี่นาทีแล้วก็ไม่รู้ที่ผมนั่งพลิกซ้ายพลิกขวา หักข้อนิ้วเล่น เสยผม ยกมือถือขึ้นมาเปิดแอพกล้องเพื่อส่องดูเบ้าหน้าตัวเองว่ายังหล่อดีอยู่ไหม หรือออะไรก็ตามบนโลกใบนี้ที่สามารถทำได้โดยการนั่งอยู่กับที่โดยไม่ขยับดากไปไหน แน่นอนว่าผมทำแล้วทั้งหมด

     

    เดี๋ยวกูไปก่อนนะ จะบ่ายแล้ว

     

    ไปพ่อง...อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนดิ ผมคว้าแขนเพื่อนรักไว้แล้วส่ายหน้าพรืดพร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือ ซึ่งไอ้เพื่อนตัวดีก็ไม่ได้แสดงออกให้ชื่นใจเลยว่ามันจะอยู่เพราะประโยคขอร้องนี้ ไอ้ชานยอลมองด้วยหางตาก่อนจะแกะมือผมออกแถมปิดท้ายด้วยการจงใจถอนหายใจแรง ๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่พอใจอีกด้วย

     

    ช่วยไม่ได้เซฮุน มึงทำตัวเอง

     

    ตอนนั้นมันหน้ามืดอ่ะ กูรู้สึกเหมือนถูกผีผลักเลย ผมเอื้อมมือไปสุดขอบโต๊ะฝั่งตรงข้ามเพื่อกระตุกแขนเสื้อเพื่อน แต่ไอ้ชานยอลเสือกง้างมือขึ้นทำท่าจะโบกกบาลผมซะอย่างนั้น

     

    มึงจะให้กูนั่งอยู่ตรงนี้เพื่อรอแฟนเก่ามึงมาทั้ง ๆ ที่มึงก็รู้อยู่เต็มอกว่ากูคิดยังไงกับมึงน่ะเหรอ

     

    อย่าซีเรียสดิ กูกับมันจบกันไปนานแล้วป่ะวะ นี่ก็แค่มาโคเรื่องงานกีฬาสี ผมยังคงส่งสายตาขอความเห็นใจจากเพื่อนซี้ แต่ถึงอย่างนั้นประโยคก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ไอ้ชานยอลสบายใจขึ้นมาเลย

     

    ปากมึงบอกว่าจบ แต่พอไอ้จุนมยอนบอกว่าตัวแทนห้องบีที่จะมาโคงานด้วยคือคิมจงอินมึงก็เสนอหน้ายกมือขึ้นทันทีนี่คือ?

     

    บอกแล้วว่าผีผลัก ผมปั้นหน้ามึน

     

    พูดก็พูดเถอะว่ะ ร่างกายผมเหมือนมีระบบอัตโนมัติทันทีที่ได้ยินชื่อไอ้เปรตนั่น คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่ง แต่ดันมาสปาร์คกันตอนม.ต้นปีสองเพราะรู้สึกว่าที่เป็นอยู่มันมากกว่าเพื่อน แต่ผมขอไม่เล่าแล้วกันว่าสมัยนั้นความรักของเด็กหนุ่มวัยขบเผาะมันสมถุยแค่ไหน เพราะยังไงสุดท้ายผมกับมันก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี เลยจบแห่ตั้งแต่ตอนม.ต้นปีสาม เข้าหน้ากันไม่ติดอีก และแน่นอนว่าผมไม่ได้เป็นคนบอกเลิก

     

    ยังชอบมันอยู่ก็บอกมา

     

    ไม่เว้ย! กูตอบได้เต็มปากที่มีแต่เหล็กนี่เลยว่าไม่สักนิด!” ผมรีบโพล่งออกไปพร้อมชี้เหล็กดัดฟันให้ดู ซึ่งไอ้ชานยอลก็นิ่งไปแป๊บนึง สุดท้ายมันก็เอื้อมมือมายีหัวผมอย่างเอ็นดูเหมือนที่มันชอบทำ

     

    ถ้าไม่ชอบก็ยอมเป็นแฟนกูสักทีสิ

     

    หึ กูไม่เป็น ผมหรี่ตาแล้วส่ายหน้า นี่กล้าปฏิเสธแบบชั่ว ๆ เลยว่ายังไงผมก็ไม่เอามันทำแฟนเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าชานยอลมันไม่ดีนะ มันเป็นคนหล่อ สูง เท่ ดูดี แถมยังชอบทำตัวป๋าให้ผมรู้สึกว่าเป็นเด็กเสี่ยอยู่ตลอดอีกด้วย

     

    ขอเหตุผลที่ทำให้กูอยากตัดใจจากมึงภายในครั้งเดียวหน่อยซิ คนตัวสูงหันกลับมานั่งมองผมอย่างจริงจัง

     

    กูจะไม่จับเพื่อนทำแฟนอีกแล้ว ถ้ามึงไม่อยากมีจุดจบเหมือนคิมจงอินก็อย่าเสือกพูดแบบนี้อีก ผมชี้หน้าไอ้ชานยอลและส่งสายตาไปเป็นเชิงบอกว่ากูจริงจังมาก

     

    ปกติมันน่าจะพูดอะไรออกมาแล้วเช่นการยกเหตุผลทั้งโลกมาให้ผมได้รู้สึกผิดที่ไม่ยอมตกลงเป็นแฟนกับมัน แต่นี่ไอ้เพื่อนตัวดีเสือกแค่มองหน้าผม...ก่อนจะเลื่อนระดับสายตาขึ้นไปอีกนิดนึง

     

    จบแบบไหนวะ?

     

    ถ้าผมไม่เทพจนอ่านความคิดของไอ้ชานยอลได้ งั้นแสดงว่าเสียงนี้คงมาจากคนอื่นที่ไม่ใช่คนตัวสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพราะปากมันไม่ได้ขยับเลยสักนิดเดียว

     

    พอปล่อยให้สมองได้ทบทวนทุกอย่างจู่ ๆ ขนแขนก็ลุกซู่ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด จะว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อกี้มันค่อนข้างที่จะคุ้นหูคุ้นตีนอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ถึงมันจะทุ้มต่างไปจากเดิมหน่อยก็เถอะ...เดี๋ยวนะ

     

    เชี่ย!!!” ผมแทบตกจากเก้าอี้ทันทีที่หันไปเห็นผู้ชายผิวสีแทนในสภาพชุดนักเรียนฤดูร้อนกำลังยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างหลัง และแน่นอนว่ามันคือซากมนุษย์หายใจได้ที่ผมเพิ่งนินทาไปเมื่อกี้นี้

     

    ไงเหยิน ไม่ได้เจอกันนาน ลองไทม์โนซีสบายดีนะ?

     

    เหยินพ่อนายดิครับ

     

    แหน่ะ ยังปากดีเหมือนเดิม ว่าแต่ใครล่ะที่จะมาคุยเรื่องกีฬาสี...มึงเหรอปาร์คชานยอล?ไอ้จงอินมองข้ามหัวผมไปหาอีกคน นี่มึงจะเกินไปแล้วนะ ตอนยังคบกันมึงก็ชอบทำอะไรข้ามหัวกูตลอด นี่ขนาดเลิกกันไปเป็นปี ๆ แล้วก็ยังเหมือนเดิม

     

    เปล่า กูไปนะเซฮุน ประโยคแรกตอบไอ้จงอินก่อนจะหันมามองผมด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ ซึ่งคงมีแต่คนมาใหม่อย่างไอ้เส็งเคร็งคิมจงอินเท่านั้นแหละที่จะยืนงงเพราะไม่เข้าใจว่าใครไปเอาไฟแช็คลนขนหน้าแข้งไอ้ชานยอลหรือเปล่ามันถึงได้ทำหน้าหงิกแบบนั้น

     

    สรุปคือมึงเหรอ

     

    เออ ถ้ารู้ว่าตัวแทนห้องบีคือมึงนี่กูจะไม่มาเด็ดขาด ผมเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแบบว่าคนหน้าดีคนหนึ่งจะมองเหยียดแฟนเก่าได้ ซึ่งไอ้จงอินก็แค่ไหวไหล่ก่อนจะอ้อมไปทางเก้าอี้ตัวที่ไอ้ชานยอลนั่งก่อนหน้านี้

     

    บุพเพชัด ๆ ที่ทำให้เราได้รีเทิร์นกลับมาเจอกันอีกมันพูดเหมือนมันเป็นเรื่องตลก ไอ้ชั่วคิมจงอินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอาสมาร์ทโฟนเคสสีดำขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะแล้วมองหน้าผม

     

    กูว่าเวรกรรม

     

    ฟังแล้วชื่นใจผมเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มมองคนตรงหน้า คงมีแค่มันนั่นแหละที่เอาแต่ยิ้มล่อส้นตีนไปจูบปากในขณะที่ผมเดือดไปหมดแล้ว

     

    มันก็จริงอยู่ที่โอเซฮุนเสนอหหน้ามาเอง ถึงปากจะอ้างว่าผีผลักหรืออะไรก็ตาม แต่ความจริงแล้วมันเป็นผมเองนั่นแหละที่อยากมาเจอมันเองเลยใช้จังหวะนี้สร้างเรื่องบังเอิญขึ้นมา แน่นอนว่าผมไม่ได้อยากสร้างความประทับใจอีกครั้งเพื่อให้มันกลับมารักผมเหมือนสามปีที่แล้ว เพราะตอนนี้แค่มองหน้ากันทั้งมือและตีนก็คันไปหมด

     

     

    และเหตุผลที่โอเซฮุนมาอยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากให้ไอ้เวรคิมจงอินรู้สึกเสียดายที่ทิ้งผมไป

     

     

    จัดฟันนานแล้วเหรอ

     

    เสือกแล้ว

     

    หมอให้ถอดเหล็กออกตอนไหน

     

    อีกแปดเดือน...เอ๊ะ กูบอกว่าเสือกไง

     

    ไม่เสือกก็ได้ นี่ตัดผมครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ กูว่าตอนมึงเอาผมลงดูดีกว่านะ สายตาจับจ้องอยู่ที่หัวของผมที่เซ็ทมาเป็นอย่างดี ส่วนมือมันก็เขี่ย ๆ หัวตัวเองเป็นท่าประกอบ

     

    จริงดิ แต่มีคนบอกว่ากูทำผมตั้งแล้วหล่อนะ

     

    โดนดักควายแล้ว มึงทำทรงไหนก็ไม่หล่อทั้งนั้นแหละ พูดจบมันก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เล่นเอาหน้าผมแห้งไปตามอากาศวันนี้ไปโดยปริยาย

     

    นี่เล่นกวนตีนไม่เลิกถ้าไม่ติดว่าเคยเป็นเพื่อนกันกูคงลุกไปต่อยหน้ามึงแล้ว นี่เลยครับ โชว์โหดจริงจังใส่มันสักดอก ต่อให้เป็นคนกวนตีนแค่ไหนก็ต้องรู้สึกผิดบ้างแหละที่สาระแนพูดเล่นกับแฟนเก่าอย่างกับเป็นเรื่องตลก ฟั้ค

     

    ถ้าบอกว่าแค่เพื่อน การคุยกันแบบนี้มันก็ไม่แปลกป่ะวะ? ไอ้จงอินพูดหน้าตาย ผมเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิดเพราะประโยคนี้เหมือนจะบีบให้ผมพูดขึ้นมาว่าก็ได้ เราเคยเป็นแฟนกัน ยังไงอย่างนั้น

     

    มึงควรจะอึดอัดตอนเจอหน้ากู ไม่ใช่อยากพูดอะไรก็พูด อารมณ์ดีมากป่ะห่าแดกขายหัวเราะมาไง?

     

    คนที่ต้องอึดอัดคือมึงต่างหาก ไม่เหนื่อยเหรอ

     

    ทำไมกูต้องเหนื่อย

     

    ที่พยายามกับเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งที่ตัวมึงเองก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น กูว่าตอนมึงฟันเหยินยังน่ารักกว่านี้อีก

     

    กูไม่จำเป็นต้องฟันเหยินเพราะแฟนเก่าบอกว่าน่ารักหรอกว่ะ

     

    อ้าวเหรอ เห็นเมื่อก่อนเคยบอกว่าคำพูดของกูมีผลต่อมึงเสมอ ไอ้จงอินหัวเราะอีกแล้ว แต่คราวนี้มันไม่ได้หัวเราะเยาะเหมือนประโยคก่อนหน้านี้ ซึ่งมันแย่มาก ๆ ที่ผมรู้สึกใจวูบขึ้นมาเพราะมันจำคำพูดของผมเมื่อนานมาแล้วได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

     
     

    ไม่ได้...ผมต้องทำให้มันรู้สึกว่าพลาดแล้วที่ทิ้งผมไป!!!

     
     

    โว้ว กูเคยพูดแบบนั้นด้วย?ผมแกล้งทำตาโตปั้นหน้าเกินจริงไม่เห็นจะจำได้เลย

     

    นอกจากจะพยายามเกินตัวแล้วยังแสดงละครไม่เก่งอีกต่างหาก

     

    ใคร๊ใครจะไปแสดงละครเก่งเหมือนมึงล่ะครับ นี่แทบจะเอาแดซังให้ ผมแค่นหัวเราะ

     

    กูเนี่ยนะ ไหนบอกมาซิว่ากูทำอะไร

     

    ขอไม่พูดถึง ผมทำมือปัด ๆ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น แสดงออกให้เห็นไปเลยว่าผมไม่ได้แฮปปี้เลยสักนิดกับการคุยเรื่องในอดีตของเรา ซึ่งความจริงแล้วผมคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ มาตลอด

     

    หน่อยน่า เหลือเวลาอีกตั้งนานกว่าจะหมดคาบกิจกรรม ไอ้จงอินหัวเราะ

     

    ทุกอย่างที่มึงทำกับกูนั่นแหละคือการแสดง สุดท้ายผมก็หลุดปากพูดออกมาจนได้ นี่ผมเพิ่งเชื่อคำพูดไอ้จงอินเมื่อสามปีก่อนก็ตอนนี้แหละว่ามนุษย์ที่ชื่อโอเซฮุนแม่งความอดทนน้อยจริง ๆ

     

    เช่น

     

    กูไม่เล่า

     

    สปอยล์ให้อยากรู้แล้วก็อุดปากเงียบเหรอเหยินซี่

     

    ไรมึง กูแค่ไม่อยากเสียเวลาคุยกับมึงหรอกครับคิมจงอิน ผมมองคาดโทษคนตรงหน้าที่เอามือเท้าแก้มมองผมยิ้ม ๆ

     
     

    เวรเอ้ย...ผมอยากมองหน้ามันนาน ๆ บ้างจัง แต่กลัวมันรู้ว่าผมไม่ได้เก่งเหมือนปากที่เอาแต่พูดเรื่องไม่ดีออกไป

     
     

    ตอนนี้มึงสูงเท่าไหร่

     

    เลิกเสือกสักทีดิ๊ รำ ผมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดถึงจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น กลับกันแล้วตอนนี้ผมยังใจเต้นแรงเพราะสายตาของมันที่มองมาอีกด้วย

     

    มึงคบกับไอ้ชานยอลเหรอ

     

    ไม่ได้คบ ถามทำไมวะ ผีสางตนไหนล้างสมองมึงให้สนใจเรื่องกูขึ้นมา? ผมเลิกคิ้วถาม ซึ่งไอ้จงอินก็เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือมาเขี่ยปลายจมูกผมเบา ๆ จนต้องหยีตาลงเล็กน้อย

     

    ก็แค่อยากรู้เรื่องของคนเคย ๆ กัน ถ้ามึงรู้สึกว่ากำลังเสียเปรียบจะถามคืนบ้างก็ได้นะ มันพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ พร้อมหยิบมือถือผมไปกดเล่นหน้าตาเฉยต่างจากผมที่กำลังเกร็งแม่งทั้งทางคำพูดและการกระทำอย่างกับพวกไก่อ่อน

     

    กูจะอยากรู้เรื่องมึงไปทำซอกเล็บให้รกสมองทำไมวะจงอิน ผมแค่นหัวเราะพลางส่ายหน้าระอา

     

    มึงไม่ได้ล็อกหน้าจอมือถือเหรอ

     

    ไม่ล็อก เสียเวลา

     

    งี้เวลามือถือหายทำไง มึงถ่ายรูปเปลือยหน้ากระจกห้องน้ำเก็บไว้ป่ะเนี่ย ผมเอื้อมไปผลักหัวมันแรง ๆ ทีนึงกับความจังไรที่คนธรรมดาไม่น่าจะคิดได้ ซึ่งไอ้จงอินก็แค่หัวเราะทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากมือถือผม

     

    ใครจะไปถ่ายรูปแบบนั้นกัน ปัญญาอ่อน ผมหรี่ตามองคนตรงหน้าแต่มันก็ไม่ยอมตอบคำถาม หรือว่ามึงถ่าย?

     

    ทันทีที่พูดจบไอ้คนจังไรก็มองหน้าผมก่อนจะทำตาหวานซึ้งกัดปากล่าง เห็นงั้นเลยง้างมือขึ้นทำท่าจะโบ้หัวมันอีกครั้ง ฟายเอ้ย เรื่องอัปปรีย์นี่ขอให้บอกมันเถอะ ตอนคบกันผมยังจำได้ดีว่าในโน๊ตบุ้คและพีซีของมันน่ะเต็มไปด้วยหนังโป๊ ถึงจะไม่เคยมีอะไรกันแต่ผมก็เห็นมันทำท่าเหมือนจะล่อผมอยู่หลายหน จนกระทั่งเราเลิกกันไปนั่นแหละ

     

    ผมหลุดออกจากความคิดเพราะอีกคนดีดนิ้วตรงระดับใบหน้า ยังไม่ทันงงว่าเกิดอะไรขึ้นมันก็ยัดโทรศัพท์คืนใส่มือผมก่อนจะลุกขึ้นยืน ตอนนี้คงมีแค่ไอ้ชั่วจงอินเท่านั้นที่เห็นว่าผมกำลังทำหน้าแบบไหน แล้วก็คงไม่พ้นหน้างง ๆ แบบที่มันชอบด่าผมบ่อย ๆ ว่าซื่อบื้อเหมือนอีมงกูหมาที่บ้านมัน

     

    ถ้าคุยแบบต่อหน้าแล้วเขินงั้นก็ไลน์เอาละกัน เสียงสิ่งแวดล้อมระแวกนี้ทำให้เสียงของคนตรงหน้าผมเบาลงไปเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ได้ยินชัดเจนดีไม่รู้ว่ามึงยังใช้เบอร์เดิมอยู่ไหม ถ้าใช่ไว้กูจะโทรไปถ้าเกิดมึงกวนตีนไม่ยอมตอบไลน์กู

     

    ...

     

    กูยังใช้เบอร์เดิม คิดว่ามึงคงยังไม่ลบ แล้วก็ไม่กล้าลบด้วย

     

    ...

     

    กูเป็นพวกเปลี่ยนชื่อเฮดไลน์บ่อย เพราะงั้นเลยเปลี่ยนชื่อให้เรียบร้อยแล้ว ลองเช็คดูนะว่าถูกใจไหม

     

    ไอ้คนชั่วยิ้มปิดท้ายก่อนจะเดินถอยหลังไปทีละก้าว แหม่ไอ้ฟายหล่อตายห่าแหละมึงกูหน้าแดงไปหมดแล้ว นี่ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือเขินกันแน่ มั่นหน้ามากไหมเรื่องเบอร์โทรศัพท์เนี่ย มึงเข้ามาอ่านความคิดกูเหรอหรือยังไง

     

    ผมหรี่ตามองผู้ชายคนนั้นที่ห่างออกไปทุกที ๆ ก่อนจะชูนิ้วกลางให้เมื่ออีกฝ่ายส่งจูบกลับมา เกือบสองนาทีเลยที่เราสบตากัน ถึงจะไม่ได้มาจากแรงพิศวาสก็เถอะ แต่ผมก็คิดว่ามันนานมากพอจะทำให้รู้สึกถึงวันเก่า ๆ ที่ผมไม่เคยลืม

     

    ผมก้มลงดูมือถือพร้อมสไลด์จอ กดเข้าไปดูในไลน์แล้วก็เห็นรายชื่อเพื่อนใหม่อยู่แถบบนรองจากชื่อตัวเอง สิ่งแรกที่ผมมองเห็นคือรูปอีมงกูที่ใช้เป็นดิสเพล์ก่อนจะหันไปเห็นชื่อเฮดไลน์ที่มันเปลี่ยนให้ก่อนส่งคืนให้ผม...

     
     

     

    ‘คิดถึงนะ’

     

     

     

    30%

     

     

     

     ตามนั้ลย์

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×