ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn 0095] Parallel non-day meet

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 [เพิ่มเติมจากเมื่อวาน]

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 53


              เด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนเหม่อมองดูท้องฟ้าด้วยความเหม่อลอย ซึ่งเธอนั่งอย่างนี้ร่วม 10 นาทีได้แล้วหลังจากออดพักกลางวัน

              นี่เคียวโกะ เมื่อไรเธอจะลุกออกจากที่ซะทียะคุโรราวะ ฮานะ เพื่อนสนิทของเด็กสาวเอ่ยขึ้นมาอย่างหงุดหงิด แต่คำตอบที่ได้รับจากเพื่อนสาวก็คือ

              ...

               ความเงียบเท่านั้น

               คิ้วเรียวๆ ของผู้ที่ยืนเท้าสะเอวอยู่กระตุกขึ้นเล็กน้อย เธอบอกกับตัวเองให้ใจเย็นๆ ก่อนจะหันไปเรียกเพื่อนสาวอีกที

               เคียวโกะ ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้วนะเธอลองปรับเสียงให้นุ่มลง เผื่อว่าคนที่เหม่อลอยจะหันมาคุยกับเธอบ้าง แต่คำตอบที่ได้รับก็คือ

                ...

                ความเงียบเหมือนเดิม

                ผึง!

                เหมือนมีเส้นอะไรขาดที่สมองของสาวผมยาวดำ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะ...

                ซาซางาวะ เคียวโกะ เธอได้ยินที่ฉันพูดมั้ยยะ!!”  

                ตะโกนออกมาชนิดที่ว่า โรงเรียนแทบพังเลยทีเดียว แต่มันก็ได้ผล เพราะร่างเล็กที่นั่งอยู่สะดุ้งด้วยความตกใจ

                อะ.. อะไรกันฮานะ ฉันอยู่ใกล้แค่นี้เอง ไม่เห็นต้องตะโกนซะดังลั่นขนาดนั้นเลยนี่เสียงหวานๆ ที่ดังออกมาจากปากสีชมพูเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจปนแสบแก้วหู

                 ก็จะให้ฉันทำยังไงล่ะ ก็ในเมื่อเรียกเธอเป็นรอบที่ร้อยกว่า เธอก็ยังไม่ยอมหันนี่ร่างบางที่ยืนอยู่เปลี่ยนจากเท้าสะเอว มาเป็นกอดอกแล้วหันมองไปทางอื่น เพื่อให้คนที่นั่งอยู่รู้ว่า เธองอนแล้ว

                ขะ.. ขอโทษจ้ะ พอดีฉันเหม่อไปหน่อยเด็กสาวผมน้ำตาลได้แต่ก้มหัวขอโทษเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาเรียวปลายตามองเพื่อนสาวแล้วถอนหายใจ ก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้

                เฮ้อ ช่างเถอะ ไหนเธอลองเล่ามาซิ ว่าทำไมถึงเหม่อลอยขนาดนั้นเธอพูดด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง พร้อมกับมองหน้าคนที่อยู่ตรงหน้า

                 ปะ.. เปล่านี่นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเสมองไปทางอื่น ดวงตาเรียวเล็กหรี่ตาลงด้วยความสงสัยในท่าทีประหลาดๆ ของเพื่อนสาว

                 บ๊ะ ช่างเถอะ ไปกินข้าวกันได้แล้วเธอลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไปยังโรงอาหารเพราะรู้ดีว่ายังไงยัยเพื่อนตัวดีของเธอคงไม่บอกเหตุผลให้เธอฟังอยู่แล้ว

                 ร่างเล็กที่นั่งอยู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นตามเพื่อนไปอย่างรวดเร็ว พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วโมงโฮมรูม

                  และพอคิดถึงทีไร ก็ต้องนึกถึงนัยน์ตาสีแดง...

                  นัยน์ตาที่น่าหลงใหล...

                  พลันเมื่อคิดถึงใบหน้าของเจ้าของนัยน์ตาสีแดงทีไร หัวใจก็เต้นเร็วเกินจังหวะทุกที

                  มือบางยกขึ้นมาปิดหน้าที่แดงระเรื่อของเธอ พลางคิดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา

                  ความรู้สึกเช่นนี้ มันคืออะไรกันนะ?

     

                  

                   ดวงตาสีแดงจับจ้องไปที่ร่างบางที่กำลังวิ่งตามเพื่อนของเธอไปอย่างเงียบๆ จนเมื่อร่างบางลับสายตาไป เขาก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ไปไหน

                  สนใจเธอคนนั้นหรือ? ถึงได้มองนานซะขนาดนั้นน่ะเสียงลึกลับดังออกมาจากหลังกำแพง เผยให้เห็นหญิงสาวหุ่นดี ซึ่งเธอใส่ชุดโรงเรียนชิม่อนเดียวกับเขา เธอเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่ม

                  อาเดลไฮท์เอ็นมะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะหันหน้าไปทางเดิม ก็ไม่เห็นจะแปลกที่จะสนใจนี่ เพราะเธอเป็นคนที่วองโกเล่รุ่นที่10 หลงรัก และก็ยังเป็นเครืองมือชิ้นสำคัญในการล้างแค้นของเรา

                  นั่นสินะเด็กสาวพูด พร้อมกับหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินไปทางห้องกรรมการรักษาระเบียบ

                  ฉันมีธุระที่จะต้องไปจัดการ นายเองก็รีบลงมือซะล่ะ เพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงพิธีสืบทอดแล้ว” อสเดลไฮท์ว่าเสร็จก็หันหลังไปทันที เด็กหนุ่มได้แต่มองตามหลังไป และเดินไปคนละทางที่อาเฮลไดท์เดิน พลางนึกถึงใบหน้าของเด็กสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องมือในการล้างแค้นของเขา ก่อนจะกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างน่ากลัว...

                    ซาซางาวะ เคียวโกะ ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจ แต่ก็เป็นได้แค่เครื่องมือฉันล่ะนะ

     

                    โดยหารู้ไม่ ว่าเขาจะตกหลุมรักเครืองมือชิ้นนั้นเอง...

     

     

                     เฮ้อ~ น่าเบื่อจังเสียงหวานเอ่ยขึ้นมาอย่างเซ็งๆ ก่อนจะนั่งลงกับที่ประจำของเธอซึ่งติดกับโรงยิม เป็นที่เงียบๆ แห่งหนึ่ง

                     ทำไมฮานะต้องโดนเรียกตัวตอนนี้ด้วยนะมือบางเปิดฝากล่องข้าวออก และนึกถึงตอนที่เพื่อนสาวของตนโดนเรียกตัวไปช่วยงานที่ห้องสมุด

     

                    ขอโทษนะเคียวโกะ ไว้เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะตามไป ไม่ต้องตามมานะ

     

                    พอจะช่วยก็ไม่ให้ไปอีก อะไรของเขากันนะเธอว่าและคีบไส้กรอกปลาหมึกใส่ปาก ก่อนจะคิดได้ว่าเธออยู่คนเดียวท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ดวงตากลมโตกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดๆ

                    ระ รีบกินให้เสร็จดีกว่าร่างบางพยายามพูดกับตัวเองเพื่อไม่ให้มันเงียบเกินไป และในขณะที่รีบยัดข้าวไปนั้นก็ได้ยินเสียง

                    แซ่กๆๆๆๆ

                    ร่างเล็กสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองข้างหลังซึ่งเป็นที่มาของเสียงที่เกิดขึ้น แต่เมื่อหันไปก็พบแต่พุ่มไม้เตี้ยๆ แค่นั้น

                    เคียวโกะลุกขึ้นยืนพร้อมกับกอดกล่องข้าวไว้แน่น เธอกลืนน้ำลายและตัดสินใจส่งเสียงสั่นๆ ของเธอออกไปด้วยความหวาดกลั่ว

                    คะ.. ใครน่ะเธอถามเสียงปริศนา แต่คำตอบที่ได้รับคือความเงียบ ก่อนจะสะดุ้งอีกครั้งเมือพุ่มไม้ตรงนั้นเริ่มขยับอีกรอบ

                    เด็กสาวรวบรวมความกล้าและเดินไปตรงพุ่มไม้ เพื่อที่จะดูว่าเป็นใครกันที่มาทำให้เธอตกใจ หรือไม่ก็อาจจะเป็นอย่างอื่นที่ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่นก็ได้

                    เธอหลับตาพลางกำมือแน่น ก่อนจะชะโงกไปดูความระทึกใจ แต่สิ่งที่เห็นกลับมีร่างๆ หนึ่ง นอนราบกับพื้นหญ้าอยู่ เธอเอียงคอด้วยความสงสัยก่อนจะตัดสินใจเรียกชื่อคนที่นอนอยู่กับพื้น

                     เอ็นมะคุง?

                     คนถูกเรียกหันมาด้วยความสะลึมสะลือ พร้อมกับหาววอดอีกทีเป็นการใหญ่ ก่อนจะหันมาถามคนที่เรียกชื่อของเขา
                     “อะไรเหรอ” เอ็นมะเงยหน้าขึ้น ร่างเล็กที่ยืนอยู่ก็ได้แต่หน้าแดง
     
                     อะ... อะไรกัน ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ
     
                     “อ่ะ.. เอ่อ เอ็นมะคุง ทำไมถึง...”

                     “จ๊อก~”

                     ทันที่ที่เธอกำลังจะถาม เสียงท้องร้องก็ขัดขึ้นมาซะก่อน ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เสียงท้องร้องของเธอ หากแต่เป็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอต่างหาก

                     “คิกๆ” ร่างบางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในลักษณะท่าทางของคนตรงหน้า ร่างที่นั่งอยู่กับพื้นก็ได้แต่อายหน้าดำหน้าแดงในความเปิ่นของตัวเอง เคียวโกะมองหน้าเขาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นข้าวกล่องของตัวเองไปข้างหน้า

                     “เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ ทานของฉันก็ได้นะจ้ะ” เธอพูดพลางส่งยิ้มไปให้เขา ราวกับบอกว่า ‘ตามสบายจ้ะ’

                     “...ขอบคุณ” มือหนาหยิบข้าวกล่องของเธอมา แล้วรีบลงมือกินทันทีเนื่องจากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้า

                     เด็กสาวเริ่มนั่งลงกับพื้นหญ้าบ้าง แล้วนั่งมองเอ็นมะกินข้าวกล่องของเธออย่างเอร็ดอร่อย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มในความน่ารักของเขา ก่อนจะส่งน้ำให้กับคนทีกำลังไออย่างเอาเป็นเอาตาย เนื่องจากข้าวติดคอ

                     “นี่จ้ะน้ำ ค่อยๆ กินก็ได้จ้ะ ไม่ต้องรีบร้อน” เขารับน้ำที่เธอยื่นมาให้อย่างเต็มใจ แต่ช่วงที่หยิบน้ำนั้น
     
                     มือของทั้งสองได้บังเอิญแตะกัน..
                     สายตาได้ประสานกันอย่างไม่รู้เนื้อ ไม่รู้ตัว
     
                     ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือบางเผลอทำขวดน้ำตก เธอรีบจรลีหยิบขวดน้ำขึ้นมาแล้วส่งให้กับเขาโดยไม่มองหน้า  มือหนารับน้ำไปดื่มโดยไม่พูดอะไรอีก
                             
                     อะ... อะไรกัน ความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว
                     นี่ฉัน... เป็นอะไรกันนะ?
                
                      ร่างบางได้แต่นั่งคิดถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้สังเกตว่า ชายคนที่นั่งข้างๆ กับเธอนั้น
                      กำลังจ้องเธอแบบไม่วางตา...
                      ทั้งสองเงียบอีกเป็นพักใหญ่ ก่อนที่เอ็นมะจะส่งเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น

                      “ข้าวกล่องนี่ ฝีมือแม่เธอทำเหรอ” เขาว่า พลางชี้ไปที่ข้าวกล่อง เคียวโกะตอบทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ “ปะ เปล่าหรอกจ้ะ ฉันทำเองน่ะ ทำไมเหรอ?”
                      “จริงอ่ะ? คือมันอร่อยมากน่ะ เธอทำอาหารเก่งจังนะ” เอ็นมะตาตื่นเล็กน้อย เหมือนไม่เชื่อว่าเด็กสาวเป็นคนทำ ร่างบางได้แต่ยิ้มและเกาแก้มตัวเองอย่างเขินๆ
                      “ขะ ขอบคุณที่ชมจ้ะ”
     
                       ออด~
                       เสียงออดหมดพักกลางวันดังขึ้น เธอและเขาต่างมองหน้ากัน และเป็นฝ่ายเอ็นมะที่ลุกขึ้นยืนก่อนแล้วเดินไปทางห้องเรียน ร่างบางที่อยู่ข้างหลังได้แต่พะว้าพะวงหลัง ทะ... ทำไงดี เขาจะไปแล้ว ฉันจะพูดไรกับเขาดีนะ

                       “อ่ะ...เอ่อ!” เด็กสาวตัดสินใจพูดออกไป เขาหยุดชะงักแล้วหันมามองหน้าเคียวโกะแบบงงๆ เป็นเชิงถามว่ามีอะไร
                       “พะ.. พรุ่งนี้ เอ็นมะคุง จะมาที่นี่อีกมั้ยจ้ะ” เคียวโกะถาม หัวใจที่ปกติก็เต้นเร็วผิดปกติตั้งแต่อยู่กับเขา ก็พลอยแต้นแรงขึ้นไปอีก
     
                       ทำไมฉัน ต้องใจเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ...
                       แล้วทำไมฉัน... ถึงต้องหวังคำตอบจากเขาขนาดนี้
                                
                       และในขณะที่เธอกำลังกังวลความรู้สึกของเธออยู่ เขาก็พูดขัดขึ้นมาว่า
                       “มาสิ” เธออึ้งไปในคำตอบของเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นหลังจากที่ก้มหน้ามานาน แต่ก็พบว่าเขาเดินไปข้างหน้าแล้ว
                       “ฉันมาแน่” เขาหันมายิ้มให้กับเธอเล็กน้อยก่อนจะเลี้ยวขึ้นบันไดไป ร่างเล็กที่ตอนแรกยืนอึ้งอยู่ ก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขาคนนั้น และเมื่อนึกถึงคำพูดที่เขาพูดเมื่อกี้ทีไร

                       เธอก็ได้แต่ยิ้มแก้มปริกับตัวเองเท่านั้น...



    ____________________________________________________
    มาเพิ่มตอนนี้เล็กน้อย เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังลงตอนนี้ไม่จบนี่นา ฮ่าๆๆๆ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ
    ขอบคุณคุณกิ่งมากนะคะ ที่มาเม้นให้กำลังใจ พออ่านเม้นของคุณแล้วมีแรงฮึดแต่งต่อทันทีเลยค่ะ! ขอบคุณมากจริงๆ ขอบคุณคุณแมลงสาบ99 ด้วยนะคะ จะพยายามต่อไปค่ะ!
    ข้อชี้แจงไรนิดนึง คือเนื้อหาเรื่องนี้จะคล้ายๆ กับต้นฉบับอยู่เล็กน้อย แต่ไม่เหมือนเด๊ะหรอกค่ะ เพราะเนื้อหาเรามันแนวรัก จะไม่มันส์เหมือนต้นฉบับจริง แต่ก็อยากให้อ่านแล้วเม้นบ้าง เพราะอยากรู้ความผิดพลาดของตัวเอง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×