คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่9 [100%]
รีไรท์นิดหน่อยนะคะ ^^
______________________________________
"งั้นพวกเราจะร่วมมือกับวองโกเล่แฟมีลี่ เพราะยังไงก็ไม่เป็นผลเสียกับฝ่ายเราอยู่แล้ว" น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น หลังจากที่พวกเขาได้ลองใคร่ครวญดูแล้วว่าจะเป็นบอดี้การ์ดให้กับว่าที่วองโกเล่รุ่นที่สิบดีหรือไม่
"แล้วแต่เถอะ" เด็กหนุ่มผู้ที่อยู่ร่วมประชุมกล่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรมาก
“ฉันขอผ่านละกัน ไม่ค่อยว่างน่ะ” ร่างที่นอนราบกับเก้าอี้เอนขัด ก่อนจะหลับตาพริ้มเตรียมตัวที่จะนอน
“ไม่ว่างเรอะ สรุปแค่ไปเหล่หญิงมากกว่ามั้ง!!” หนุ่มแว่นตะโกนใส่ร่างที่นอนอยู่ด้วยความประชดประชัน
“อย่างน้อยฉันก็ดีกว่านายที่วันๆ เอาแต่สอบซ่อมละกันน่า”
“ว่าไงนะ!!”
“พอเถอะ” เพื่อนร่วมวงสนทนาห้ามปรามสองคนที่ทะเลาะกันอย่างเบื่อหน่าย
“จะยังไงก็ช่างเถอะ พวกนายยังเก็บ ‘สิ่งนั้น’ ไว้ดีๆ หรือเปล่า” เด็กสาวผมดำกล่าว และหันไปมองแต่ละคน ซึ่งพวกเขาก็ไม่ตอบอะไรนอกจากจะมองหน้ากันเฉยๆ
“งั้นเอนมะ ขอดูหน่อย” เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกจากหยิบ ‘สิ่งนั้น’ ที่ห้อยอยู่ตรงคอออกมา เธอมองมันแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะตั้งคำถามใหม่กับว่าที่บอสชิม่อนแฟมิลี่
“แล้วแผนการนั้นเป็นยังไงบ้าง เป็นไปได้สวยหรือเปล่า” เอนมะชะงัก แต่ก็พยักหน้ารับไปโดยไม่บอกว่าเป็นยังไงซึ่งเธอก็เข้าใจว่า ‘มันเป็นไปได้ดี’
“ดีแล้ว เท่านี้ก็รอถึงวันพิธีสืบทอดเท่านั้น” พูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกว่าจะขอไปอาบน้ำ คนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ทยอยกลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง ทิ้งให้คนหัวแดงนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียว
นัยน์ตาสีแดงทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมนมีดวงดาวคอยส่องระยิบระยับเป็นประกายเป็นหย่อมๆ เขามองดวงจันทร์ที่กำลังส่องแสงอย่างนวลละอออย่างเหม่อลอย
อีกหกวันสินะ...
รุ่งสายของวันอาทิตย์ เคียวโกะได้เดินมุ่งหน้าไปตรงหน้าสถานีเมืองนามิโมริ เนื่องจากบริเวณนั้นมีร้านขายของหวานอย่างที่เธอชอบเต็มไปหมด เธอซึ่งเก็บตังค์มาเป็นเวลานานเพื่อที่จะมาซื้อขนมเค้กมาทานตามใจชอบอย่างที่เคยฝันไว้ บัดนี้ความฝันกำลังจะเป็นจริงแล้ว~!
แต่น้ำหนักคงมาเพิ่มมาแทนตังค์ที่เราเสียไปแน่เลย... เคียวโกะสลัดความคิดนั้นออกจากหัว ไม่ได้! จะให้ความตั้งใจที่เรามีมาสูญเปล่าไม่ได้นะ! ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องทำให้ได้! ส่วนเรื่องน้ำหนัก... ค่อยไปลดหลังจากนั้นก็ได้น่า! เธอคิดอย่างแน่วแน่พร้อมกับไฟที่ลุกโชนในนัยน์ตาเหมือนที่พี่ชายเธอเป็นบ่อยๆ
ความเร่าร้อนนี่ เป็นกรรมพันธุ์สินะ...
“โว้ยยย ไม่มีคนมาบุกโจมตีเลยเว้ย! อีแบบนี้ไม่เป็นอันแข่งพอดีๆ พอแล้วพอ!” เสียงดังกระหึ่มที่ไม่แน่ใจว่าเป็นของมนุษย์หรือเปล่า เพราะมันดังเสียจนขี้หูแทบบออกมาเต้นระบำชาวเกาะได้ เคียวโกะหันไปตามเสียงที่ดังสนั่นแล้วพอหันไปก็จ๊ะเอ๋กับป้ายชิ่อของบ้านหลังนี้
ซาวาดะ... บ้านของสึนะคุงนี่! มีงานเลี้ยงฉลองอะไรกันนะ เธอคิดอย่างแปลกใจโดยที่ไม่ได้สงสัยอะไรไปมากกว่านั้น ตามประสาของเด็กสาวที่ใสซื่อ (บื้อ) แต่เธอก็ชะงัดเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูซึ่งเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วที่เธอได้ยินเสียงนี้มา
“คงต้องดวลกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยสินะ!” ร่างบางถือวิสาสะรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของซาวาดะเพื่อที่จะดูให้แน่ชัดไปเลยว่าจะใช่คนที่เธอคิดอยู่รึเปล่า!
“พี่คะ!!” เธอส่งเสียงร้องออกไปอย่างตกใจ
“คะ... เคียวโกะจัง!!” ลูกชายของเจ้าของบ้านเรียกชื่อผู้มาใหม่อย่างตกใจพร้อมกับลุกขึ้นยืนตรงราวกับจะเคารพธงชาติ ใบหน้าแดงเป็นกาน้ำร้อนที่กำลังเดือด
ช่างเป็นปฏิกิริยาที่น่าสมเพชเหลือเกินนะทูน่า...
เช่นเดียวกับเจ้าคนที่ถูกเรียกก็สะดุ้งตัวโหยงเหมือนกัน แต่จะต่างกันก็เพียงแค่คนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่คะ’ กำลังเหงื่อแตกพลั่กก็เท่านั้น...
“เมื่อกี้ได้ยินว่าดวลเดินอะไร คงไม่ใช่ทะเลาะกันใช่มั้ยคะ”
“น่ะ.. แน่นอน!!” เรียวเฮตอบเสียงสั่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับคุณนายบ้านซาวาดะออกมาพูดกับเธอ และเสนอแนะนำวิธีการแข่งที่ดีๆ ให้กับเรียวเฮและโคโย เคียวโกะที่เพิ่งสังเกตเห็นคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สึนะ จึงส่งยิ้มให้เล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย เอนมะยิ้มตอบกลับ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินตามทุกคนที่ขึ้นไปยังห้องสึนะเพื่อจะดูการแข่งขันระหว่างเรียวเฮกับโคโย
“... เอาล่ะ พวกเราอยู่ไปก็รบกวนเปล่าๆ ออกไปก่อนสักรอบเถอะ ครบตามกำหนด 1 ชั่วโมงแล้วค่อยกลับมา” เสียงเล็กๆ ของอัลโกบาเลโน่ รีบอร์นบอกทั้งสองผู้เข้าแข่งขันที่นั่งสลบเหมือดอยู่...
“งั้นก็ไว้เจอกันนะจ๊ะ” นานะว่า แล้วลงไปข้างล่างอย่างอารมณ์ดี หลังจาดนั้นนักฆ่าตัวจิ๋วก็เอ่ยขึ้นมาอีกโดยทิ้งท้ายไว้ให้ทั้งสองคนได้ฮึดกัน ก่อนจะลงตามทุกคนไป
ห้องรับแขกบ้านซาวาดะ
สึนะมองเพดานบ้านตัวเองอย่างหวาดๆ กลัวว่ามันจะถล่มลงมาทับเขา เพราะตอนนี้มันสั่นราวกับเกินแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เลยทีเดียว... โดยมีเคียวโกะมองด้วยอีกคน แต่เธอมองเพราะเป็นห่วงพี่ชายของเธอ สึนะละสายตาขากเพดานมาจ้องครูสอนพิเศษตัวจิ๋วของเขาด้วยสายตาเคลือบแตลง ปนระแวง
เจ้ารีบอร์นจะต้องวางแผนชั่วร้ายอะไรอยู่แน่! เขาคิดอย่างผวา ก่อนจะหันไปหาเอนมะที่กำลังเล่นกับนัทสึอย่างอารมณ์ดี สึนะจึงเอ่ยปากชวนคุย “ท่าทางอารมณ์ดีจังเลยนะเอนมะคุง”
เสียงของสึนะทำให้เคียวโกะละสายตาจากสิ่งที่ตัวเองกำลังดูอยู่ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอดสายตาไปที่เด็กหนุ่มผมแดง ซึ่งเขาคนนั้นก็กำลังส่งยิ้มไปให้กับแมวของสึนะอย่างไร้เดียงสา ราวกับเด็กๆ ที่ได้เล่นอย่างสนุกสนาน เคียวโกะรีบเบนหน้าไปทางอื่นพร้อมกับเอามือปิดปาดไม่ให้ใครเห็นว่าเธอกำลังอมยิ้มอยู่!!
น่ารักจังเลย~!!
เคียวโกะตะโกนในใจอย่างสุดกู่ ปลายตาก็เหลือบมองเด็กหนุ่มที่เธอว่า ว่าน่ารักก่อนจะรีบหันไปมองที่เดิม เพราะนัยน์ตาสีแดงนั่นกำลังจ้องมาที่เธอก่อนอยู่แล้ว เอนมะคุงมองมาที่เราทำไมนะ… ซึงพอเธอคิดได้ไม่เท่าไร เสียงแมสเซสข้อความก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าอย่างลุกลี้ลุกลน ร่างบางกดเปิดอ่านข้อความ ก่อนจะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
จากเอนมะคุงนี่? เคียวโกะหันไปมองคนส่ง ซึ่งตอนนี้เขากลับไปเล่นกับนัทสึเหมือนอย่างเคยแล้ว เธอเลยอ่านข้อความในนั้นอย่างงงๆ
มองฉันแล้วอมยิ้มทำไม...
ร่างบางยิ้มกับคำถามนั้น นิ้วเรียวก็กดปุ่มเขียนข้อความกลับไปบ้าง
เปล่าสักหน่อย ฉันยิ้มให้นัทสึจังต่างหาก..
เธอมองเอนมะที่กำลังพิมพ์ส่งหาเธออยู่อย่างตื่นเต้น ว่าเขาจะส่งหาเธอว่าอะไร เคียวโกะเปิดข้อความที่เข้ามาใหม่
ไม่ต้องเลย ฉันรู้ว่าเธอมองฉันแล้วก็ยิ้ม ทำไมเหรอ? ฉันมีอะไรน่าขำหรือไง...
เคียวโกะยิ้มบางๆ ก่อนจะตอบกลับไป
เปล่าจ้ะ ฉันก็แค่คิดว่าเวลาเธอเล่นกับนัทสึจังแล้วน่ารักดี...
เด็กสาวส่งข้อความเสร็จก็หันไปมองเอนมะที่กำลังอ่านข้อความอยู่ด้วยใบหน้าที่แดงแจ๋ เคียวโกะขำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะดุ้งเล็กๆ กับเสียงข้อความเข้าอีกครั้ง เธออ่านมันแล้วก็ยิ้มอีกรอบ และส่งข้อความตอบตลับไปหาเอนมะ ทั้งคู่โค้ตอบเมลกันอย่างสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยฝ่านไป ได้มีเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นมาจากชั้นสอง ซึ่งเป็นที่ๆ เรียวเฮและโคโยแข่งกันอยู่ ทุกคนจึงรีบวิ่งขึ้นไปดู แล้วก็ต้องผงะเมื่อข้าวของภายในห้องของสึนะกระจัดกระจายเต็มไปหมด สภาพเนื้อตัวของทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องก็แทบดูไม่ได้ สึนะมองตัวเองอย่างซึ้งใจที่สุดที่ห้องของตัวเองเละยิ่งกว่าเก่าอีก...
รีบอร์นทอดสายตาไปที่แผ่นข้อสอบที่ทำด้วยเซรามิคแกร่งพิเศษหักเป็นสองท่อนอย่างครุ่นคิด
ชิม่อน... ใช่แฟมิลี่ต๊อกต๋อยจริงๆ รึ?
“งั้นก็โชคดีนะจ๊ะทุกคน” คุณนายซาวาดะกล่าวลาแขกที่มากันในวันนี้อย่างยิ้มแย้ม
“บายๆ ค่ะคุณน้า” เคียวโกะบอกลา แล้วเดินไปหาพี่ชายซึ่งกำลังรอเธออยู่ที่ประตูรั้ว และในขณะที่เธอกำลังเดินไปหาเรียวเฮที่แยกเขี้ยวใส่โคโยอยู่ เด็กหนุ่มหัวแดงก็เดินไปประชัดข้างๆ เธอแล้วกระซิบข้างหูเธอเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ เคียวโกะมองตามหลังเอนมะไปอย่างเหม่อลอย
“เฮ้! เคียวโกะ กลับกันเถอะ” เรียวเฮส่งเสียง เรียกสติของเคียวโกะกลับมา ร่างบางวิ่งไปหาพี่ชายของตัวเองอย่างงกๆ เงิ่นๆ “อะ อือ!”
“ฮ้า~!! แข่งวันนี้ก็มันเหมือนกันนะเนี้ย~ ถ้าเกิดไม่นับที่สอบติวอ่ะนะ!”
“พี่นี่ล่ะก็ ข้อสอบมันยากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“โอ๊ย!! ยากสุดหูรูดไปเลยล่ะน้องรัก! พี่เห็นนี่อยากจะเป็นลม”
แต่ก็ได้ข่าวว่านายสลบเหมือดในตอนแรกเหมือนกันไม่ใช่เรอะ...
เรียวเฮบ่นข้อสอบที่เจ้าหนูรีบอร์นให้เขาอย่างกระปอดกระแปด ก่อนจะชมตัวเองว่าเรานี่เก่งจริงๆ ที่ทำให้ข้อสอบนั่นแตกได้อยู่คนเดียว โดยไม่สนใจน้องสาวที่ก้มหน้าก้มตาคิดนู่นคิดนี่ ร่างบางหยุดเดินแล้วตัดสินใจบอกพี่ชายของตน และออกตัววิ่งไป
“พี่คะ! เดี๋ยวหนูมานะ พี่กลับไปก่อนเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ” หัวสนามหญ้า (?) มองร่างบางที่วิ่งออกไปอย่างงงๆ “สงสัยจะปวดเข้าห้องน้ำมั้ง เฮ้อ~ กลับก่อนดีกว่า”
“แฮ่กๆ”
‘มาเจอกันที่สวนสาธารณะนามิโมรินะ...’
“แฮ่กๆ”
ร่างบางหวนคิดคำพูดที่เด็กหนุ่มบอกกับเธอไว้ ก่อนจะเอามือยันกับราวโหนอย่างอ่อนแรง เพื่อไม่ให้ตัวเธอไม่ล้มไปกองอยู่กับพื้น โอย เหนื่อย! เธอคิดในใจ แล้วสูดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ และเมื่อเธอเริ่มใจเย็นขึ้นแล้ว เธอก็หันมองหาเด็กหนุ่มที่นัดเธอมาที่นี่ ซึ่งเขาก็กำลังโบกมือเรียกเธออยู่เช่นกัน เคียวโกะยิ้มร่า แล้วเดินไปหาเอนมะทันที
“เอนมะคุงให้ฉันมาทีนี่ทำไมเหรอจ้ะ?”
เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถามของร่างบาง แต่ตบพื้นข้างๆ เบาๆ เป็นเชิงว่าให้เธอนั่งลง เคียวโกะนั่งลงข้างเอนมะแล้วเอ่ยปากถามอีกรอบ
“ฉันชวนเธอทานมาเค้กด้วยกันน่ะ...” เคียวโกะเอียงคอกับคำพูดของเอนมะ
“เธอชอบกินเค้กใช่มั้ยล่ะ? ฉันเลยชวนเธอมาไง” ร่างบางอ้าปากค้างอย่างตกใจ ก่อนจะถามกลับไป
“ทำไมเอนมะคุงถึงรู้ว่าฉันชอบทานเค้กล่ะ! ที่จริงวันนี้ฉันก็ตั้งใจจะมาซื้อเค้กไปทานเหมือนกัน แต่มาเจอพี่ก่อน เลยไม่ได้ไป” เอนมะเห็นท่าทางตื่นๆ ของเคียวโกะก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ฮะๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เมื่อวันก่อนฉันเห็นเธอกำลังจ้องเค้กในร้านขนมหวานแถวหน้าสถานีแบบเคลิ้มๆ เหมือนเธอกำลังกินเค้กชิ้นนั้นอยู่น่ะ เลยพอจะเดาได้ ส่วนเรื่องที่เธอจะมาซื้อเค้กวันนี้ฉันก็ไม่รู้หรอก เพิ่งรู้จากปากเธอนี่แหล่ะว่าจะมาซื้อ” เคียวโกะถลึงตาใส่เอนมะอย่างเคืองๆ
“ฉันไม่ได้ทำหน้าเคลิ้มสักหน่อย” ร่างบางบ่นอุบ เด็กหนุ่มเลยหัวเราะอีกรอบกับท่าทีของเด็กสาว
“อ่ะ อ้าปากสิ เดี๋ยวฉันป้อนเป็นการง้อแล้วกัน” เขาตักเค้กแล้วยื่นไปข้างหน้า เพื่อที่จะป้อนเค้กให้กับเคียวโกะ ร่างบางมองหน้าเอนมะสลับกับเค้กที่อยู่ตรงหน้าเธอไปมาอย่างเขินอาย
“มะ ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันทานเองดีกว่า”
“ไม่ได้ๆ ก็เธองอนฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ นี่ไงฉันง้อแล้ว อ้าปากสิ” เอนมะว่าพลางยิ้มเผล่ให้ เคียวโกะมองรอยยิ้มของคนตรงหน้า และคิดไปว่า เราโดนแกล้งซะแล้ว!
“ฉะ ฉันไม่ได้งอนนะจ้ะ เพราะงั้นเอนมะคุงไม่ต้องป้อน...”
“ไม่เอาน่า ฉันรู้ว่าเธองอน เอ้า เร็วสิ ไม่งั้นฉันงอนนะ” เอนมะเร่งเธอ ด้วยการงัดไม้ตายออกมาใช้ เคียวโกะไม่มีทางเลือก เลยกินเค้กคำนั้นเข้าไปอย่างอายๆ
“ดีมาก” เอนมะส่งยิ้มละลายใจไป เคียวโกะเบนหน้าหนีอย่างสุดจะทน โธ่เอ๊ย... มาแกล้งให้ใจฉันสั่นไหวอย่างนี้มันไม่ดีน้า~! เธอว่าพลางเอามือทาบอกตัวเองเพื่อหวังว่าจะให้ใจเต้นไม่เสียงดังจนให้เขาได้ยิน
“อ่ะ คำต่อไป”
“เอ๋! มะ ไม่ต้องแล้วจ้ะเอนมะคุง ฉันทานเองได้”
“ไม่ล่ะ ฉันจะป้อน อ้าปากเร็วสิ ไม่งั้นงอนนา”
“งะ... ไหงงั้นอ่ะ!”
“ถือว่าเป็นการแก้แค้นที่เธอบอกว่าฉันน่ารักแล้วกัน”
“ว้าย~! ไม่เอาแล้ว อายจะตายอยู่แล้วนะ”
“ก็ดี ฉันชอบเห็นเวลาเธออาย น่ารักดี”
“เอนมะคุงอ่ะ!”
“ฮ่าๆๆ”
ขนมเค้ก ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสนองตัณหาให้กับคนที่ชอบทานของหวาน
และบางครั้ง ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออยากจะเห็นรอยยิ้มที่หวานละมุนเหมือนดั่งครีม
ความสุขที่ได้ทานมัน ไม่ว่าใครถ้าเกิดได้สร้างสุขให้กับคนอื่นอย่างน้อยแค่คนเดียว เขาก็มีความสุขกันแล้ว
และเขา... ก็อยากที่จะเห็นรอยยิ้มของเธอที่แสนจะสดใสนี้
เพราะหลังจากนี้ไป... รสชาติของความหวาน จะถูกเปลี่ยนรสกลายเป็นความขมของยา
ความสุขที่มีแม้ช่วงนิดเดียว เขาก็อยากให้เธอได้มี
แค่นิดเดียวก็ยังดี...
__________
คอมเม้นด้วยนะคะ ^^
ความคิดเห็น