คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่10 [100%]
����������� อีก 3 วัน จะถึงวันพิธี
������������“เคียวโกะ ทางนี้!” ร่างบางหันไปหาคนที่ส่งเสียงเรียกเธอ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เจอกับคนที่เธอได้นัดไว้สักที
����������� “สวัสดีจ้ะฮานะ ขอโทษนะจ้ะที่ให้รอ”
� ��������� “ไม่เป็นไร แล้วนี่เธอนัดฉันออกมาทำไมเหรอ” ฮานะถามเพื่อนสาวที่อยู่ดีๆ เมื่อวานก็โทรมาหาเธอช่วงหัวค่ำ แต่ตอนนั้นเธอก็ไม่ว่างมากนักเลยไม่ได้ถามหลายระเอียด แต่ก็บอกไปว่าจะไปแน่นอน เคียวโกะอ้ำอึ้งอยู่สักพัก
���������� “ก็... ฉันอยาดจะให้ฮานะมาช่วยเลือกน่ะจ้ะ ว่าผู้ชายเขาชอบเสื้อผ้ากันแบบไหน”
���������� “แบบของเสื้อผ้าน่ะเหรอ? แล้วทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วยล่ะ?” เธอถามด้วยความสงสัย
�������� � “อ้า... เอ่อ คือ... คือฉันจะซื้อไปให้พี่ชายน่ะจ้ะ! เลยถามดู”
���������� “ปกติเธอก็ซื้อให้รุ่นพี่ซาซางาวะโดยไม่ถามฉันอยู่แล้วนี่ แล้วทำไมคราวนี้ถึงมาถามล่ะ”
����������� “อ่า... ฉัน... ฉันอยากลองเปลี่ยนแบบดูน่ะ เลยไม่รู้จะเอาแบบไหนดี” ฮานะมองเคียวโกะอย่างจับผิด สายตาเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ของเพื่อนสาว ก่อนจะหยิบมันออกมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของ...
���������� “ว้าย! ฮานะ! จะทำอะไรน่ะ” ร่างเล็กรีบแย่งโทรศัพท์ของเธอคืน แต่เพื่อนสาวของเธอกลับชูมันสูงๆ ไม่ให้เธอหยิบได้ นิ้วเรียวกดปุ่มรายการที่เธอต้องการหา แล้วก็เจอสิ่งที่เธอพบ
���������������������
����� ����� โคซาโตะ เอนมะ 08x-xxxxxxx
�
��������� � เบอร์โทรศัพท์พร้อมอีเมลแอดเดรสของเด็กใหม่ เธอกดปุ่มข้อความเข้าของเคียวโกะ ซึ่งมีข้อความที่เพื่อนของเธอได้ส่งแล้วเขาคนนั้นตอบกลับมาอยู่ �ริมฝีปากเหยียดยิ้มบางๆ เคียวโกะหน้าซีดเพราะถูกเพื่อนสาวของเธอจับไต๋ได้แล้ว
����������� “เอาล่ะ ไหนบอกฉันมาซิ ว่าเธอจะซื้อไปให้ใครกันแน่” คนผมยาวถามพร้อมกับยิ้มเหี้ยมไปให้คนตรงหน้าอย่างกดดัน
����������� น่ะ... น่ากลัว!
����������� “เอ่อ... คือ...”
����������� “ว่าไงจ๊ะ เคียวโกะจัง” เสียงหวานๆ ที่ออกมาจากปากบางๆ ของฮานะ ไม่เข้ากับบรรยากาศมาคุที่อยู่ด้านหลังของเธอเลยแม้แต่น้อย
����������� “ขะ... ขอโทษนะจ้ะ! คือฉันตั้งใจจะซื้อไปให้เอนมะคุง แต่ไม่รู้ว่าผู้ชายทั่วๆ ไปเขาชอบแบบไหนกัน เลยอยากให้ฮานะมาช่วยน่ะจ้ะ” เคียวโกะว่าพลางก้มหัวขอโทษอย่างสุดโต่ง รนให้คนถูกก้มหัวให้อย่างฮานะต้องรีบออกปาก
����������� “เอ้อ ช่างเถอะ ฉันไม่ถือสา ไม่ต้องก้มหัวแล้ว!” ฮานะรีบบอกเพราะดูท่าทางว่าร่างบางที่ก้มหัวให้เธออยู่จะเปลี่ยนท่ากลายเป็นกราบแทบเท้าเธอแทน
����������� “ขอบคุณจ้ะฮานะ!” เคียวโกะพูดขอบคุณอย่างดีใจจนน้ำตาเล็ด อะไรจะขนาดน้าน~
����������� “เฮ้อ! งั้นเราไปเลือกซื้อกันเถอะ” คนผมยาวว่า พลางก้าวเท้าเดินนำไป แต่เธอดันหยุดกะทันหันเสียอย่างนั้น
����������� “เอ่อ มีอะไรเหรอ”
��������� � “ก่อนที่เราจะเลือกซื้อของกัน เธอตอบคำถามฉันมาก่อนซิ ว่าเธอคบกับเจ้าเด็กใหม่ตอนไหน” ไม่พูดเปล่า มือก็เท้าเอวอย่างหาเรื่อง เตรียมที่จะเค้นหาคำตอบอีกรอบ เคียวโกะที่กำลังหนักใจก็แทบจะดีใจจนตัวลอยที่มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาเธอได้ทันเวลาพอดี
����������� “อ้า� เอ่อ ฉันรับโทรศัพท์ก่อนนะ” ร่างบางว่าพลางคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอ แล้วรีบรับอย่างไม่รอช้า ฮานะทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในใจ แต่ก็ขัดอะไรไม่ได้
������������“(ฮัลโหล นั่นใช่ซาซางาวะหรือเปล่าครับ)” เสียงปลายสายที่ไม่ค่อยคุ้นหูเธอเท่าไรนัก เคียวโกะขมวดคิ้วอย่างข้องใจ แต่ก็ตอบเสียงปริศนานั่นกลับไป
������������“อ่อใช่ค่ะ แล้วไม่ทราบว่านั่นใครคะ”
����������� “(เฮ้อ~ ดีจังที่โทรถูก ฉันยามาโมโตะเองนะ)” เขาแนะนำตัวเองอย่างร่าเริง แต่ทว่าคนฟังกลับมึนงงยิ่งกว่าเดิม
����������� “ยามาโมโตะคุง? มีธุระอะไรเหรอจ้ะ” ฮานะที่ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเรียกชื่อเพื่อนร่วมห้องหนึ่งในสองคนที่เธอสุดแสนจะเหม็นขี้หน้าก็รีบเอาหูมาแนบกับมือถือของเคียวโกะทันที หมอนี่โทรมาทำไมกันนะ หรือว่าจะคิดอะไรกับยัยนี่ ที่สำคัญกว่านั้น... หมอนี่มีเบอร์ของเคียวโกะได้ยังไงกัน? เธอคิดโดยที่ไม่สนใจสายตาระอาที่เคียวโกะส่งมาให้เลยแม้แต่น้อย ร่างบางถอนหายใจอย่างปลงๆ
����������� “(คืองี้นะ เพื่อนในชมรมฉันน่ะ เขาเป็นคนขี้อาย แต่คนไม่พอที่จะสวมชุดผักน่ะ เลยอยากให้เธอมาช่วยหน่อย)”
����������� “เอ๋??” เธอส่งเสียงร้องออกมาด้วยความงงสุดขีด พร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงเครื่องหมายคำถามอยู่เต็มหน้า เมื่อกี้ยามาโมโตะคุงพูดว่าอะไรนะ? เพื่อนในชมรมของยามาโมโตะคุงเป็นคนขี้อาย แล้วเกี่ยวอะไรกับคนไม่พอล่ะ? หรือว่าเขาจะชวนเราไปเล่นเบสบอล? ไม่ๆ เราเล่นเป็นซะที่ไหนล่ะ แต่เมื่อกี้เขาบอกเราว่า ‘ชุดผัก’ อะไรสักอย่างนี่นา...
�������� �� โอ๊ย! ปวดหัว! นี่เขาพูดอะไรของเขาเนี้ย~! ฟังแล้วไม่รู้เรื่องเลย
����������� “(ฮัลโหลๆ ยังอยู่หรือเปล่าน่ะซาซางาวะ ทำไมเงียบไปล่ะ หรือว่าเธอฟังที่ฉันพูดไม่รู้เรื่อง? งั้นเดี๋ยวฉันพูดให้ฟังใหม่นะ ก็คือว่า...)”
����������� “(มานี่ ฉันคุยเอง)” ในระหว่างที่เธอกำลังสับสนก็มีเสียงเล็กๆ พูดแทรกขึ้นมาเหมือนจะขอคุยกับเคียวโกะเอง “ดีจ้า เคียวโกะ”
����������� “เสียงนั่น... รีบอร์นคุงเหรอจ้ะ?” เคียวโกะเรียกชื่อของปลายสายที่กำลังคุยกับเธอออกมาอย่างชัดเจน เสียงเล็กๆ เหมือนเด็ก แต่ก็ออกมาดเข้มนิดนึง แถมยังพูดคำว่า ‘ดีจ้า’ อีก เป็นใครไม่ได้นอกจากรีบอร์นคุง!
����������� “อือ ใช่แล้วล่ะ คือเพื่อนในชมรมของยามาโมโตะเขาไม่ค่อยกล้าที่จะเล่นน่ะ เพราะอายมากเวลาเล่นต่อหน้าคนเยอะๆ แล้วถ้าเกิดอยากจะให้หายเขินก็ต้องจินตนาการถึงผักใช่มั้ยล่ะ? แต่มันดูไม่สมจริงมากพอ ฉันเลยขอร้องให้ฮารุเอาชุดคอสตูมผักมา แล้วมันต้องใช้คนเยอะๆ แต่คนมันไม่พอน่ะ เลยอยากจะให้เธอมาช่วยหน่อยน่ะ”� เสียงพล่ามยาวยืดที่เล่าเอาคนฟังเหนื่อยแทนคนพูดจริงๆ นี่ถ้าเกิดไม่ใช่เด็กน้อยที่เป็นถึงนักฆ่าอันดับหนึ่ง คงชักไปเป็นที่เรียบร้อยเนื่องจากหายใจไม่ทัน
�������� � � “ใส่ชุดคอสตูมผักเนี้ยนะ ติ๊งต๊องชะมัด เธอไม่ต้องไป...” ฮานะที่เอาหูแนบกับโทรศัพท์ จึงได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เธอบอกกับเพื่อนสาวว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องเด็กๆ อย่าไปสนใจ แต่พอเห็นประกายวิ้งๆ ในดวงตาของเคียวโกะ เธอก็พูดอะไรไม่ออก...
������������ นิสัยที่ชอบเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกนี่ เมื่อไรจะแก้ให้หายสักทียะ!
�������� �� “โอเคจ้ะ! แล้วไว้เดี๋ยวฉันจะรีบไปนะจ้ะ!” สิ้นสุดประโยคนี้เล่นเอาฮานะกุมขมับเลยทีเดียว เฮ้อ กะแล้วไว้ไม่มีผิดเล้ย~
����������� “เอ่อ ฮานะ คือว่า...”
����������� “ฉันรู้แล้วย่ะ จะไปไหนก็ไป” เธอว่าพลางโบกมือไล่เพื่อนสาวตัวดีของเธอ เคียวโกะหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะบอกลาฮานะ แล้วรีบวิ่งไปทันที ฮานะมองร่างของเคียวโกะที่กำลังวิ่งไปอย่างเหนื่อยหน่าย
����������� “หวังว่าสักวันเธอจะบอกฉันนะ”
�
����������� เคียวโกะวิ่งไปได้สักพัก สายตาก็บังเอิญไปเจอกับเสื้อผ้าตัวนึงเข้าที่โชว์ไว้หน้าร้านๆ หนึ่ง� เธอหยุดวิ่งแล้วเดินเข้าไปดูเสื้อตัวนั้นใกล้ๆ ในร้าน เสื้อตัวนี้ไม่ได้หรูหราหรือดูน่าสะดุดตาอะไรเลย แต่เธอกลับสนใจมัน เด็กสาวลองจับเนื้อผ้าดู แล้วลองเอามาทาบตัว อืม... ตัวใหญ่กว่าเรานิดนึง เขาน่าจะใส่ได้นะ เธอคิด ก่อนจะสำรวจอีกรอบ ซึ่งทุกอย่างดูโอเคในสายตาเธอ แต่ไม่รู้ว่าคนที่เธอจะให้เขาจะชอบหรือเปล่าเนี้ยสิ เด็กสาวคิดอย่างชั่งใจ
����������� “ว้าย! สายป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย ต้องรีบแล้ว” เคียวโกะมองดูนาฬิกา แล้วรีบเอาเสื้อกลับไปไว้ที่เดิม และเดินออกไปจากร้านโดยไม่ลืมที่จะเหลียวมองดูเสื้อตัวนั้น...
��������
����������� “ฮาฮิ! นั่นเคียวโกะจังนี่ เคียวโกะจังคะ! ยาฮู่ว~!” เสียงหวานๆ ส่งเสียงเรียกจากด้านหลังของเคียวโกะ เธอหันไปก็พบกับคนที่เธอคุ้นหน้าคุ้นตาดี
��������� � “สวัสดีจ้ะฮารุจัง แล้วอะไรอยู่ข้างหลังของฮารุจังเหรอจ้ะ” เคียวโกะมองฮารุที่กำลังลากกระเป๋าใบโตๆ อย่างทุลักทุเลจนเธอต้องไปช่วยลาก
����������� “พวกชุดคอสตูมผักน่ะค่ะ! ฮารุขนมาเพียบเลย! แต่ดูท่าทางว่าจะเยอะเกินไปหน่อย แหะๆ เลยยังไม่ถึงโรงเรียนนามิโมริสักทีอ่ะ” ฮารุว่าพลางออกแรงดึง
����������� “เอ๋? อย่ามาบอกนะว่าฮารุจังขนมาตั้งแต่ยี่สิบนาทีที่แล้วน่ะ?”
����������� “ฮาฮิ ใช่แล้วล่ะค่ะ”
������������ เคียวโกะที่ได้ยินฮารุพูดอย่างนั้นก็ปวดแขนแทนเธอทันที นี่เดินมาตั้งนานแต่ยังไม่ถึงที่นัดพบอีก ทั้งที่มันห่างกันไม่ถึง 100 เมตรเลยด้วยซ้ำ
����������� “อ้าวนั่น ซาซางาวะกับมิอุระไม่ใช่เหรอ”
����������� “ยามาโมโตะคุง” เคียวโกะเรียกชื่อผู้มาใหม่อย่างตกใจ ส่วนฮารุก็ก้มหัวสวัสดียามาโมโตะ
����������� “สวัสดีค่ะคุณยามาโมโตะ กำลังจะไปไหนเหรอคะ”
����������� “อ้อ เปล่าหรอก ฉันแค่สงสัยว่าทำไมเธอมาช้าจัง เลยออกมาเดินหาดู อันที่จริง ถ้าเกิดมันหนักซะขนาดนั้นก็โทรเรียกฉันมาก็ได้นี่” ยามาโมโตะว่า สายตาก็เหลือบมองด้านหลังของทั้งสองสาวอย่างเข้าใจดีว่าทำไมพวกเธอถึงมาช้ากัน
��������� � “ฮาฮิ! จริงสิ ฮารุลืมไปเลย” ฮารุเอามือบ้องปากอย่างลืมตัว ก่อนจะขอโทษยามาโมโตะที่ทำให้เสียเวลา รวมไปถึงเคียวโกะด้วย
��������� � “ฮ่าๆ ไม่ต้องขอโทษหรอก งั้นเดี๋ยวฉันลากไปแทนนะ” คนตัวสูงไม่ว่าเปล่า มือก็จับสายประเป๋าใส่ชุดคอสตูม ก่อนจะออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว!
��������� � “ฮาฮิ! สุดยอดเลยค่ะคุณยามาโมโตะ!” เด็กสาวผมดำส่งสายตานับถือไปให้ยามาโมโตะ ส่วนเคียวโกะก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ตามน้ำไป แล้วก็เดินไปกับฮารุตามยามาโมโตะไป...
����������� “มากันแล้วเหรอ” รีบอร์นออกมารับอยู่หน้าประตูทางเข้า ก่อนจะเดินนำทั้งสามคนไปหาพวกสึนะ
��������� � “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันมิอุระ ฮารุ จากโรงเรียนมัธยมมิโดริค่ะ!” เด็กสาวว่าพลางก้มหัวทักทายทุกคนอีกครั้ง แล้วเดินไปใกล้ๆ สึนะก่อนจะเอามือคล้องแขนสึนะด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อ “ขอบคุณที่คอยดูแล สึนะโยชิคุงของเราด้วยนะคะ”
����������� “เย้ย! หมายความว่าไงของเราน่ะ!” สึนะรีบสะบัดมืออกแล้วออกตัวมาให้ห่างจากฮารุ แต่คุณเธอก็ยิ่งเดินเข้าไปชิดใกล้สึนะยิ่งขึ้นอีก
����������� เอาเข้าไป...
����������� “แล้วก็เอาหน้ามาใกล้เกินไปแล้ว! อีกอย่างทำไมเธอต้องหน้าแดงด้วยเนี้ย!”
����������� “ฮาฮิ เพราะฉันกำลังประจบคุณสึนะอยู่ไงคะ” เธอว่าพลางซบบนไหล่ของสึนะอย่างอ้อนๆ แต่เจ้าทูน่าของเรากลับเอามือผลักหัวเจ้าหล่อนออกไป เอนมะมองฮารุกับสึนะด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิม หรือว่านี่คือแฟนของวองโกเล่รุ่นที่สิบ ไม่สิ สึนะคุงดูท่าทางไม่ค่อยชอบเด็กคนนี้เท่าไรนี่ แต่ทำไมเหมือนจะสนิทสนมมากกว่ากับเคียวโกะล่ะ
����������� หรือว่าเราจะใช้เล่นงานผิดคน...
����������� “อย่าลืมกันสิเจ้าพวกบ้า เริ่มได้แล้วฉันให้ฮารุเตรียมมาเรียบร้อยแล้ว” อัลโกบาเลโน่รีอบร์นว่า พลางชี้ไปที่ชุดพวกนั้น สึนะกับยามาโมโตะเดินดุ่มๆ ไปดูชุดพวกนั้น เด็กหนุ่มหัวฟูหยิบชุดแต่ละชุดออกมา ซึ่งมันเป็นรูปผักหมดเลย รีบอร์นอธิบายสาเหตุที่ให้ฮารุเอาชุดพวกนี้มา เล่นเอาสึนะหน้าซีด
����������� ฉันไม่อยากใส่ชุดน่าอายพวกนี้เว้ย~!!
����������� “เราต้องการคนมากกว่านี้ ฉันเลยเรียกพวกนี้มา” เจ้าหนูนักฆ่าว่าเสร็จ พวกเบียงกี้ก็เดินออกมาอย่างทันควัน สึนะไล่สายตาไปหาทุกคนก่อนจะสะดุดอยุ่กับเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงกลาง แล้วทำหน้าเหวอใส่
����������� “เคียวโกะจังก็ด้วยเหรอ!?” เด็กหนุ่มผมแดงมองคนที่สึนะเรียก แล้วหันมามองหน้าเด็กหนุ่มหัวฟูอีกที ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นอย่างครุ่นคิดอีก
����������� ไม่หรอก เราเลือกใช้คนถูกแล้ว เพราะหมอนี่หน้าแดงตอนที่เห็นซาซางวะ เคียวโกะ...
����������� ดีจริงๆ...
����������� “เอ้า สึนะกับเอนมะก็มาเลือกด้วยกันสิ” แมงป่องพิษบอกทั้งสองคนที่กำลังยืนเอ๋ออยู่ให้รีบๆ มาเลือก เอนมะเลือกมาชุดนึงแต่ก็โดนอะไรไม่รู้ที่อยู่ในชุดบาดเอา เด็กหนุ่มร้องเสียงเจ็บปวดแต่หน้าดูเหมือนจะไม่เจ็บเลยสักนิด
����������� หน้าตายเป็นบ้า...
����������� “สู้เขา นายต้องทำได้!” ทุกคนที่แปลงโฉมใส่ชุดผักกันเรียบนร้อยแล้วก็ส่งเสียงเชียร์มิซูโนะ คนตัวใหญ่ที่จินตนาการว่าเห็นคนรอบๆ ตัวเป็นผักกันหมดแล้ว เขาจึงตั้งท่าเตรียม ก่อนจะขว้างมันออกไปด้วยความเร็วและแรง!
����������� “อั่ก!” ยามาโมโตะรับบอลที่แรงสุดขีดนั่น ก่อนจะหงายหลังล้มลงไป เด็กหนุ่มมองดูบอลในมือที่ตัวเองรับมาเมื่อกี้ แต่พอแบมือออกมา บอลกลับไม่อยู่แล้ว?
����������� มิซูโนะ ทำอะไรกันนะ...
�
��������� � “งั้นฉันกลับก่อนนะ บ๊ายบาย” ยามาโมโตะกล่าวลาทุกคนด้วยรอยยิ้ม “อือ กลับบ้านดีๆ นะ”
����������� “งั้นฮารุกลับบ้างดีกว่า คุณสึนะไปส่งฉันหน่อนสิคะ” ฮารุบอกกับสึนะพลางส่งสายตาวิ้งๆ ไปให้ เด็กหนุ่มหัวฟูได้แต่ยิ้มแหยๆ
����������� “นี่เธอ อย่าไปกวนใจรุ่นที่10 เขาสิ!” โกคุเทระที่เพิ่งกลับมาหลังจากไปตามหาชิทพีก็ตวาดใส่ร่างบางผมม้า และดึงขอเสื้อฮารุให้ตัวเธอออกห่างสึนะ ฮารุหันไปถลึงตาใส่อย่างโกรธ
����������� “ฮาฮิ แล้วคุณโกคุเทระยุ่งอะไรด้วยล่ะคะ สามีภรรยาเขาจะคุยกัน อย่ามาขัดจังหวะสิคะ”
����������� “เพราะว่าฉันเป็นมือขวาของรุ่นที่10 ไงเล่า! แล้วเธอน่ะไปเป็นภรรยาของรุ่นที่10 ตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ เดี๋ยวปั๊ดบึ้มใส่”
����������� “ฮาฮิ! แดนเจอรัสสุดๆ ค่า” เด็กหนุ่มผมเทาไม่ปล่อยโอกาสให้คนปากมากได้โวยวายต่อ เขารีบลากฮารุออกมาโดยที่ไม่สนคนลากเลยแม้แต่น้อย
����������� “ผมจะไปส่งยัยนี่เองครับ รุ่นที่10 เชิญกลับบ้านไปได้เลยครับผม” โกคุเทระหันมาบอกลาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะโดนฮารุตบหลังเอา แล้วทั้งสองคนก็ทะเลาะกันไปมาตลอดทาง สึนะมองสองคนนั้นด้วยสายตาเป็นห่วงว่าจะรอดไปถึงที่บ้านหรือเปล่า
����������� “อ้าว แล้วเคียวโกะจังล่ะ” สึนะที่มองดูสองคนนั้นจนสุดสายตา พอหันมาอีกก็ไม่เห็นเด็กสาวคนที่ตัวเองหลงรักอยู่
����������� “เคียวโกะกลับไปแล้วน่ะ เพิ่งมาบอกตะกี้” เบียงกี้ตอบแทน สึนะหน้าหงอลงขึ้นทันใด
����������� “เสียใจด้วยนะเจ้าห่วย”
����������� “นายเงียบไปเลยรีบอร์น! อื๋อ? แล้วเอนมะคุงล่ะ? หายไปไหนแล้ว”
�
�������������ตึกๆ
����������� เสียงเดินภายในตึกอาคารเรียนดังก้องไปทั่วบริเวณ อาจเป็นเพราะไม่มีเสียงใดมารบกวน จึงทำให้เสียงดังกว่าปกติ เธอก้าวเท้าย่ำเดินไปเรื่อยๆ พลางสำรวจอาคารที่เธอเห็นขนชินตา แต่ก็ยังไม่เคยเห็นเวลายามเย็นภายในโรงเรียนสักที เธอจึงถือโอกาสนี้มองให้เห็นเต็มๆ ตาว่าเป็นยังไง เคียวโกะเดินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
������������ ใช่แล้ว อันที่จริง... เธอยังไม่ได้กลับบ้านไปเหมือนที่บอกไว้กับพวกเบียงกี้หรอก เธอแค่อยากจะเดินอยู่คนเดียวตอนเย็นๆ ในโรงเรียนดูบ้าง ก็ปกติต้องไปเตรียมอาหารเย็นรอพี่ชายกลับมาก่อนเลยนี่นะ ดีที่คราวนี้บอกพี่ชายไปว่าจะกลับเย็นหน่อย แถมยังเตรียมอาหารเอาไว้ให้แล้ว คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง
���������� � เธอเดินมาเรื่อยๆ จนถึงห้องเรียนที่เธอเรียนอยู่ ร่างบางเดินเข้าไปข้างในตัวห้อง แล้วหยุดยืนดูท้องฟ้าสีส้มแดง มันช่างสวยงามสำหรับเธอเหลือเกิน ซึ่งพอเห็นท้องฟ้ายามนี้ทีไร หัวก็พาลคิดถึงตอนที่ไปเดทกับเอนมะในชิงช้าสวรรค์ที่สวนสนุกทุกที ใบหน้าหวานเริ่มแดงระเรื่อเหมือนท้องฟ้ายามเย็นนี่เข้าไปทุกทีๆ ร่างบางสะบัดหัวไปมาอย่างเขินอาย หวังว่าเพื่อจะลดแก้มแดงๆ นี่ออกได้ได้บ้าง แต่ก็ดันมีเสียงๆ หนึ่งดังมาจากด้านหลังของเธอ เล่นเอาหัวเธอเกือบจะเขกกับโต๊ะเลยทีเดียว...
����������� “...ตกใจเสียงฉันขนาดนั้นเลยเหรอ” เอนมะพูดพลางพยุงตัวเคียวโกะขึ้นมา เพราะถึงแม้หัวจะไม่เขกกับโต๊ะ แต่เธอก็ดันลื่นล้มกองอยู่กับพื้นแหล่ะนะ...
����������� “เอ่อ แหะๆ” ร่างบางหัวเราะแก้เขิน “ละ แล้วนี่เอนมะคุงรู้ได้ไงเหรอจ้ะว่าฉันอยู่ที่นี่”
����������� “ฉันเดินตามเธอมาน่ะสิ เย็นป่านนี้ยังจะมาอยู่คนเดียวอีก”
����������� “ก็ฉันอยากลองเดินลองในอาคารเรียนตอนเย็นดูนี่ ไม่เคยเข้ามาในนี้ตอนเย็นเท่าไร” เด็กหนุ่มถึงกับกุมขมับ สมกับเป็นเธอจริงๆ เหตุผลแปลกๆ เนี้ย
����������� “ซึ่งฉันคิดว่ามันคุ้มมากเลยนะจ้ะ ที่ได้มาเดินเนี้ย เพราะแสงอาทิตย์ยามเย็นของที่นี่สวยมากเลยนะ” เธอบอกกับเอนมะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เด็กหนุ่มยิ้มบางๆ ตอบ ประโยคหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวเขาโดยที่ไม่ทันได้คิด
����������� ฉันว่าคุ้มกับการที่ได้เห็นเธอยิ้มมากกว่านะ...
������������ “...!” เขาเอามือบ้องปากตัวเองอย่างตกใจกับความคิดตัวเอง
����������� นี่เขาคิดอะไรของเขากันนะ... เธอเป็นคนของวองโกเล่แท้ๆ แต่เขากลับอย่างนี้กับเธอโดยที่สมองไม่ได้สั่งให้แกล้งหยอกเธอด้วยซ้ำ
������������แล้วทำไม... เขาถึงคิดว่าเวลาเธอยิ้มแล้วดูดีกว่าล่ะ
������������ ทั้งที่... เธอเป็นแค่เครื่องมือของเขาแท้ๆ...
������������ แต่ทำไม เขาอยากจะให้เธอยิ้มมากกว่าล่ะ ทั้งที่เธอจะสุขหรือทุกข์ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย แล้วทำไม...
������������เขาถึงมีความสุขเวลาที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอล่ะ...
����������� “เอนมะคุง? เป็นอะไรเหรอจ้ะ เห็นเงียบเชียว หรือว่าไม่สบายจ้ะ?” มือบางที่ทาบเข้ากับหน้าผากของเด็กหนุ่มเพื่อที่จะวัดอุณหภูมิ ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ �เด็กหนุ่มหันไปมองใบหน้าหวานผู้ที่เป็น ‘เครื่องมือ’ สำหรับเขา
������������ใช่ เครื่องมือ...
������������มันจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น...
������������ไม่มี...
������������“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ง่วงนิดหน่อยน่ะ” เขาสิ่งยิ้มให้เธอ แต่เคียวโกะกลับชะงักกับรอยยิ้มที่เขาส่งมา
����������� อะไรกัน... รอยยิ้มที่ดูเสแสร้งนั่น
����������� “เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง” เด็ดหนุ่มเอามือเธอมากุมไว้แล้วพาเธอเดินออกไป เคียวโกะมองด้านหลังของเอนมะด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเขาหันกลับมายิ้มให้เธออีกรอบนึง ซึ่งเป็นรอยยิ้มปกติที่เธอได้เห็นบ่อยๆ เธอจึงไม่คิดที่จะสงสัยอะไรต่อ
������������ คิดไปเองมั้ง...
������������ ทั้งสองคนเดินคู่กันกลับบ้าน โดยที่มีใจหนึ่งว้าวุ่นอยู่ดวงเดียว...
�����������������
____________
เปลี่ยนจากผ้าพันคอเป็นเสื้อแทนนะคะ ^^
เม้นกันด้วยน้า~ เม้นน้อยเกินไปจนไรทเตอร์หมดกำลังใจแล้วอ่ะค่ะ T_T แถมคนอ่านก็ลดลงด้วย
ถ้าเกิดมีจุดบกพร่องตรงไหนบอกไรท์เตอร์ได้ค่ะ ไม่ว่าอยู่แล้ว ดีเสียอีกที่จะได้รู้จุดบกพร่องของตัวเอง
อ้อ ลืมบอกไป ใกล้ที่จะงานสืบทอดแล้วล่ะค่ะ อีกแค่ตอนเดียวเอง ใครอยากอ่านเร็วๆ ก็เม้นหน่อยนะคะ อยากได้กำลังใจมากเลยค่ะ!
ตอนสืบทอดอาจจะยาวแบบสุดๆ ใครที่ขี้เกียจอ่านยาวๆ ก็ทนอ่านหน่อยนะคะ T_T
ขอบคุณคนที่คอยเม้นให้แบบสม่ำเสมอด้วยนะคะ เป็นยาชูกำลังที่ดีเลยล่ะค่ะ!
พบกันตอนหน้าค่ะ
ปล. สุขสันต์วันเปิดเทอมค่ะ สู้ตายกันนะคะทุกคน เทอมสุดท้ายแล้ว
เอาใจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยนะคะ
ความคิดเห็น