ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นิยายรัก...จั๊กกะจี้หัวใจ : รัก-หลับ'---------->1
“พี่อิน...เป็นอะไรคะ เห็นเงียบไปตั้งนาน” แนนแปลกใจที่เห็นอินขับรถเงียบๆมาได้สักพักตั้งแต่แนนตอบไปว่ากำลังนึกถึงใครบางคนอยู่
“ปล่าวหรอกจ๊ะ เห็นแนนกำลังใช้ความคิดก็ไม่อยากจะรบกวนสมาธิเท่านั้นเอง เอา...ถึงแล้ว ไปกันได้แล้ว..ไป” อินเก็บความน้อยใจไว้ลึกๆและแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด ก็จะไปมีสิทธิ์อะไรน้อยใจเขาล่ะ คนเค้าจะมีความสุขที่คิดถึงแฟนเค้า มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เราก็แค่คนรู้จักของน้องเค้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ วันนี้พี่ว่างทั้งวันใช่ไหมคะ งั้นเราไปดูหนังกันก่อน แล้วค่อยออกมาทานข้าว กินไอติมนะคะ วันนี้แนนเบื่อๆ เจอคนอารมณ์บูดมาน่ะค่ะ” แนนทำหน้าเซ็งๆตอนท้ายประโยคให้รู้ว่าเบื่อตามคำพูดจริงๆ
“ได้จ๊ะ ไม่เจอแนนตั้งนาน แล้ววันนี้พี่ก็ว่าง ไปไหนไปกันเลยจ๊ะ ว่าแต่แนนอยากดูเรื่องอะไรล่ะ” อินถามพลางดูรายชื่อหนังที่บอร์ด และลอบมองคนข้างๆ พลางคิดในใจ เบื่อที่งอนกันกับแฟน แต่ก็ยังแอบนึกถึงเค้าอย่างมีความสุขจนยิ้มแก้มปริแบบนั้นน่ะนะ เด็ก..หนอเด็ก
“ เรื่องนี้เป็นไงคะ พี่อินดูหรือยัง แนนว่าน่าสนุกดีนะคะ”
“ หา อืม....ได้จ๊ะ พี่ยังไม่ได้ดูหรอก วันๆทำแต่งาน มีเวลาไปดูหนังกะใครเค้าที่ไหนล่ะ อ่ะ..รออยู่ตรงนี้นะ พี่ไปซื้อตั๋วแป๊ะนึงจ๊ะ” อินสะดุ้งตกใจจากภวังค์ความคิด แล้วรีบกลบเกลื่อนเดินไปซื้อตั๋ว พอเดินกลับมาก็เห็นแนนอมยิ้ม สายตาเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอย่างมีความสุข
“เอ้า...อมยิ้มเข้าไป ไม่กลัวใครเค้าจะว่าเราบ้าเหรอ มายืนยิ้มอยู่ได้คนเดียว” ทักไปก็แอบน้อยใจไป แล้วจะทักทำไมให้น้อยใจน้า...เรา
“แหม....พี่อินก็ ไปกันเถอะค่ะ” แนนฉุดแขนเสื้ออินแล้วรีบเดินไปด้วยความเขินอาย ก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเผลอยิ้มไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเห็นพี่อินตอนนี้กับภาพความหลังสมัยอยู่อยู่รร.แล้วมันมีความสุขนี่นา
ตลอดการดูหนังอินรู้สึกอึดอัดทั้งตัวและทั้งใจ ทั้งไม่กล้านั่งเท้าแขนสบายๆเพราะกลัวจะไปโดนตัวน้องเค้า ทั้งรู้สึกวูบๆในใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดคนที่ตัวเองรู้สึกดีๆด้วยมานาน โดยเฉพาะฉากที่ตัวร้ายโผล่ออกมาแล้วแนนตกใจเข้ามาเกาะแขนอินแน่น มันทั้งรู้สึกดี ทั้งรู้สึกผิด ทั้งรู้สึกอึดอัดตัวเองจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง
ส่วนหญิงสาวต้นเหตุของปัญหา ก็ไม่ได้รู้สึกต่างกันเลย หากแต่จะเป็นมากกว่าด้วยซ้ำ จนแทบจะดูหนังไม่รู้เรื่อง กำลังแอบมองพี่สาวมาดเท่ห์อยู่ดีๆ พอหันกลับมาดูหนัง ไอ้วายร้ายตัวดีก็ดันโผล่ออกมาซะเสียงดังเชียว เผลอผวาไปเกาะแขนพี่เค้าด้วย ไม่รู้จะรำคาญหรือเปล่า จนออกจากโรงก็เห็นทำหน้าเฉยๆ อาจจะเบื่อแล้วก็ได้
“พี่อิน อยากกลับหรือยังคะ” / “แนน อยากทานอะไรจ๊ะ” สองคนถามขึ้นมาพร้อมๆกัน
“อ้าว แนนอยากกลับแล้วเหรอ ไหนว่าจะทานอะไรก่อนไง” อินตกใจวูบที่แนนชวนกลับ และเวลาแห่งความสุขกำลังจะหมดลง
“เปล่าค่ะ แนนกลัวพี่เบื่อน่ะค่ะ ถ้าพี่ยังไม่เบื่อเราไปทานร้านนั้นกันนะคะ” คนถามชี้มือไปที่ร้านอาหารแล้วเดินนำไปโดยไม่รอคำตอบ
“แนน ถ้าแนนอยากกลับแล้วก็ไม่เป็นไรนะ” อินวิ่งตามมาพูดเสียงจริงจัง แล้วเผลอพูดต่อด้วยความน้อยใจเบาๆ “เดี๋ยวคนของแนนจะรอซะเปล่าๆ”
“เค้าไม่ห่วงแนนหรอกค่ะ เค้าไว้ใจแนน” หญิงสาวได้ยินไม่ถนัดเลยเข้าใจคำว่า ‘คนของแนน’ เป็นคำว่า ‘คนที่บ้าน’
“อืม......เอ่อ........” อินรู้สึกตันๆในอกจนพูดไม่ออก คนของแนนเค้าไว้ใจแนน คงจะรักกันมากล่ะสิ
“เข้าไปกันเถอะค่ะ แนนหิวแล้ว” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างๆ บรรยากาศดีและสงบที่สุดในร้าน แนนแอบคิดในว่า ไหนๆก็ไหนแล้ว ยังไงวันนี้แนนก็ขอกินข้าวกับพี่อินซักมื้อเถอะ เบื่อก็ทนอีกแป๊ะนะพี่
อินเดินตามเข้าไปพยามพูดคุยและทำตัวปรกติ หลังจากสั่งอาหารทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องเก่าๆในอดีตครั้งตอนอยู่โรงเรียนมัธยมสตรีล้วนเดียวกัน ความทรงจำอันสดใสที่ย้อนกลับมาสร้างความสุขทำให้อินลืมความหมองใจไปได้ชั่วขณะ เสียงหัวเราะสดใสของเด็กสาวตรงหน้า ช่างเข้ากันได้ดีกับความงดงามที่เธอมี ปากสีชมพูอ่อนได้รูป รับกับจมูกบางๆที่เรียวยาวสมส่วน ดวงตาแห่งความสดใสคู่นั้นเป็นประกายวาบวับยามเมื่อเธอยิ้ม บุคลิก กิริยาของเธอไม่อาจทำให้คู่สนทนาละสายตาไปจากเธอได้เลย
“ฮิ...ฮิ....ใช่ค่ะ ตอนนั้นที่แนนไปเป็นเพื่อนฝ้าย เอาดอกไม้ไปให้พี่ป้อมเพื่อนสุดที่รักของพี่น่ะ เพื่อนห้องพี่มองแนนใหญ่เลย เพราะฝ้ายมันอายไม่กล้าให้ดอกไม้พี่ป้อมเอง มันก็เลยโยนมาให้แนนแล้ววิ่งไปแอบที่มุมบันได บอกให้แนนเอาไปให้พี่ป้อมด้วย แนนไม่รู้จะทำยังไงกำลังงงๆ แล้วพอดีพี่อินเดินออกมา แนนก็เลยยื่นดอกไม้ให้พี่ฝากไปให้พี่ป้อม แล้ววิ่งหนีออกมาเลย ฝ้ายมันต่อว่าแนนใหญ่เลยที่ไม่ยอมให้กับมือพี่ป้อมเอง ดูสิ..ตัวเองมาทิ้งภาระให้คนอื่นแล้วยังจะมาว่าเค้าอีก” เด็กสาวเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุขถึงอดีตในวัยเยาว์อันแสนสนุก
“อืม..ใช่ พี่จำได้ หลังจากนั้นนะ แนนรู้ไหม เพื่อนพี่ในห้องน่ะ เอาแต่ล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกันตลอดเลย เพราะมันคิดว่าแนนเอาดอกไม้มาให้พี่ ขนาดพี่บอกของไอ้ป้อมมันก็ไม่เชื่อ หาว่าพี่ฟอร์ม แล้วไอ้ป้อมนี่ก็แสบ ไม่พูดอะไรสักคำ เล่นตามน้ำไปให้ใครๆเค้าล้อพี่อยู่เป็นปี” สาวรุ่นพี่ตอบด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข
“แหมพี่อินคะ โดนล้อว่าเป็นแฟนกับแนนมันเสียหายมากเหรอคะ พูดยังงี้แนนน้อยใจนะ”สาวน้อยทำเสียงเง้างอนหยอกคนตรงหน้า
อินรู้สึกวูบวาบกับประโยคที่เพิ่งได้ยิน แล้วเหมือนหลุดออกมาจากอดีตแสนสุข กลับมาสู่โลกความจริงอีกครั้ง
“แนนอย่ามาหยอกพี่ยังนี้เลย เดี๋ยวรู้ไปถึงหูแฟนแนนเข้า เค้าอาจจะคิดมากก็ได้นะ” อินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แววตาหม่นหมอง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต้องรอให้เค้าได้ยิน เอ๊ะ...ไม่ใช่สิ รอให้เค้าเกิดก่อนสิคะ แล้วเค้าค่อยคิดมาก” แนนยังคงตอบโต้ด้วยอารมณ์ดี ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติในอารมณ์ของอีกฝ่าย
“ฮึม....หมายความว่าไง เอ่อ...พี่ได้ยินไม่ถนัด” จริงๆน่ะได้ยินแล้ว แต่มันยังงงๆ ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองให้เสียใจทีหลังจนต้องถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็หมายความว่า แนนยังไม่มีแฟนน่ะสิคะ” ตอบไปแล้วก็ไม่สามารถสบตาต่อไปได้ จนต้องแสร้งมองไปทางอื่น ไม่รู้ทำไม
“แล้ว.........แล้ว.....เอ่อ คนที่พี่เห็นกับแนนในรถใต้ดินตอนแรกล่ะ ไม่ใช่.......” ความประหม่าที่เหมือนจะหายไปกลับเข้ามาหาอินโดยไม่ได้เชื้อเชิญ
“ใครคะ อ๋อ คนที่เสื้อเชิ้ตสีขาว ผมซอยสั้นๆ ที่นั่งข้างแนนใช่ไหมคะ”
“อ๋อใช่จ๊ะ พี่เห็นสนิทกันออก ไม่งั้นเค้าคงไม่กล้าโอบไหล่แนนยังงั้นหรอก” อินแอบมีความหวังอยู่ในใจแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ก็เห็นๆอยู่ว่าเป็นแฟนกัน แล้วก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันอีกต่างหาก
“ค่ะสนิทกัน สนิทกันมาก ยังเคยอาบน้ำด้วยกันเลยนะคะ” แนนเริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปรกติของรุ่นพี่คนดีเลยแกล้งแหย่ดู
“หา....อืม....เอ่อ” อินทำหน้าประหลาดที่สุดที่แนนเคยเห็น จะว่าตกใจ ก็ไม่ใช่ จะว่าสลดก็ไม่เชิง จนแนนต้องรีบพูดต่อ
“แต่เมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วได้มั้งคะ ”
“............” ตอนนี้หน้าประหลาดของอิน เพิ่มแววความงุนงงเข้าไปด้วย
“เพราะพี่นัทเค้าเป็นพี่สาวแนนเองค่ะ” พูดไปแล้วแนนก็ยิ้มอย่างมีความสุข ไม่รู้ทำไมถึงดีใจที่เห็นพี่อินมีปฏิกิริยาอย่างนั้น
“พี่สาว? แต่พี่ได้ยินแนนทะเลาะกับเค้า แล้วเค้าก็บอกเลิกแนนไม่ใช่เหรอ” อินยังไม่อยากจะเชื่อทั้งๆที่หัวใจลิงโลดแทบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว
“พี่นัททะเลากับแฟนน่ะใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่กันแนน เค้าทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพท์ค่ะ แล้วเค้าก็หงุดหงิดลงรถไปก่อน ถามว่าจะไปไหนก็ไม่ยอมบอก ให้แนนกลับบ้านมาคนเดียวจนได้มาเที่ยวกับพี่นี่ไงคะ มีอะไรสงสัยอีกไหมคะ..” สาวน้อยเอียงคอถามด้วยมาดกวนนิดๆ
“โธ่...หลงให้พี่เข้าใจผิดมาตั้งนาน ก็พี่ได้ยินทะเลาะกัน แล้วก็เห็นแนนบอกว่าเบื่อๆเซ็งๆ อีก พี่ก็เลย............” อินรู้สึกโล่งเหมือนมีใครมาเอามีดเล่มเล็กๆหลายสิบเล่มออกจากอก
“เบื่อที่เห็นพี่นัทเค้าทะเลาะกับแฟนอีกแล้วน่ะค่ะ ทะเลาะกันแล้วก็หงุดหงิด ไม่เห็นดีเลย พาเราเซ็งไปด้วย” เด็กสาวทำหน้าเบ้แต่ยังคงความน่ารักสดใสไม่เปลี่ยน
“คนเค้ามีความรัก มันก็ต้องมีทั้งดีกัน ทะเลาะกันสิ ของธรรมดา เราเป็นเด็กจะไปรู้อะไร” อินตอบอย่างอารมณ์ดี อารมณ์ดีที่สุดก็ว่าได้เลยล่ะ
“ค่า......คุณพี่ผู้ใหญ่ ความรักของพี่คงจะมีความสุขมากเลยใช่ไหมคะ” พูดไปแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่า ใครๆฟังก็ต้องรู้ว่าเป็นการหลอกถามอย่างพื้นๆที่สุด สาวน้อยหลบตานิ่งเพราะความอายกับคำถามที่ไม่มีชั้นเชิง แต่ใจจดใจจ่อกับคำตอบที่จะได้รับ
“อืม.....ความรักของพี่ ก็.....ดี....มีความสุขมากเลยล่ะ” อินสังเกตเห็นอาการของคนตรงหน้า แต่กลัวจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง เลยลองเล่นเกมดูบ้าง
“............” คู่สนทนายังคงหลบตานิ่งเหมือนเดิม
“รู้ไหม พี่รักเค้ามากที่สุดในโลกเลยล่ะ แล้วทุกทีที่กลับบ้านไปเจอหน้าเค้า พี่ก็รู้อบอุ่น สบายใจมากเลย” อินพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข ก็มันสุขจริงๆนี่ เพียงแต่มันสุขเพราะได้เห็นอาการคนตรงหน้า และได้แก้แค้น แกล้งคนกลับ
“เหรอคะ แนนดีใจด้วยนะคะ” เสียงแผ่วเบาผ่านออกมาจากลำคอที่ตีบตัน
“พี่ยังหวังเลยว่า ความรักของพี่ในวันข้างหน้าจะสดใสบริสุทธิ์ เหมือนความรักที่ได้จากเค้า” อินพูดต่อ และเริ่มแน่ใจว่าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง
“หือ...” ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความงุนงง จนต้องเงยขึ้นมามอง
“ก็........พี่หวังว่าเมื่อพี่มีแฟน หรือมีความรัก มันจะเป็นความรักที่สดใสบริสุทธิ์ เหมือนความรักที่ได้จากแม่ไงจ๊ะ ” อินเฉลย ทำหน้ายียวน
“พี่อินแกล้งหลอกแนนนี่นา.......” แนนยิ้มออกและเผลอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ก็เราอยากแกล้งพี่ก่อนทำไมล่ะ” อินพูดแล้วเอามือไปขยี้หัวสาวน้อยอย่างเอ็นดู
“แนนไปแกล้งอะไรพี่ล่ะ คิดเองคนเดียว ไม่ต้องพูดเลย กินให้หมดเลยเนี่ย กุ้งตัวเนี่ย...” สาวหน้าใสเขินจนแก้มแดง พาลเฉไฉเปลี่ยนเรื่องพูด
“ ไม่เอาหรอก กุ้งอะไรตัวกะจี๊ดเดียว ถ้าให้กินต้องกินกุ้งตัวใหญ่ๆริมทะเล ” อินตอบไปพลางมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีความสุข
“ก็ไปกินสิ วันหลังแนนจะพาไปร้านอร่อยที่พัทยา”
“วันหลังไม่มี มีแต่วันหน้า แต่ถ้าจะพาไปต้องไปวันนี้ โอเคไหมจ๊ะ” อินพูดชวนไปเรื่อยเปื่อย แล้วค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าแนนยอมไปจริงๆ ก็ดีสินะ
“วันนี้เลยเหรอคะ ก็..........ก็ได้ค่ะ แต่พี่อินห้ามขับรถเร็วนะ ขากลับน่ะ มอเตอร์เวย์มันมืด แล้วก็อันตราย ” แนนรับคำด้วยสีหน้าสดชื่น
“ทราบแล้วจ้า.....แม่คุณ” อินอดที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวสาวน้อยผู้มียิ้มอันสดคนนี้ไม่ได้
ทั้งสองขับรถไปพัทยากันอย่างมีความสุข ความอ่อนเพลียที่อินมีตอนเช้าถูกปลิดทิ้งลงด้วยน้ำมือของความสุข ความสดชื่นที่ได้รับจากผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ใสๆ สองสาวต่างบุคลิกต่างพูดคุยหยอกล้อกันตลอดทางอย่างสนุกสนาน จนมาถึงที่หมายโดยไม่รู้ตัว
“ปล่าวหรอกจ๊ะ เห็นแนนกำลังใช้ความคิดก็ไม่อยากจะรบกวนสมาธิเท่านั้นเอง เอา...ถึงแล้ว ไปกันได้แล้ว..ไป” อินเก็บความน้อยใจไว้ลึกๆและแสร้งเปลี่ยนเรื่องพูด ก็จะไปมีสิทธิ์อะไรน้อยใจเขาล่ะ คนเค้าจะมีความสุขที่คิดถึงแฟนเค้า มันก็เป็นเรื่องธรรมดา เราก็แค่คนรู้จักของน้องเค้าคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ วันนี้พี่ว่างทั้งวันใช่ไหมคะ งั้นเราไปดูหนังกันก่อน แล้วค่อยออกมาทานข้าว กินไอติมนะคะ วันนี้แนนเบื่อๆ เจอคนอารมณ์บูดมาน่ะค่ะ” แนนทำหน้าเซ็งๆตอนท้ายประโยคให้รู้ว่าเบื่อตามคำพูดจริงๆ
“ได้จ๊ะ ไม่เจอแนนตั้งนาน แล้ววันนี้พี่ก็ว่าง ไปไหนไปกันเลยจ๊ะ ว่าแต่แนนอยากดูเรื่องอะไรล่ะ” อินถามพลางดูรายชื่อหนังที่บอร์ด และลอบมองคนข้างๆ พลางคิดในใจ เบื่อที่งอนกันกับแฟน แต่ก็ยังแอบนึกถึงเค้าอย่างมีความสุขจนยิ้มแก้มปริแบบนั้นน่ะนะ เด็ก..หนอเด็ก
“ เรื่องนี้เป็นไงคะ พี่อินดูหรือยัง แนนว่าน่าสนุกดีนะคะ”
“ หา อืม....ได้จ๊ะ พี่ยังไม่ได้ดูหรอก วันๆทำแต่งาน มีเวลาไปดูหนังกะใครเค้าที่ไหนล่ะ อ่ะ..รออยู่ตรงนี้นะ พี่ไปซื้อตั๋วแป๊ะนึงจ๊ะ” อินสะดุ้งตกใจจากภวังค์ความคิด แล้วรีบกลบเกลื่อนเดินไปซื้อตั๋ว พอเดินกลับมาก็เห็นแนนอมยิ้ม สายตาเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรอย่างมีความสุข
“เอ้า...อมยิ้มเข้าไป ไม่กลัวใครเค้าจะว่าเราบ้าเหรอ มายืนยิ้มอยู่ได้คนเดียว” ทักไปก็แอบน้อยใจไป แล้วจะทักทำไมให้น้อยใจน้า...เรา
“แหม....พี่อินก็ ไปกันเถอะค่ะ” แนนฉุดแขนเสื้ออินแล้วรีบเดินไปด้วยความเขินอาย ก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเผลอยิ้มไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าเห็นพี่อินตอนนี้กับภาพความหลังสมัยอยู่อยู่รร.แล้วมันมีความสุขนี่นา
ตลอดการดูหนังอินรู้สึกอึดอัดทั้งตัวและทั้งใจ ทั้งไม่กล้านั่งเท้าแขนสบายๆเพราะกลัวจะไปโดนตัวน้องเค้า ทั้งรู้สึกวูบๆในใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดคนที่ตัวเองรู้สึกดีๆด้วยมานาน โดยเฉพาะฉากที่ตัวร้ายโผล่ออกมาแล้วแนนตกใจเข้ามาเกาะแขนอินแน่น มันทั้งรู้สึกดี ทั้งรู้สึกผิด ทั้งรู้สึกอึดอัดตัวเองจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง
ส่วนหญิงสาวต้นเหตุของปัญหา ก็ไม่ได้รู้สึกต่างกันเลย หากแต่จะเป็นมากกว่าด้วยซ้ำ จนแทบจะดูหนังไม่รู้เรื่อง กำลังแอบมองพี่สาวมาดเท่ห์อยู่ดีๆ พอหันกลับมาดูหนัง ไอ้วายร้ายตัวดีก็ดันโผล่ออกมาซะเสียงดังเชียว เผลอผวาไปเกาะแขนพี่เค้าด้วย ไม่รู้จะรำคาญหรือเปล่า จนออกจากโรงก็เห็นทำหน้าเฉยๆ อาจจะเบื่อแล้วก็ได้
“พี่อิน อยากกลับหรือยังคะ” / “แนน อยากทานอะไรจ๊ะ” สองคนถามขึ้นมาพร้อมๆกัน
“อ้าว แนนอยากกลับแล้วเหรอ ไหนว่าจะทานอะไรก่อนไง” อินตกใจวูบที่แนนชวนกลับ และเวลาแห่งความสุขกำลังจะหมดลง
“เปล่าค่ะ แนนกลัวพี่เบื่อน่ะค่ะ ถ้าพี่ยังไม่เบื่อเราไปทานร้านนั้นกันนะคะ” คนถามชี้มือไปที่ร้านอาหารแล้วเดินนำไปโดยไม่รอคำตอบ
“แนน ถ้าแนนอยากกลับแล้วก็ไม่เป็นไรนะ” อินวิ่งตามมาพูดเสียงจริงจัง แล้วเผลอพูดต่อด้วยความน้อยใจเบาๆ “เดี๋ยวคนของแนนจะรอซะเปล่าๆ”
“เค้าไม่ห่วงแนนหรอกค่ะ เค้าไว้ใจแนน” หญิงสาวได้ยินไม่ถนัดเลยเข้าใจคำว่า ‘คนของแนน’ เป็นคำว่า ‘คนที่บ้าน’
“อืม......เอ่อ........” อินรู้สึกตันๆในอกจนพูดไม่ออก คนของแนนเค้าไว้ใจแนน คงจะรักกันมากล่ะสิ
“เข้าไปกันเถอะค่ะ แนนหิวแล้ว” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างๆ บรรยากาศดีและสงบที่สุดในร้าน แนนแอบคิดในว่า ไหนๆก็ไหนแล้ว ยังไงวันนี้แนนก็ขอกินข้าวกับพี่อินซักมื้อเถอะ เบื่อก็ทนอีกแป๊ะนะพี่
อินเดินตามเข้าไปพยามพูดคุยและทำตัวปรกติ หลังจากสั่งอาหารทั้งสองก็เริ่มพูดคุยกันถึงเรื่องเก่าๆในอดีตครั้งตอนอยู่โรงเรียนมัธยมสตรีล้วนเดียวกัน ความทรงจำอันสดใสที่ย้อนกลับมาสร้างความสุขทำให้อินลืมความหมองใจไปได้ชั่วขณะ เสียงหัวเราะสดใสของเด็กสาวตรงหน้า ช่างเข้ากันได้ดีกับความงดงามที่เธอมี ปากสีชมพูอ่อนได้รูป รับกับจมูกบางๆที่เรียวยาวสมส่วน ดวงตาแห่งความสดใสคู่นั้นเป็นประกายวาบวับยามเมื่อเธอยิ้ม บุคลิก กิริยาของเธอไม่อาจทำให้คู่สนทนาละสายตาไปจากเธอได้เลย
“ฮิ...ฮิ....ใช่ค่ะ ตอนนั้นที่แนนไปเป็นเพื่อนฝ้าย เอาดอกไม้ไปให้พี่ป้อมเพื่อนสุดที่รักของพี่น่ะ เพื่อนห้องพี่มองแนนใหญ่เลย เพราะฝ้ายมันอายไม่กล้าให้ดอกไม้พี่ป้อมเอง มันก็เลยโยนมาให้แนนแล้ววิ่งไปแอบที่มุมบันได บอกให้แนนเอาไปให้พี่ป้อมด้วย แนนไม่รู้จะทำยังไงกำลังงงๆ แล้วพอดีพี่อินเดินออกมา แนนก็เลยยื่นดอกไม้ให้พี่ฝากไปให้พี่ป้อม แล้ววิ่งหนีออกมาเลย ฝ้ายมันต่อว่าแนนใหญ่เลยที่ไม่ยอมให้กับมือพี่ป้อมเอง ดูสิ..ตัวเองมาทิ้งภาระให้คนอื่นแล้วยังจะมาว่าเค้าอีก” เด็กสาวเล่าไปยิ้มไปอย่างมีความสุขถึงอดีตในวัยเยาว์อันแสนสนุก
“อืม..ใช่ พี่จำได้ หลังจากนั้นนะ แนนรู้ไหม เพื่อนพี่ในห้องน่ะ เอาแต่ล้อว่าเราสองคนเป็นแฟนกันตลอดเลย เพราะมันคิดว่าแนนเอาดอกไม้มาให้พี่ ขนาดพี่บอกของไอ้ป้อมมันก็ไม่เชื่อ หาว่าพี่ฟอร์ม แล้วไอ้ป้อมนี่ก็แสบ ไม่พูดอะไรสักคำ เล่นตามน้ำไปให้ใครๆเค้าล้อพี่อยู่เป็นปี” สาวรุ่นพี่ตอบด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุข
“แหมพี่อินคะ โดนล้อว่าเป็นแฟนกับแนนมันเสียหายมากเหรอคะ พูดยังงี้แนนน้อยใจนะ”สาวน้อยทำเสียงเง้างอนหยอกคนตรงหน้า
อินรู้สึกวูบวาบกับประโยคที่เพิ่งได้ยิน แล้วเหมือนหลุดออกมาจากอดีตแสนสุข กลับมาสู่โลกความจริงอีกครั้ง
“แนนอย่ามาหยอกพี่ยังนี้เลย เดี๋ยวรู้ไปถึงหูแฟนแนนเข้า เค้าอาจจะคิดมากก็ได้นะ” อินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่แววตาหม่นหมอง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต้องรอให้เค้าได้ยิน เอ๊ะ...ไม่ใช่สิ รอให้เค้าเกิดก่อนสิคะ แล้วเค้าค่อยคิดมาก” แนนยังคงตอบโต้ด้วยอารมณ์ดี ไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติในอารมณ์ของอีกฝ่าย
“ฮึม....หมายความว่าไง เอ่อ...พี่ได้ยินไม่ถนัด” จริงๆน่ะได้ยินแล้ว แต่มันยังงงๆ ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองให้เสียใจทีหลังจนต้องถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็หมายความว่า แนนยังไม่มีแฟนน่ะสิคะ” ตอบไปแล้วก็ไม่สามารถสบตาต่อไปได้ จนต้องแสร้งมองไปทางอื่น ไม่รู้ทำไม
“แล้ว.........แล้ว.....เอ่อ คนที่พี่เห็นกับแนนในรถใต้ดินตอนแรกล่ะ ไม่ใช่.......” ความประหม่าที่เหมือนจะหายไปกลับเข้ามาหาอินโดยไม่ได้เชื้อเชิญ
“ใครคะ อ๋อ คนที่เสื้อเชิ้ตสีขาว ผมซอยสั้นๆ ที่นั่งข้างแนนใช่ไหมคะ”
“อ๋อใช่จ๊ะ พี่เห็นสนิทกันออก ไม่งั้นเค้าคงไม่กล้าโอบไหล่แนนยังงั้นหรอก” อินแอบมีความหวังอยู่ในใจแต่ก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี ก็เห็นๆอยู่ว่าเป็นแฟนกัน แล้วก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันอีกต่างหาก
“ค่ะสนิทกัน สนิทกันมาก ยังเคยอาบน้ำด้วยกันเลยนะคะ” แนนเริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปรกติของรุ่นพี่คนดีเลยแกล้งแหย่ดู
“หา....อืม....เอ่อ” อินทำหน้าประหลาดที่สุดที่แนนเคยเห็น จะว่าตกใจ ก็ไม่ใช่ จะว่าสลดก็ไม่เชิง จนแนนต้องรีบพูดต่อ
“แต่เมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้วได้มั้งคะ ”
“............” ตอนนี้หน้าประหลาดของอิน เพิ่มแววความงุนงงเข้าไปด้วย
“เพราะพี่นัทเค้าเป็นพี่สาวแนนเองค่ะ” พูดไปแล้วแนนก็ยิ้มอย่างมีความสุข ไม่รู้ทำไมถึงดีใจที่เห็นพี่อินมีปฏิกิริยาอย่างนั้น
“พี่สาว? แต่พี่ได้ยินแนนทะเลาะกับเค้า แล้วเค้าก็บอกเลิกแนนไม่ใช่เหรอ” อินยังไม่อยากจะเชื่อทั้งๆที่หัวใจลิงโลดแทบจะกระเด็นออกมานอกอกอยู่แล้ว
“พี่นัททะเลากับแฟนน่ะใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่กันแนน เค้าทะเลาะกับแฟนทางโทรศัพท์ค่ะ แล้วเค้าก็หงุดหงิดลงรถไปก่อน ถามว่าจะไปไหนก็ไม่ยอมบอก ให้แนนกลับบ้านมาคนเดียวจนได้มาเที่ยวกับพี่นี่ไงคะ มีอะไรสงสัยอีกไหมคะ..” สาวน้อยเอียงคอถามด้วยมาดกวนนิดๆ
“โธ่...หลงให้พี่เข้าใจผิดมาตั้งนาน ก็พี่ได้ยินทะเลาะกัน แล้วก็เห็นแนนบอกว่าเบื่อๆเซ็งๆ อีก พี่ก็เลย............” อินรู้สึกโล่งเหมือนมีใครมาเอามีดเล่มเล็กๆหลายสิบเล่มออกจากอก
“เบื่อที่เห็นพี่นัทเค้าทะเลาะกับแฟนอีกแล้วน่ะค่ะ ทะเลาะกันแล้วก็หงุดหงิด ไม่เห็นดีเลย พาเราเซ็งไปด้วย” เด็กสาวทำหน้าเบ้แต่ยังคงความน่ารักสดใสไม่เปลี่ยน
“คนเค้ามีความรัก มันก็ต้องมีทั้งดีกัน ทะเลาะกันสิ ของธรรมดา เราเป็นเด็กจะไปรู้อะไร” อินตอบอย่างอารมณ์ดี อารมณ์ดีที่สุดก็ว่าได้เลยล่ะ
“ค่า......คุณพี่ผู้ใหญ่ ความรักของพี่คงจะมีความสุขมากเลยใช่ไหมคะ” พูดไปแล้วก็เพิ่งรู้ตัวว่า ใครๆฟังก็ต้องรู้ว่าเป็นการหลอกถามอย่างพื้นๆที่สุด สาวน้อยหลบตานิ่งเพราะความอายกับคำถามที่ไม่มีชั้นเชิง แต่ใจจดใจจ่อกับคำตอบที่จะได้รับ
“อืม.....ความรักของพี่ ก็.....ดี....มีความสุขมากเลยล่ะ” อินสังเกตเห็นอาการของคนตรงหน้า แต่กลัวจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเอง เลยลองเล่นเกมดูบ้าง
“............” คู่สนทนายังคงหลบตานิ่งเหมือนเดิม
“รู้ไหม พี่รักเค้ามากที่สุดในโลกเลยล่ะ แล้วทุกทีที่กลับบ้านไปเจอหน้าเค้า พี่ก็รู้อบอุ่น สบายใจมากเลย” อินพูดด้วยน้ำเสียงแห่งความสุข ก็มันสุขจริงๆนี่ เพียงแต่มันสุขเพราะได้เห็นอาการคนตรงหน้า และได้แก้แค้น แกล้งคนกลับ
“เหรอคะ แนนดีใจด้วยนะคะ” เสียงแผ่วเบาผ่านออกมาจากลำคอที่ตีบตัน
“พี่ยังหวังเลยว่า ความรักของพี่ในวันข้างหน้าจะสดใสบริสุทธิ์ เหมือนความรักที่ได้จากเค้า” อินพูดต่อ และเริ่มแน่ใจว่าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง
“หือ...” ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความงุนงง จนต้องเงยขึ้นมามอง
“ก็........พี่หวังว่าเมื่อพี่มีแฟน หรือมีความรัก มันจะเป็นความรักที่สดใสบริสุทธิ์ เหมือนความรักที่ได้จากแม่ไงจ๊ะ ” อินเฉลย ทำหน้ายียวน
“พี่อินแกล้งหลอกแนนนี่นา.......” แนนยิ้มออกและเผลอถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ก็เราอยากแกล้งพี่ก่อนทำไมล่ะ” อินพูดแล้วเอามือไปขยี้หัวสาวน้อยอย่างเอ็นดู
“แนนไปแกล้งอะไรพี่ล่ะ คิดเองคนเดียว ไม่ต้องพูดเลย กินให้หมดเลยเนี่ย กุ้งตัวเนี่ย...” สาวหน้าใสเขินจนแก้มแดง พาลเฉไฉเปลี่ยนเรื่องพูด
“ ไม่เอาหรอก กุ้งอะไรตัวกะจี๊ดเดียว ถ้าให้กินต้องกินกุ้งตัวใหญ่ๆริมทะเล ” อินตอบไปพลางมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าอย่างมีความสุข
“ก็ไปกินสิ วันหลังแนนจะพาไปร้านอร่อยที่พัทยา”
“วันหลังไม่มี มีแต่วันหน้า แต่ถ้าจะพาไปต้องไปวันนี้ โอเคไหมจ๊ะ” อินพูดชวนไปเรื่อยเปื่อย แล้วค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าแนนยอมไปจริงๆ ก็ดีสินะ
“วันนี้เลยเหรอคะ ก็..........ก็ได้ค่ะ แต่พี่อินห้ามขับรถเร็วนะ ขากลับน่ะ มอเตอร์เวย์มันมืด แล้วก็อันตราย ” แนนรับคำด้วยสีหน้าสดชื่น
“ทราบแล้วจ้า.....แม่คุณ” อินอดที่จะเอื้อมมือไปขยี้หัวสาวน้อยผู้มียิ้มอันสดคนนี้ไม่ได้
ทั้งสองขับรถไปพัทยากันอย่างมีความสุข ความอ่อนเพลียที่อินมีตอนเช้าถูกปลิดทิ้งลงด้วยน้ำมือของความสุข ความสดชื่นที่ได้รับจากผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ใสๆ สองสาวต่างบุคลิกต่างพูดคุยหยอกล้อกันตลอดทางอย่างสนุกสนาน จนมาถึงที่หมายโดยไม่รู้ตัว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น