ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยายรัก...จั๊กกะจี้หัวใจ : ‘รัก-หลับ' ตอนใหม่

    ลำดับตอนที่ #2 : นิยายรัก...จั๊กกะจี้หัวใจ : ‘รัก-หลับ'---------->2

    • อัปเดตล่าสุด 31 ธ.ค. 49


    เอ้า...ถึงแล้วจ๊ะ หาดจอมเทียน นั่งเล่นริมทะเลกันก่อน แล้วค่อยไปหาอาหารทะเลกินตอนเย็นนะ โชเฟอร์สาวมาดเท่ห์พูดพลางเลี้ยวรถเข้าจอดบริเวณหาดที่ไม่ค่อยพลุกพล่าน

         “
    ไม่ได้มาตั้งนาน เปลี่ยนไปมากเลยเนอะพี่อิน อ้าวมัวทำอะไรอยู่ล่ะคะ ไปกันเถอะสาวเจ้าลงจากรถมองบรรดาร้านค้า โรงแรมที่เรียงกันเป็นตับแล้วพูดขึ้นพลางชวนออกเดิน

         “
    เอ่อจ๊ะ ขอโทษที....พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันสินะว่าเปลี่ยนไปมากไหม เพราะพี่ก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยนักหรอก พี่ชอบทะเลที่เป็นทะเลจริงๆมากกว่า พี่ชอบความงาม ความสงบ ไม่ใช่แสงสีที่สนุกแบบฉาบฉวยอย่างนี้อินละสายตาจากป้ายโฆษณาแล้วรีบเดินมาหาคนตั้งคำถาม

         “
    แหม....จริงจังแบบนี้ มิน่าล่ะ.....” หญิงสาวพูดแล้วหยุดไว้แค่นั้น

         “
    อะไร มิน่าอะไรพูดพลางเอาแว่นกันแดดเสยขึ้นคาดผม มีผมปรกลงมาชนกับคิ้วที่ขมวดน้อยๆเพราะความสงสัย

         “
    มิน่า....ถึงหาแฟนไม่ได้ไงคะ ฮิฮิสาวหน้าใสพูดแล้วรีบวิ่งหนีไปทางเก้าอี้ผ้าใบ

         “
    อ๋อ ว่าพี่หาแฟนไม่ได้เหรอ งั้น....ได้ พี่จะเริ่มหาละนะอินเดินตามมานั่งลงข้างๆ แล้วตอบทำหน้ามีเลศนัย

         “
    เริ่มหา? เริ่มหายังไงคะเด็กสาวขมวดคิ้วไม่เข้าใจมุข

         “
    ก็ยังงี้ไงคะว่าแล้วก็จับมือนุ่มๆ มาแบออกเพื่อวางดอกไม้ดอกเล็กสีนวลให้

         “
    เมื่อกี้เห็นดอกนี้มันหล่นจากต้นมาอยู่บนรถ พี่เห็นมันสวยดีก็เลยเก็บเอามาให้แนนจ๊ะพูดจบแล้ว ให้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเล็กๆที่เริ่มเย็นเฉียบซะที

         “
    เอ่อ....ขอบ....คุณค่ะกว่าเด็กสาวจะพูดออกไปได้ก็เหนื่อยเอาการอยู่

         “
    ทำไมมือแนนเย็นจัง ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะพูดพลางเอามือไปอังหน้าผาก และแก้มเนียนใส ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าสบายดี แต่มันอดไม่ได้ที่จะหาเรื่องสัมผัสผิวนวลนั้นซักนิดก็ยังดี

         “
    เอ่อ...เปล่าค่ะว่าแล้วก็เอนหลังลงพิงพนักผ้าใบ จนมือหลุดออกจากการเกาะกุม นี่ถ้ายังอยู่ท่านั้นต่อไป หูกับหน้าคงจะร้อนเอาไข่มาปิ้งได้เลยนะเนี่ย

         “
    ไม่ทราบว่าจะรับอาหาร-เครื่องดื่มอะไรดีคะคุณหญิงวัยกลางคนเดินมาถามพร้อมรายการอาหารในมือ

         “
    เอ่อ......ขอแค่น้ำอัดลมสองที่ก็พอค่ะอินตอบแล้วมองป้าคนให้เช่าเก้าอี้อย่างขัดใจเล็กน้อย แหมคนกำลังรุกฆาต จะต้องมาถามเอาตอนนี้ด้วย ป้านะป้า...

         
    อินจ่ายค่าเครื่องดื่มกับที่นั่งแล้วหันมาหาสาวแก้มแดงที่อาศัยจังหวะระฆังช่วย เอาหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ขึ้นมาอ่าน แล้วทำหน้าตั้งใจอ่านสุดฤทธิ์

         “
    อ้าว มาเที่ยวทะเล หรือมาอ่านหนังสือกันจ๊ะ แล้วตกลงไม่สบายหรือเปล่าอินพยายามจะวกกลับเข้าเรื่องเดิมก่อนที่ป้ามหาภัยจะทำเสียแผน

         “
    นี่ๆ หนังสือพิมพ์เนี่ยเค้ามีบอกด้วยล่ะว่า คำว่า พัทยามาจากไหน พี่อินรู้ไหมหญิงสาวไม่ยอมตกหลุมพราง รีบชิงเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนที่จะโดนอีกรอบ

         “
    ถ้าตอบถูกแล้วแนนจะให้อะไรพี่อินถามสู้ มาไม้ไหนก็ได้ ไม่กลัวอยู่แล้ว

         “
    พี่อินตอบไม่ถูกหรอก แนนไม่บอกตัวเลือกให้นะ แต่ถ้าพี่อินตอบถูกเป๊ะ เอาอะไรก็ได้สาวน้อยตอบอย่างมั่นใจ

         “
    จริงนะ อะไรก็ได้นะ โอเค....พัทยามาจากคำว่าทัพพระยาที่ชาวบ้านเรียกตอนครั้งพระเจ้าตากสินตีฝ่าวงล้อมพม่ามารวบรวมพลที่นาจอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ยสัตหีบ แล้วเรียกใหม่ว่า ทัพธยาแล้วกลายเป็น พัทยาในที่สุด 1 ถูกต้องไหมจ๊ะอินยักคิ้วข้างนึงถามกลับ

         “.....................”

         “
    อ้าว ทำหน้าเหวอยังงั้น แปลว่าถูกเป๊ะ เลยใช่ม้า...หาอินยิ้มกวนๆ ทำหน้าภูมิใจในชัยชนะ

         “
    ไม่จริงอ่ะ พี่อินขี้โกง พี่อินรู้ยังไงน่ะ แอบมาอ่านตอนไหนเนี่ยสาวน้อยโวยวายทำหน้าเป๋อเหลอ

         “
    อะไรล่ะ ขี้แพ้ชวนตีนี่นา ไม่รู้ล่ะพี่ชนะแล้ว พี่จะเอาอะไรก็ได้ อย่าลืมนะสาวเท่ห์หัวเราะอย่างมีความสุข

         “
    แล้วพี่อินรู้ได้ยังไง บอกมาก่อน อย่าบอกนะว่าจำได้ตั้งแต่ตอนเรียน สาวแก้มใสไม่ยอมแพ้ ยังคงโวยวายต่อ

         “
    อืม...จะบอก หรือไม่บอกดีน่า อ๊ะ..บอกให้ก็ได้ ก็พี่เพิ่งยืนอ่านป้ายของการท่องเที่ยวฯ อยู่ตรงรถเราเมื่อกี้ไงจ๊ะ แววตาขี้เล่นนั้นเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข

         “
    โหย..ขี้โกงนี่นา ไม่เอาอ่ะ เลิกๆ ไม่เล่นแล้วสาวน้อยพูดทำหน้างอน

         “
    ไม่เล่นก็ได้ เพราะพี่ชนะแล้ว อืม...จะทำอะไรดีน้า...” อินเอานิ้วเคาะขมับทำหน้าคิด

         “
    อ้อ...รู้แล้ว อืม......” อินพูดแล้วก็หยุด นิ่งเงียบไปนานจนเด็กสาวเกิดความอยากรู้จนทนไม่ได้

         “
    อะไรคะ...พี่อินจะทำอะไร

         “
    เอียงหูมานี้ซิ พี่จะบอกให้อินพูดพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ทำหน้าจริงจัง

         “
    แล้วทำไมต้องกระซิบด้วยล่ะ บอกมาเลยก็ได้สาวน้อยเกรงๆ ไม่กล้าทำตาม

         “
    ไม่ได้เดี๋ยวคนแถวนี้ได้ยิน มันจะไม่ดี มา...เดี๋ยวบอกให้ว่าแล้วก็ขยับตัวไปชิด ทำท่าจริงจังแบบไม่มีเลศนัย

         
    เด็กสาวกล้าๆกลัวๆ แต่ในที่สุดก็ยอมเอียงหูไปให้

         “
    พี่จะขอ.........หอมแก้มแนนทีนึงจ๊ะว่าแล้วก็กดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนๆอย่างรวดเร็ว

         
    เด็กสาวตกใจ รีบผละตัวออกอย่างรวดเร็ว

         “
    พี่อิน!!!!” เด็กสาวร้องเสียงหลง แก้มแดงลามไปถึงหู

         “
    จ๋า......” สาวรุ่นพี่ขี้ขโมยขานรับเสียงหวาน ทำหน้าออดอ้อนเต็มที่

         “
    พี่...เอ่อ....แนน.....เอ่อ........” สาวแก้มแดงพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง แต่พูดไม่ออก เลยฟาดเข้าไปที่แขนคนขี้ขโมยไปหนึ่งป้าป โทษฐานทำให้เขิน ไม่ใช่โทษฐานไปแอบหอมนะ

         “
    โอ้ย....แนนเนี่ย ชอบทำร้ายร่างกายสาวห้าวโอดครวญด้วยรอยยิ้ม

         “
    ดี....วันหลังจะได้ไม่กล้า ฮึเด็กสาวตอบไม่มองหน้า และยังหุบยิ้มไม่ลง

         “
    เหรอ แปลว่า ถ้าพี่ยอมโดนตี ก็แปลว่าพี่หอมได้ใช่ไหมจ๊ะอินพูดเสียงหวาน นัยต์ตาออดอ้อน

         “
    เอ๊ะ...พี่อินนี่ ยังอีก...แนนจะโกรธจริงๆแล้วนะเด็กสาวพยายามทำเป็นว่าโกรธ เสียงแข็งกลบเกลื่อน ช่างขัดกับสีหน้าเขินอายและสุขสมนั้นเหลือเกิน

         “
    โอเคจ๊ะ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เดี๋ยวแนนโกธรขึ้นมาจริงๆ พี่ล่ะแย่เลยอินยอมอ่อนข้อให้ ในที่สุด เพราะคิดว่าจะรีบร้อนรุกเร้าไปทำไม ของยังงี้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า


         
    แนนและอินนั่งคุยหยอกล้อกันอย่างชื่นมื่นริมทะเลจนพระอาทิตย์ตกดิน จึงชวนกันไปทานอาหารทะเลที่หมายมั่นไว้แต่แรก แนนพาอินไปร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง มีเกรียวคลื่นและเงาจันทร์อยู่ไม่ไกล บรรยากาศโดยรอบช่างน่าอภิรมย์ทำให้ทั้งสองเพลิดเพลินจนลืมดูเวลา กระทั่งบริกรเดินเข้ามาขอเก็บเงินทั้งสองจึงเพิ่งจะรู้ว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

         “
    ดึกแล้วนะคะ พี่อินขับรถได้ใช่ไหมคะเด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากขึ้นนั่งประจำที่ในรถ

         “
    คิดว่าน่าจะได้จ๊ะ เดี๋ยวแวะซื้อ......ฮ้าว.....อืม กาแฟที่ปั๊มสักนิดก็น่าจะเอาอยู่อินพูดไปหาวไป

         “
    อันตรายหรือเปล่าคะ เออ..ใช่ เมื่อเช้าพี่อินบอกว่า เมื่อคืนพี่อินไปทำงานทั้งคืน แล้วก็ยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วยังโดนแนนลากมาเที่ยวทั้งวันแบบนี้อีกเด็กสาวพูดอย่างกังวลและสำนึกผิด

         “
    ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พี่เป็นคนชวนแนนมาเองนะ อย่าลืมสิ ไม่ไหวแล้วจะทำไงล่ะ ....ฮ้าว...... แนนไม่กลับบ้านได้เหรออินเริ่มคิดแผนการต่อเวลาความสุขให้นานขึ้นอีกวัน และไม่แน่ใจตัวเองว่าจะขับรถกลับอย่างปลอดภัยได้หรือเปล่าเพราะตัวเองก็เริ่มจะรู้สึกง่วงจริงๆแล้ว

         “
    ได้ค่ะ แนนโทรบอกที่บ้านได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ แต่เอ๊ะ....” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจและเป็นห่วงโชเฟอร์ แต่อยู่ๆก็ชะงักและหลบตาก้มหน้างุดๆ

         “
    หา อะไรจ๊ะ แต่อะไร ถ้าแนนห่วงเรื่องเสื้อผ้าละก็ พี่พอมีอยู่ในกระเป๋าหลังรถนะ เอาติดไว้เผื่อตอนไปออกกำลังกายน่ะ หรือแนนไม่สะดวก ได้นะ...พี่ยังไงก็ได้อยู่แล้วอินหันมาบอกพยายามมองหน้าเด็กสาวว่าเป็นอะไร

         “
    เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ อืม....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หาที่พักที่นี้ก็ได้ค่ะ ยังไงๆก็คงกลับไม่ไหวหรอกพูดจบเด็กสาวก็หันมองออกไปนอกรถ อาศัยความมืดหลบแก้มแดงๆนวลๆที่มี ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้นี่นาว่า ค้างที่นี่ก็คือต้องค้างกับพี่อิน ต้องอยู่ห้องเดียวกับพี่อินทั้งคืน แค่คิดก็เขินทำอะไรไม่ถูกแล้ว เฮ้อ....ทำไมวันนี้มันมีแต่เรื่องให้ใจเต้นแรงอย่างนี้นะ




         “
    แนน ไปอาบน้ำไป พี่เอาเสื้อผ้าวางไว้ในห้องน้ำให้แล้วอินพูดหลังเดินออกมาจากห้องน้ำโรงแรมที่พัก

         “
    อ้าว เป็นอะไรล่ะจ๊ะ นั่งมองเตียงตาไม่กระพริบเลย ง่วงแล้วเหรอ ไม่ยอมไปอาบน้ำก่อน จั๊กกะแร้เหม็นมานอน พี่ไม่ยอมนอนด้วยน๊า...” รุ่นพี่เริ่มต้นพูดแหย่รุ่นน้องอีกรอบหลังจากเห็นทำหน้าบึ้งมาตั้งแต่เข้าห้องพัก

         “
    แหวะ ใครเค้าจะอยากไปนอนด้วย ก็เล่นเอาห้องเตียงเดียวมายังงี้ทำไมล่ะ ทำไมไม่เอาเตียงคู่ล่ะคะรุ่นน้องเพิ่งเฉลยสาเหตุของความหน้าบึ้ง แค่ให้นอนห้องเดียวกันก็จะแย่แล้ว นี่ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก จะแกล้งกันไปถึงไหนเนี่ย...พี่อิน

         “
    ก็เค้าเหลือแต่ห้องเตียงเดียวนี่จ๊ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เอาผ้ามาปูนอนตรงนี้ก็ได้จ๊ะเจ้าตัวน้ำเสียงสลดเล็กน้อย แต่ก็รีบรื้อผ้าปูคลุมเตียงชั้นบนออกมาทำที่นอน พลางคิดในใจ พี่ไม่ได้เจตนานะ ถึงแม้จะดีใจมากที่ได้ห้องอย่างงี้ก็เถอะ แต่พี่ไม่ได้เจตนาจริงๆ

         “
    อ๊ะ พี่อินจะลงไปนอนกับพื้นทำไมล่ะ เตียงออกกว้าง แนนแค่.....เอ่อ กลัวพี่จะอึดอัด เพราะแนนเป็นคนนอนดิ้นเท่านั้นเองหญิงสาวเห็นทีท่าหงอยๆของอีกฝ่ายก็รู้สึกหวิวนิดๆ จนต้องรีบง้อแบบมีฟอร์ม ก็คนมันเขินนี่นา ไม่ได้รังเกียจซักหน่อย

         “
    ไม่เป็นไรจริงๆจ๊ะ พี่นอนเตียงนิ่มๆก็ปวดหลังเหมือนกันแหละ พี่นอนตรงนี้ดีกว่าพูดไปมือก็ปูผ้าไม่เลิกจนอีกฝ่ายเดินมาดึงผ้าออกไปจากมือ

         “
    พี่อินนี่ ก็แนนบอกว่าให้นอนบนเตียง แนน.......เอ่อ กลัวผีน่ะ นอนเป็นเพื่อนแนนนะ ไหนว่าง่วงตั้งแต่อยู่ร้านอาหารแล้วไง ไปนอนซิคะว่าแล้วก็ดันตัวรุ่นพี่คนดีไปนอนที่เตียงแกมบังคับว่าห้ามโต้แย้งอะไรอีก แล้วก็เดินไปอาบน้ำ



         
    หลังจากแนนอาบน้ำเสร็จและปิดไฟล้มตัวลงนอน อินก็ไม่อาจข่มตาหลับตามความง่วงที่มีก่อนหน้านี้ได้เลย กลิ่นอายจากตัวเธอ กลิ่นหอมจางๆนั้น ทำให้ใจคนนอนข้างๆสั่นระรัว กลิ่นนั้นทำไมมันช่างหอมจังนะ จะเป็นกลิ่นสบู่ แชมพู หรือกลิ่นกายของสาวแรกรุ่นคนที่เราเฝ้าระลึกถึงมาหลายปีกันแน่ คิดแล้วก็อยากจะไปดอมดมใกล้ๆ ให้ชื่นใจสักที เราก็ชอบเค้ามาหลายปีแต่ไม่เคยจะแสดงให้เค้ารู้ จนต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง วันนี้ความรู้สึกนั้นมันก็ยังคงเดิม แล้วจะยังปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกหรือ


         
    ในห้องเหมือนจะดูเงียบสงัด แต่ไม่ใช่ในใจหญิงสาวคนนี้แน่ เพราะมันกำลังเต้นแรงจนเจ้าของกลัวว่าคนข้างๆก็จะได้ยิน และล่วงรู้ความในใจของเธอ เค้าจะรู้บ้างไหมนะ ว่าเค้าคือคนที่เราแอบชื่นชมมานาน เค้าคือคนที่เราเฝ้าฝันมาตลอด เค้าจะคิดกับเรายังไงบ้างนะ จะมีใจให้เราจริงๆ หรือแค่หยอกเราเล่นนะ เฮ้อ....

         “
    แนนจ๊ะ หลับหรือยังอินถามขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของแนน

         “
    เอ่อ.....ยังค่ะ

         “
    พี่....ถามอะไรแนนหน่อยได้ไหมจ๊ะคนพูดพลิกตัวหันมาทางกลิ่นหอมๆนั้น

         “
    ค่ะเจ้าของกลิ่นหอมขานรับเบาๆ

         “
    เอ่อ...แนนจะ........รังเกียจพี่ไหม ถ้าพี่จะ.........ขอแนนเป็นแฟน สาวมั่นตอนนี้ไม่มั่นซะแล้ว

         “..................................”

         “......
    เอ่อ......พี่ชอบแนนมาตั้งนานแล้ว แล้วพี่ก็ชอบมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาก วันนี้พี่ดีใจมากที่ได้กลับมาพบแนนอีกครั้ง พี่มีรู้สึกดีที่มีแนนอยู่ข้างๆ พี่ยังแอบหวังว่าพี่จะมีแนนอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ.......ถ้าแนนไม่รังเกียจหลังจากรวบรวมความกล้าอินก็พูดความในใจออกไปจนหมด เพราะคิดว่าไหนๆก็พูดไปแล้ว ก็พูดให้หมดเลยละกัน กลัวเค้าจะรังเกียจ แต่ก็ต้องลองเสี่ยงดู

         “
    แนน.....แนน....ไม่....... ขอโทษค่ะเสียงเบาๆที่ตอบมานั้นสั่นเพราะแรงสะอื้นน้อยๆ

         “
    แนน!!! พี่ขอโทษ อย่าร้องนะ พี่ไม่ถามแล้ว ถือว่าพี่ไม่ได้พูดนะคะ โอ๋..คนดีอย่าร้องนะ พี่ขอโทษสุดที่จะเห็นภาพคนตรงหน้าร้องไห้ได้ อินดึงแนนเข้ามากอดแน่น ปากพร่ำปลอบประโลม

         
    ฝ่ายสาวเจ้าเมื่ออยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นก็ทนเก็บน้ำตาไว้ไม่ไหว ร้องไห้ต่อไม่หยุด ไม่ยอมพูดยอมจา

         “
    แนน อย่าร้องเลยนะคะ ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่ผิดเอง นิ่งซะนะ..คนดีคนปลอบเห็นคนร้องไห้แล้วใจเสีย อยากจะทำทุกอย่างให้เธอหายทุกข์ หายเสียใจ

         “
    ฮือ....แนน....ไม่รังเกียจค่ะสาวขี้แยพยายามพูดออกมาในที่สุด

         “
    หือ แนนไม่รังเกียจ หมายความว่า......แนนยอมเป็นแฟนพี่?” คนปลอบงงกับคำตอบที่ได้รับ ยันตัวออกมามองหน้าด้วยความสงสัย จึงได้เห็นสาวน้อยในอ้อมกอดพยักหน้านิดๆ

         “
    แล้วแนนร้องไห้ทำไมล่ะคะ แล้วแนนบอกขอโทษทำไมอินละร่ำละลักถามด้วยความดีใจล้นเหลือ พร้อมแนบกระชับอ้อมแขนแน่น ลูบผมเบาๆอย่างรักใคร่

         “
    ฮือ ก็...แนนดีใจ ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็ขอโทษที่แนนพูดไม่รู้เรื่องค่ะสาวน้อยขี้แยตอบปนสะอื้น ยังคงซุกอกอุ่นร้องกระซิกๆ

         “
    โธ่เอ้ย เด็กน่าเด็ก.....ทำพี่ตกใจหมดเลย โอ๋..ไม่ร้องแล้วนะคะ ไหนดูสิ

         
    ในแสงสลัวอินเห็นใบหน้าเด็กสาวลางๆ มีน้ำตาเม็ดน้อยๆหยดลงสองข้าง อินเอาหลังมือค่อยๆไล้น้ำตาออก แล้วบรรจงจูบเบาๆลงไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างนั้น ก่อนจะไปจูบหน้าผากอีกครั้ง อินเป็นสุขจนอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปกระซิบข้างที่หูว่า

         “
    พี่รักแนนนะจ๊ะ

         
    แนนได้ฟังก็ยิ้มตื้นตันจนน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ จนอินต้องไล่จูบไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง อีกครั้ง แล้วไล่เลยไปที่หน้าผาก แก้มและริมฝีปาก อินสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเพียงแผ่วเบาเพื่อรอดูท่าทีตอบสนองของผู้ถูกรุกราน ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าด้วยการค่อยๆเพิ่มระดับความหนักหน่วงของแรงจูบหลังจากเห็นว่าไม่ได้รับการปฏิเสธ นั่นอาจจะเป็นเพราะรสจูบอันร้อนแรงที่เด็กสาวได้รับ มันทำให้เธอไม่สามารถต้านทานอะไรใดๆได้เลย

         
    จากที่อินคิดว่าจะไม่ล่วงเกินอะไรเด็กสาวมากไปกว่านี้เพราะเพิ่งจะตกลงคบหากัน แต่ความน่ารักที่เธอมี กลิ่นหอมหวลที่ได้รับทำให้อินเผลอพลิกตัวขึ้นมาก้มลงสูดดมความหอมจากใบหน้า ข้างหู และซอกคอ อย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนมือไม้ก็เริ่มจะค้นหาสัมผัสจากสิ่งสวยงามตรงหน้า โดยเริ่มที่แผ่นหลังอันนวลเนียนน่าจับต้อง เด็กสาวขี้แยเมื่อสักครู่นี้ไม่มีน้ำตาหลงเหลือบนใบหน้า นอกจากเสียงครางเบาๆในลำคอ

         
    อินเงยหน้าขึ้นมองสาวคนรักด้วยความเสน่ห์หา ก่อนจะค่อยๆเลิกเสื้อนอนเธอขึ้นช้าๆ แล้วก้มประพรมจูบบนหน้าอกที่สวยงามคู่นั้นอย่างแผ่วเบา กลิ่นกายความหอมจากตัวเธอทำให้อินหลงใหล อินประทับจูบเบาๆที่ยอดอกสีชมพูอย่างดูดดื่ม ร่างเล็กๆสั่นสะท้าน หลับตาแน่น ก่อนจะเผลอตัวส่งเสียงไปตามอารมณ์

         
    เมื่ออินดูดดื่มกับความหอมหวานตรงหน้าซักระยะ จึงเลื่อนตัวขึ้นมาที่ซุกไซ้ที่ซอกคออีกครั้ง แล้วกระซิบข้างหูเด็กสาวว่าพี่ขออนุญาตนะคะแล้วค่อยๆปลดพันธนาการที่บดบังเรือนร่างออกช้าๆและแผ่วเบาๆ สาวน้อยบิดกายไปมาด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ขัดขืน อินเผลอจ้องมองร่างเปลือยเปล่าที่สวยงามนั้นตาไม่กระพริบ

         “
    อื้อ พี่อิน แนนอายนะเธอลืมตามาเห็นว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาตาคมๆคู่นั้น จึงรีบคว้าผ้าห่มมาปิดร่าง

         
    อินก้มลงกระซิบที่ข้างหู พร้อมดึงผ้าห่มออกอย่างนุ่มนวล ไม่ต้องอายนะคะคนดี แนนสวยไปทั้งตัวเลยนะ รู้ไหม ขอพี่หอมแนนทั้งตัวเลยนะอินไม่รอฟังคำตอบ แต่เริ่มทำอย่างที่พูด โดยเริ่มจากจูบเบาๆที่หน้าผาก แล้วค่อยๆไล่เลาะไปยังซอกคอ หน้าอก ท้องน้อย แล้วข้ามไปปลายขา พรมจูบเบาๆขึ้นมาตามน่อง และ.....ส่วนสำคัญส่วนนั้น

         “
    พี่อิน......อืม

         
    เพลงรักของทั้งคู่บรรเลงอย่างนุ่มนวล พริ้วไหว และอ่อนละมุน หากเต็มไปด้วยความอิ่มเอม เร้าใจ และสุขสมด้วยอารมณ์เสน่ห์หาต่อกันอย่างสุดซึ้ง







         “
    เด็กขี้แย ตื่นแล้วเหรอจ๊ะอินกระซิบถาม หลังจากจูบลงบนเปลือกตาเบาๆ คู่นั้น ในเช้าวันใหม่

         
    เด็กขี้แยไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มและหันมาโอบกอดเอาหน้าซุกอ้อมอกของคนถาม อินกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น แล้วจูบลงที่ผมเบาๆ มือลูบไล้ผิวสวยไร้อาภรณ์นั้นอย่างทะนุถนอม

         “
    หิวหรือยังจ๊ะ คนดี

         “
    แล้วพี่อินล่ะคะ หิวหรือยังเสียงอู้อี้ดังขึ้นมาจากอก

         “
    หิวแล้ว แต่......หิวแนนนะคนตอบยื่นหน้าไปกระซิบบอกที่ข้างหู

         “
    พี่อิน......บ้าพูดเสร็จก็ฟาดเข้าให้ทีนึงที่แขน

         “
    อ้าว บ้าก็อย่ามากอดเค้าสิอินพูดหน้าทะเล้น

         “
    เชอะ ไม่เห็นจะอยากกอดเลยสาวน้อยพูดสะบัดเสียงและสะบัดตัวออก

         “
    ดีไม่กอดยังงี้ก็ดี จะได้เห็นชัดๆหน่อย เมื่อคืนมันมืด มองไม่เห็นพูดเสร็จก็ดึงผ้าห่มออกแล้วก็มองไปทั่วร่างที่เปลือยเปล่าตรงหน้า

          “
    อุ๊ย....” เจ้าของเสียงผวาเข้าสู่อ้อมกอดดั่งเดิม พร้อมกระหน่ำทุบแบบไม่ยั้ง

         “
    ฮ่ะ ฮ่า โอ้ย.....พี่ล้อเล่นน่า อ่ะ เอาผ้าห่มคืนไป แหมทำยังกะเมื่อคืนพี่ไม่เห็นคนโดนทุบอารมณ์ดี ตอบหน้าทะเล้นเหมือนเดิม

         “
    ยังจะมาพูดอีกนะ นี่ๆๆๆว่าแล้วก็รัวกำปั้นน้อยๆใส่อีกสามที

         “
    โอ้ย ตีพี่เหรอ ยังงี้ต้องเอาคืนพูดจบก็ลุกหันไปคร่อมคู่กรณี แล้วก้มลงหอมที่ซอกคอซ้ายขวา

         “
    เอ๊ะ พี่อินนี่ ............อืม............” เด็กสาวพูดได้เพียงแค่นั้นแล้วก็ต้องหลับตาลงด้วยความหวั่นไหว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×