ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn 0095] Parallel non-day meet

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่3

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 53


                       "ตามสบายเลยนะจ้ะ"

                       "...รบกวนหน่อยนะ"

                       เอ็นมะก้าวเท้าเข้ามาในบ้านของเคียวโกะ พลางสำรวจรอบๆ บ้าน แต่ก็มีเสียงๆ หนึ่งขัดขวางการสำรวจตัวบ้าน ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เสียงใครที่ไหน...

                       "เคียวโก้~ ไม่เป็นไรใช่มั้ยน้องพี่~ "

                       เสียงพี่ชายสุดหูรูดที่มีนามว่า 'ซาซางาวะ เรียวเฮ' นั่นเอง...

                       คนมาใหม่ว่า พลางกระโดดกอดน้องสาวพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังราวกับเด็กน้อยหลงทางที่เพิ่งเจอแม่ นี่หรือ ผู้พิทักษ์อรุณแห่งวองโกเล่ หมดสภาพสุดๆ... เอ็นมะคิดในใจ
                             "หนะ... หนูไม่เป็นไรค่ะพี่ ขอโทษนะคะที่ทำให้เป็นห่วง" เคียวโกะบอก พลางตบหลังผู้เป็นพี่เบาๆ เป็นการปลอบใจ
                             "งั้นก็ดีแล้วล่ะน้องรัก อ้าว? แล้วนี่เสื้อใครล่ะเนี้ย" เรียวเฮผละออกจากการกอด แล้วหันมาตั้งคำถามทันที
                             "นี่มัน... เสื้อของโรงเรียนชิมอนไม่ใช่เหรอ" มือหนาจับเสื้อของเอนมะ พลางพูดกับตัวเองเบาๆ
                             "เฮ้ เคียวโกะ ทำไมเธอถึงใส่เสื้อของโรงเรียนชิม่อนล่ะ หรือว่า... มีใครทำร้ายน้องพี่! บอกพี่มาว่าใครทำร้ายเธอ พี่จะได้ไปจัดการพวกมันแบบสุดหูรูด!" เขาพูดพร้อมกับกำหมัดแน่น ไฟลุกในตาอย่างโชกโชน

                         
           เร่าร้อนจริงๆ...

                              พอคิดได้ไม่เท่าไร ดวงตาสุดเร่าร้อนก็เหลือบมองไปเห็นเด็กหนุ่มที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในหลังบ้านนี้อยู่ด้วย เรียวเฮรีบตรงดิ่งไปที่เอ็นมะทันที
                              "นายเป็นใคร แล้วมาทำไรที่นี่" เขาถามด้วยความฉงน พร้อมกับสำรวจเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แต่ก็สะดุดกึกที่ตัวของเด็กหนุ่มหน้าใหม่ ซึ่งเขาใส่แต่เสื้อยืดที่อยู่ด้านใน ไม่ได้ใส่เสื้อนอกของโรงเรียนชิม่อน เรียวเฮมองเอ็นมะสลับกับเคียวโกะไปมา จนคิดได้ว่า...
                              น้องสาวของเขาใส่เสื้อนอกของหมอนี่อยู่นี่หว่า!
                              "แกทำไรน้องสาวช้านนนน" ประธานชมรมมวยตะโกนเสียงดังพร้อมกับกระโจนเข้าหา โดยที่เอนมะยังไม่ทันตั้งตัว แน่นอนว่าทั้งสองคนลงไปนอนฟัดกันอยู่ที่พื้น
                              โดยที่เอนมะเป็นฝ่ายโดนฝ่ายเดียวน่ะนะ...
                              เมื่อเคียวโกะเห็นดังนั้น จึงรีบเข้าไปห้ามพี่ชายของตัวเองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับอธิบายว่ามันไม่ใช่อย่างที่พี่ชายเธอคิด ซึ่งใช้เวลาร่วม 10 นาที กว่าเรียวเฮจะสงบลง พวกเขานั่งเงียบเพื่อพักให้หายเหนื่อย
                              "เอาล่ะ เรื่องมันเป็นยังไง ไหนบอกฉันสิ" หลังจากที่พักกันหายเหนื่อยแล้ว หัวสนามหญ้า (?) จึงเอ่ยปากถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
                              "..." ไร้ซึ่งคำตอบ ทั้งเอนมะและเคียวโกะต่างก็นั่งเงียบ เอนมะเหลือบมองเด็กสาวที่นั่งข้างเขาอย่างเงียบๆ...
                              "ว่าไงเคียวโกะ ตกลงเรื่องมันเป็นมายังไง ฮึ?" เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เขาจึงหันไปถามน้องสาวเขาอีกที ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะเคียวโกะก็ตอบมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
                              "ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ พอดีหนูไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแล้วเจอเอนมะคุงที่กำลังถูกซ้อมอยู่พอดี เลยพาเขามาทำแผลที่บ้านน่ะค่ะ" เรียวเฮมองไปที่เอนมะซึ่งมีบาดแผลเต็มตัว จึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะตั้งคำถามต่อ
                               "แล้วทำไมเธอถึงใส่เสื้อของเอนมะล่ะ"
                               "เขากลัวว่าหนูจะหนาวน่ะค่ะ เลยโยนเสื้อนอกมาให้ ทั้งที่หนูก็บอกแล้วว่าไม่เอาแท้ๆ" เด็กสาวไม่พูดเปล่า เธอส่งสายตาค้อนๆ ไปให้เอนมะ ราวกับว่าที่เธอพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง
                                "อ่างั้นเหรอ แล้วนายเป็นอะไรมากมั้ย?" เรียวเฮหันไปถามคนที่นั่งเงียบ เอนมะส่ายหน้าว่าไม่เป็นอะไรมาก
                                "นี่ก็สามทุ่มแล้ว พี่ไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวตื่นไปซ้อมเช้าไม่ไหวนะ" เธอพูดพร้อมกับดึงคนตัวสูงกว่าให้ลุกขึ้นไปนอน คนถูกเตือนเบิกตากว้างอย่างตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที
                                "ว้ากกก วิ่งสุดหูรูดไปเลยเฟ้ย" เอนมะตามแผ่นหลังของเรียวเฮที่ตอนนี้เขาได้หายไปอยู่ในห้องนอนเรียบร้อย อย่างอึ้งๆ โดยที่ใช้เวลาวิ่งไปยังไม่ถึงสิบวินนาที
                                
    สมกับเป็นผู้ชายที่เบรกแตกตลอดเวลาจริงๆ...
                                 "งะ... งั้นเดี๋ยวฉันจะไปเอากล่องยาแป๊บนึงนะจ้ะ" เคียวโกะหันมายิ้มแหยๆ ให้ ก่อนจะออกตัวไปที่ห้องของตัวเองเพื่อไปหยิบกล่องยามาให้ทันที
                                  ดวงตาเรียวแดงกลอกสายตาไปตามตัวบ้านเพื่อสำรวจ ซึ่งตัวบ้านก็ไม่ได้เป็นอะไรที่หวือหวานัก หากแต่เรียบง่ายและเข้ากับคนอยู่ได้อย่างดี จะมีแต่ก็โล่เกีรยติคุณและเกียรติบัตรที่ลูกชายคนโตได้รับรางวัลจากการชกมวย วางเต็มไปหมดก็เท่านั้น นอกจากตามผนังที่จะมีรางวัลของเรียวเฮติดไว้แล้ว ก็มีรูปถ่ายต่างๆ ที่ติดเอาไว้ทั่วผนังบ้าน ซึ่งมีตั้งแต่รูปเรียวเฮยังเบาะแบะแต่ก็ยังมิวายจับนวมเอามาตีกับพื้นอีก แสดงให้เห็นว่าเขามีแววเรื่องการชกมวยมาตั้งแต่เด็ก (ไม่เกี่ยวมั้ง) เอนมะละสายตาจากรูปเรียวเฮไปมองรูปของเคียวโกะแทน ซึ่งแต่ก่อนเธอไว้ผมยาวและดูน่ารักกว่าใครๆ ในชึ้นเรียน เอนมะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะมาสะดุดกับรูปภาพๆ นึง ที่ใส่กรอบเอาไว้อย่างดี
                                  บุคคลในภาพมีกันอยู่ทั้งหมดสี่คน ซึ่งสองในสี่นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใคร เพราะเด็กน้อยสองคนนั้นคือเรียวเฮและเคียวโกะตอนเล็กๆ นั่นเอง ทั้งสองคนยิ้มกันจนตาหยีทำให้น่าเอ็นดูนัก เอนมะเลื่อนสายตาไปมองคนสองคนที่ตัวสูงกว่าเด็กทั้งสอง คนที่ยืนอยู่ริมฝั่งขวาเป็นผู้ชายกล้ามใหญ่บึ้กกำลังขยี้หัวเรียวเฮไว้  เด็กหนุ่มคิดว่าเรียวเฮต้องได้เชื้อคนนี้มาซี้แหงแก๋ ซึ่งเขาก็คือพ่อของเรียวเฮและเคียวโกะนั่นเอง
                                   ถัดจากนั้นมา คนข้างๆ ที่ยืนอยู่ด้วยกันกับผู้ชายคนั้นก็เป็นหญิงสาวที่ดูแล้วยังสาวยังสวย เธอยิ้มและโอบไหล่ของเคียวโกะเอาไว้ ใบหน้าและรอยยิ้มอันอ่อนโยนนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเคียวโกะได้รอยยิ้มมาจากใคร เอนมะมองรูปที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะพาลนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้น
                                      
                                    'พวกเจ้าจงไปล้างแค้นให้กับแฟมิลี่ของเราซะ' ชายชราที่นั่งอยู่บนแท่นกล่าวไว้เนิ่บๆ ทั้งเจ็ดคนที่นั่งอยู่ข้างล่างก้มหน้ารับคำสั่งอย่างนอบน้อม และเสียงของท่านผู้นั้นก็ดังขึ้นมาอีก
                                    'อย่าได้ใจอ่อนไป พวกเจ้าจงทำเพื่อแฟมิลี่ของพวกเรา และ...' ชายชราเว้นช่วงไป แต่เด็กหนุ่มผมสีแดงรู้ว่าเขาต้องการจะพูดไรต่อ จึงได้กำหมัดและกัดฟันทนเพื่อสะกดกั้นอารมณ์เอาไว้...
                                     'เพื่อชิมอนรุ่นหนึ่ง...'

                                    "...คุง เอนมะคุง!" เสียงหวานเรียกสติให้เอนมะหลุดออกจากภวังค์ เขาหันไปมองเด็กสาวที่กำลังถือกล่องยาและส่งสายตาเป็นห่วงมาให้เขา เอนมะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเพื่อรอทำแผล เมื่อร่างเล็กเห็นว่าเขานั่งลงแล้ว จึงเดินตามไปและวางกล่องยาไว้กับโต๊ะก่อนที่จะหยิบอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมา
                                     "...พี่ชายเธอนี่ ร่าเริงจังนะ" เคียวโกะหัวเราะเบาๆ ในคำพูดของเด็กหนุ่ม ขณะที่มือกำลังวนอยู่กับแผลของเขา ก่อนจะแปะพลาสเตอร์ไปที่หน้าผากของเด็กหนุ่ม และเริ่มทำแผลที่ใหม่ต่อ
                                     "พี่เขาก็เป็นคนอย่างนี้ล่ะจ้ะ ถึงจะเป็นคนเลือดร้อนไปหน่อยแต่เขาก็เป็นพี่ชายที่ดีสำหรับฉันเสมอ"
                                     "อืม... เธอรักพี่ชายเธอมากมั้ย" ร่างบางยิ้มก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ
                                     "รักสิจ้ะ ก็เขาเป็นพี่ชายฉันนี่"
                                      "อืม..."
                                     ทั้งสองคนเงียบไปสักพักใหญ่ เพราะไม่รู้จะคุยอะไรต่อดี เคียวโกะที่ทำแผลให้เอนมะอยู่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก เธอจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำแผลให้ไปอย่างเงียบๆ ร่างบางแปะพลาสเตอร์ที่สุดท้ายเสร็จก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นดวงตาสีแดงมองมาที่เธอ
                                     
    แววตาที่มองลึกไปถึงหัวใจ...
                                     "ฉะ! ฉันไปเก็บกล่องยาก่อนนะจ้ะ" เธอว่าแล้วรีบหันหลังไปเก็บอุปกรณ์ทำแผลทันที แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นนั้น มือหนาได้ขว้าข้อมือของร่างบางไว้ เคียวโกะสะดุ้งตัวโหยง และหันมามองชายหนุ่มที่กำลังจับข้อมือเธอยู่ เอนมะมองมาที่เธอโดยไม่พูดอะไร
                                      "เอ่อ..."
                                      "กลัวหรือเปล่า" เขาพูดสวนขึ้นมาก่อนเธอจะได้ทันพูด ร่างบางชะงักก่อนจะหลบสายตาที่เขาจ้องเธอมา
                                      "ทะ.. ทำไมฉันต้องกลัวด้วยล่ะจ้ะ ก็ในเมื่อฉันไม่ได้..."
                                      "แล้วทำไมตัวสั่นล่ะ" เคียวโกะสะดุ้งอีกรอบเมื่อเอนมะจับทางเธอถูก น้ำตาเริ่มเอ่อออกมาจากดวงตาสีน้ำตาล ก่อนจะไหลออกมา คนตัวสูงขว้าเธอเข้ามากอด และลูบหัวเคียวโกะเบาๆ ร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดร้องโฮทันทีหลังจากที่อดกลั้นมานาน
                                       ความจริงตัวเธอเองสั่นมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นแล้ว ครั้งที่เธอเกือบจะโดนพรากความบริสุทธ์ไป แต่เธอก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมาให้เห็นว่าเธอกลัว เพราะเธอไม่อยากให้คนอื่นเป็นห่วง รวมไปถึงการที่ไม่เล่าความจริงที่เกิดขึ้นให้พี่ชายเธอฟัง เพราะรู้ว่าถ้าเกิดพี่ชายเธอรู้ความจริง เขาคงจะเป็นกังวลและออกตามหาพวกนั้น ซึ่งอาจจะทำให้เรียวเฮเจ็บตัวได้ เธอจึงเลือกที่จะเก็บเอาไว้ แต่ก็โดนเขาคนนี้มองออก

                                       เขาคนที่เธอหลงรักตั้งแต่แรกเห็น...
                                       ในที่สุด... เธอก็เข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว

                                      ร่างเล็กร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาเป็นเวลานาน จนเมื่อเธอเริ่มสงบลง เคียวโกะก็รีบผละออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นนั่นทันที ก่อนจะคิดได้ว่า
    ฉันทำไรอะไรลงไปเนี้ย!
                                      "อ่ะ...เอ่อ ขอโทษนะจ้ะเอนมะคุง ที่..." พลันใบหน้าก็เริ่มแดงระเรื่ออีกรอบ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้
                                      "...ไม่เป็นไร" ใบหน้าหวานเงยหน้าสบตากับคนตรงหน้า แต่ก็ต้องใจเต้นอีกรอบ เมื่อเขามองมาที่เธอ
                                      และส่งยิ้มมาให้เธออย่างอ่อนโยน...
                                      ใบหน้าที่ตอนแรกก็ว่าแดงเป็นมะเขือเทศแล้ว ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าแดงยิ่งขึ้นไปอีก เคียวโกะก้มหน้าหลบใบหน้าที่แดงเถือกของเธอไว้อย่างอายๆ เอนมะลอบขำเล็กน้อย ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้ร่างบางให้ใกล้กว่าเดิม เด็กสาวรู้สึกถึงลมหายใจที่จรดตรงหน้าผากเธอ เธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับนัยน์ตาสีแดงที่น่าหลงไหลเข้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ สองหนุ่มสาวได้แต่สบตากันโดยไม่พูดอะไร หากแต่เขาทั้งสองเริ่มเลื่อนใบหน้าเข้าหากันโดยยากการที่จะควบคุม...
                                        ตึง!
                                       ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงอะไรไม่รู้กระทบเข้ากับหน้าต่างอย่างจัง เด็กสาวมองหน้าต่างด้วยสีหน้าตื่นๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอกับเอนมะอยู่ใกล้กันเกินไป เธอจึงรีบเขยิบห่างออกจากตัวเขาแต่ก่อนที่จะได้ทันทำอะไรนั้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มโน้มเข้าหาเด็กสาวก่อนจะนำริมฝีปากบางของเขาไปประทับไว้ ที่ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเด็กสาวเบาๆ
                                       ร่างบางตัวแข็งเมื่อคนตรงหน้าได้ทำการโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอนมะขำท่าทางของคนที่เขาเพิ่งจูบไป ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปหยิบกระเป๋ากับเสื้อนอกของเขาขึ้นมา
                                       "งั้นฉันไปนะ เจอกันพรุ่งนี้" ว่าเสร็จก็เดินออกจากบ้านของเคียวโกะไป และกดล็อกประตูจากด้านในให้เพราะรู้ว่ายังไงร่างบางคงยังไม่หายตัวแข็งแน่ๆ

                                       เอนมะเดินออกมาได้สักพัก และเมื่อเห็นว่าห่างจากบ้านของเคียวโกะมามากพอแล้ว จึงส่งเสียงเรียกทั้งที่ไม่มีใครน่าจะอยู่แถวบริเวณนั้น แต่กลับปรากฎร่างร่างนึงออกมาจากเสา
                                      "รู้ตัวแล้วเหรอ นึกว่าจะจู๋จี๋กับเด็กคนนั้นต่อซะอีก" อาเฮลไดท์กล่าวทักทายเอนมะด้วยใบหน้ายิ้มๆ
                                      "เธอส่งสัญญานมาอย่างโจ่งแจ้งซะอย่างนั้น ใครจะไม่รู้ล่ะ" เอนมะว่าพลางนึกถึงตอนที่อยู่ห้องนั่งเล่นในบ้านเคียวโกะ แล้วอยู่ดีๆ ก็มีเสียงหินกระทบกับหน้าต่าง ซึ่งเป็นอาเฮลไดท์นั่นเองที่ปามา
                                      "ก็นะ ฉันจะมาบอกว่าอย่าลืมจุดประสงค์ที่แท้จริงซะล่ะ" เธอพูดพร้อมกับเดินนำหน้าเอนมะไป ก่อนจะหันมาพูดด้วยสีหน้าที่แข็งกร้าว
                                      "...ว่าคนพวกนั้นทำอะไรให้กับพวกเราไว้บ้าง" ก่อนจะหายตัวไปให้เด็กหนุ่มยืนคิดอะไรอยู่เพียงลำพัง
     
                                      เช้าวันรุ่งขึ้น
                                      "ว้ากๆ สายแล้ววว" เด็กหนุ่มหัวฟูสีน้ำตาลวิ่งตาตื่นมาพร้อมกับคาบแผ่นขนมปังไว้ในปาก ก่อนจะสะดุดกึกเมื่อร่างของเด็กสาวที่เขาหลงรักกำลังเดินมาทางเขาพอดี
                                       "อ้าว สวัสดีจ้ะสึนะคุง" เคียวโกะกล่าวทักทายสึนะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งปกติแล้วเธอก็ยิ้มสดใสราวกับนางฟ้า หากแต่ตอนนี้เธอยิ้มสดใสซะยิ่งกว่านางฟ้าซะอีก
                                       
    น่ะ... น่ารักจัง
                                       "สะ.. สวัสดีครับ เคียวโกะจัง" สึนะทักทายกลับด้วยแก้มที่แดงระเรื่อ ก่อนจะตกใจเสียงมารผจญที่มาขัดจังหวะเขาซะได้
                                       "รุ่นที่สิบคร้าบบ"
                                       "โย่ว สึนะ"
                                       "คุณสึนะค้าาา อรุณสวัสดิ์ค่า"
                                       "หยึย! โกคุเทระคุง ยามาโมโตะ แล้วก็ฮารุ!"
                                        "แหม อะไรกันคะ ดีใจที่เห็นหน้าภรรยาสุดเลิฟคนนี้ขนาดนั้นเลยเหรอค้าา~" เด็กสาวผมหางม้าพูดด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม สึนะรีบปฏิเสธทันควันเนื่องจากไม่อยากให้เคียวโกะเข้าใจเขากับฮารุผิดๆ ไป
                                        
    แต่ปกติเคียวโกะเขาก็ไม่สนใจนาย ตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่ใช่รึ...
                                         "นี่ยัยต๊อง อย่าทำให้รุ่นที่สิบลำบากใจสิเฟ้ย!" โกคุเทระหันไปตวาดฮารุ
                                         "ฮาฮิ! ฮารุไม่ใข่ยัยต๊องนะคะ คุณหัวปลาหมึก"
                                          "ฮ่าๆ เขาว่านายเป็นหัวปลาหมึกแหล่ะ โกคุเทระ" ยามาโมโตะหัวเราะบ้าง
                                          "เงียบไปเลยเฟ้ย เจ้าบ้าเบสบอล"
                                          เสียงเอะอะโวยวายที่เกิดขึ้นแถวบ้านสึนะเป้นเรื่องประจำของทุกเช้าไปซะแล้ว เพราะเมื่อไรที่ฮารุมาก็ต้องมาทะเลาะกับโกคุเทระให้เหนื่อยใจไปตามๆ กัน แต่ถึงฮารุไม่มา เขาก็คงทะเลาะกับยามาโมโตะอยู่ดีซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างไรมากมาย
                                           เด็กหนุ่มผมแดงมองพวกเขาจากมุกมืด โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เขามองไปที่สึนะอย่างเย็นชา และพูดกับตัวเองเบาๆ...
                                          
    "เพราะพวกมัน ทำให้ชิม่อนเป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่สกปรกแค่ไหน ฉันก็จะแก้แค้นมัน!"        

                                           ความแค้น... ที่มีให้กัน
                                           ตราบใดที่ไม่ปรับความเข้าใจกัน มันก็คงจะไม่มีวันปรองดองกันได้
                                           รวมถึงความรักระหว่างเธอและ...เขา
     
    ____________________________________________________________
    ฮูเล่ จบไปอีกตอน ดีจัง T^T
    รู้สึกเขินๆ ตอนเขียนฉากเลิฟซีน เพราะไม่เคยเขียนมาก่อน =///= ครั้งแรกในชีวิตเลยที่แต่งอย่างนี้ เขินจัง
    เพราะงั้นมันจะแปลกๆ ไปบ้าง ก็อย่าว่ากันเลยนะคะ
    รู้สึกพวกสึนะจะไม่ค่อยได้ออก เลยให้โผล่มาตอนช่วงท้ายของตอน ค่ะ ฉันรู้ว่าฉันเลวที่ให้พวกเขาโผล่มาตอนป่านนี้ T^T
    เม้นกันหน่อยนะคะ จะได้เป็นกำลังใจให้คนเขียนได้แต่งต่อไป ^____^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×