ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) OH! YES KAIHUN | Dusk Till Dawn

    ลำดับตอนที่ #38 : REN1021 ✥ | Can we?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 439
      0
      21 ก.พ. 59


    M

    — Can We? —
    S T O R Y    B Y    R E N 1 0 2 1

    Charlie XCX - Boom Clap
    (Cover by RUNAGROUND ft.Taryn Southern)


    *

     

                    “ที่นี่มีสองห้องนอน มีเตียงกับตู้เสื้อผ้าให้ สองห้องน้ำ ชั้นบนหนึ่งห้อง ชั้นล่างอีกห้อง ครัวพร้อมอุปกรณ์ มีตู้เย็นกับเตาทำอาหารให้ด้วยนะจ๊ะ” คุณป้าที่ปล่อยบ้านให้เช่าอธิบายด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ไม่ต่างอะไรจากใบหน้าและแววตาที่ฉายออกมาให้เห็น “ส่วนห้องนั่งเล่นมีชุดรับแขกให้ แต่ไม่มีทีวีนะ” ที่สำคัญคือรอยยิ้มของเธอน่ารัก


                    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ค่อยดูทีวีเท่าไร แค่เท่าที่คุณป้าว่ามาก็เยอะมากแล้ว ขอบคุณมากเลยนะครับ” หญิงชราพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบแฟ้มสำหรับเซ็นสัญญาเช่าจากโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโซฟาที่นั่งอยู่ด้วยกันมาวางบนตัก


                    “ว่าแต่... ค่าเช่าแค่ล้านวอนต่อเดือนมันไม่ถูกไปเหรอครับคุณป้า บ้านหลังขนาดนี้ มีเฟอร์นิเจอร์อีก สองล้านวอนยังหาแทบไม่ได้เลยนะครับ” มือเหี่ยวย่นตามอายุขัยสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยถาม ดวงตาหลุบลงแสร้งอ่านเอกสาร ปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่สักพักจนเด็กหนุ่มเกือบจะอ้าปากถามอีกรอบ แต่ก็ถูกตัดบทด้วยคำตอบและรอยยิ้มแสนเอ็นดูที่ส่งมาให้


    “ก็หนูยังเรียนอยู่เลยนี่จ๊ะ ฉันเองก็มีหลานชายอายุประมาณนี้ เข้าใจดีเลยว่าการหาที่พักมันยากแค่ไหน อีกอย่าง... บ้านหลังนี้ก็ไม่มีคนอยู่มาซักพักแล้วตั้งแต่ฉันย้ายไปอยู่ปูซานกับสามี เพิ่งจะมีหนูคนแรกเลยที่มาติดต่อเช่า” เธอพูดช้าๆ เนิบๆ พลางเก็บคำว่า คนแรกในเดือนนี้ เอาไว้กับตัว


    “โชคดีจังเลยครับ” หญิงชราพยักหน้าแล้วยื่นกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษรข้อสัญญาต่างๆ ให้เด็กหนุ่มอ่านก่อนที่จะส่งปากกาตามไปเพื่อลงชื่อที่ช่องสุดท้ายและเซ็นรับรองสำเนาเอกสารทุกฉบับที่เตรียมมาเพื่อทำการเช่าบ้าน



    แปะแปะแปะ



    ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันสะดุ้งเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนปรบมือ ซึ่งฟังแล้วมันคล้ายว่าดังอยู่แถวหลังโซฟานี่เอง มันใกล้จนเด็กหนุ่มไม่กล้าขยับตัวหันไปมอง ผิดกับคุณป้าที่กลอกตาล่อกแล่ก


    “ป้าครับ... บ้านนี้--”

    “เซ็นก่อนเถอะจ้ะ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ธนาคาร ต้องรีบไปแล้ว”

    “อ่าๆ ได้ครับ แล้วผมจะเข้ามาอยู่ได้ตั้งแต่วัน--”

    “เอาที่หนูสะดวกเลยจ้ะ วันนี้ก็ยังได้”



    แปะแปะแปะ



    เสียงปรบมือครั้งที่สองนั้นก็ดังขึ้นใกล้มากอย่างกับอยู่ข้างหูเลยทีเดียว เขาชะงักแล้วกวาดสายตามองไปรอบบ้าน ชักไม่แน่ใจแล้วว่าควรจะเซ็นสัญญาเช่าดีไหม เพราะตอนนี้รู้สึกหวาดหวั่นพิกลว่าตัวเองอาจจะเป็นเพื่อนร่วมบ้านกับคนอื่นที่อยู่มานานแล้ว


    แต่การตกแต่งภายในยังดูใหม่ ไม่เหมือนบ้านร้างตามคลิปวิดีโอที่เคยดูในอินเตอร์เน็ต แค่ฝุ่นเยอะเฉยๆ จากที่เดินสำรวจทั้งชั้นบนและล่างนั้น ผนังทุกด้านติดวอลเปเปอร์สีขาวสะอาด พื้นไม้สีน้ำตาลอ่อนก็ไม่มีคราบสกปรกให้เห็น ตู้กับเตียงในห้องนอนก็เป็นของใหม่ ห้องครัวนี่อย่างกับยกภาพในนิตยสารตกแต่งบ้านมาวาง อุปกรณ์ทุกอย่างมีครบ เกินกว่าความจำเป็นที่นักศึกษาคนหนึ่งจะใช้เสียอีก ส่วนห้องน้ำนี่ไม่พูดถึงไม่ได้จริงๆ มันใหม่มากจนเขายังสงสัยว่ามันเคยถูกใช้บ้างไหม


    พื้นที่รอบบ้านมีไม่เยอะ เดินห้าก้าวก็ถึงรั้วแล้ว แต่ก็ยังอุตสาห์ปลูกหญ้าและมีพุ่มไม้เล็กๆ ประดับเอาไว้ให้พอสบายตา ที่ขาดไปเห็นจะมีอย่างเดียวคือที่จอดรถ แต่นั่นแหละ... ไม่จำเป็นหรอก เพราะเขาชอบเดิน ปั่นจักรยานและใช้บริการขนส่งสาธารณะมากกว่า


    เด็กหนุ่มสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงกระแอมไอจากคุณป้า เรียกให้กลับไปสนใจเอกสารบนตักที่รอการลงลายมือชื่ออยู่ ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจว่าควรจะบอกยกเลิกดีไหม แต่ว่าบ้านสองชั้น สองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่นพร้อมเฟอร์นิเจอร์ในราคาค่าเช่าเดือนละหนึ่งล้านวอนไม่มีทางหาได้ที่ไหนอีกแน่ๆ เพราะขั้นต่ำก็เริ่มที่สองล้านแล้ว แถมไม่มีอะไรให้อีกต่างหาก


    อีกอย่างบ้านนี้ก็อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่และร้านกาแฟซึ่งทำงานพาร์ทไทม์ไม่ไกล เดินไปก็ยังไหว ที่ปากซอยมีร้านสะดวกซื้อยี่สิบสี่ชั่วโมง ร้านอาหารมากมายและร้านซักรีด เดินต่อไปอีกหน่อยก็เป็นจุดจอดรถโดยสารประจำทาง ให้ตาย... นี่มันโคตรทำเลทองชัดๆ



    แปะแปะแปะ



    เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเย็นวูบที่บ่า เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงจนคุณป้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามสะดุ้งตามไปด้วย ใบหน้าของหญิงชราดูรีบร้อนและท่าทีลุกลน แต่เพราะยังตกใจจากความรู้สึกที่บ่าอยู่เลยไม่ทันได้สังเกตให้ดี มือหนาตวัดปลายปากกาลงที่ช่องในหน้ากระดาษสุดท้ายของชุดเอกสาร เพราะคิดแล้วว่าคงไม่มีทางจะหาบ้านเช่าราคาเท่านี้ได้จากที่ไหนอีก


                     เขายื่นสัญญากลับไปให้คุณป้าที่ลุกขึ้นยืนรอแล้ว มือเหี่ยวย่นนั่นหยิบกระเป๋าถือไปคล้องแขน พร้อมกับยัดแฟ้มเก็บชุดกระดาษลงไป ไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำว่าเซ็นครบไหม เอกสารขาดหรือเปล่า เธอส่งยิ้มให้ระหว่างที่จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง


                    “ฉันไปก่อนนะจ๊ะ มีอะไรก็โทรหาได้เลยนะจงอิน


    ก่อนจะรีบสาวเท้าออกไป โดยไม่ลืมที่จะทิ้งคีย์การ์ดและกระดาษที่เขียนรหัสเข้าบ้านไว้ให้ พร้อมกับข้อความที่ทำเอาคนอ่านถึงกับรู้สึกเหมือนทำผิดที่สุดในชีวิตที่คิดเซ็นสัญญา


    ถ้าเปิดบ้านไม่ได้ ให้เคาะประตูสามครั้งนะจ๊ะ บางทีตัวล็อกมันก็ไม่ค่อยดี


    แหม... ให้จุดธูปก่อนเคาะด้วยไหมครับคุณป้า


    หนังสือสัญญาเช่าบ้านอีกฉบับในมือที่ลงนามเรียบร้อยถูกยกขึ้นอ่านพร้อมกับลดตัวลงนั่งบนโซฟา ดวงตากวาดไปทีละบรรทัดอย่างช้าๆ เพราะเคยมีประสบการณ์จากการผิดข้อสัญญาจนไม่ได้เงินประกันคืนมาแล้ว เป็นเวลาหลายนาทีทีเดียวที่นั่งอ่านโดยไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นอยู่ในสายตาของเพื่อนร่วมบ้านอีกคน


                    เด็กหนุ่มตัวสูงในชุดเสื้อยืดลายขวางสีขาวแดงกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลครีมเอียงคอมองผู้เช่าคนใหม่ด้วยใบหน้าเปรอะรอยยิ้ม มองอย่างไรก็ดูเหมือนว่าอายุจะไม่ห่างกันมากเท่าไรนัก น่าจะเป็นรุ่นพี่ประมาณสามสี่ปี หน้าตาจัดว่าดีเลยทีเดียว


                    “ห่าเอ๊ย”


                    โอเซฮุนสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาทางเขาและสบถเสียงดัง ก่อนจะกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน ท่อนแขนที่มีผิวสีแทนกร้านแดดลดลงข้างตัวหลังดูนาฬิกาข้อมือเรียบร้อยพลางคว้าเสื้อโค้ตขึ้นสวม ดูท่าทางรีบร้อนเหมือนมีนัดอย่างไรอย่างนั้น


                    เขาเบ้ปากเมื่อเห็นเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่รีบวิ่งออกไปโดยที่ยังไม่ปิดไฟสักดวง ไม่รู้หรือไงว่ายัยป้าเจ้าของแสนเขี้ยวนั่นเริ่มนับค่าไฟตั้งแต่วินาทีที่เซ็นสัญญาแล้ว ขืนเปิดทิ้งไว้ สิ้นเดือนคงต้องขายอวัยวะเพื่อเอาไปชำระค่าไฟฟ้าแน่ๆ ส่ายศีรษะไปมา แล้วพาตัวเองไปหยุดยืนอยู่ข้างสวิตซ์เพื่อปิด แต่ทันทีที่ออกแรงกด ปลายนิ้วก็ทะลุเข้าไปในผนังเสียอย่างนั้น


                    ลืมเลย...

                    ลืมไปเลยว่าตัวเองไม่ค่อยมีแรงในตอนกลางวัน


                    ดวงตากลมโตเพ่งมองมือตัวเองที่โปร่งแสงจนเกือบเลือนหายไปกับฉากหลังพลางพลิกไปพลิกมาอย่างครุ่นคิด พยายามรวบรวมพลังในร่างกายทั้งหมดที่มี ก่อนจะตวัดฝ่ามือตบเข้าที่แผงสวิตซ์ไฟอย่างแรงจนเกิดเสียงดังพร้อมกับประตูบ้านที่เปิดออกพอดิบพอดี


                    จงอินยืนนิ่งอยู่ที่ เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เสียงเหมือนมีคนตีอะไรสักอย่าง พร้อมกับหลอดไฟที่ดับเองทำเอาชายหนุ่มมือเย็นไปหมด ใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างอะไรกับสีของผนัง ริมฝีปากหนาเปิดออกก่อนจะเม้มเข้าหากันเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี


                    “เอ่อ... หรือไฟมันจะดับเองหลังปิดประตูวะ” จงอินพึมพำทำเอาเซฮุนหัวเราะ


                    ดวงตาที่เหมือนคนง่วงนอนกวาดมองรอบบ้านช้าๆ อีกครั้ง เด็กหนุ่มตัวสูงโปร่งแสงกระกระโดดหนีแทบไม่ทันเมื่อขยับไปมองหน้าเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่ของเดือนนี้ใกล้ๆ จนปลายจมูกเกือบจะชนแก้มอีกฝ่ายตอนที่หันกลับมามองสวิตซ์ไฟที่อยู่ข้างหลังเขา


                    “ไอ้นี่! จู่ๆ ก็หันมา ตกใจหมดเลย”


                    มือหนาของจงอินยื่นทะลุหัวของเซฮุนไปกดสวิตซ์ไฟสองสามครั้งเพื่อเช็กว่าเมื่อครู่ที่ดับเองเพราะหลอดขาดหรือเปล่า เด็กหนุ่มเบ้ปากแล้วขยับตัวออกจากท่อนแขนที่คาหัวตัวเองไปอีกทาง


                    “ทำงี้ได้ไง ฉันอยู่ตรงนี้นะ ไม่มีมารยาทเลย” บ่นเบาๆ ทั้งที่อย่างไรอีกคนคงไม่ได้ยิน

                    “เอาเถอะ ไว้วันที่ย้ายเข้าค่อยให้ช่างไฟมาเช็กอีกทีละกัน” เสียงทุ้มว่า


                    และหลังจากนั้นไม่กี่วัน โอเซฮุนก็ได้วิ่งอย่างตื่นเต้นไปเกาะหน้าต่างห้องนอนตัวเอง ดูรถบรรทุกคันเล็กที่แล่นมาจอดหน้าบ้าน ของชิ้นที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะเป็นโต๊ะเขียนแบบ นอกนั้นก็เป็นลังกระดาษจำนวนมาก จงอินที่ยืนอยู่ข้างรั้วบ้านกับจักรยานโค้งตัวทักทายก่อนจะเดินไปเปิดรั้วให้พนักงานผู้ชายสองคนในชุดเครื่องแบบปักชื่อบริษัทช่วยกันเอาของทั้งหมดลงวางที่หน้าบ้าน เพื่อเตรียมขนเข้าไปข้างในต่อ


                    “หลังใหญ่มากเลยนะเนี่ย อยู่คนเดียวเหรอครับ”

                    “ครับ เผื่อไว้ใครไปใครมา แล้วก็ว่าจะอยู่ยาวๆ จนเรียนจบและหางานทำด้วยเลย”


                    เซฮุนหูผึ่งตาโตทันทีที่ได้ยินว่าอีกฝ่ายจะอยู่ที่นี่นานขนาดนั้น งั้นแปลว่าจะต้องได้ทำความรู้จักกันแน่!


                    “โห บ้านหลังขนาดนี้ ค่าเช่าคงกระอักเลือดน่าดู”

                    “เดือนละล้านวอนเองครับ”


    จงอินหัวเราะเมื่อพนักงานผู้ชายสองคนชะงักมือจากการขนลังกระดาษแล้วมองหน้าเขาอย่างตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะโชคดี หาบ้านเช่าที่ยังดูใหม่มากแถมอยู่ในทำเลทองด้วยราคานี้ได้ แต่จากประสบการณ์การทำงานย้ายบ้าน พวกเขารู้ในทันทีว่า ยิ่งถูกมาก แปลว่ายิ่งมีคนหารค่าเช่าด้วยมาก


                ซึ่งแน่นอนว่าคนหารน่ะ... ไม่ใช่คน


                    พนักงานที่เพิ่งขนของเสร็จ หยุดยืนเพื่อยืดหลังและมองตัวบ้านที่สวยเหลือเกินกับแสงยามบ่าย แต่ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ  ก่อนจะรีบผลุนผลันขึ้นรถ ละล่ำละลักขอโทษขอโพยและเผ่นแน่บอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งข้าวของมากมายกองเอาไว้หน้ารั้วบ้านกับเจ้าของคนใหม่ที่งงว่าเกิดอะไรขึ้น


                    เขาก้มดูของแล้วเงยหน้ามองบ้านหลังใหม่ ก่อนจะตัวแข็งขึ้นมา เพราะเหมือนจะเห็นใครบางคนหายวับไปหลังหน้าต่างของห้องนอนชั้นบน อีกทั้งผ้าม่านที่มั่นใจว่าวันนั้นถูกรูดปิดเอาไว้ทุกบาน กลับไหวไปมาคล้ายเพิ่งเปิด แต่นั่นยังไม่ทำให้ขวัญเสียเท่ากับข้อความบนกระจกหนาฝุ่นที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเหมือนถูกเขียนด้วยปลายนิ้ว


    "친구하자"
    (มาเป็นเพื่อนกันนะ)


    และจงอินก็เริ่มคำนวณค่าปรับหากผิดสัญญาเช่าทันที






    *






    -------------------------

    TRAILER

    #OHYESKAIHUN


    AUTHOR REN1021






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×