ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : นิยายรัก...จั๊กกะจี้หัวใจ : รัก-หลับ'---------->2
“เอ้า...ถึงแล้วจ๊ะ หาดจอมเทียน นั่งเล่นริมทะเลกันก่อน แล้วค่อยไปหาอาหารทะเลกินตอนเย็นนะ ” โชเฟอร์สาวมาดเท่ห์พูดพลางเลี้ยวรถเข้าจอดบริเวณหาดที่ไม่ค่อยพลุกพล่าน
“ไม่ได้มาตั้งนาน เปลี่ยนไปมากเลยเนอะพี่อิน อ้าวมัวทำอะไรอยู่ล่ะคะ ไปกันเถอะ” สาวเจ้าลงจากรถมองบรรดาร้านค้า โรงแรมที่เรียงกันเป็นตับแล้วพูดขึ้นพลางชวนออกเดิน
“เอ่อจ๊ะ ขอโทษที....พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันสินะว่าเปลี่ยนไปมากไหม เพราะพี่ก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยนักหรอก พี่ชอบทะเลที่เป็นทะเลจริงๆมากกว่า พี่ชอบความงาม ความสงบ ไม่ใช่แสงสีที่สนุกแบบฉาบฉวยอย่างนี้” อินละสายตาจากป้ายโฆษณาแล้วรีบเดินมาหาคนตั้งคำถาม
“แหม....จริงจังแบบนี้ มิน่าล่ะ.....” หญิงสาวพูดแล้วหยุดไว้แค่นั้น
“อะไร มิน่าอะไร” พูดพลางเอาแว่นกันแดดเสยขึ้นคาดผม มีผมปรกลงมาชนกับคิ้วที่ขมวดน้อยๆเพราะความสงสัย
“มิน่า....ถึงหาแฟนไม่ได้ไงคะ ฮิฮิ” สาวหน้าใสพูดแล้วรีบวิ่งหนีไปทางเก้าอี้ผ้าใบ
“อ๋อ ว่าพี่หาแฟนไม่ได้เหรอ งั้น....ได้ พี่จะเริ่มหาละนะ” อินเดินตามมานั่งลงข้างๆ แล้วตอบทำหน้ามีเลศนัย
“เริ่มหา? เริ่มหายังไงคะ” เด็กสาวขมวดคิ้วไม่เข้าใจมุข
“ก็ยังงี้ไงคะ” ว่าแล้วก็จับมือนุ่มๆ มาแบออกเพื่อวางดอกไม้ดอกเล็กสีนวลให้
“เมื่อกี้เห็นดอกนี้มันหล่นจากต้นมาอยู่บนรถ พี่เห็นมันสวยดีก็เลยเก็บเอามาให้แนนจ๊ะ” พูดจบแล้ว ให้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเล็กๆที่เริ่มเย็นเฉียบซะที
“เอ่อ....ขอบ....คุณค่ะ” กว่าเด็กสาวจะพูดออกไปได้ก็เหนื่อยเอาการอยู่
“ทำไมมือแนนเย็นจัง ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ” พูดพลางเอามือไปอังหน้าผาก และแก้มเนียนใส ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าสบายดี แต่มันอดไม่ได้ที่จะหาเรื่องสัมผัสผิวนวลนั้นซักนิดก็ยังดี
“เอ่อ...เปล่าค่ะ” ว่าแล้วก็เอนหลังลงพิงพนักผ้าใบ จนมือหลุดออกจากการเกาะกุม นี่ถ้ายังอยู่ท่านั้นต่อไป หูกับหน้าคงจะร้อนเอาไข่มาปิ้งได้เลยนะเนี่ย
“ไม่ทราบว่าจะรับอาหาร-เครื่องดื่มอะไรดีคะคุณ” หญิงวัยกลางคนเดินมาถามพร้อมรายการอาหารในมือ
“เอ่อ......ขอแค่น้ำอัดลมสองที่ก็พอค่ะ” อินตอบแล้วมองป้าคนให้เช่าเก้าอี้อย่างขัดใจเล็กน้อย แหมคนกำลังรุกฆาต จะต้องมาถามเอาตอนนี้ด้วย ป้านะป้า...
อินจ่ายค่าเครื่องดื่มกับที่นั่งแล้วหันมาหาสาวแก้มแดงที่อาศัยจังหวะระฆังช่วย เอาหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ขึ้นมาอ่าน แล้วทำหน้าตั้งใจอ่านสุดฤทธิ์
“อ้าว มาเที่ยวทะเล หรือมาอ่านหนังสือกันจ๊ะ แล้วตกลงไม่สบายหรือเปล่า” อินพยายามจะวกกลับเข้าเรื่องเดิมก่อนที่ป้ามหาภัยจะทำเสียแผน
“นี่ๆ หนังสือพิมพ์เนี่ยเค้ามีบอกด้วยล่ะว่า คำว่า ‘พัทยา’ มาจากไหน พี่อินรู้ไหม” หญิงสาวไม่ยอมตกหลุมพราง รีบชิงเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนที่จะโดนอีกรอบ
“ถ้าตอบถูกแล้วแนนจะให้อะไรพี่” อินถามสู้ มาไม้ไหนก็ได้ ไม่กลัวอยู่แล้ว
“พี่อินตอบไม่ถูกหรอก แนนไม่บอกตัวเลือกให้นะ แต่ถ้าพี่อินตอบถูกเป๊ะ เอาอะไรก็ได้” สาวน้อยตอบอย่างมั่นใจ
“จริงนะ อะไรก็ได้นะ โอเค....พัทยามาจากคำว่า ‘ทัพพระยา’ ที่ชาวบ้านเรียกตอนครั้งพระเจ้าตากสินตีฝ่าวงล้อมพม่ามารวบรวมพลที่นาจอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ยสัตหีบ แล้วเรียกใหม่ว่า ‘ทัพธยา’ แล้วกลายเป็น ’พัทยา’ ในที่สุด 1 ถูกต้องไหมจ๊ะ” อินยักคิ้วข้างนึงถามกลับ
“.....................”
“อ้าว ทำหน้าเหวอยังงั้น แปลว่าถูกเป๊ะ เลยใช่ม้า...หา” อินยิ้มกวนๆ ทำหน้าภูมิใจในชัยชนะ
“ไม่จริงอ่ะ พี่อินขี้โกง พี่อินรู้ยังไงน่ะ แอบมาอ่านตอนไหนเนี่ย” สาวน้อยโวยวายทำหน้าเป๋อเหลอ
“อะไรล่ะ ขี้แพ้ชวนตีนี่นา ไม่รู้ล่ะพี่ชนะแล้ว พี่จะเอาอะไรก็ได้ อย่าลืมนะ” สาวเท่ห์หัวเราะอย่างมีความสุข
“แล้วพี่อินรู้ได้ยังไง บอกมาก่อน อย่าบอกนะว่าจำได้ตั้งแต่ตอนเรียน ” สาวแก้มใสไม่ยอมแพ้ ยังคงโวยวายต่อ
“อืม...จะบอก หรือไม่บอกดีน่า อ๊ะ..บอกให้ก็ได้ ก็พี่เพิ่งยืนอ่านป้ายของการท่องเที่ยวฯ อยู่ตรงรถเราเมื่อกี้ไงจ๊ะ ” แววตาขี้เล่นนั้นเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข
“โหย..ขี้โกงนี่นา ไม่เอาอ่ะ เลิกๆ ไม่เล่นแล้ว” สาวน้อยพูดทำหน้างอน
“ ไม่เล่นก็ได้ เพราะพี่ชนะแล้ว อืม...จะทำอะไรดีน้า...” อินเอานิ้วเคาะขมับทำหน้าคิด
“อ้อ...รู้แล้ว อืม......” อินพูดแล้วก็หยุด นิ่งเงียบไปนานจนเด็กสาวเกิดความอยากรู้จนทนไม่ได้
“อะไรคะ...พี่อินจะทำอะไร”
“เอียงหูมานี้ซิ พี่จะบอกให้” อินพูดพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ทำหน้าจริงจัง
“แล้วทำไมต้องกระซิบด้วยล่ะ บอกมาเลยก็ได้” สาวน้อยเกรงๆ ไม่กล้าทำตาม
“ไม่ได้เดี๋ยวคนแถวนี้ได้ยิน มันจะไม่ดี มา...เดี๋ยวบอกให้” ว่าแล้วก็ขยับตัวไปชิด ทำท่าจริงจังแบบไม่มีเลศนัย
เด็กสาวกล้าๆกลัวๆ แต่ในที่สุดก็ยอมเอียงหูไปให้
“พี่จะขอ.........หอมแก้มแนนทีนึงจ๊ะ” ว่าแล้วก็กดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนๆอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวตกใจ รีบผละตัวออกอย่างรวดเร็ว
“พี่อิน!!!!” เด็กสาวร้องเสียงหลง แก้มแดงลามไปถึงหู
“จ๋า......” สาวรุ่นพี่ขี้ขโมยขานรับเสียงหวาน ทำหน้าออดอ้อนเต็มที่
“พี่...เอ่อ....แนน.....เอ่อ........” สาวแก้มแดงพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง แต่พูดไม่ออก เลยฟาดเข้าไปที่แขนคนขี้ขโมยไปหนึ่งป้าป โทษฐานทำให้เขิน ไม่ใช่โทษฐานไปแอบหอมนะ
“โอ้ย....แนนเนี่ย ชอบทำร้ายร่างกาย” สาวห้าวโอดครวญด้วยรอยยิ้ม
“ดี....วันหลังจะได้ไม่กล้า ฮึ” เด็กสาวตอบไม่มองหน้า และยังหุบยิ้มไม่ลง
“เหรอ แปลว่า ถ้าพี่ยอมโดนตี ก็แปลว่าพี่หอมได้ใช่ไหมจ๊ะ” อินพูดเสียงหวาน นัยต์ตาออดอ้อน
“เอ๊ะ...พี่อินนี่ ยังอีก...แนนจะโกรธจริงๆแล้วนะ” เด็กสาวพยายามทำเป็นว่าโกรธ เสียงแข็งกลบเกลื่อน ช่างขัดกับสีหน้าเขินอายและสุขสมนั้นเหลือเกิน
“โอเคจ๊ะ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เดี๋ยวแนนโกธรขึ้นมาจริงๆ พี่ล่ะแย่เลย” อินยอมอ่อนข้อให้ ในที่สุด เพราะคิดว่าจะรีบร้อนรุกเร้าไปทำไม ของยังงี้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
แนนและอินนั่งคุยหยอกล้อกันอย่างชื่นมื่นริมทะเลจนพระอาทิตย์ตกดิน จึงชวนกันไปทานอาหารทะเลที่หมายมั่นไว้แต่แรก แนนพาอินไปร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง มีเกรียวคลื่นและเงาจันทร์อยู่ไม่ไกล บรรยากาศโดยรอบช่างน่าอภิรมย์ทำให้ทั้งสองเพลิดเพลินจนลืมดูเวลา กระทั่งบริกรเดินเข้ามาขอเก็บเงินทั้งสองจึงเพิ่งจะรู้ว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
“ดึกแล้วนะคะ พี่อินขับรถได้ใช่ไหมคะ” เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากขึ้นนั่งประจำที่ในรถ
“คิดว่าน่าจะได้จ๊ะ เดี๋ยวแวะซื้อ......ฮ้าว.....อืม กาแฟที่ปั๊มสักนิดก็น่าจะเอาอยู่” อินพูดไปหาวไป
“อันตรายหรือเปล่าคะ เออ..ใช่ เมื่อเช้าพี่อินบอกว่า เมื่อคืนพี่อินไปทำงานทั้งคืน แล้วก็ยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วยังโดนแนนลากมาเที่ยวทั้งวันแบบนี้อีก” เด็กสาวพูดอย่างกังวลและสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พี่เป็นคนชวนแนนมาเองนะ อย่าลืมสิ ไม่ไหวแล้วจะทำไงล่ะ ....ฮ้าว...... แนนไม่กลับบ้านได้เหรอ” อินเริ่มคิดแผนการต่อเวลาความสุขให้นานขึ้นอีกวัน และไม่แน่ใจตัวเองว่าจะขับรถกลับอย่างปลอดภัยได้หรือเปล่าเพราะตัวเองก็เริ่มจะรู้สึกง่วงจริงๆแล้ว
“ได้ค่ะ แนนโทรบอกที่บ้านได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ แต่เอ๊ะ....” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจและเป็นห่วงโชเฟอร์ แต่อยู่ๆก็ชะงักและหลบตาก้มหน้างุดๆ
“หา อะไรจ๊ะ แต่อะไร ถ้าแนนห่วงเรื่องเสื้อผ้าละก็ พี่พอมีอยู่ในกระเป๋าหลังรถนะ เอาติดไว้เผื่อตอนไปออกกำลังกายน่ะ หรือแนนไม่สะดวก ได้นะ...พี่ยังไงก็ได้อยู่แล้ว” อินหันมาบอกพยายามมองหน้าเด็กสาวว่าเป็นอะไร
“เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ อืม....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หาที่พักที่นี้ก็ได้ค่ะ ยังไงๆก็คงกลับไม่ไหวหรอก” พูดจบเด็กสาวก็หันมองออกไปนอกรถ อาศัยความมืดหลบแก้มแดงๆนวลๆที่มี ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้นี่นาว่า ค้างที่นี่ก็คือต้องค้างกับพี่อิน ต้องอยู่ห้องเดียวกับพี่อินทั้งคืน แค่คิดก็เขินทำอะไรไม่ถูกแล้ว เฮ้อ....ทำไมวันนี้มันมีแต่เรื่องให้ใจเต้นแรงอย่างนี้นะ
“แนน ไปอาบน้ำไป พี่เอาเสื้อผ้าวางไว้ในห้องน้ำให้แล้ว” อินพูดหลังเดินออกมาจากห้องน้ำโรงแรมที่พัก
“อ้าว เป็นอะไรล่ะจ๊ะ นั่งมองเตียงตาไม่กระพริบเลย ง่วงแล้วเหรอ ไม่ยอมไปอาบน้ำก่อน จั๊กกะแร้เหม็นมานอน พี่ไม่ยอมนอนด้วยน๊า...” รุ่นพี่เริ่มต้นพูดแหย่รุ่นน้องอีกรอบหลังจากเห็นทำหน้าบึ้งมาตั้งแต่เข้าห้องพัก
“แหวะ ใครเค้าจะอยากไปนอนด้วย ก็เล่นเอาห้องเตียงเดียวมายังงี้ทำไมล่ะ ทำไมไม่เอาเตียงคู่ล่ะคะ” รุ่นน้องเพิ่งเฉลยสาเหตุของความหน้าบึ้ง แค่ให้นอนห้องเดียวกันก็จะแย่แล้ว นี่ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก จะแกล้งกันไปถึงไหนเนี่ย...พี่อิน
“ก็เค้าเหลือแต่ห้องเตียงเดียวนี่จ๊ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เอาผ้ามาปูนอนตรงนี้ก็ได้จ๊ะ” เจ้าตัวน้ำเสียงสลดเล็กน้อย แต่ก็รีบรื้อผ้าปูคลุมเตียงชั้นบนออกมาทำที่นอน พลางคิดในใจ พี่ไม่ได้เจตนานะ ถึงแม้จะดีใจมากที่ได้ห้องอย่างงี้ก็เถอะ แต่พี่ไม่ได้เจตนาจริงๆ
“อ๊ะ พี่อินจะลงไปนอนกับพื้นทำไมล่ะ เตียงออกกว้าง แนนแค่.....เอ่อ กลัวพี่จะอึดอัด เพราะแนนเป็นคนนอนดิ้นเท่านั้นเอง” หญิงสาวเห็นทีท่าหงอยๆของอีกฝ่ายก็รู้สึกหวิวนิดๆ จนต้องรีบง้อแบบมีฟอร์ม ก็คนมันเขินนี่นา ไม่ได้รังเกียจซักหน่อย
“ไม่เป็นไรจริงๆจ๊ะ พี่นอนเตียงนิ่มๆก็ปวดหลังเหมือนกันแหละ พี่นอนตรงนี้ดีกว่า” พูดไปมือก็ปูผ้าไม่เลิกจนอีกฝ่ายเดินมาดึงผ้าออกไปจากมือ
“พี่อินนี่ ก็แนนบอกว่าให้นอนบนเตียง แนน.......เอ่อ กลัวผีน่ะ นอนเป็นเพื่อนแนนนะ ไหนว่าง่วงตั้งแต่อยู่ร้านอาหารแล้วไง ไปนอนซิคะ” ว่าแล้วก็ดันตัวรุ่นพี่คนดีไปนอนที่เตียงแกมบังคับว่าห้ามโต้แย้งอะไรอีก แล้วก็เดินไปอาบน้ำ
หลังจากแนนอาบน้ำเสร็จและปิดไฟล้มตัวลงนอน อินก็ไม่อาจข่มตาหลับตามความง่วงที่มีก่อนหน้านี้ได้เลย กลิ่นอายจากตัวเธอ กลิ่นหอมจางๆนั้น ทำให้ใจคนนอนข้างๆสั่นระรัว กลิ่นนั้นทำไมมันช่างหอมจังนะ จะเป็นกลิ่นสบู่ แชมพู หรือกลิ่นกายของสาวแรกรุ่นคนที่เราเฝ้าระลึกถึงมาหลายปีกันแน่ คิดแล้วก็อยากจะไปดอมดมใกล้ๆ ให้ชื่นใจสักที เราก็ชอบเค้ามาหลายปีแต่ไม่เคยจะแสดงให้เค้ารู้ จนต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง วันนี้ความรู้สึกนั้นมันก็ยังคงเดิม แล้วจะยังปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกหรือ
ในห้องเหมือนจะดูเงียบสงัด แต่ไม่ใช่ในใจหญิงสาวคนนี้แน่ เพราะมันกำลังเต้นแรงจนเจ้าของกลัวว่าคนข้างๆก็จะได้ยิน และล่วงรู้ความในใจของเธอ เค้าจะรู้บ้างไหมนะ ว่าเค้าคือคนที่เราแอบชื่นชมมานาน เค้าคือคนที่เราเฝ้าฝันมาตลอด เค้าจะคิดกับเรายังไงบ้างนะ จะมีใจให้เราจริงๆ หรือแค่หยอกเราเล่นนะ เฮ้อ....
“แนนจ๊ะ หลับหรือยัง” อินถามขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของแนน
“เอ่อ.....ยังค่ะ”
“พี่....ถามอะไรแนนหน่อยได้ไหมจ๊ะ” คนพูดพลิกตัวหันมาทางกลิ่นหอมๆนั้น
“ค่ะ” เจ้าของกลิ่นหอมขานรับเบาๆ
“เอ่อ...แนนจะ........รังเกียจพี่ไหม ถ้าพี่จะ.........ขอแนนเป็นแฟน ” สาวมั่นตอนนี้ไม่มั่นซะแล้ว
“..................................”
“......เอ่อ......พี่ชอบแนนมาตั้งนานแล้ว แล้วพี่ก็ชอบมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาก วันนี้พี่ดีใจมากที่ได้กลับมาพบแนนอีกครั้ง พี่มีรู้สึกดีที่มีแนนอยู่ข้างๆ พี่ยังแอบหวังว่าพี่จะมีแนนอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ.......ถ้าแนนไม่รังเกียจ” หลังจากรวบรวมความกล้าอินก็พูดความในใจออกไปจนหมด เพราะคิดว่าไหนๆก็พูดไปแล้ว ก็พูดให้หมดเลยละกัน กลัวเค้าจะรังเกียจ แต่ก็ต้องลองเสี่ยงดู
“แนน.....แนน....ไม่....... ขอโทษค่ะ” เสียงเบาๆที่ตอบมานั้นสั่นเพราะแรงสะอื้นน้อยๆ
“แนน!!! พี่ขอโทษ อย่าร้องนะ พี่ไม่ถามแล้ว ถือว่าพี่ไม่ได้พูดนะคะ โอ๋..คนดีอย่าร้องนะ พี่ขอโทษ” สุดที่จะเห็นภาพคนตรงหน้าร้องไห้ได้ อินดึงแนนเข้ามากอดแน่น ปากพร่ำปลอบประโลม
ฝ่ายสาวเจ้าเมื่ออยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นก็ทนเก็บน้ำตาไว้ไม่ไหว ร้องไห้ต่อไม่หยุด ไม่ยอมพูดยอมจา
“แนน อย่าร้องเลยนะคะ ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่ผิดเอง นิ่งซะนะ..คนดี” คนปลอบเห็นคนร้องไห้แล้วใจเสีย อยากจะทำทุกอย่างให้เธอหายทุกข์ หายเสียใจ
“ฮือ....แนน....ไม่รังเกียจค่ะ” สาวขี้แยพยายามพูดออกมาในที่สุด
“หือ แนนไม่รังเกียจ หมายความว่า......แนนยอมเป็นแฟนพี่?” คนปลอบงงกับคำตอบที่ได้รับ ยันตัวออกมามองหน้าด้วยความสงสัย จึงได้เห็นสาวน้อยในอ้อมกอดพยักหน้านิดๆ
“แล้วแนนร้องไห้ทำไมล่ะคะ แล้วแนนบอกขอโทษทำไม” อินละร่ำละลักถามด้วยความดีใจล้นเหลือ พร้อมแนบกระชับอ้อมแขนแน่น ลูบผมเบาๆอย่างรักใคร่
“ฮือ ก็...แนนดีใจ ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็ขอโทษที่แนนพูดไม่รู้เรื่องค่ะ” สาวน้อยขี้แยตอบปนสะอื้น ยังคงซุกอกอุ่นร้องกระซิกๆ
“โธ่เอ้ย เด็กน่าเด็ก.....ทำพี่ตกใจหมดเลย โอ๋..ไม่ร้องแล้วนะคะ ไหนดูสิ ”
ในแสงสลัวอินเห็นใบหน้าเด็กสาวลางๆ มีน้ำตาเม็ดน้อยๆหยดลงสองข้าง อินเอาหลังมือค่อยๆไล้น้ำตาออก แล้วบรรจงจูบเบาๆลงไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างนั้น ก่อนจะไปจูบหน้าผากอีกครั้ง อินเป็นสุขจนอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปกระซิบข้างที่หูว่า
“พี่รักแนนนะจ๊ะ”
แนนได้ฟังก็ยิ้มตื้นตันจนน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ จนอินต้องไล่จูบไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง อีกครั้ง แล้วไล่เลยไปที่หน้าผาก แก้มและริมฝีปาก อินสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเพียงแผ่วเบาเพื่อรอดูท่าทีตอบสนองของผู้ถูกรุกราน ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าด้วยการค่อยๆเพิ่มระดับความหนักหน่วงของแรงจูบหลังจากเห็นว่าไม่ได้รับการปฏิเสธ นั่นอาจจะเป็นเพราะรสจูบอันร้อนแรงที่เด็กสาวได้รับ มันทำให้เธอไม่สามารถต้านทานอะไรใดๆได้เลย
จากที่อินคิดว่าจะไม่ล่วงเกินอะไรเด็กสาวมากไปกว่านี้เพราะเพิ่งจะตกลงคบหากัน แต่ความน่ารักที่เธอมี กลิ่นหอมหวลที่ได้รับทำให้อินเผลอพลิกตัวขึ้นมาก้มลงสูดดมความหอมจากใบหน้า ข้างหู และซอกคอ อย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนมือไม้ก็เริ่มจะค้นหาสัมผัสจากสิ่งสวยงามตรงหน้า โดยเริ่มที่แผ่นหลังอันนวลเนียนน่าจับต้อง เด็กสาวขี้แยเมื่อสักครู่นี้ไม่มีน้ำตาหลงเหลือบนใบหน้า นอกจากเสียงครางเบาๆในลำคอ
อินเงยหน้าขึ้นมองสาวคนรักด้วยความเสน่ห์หา ก่อนจะค่อยๆเลิกเสื้อนอนเธอขึ้นช้าๆ แล้วก้มประพรมจูบบนหน้าอกที่สวยงามคู่นั้นอย่างแผ่วเบา กลิ่นกายความหอมจากตัวเธอทำให้อินหลงใหล อินประทับจูบเบาๆที่ยอดอกสีชมพูอย่างดูดดื่ม ร่างเล็กๆสั่นสะท้าน หลับตาแน่น ก่อนจะเผลอตัวส่งเสียงไปตามอารมณ์
เมื่ออินดูดดื่มกับความหอมหวานตรงหน้าซักระยะ จึงเลื่อนตัวขึ้นมาที่ซุกไซ้ที่ซอกคออีกครั้ง แล้วกระซิบข้างหูเด็กสาวว่า “พี่ขออนุญาตนะคะ” แล้วค่อยๆปลดพันธนาการที่บดบังเรือนร่างออกช้าๆและแผ่วเบาๆ สาวน้อยบิดกายไปมาด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ขัดขืน อินเผลอจ้องมองร่างเปลือยเปล่าที่สวยงามนั้นตาไม่กระพริบ
“อื้อ พี่อิน แนนอายนะ” เธอลืมตามาเห็นว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาตาคมๆคู่นั้น จึงรีบคว้าผ้าห่มมาปิดร่าง
อินก้มลงกระซิบที่ข้างหู พร้อมดึงผ้าห่มออกอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องอายนะคะคนดี แนนสวยไปทั้งตัวเลยนะ รู้ไหม ขอพี่หอมแนนทั้งตัวเลยนะ” อินไม่รอฟังคำตอบ แต่เริ่มทำอย่างที่พูด โดยเริ่มจากจูบเบาๆที่หน้าผาก แล้วค่อยๆไล่เลาะไปยังซอกคอ หน้าอก ท้องน้อย แล้วข้ามไปปลายขา พรมจูบเบาๆขึ้นมาตามน่อง และ.....ส่วนสำคัญส่วนนั้น
“พี่อิน......อืม”
เพลงรักของทั้งคู่บรรเลงอย่างนุ่มนวล พริ้วไหว และอ่อนละมุน หากเต็มไปด้วยความอิ่มเอม เร้าใจ และสุขสมด้วยอารมณ์เสน่ห์หาต่อกันอย่างสุดซึ้ง
“เด็กขี้แย ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” อินกระซิบถาม หลังจากจูบลงบนเปลือกตาเบาๆ คู่นั้น ในเช้าวันใหม่
เด็กขี้แยไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มและหันมาโอบกอดเอาหน้าซุกอ้อมอกของคนถาม อินกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น แล้วจูบลงที่ผมเบาๆ มือลูบไล้ผิวสวยไร้อาภรณ์นั้นอย่างทะนุถนอม
“หิวหรือยังจ๊ะ คนดี”
“แล้วพี่อินล่ะคะ หิวหรือยัง” เสียงอู้อี้ดังขึ้นมาจากอก
“หิวแล้ว แต่......หิวแนนนะ” คนตอบยื่นหน้าไปกระซิบบอกที่ข้างหู
“พี่อิน......บ้า” พูดเสร็จก็ฟาดเข้าให้ทีนึงที่แขน
“อ้าว บ้าก็อย่ามากอดเค้าสิ” อินพูดหน้าทะเล้น
“เชอะ ไม่เห็นจะอยากกอดเลย” สาวน้อยพูดสะบัดเสียงและสะบัดตัวออก
“ดีไม่กอดยังงี้ก็ดี จะได้เห็นชัดๆหน่อย เมื่อคืนมันมืด มองไม่เห็น” พูดเสร็จก็ดึงผ้าห่มออกแล้วก็มองไปทั่วร่างที่เปลือยเปล่าตรงหน้า
“อุ๊ย....” เจ้าของเสียงผวาเข้าสู่อ้อมกอดดั่งเดิม พร้อมกระหน่ำทุบแบบไม่ยั้ง
“ฮ่ะ ฮ่า โอ้ย.....พี่ล้อเล่นน่า อ่ะ เอาผ้าห่มคืนไป แหมทำยังกะเมื่อคืนพี่ไม่เห็น” คนโดนทุบอารมณ์ดี ตอบหน้าทะเล้นเหมือนเดิม
“ยังจะมาพูดอีกนะ นี่ๆๆๆ” ว่าแล้วก็รัวกำปั้นน้อยๆใส่อีกสามที
“โอ้ย ตีพี่เหรอ ยังงี้ต้องเอาคืน” พูดจบก็ลุกหันไปคร่อมคู่กรณี แล้วก้มลงหอมที่ซอกคอซ้ายขวา
“เอ๊ะ พี่อินนี่ ............อืม............” เด็กสาวพูดได้เพียงแค่นั้นแล้วก็ต้องหลับตาลงด้วยความหวั่นไหว
“ไม่ได้มาตั้งนาน เปลี่ยนไปมากเลยเนอะพี่อิน อ้าวมัวทำอะไรอยู่ล่ะคะ ไปกันเถอะ” สาวเจ้าลงจากรถมองบรรดาร้านค้า โรงแรมที่เรียงกันเป็นตับแล้วพูดขึ้นพลางชวนออกเดิน
“เอ่อจ๊ะ ขอโทษที....พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันสินะว่าเปลี่ยนไปมากไหม เพราะพี่ก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยนักหรอก พี่ชอบทะเลที่เป็นทะเลจริงๆมากกว่า พี่ชอบความงาม ความสงบ ไม่ใช่แสงสีที่สนุกแบบฉาบฉวยอย่างนี้” อินละสายตาจากป้ายโฆษณาแล้วรีบเดินมาหาคนตั้งคำถาม
“แหม....จริงจังแบบนี้ มิน่าล่ะ.....” หญิงสาวพูดแล้วหยุดไว้แค่นั้น
“อะไร มิน่าอะไร” พูดพลางเอาแว่นกันแดดเสยขึ้นคาดผม มีผมปรกลงมาชนกับคิ้วที่ขมวดน้อยๆเพราะความสงสัย
“มิน่า....ถึงหาแฟนไม่ได้ไงคะ ฮิฮิ” สาวหน้าใสพูดแล้วรีบวิ่งหนีไปทางเก้าอี้ผ้าใบ
“อ๋อ ว่าพี่หาแฟนไม่ได้เหรอ งั้น....ได้ พี่จะเริ่มหาละนะ” อินเดินตามมานั่งลงข้างๆ แล้วตอบทำหน้ามีเลศนัย
“เริ่มหา? เริ่มหายังไงคะ” เด็กสาวขมวดคิ้วไม่เข้าใจมุข
“ก็ยังงี้ไงคะ” ว่าแล้วก็จับมือนุ่มๆ มาแบออกเพื่อวางดอกไม้ดอกเล็กสีนวลให้
“เมื่อกี้เห็นดอกนี้มันหล่นจากต้นมาอยู่บนรถ พี่เห็นมันสวยดีก็เลยเก็บเอามาให้แนนจ๊ะ” พูดจบแล้ว ให้เสร็จแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเล็กๆที่เริ่มเย็นเฉียบซะที
“เอ่อ....ขอบ....คุณค่ะ” กว่าเด็กสาวจะพูดออกไปได้ก็เหนื่อยเอาการอยู่
“ทำไมมือแนนเย็นจัง ไม่สบายหรือเปล่าจ๊ะ” พูดพลางเอามือไปอังหน้าผาก และแก้มเนียนใส ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าสบายดี แต่มันอดไม่ได้ที่จะหาเรื่องสัมผัสผิวนวลนั้นซักนิดก็ยังดี
“เอ่อ...เปล่าค่ะ” ว่าแล้วก็เอนหลังลงพิงพนักผ้าใบ จนมือหลุดออกจากการเกาะกุม นี่ถ้ายังอยู่ท่านั้นต่อไป หูกับหน้าคงจะร้อนเอาไข่มาปิ้งได้เลยนะเนี่ย
“ไม่ทราบว่าจะรับอาหาร-เครื่องดื่มอะไรดีคะคุณ” หญิงวัยกลางคนเดินมาถามพร้อมรายการอาหารในมือ
“เอ่อ......ขอแค่น้ำอัดลมสองที่ก็พอค่ะ” อินตอบแล้วมองป้าคนให้เช่าเก้าอี้อย่างขัดใจเล็กน้อย แหมคนกำลังรุกฆาต จะต้องมาถามเอาตอนนี้ด้วย ป้านะป้า...
อินจ่ายค่าเครื่องดื่มกับที่นั่งแล้วหันมาหาสาวแก้มแดงที่อาศัยจังหวะระฆังช่วย เอาหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่ขึ้นมาอ่าน แล้วทำหน้าตั้งใจอ่านสุดฤทธิ์
“อ้าว มาเที่ยวทะเล หรือมาอ่านหนังสือกันจ๊ะ แล้วตกลงไม่สบายหรือเปล่า” อินพยายามจะวกกลับเข้าเรื่องเดิมก่อนที่ป้ามหาภัยจะทำเสียแผน
“นี่ๆ หนังสือพิมพ์เนี่ยเค้ามีบอกด้วยล่ะว่า คำว่า ‘พัทยา’ มาจากไหน พี่อินรู้ไหม” หญิงสาวไม่ยอมตกหลุมพราง รีบชิงเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนที่จะโดนอีกรอบ
“ถ้าตอบถูกแล้วแนนจะให้อะไรพี่” อินถามสู้ มาไม้ไหนก็ได้ ไม่กลัวอยู่แล้ว
“พี่อินตอบไม่ถูกหรอก แนนไม่บอกตัวเลือกให้นะ แต่ถ้าพี่อินตอบถูกเป๊ะ เอาอะไรก็ได้” สาวน้อยตอบอย่างมั่นใจ
“จริงนะ อะไรก็ได้นะ โอเค....พัทยามาจากคำว่า ‘ทัพพระยา’ ที่ชาวบ้านเรียกตอนครั้งพระเจ้าตากสินตีฝ่าวงล้อมพม่ามารวบรวมพลที่นาจอมเทียนและทุ่งไก่เตี้ยสัตหีบ แล้วเรียกใหม่ว่า ‘ทัพธยา’ แล้วกลายเป็น ’พัทยา’ ในที่สุด 1 ถูกต้องไหมจ๊ะ” อินยักคิ้วข้างนึงถามกลับ
“.....................”
“อ้าว ทำหน้าเหวอยังงั้น แปลว่าถูกเป๊ะ เลยใช่ม้า...หา” อินยิ้มกวนๆ ทำหน้าภูมิใจในชัยชนะ
“ไม่จริงอ่ะ พี่อินขี้โกง พี่อินรู้ยังไงน่ะ แอบมาอ่านตอนไหนเนี่ย” สาวน้อยโวยวายทำหน้าเป๋อเหลอ
“อะไรล่ะ ขี้แพ้ชวนตีนี่นา ไม่รู้ล่ะพี่ชนะแล้ว พี่จะเอาอะไรก็ได้ อย่าลืมนะ” สาวเท่ห์หัวเราะอย่างมีความสุข
“แล้วพี่อินรู้ได้ยังไง บอกมาก่อน อย่าบอกนะว่าจำได้ตั้งแต่ตอนเรียน ” สาวแก้มใสไม่ยอมแพ้ ยังคงโวยวายต่อ
“อืม...จะบอก หรือไม่บอกดีน่า อ๊ะ..บอกให้ก็ได้ ก็พี่เพิ่งยืนอ่านป้ายของการท่องเที่ยวฯ อยู่ตรงรถเราเมื่อกี้ไงจ๊ะ ” แววตาขี้เล่นนั้นเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข
“โหย..ขี้โกงนี่นา ไม่เอาอ่ะ เลิกๆ ไม่เล่นแล้ว” สาวน้อยพูดทำหน้างอน
“ ไม่เล่นก็ได้ เพราะพี่ชนะแล้ว อืม...จะทำอะไรดีน้า...” อินเอานิ้วเคาะขมับทำหน้าคิด
“อ้อ...รู้แล้ว อืม......” อินพูดแล้วก็หยุด นิ่งเงียบไปนานจนเด็กสาวเกิดความอยากรู้จนทนไม่ได้
“อะไรคะ...พี่อินจะทำอะไร”
“เอียงหูมานี้ซิ พี่จะบอกให้” อินพูดพลางขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ ทำหน้าจริงจัง
“แล้วทำไมต้องกระซิบด้วยล่ะ บอกมาเลยก็ได้” สาวน้อยเกรงๆ ไม่กล้าทำตาม
“ไม่ได้เดี๋ยวคนแถวนี้ได้ยิน มันจะไม่ดี มา...เดี๋ยวบอกให้” ว่าแล้วก็ขยับตัวไปชิด ทำท่าจริงจังแบบไม่มีเลศนัย
เด็กสาวกล้าๆกลัวๆ แต่ในที่สุดก็ยอมเอียงหูไปให้
“พี่จะขอ.........หอมแก้มแนนทีนึงจ๊ะ” ว่าแล้วก็กดจมูกโด่งลงบนแก้มเนียนๆอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวตกใจ รีบผละตัวออกอย่างรวดเร็ว
“พี่อิน!!!!” เด็กสาวร้องเสียงหลง แก้มแดงลามไปถึงหู
“จ๋า......” สาวรุ่นพี่ขี้ขโมยขานรับเสียงหวาน ทำหน้าออดอ้อนเต็มที่
“พี่...เอ่อ....แนน.....เอ่อ........” สาวแก้มแดงพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง แต่พูดไม่ออก เลยฟาดเข้าไปที่แขนคนขี้ขโมยไปหนึ่งป้าป โทษฐานทำให้เขิน ไม่ใช่โทษฐานไปแอบหอมนะ
“โอ้ย....แนนเนี่ย ชอบทำร้ายร่างกาย” สาวห้าวโอดครวญด้วยรอยยิ้ม
“ดี....วันหลังจะได้ไม่กล้า ฮึ” เด็กสาวตอบไม่มองหน้า และยังหุบยิ้มไม่ลง
“เหรอ แปลว่า ถ้าพี่ยอมโดนตี ก็แปลว่าพี่หอมได้ใช่ไหมจ๊ะ” อินพูดเสียงหวาน นัยต์ตาออดอ้อน
“เอ๊ะ...พี่อินนี่ ยังอีก...แนนจะโกรธจริงๆแล้วนะ” เด็กสาวพยายามทำเป็นว่าโกรธ เสียงแข็งกลบเกลื่อน ช่างขัดกับสีหน้าเขินอายและสุขสมนั้นเหลือเกิน
“โอเคจ๊ะ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ เดี๋ยวแนนโกธรขึ้นมาจริงๆ พี่ล่ะแย่เลย” อินยอมอ่อนข้อให้ ในที่สุด เพราะคิดว่าจะรีบร้อนรุกเร้าไปทำไม ของยังงี้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
แนนและอินนั่งคุยหยอกล้อกันอย่างชื่นมื่นริมทะเลจนพระอาทิตย์ตกดิน จึงชวนกันไปทานอาหารทะเลที่หมายมั่นไว้แต่แรก แนนพาอินไปร้านอาหารริมทะเลแห่งหนึ่ง มีเกรียวคลื่นและเงาจันทร์อยู่ไม่ไกล บรรยากาศโดยรอบช่างน่าอภิรมย์ทำให้ทั้งสองเพลิดเพลินจนลืมดูเวลา กระทั่งบริกรเดินเข้ามาขอเก็บเงินทั้งสองจึงเพิ่งจะรู้ว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
“ดึกแล้วนะคะ พี่อินขับรถได้ใช่ไหมคะ” เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วงหลังจากขึ้นนั่งประจำที่ในรถ
“คิดว่าน่าจะได้จ๊ะ เดี๋ยวแวะซื้อ......ฮ้าว.....อืม กาแฟที่ปั๊มสักนิดก็น่าจะเอาอยู่” อินพูดไปหาวไป
“อันตรายหรือเปล่าคะ เออ..ใช่ เมื่อเช้าพี่อินบอกว่า เมื่อคืนพี่อินไปทำงานทั้งคืน แล้วก็ยังไม่ได้นอนเลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วยังโดนแนนลากมาเที่ยวทั้งวันแบบนี้อีก” เด็กสาวพูดอย่างกังวลและสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พี่เป็นคนชวนแนนมาเองนะ อย่าลืมสิ ไม่ไหวแล้วจะทำไงล่ะ ....ฮ้าว...... แนนไม่กลับบ้านได้เหรอ” อินเริ่มคิดแผนการต่อเวลาความสุขให้นานขึ้นอีกวัน และไม่แน่ใจตัวเองว่าจะขับรถกลับอย่างปลอดภัยได้หรือเปล่าเพราะตัวเองก็เริ่มจะรู้สึกง่วงจริงๆแล้ว
“ได้ค่ะ แนนโทรบอกที่บ้านได้ ไม่ต้องห่วงค่ะ แต่เอ๊ะ....” สาวน้อยพูดด้วยความเกรงใจและเป็นห่วงโชเฟอร์ แต่อยู่ๆก็ชะงักและหลบตาก้มหน้างุดๆ
“หา อะไรจ๊ะ แต่อะไร ถ้าแนนห่วงเรื่องเสื้อผ้าละก็ พี่พอมีอยู่ในกระเป๋าหลังรถนะ เอาติดไว้เผื่อตอนไปออกกำลังกายน่ะ หรือแนนไม่สะดวก ได้นะ...พี่ยังไงก็ได้อยู่แล้ว” อินหันมาบอกพยายามมองหน้าเด็กสาวว่าเป็นอะไร
“เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะ อืม....ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หาที่พักที่นี้ก็ได้ค่ะ ยังไงๆก็คงกลับไม่ไหวหรอก” พูดจบเด็กสาวก็หันมองออกไปนอกรถ อาศัยความมืดหลบแก้มแดงๆนวลๆที่มี ก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้นี่นาว่า ค้างที่นี่ก็คือต้องค้างกับพี่อิน ต้องอยู่ห้องเดียวกับพี่อินทั้งคืน แค่คิดก็เขินทำอะไรไม่ถูกแล้ว เฮ้อ....ทำไมวันนี้มันมีแต่เรื่องให้ใจเต้นแรงอย่างนี้นะ
“แนน ไปอาบน้ำไป พี่เอาเสื้อผ้าวางไว้ในห้องน้ำให้แล้ว” อินพูดหลังเดินออกมาจากห้องน้ำโรงแรมที่พัก
“อ้าว เป็นอะไรล่ะจ๊ะ นั่งมองเตียงตาไม่กระพริบเลย ง่วงแล้วเหรอ ไม่ยอมไปอาบน้ำก่อน จั๊กกะแร้เหม็นมานอน พี่ไม่ยอมนอนด้วยน๊า...” รุ่นพี่เริ่มต้นพูดแหย่รุ่นน้องอีกรอบหลังจากเห็นทำหน้าบึ้งมาตั้งแต่เข้าห้องพัก
“แหวะ ใครเค้าจะอยากไปนอนด้วย ก็เล่นเอาห้องเตียงเดียวมายังงี้ทำไมล่ะ ทำไมไม่เอาเตียงคู่ล่ะคะ” รุ่นน้องเพิ่งเฉลยสาเหตุของความหน้าบึ้ง แค่ให้นอนห้องเดียวกันก็จะแย่แล้ว นี่ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก จะแกล้งกันไปถึงไหนเนี่ย...พี่อิน
“ก็เค้าเหลือแต่ห้องเตียงเดียวนี่จ๊ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เอาผ้ามาปูนอนตรงนี้ก็ได้จ๊ะ” เจ้าตัวน้ำเสียงสลดเล็กน้อย แต่ก็รีบรื้อผ้าปูคลุมเตียงชั้นบนออกมาทำที่นอน พลางคิดในใจ พี่ไม่ได้เจตนานะ ถึงแม้จะดีใจมากที่ได้ห้องอย่างงี้ก็เถอะ แต่พี่ไม่ได้เจตนาจริงๆ
“อ๊ะ พี่อินจะลงไปนอนกับพื้นทำไมล่ะ เตียงออกกว้าง แนนแค่.....เอ่อ กลัวพี่จะอึดอัด เพราะแนนเป็นคนนอนดิ้นเท่านั้นเอง” หญิงสาวเห็นทีท่าหงอยๆของอีกฝ่ายก็รู้สึกหวิวนิดๆ จนต้องรีบง้อแบบมีฟอร์ม ก็คนมันเขินนี่นา ไม่ได้รังเกียจซักหน่อย
“ไม่เป็นไรจริงๆจ๊ะ พี่นอนเตียงนิ่มๆก็ปวดหลังเหมือนกันแหละ พี่นอนตรงนี้ดีกว่า” พูดไปมือก็ปูผ้าไม่เลิกจนอีกฝ่ายเดินมาดึงผ้าออกไปจากมือ
“พี่อินนี่ ก็แนนบอกว่าให้นอนบนเตียง แนน.......เอ่อ กลัวผีน่ะ นอนเป็นเพื่อนแนนนะ ไหนว่าง่วงตั้งแต่อยู่ร้านอาหารแล้วไง ไปนอนซิคะ” ว่าแล้วก็ดันตัวรุ่นพี่คนดีไปนอนที่เตียงแกมบังคับว่าห้ามโต้แย้งอะไรอีก แล้วก็เดินไปอาบน้ำ
หลังจากแนนอาบน้ำเสร็จและปิดไฟล้มตัวลงนอน อินก็ไม่อาจข่มตาหลับตามความง่วงที่มีก่อนหน้านี้ได้เลย กลิ่นอายจากตัวเธอ กลิ่นหอมจางๆนั้น ทำให้ใจคนนอนข้างๆสั่นระรัว กลิ่นนั้นทำไมมันช่างหอมจังนะ จะเป็นกลิ่นสบู่ แชมพู หรือกลิ่นกายของสาวแรกรุ่นคนที่เราเฝ้าระลึกถึงมาหลายปีกันแน่ คิดแล้วก็อยากจะไปดอมดมใกล้ๆ ให้ชื่นใจสักที เราก็ชอบเค้ามาหลายปีแต่ไม่เคยจะแสดงให้เค้ารู้ จนต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง วันนี้ความรู้สึกนั้นมันก็ยังคงเดิม แล้วจะยังปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกหรือ
ในห้องเหมือนจะดูเงียบสงัด แต่ไม่ใช่ในใจหญิงสาวคนนี้แน่ เพราะมันกำลังเต้นแรงจนเจ้าของกลัวว่าคนข้างๆก็จะได้ยิน และล่วงรู้ความในใจของเธอ เค้าจะรู้บ้างไหมนะ ว่าเค้าคือคนที่เราแอบชื่นชมมานาน เค้าคือคนที่เราเฝ้าฝันมาตลอด เค้าจะคิดกับเรายังไงบ้างนะ จะมีใจให้เราจริงๆ หรือแค่หยอกเราเล่นนะ เฮ้อ....
“แนนจ๊ะ หลับหรือยัง” อินถามขึ้นเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆของแนน
“เอ่อ.....ยังค่ะ”
“พี่....ถามอะไรแนนหน่อยได้ไหมจ๊ะ” คนพูดพลิกตัวหันมาทางกลิ่นหอมๆนั้น
“ค่ะ” เจ้าของกลิ่นหอมขานรับเบาๆ
“เอ่อ...แนนจะ........รังเกียจพี่ไหม ถ้าพี่จะ.........ขอแนนเป็นแฟน ” สาวมั่นตอนนี้ไม่มั่นซะแล้ว
“..................................”
“......เอ่อ......พี่ชอบแนนมาตั้งนานแล้ว แล้วพี่ก็ชอบมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาก วันนี้พี่ดีใจมากที่ได้กลับมาพบแนนอีกครั้ง พี่มีรู้สึกดีที่มีแนนอยู่ข้างๆ พี่ยังแอบหวังว่าพี่จะมีแนนอยู่อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ.......ถ้าแนนไม่รังเกียจ” หลังจากรวบรวมความกล้าอินก็พูดความในใจออกไปจนหมด เพราะคิดว่าไหนๆก็พูดไปแล้ว ก็พูดให้หมดเลยละกัน กลัวเค้าจะรังเกียจ แต่ก็ต้องลองเสี่ยงดู
“แนน.....แนน....ไม่....... ขอโทษค่ะ” เสียงเบาๆที่ตอบมานั้นสั่นเพราะแรงสะอื้นน้อยๆ
“แนน!!! พี่ขอโทษ อย่าร้องนะ พี่ไม่ถามแล้ว ถือว่าพี่ไม่ได้พูดนะคะ โอ๋..คนดีอย่าร้องนะ พี่ขอโทษ” สุดที่จะเห็นภาพคนตรงหน้าร้องไห้ได้ อินดึงแนนเข้ามากอดแน่น ปากพร่ำปลอบประโลม
ฝ่ายสาวเจ้าเมื่ออยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นก็ทนเก็บน้ำตาไว้ไม่ไหว ร้องไห้ต่อไม่หยุด ไม่ยอมพูดยอมจา
“แนน อย่าร้องเลยนะคะ ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่ผิดเอง นิ่งซะนะ..คนดี” คนปลอบเห็นคนร้องไห้แล้วใจเสีย อยากจะทำทุกอย่างให้เธอหายทุกข์ หายเสียใจ
“ฮือ....แนน....ไม่รังเกียจค่ะ” สาวขี้แยพยายามพูดออกมาในที่สุด
“หือ แนนไม่รังเกียจ หมายความว่า......แนนยอมเป็นแฟนพี่?” คนปลอบงงกับคำตอบที่ได้รับ ยันตัวออกมามองหน้าด้วยความสงสัย จึงได้เห็นสาวน้อยในอ้อมกอดพยักหน้านิดๆ
“แล้วแนนร้องไห้ทำไมล่ะคะ แล้วแนนบอกขอโทษทำไม” อินละร่ำละลักถามด้วยความดีใจล้นเหลือ พร้อมแนบกระชับอ้อมแขนแน่น ลูบผมเบาๆอย่างรักใคร่
“ฮือ ก็...แนนดีใจ ทำอะไรไม่ถูก แล้วก็ขอโทษที่แนนพูดไม่รู้เรื่องค่ะ” สาวน้อยขี้แยตอบปนสะอื้น ยังคงซุกอกอุ่นร้องกระซิกๆ
“โธ่เอ้ย เด็กน่าเด็ก.....ทำพี่ตกใจหมดเลย โอ๋..ไม่ร้องแล้วนะคะ ไหนดูสิ ”
ในแสงสลัวอินเห็นใบหน้าเด็กสาวลางๆ มีน้ำตาเม็ดน้อยๆหยดลงสองข้าง อินเอาหลังมือค่อยๆไล้น้ำตาออก แล้วบรรจงจูบเบาๆลงไปที่เปลือกตาทั้งสองข้างนั้น ก่อนจะไปจูบหน้าผากอีกครั้ง อินเป็นสุขจนอดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าไปกระซิบข้างที่หูว่า
“พี่รักแนนนะจ๊ะ”
แนนได้ฟังก็ยิ้มตื้นตันจนน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ จนอินต้องไล่จูบไปที่เปลือกตาทั้งสองข้าง อีกครั้ง แล้วไล่เลยไปที่หน้าผาก แก้มและริมฝีปาก อินสัมผัสริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเพียงแผ่วเบาเพื่อรอดูท่าทีตอบสนองของผู้ถูกรุกราน ก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าด้วยการค่อยๆเพิ่มระดับความหนักหน่วงของแรงจูบหลังจากเห็นว่าไม่ได้รับการปฏิเสธ นั่นอาจจะเป็นเพราะรสจูบอันร้อนแรงที่เด็กสาวได้รับ มันทำให้เธอไม่สามารถต้านทานอะไรใดๆได้เลย
จากที่อินคิดว่าจะไม่ล่วงเกินอะไรเด็กสาวมากไปกว่านี้เพราะเพิ่งจะตกลงคบหากัน แต่ความน่ารักที่เธอมี กลิ่นหอมหวลที่ได้รับทำให้อินเผลอพลิกตัวขึ้นมาก้มลงสูดดมความหอมจากใบหน้า ข้างหู และซอกคอ อย่างห้ามไม่อยู่ ส่วนมือไม้ก็เริ่มจะค้นหาสัมผัสจากสิ่งสวยงามตรงหน้า โดยเริ่มที่แผ่นหลังอันนวลเนียนน่าจับต้อง เด็กสาวขี้แยเมื่อสักครู่นี้ไม่มีน้ำตาหลงเหลือบนใบหน้า นอกจากเสียงครางเบาๆในลำคอ
อินเงยหน้าขึ้นมองสาวคนรักด้วยความเสน่ห์หา ก่อนจะค่อยๆเลิกเสื้อนอนเธอขึ้นช้าๆ แล้วก้มประพรมจูบบนหน้าอกที่สวยงามคู่นั้นอย่างแผ่วเบา กลิ่นกายความหอมจากตัวเธอทำให้อินหลงใหล อินประทับจูบเบาๆที่ยอดอกสีชมพูอย่างดูดดื่ม ร่างเล็กๆสั่นสะท้าน หลับตาแน่น ก่อนจะเผลอตัวส่งเสียงไปตามอารมณ์
เมื่ออินดูดดื่มกับความหอมหวานตรงหน้าซักระยะ จึงเลื่อนตัวขึ้นมาที่ซุกไซ้ที่ซอกคออีกครั้ง แล้วกระซิบข้างหูเด็กสาวว่า “พี่ขออนุญาตนะคะ” แล้วค่อยๆปลดพันธนาการที่บดบังเรือนร่างออกช้าๆและแผ่วเบาๆ สาวน้อยบิดกายไปมาด้วยความเขินอายแต่ก็ไม่ขัดขืน อินเผลอจ้องมองร่างเปลือยเปล่าที่สวยงามนั้นตาไม่กระพริบ
“อื้อ พี่อิน แนนอายนะ” เธอลืมตามาเห็นว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาตาคมๆคู่นั้น จึงรีบคว้าผ้าห่มมาปิดร่าง
อินก้มลงกระซิบที่ข้างหู พร้อมดึงผ้าห่มออกอย่างนุ่มนวล “ไม่ต้องอายนะคะคนดี แนนสวยไปทั้งตัวเลยนะ รู้ไหม ขอพี่หอมแนนทั้งตัวเลยนะ” อินไม่รอฟังคำตอบ แต่เริ่มทำอย่างที่พูด โดยเริ่มจากจูบเบาๆที่หน้าผาก แล้วค่อยๆไล่เลาะไปยังซอกคอ หน้าอก ท้องน้อย แล้วข้ามไปปลายขา พรมจูบเบาๆขึ้นมาตามน่อง และ.....ส่วนสำคัญส่วนนั้น
“พี่อิน......อืม”
เพลงรักของทั้งคู่บรรเลงอย่างนุ่มนวล พริ้วไหว และอ่อนละมุน หากเต็มไปด้วยความอิ่มเอม เร้าใจ และสุขสมด้วยอารมณ์เสน่ห์หาต่อกันอย่างสุดซึ้ง
“เด็กขี้แย ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” อินกระซิบถาม หลังจากจูบลงบนเปลือกตาเบาๆ คู่นั้น ในเช้าวันใหม่
เด็กขี้แยไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มและหันมาโอบกอดเอาหน้าซุกอ้อมอกของคนถาม อินกระชับวงแขนให้แน่นขึ้น แล้วจูบลงที่ผมเบาๆ มือลูบไล้ผิวสวยไร้อาภรณ์นั้นอย่างทะนุถนอม
“หิวหรือยังจ๊ะ คนดี”
“แล้วพี่อินล่ะคะ หิวหรือยัง” เสียงอู้อี้ดังขึ้นมาจากอก
“หิวแล้ว แต่......หิวแนนนะ” คนตอบยื่นหน้าไปกระซิบบอกที่ข้างหู
“พี่อิน......บ้า” พูดเสร็จก็ฟาดเข้าให้ทีนึงที่แขน
“อ้าว บ้าก็อย่ามากอดเค้าสิ” อินพูดหน้าทะเล้น
“เชอะ ไม่เห็นจะอยากกอดเลย” สาวน้อยพูดสะบัดเสียงและสะบัดตัวออก
“ดีไม่กอดยังงี้ก็ดี จะได้เห็นชัดๆหน่อย เมื่อคืนมันมืด มองไม่เห็น” พูดเสร็จก็ดึงผ้าห่มออกแล้วก็มองไปทั่วร่างที่เปลือยเปล่าตรงหน้า
“อุ๊ย....” เจ้าของเสียงผวาเข้าสู่อ้อมกอดดั่งเดิม พร้อมกระหน่ำทุบแบบไม่ยั้ง
“ฮ่ะ ฮ่า โอ้ย.....พี่ล้อเล่นน่า อ่ะ เอาผ้าห่มคืนไป แหมทำยังกะเมื่อคืนพี่ไม่เห็น” คนโดนทุบอารมณ์ดี ตอบหน้าทะเล้นเหมือนเดิม
“ยังจะมาพูดอีกนะ นี่ๆๆๆ” ว่าแล้วก็รัวกำปั้นน้อยๆใส่อีกสามที
“โอ้ย ตีพี่เหรอ ยังงี้ต้องเอาคืน” พูดจบก็ลุกหันไปคร่อมคู่กรณี แล้วก้มลงหอมที่ซอกคอซ้ายขวา
“เอ๊ะ พี่อินนี่ ............อืม............” เด็กสาวพูดได้เพียงแค่นั้นแล้วก็ต้องหลับตาลงด้วยความหวั่นไหว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น