คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : TSUKIxxx ▲ | Six Feet Under
KIMJONGIN l OHSEHUN
- MRBRIGHTSIDE94 -
1.
ตึง. . . ตึง. . .
คิมจงอินตื่นขึ้นมากลางดึกทั้งที่หลับตาลงได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง
อ๊ะ. . . อ๊า. . .
นัยย์ตาง่วงงุนกลอกขึ้นมองเพดานห้องอย่างเบื่อหน่าย มือหนายกขึ้นขยี้ผมสีดำสนิทที่ฟูไม่เป็นทรงให้มันยุ่งมากกว่าเดิม เขามองหลอดไฟโง่ ๆ ที่แกว่งไปมาเพราะกิจกรรมเข้าจังหวะของพี่สาวคนนึงที่เป็นเขาไม่รู้จักแต่เห็นหน้าอยู่บ่อยครั้ง เธอเจ้าของห้องเหนือหัวของเขา ห้องที่เป็นที่มาของเสียงดังหนวกหูที่ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาแบบนี้ทุกวันตลอดเดือนที่ผ่านมา คงต้องโทษความเก่าของตัวอาคารและราคาเช่าต่อเดือนที่ต่ำติดดินที่ทำให้ผนังห้องมันบางขนาดนี้
จงอินไม่ใช่คนนอนยาก แค่เพียงหลับตาเขาก็สามารถทำให้ทุกที่บนโลกกลายเป็นเตียงนอนหนานุ่มไม่เว้นแม้แต่เก้าอี้สาธารณะ แต่เสียงวัตถุกระทบกันเป็นจังหวะ และเสียงครวญครางของหญิงสาวที่ดังผ่านเพดานลงมานี่ให้ตายยังไงเขาก็หลับไม่ลง มันทั้งหนวกหูจนน่าหงุดหงิดและชายหนุ่มก็ไม่เกิดอารมณ์ทางเพศใด ๆ ต่อเสียงนั้นเลยสักนิด
อ๊ะ. . . . อ๊ะ. . .
จงอินถอนหายใจ ขยับพลิกตัวนอนตะแคง เตะผ้านวมขึ้นมาคลุมถึงหัว แล้วคว้าเอาหมอนมาปิดหูให้แน่น เขาตัดสินใจแล้วว่าถ้าถึงตอนเช้าเมื่อไหร่ จะรีบหาทางย้ายไปอยู่ที่อื่นให้เร็วที่สุดทันที
2.
ความพยายามให้การหาที่อยู่ใหม่ของจงอินล้มเหลวไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเขามาถึงที่อยู่ที่เขารวบรวมเอาไว้ในกระดาษแผ่นที่ 8 (หรืออาจจะ 9 จงอินไม่ค่อยแน่ใจ)
บ้านเดี่ยวชั้นเดียวขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีห้องนอน ห้องนั่งเล่นและห้องครัวขนาดกระทัดรัด ห้องน้ำที่นึกว่าจะมีแค่ฝักบัวธรรมดา ก็มีอ่างอาบน้ำขนาดที่นั่งเหยียดขาได้พอดี สวนขนาดเล็กที่มีต้นไม้สูงใหญ่ยืนต้น รวมถึงโรงจอดรถขนาดเล็กที่สามารถจอดรถยนตร์ส่วนตัวได้หนึ่งคัน
เจ้าของเดิมของบ้านหลังนี้เป็นป้าแก่ ๆ คนนึงที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่แล้ว หลานชายของเธอจึงเอามาปล่อยให้คนทั่วไปเช่าอยู่ในราคาที่ถูกอย่างเหลือเชื่อ หลังจากตรวจดูทุกอย่างจนพอใจ เอกสารต่าง ๆ และสัญญาเช่าพร้อมตราประทับก็อยู่ในมือของจงอิน โชคดีเป็นของเขาอีกครั้งเมื่อคนที่เช่าก่อนหน้านี้นั้นทิ้งเฟอร์นีเจอร์ชิ้นใหญ่เอาไว้ครบจนไม่จำเป็นต้องหาซื้อมาเพิ่มอีก
จงอินยิ้มพลางมองไปรอบ ๆ บ้านที่เขาถูกใจตั้งแต่แรกเห็น ถึงมันจะอยู่ห่างจากตัวเมืองอยู่พอสมควร แต่มันก็แลกมาด้วยความร่มรื่นและบรรยากาศน่าอยู่อาศัยมากกว่าอพาร์ตเม้นคร่ำครึ่นั้นที่ไม่รู้ว่าเขาทนอยู่มาได้ยังไงตั้งเกือบสามปี ตอนแรกที่ย้ายมาอยู่โซลเขาทั้งจนและไม่มีงานทำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปชีวิตเขาก็ดีขึ้นตามลำดับ มีงานและเงินเก็บไว้ส่วนนึงเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เขายอมเพิ่มค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอีกไม่เท่าไหร่เพื่อบ้านเดี่ยวที่จะเป็นของเขาไปจนกว่าจะหมดสัญญาเช่า
และเขามั่นใจมากว่ามันคงจะยาวนานตลอดไป
3.
รถ SUV สีดำสนิทเคลื่อนมาจอดหน้าประตูรั้วที่ทำจากไม้สีอ่อน ปาร์คชานยอลเดินลงจากรถพร้อม ๆ กับจงอินที่รีบกุลีกุจรลงไปเปิดประตูรั้ว ดวงตากลมมองไปรอบ ๆ บ้านใหม่ของรุ่นน้องคนสนิทอย่างสนใจ ตัวบ้านดูเล็กกระทัดเหมาะกับชายโสด มีพื้นที่ใช้สอยทั้งในและนอกตัวบ้าน ระแวกนี้เป็นย่านที่อยู่อาศัยจึงไม่มีเสียงดังหนวกหู และไม่มีตึกสูงให้เกะกะสายตา อย่างมากหน่อยก็เป็นคอนโดสูงเพียงแค่ 5 ชั้นที่มีอยู่ไม่กี่ตึกเท่านั้น ดูแล้วบรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่สมกับที่อีกฝ่ายเอามาพูดอวดให้ฟัง ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองเกือบ 40 นาทีถ้าใช้รถส่วนตัว หรือถ้านั่งรถไฟใต้ดินก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง โชคดีที่งานของจงอินไม่จำเป็นต้องรีบตื่นเช้าเพื่อเข้าไปตอกบัตรให้ทันเวลา อาชีพนักวาดภาพประกอบอย่างเขามีเพียงเวลาเดดไลน์ส่งงานเท่านั้นที่ต้องเป็นกังวล
ชานยอลมองไปทางบ้านที่อยู่ติดกับรั้วบ้านของจงอินอย่างสนใจ ดอกกุหลาบจำนวนมากกำลังชูดอกเบ่งบานเหนือรั้วปูนเปลือยสีเข้ม สีแดงสดของมันตัดกับสีของท้องฟ้าไร้เมฆ จะว่าสวยมันก็สวยดี แต่ชานยอลคิดว่ามันให้ความรู้สึกแปลกตามากกว่า เขาไม่เคยเจอต้นกุหลาบที่ออกดอกบานสะพรั่งเช่นนี้มาก่อน สีแดงที่แซมไปทั่วชวนให้รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูด
“บ้านข้างๆนายนี่ดูแปลกดีนะ ต้นไม้เยอะเป็นบ้า”
“ท่าทางจะเป็นพวกคนมีเงิน ดูหลังคานั่นสิ บ้านเกาหลีแบบแท้ ๆ เลยนะ” จงอินบุ้ยหน้าไปทางกระเบื้องสีที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นบ้านที่มีมานานแล้วและไม่ใช่บ้านของชาวบ้านธรรมดา ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วยกับรุ่นน้อง
“อย่าไปเผลอทำอะไรไม่ดีให้เขาเขม่นเอาล่ะ เผลอ ๆ จะโดนเก็บไม่รู้ตัว”
“ปากพี่นี่นะ. . . มาช่วยกันยกลังให้ไวเลย”
“นายนี่มันไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลยน้า” ชานยอลแสร้งถอนหายใจ จงอินเองก็กลอกตาอย่างไม่สนใจเช่นกัน
รถขนาด 7 ที่นั่งของชานยอลมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะถอยเข้าไปจอดในที่จอดรถของบ้าน เขาจึงต้องยอมจอดไว้นอกรั้วบ้านเช่นนี้ ชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งสองช่วยกันขนลังกระดาษของจงอินลงมาจากรถอย่างไม่รีบร้อน เพราะช่วงเวลาสาย ๆ แบบนี้แสงอาทิตย์ยังไม่แผดเผาสักเท่าไหร่
“คุณ. . . เพิ่งย้ายมาหรอครับ?” เสียงปริศนาเอ่ยทักขึ้นเรียกความสนใจจากชายหนุ่มทั้งสองให้หันมอง
ชายหนุ่มร่างบางที่สีมีผิวขาวกระจ่างตา ใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อนไปทางหล่อสวยมากกว่าหล่อคมกำลังยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขาเท่าไหร่ ผู้ชายคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อคอกว้างสีดำสนิท ช่วงขาดูดีในกางเกงเดนิมสีเข้ม คำพูดคำจาฟังดูเนิบช้ากว่าคนทั่วไป และจงอินแทบเผลอหยุดหายใจ เมื่อได้สบตากับนัยย์ตาสีอ่อนของคนตรงหน้า
“ผมอยู่บ้านข้าง ๆ คุณ. . .เอ่อ. . .” ชายแปลกหน้าชี้มือไปทางบ้านหลังนั้นที่เขากับชานยอลเพิ่งพูดถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนอ้าเผยอและเอียงคอเล็กน้อยเป็นเชิงถาม จงอินที่มัวแต่ยืนเหม่อก็เหมือนจะได้สติ เขารีบเอาลังไปวางกองไว้กับลังกระดาษใบอื่นที่ระเกะระกะบนพื้น เอามือเช็ดขากางเกงยีนส์สีซีดของตัวเองลวก ๆ
“คิมจงอินครับ ผมจะย้ายมาอยู่ตั้งแต่วันนี้ไป” เขายื่นมือไปข้างหน้า อีกฝ่ายนึงมองที่มีเขาแล้วย้อนหลับมามองหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มผิวขาวยืนนิ่งไปครู่นึงก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เขี้ยวเล็กที่มุมปากของเขาทำเอาจงอินหยุดหายใจไปชั่ววินาที
“ผมโอเซฮุน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“. . .”
“คุณจงอิน?”
“อ่า. . . เอ่อ. . . พวกผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่จอดรถขวางทางแบบนี้ พอดีว่าโรงจอดรถของผมมันเล็กเกินไปหน่อย แต่ไม่เกินเที่ยงก็จะเอารถออกแล้วล่ะครับ” จงอินเผลอตัวพูดแก้ตัวยาวเหยียด จะให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้ว่าเผลอมองจนตาค้าง เซฮุนมองเขาแล้วก็ส่งยิ้มให้อยู่อย่างนั้นทำเอาจงอินประหม่ามากกว่าเดิม จะยกมือมาเสยผมตัวเองแก้เก้อก็พบว่าตัวเองไม่ยอมปล่อยมือจากเซฮุนเสียที จงอินรีบปล่อยมืออีกฝ่ายทันทีเมื่อรุ้ว่าตัวเองกำลังเสียมารยาท
“ขอโทษด้วยนะครับ. . .” จงอินพูดเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
“อ่า. . . ครับ” จงอินยิ้มประหม่า พวกเขาสบกันอยู่ครู่นึงก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ชานยอลมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกพิลึก
เขาไม่เคยเจอจงอินในสภาพประหม่ายามอยู่ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มาก่อน โอเค จงอินไม่ใช่คนอัธยาศัยดีที่จะทักทายใครไปทั่ว หรือส่งมุกให้กับคนที่เป็นรู้จักกันเป็นครั้งแรก(เหมือนกับตัวเอง) แต่เขาก็สามารถพูดคุยกับคนแปลกหน้าได้อย่างมีสติมากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ รุ่นน้องของเขาดูเหมือนเป็นไอ้งั่งที่เพิ่งมีโอกาศได้คุยกับสาวครั้งแรกในช่วงชีวิตวัย 26 ปี
ชานยอลหรี่ดวงตากลมโตของตนลงด้วยความสนใจ เขาได้ยินว่าเซฮุนกำลังชักชวนจงอินให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านของเจ้าตัว โดยที่รุ่นน้องของเขาก็เอาแต่ปฏิเสท ซึ่งชานยอลคิดว่ามันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น เขาเดินเข้าไปทักทายเซฮุนที่ยังคงยิ้มหวานอยู่กับรุ่นน้องของเขา
“สวัสดีครับ ผมปาร์คชานยอล เป็นเจ้าของรถคันนี้เองครับ”
“สวัสดีครับ ผมโอเซฮุน” เซฮุนส่งยิ้มให้เขาเหมือนที่ยิ้มให้จงอิน แต่มือของพวกเขาไม่ได้สัมผัสกัน “ได้ยินว่าคุณจะกลับช่วงบ่าย ๆ”
“มีงานต่อนะครับ นี่กะว่ามาช่วยขนของ แวะซื้อของใช้นิดหน่อยแล้วจะกลับเลย”
“น่าเสียดาย คิดว่าจะชวนคุณทานข้าวเย็นด้วยกันก่อน”
“ไว้โอกาศหน้าแล้วกันครับ”
“ที่จริงแล้วไม่ต้องก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมหาอะไรกินแถว ๆ ซุปเปอร์ก็ได้” จงอินพูดสวนขึ้นมา
“ไม่ได้หรอกครับ ทานของพวกนั้นมาก ๆ ไม่ค่อยดีกับร่างกายนะ หรือว่าคุณจงอินรังเกียจผม. . .” น้ำเสียงของเซฮุนฟังดูหงอยลงไปทันตา จงอินเห็นแบบนั้นก็รีบปฏิเสธยกใหญ่ ไม่ได้มองเลยว่าชานยอลกำลังมองมาที่ตัวเขาด้วยสายตาแบบไหน
“มะ ไม่ใช่นะครับ! ไม่ได้รังเกียจหรืออะไร ผมแค่เกรงใจเฉย ๆ”
“งั้นนายก็ไปตอบตกลงเขาไปสิ” ชานยอลเร้า เซฮุนเองก็มองมาที่จงอินด้วยสายตาคาดหวัง
“อ่า. . . งั้นเย็นนี้ต้องรบกวนคุณเซฮุนด้วยนะครับ” จงอินพูดอ้อมแอ้ม เซฮุนที่ได้ยินแบบนั้นก็หลุดยิ้มกว้างจนตาหยี
“ผมจะทำสุดฝีมือเลย”
4.
จงอินเอาลังกระดาษใบสุดท้ายมาวางรวมกันไว้ที่ห้องนั่งเล่น สัมภาระของเขามีไม่เยอะ ส่วนใหญ่เป็นของใช้ส่วนตัวอย่างพวกเสื้อผ้าและหนังสือที่เอาไว้ใช้อ้างอิงหรือเอามาเป็นกำลังใจในการวาดรูป นอกจากนั้นก็เป็นแม๊คบุ๊คขนาดกลางที่เอาไว้ทำงาน โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์อะไรมาใส่เพิ่มเลยสักอย่าง หลังจากที่เขาตรวจเช็คข้าวของว่าไม่ลืมอะไรไว้ในรถของชานยอลอีก พวกเขาสองคนออกเดินทางไปที่ซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ในระแวกบ้านเพื่อหาซื้อของใช้พื้นฐานในชีวิตประจำวัน รถเข็นคันใหญ่ถูกชานยอลยึดเอาไว้ ปล่อยให้จงอินเดินเลือกซื้อของตามใจชอบ
“นี่”
“ว่า?”
“คุณเซฮุนเค้าน่ารักเนอะ” ชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ราวกับกำลังชวนคุยเรื่องดินฟ้าอากาศ
“. . .อืม น่ารัก” จงอินงึมงำ ชานยอลเหล่มองรุ่นน้องที่ตั้งใจอ่านฉลากของคอนเฟรคสองกล่องในมือ ทั้งที่ไม่จำเป็นเพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นสินค้ายี่ห้อเดียวกัน ต่างกันก็แค่รสชาติ
“สนใจเค้าก็ยอมรับเถอะหน่า มันจะไปยากอะไร”
“พูดจาเลอะเทอะแล้วพี่-”
“เมื่อเช้านี้เห็นเซฮุนออกมาซื้อของด้วยนะคะ ถือของเต็มมือเลยไม่รู้ว่าซื้ออะไรไปเยอะแยะ”
“อุ้ยจริงหรอคะ นาน ๆ ทีเขาจะออกมาจากบ้านนั้นเนอะ”
“นั่นสิคะ นี่เห็นว่าย่าจองได้คุยกับคุณโอด้วย จนป่านนี้ก็ยังเอาแต่พูดถึงคุณไคอยู่นั้นแหละ”
“แหม พูดไปก็ออกจะน่าสงสารนะคะ เขาเสียตั้งแต่ยังหนุ่มแบบนั้น”
“แต่นี่ก็ 3 ปีเข้าไปแล้วนะคะคุณพี่. . .”
แว่วเสียงหญิงวัยกลางคนจับกลุ่มคุยกันอยู่แถวโซนขายขนมทอดกรอบซึ่งอยู่ล็อคถัดไป เสียงแหลมสูงของคุณป้าทั้งหลายก็ไม่ได้เบาเลยสักนิด มันเลยช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ทั้งชานยอลและจงอินจะได้ยินบางส่วนของบทสนทนานั้นไปด้วย ตอนแรกพวกเขาไม่ได้สนใจในเนื้อหาในนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อมีชื่อของเซฮุนเป็นหัวข้อหลัก หูของจงอินก็ทำงานไปโดยอัตโนมัติ ชานยอลขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อบทสนทนาเริ่มเปลี่ยนจากคนข้างบ้าน มาเป็นรุ่นน้องของเขาเอง
“จะว่าไป ได้ยินว่ามีคนมาเช่าบ้านป้ายางที่อยู่ข้าง ๆ บ้านนั้นแล้วนะคะ”
“อุ้ยตาย! หวังว่าคราวนี้คนมาใหม่คงไม่ใช่ผู้ชายอีกนะคะ ถ้าซ้ำรอยอีกรอบนี่ฉันไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
“นั้นน่ะสิ พูดแล้วสงสารพ่อหนุ่มคนนั้นจัง อายุยังน้อยอยู่เลยแท้ๆ”
ชายหนุ่มสองคนสบตากัน เรื่องที่พวกคุณป้าพวกนี้พูดกันมันเริ่มจะมีกลิ่นแปลก ๆ ขึ้นทุกที อะไรคือสามีที่เสียไปแล้ว? เคยมีอะไรเกิดขึ้นกับผู้ชายที่อาศัยอยู่ในบ้านของป้ายาง? พวกเขาพยายามยืนนิ่งเพิ่งฟังเสียงแหลมสูงเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม แต่ดูเหมือนว่าหัวข้อพูดคุยจะเปลี่ยนไปยังเรื่องของเงินช่วยเหลือผู้สูงอายุจากรัฐบาลที่ตกเบิกมาหลายเดือน
“ป้าเจ้าของบ้านนายชื่ออะไร” ชานยอลถามเสียงนิ่ง
“เซนา. . . ยางเซนา”
5.
จงอินแยกกับชานยอลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหลังจากที่รุ่นพี่ตัวสูงโย่งพาเขากลับมาส่งที่บ้านพร้อมกับข้าวของมากมายที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเก็ต
“นายไม่ต้องไปกินข้าวเย็นกับเขาก็ได้นะจงอิน ฉันไม่สบายใจเลยหวะ” สีหน้าของชานยอลยังดูเป็นกังวลกับคำพูดของป้าพวกนั้นอย่างเห็นได้ชัด จากตอนแรกที่แอบจับคู่ให้รุ่นน้องขำ ๆ แต่ตอนนี้เขารู้สึกตลกไม่ออกจริง ๆ
“สัญญากับเค้าไปแล้ว ผิดคำพูดไม่ได้หรอก” จงอินส่ายหน้า “อีกอย่างถ้าผิดสัญญาไม่คิดว่าผมจะซวยกว่าเดิมหรอ ถ้าเซฮุนเค้าอันตรายจริง ๆ อย่างที่ป้าพวกนั้นพูดน่ะ”
ร่างสูงเบ้ปากพลางโคลงหัวอย่างยอมแพ้ สุดท้ายชานยอลก็ยอมขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยรถแต่โดยดี ชายหนุ่มกำชับซ้ำ ๆ ก่อนจะขับรถจากไปว่ามีอะไรก็ให้โทรมาได้เสมอไม่ต้องเกรงใจ จงอินยิ้มขำกับการคิดมากเกินเหตุของอีกฝ่าย แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดเอาเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจ คำนินทาของพวกป้า ๆ ไม่ต่างอะไรกับหนังสือกอสซิปดาราที่มีแต่ข่าวใส่สีตีไข่ ไม่ได้มีมูลความจริงอะไรเลยสักนิด
คนตัวบาง ๆ อย่างเซฮุน จะไปมีพิษภัยอะไร
ชายหนุ่มจัดการแยกของออกจากลังทีละใบอย่างไม่รีบร้อน จัดตรงนู่นตรงนี้ไปเรื่อยจนเมื่อรู้ตัวอีกทีแสงอาทิตย์ก็เริ่มเลือนหายไปจากท้องฟ้า
กิ๊งก่อง. . .
เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้นเรียกให้จงอินละความสนใจชั้นหนังสือ นึกแปลกใจนิดหน่อยว่าใครจะมากดออดเวลาแบบนี้ มือหนาเปิดประตูรั้วสีดำสนิทออกแล้วพบกับร่างบอบบางของเซฮุนยืนอยู่พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ
“สวัสดีครับ ผมมารบกวนอะไรรึเปล่า. . .” เซฮุนยังอยู่ในชุดสีเข้มเหมือนที่เจอกันในตอนเช้า ต่างออกไปเพียงแค่ใบหน้าที่ดูมีเลือดฝาด แก้มเนียนเรือสีชมพูอย่างน่าหลงใหลจนจงอินเผลอมองอีกฝ่ายจนตาค้าง คนข้างบ้านเอียงคอเปิดเชิงถาม ดวงตาสีอ่อนของเขากระพริบช้า เรียกสติของจงอินให้กลับคืนมา
“อ่า ไม่ครับ ไม่เลย. . .”
“คือผมแค่จะมาบอกว่ากับข้าวเสร็จแล้ว. . . คือผมไม่มีเบอร์คุณเลยไม่รู้จะติดต่อกันยังไง” น้ำเสียงหวานหูของเซฮุนยังคงพูดเนิบช้าไม่เปลี่ยน
“จริงด้วยสินะ งั้น. . .” จงอินล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหามือถือแต่พบเพียงความว่างเปล่า ก่อนจะนึกว่าไว้ว่าวางมันเอาไว้ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน “ผมลืมมือถือไว้ในบ้าน ถ้ายังไงรอแปบนึงนะครับ จะได้เอากุญแจบ้านมาด้วยเลย”
เซฮุนมองตามแผ่นหลังของจงอินที่เดินกลับเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบของ ดวงตากลมมองไปทั่วภายในรั้วบ้านสีทึบที่ซึ่งเขาไม่ได้เห็นมาหลายเดือน หลายอย่างเปลี่ยนไปและหลาย ๆ อย่างยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง รอยยิ้มบางผุดขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อนึกถึงความทรงจำในอดีต เจ้าของบ้านในปัจจุบันเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมกับมือถือและกุญแจในมือ จงอินยังคงยิ้มอย่างอาย ๆ เมื่อพวกเขาเดินจากบ้านหลังเล็กมาที่รั้วบ้านหลังติดกัน เซฮุนหยิบกุญแจทองเหลืองดอกใหญ่ขึ้นไขประตูรั้ว มือบางผลักประตูไม้ให้เปิดออกก่อนจะเดินนำเข้าไป จงอินอดตื่นตะลึงกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ เบื้องหลังกำแพงอิฐทึบมีต้นไม้นานาพรรณงอกเงยจนเกือบเต็มพื้นที่ อาจจะเพราะว่ามีการจ้างคนดูแลเป็นพิเศษจึงทำให้สวนแห่งนี้ดูสวยงามทั้งที่มีต้นไม้หนาแน่น ซึ่งที่สะดุดตาของเขามากที่สุดคือต้นกุหลาบที่ปลูกเรียงกันจากริมรั้วด้านนึงไปถึงอีกด้านนึง ดอกกุหลายสีแดงเพลิงบานสะพรั่งท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามโผล่เพล้ดูสวยงามราวต้องมนต์คาถา ร่างบางหันมามองจงอินที่ยืนเหม่อมองต้นกุหลาบจนไม่รู้ตัวว่าถูกเขายื่นใบหน้าไปใกล้จนแทบจะแนบชิดกับใบหูสีเข้ม
“ยินดีต้อนรับ. . .”
________________________
SIX FEET UNDER
TRAILER
_________________________________________
#ohyeskaihun
ความคิดเห็น