ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn 0095] Parallel non-day meet

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่6 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 53


     

               ได้เวลาแล้ว...
               
                เด็ก สาวร่างบางที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าสวนสนุกกำลังกุมหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองด้วย ใจที่เต้นแรง และตื่นเต้นจัดจนไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง ว่าจะมีเด็กหนุ่มเดินย่องๆ (?) เข้ามาทางด้านหลังเธอ
                "สวัสดี..." คนท่าทางลึกลับกล่าวทักทายหลังใบหู ก่อนจะพ่นลมออกไปเบาๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่แกล้งเธอ
                "เอนมะ คุง!!" เธอร้องเสียงหลงก่อนจะตีเอนมะด้วยความเขิน จากที่ตอนแรกตีเบาๆ กลายเป็นเริ่มตีหนักเรื่อยๆ จนเป็นรอยแดงๆ เขาจึงเริ่มยกมือยอมแพ้
               "ทีหลังมาก็ให้ซุ่มให้เสียงหน่อยสิจ้ะ แล้วก็อย่าแกล้งอีกนะ" เคียวโกะเอ็ดน้อยๆ เอนมะยิ้ม
               "ขอโทษนะ ก็เห็นเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยอยากแกล้งนิดหน่อย"

                 เป็น S สินะ...

               ร่างบางถอนหายใจและยิ้มออกมา ก่อนจะดึงแขนคนข้างๆ ให้เดินเข้าไปข้างในสวนสนุก แต่ก็ต้องเอะใจเมื่อเขาไม่ยอมเดินตาม เธอจึงหันไปมองหน้าเล็กน้อย
              "เอนมะคุง ไม่เข้าไปเหรอจ้ะ?" เด็กหนุ่มไม่ตอบ ได้แต่ก้มหน้านิ่ง
              "เอนมะคุง... โกรธที่ฉันตีเธอเมื่อกี้เหรอจ้ะ?" เธอว่าพร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่กับดวงตาคู่สวย ก่อนจะก้มมองพื้น "ขอโทษนะจ้ะ... ที่ทำให้รู้สึกไม่ดี"

               ไม่ทันไรก็ทะเลาะกับเขาซะแล้ว...
               เดทแรกของเรา คงไปได้ไม่ดีแน่...
               เรานี้มันแย่จริงๆ


                 "ฉันไม่ได้โกรธเธอหรอกนะ" เด็กสาวเงยหน้าขึ้น ซึ่งพอเงยหน้าขึ้นมาปุ๊บ ก็เจอกับใบหน้าที่แดงเป็นมะเขือเทศของคนตรงหน้า
                 "ฉันแค่คิดว่า... วันนี้เธอน่ารักดี.... น่ะ" เอนมะตอบน้ำเสียงอึกอัก ใบหน้าหวานเริ่มขึ้นสีทันทีหลังจากที่ได้ยินที่เขาพูด
                 วันนี้เคียวโกะใส่ชุดไปรเวทเป็นเสื้อคอวีสีขาวแขนตุ๊กตา กระโปรงสีครีมอมชมพูยาวเหนือเข่ามาเล็กน้อย รองเท้าเป็นรองเท้าบูทยาวสีน้ำตาล สวมเสื้อกั๊กครึ่งตัวสีชมพูตัวโปรด และติดกิ๊บเล็กๆ น่ารักแต่พองาม ซึ่งแค่นี้ก็เรียกเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะกลองดังของชายหลายๆ คนได้แล้ว...
                 "ขะ... ขอบคุณจ้ะ" ริมฝีปากที่ถูกตกแต่งด้วยลิปกลอสสีกุหลาบเอ่ยขึ้น "วันนี้เอนมะคุง... ก็เท่เหมือนกันนะจ้ะ"
                 เอนมะใส่ชุดแบบเดิมไม่ต่างจากธรรมดา จะมีที่แปลกหน่อยก็คือไม่ได้สวมชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนชิมอน แต่ก็ยังคงมีเสื้อฮู้ทด้านในและเสื้อนอกสีดำเหมือนเดิม กางเกงเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีสายโซ่โยงระยางไว้เป็นเครื่องประดับ พร้อมกับสวมหมวกใบเท่ๆ สีแดงดำ เคียวโกะมองเอนมะที่แตกต่างจากปกติด้วยใจที่เต้นแรง เท่จัง...
                เด็กหนุ่มยิ้มนิดๆ เป็นเชิงขอบคุณก่อนจะส่งมือไปให้ร่างบาง
                "จะไปกันหรือยังครับ คุณแฟนที่น่ารัก" เขาว่าด้วยเสียงทะเล้น เคียวโกะอึ้งนิดๆ กับคำพูดของเอนมะ ก่อนจะหัวเราะคิกคักและเอื้อมมือไปหาเด็กหนุ่มด้วยความเต็มใจ
                "ยินดีจ้ะ!" เธอและเขาเดินเข้าไปข้างในตัวสวนสนุก โดยที่เด็กสาวไม่รู้เลยว่า การที่เธอส่งมือบางของเธอไปให้เขานั้น
                จะกลายเป็นการเข้าสู่ความเจ็บปวดที่แสนสาหัส...

                  
                "แล้ว... จะไปที่ไหนกันก่อนดีล่ะจ้ะ" เคียวโกะเอียงคอถามคนข้างๆ เอนมะทำท่านึกสักพักก่อนจะตอบ
                "ไปบ้านผีสิงมั้ยล่ะ?" ร่างบางยิ้มก่อนจะพยักหน้าตอบรับ สองหนุ่มสาวจึงเดินไปที่จุดหมายแรกทันที
                 
                ณ บ้านผีสิงเขาวงกต กดคนไม่ให้ออก...
               บ้านผีสิงเขาวงกต กดคนไม่ให้ออก เป็นสถานที่ที่โด่งดังมากเรื่องความน่ากลัวในสวนสนุกแห่งนี้ ซึ่งข้างในตัวบ้านจะเป็นเขาวงกตที่แสนจะซับซ้อน ซึ่งเป็นที่ลือชื่อกันมากว่าใครที่เข้าไปแล้วนั้นจะไม่สามารถออกมาได้อีก ต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ส่วนที่ออกมาได้นั้นแทบจะมีน้อยมาก บางคนเข้าไปถึงกับเป็นลมในความน่ากลัวของเหล่าผีทั้งหลาย ทางสวนสนุกจึงเขียนในแผ่นประกาศไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่า

                 ใครไม่แน่จริง... อย่าริอาจเข้าไปในดินแดนลึกลับแห่งนี้!

                แต่มันกลับกลายเป็นเรื่องน่าสนุกของคนบางคนซะได้...
     
                "น่าสนุกจังเลยนะจ้ะ บ้านผีสิงเขาวงกต กดคนไม่ให้ออกเนี้ย" เด็กหนุ่มหันขวับไปมองหน้าแฟนสาวด้วยความตกตะลึง ไอ้ที่เขาว่ากันว่าน่ากลัวที่สุดในสวนสนุก คุณเธอก็ยังเห็นเป็นเรื่องสนุกอีกเรอะ!

                เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของเด็กสาวที่มีนามว่า ซาซางาวะ เคียวโกะ...


                 "เอนมะคุง ฉันว่าเรารีบเข้าไปกันเถอะจ้ะ ฉันอยากรู้ว่าข้างในจะน่ากลัวมากแค่ไหน" เอนมะตั้งใจจะปฏิเสธไปเพราะกลัวว่าเธอหรือไม่ก็เขาอาจจะกลัวจนเป็นลมขึ้นมา แต่เมื่อเห็นประกายวิบวับในดวงตาของร่างบาง เขาจึงได้แต่พยักหน้ารับอย่างจำใจ...
                 เคียวโกะยิ้มกว้างก่อนจะขอตัวไปซื้อตั๋วบ้านผีสิงมาให้ เอนมะได้แต่มองตามหลังของคนวิ่งไปอย่างระอาในท่าทางเด็กๆของเธอ
                 แต่ก็... น่ารักดีแฮะ

                "พวกเจ้าแน่ใจแล้วนะ ว่าจะเข้าไปในดินแดนแห่งนี้..." คนสวมชุดคลุมสีดำเอ่ยถามตรงก่อนทางเข้าบ้านผีสิง ก่อนจะสั่นกระดิ่งเบาๆ
                "ค่ะ!" เคียวโกะตอบด้วยน้ำเสียงมาดมั่น ในขณะที่เอนมะยืนดูโครงกระดูกที่ยืนขนาบข้างร่างที่ใส่ชุดคลุมสีดำ ก่อนจะโยกตัวเต้นตามจังหวะเพลง

                โครงสร้างมันเป็นมายังไงฟะ ถึงขยับได้ด้วยเนี้ย!

               "หึๆ ตอบได้ดีนี่ งั้นข้าจะให้พวกเจ้าเข้าไป แต่มีข้อแม้..." เคียวโกะที่เกือบจะร้องเฮลั่น ก็ต้องสะดุดกึกกับคำพูดประโยคสุดท้าย

               ขะ... ข้อแม้อะไรเหรอจ้ะเธอถามด้วยน้ำเสียงกังวล

               หึๆ พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้อแม้ของข้ามันจิ๊บจ๊อยมากชุดคลุมสีดำบอกพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา เอนมะมองหน้าคนชุดดำด้วยสีหน้าวิตกจริต คงไม่ทำอะไรแผลงๆ หรอกนะ

               แล้วสรุปข้อแม้คืออะไรจ้ะ?”

               “ข้อแม้ก็คือ... พวกเจ้าจะต้องจับมือกันไปตลอดทาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามปล่อยมือ มิเช่นนั้น...

                “เจ้าพวกนี้จะไปหลอกหลอนพวกเจ้า!!” โครง กระดูกที่ตอนแรกใส่ก้นดุ๊กดิ๊กไปมา ตอนนี้หันมาแฮ่ใส่เอนมะและเคียวโกะ แต่ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆ จากทั้งคู่ นอกเสียจากดวงตาที่เป็นประกายวิบวับเสียยิ่งกว่าตอนที่ขอร้องกับเอนมะเสีย อีก...

                โอ้โห! โครงกระดูกขยับได้  สุดยอดเลย~!! กระดูกนี้สร้างยังไงเหรอจ้ะถึงขยับได้เคียวโกะหันไปถามคนสวมชุดคลุมดำด้วยท่าทางตื่นเต้นสุดๆ คนถูกถามได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ เมื่อถูกตั้งคำถามแบบนี้เป็นครั้งแรก ก็แต่ละคนที่มามัวแต่กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรก่อนจะเข้าไป แต่ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้สบายอารมณ์ขนาดนี้เนี้ย!

                 เอนมะส่ายหน้า ก่อนจะมองเคียวโกะที่ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ และยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอันอ่อนโยน

                

                 ภายในของบ้านผีสิงเขาวงกต กดคนไม่ให้ออก
                 "แฮ่!!"
                 "ปล่อยฉันออกไปที~!!"
                 "แค้น... ฉันจะฆ่าแก!!"
                 "ไปตายซะ! นังผู้หญิงชั่วร้าย!!"
                  เสียงโหยหวนของเหล่าผีสางหลายตนถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความเจ็บปวด และเคียดแค้น ทำให้ผู้ที่เข้ามาเล่นถึงต้องกับอุดหูเอาไว้ เพราะไม่อยากได้ยินกรีดร้องอันแสบแก้วหู บ้างก็หลับหูหลับตาวิ่งชนนู่นชนนี่ไปมาราวกับคนบ้า แต่ทว่าผู้เข้ามาใหม่สองคนกลับไม่เป็นอย่างที่กล่าวมา
                  "คิกๆ ดูนี่สิเอนมะคุง ตลกจังเลยเนอะ" เคียวโกะชี้ไปที่หน้ากากผีที่เน่าเฟะตรงตามผนังเพื่อติดไว้ให้คนกลัว แต่แม่คุณกลับคิดว่ามันน่าตลก...
                  สงสัยสมองจะกลับด้านแฮะ...
                  "อืม"
                  "ว้าว! ดูนู่นสิเอนมะคุง มีโครงกระดูกกำลังถูกขังอยู่ในลูกกรงแหล่ะ" เอนมะมองไปตามทางที่ร่างบางชี้ แต่ยังไม่ทันที่จะมองดูให้ละเอียด ร่างบางก็ (ลาก) พาไปดูผีตนใหม่
                  "ดูสิๆ มีผีกระสือด้วยล่ะ" เธอพูดด้วยสีหน้ากระริกกระรี้ ก่อนจะเหลือบมองไปเห็นของดูเล่น (?) อันใหม่ ไม่รอช้าเคียวโกะรีบดึงเอนมะไปดูด้วยกันทันที
                  "โอ้โห สุดยอดเลย จูออนจังน่ารักจังเลย~" เอนมะมองหุ่นตุ๊กตาจูออนที่กองอยู่กับพื้น ก่อนจะคิดไปว่า มันน่ารักตรงไหนนะ...
                  "เหตรงนั้นมีอะไรอีกนะ... ว้าย!" เนื่องจากพื้นมันต่างระดับ และตรงบริเวณนั้นมืดมาก ทำให้เธอสะดุดล้มแต่ก็ได้เอนมะช่วยรับไว้ทัน
                  "... ไม่เป็นไรนะ"
                  "จะ... จ้ะ ขอบคุณนะ" เธอกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม ก่อนจะผละตัวออกจากเอนมะเล็กน้อย แต่คนประคองร่างบางกลับไม่ยอมปล่อย
                  "เอ่อ..." นัยน์ตาสีแดงมองเข้าไปในนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนอย่างไม่ละสายตา จนคนที่อยู่ในอ้อมกอดได้แต่เขินหน้าแดง ก่อนจะทักท้วงอีกรอบ
                  "อะ... เอนมะคุง ปล่อยฉันเถอะจ้ะ" เอนมะยอมปล่อยเคียวโกะแต่โดยดี และค่อยๆ พยุงเคียวโกะให้ลุกตาม
                  ทั้งคู่เดินไปตามทางเขาวงกตที่มีสิ่งหลอกหลอนเต็มอยู่มากมายตรงกำแพงทางเดิน แต่คนที่ส่งเสียงตื่นเต้นมาตลอดทางกลับเงียบลง ทำให้ระหว่างทางที่เดินเงียบมาก เอนมะเหลือบมองเด็กสาวข้างตัวเล็กน้อย ก่อนจะเอามืออีกข้างหยิกแก้มเคียวโกะ คนถูกหยิกแก้มหันมามองเอนมะด้วยความตกใจ
                  "มะ... มีอะไรเหรอจ้ะเอนมะคุง"
                  "... ก็เห็นเธอไม่พูดอะไร เลยนึกว่าเธอเดินหลับเหมือนโรโบคอปซะอีก" เคียวโกะมองเอนมะที่กำลังมองเธอมา ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
                  "คิกๆ แล้วโรโบคอปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะจ้ะ"
                  "เอ่อก็... เกี่ยว... นิดนึง... มั้ง" เคียวโกะยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะกระชับมือของทั้งสองคนให้แน่นยิ่งขึ้น
     
                  เป็นห่วงสินะจ้ะ...

                 "ฉันไม่เป็นอะไรหรอกจ้ะ เอนมะคุงไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ" เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก และพาเคียวโกะเดินต่อไปข้างหน้า จนเมื่อมาถึงประตูสามบาน ซึ่งแต่ละบานลักษณะภายนอกเหมือนกันเป๊ะ แต่ข้อความตัวอักษรที่แปะไว้อยู่ตรงบานประตูกลับไม่เหมือนกัน โดยที่บานแรกได้เขียนไว้ว่า
                  'ปากทางเข้าสู่หายนะ'
                  เอนมะรีบเบนสายตาไปมองประตูบานอื่นทันทีที่เห็นชื่อ แค่เห็นชื่อ... ก็รู้แล้วเฟ้ยว่าไม่ดี! แต่เมื่อเจอะกับชื่ออีกสองบานประตู เขาถึงกับเอามือกุมขมับ

                  ใครเป็นคนคิดชื่อ แต่ละอันถึงได้น่าเข้าเช่นนี้!

                 ซึ่งบานที่สอง ได้เขียนเอาไว้ว่า
                  'ปากทางเข้าสู่มรณภาพ'
                 และบานสุดท้าย...
                  'ปากทางเข้าสู่มิตรสหายเหล่าผีสางอันเน่าเฟะ และคุณก็... เละ'

                  เอนมะมองดูชื่อที่ปรากฏแก่สายตาเขาอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะตัดสินใจยากเหลือเกินว่าจะเลือกบานไหน เพราะแต่ละบาน ชื่อดีๆ กันทั้งนั้น!
                  ประชดน่ะ...
                  "เอนมะคุงๆ" เขาหันไปตามเสียงหวานที่เรียก ก่อนจะผงะเมื่อเห็นสายตาวิ้งๆ วับๆ ของเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาอ่อน ที่กำลังมองไปทางประตูบานที่สามราวกับอยากจะเข้าเสียเต็มแก่
                  "... แน่ใจเหรอ ว่าจะเข้าประตูนี้" เขาถามด้วยเสียงปลงๆ เพราะรู้ว่ายังไงเธอก็ต้องตอบกลับมาว่า...
                  "จ้ะ! แน่ใจสุดๆ"
                  ซึ่งก็ไม่ผิดอย่างที่เขานึกไว้...
                  "อืม... งั้นก็เข้าไปกันเถอะ" เอนมะว่าก่อนจะกระชับมือเคียวโกะให้แน่นขึ้น และยกมือขึ้นเพื่อที่จะเปิดประตู

                  แอ๊ด....
                  เสียงเปิดประตูเก่าๆ บานใหญ่ดังขึ้น ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปในห้อง ซึ่งทันทีที่ก้าวขาเข้าไปนั้น...
                  ร่างทั้งสองก็ได้ตกลงสู่หลุมดำอันมืดมิด!
                  "กรี๊ด!!!"
                  "ว้าก!!"

    ______________________
    เป็นไงบ้างคะ สำหรับตอนนี้ รู้สึกว่ายิ่งแต่งมากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่า... สำนวนมันจะเริ่มถดถอยลงไปเรื่อยๆ
    จากที่มันไม่ดี มันก็จะไม่ดีสุดๆ!! โอย ตายๆ ทำไมยิ่งเขียนยิ่งห่วงลงนะ
    ?
    ตอนนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไร ซึ่งเป็นเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รอเก็บไว้ชมตอนหน้าแล้วกันนะคะ
    เอ่อ อยากจะบอกไว้เลยว่า ตอนเดทนี่จะมีสักประมาณสองหรือสามตอน หรือไม่ก็มากกว่านั้นค่ะ
    เพราะแต่งไม่เก่ง เลยจบช้า ขอโทษจริงๆ ค่ะ (ร้องไห้)
    ติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะคะ (ยิ้มหวาน)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×