ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) OH! YES KAIHUN | Dusk Till Dawn

    ลำดับตอนที่ #27 : oharha ♦ | 11 HOURS

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 741
      0
      19 ก.ค. 58









     

     

    11 HOURS

    KIMJONGIN l OHSEHUN

    - OHARHA -

     

     

     

     

     

     

     

     

    เขาเป็นเจ้าของแถบสีทองสามอันบนปลายแขนสูทสีน้ำเงินเข้มและหมวกสีเดียวกันซึ่งประดับตราปีกและใบมะกอกขนาดเล็ก กางเกงสีเดียวกับท่อนบนถูกแต่งทรงให้รับกับท่อนขายามรองเท้าหนังดำขลับก้าวส่งเสียงไปบนพื้นโล่งขาวระหว่างทางเดิน รวมถึงกระเป๋าเดินทางแบบลากใบเก่งที่บรรจุสัมภาระซึ่งมากพอสำหรับการใช้เวลาพักผ่อนราวสองถึงสามวันในซีแอตเทิล โอ้ แน่นอน ไม่บ่อยนักหรอกที่กลุ่มคนงานรัดตัวอย่างพวกเขาจะรวมสมัครพรรคพวกอยู่เที่ยวที่ไหนได้เต็มอิ่ม

     

     

    ระยะเวลาเดินทางโดยเฉลี่ยจากโซลไปถึงวอชิงตันใช้เวลาสิบเอ็ดชั่วโมงยี่สิบนาที จากนั้น เครื่องจะลงจอดที่สนามบินซีแอตเทิล ทาโคม่า อินเตอร์เนชั่นแนล ใคร ๆ ก็ว่าซีแอตเทิลไม่ใช่เมืองที่มีที่เที่ยวเยอะ แต่ช่างปะไร ลำพังแค่ได้ส่องทางไกลเห็นวาฬเล่นน้ำที่หาดอัลไค โอเซฮุนก็คิดว่าคุ้มแล้ว

     

     

    หนำซ้ำ เขายังศึกษาข้อมูลร้านอาหารขึ้นชื่อภายในเมือง และตลกดีที่ดันไปถูกใจรีวิวกุ้งตัวโตจากอาหารกล่องคอนวีเนียนจนตั้งใจที่จะจัดมื้อประหยัดนี้สักมื้อ รูปถ่ายสถาปัตยกรรมแปลก ๆ ในเมืองยังถูกเซฟไว้ในโทรศัพท์มือถือ ภาวนากับพระเจ้าอย่างหนึ่งเลยว่า ขออย่าให้ฝนตกในวันที่เขาเลือกไปเดินสวนข้างสเปซ นีดเดิ้ลก็แล้วกัน เพราะมันน่าสนใจมากทีเดียว

     

     

    ชายหนุ่มไม่ได้ลดแว่นกันแดดทรงเอวิเอเตอร์กรอบทองลงในตอนที่เดินผ่านคิมฮานิ แอร์โฮสเตสสาวสวยซึ่งกำลังยืนทาลิปสติกอยู่กลางวงเพื่อนของเธอ เราเคยสนุกด้วยกันครั้งสองครั้ง แต่ถ้าว่ากันด้วยเรื่องของไลฟ์สไตล์หรือทัศนคติแล้ว เซฮุนคิดว่าการลองคบกันคงเสียเวลาเปล่าไปเดือนสองเดือน

     

     

    ทางสำหรับผู้โดยสารไม่ใช่ประตูที่เหล่าพนักงานจะเลือกใช้สำหรับการเดินทางไปเตรียมตัวสำหรับไฟลท์บินในอีกชั่วโมงข้างหน้า เมื่อขึ้นไปถึงบนเครื่อง เซฮุนไม่ได้ให้ความสนใจกับการมองเบาะนั่งว่างเปล่าหลายสิบที่เรียงรายไปตลอดห้องส่วนต้นของลำ เขากดสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมโดยไม่ต่ออินเตอร์คอมเข้าไปเพราะรู้เวลานัดหมายกันดีอยู่แล้ว แต่เพื่อความแน่ใจ กัปตันปาร์คขอดูหน้าอีกหนึ่งนักบินก่อนสักสองวินาที

     

     

    “อรุณสวัสดิ์ครับกัปตัน”

     

     

    เซฮุนนึกอยากตำหนิตัวเองอีกแล้ว น่ากลัวที่ทุกครั้งก่อนจะมองหน้าผู้บังคับบัญชา เขามักต้องเหลือบมองบ่าสี่แถบสีทองบนเสื้อเชิ้ตแขนสั้นแบบที่มีเหมือนกันตัวนั้นทุกที หลังการทักทายอย่างเป็นทางการและไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบทั้งที่เพิ่งหายหน้าจากกันไปไม่ถึงสัปดาห์แล้ว สิบนาทีจากนี้ เขาต้องแยกตัวไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดที่ร้อนน้อยกว่า และสะดวกสำหรับการวอล์คอราวด์ซึ่งเป็นหนึ่งในขั้นตอนช่วงพรีไฟลท์ โดยต้องตรวจสอบท่อรับอากาศ ท่อวัดอุณหภูมิ ช่องวัดความดัน เสาอากาศสำหรับรับส่งสัญญาณวิทยุตามประตูต่าง ๆ เพื่อจะได้เรียกวิศวกรมาแก้ไขได้ทันท่วงทีถ้ามีอะไรผิดสังเกต ทั้งหมดนี้ เซฮุนมักทำเวลาได้เหมาะเจาะพอดีกับที่กัปตันทำการตั้งค่าระบบเพื่อจ่ายไฟฟ้าภายในตัวเครื่อง

     

     

    “เดี๋ยวช่วงเทคออฟ ผมยกให้คุณเป็นคนคอนโทรลนะ”

     

     

    “ครับ” นักบินผู้ช่วยตอบรับ เป็นที่แน่นอนว่าการนำเครื่องขึ้นมักจะเป็นที่โปรดปรานกว่าเวลาถูกไล่ให้ไปวอล์คอราวด์รอบลำอยู่แล้ว

     

     

    “ระบบนำทางพร้อม ระบบไฟฟ้าพร้อม ระบบเชื้อเพลิงพร้อม ระบบปรับความดัน --” เซฮุนนั่งประจำที่ ขณะนั้นกัปตันปาร์คกำลังพึมพำอะไรสักอย่างที่คงอยากให้เขาได้ยินด้วย “โอเค พร้อม เดี๋ยวคุณลองดูเอ็มซีพีซิ”

     

     

    เขารู้ว่าต้องง่วนอยู่กับสิ่งเหล่านี้อยู่ราวสิบถึงสิบสองนาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินจะนำโหลดชีสมาให้เมื่อเริ่มทยอยให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง คนใน (ที่มักเป็นนักบินผู้ช่วย) จะชอบแลกเอกสารตรงบานประตูหากไม่มีเหตุจำเป็นใดที่ต้องอนุญาตให้คนนอกเข้ามา ซึ่งถ้าการคำนวณไม่ผิดพลาด ทั้งหมดนี้จะถูกกรอกลงไปในระบบจัดการการบินเพื่อติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศและทบทวนสรุปสำหรับแผนการบินโดยละเอียดอีกครั้ง

     

     

    เสียงเตือนจากวิทยุสื่อสารแจ้งว่าผู้โดยสารเข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินอีกครั้งด้วยประโยคสั้น ๆ ที่ฟังจนขึ้นใจ “คาร์โก้เรียบร้อยดีไหมครับ”

     

     

    เรียบร้อยครับ

     

     

    ได้ยินอย่างนี้ก็เข้าใจได้ว่าคนทางด้านล่างจัดการปิดประตูคาร์โก้หรือที่เก็บสัมภาระเรียบร้อยดีแล้ว “เดี๋ยวพุชแบ็คเลยครับเซฮุน -- ขออนุญาตถอยเครื่องครับ”

     

     

    ในประโยคหลัง กัปตันปาร์คสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศภาคพื้นขณะทำการเช็กลิสต์ แล้วจึงได้เส้นทางขับสำหรับนำเครื่องขึ้นในระหว่างที่รอรถดันทำหน้าที่ของมันบริเวณจุดจอดจนถึงทางขับ วุ่นวายกับคานและการนำไม้ห้ามล้อออกอีกถึงครึ่งนาที เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินก็ส่งสัญญาณปลดเบรกล้อเพื่อเคลื่อนตัวสู่เวลาที่โอเซฮุนรอคอย

     

     

    ปลายรันเวย์ไม่ได้ฉายภาพซีแอตเทิล ซึ่งเซฮุนคิดว่ามันไม่ได้น่าแปลกใจอะไรที่เขาจะเห็นเพียงผืนฟ้าโล่งเตียนและกว้างไกลออกไปไม่มีที่สิ้นสุด

     

     

    เมื่อเครื่องขึ้นมาถึงที่ระดับสามหมื่นสองพันฟุต เจ้าของตำแหน่งใหญ่สุดในเครื่องก็พาตัวเองออกจากหูฟังเพื่อยืนยันว่าอนุญาตให้เขาเปิดระบบบินอัตโนมัติได้เมื่อไม่มีปัญหาใดถูกส่งมาจากเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ นักบินผู้ช่วยบิดตัวเล็กน้อยเพื่อยืดเส้นยืดสาย ดูเวลาแล้วน่าจะเป็นอีกสองชั่วโมงข้างหน้ากว่าอาหารจะมาเสิร์ฟ

     

     

    เซฮุนเคยพยายามลองนับสถิติตัวเองเล่น ๆ ว่าเขาเคยกินอาหารที่สูงที่สุดจากพื้นดินเท่าไร ซึ่งน่าเสียดายที่ดินเนอร์บนระดับความสูงสามหมื่นแปดพันฟุตในคืนนี้ไม่สามารถเอาชนะไฟลท์บินไปนิวยอร์คเมื่อเดือนที่แล้วได้ วันนั้นเขาได้กินสปาเก็ตตี้กุ้งทั้งที่เบื่ออาหารเส้นใจจะขาด แต่ใครจะกล้าขอแลกกับผู้ชายบั้งสี่แถบกัน

     

     

    “หิวไหม” กัปตันปาร์คชวนคุยเหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดถึงอาหาร

     

     

    “ครับ ผมรองท้องไปแค่อเมริกาโนแก้วเดียว”

     

     

    “เช้า ๆ มันกินอะไรไม่ค่อยลงหรอก รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องหิว แต่ไม่ชินสักที”

     

     

    รอยยิ้มหนุ่มใหญ่ถูกส่งมาในระหว่างที่ทั้งคู่มีหน้าที่แค่คอยรับข่าวสารและรักษาระดับความเร็วของเครื่องบินให้ไปในทิศทางที่ถูกต้อง ถัดจากนี้ กัปตันจะสลับกับเขามารับหน้าที่ควบคุมเครื่องในระหว่างบินไต่ระดับ ส่วนคนที่ต้องย้ายมาทำหน้าที่เฝ้าจอมอนิเตอร์และคอยฟังการสื่อสารจากหน่วยอื่นจึงกลายเป็นคนที่เหลือตามระเบียบ

     

     

    สิบนาทีหลังจากนั้น เสียงเรียกจากอินเตอร์คอมดังขึ้นพร้อมกับเสียงแหลมสูงซึ่งก้องไปทั้งค็อกพิท

     

     

    “กัปตันครับ! กัปตัน!

     

     

    “พี่ซึงวูครับกัปตัน” เซฮุนย้ำชื่อเจ้าของใบหน้าตื่นตระหนกในจอ ก่อนจะกดปุ่มสื่อสารค้างไว้เพื่อส่งเสียงถามกลับไป “มีอะไรครับ”

     

     

    ไม่มีใครเดาออกหรืออยากจะคาดคิดสักเท่าไรว่าอะไรเป็นเหตุให้สจ๊วตอัธยาศัยดีและเป็นหนึ่งในคนที่รู้รหัสเรียกฉุกเฉินของค็อกพิทอยู่ในสภาวะแทบเสียสติเช่นนั้น ดวงตาที่ส่งผ่านมาทางจออินเตอร์คอมบอกข่าวร้ายไม่สู้ดีนัก และยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไรออกไปอีก เสียงสั่นเครือนั้นก็คล้ายจะเรียบเรียงทุกอย่างออกมาเป็นประโยคสั้น ๆ ได้ในที่สุด

     

     

     

     

    “เราโดนไฮแจ็ค”

     

     

     

     

    ทั้งร่างชาวาบพร้อมกับภาพบนหน้าจอที่ดับหายไป โอเซฮุนกำลังชั่งใจว่าเขาควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่เมื่อหันไปหาคนข้างตัวจึงได้เห็นว่าคงไม่มีสิ่งใดแทนที่ความตกใจได้เท่าความหวาดกลัว เขาพยายามบีบบังคับตัวเองให้อ้าปากถาม และไม่รู้ว่ากัปตันรวบรวมสติได้หรือยัง เพราะหลังสิ้นเสียงลมแหบพร่าที่เปล่งออกไปนั้น เสียงทุบกระแทกอย่างรุนแรงบริเวณบานประตูก็ดังยืนยันแทนเรื่องทั้งหมด

     

     

    โอ้ ถ้านี่เป็นการแกล้งเซอร์ไพรส์วันเกิดใครสักคนในห้องนี้คงแรงเกินไป

     

     

    ซึ่งเซฮุนไม่มีทางเลือกใดมาโต้เถียงให้ความเป็นจริงที่ว่า ทั้งเขาและกัปตันปาร์ค ไม่มีใครเกิดในเดือนเจ็ด

     

     

    จากที่จะเป็นฝ่ายควบคุมระยะทางและความเร็ว ทว่าผู้มีอำนาจสูงสุดก็ตัดสินใจเร็วเกินกว่าจะรอผู้ช่วยนักบินซึ่งมีเบื้องหลังเป็นทางเดินโรยกลีบกุหลาบช่วยตัดสินใจ คำพูดคีย์เวิร์ดสั้น ๆ ถูกสั่งให้ทั้งองค์กรและหน่วยงานที่สามารถช่วยเหลือ เสียงทุบกระแทกจากทางด้านหลังยังทวีความรุนแรงมากขึ้น ยิ่งในหูแว่วเสียงกรีดร้องของผู้โดยสารเท่าไร เซฮุนคิดว่าสติสตังของเขายิ่งลดลงต่ำห่างไกลสามหมื่นแปดพันฟุตไปเรื่อย ๆ

     

     

    “พวกมันจะเข้ามาไม่ได้ใช่ไหมครับ”

     

     

    เซฮุนถามขณะที่พยายามบังคับเครื่องให้อยู่ในระดับสามหมื่นสองพันฟุตคงที่ เหงื่อเย็นซึมชื้นบนขมับท่ามกลางความกดดันเมื่อเริ่มได้ยินเสียงลูกปืนปะทะกับบานล็อกถึงสองนัดภายในเวลาไม่ถึงสองนาที เสียงโหวกเหวกของบรรดาผู้โดยสารเบาลงบ้างแล้ว อาจด้วยเพราะการขู่และความตั้งใจที่จะติดต่อสื่อสารคนบังคับเครื่องทั้งสองด้วยอินเตอร์คอมจากผู้ก่อการร้าย

     

     

    ถึงจะไม่เห็นหน้าตาชัดเจน แต่เซฮุนสบถในใจขึ้นก่อนแล้วว่าโสมม

     

     

    “ไง กัปตันคือคนที่นั่งทางซ้ายสินะ”

     

     

    ชายหนุ่มเบนสายตามองคนทางขวามือซึ่งกำลังมองโต้แววตานั้น ในมือข้างซ้ายที่ไร้ปืนพกถือวัตถุทรงแปลกประหลาดซึ่งมีสายระโยงระยาง และใช่ นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่กัปตันปาร์คและนักบินโอแน่ใจตัวเองว่าไม่รู้เสียยังดีกว่า

     

     

    “เอาอย่างนี้นะ เรามาคุยกันแบบสันติก็แล้วกัน กูไม่ได้ขึ้นมาบนเครื่องนี้เพื่อตาย แต่ดูจากของเล่นในมือกูแล้ว กัปตันอย่างคุณ ๆ คงจะฉลาดพอโดยไม่ต้องให้กูบอกว่าถ้าปลดล็อกประตูค็อกพิตช้ากว่านี้อีกสักห้านาทีจะเป็นอย่างไร”

     

     

    “....”

     

     

    “พวกมึงมันหัวหมอ เดี๋ยวนี้ทำประตูทนแรงปืนแรงระเบิดเสียดิบดี แต่เสียใจว่ะที่พวกกูมันคิดน้อย ระเบิดลูกขนาดนี้คงไม่ได้กะแค่เอามาระเบิดโง่ ๆ ใส่ประตูพวกมึงหรอก”

     

     

    “....”

     

     

    “ลำนี้มีพวกแม่งอยู่กี่ชีวิตนะ ร้อย? ร้อยห้าสิบ? หรือว่าสองร้อย”

     

     

     

     

    อำนาจตัดสินใจเพียงหนึ่งเดียวกำลังแกว่งระส่ำเพียงเพราะเงื่อนไขโง่ ๆ ที่มีเดิมพันไม่ต่างอะไรจากการบุกเข้ามาสั่งให้ใครสักคนกดหัวเครื่องบินโหม่งโลก คนพวกนี้ตั้งใจจะเอาระเบิดมาขู่ และยิ่งไร้เสียงตระหนกตกใจจากผู้โดยสารจำนวนร้อยกว่าคนแล้ว ต่อให้มันสมองเท่าเม็ดถั่วก็คงคิดวิเคราะห์ได้ว่าพวกมันต้องมีกันหลายคน

     

     

    “ไอ้เวร...”

     

     

    เป็นครั้งแรกที่เซฮุนได้ยินคนตำแหน่งสูงกว่าสบถคำหยาบทั้งน้ำเสียงเจ็บใจอย่างนั้นขณะที่เลื่อนมือไปกดปุ่มอันล็อคค้างไว้เพื่อรอให้ชายติดอาวุธจำนวนสามคนเดินเข้ามาภายในห้อง ระหว่างนั้น เซฮุนเห็นคราบเลือดบนผนัง เห็นแอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่งถูกจับเป็นตัวประกันโดยหนึ่งในคนร้ายที่ไม่ได้ก้าวเข้ามา ถ้านับแค่จากที่สายตาเห็น เขาคาดว่ามันมีกันมากกว่าห้าคน

     

     

    แต่เมื่อดึงสายตากลับมาที่ไอ้เลวสามตัวในห้องได้ชัด โอเซฮุนแน่ใจว่าเขาคงหยุดหายใจไปแล้วจริง ๆ

     

     

    หนึ่งในนั้น --

     

     

     

     

    หนึ่งที่ไม่ใช่ไอ้ตัวหัวหน้าซึ่งเอาแต่พร่ำพูดจาสารเลวไม่หยุด

     

     

    หนึ่งที่ไม่ใช่คนทางปีกซ้ายจากสายตาและพ่นคำถามโง่ ๆ ออกทางปากหลังจากนี้

     

     

     

     

    โว้ว จงอิน ตอนมึงเรียนนี่ได้บังคับเครื่องในห้องแบบนี้ไหมวะ”

     

     

     

     

    เจ้าของผิวสีแทนไม่ได้สนใจคำถามไร้สาระ หากแต่ทิ้งสายตาให้จับจ้องมองคนในเครื่องแบบนักบินที่นั่งอยู่เก้าอี้ทางฝั่งซ้ายด้วยความตกตะลึง ปืนพกในมือเย็นเยียบขึ้นมาจนคล้ายจะแช่แข็ง เสียงหัวใจเงียบหายไปเพียงเพราะไม่คิดว่าจะต้องมาเจอใครบางคนในเหตุการณ์อัปยศครั้งนี้ ใครที่ต่างเคยให้คำสัตย์ในใจว่าไม่ต้องการพบกันอีกไม่ว่าทางใดก็ตาม

     

     

    “....” เสียงแหบพร่าที่ลอดออกมานั้นแทบฟังไม่ออกว่าเป็นชื่อของกันและกัน

     

     

     

     

     

    เราจะได้เจอกันอีกไหม...

     

     

    อย่าเลย

     

     

     

     

     

    ในหัวยังก้องไปด้วยคำนั้น น่ากลัวว่าสิ่งที่เฮงซวยกว่าความโชคร้ายจะเป็นความบังเอิญ

     

     

    ปลายกระบอกปืนสีดำถูกยกขึ้นจากมือหนา ชี้เข้าสะท้อนดวงตาดำขลับของเขาที่บังคับให้ร่างกายหยุดสั่นเทาไม่ได้เพียงเพราะเรื่องไม่คาดคิดบ้า ๆ นี้

     

     

    “มึง ลุกขึ้น” เซฮุนไม่ได้ยินเสียงของคิมจงอินนานเท่าไรแล้ว

     

     

    นานพอกับที่ระยะแปดปีที่ผ่านมาไม่เปิดช่องโหว่ให้คาดคิดว่า -- เราจะเจอกันในสถานะอย่างนี้

     

     

     

     



     

     




    ________________________

     

    11 HOURS

    TRAILER

     

     

     

     




     

     

    _________________________________________

     

    นักบินผู้ช่วยคือคนที่อยู่ในค็อกพิท (ห้องขับเครื่อง) ร่วมกับกัปตัน
    มีแถบสีทองบนบ่า 3 แถบ ในที่นี้คือโอเซฮุน

    ส่วนคนที่มีตำแหน่งสูงสุดในเครื่องคือกัปตันปาร์ค
    มีแถบสีทองบนบ่า 4 แถบตามลำดับตำแหน่ง

    แล้วการไฮแจ็คเครื่องครั้งนี้จะเกิดอะไรต่อจากนี้?
    อยากให้ติดตามต่อค่ะ : )

     



    ฝากโปรเจค #ohyeskaihun และโอ้อะฮ่าไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ

    ชชอบไม่ชอบยังไงคอมเมนท์เป็นกำลังใจหรือติดแท็กเป็นฟีดแบ็กให้กันหน่อยฮับ<3

     

    #ohyeskaihun

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×