คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่7
'นี่เธอ ทำไมทุกคนชอบไปเล่นบ้านผีสิงพิศวงบ้าบอไรนั่นจัง'
'เขาเรียกว่า บ้านผีสิงเขาวงกต กดคนไม่ให้ออกย่ะ เรียกให้มันถูกหน่อย'
'เออๆ นั่นแหล่ะ คล้ายๆ กัน'
'แล้วนี่เธอจะบอกได้หรือยังว่าทำไมคนถึงชอบเข้าที่นี่นัก ทั้งที่ก็รู้ว่ามันน่ากลัวและน่าสยองจะตาย'
'อาจเป็นเพราะพวกชอบความท้าทายล่ะมั้ง ไม่เคยได้ยินเหรอ ยิ่งท้ายิ่งอยากลอง'
'อันนั้นมันยิ่งห้าม ยิ่งอยากลองไม่ใช่เหรอ'
'ความหมายเหมือนกันแหล่ะน่า อะไรมาก'
เหมือนตรงไหนเนี้ย!
'แต่อาจจะเป็นอย่างหลังก็ได้นะ'
'? ทำไมเหรอ'
'เขามีข่าวลือกันว่า คู่รักคู่ใดที่พบทางออกน่ะ จะ...'
ตุบ!
"ว้าย!"
อ้าว... ? ไม่เจ็บแฮะ...
"โอย..."
"อ๊ะ! ขอโทษจ้ะ เอนมะคุง"
"ไม่เป็นไร ว่าแต่... ที่นี่ที่ไหนน่ะ" เด็กสาวค่อยๆ ลุกออกจากบนตัวของเอนมะ ก่อนจะสำรวจรอบๆ ห้อง
หลังจากที่พวกเขาได้เปิดประตูบานที่สามในเขาวงกต และทันทีที่ได้ย่างก้าวเท้าเข้ามา เขาทั้งสองก็ได้ตกลงมาในห้องปริศนาห้องนี้ ซึ่งในตัวห้องเป็นมุมสี่เหลี่ยมจัสตุรัส กว้างกำลังพอดีแต่ดูเหมือนอยู่ในที่กว้าง เพราะรอบๆ ตัวห้องเป็นกระจกแล้วเหมือนจะมีภาพวาดทิวทัศธรรมชาติไว้นอกกระจกอีกที เคียวโกะมองวิวนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"สุดยอดเลย..."
เธอพูดลอยๆ และหันไปมองเอนมะที่กำลังจ้องท้องนภาด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าเธอจะเข้าใจ ก่อนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเมื่อรู้สึกว่าเธอกำลังจ้องมองเขาอยู่
"มีอะไรเหรอ"
"ปละ... เปล่าจ้ะ!" ร่างบางว่า
เมื่อกี้นี้... ทำไมเอนมะคุงถึงต้องมองท้องฟ้าด้วยสายตาแบบนั้นนะ...
แววตาที่... โกรธขึ้ง
ราวกับแค้นบางสิ่งบางอย่าง ต่อพื้นนภา...
"เอ่อ เอนมะคุง"
"หืม?"
"เอนมะคุง... ชอบท้องฟ้ามั้ยจ้ะ?" เด็กหนุ่มชะงักไปกับคำถาม ก่อนจะนิ่งโดยไม่พูดอะไร เมื่อร่างบางเห็นจึงได้แต่คิดแต่ในใจไว้คนเดียว เราพูดถึงเรื่อง... ที่ไม่สมควรพูดออกไปสินะ... เธอยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป
"ฉันนะ ชอบท้องฟ้ามากเลยล่ะ"
"..."
"เวลามองแล้ว ให้ความรู้สึกสบาย และน่าค้นหา เป็นสิ่งที่สวยงามไม่รู้จักหมดจักสิ้น"
"..."
"ทั้งยังกว้างใหญ่ มองดูแล้วอบอุ่นเมื่อเห็นแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมา ฉันรู้สึกอบอุ่น... เมื่อเห็นหมู่เมฆรวมตัวกันเป็นก้อนจับตัวเป็นรูปร่างต่างๆ ให้เราได้นึกสนุก และหลังจากนั้นฝนก็จะเทลงมา ช่วยชำระล้างสิ่งต่างๆ บางทีฉันก็ยังรู้สึกว่าฝนทำให้จิตใจเราสงบเลยนะจ้ะ ถึงแม้จะเสียงฟ้าผ่ามาด้วยก็เถอะ แหะๆ"
"..."
"แต่พอฝนหยุดตก ก็ต้องเห็นหมอกที่ดูขุ่นมัว เหมือนกับจิตใจของมนุษย์เลยเนอะ คอยปิดกั้นตัวเองไม่ให้คนอื่นได้แหวกดูสิ่งในจิตใจของตนเอง ทั้งที่บางทีก็รู้สึกเศร้าใจอยู่แท้ๆ"
"..."
"เอ่อ... สะ... สรุปเป็นว่าฉันชอบท้องฟ้าแล้วกันน่ะจ้ะ" เธอหัวเราะแห้งๆ เมื่อรู้สึกว่าชักจะพล่ามเยอะเกิน "เอ้อ เอนมะคุงรู้มั้ยว่าเขาว่ากันว่าท้องฟ้าไม่มีวันตาย เอนมะคุงล่ะคิดว่าจริ...."
"ที่ว่าไม่มีวันตายเพราะมันใช้คนอื่นเป็นเกราะกำบังไงล่ะ!"
"อะ.. เอ๋?" นัยน์ตาสีน้ำตาลมองเอนมะที่อยุ่ดีๆ ท่าทางก็เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง
"ท้องฟ้าน่ะ ชอบกลับกลอก เดี๋ยวก็กลายเป็นสีฟ้า เดี๋ยวก็กลายเป็นสีดำ เชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้นแหล่ะ!"
"..."
"แล้วที่มันกว้างใหญ่น่ะ เพราะจะได้ซ่อนความชั่วร้ายได้อยู่ไง เพราะมันกว้าง~! ซะจนคนดูไม่ออกว่ามันคิดอะไรอยู่!"
"..."
"เหยียบย่ำพื้นดินเพราะคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่า เหนือกว่า ทั้งที่ความสามารถมันด้อยกว่าพื้นธรณีซะด้วยซ้ำ!"
"..."
"ชอบโกหก หลอกลวง ไม่จริงใจ ทั้งยัง..."
"..."
"ใช้เพื่อนรักตัวเองไปเป็นตัวล่อ..."
หลังจากสิ้นสุดประโยค เอนมะก็เงียบเสียงลงพร้อมกับเบนหน้าไปทางอื่นที่เคียวโกะไม่สามารถเห็นได้ เพราะเขาไม่อยากให้ใครเห็นใบหน้าของเขาตอนนี้
ใบหน้าที่อ่อนแอ... และน่าสมเพช...
ทั้งเธอและเขาต่างก็ไม่พูดอะไรไปหลายนาที มีเพียงร่างบางที่อยู่ข้างกายมองเขาอยู่ตลอดเวลา สายตานั้นเป็นตัวบ่งบอกได้ดีว่า เธอเป็นห่วงเขาแค่ไหน....
"... ขอโทษนะ ที่พูดอะไรแปลกๆ ออกไป" เอนมะเอ่ย โดยทั้งที่ไม่มองมาทางคนที่พูดด้วย ก่อนจะกระตุกแขนให้เด็กสาวเดินตามมา
"เรารีบไปหาทางออกกันดีกว่า... !!"
ขวับ!!
"เคียว..."
"จริงอยู่นะจ้ะ ที่ท้องฟ้าชอบเปลี่ยนสีไปมา ราวกับคนที่ชอบกลับกลอกคำพูด" เอนมะชะงัก ก่อนจะแกะมือบางออก แต่ก็ทำได้ยาก เพราะมืออีกข้างก็กุมมือเคียวโกะไว้
"แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันว่าทั้งสองสีของนภานั้นก็ยังดูสวยงาม เมื่อได้เคียงคู่กับพื้นแผ่นดิน"
"..." เอนมะหยุดนิ่งไป เมื่อได้ยินประโยคนั้น เคียวโกะผละออกก่อนจะยกมือขึ้นแล้วลูบใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา...
สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยน จนเสียเขาอยากจะร้องไห้...
"พื้นดิน เปรียบเสมือนกับเพื่อนที่คอยประคองไว้เมื่อเราล้ม เพราะเขาจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ไปไหน"
"..."
"คอยรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ แม้มันจะหนักแค่ไหน"
"...."
"หนักแน่น และแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องทุกคน"
"..."
"จะว่าไป เอนมะคุงก็เหมือนพื้นแผ่นดินนะจ้ะ" นัยน์ตาสีแดงฉายถึงความงุนงงกับคำพูดของเธอ ร่างเล็กยิ้มขันก่อนจะกล่าวต่อ
"เอนมะคุงน่ะ ทั้งหนักแน่นเวลาตัดสินใจอะไรได้แล้ว และจะทำอย่างนั้นต่อไปอย่าวแน่วแน่"
"..."
"แถมยังปกป้องฉันได้ เมื่อตอนฉันอยู่ในอันตราย"
"..."
"ราวกับพื้นดินที่แข็งแกร่ง จริงๆ นะจ้ะ" เคียวโกะส่งยิ้มไปให้กับเอนมะอย่างอ่อนโยน เอนมะดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างแนบแน่น ทำเอาร่างบางทำอะไรไม่ถูกเลยซุกหน้าที่ไหล่ของเอนมะแทน
เนิ่นนานหลายนาทีที่ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของซึ่งกันและกัน ความอ่อนโยนถูกถ่ายทอดออกมาในอ้อมกอด จนเมื่อกระทั่งร่างบางเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เงียบมานาน
"เอ่อ ฉันขอพูดต่อไปได้มั้ยจ้ะ" เอนมะอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง
"ที่ฉันพูดว่าท้องฟ้าจะสวยเมื่อได้คู่กับพื้นดินน่ะ เป็นเพราะว่าฉันคิดว่าทั้งสองเป็นเพื่อนที่ความสัมพันธ์จะไม่มีวันตายนะจ้ะ"
"..."
"เพราะเมื่อไหร่เกิดขาดสิ่งใดในสองสิ่งนี้ไป โลกเราก็คงจะต้องถึงจุดจบแล้วล่ะจ้ะ"
"..."
"ท้องฟ้าก็ต้องเคียงคู่พื้นดิน พื้นดินก็ต้องคู่กับท้องฟ้า สิ่งนี่เป็นตัวบอกว่าเรายังมีชีวิตอยู่นะจ้ะ" เมื่อเคียวโกะว่าจบ เปลือกตาของเขาก็ค่อยๆ ปิดลง ราวกับจะรำลึกคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะดันตัวเด็กสาวออก
"อืม ฉันเข้าใจแล้ว" เขาส่งยิ้มไปให้เธอ ร่างบางยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขายิ้มเหมือนเดิมแล้ว ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะยังดูแปลกตาไปก็ตาม แต่ก็ดีกว่าที่เขาจะทำหน้าเศร้าสร้อยอีก!
"เธอนี่... เป็นผู้หญิงที่ดีนะ" คราวนี้กลับกลายเป็นร่างบางงุนงงบ้างกับคำพูดของเขา แต่เอนมะก็ได้แต่ยิ้มและไม่บอกซ้ำให้เด็กสาวได้กระจ่างแจ้ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยโดยการบอกว่าให้เธอมาช่วยหาทางออกกันเถอะ ใบหน้าหวานหน้ามุ่ยแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร เธอทำตามที่เขาบอกแต่โดยดีถึงแม้จะมีเสียงบ่นออกมาจากปากเล็กๆ นั่นก็ตาม เอนมะขำไปกับท่าทางนั่น
"เอนมะคุงๆ ทางนี้มีปุ่มอะไรก็ไม่รู้ล่ะจ้ะ" เด็กหนุ่มหันไปทางที่บอก ก่อนจะพบปุ่มสีแดงที่อยู่บนกล่องใบนึง นิ้วเรียวตัดสินกดไป
ติ๊งติงดิงดิ๊ง~!!
เสียงประหลาดดังขึ้นพร้อมกับจดหมายที่ขึ้นมา เคียวโกะเอื้อมมือไปหยิบจดหมายนั้นด้วยความกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะอ่านมันทันที เอนมะชะโงกหน้าเข้ามาอ่านด้วย
สวัสดีค่ะ เหล่าผู้คนที่เจอจดหมายฉบับนี้
เมื่อคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว แสดงว่าคุณได้ผ่านด่านเขาวงกต กดคนไม่ให้ออกแห่งนี้ได้แล้วนะคะ ซึ่งทางทีมงานขอแสดงความยินดีด้วยกับคนที่เจอจดหมายฉบับนี้ค่ะ!
และก่อนที่คุณจะได้เห็นจดหมายฉบับนี้ คุณก็ต้องกดปุ่มสีแดงๆ นั้นก่อนใช่มั้ยคะ? นั่นเป็นปุ่มที่จะพาคุณไปในที่ที่แห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นเป็นรางวัลพิเศษที่ทางเราได้มอบให้ค่ะ หวังว่าคุณจะชอบใจไปกับรางวัลนะคะ
ขอให้โชคดีค่ะ!
ปล. เตรียมตัวให้ดีนะคะ เพราะสิ่งที่จะพาคุณไปนั้นรุนแรงไปหน่อย ระวังด้วยนะคะ!
กึง!
"ว้าย!" ทั้งสองคนต่างตกใจเมื่ออ่านจดหมายจบแล้วพื้นก็สั่นสะเทือน ก่อนมีเหล็กมาคีบทั้งสองคนขึ้นก่อนจะปล่อยให้ร่างทั้งสองกระแทกเข้ากับรถเลื่อนที่มาตอนไหนก็ไม่รู้ ก่อนจะออกตัวไปอย่างรวดเร็วโดยที่เธอและเขายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
"เอนมะคุง! รถนี่จะพาพวกเราไปไหนน่ะ!" เธอตะโกนท้าลมที่พัดมา เพราะกลัวว่าคนข้างๆ เธอนั้นจะไม่ได้ยิน
"ไม่รู้เหมือนกัน!" เขาตะโกนกลับไป และจับมือบางให้แน่นขึ้น ก่อนจะตัดสินใจคว้าเธอมากอดเพื่อไม่ให้เธอหลุดออกจากรถเลื่อนคันนี้
'เขามีข่าวลือกันว่า คู่รักคู่ใดที่ได้พบทางออกน่ะ จะ...'
'จะอะไรยะ!'
'จะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปน่ะสิ!'
แกร็ก.... แกร็ก...
ในที่สุดรถก็หยุดลง เอนมะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก่อนจะตะลึงไปกับภาพตรงหน้า เคียวโกะที่อยู่ในอ้อมแขนของเอนมะก็ค่อยดันตัวขึ้น ก่อนจะตะลึงไปเหมือนกับเอนมะ
ภาพตรงหน้าทั้งเธอและเขาเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีดอกไม้หลากหลายพันธุ์เต็มไปหมด มีทั้งกุหลาบ ทานตะวัน และอื่นๆ อีกมากมายที่พวกเขาไม่รู้จัก ขาเรียวยาวค่อยๆ ก้าวลงจากรถ ก่อนจะส่งมือไปให้ร่างบางที่กำลังตะลึงอยู่ได้จับ เคียวโกะจับมือเอนมะทั้งที่สายตายังไม่ละจากภาพตรงหน้า
"สวยจังเลยนะจ้ะ..."
"อืม..."
เอนมะจูงมือเธอเดินดูรอบๆ ทั่วสวน ซึ่งไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างสวยงาม เคียวโกะย่อตัวลงก่อนจะดมดอกไม้ที่อยู่แถวนั้น
"หอมจังเลย..." เอนมะมองเคียวโกะที่กำลังเพลิดเพลินกับดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนจะสะดุดไปกับกระดาษที่เหน็บไว้อยู่ตรงก้านดอกไม้ที่เคียวโกะกำลังดูอยู่ มือหนาค่อยๆ แกะกระดาษนั้นออกก่อนจะไล่สายตาอ่านไปทีละบรรทัด เคียวโกะลุกขึ้นยืนก่อนจะถามเอนมะว่าในนั้นเขียนอะไรไว้
"เขาบอกว่าให้พวกเราหยิบดอกไม้มาคนละหนึ่งดอก..." ร่างที่กำลังอ่านจดหมายนั้นเอ่ยขึ้นเบาๆ เคียวโกะเอียงคอเล็กน้อยและตั้งคำถามไว้ในใจ ทำไมต้องให้เลือกด้วยนะ? แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป ร่างบางหันไปเลือกดอกไม้อย่างตั้งใจ เอนมะก็เช่นเดียวกัน เข้าทิ้งจดหมายไปเพราะว่าในจดหมายบอกไว้เพียงแค่นั้น
เมื่อเวลาผ่านสักพัก เธอและเขาต่างก็เลือกดอกไม้ได้แล้ว ก็ได้มีเสียงๆ หนึ่งดังออกมาจากลำโพง
"พวกคุณได้เลือกดอกไม้กันแล้วสินะครับ งั้นก็ส่งดอกไม้ที่พวกคุณเลือกมานั้นให้กับคนข้างๆ ตัวเองด้วยครับ" เคียวโกะหันหน้าไปทางเอนมะทันที พลันใบหน้าหวานก็เริ่มแดงระเรื่อ จะให้ดอกไม้นี่ไปให้กับเอนมะคุงน่ะเหรอ! ขะ... เขาจะรู้ถึงความหมายของดอกไม้ดอกนี้หรือเปล่านะ... ร่างบางที่มัวแต่กังวลจนไม่กล้าส่งดอกไม้ไปให้เด็กหนุ่มข้างหน้า เขาจึงส่งดอกไม้ให้เธอก่อนด้วยใบหน้าที่แดงแปร๊ดเป็นมะเขือเทศ ซึ่งดอกไม้ที่เอนมะเลือกนั้นเป็นดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง ความหมายก็คือ สำหรับคุณที่บริสุทธิ์ และน่ารัก เล่นเอาร่างบางที่รู้ความหมายของดอกไม้ดอกนี้เขินหน้าแดงไปตามๆ กัน
ร่างบางรับก่อนจะยื่นดอกไม้ไปให้เอนมาะบ้าง เอนมะรับ นัยน์ตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นดอกไม้ที่เคียวโกะนั้นส่งให้กับตน และดอกไม้ที่เคียวโกะส่งให้นั้น เป็นดอกแจสมินอินเดียมีความหมายว่า ฉันเชื่อคุณ คุณเป็นคนสำคัญของฉัน...
เอนมะนิ่งไปก่อนจะเงยหน้าสบตากับร่างบางที่อยู่ตรงหน้า และเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบรอยยิ้มที่จริงใจและใสซื่อของเคียวโกะ เขาเบนหน้าไปทางอื่นซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่ทางทีมงานของสวนสนุกให้เราเดินมาตรงจุดทางออกของสวนดอกไม้ เคียวโกะวิ่งไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะลากเอนมะมาด้วย
"ยินดีด้วยนะพวกหนู ที่ผ่านเขาวงกตนั้นมาได้ สนุกมั้ยล่ะ?" ชายมากวัยคนหนึ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เมื่อเคียวโกะและเอนมะเดินมาถึง
"ค่ะ สนุกมากเลยล่ะค่ะ!" เธอตอบด้วยเสียงสดใส ชายชราหัวเราะ
"เพิ่งมีหนูที่เป็นเด็กผู้หญิงคนแรกบอกว่าเขาวงกตนั่นสนุกนะ ปกติคู่ที่ผ่านมามีแต่บอกว่าน่ากลัวทั้งนั้น"
"น่ารักดีออกนะคะ ผีแต่ละตัวที่อยู่ในบ้านผีสิงนั้นน่ะ"
"ฮะๆๆ เป็นเด็กที่ร่าเริงจริงๆ นิสัยแบบนี้คงทำให้เธอเหนื่อยไม่ใช่น้อยเลยมั้ง ใช่มั้ยพ่อหนุ่ม?"
"เอ่อ ครับ ก็เล่นเหนื่อยเอาเรื่อง"
"เอนมะคุงนี่ล่ะก็ นี่ฉันทำให้เอนมะคุงเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอจ้ะ"
"ก็เธอชอบแต่ดูนู่นดูนี่จนไม่ได้ดูแลตัวเองน่ะสิ"
"ก็แหม... มันน่าสนใจไปหมดเลยนี่จ้ะ" เธอบุ้ยปากเล็กน้อย ร่างที่อยู่ข้างๆ ขำไปกับท่าทางนั้นก่อนจะยกมือลูบหัวของเด็กสาวเบาๆ
"แหมๆ หนุ่มสาวนี่น่าอิจฉาจริงๆ" ชายมากวัยคนเดิมหัวเราะเสียงดังในความน่ารักของคู่รักคู่นี้ ก่อนจะหยิบหลอดแก้วที่เหมือนหลอดทดลองขึ้นมา เคียวโกะฉงนไปกับหลอดแก้วนั่น
"เอ้า พวกหนูส่งดอกไม้มาให้ลุงก่อนนะ"
"เอ๋? ทำไมเหรอคะ"
"ลุงจะเก็บดอกไม้พวกนี้ไว้ในหลอดแก้วนี้น่ะ จะได้อยู่นานขึ้น เพราะลุงจะใส่น้ำลงไปด้วย"
"อ้อ ขอบคุณค่ะ"
"ไม่เป็นไรๆ ว่าแต่ถ้าพวกหนูถามมาอย่างนี้แสดงว่าก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องสวนดอกไม้ที่เขาพูดกันน่ะสิ" สองหนุ่มสาวหันหน้ามองพร้อมกัน ก่อนจะเป็นเอนมะที่เอ่ยปากถามกลับไป
"สวนดอกไม้นี่ทำไมเหรอครับ?"
"ตำนานในสวนสนุกแห่งนี้น่ะ เขาว่ากันว่าคนที่สามารถออกมาจากเขาวงกต กดคนไม่ให้ออกก็จะถูกส่งมาทีนี่ โดยจะให้คู่รักคู่นั้นเลือกดอกไม้มาคนละหนึ่งดอก และมอบให้แก่กัน ซึ่งเป็นความหมายว่าทั้งคู่ได้ตกลงไว้แล้วว่า พวกเขาทั้งสองได้ตกลงปลงใจแล้วว่า จะรักคนนี้ตลอดไป" น้ำเสียงสบายๆ นั้นกล่าวไปเรื่อยๆ แต่เล่นเอาคนที่ฟังอยู่ไม่สบายตามไปกับคำพูดนั้นน่ะสิ!
ระ... รักตลอดไปงั้นเหรอ...
"เสร็จแล้ว รับไปสิ" ว่าพลางยื่นขวดแก้วไปให้ เคียวโกะรับไปอย่างงกๆ เงิ่นๆ ผิดกับเอนมะที่รับไปแต่เหมือนในหัวคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา
"แล้วก็ เขาว่ากันว่าถ้าเกิดรับขวดแก้วดอกไม้ที่เราเลือกกันอย่างตั้งใจแล้ว จะทำให้คู่นั้นได้อยู่ด้วยกันตลอดไป" ชายมากวัยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ร่างบางที่เหมือนอุณหภูมิจะสูงขึ้นมากระทันหัน ทำให้หน้าแดงแจ๊ดแจ๋ ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อมือหนาได้คลายออกจากการกุมมือ
"... ฉันขอไปห้องน้ำแป๊บนะ" พูดเสร็จก็เดินไปทันที ร่างบางมองตามหลังเอนมะไป ก่อนจะยกมือบางของเธอขึ้นมาอย่างใจหาย
การที่ไม่มีใครมากุมมือ... มันรู้สึกว่างเปล่าขนาดนี้เลยเหรอ...?
"อยู่ด้วยกันตลอดไป.... งั้นเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ก่อนจะมองดูดอกไม้แจสมินอินเดียที่อยู่ในขวดแก้ว
"เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว..."
ฉันเชื่อคุณ คุณคือคนสำคัญของฉัน...
"ขอโทษนะ... ฉันไม่ใช่คนดีถึงขนาดเป็นคนสำคัญของเธอหรอก และ..."
"เชื่อถือไม่ได้..."
เมื่อแผ่นดินเริ่มสั่นสะท้าน จงใจที่จะแตกหักออกจากนภา
ความสัมพันธ์อันดีงามที่มีมานาน จึงไม่สามารถที่จะเป็นไปตามที่เธอได้บอกไว้
มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ที่จะอยู่ได้ และชนะตลอดกาล!
ถึงแม้ว่า... จะต้องพ่ายแพ้ต่อหัวใจตนเองก็ตาม...
_________________
จบไปอีกตอน รู้สึกจะเป็นตอนที่ยาวที่สุดตั้งแต่แต่งมาเลยมั้ง ฮ่าๆๆ
เป็นยังไงก็ต้องขอคอมเม้นหน่อยนะคะ
ฉันเป็นคนชอบดอกไม้มากเลยค่ะ เห็นแล้วมันสดชื่นดี ดอกไม้บางชนิดยังมีความหมายดีด้วย ฉันเลยอยากจะให้พวกเคียวโกะได้มีความสุขไปกับดอกไม้บ้าง เลยคิดฉากนี้ขึ้น
ความจริงดอกไม้ที่เอนมะจะให้เคียวโกะ ฉันตั้งใจว่าจะให้เดซี่ค่ะ แต่พอมาเห็นความหมายของคาร์เนชั่นสีเหลือง เลยเอาดอกนี้แทน แหะๆ
แต่โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบเดซี่นะคะ อาจจะเป็นเพราะเห็นบ่อย หรือได้ยินบ่อยๆ ก็ไม่รู้ แต่ลักษณะของเขาฉันชอบมากเลยล่ะค่ะ
ส่วนแจสมินอินเดีย ตอนแรกหนักใจมากเพราะไม่รู้จะเอาดอกอะไรให้เอนมะดี เพราะเท่าที่ดูมามันไม่มีอะไรที่น่าจะแทงใจดำเอนมะได้เลย
แต่พอมาเจอดอกแจสมินอินเดีย ความรู้สึกที่เห็นมันบอกเลยว่า
ใช่เลย! ดอกไม้นี่แหล่ะ! เหมาะกับพระเอกตัวร้ายเรามาก! (เอ๋? ทำไมถึงต้องมีคำว่าร้ายด้วยน่ะเหรอคะ? ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ ฮ่าๆ)
เลยกลายเป็นดอกแจสมินประการเช่นนี้ล่ะค่ะ แฮ่ๆๆ
ไหนๆ ก็เอ่ยถึงดอกไม้แล้ว เดี๋ยวฉันจะให้ดูดอกไม้แล้วกันนะคะ
ดอกแรก
ดอกแจสมินอินเดียอ่ะ กว่าจะหาได้เล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น (ฮา)
ดอกที่สอง
Bluebird flower
ฉันตั้งใจจะเอาดอกนี้ไว้ตอนจบน่ะค่ะ ซึ่งความหมายว่าอะไร ไม่บอกค่ะ ฮิๆ
ดอกเบญจมาศ
ฉันตั้งใจว่าจะให้เคียวโกะให้ดอกเบญจมาศกับเอนมะคุงด้วยแหล่ะค่ะ เพราะความหมายแปลว่า รักแท้ แต่อย่างที่บอก เห็นดอกแจสมินอินเดียแล้วตัดสินใจไม่เอาทันทีค่ะ
ดอกเดซี่
แปลว่าไร้เดียงสา และบริสุทธิ์เหมือนคาร์เนชั่นสีเหลืองค่ะ แต่ไม่มีคำว่าน่ารัก (ฮา)
หมดแล้วค่ะ ที่จริงมีอีกเยอะนะคะที่ฉันชอบ แต่เอาไปแค่นี้ละกัน ฮิๆ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ความคิดเห็น