ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic reborn 0095] Parallel non-day meet

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่8

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 53


                "แม่ฮะ ผมอยากกินไอ้นั้นอ่ะ"
                "ปาโป่งมั้ยจ้ะน้องสาว"
                "สนใจทานไอศกรีมกันมั้ยคร้าบ~"
                "ไอ้แก่! ริอาจพาชู้มาสวนสนุกเรอะ!"
                เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คนในสวนสนุกนั้น ไม่ได้ทำให้เด็กสาวร่างบางหลุดออกจากภวังค์ได้เลย เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะชำเลืองมองคนข้างๆ และก้มหน้ากลับไปเหมือนเดิม
                หลังจากที่เอนมะได้กลับมากจากห้องน้ำแล้ว เขาก็เดินออกจากสวนดอกไม้ไปโดยไม่พูดอะไร ทำให้เธอต้องรีบยกมือไหว้สวัสดีคุณลุงแทบไม่ทันก่อนจะรีบวิ่งตามออกมา เคียวโกะส่งเสียงเรียกเอนมะให้หยุดรอเธอก่อน ซึ่งเอนมะก็หยุดเดินแต่ไม่พูดอะไรแถมไม่ยอมหันหลังกลับมาด้วย ร่างบางสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของเอนมะจึงชวนคุยทันทีที่เดินตามทัน แต่คำตอบทีได้มาก็มีแต่ "อืม" ไม่ก็ "นั่นสินะ" ราวกับตอบส่งๆ ไป ร่างเล็กจึงเลิกความพยายามที่จะชวนคุยแล้วเดินตามเขาไปเงียบๆ โดยจะแอบลอบมองเอนมะเป็นระยะๆ

                เฮ้อ~! เอนมะคุงเป็นอะไรกันนะ
              
    หลังจากที่ได้ยินข่าวลือในสวนสนุกก็นิ่งเงียบไปเลย
             
    หรือว่า... เขาจะไม่ได้คิดกับเราแบบนั้น...

              
    "...โกะ เคียวโกะ!" ร่างเล็กสะดุ้งตามเสียง ก่อนจะหันไปมองคนเรียกด้วยความมึนงง
              "เอ๋ มีอะไรเหรอจ้ะ"
               "ฉันถามเธอว่าเธอหิวแล้วหรือยัง จะได้แวะหาอะไรใส่ท้อง"  
               "อ่อ คือฉันยังไม่ค่อยหิว... หวา!" สะดุ้งเหงื่อตกเมื่อเห็นใบหน้าที่แลดูคล้ายจะผิดหวังอย่างแรงหลังจากที่เธอพูด
               "เอ่อ.... คือ..."  หรือว่าเราพูดอะไรผิดๆ ไป?
               "เหรอ... ยังไม่หิวหรอกเหรอ" เสียงหงอยๆ กล่าว แต่ยังไม่ทันที่เคียวโกะจะหายสงสัยในความจ๋อยของเด็กหนุ่ม เอนมะก็ทำให้เธอตกใจหนักกว่าเก่าเมื่อเขาได้ลงไปนั่งกอดเข่าเข้าหากำแพงในมุมหลืบ แถมยังปล่อยออร่าทะมึนๆ ออกมาเป็นของประกอบฉากอีกด้วย
     
                อะ... อะไรกันเนี้ย~!!

                ทันใดนั้นเด็กสาวก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าทำไมเอนมะถึงได้ดูผิดหวังอย่างนี้ ซึ่งพอนึกเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
                "... ขำอะไรของเธอน่ะ" ผีตายซากมุมกำแพง (?) เอ่ยขึ้น
                "คิกๆ เอนมะคุงหิวแล้วล่ะสิท่า"
                "เปล่านะ! ฉันก็แค่..."
               โครก~!!
                เสียงๆ เดิมที่มักจะคอยทำให้เด็กหนุ่มเสียหน้าอยู่บ่อยๆ และคอยเรียกเสียงหัวเราะจากร่างบางอยู่เสมอ
                "ไม่หิว... ฮะๆ" หัวเราะอย่างไม่เกรงใจคนตรงหน้าที่กำลังอายหน้าดำหน้าแดง "เลิกหัวเราะได้แล้วน่า"
                "อุ๊บ คิก~ โอเคจ้ะ งั้นเราไปกินเคเอฟซีตรงหัวมุมตรงนู้นแล้วกันนะจ้ะ" ใบหน้าคมฉงน
                "... วันนี้ไม่ได้ทำข้าวกล่องมาหรอกเหรอ" เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เคียวโกะทำหน้าบอกไม่ถูกเมื่อเจอคำถามนี้
                "คือ... ที่จริงฉันทำมาแล้วนะจ้ะ แต่พอดีรีบไปหน่อย ก็เลย..." เด็กสาวพลางเกาหัวแกรกๆ อย่างเขินอายในความเปิ่นของตัวเอง ตื่นเต้นมากเกินไปก็อย่างนี้แหล่ะน้า...
                "หืม... "
               "ระ เรื่องนั้นช่างมันเถอะจ้ะ เรารีบไปกินข้าวกันดีกว่าเนอะ" ใบหน้าหวานพยายามเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับดึงแขนคนข้างๆ มาด้วย แต่เขากลับไม่ยอมเดินตาม
               "งั้นฉันไม่กินดีกว่า" นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างขึ้นอย่างตะลึงตกใจ ก่อนจะกระวีกระวาดวัดอุณหภูมิเด็กหนุ่มอย่างร้อนรน "เอนมะคุงไม่สบายหรือเปล่าจ้ะ? หรือว่าปวดท้อง? ถ้าเกิดปวดท้องฉันมียานะจ้ะ"
               "นี่ๆ แค่ฉันบอกว่าจะไม่กินมันแปลกนักเหรอ"
               "มากๆ เลยล่ะจ้ะ!!" ตอบทันควันด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่สุด
               "นี่ฉันเหมือนคนเห็นแก่กินขนาดนั้นเลยรึนี่..." รำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ แต่คนข้างๆ กลับได้ยินและรีบบอกปัดไป "ไม่ใช่นะจ้ะ! ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น อ่า... อย่าทำหน้าเศร้าสิจ้ะเอนมะคุง~"
               แต่เอนมะก็ยังซึมเศร้า (?) พลางพึมพำกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่า 'ใช่สิ เรามันเห็นแก่กิน เรามันเห็นแก่ได้ พึมพำๆ...'
               ทำยังไงดีเนี้ย~!
               "อ๊ะ ตรงโน้นมีช็อคโกบานานาขายนี่นา เดี๋ยวฉันไปซื้อมาให้นะจ้ะ" ว่าแล้วก็ผลุนผลันออกตัวไปซื้อทันที
               เวลาผ่านไปได้สักพักเคียวโกะก็กลับมาพร้อมกับถือช็อคโกบานาน่ามาสองแท่ง เธอยื่นแท่งหนึ่งไปให้เอนมะ "เอนมะคุง หายงอนนะ?"
              เด็กหนุ่มมองมันอย่างชั่งใจนิดนึง ก่อนจะหยิบช็อคโกบานานามาและรีบสวาปามไปอย่างรวดเร็ว
              ไม่เห็นแก่กินเลยจริงๆ...
              เคียวโกะมองร่างที่กำลังกินช็อคโกบานานาอย่างเอาเป็นเอาตาย อย่างขำๆ ก่อนจะลงมือทานของตัวเองบ้าง
              จนเมื่อทั้งคู่ทานเสร็จแล้ว คนผมแดงก็เอ่ยปากชวนเด็กสาวทันที
              "เอ้า ไปกันต่อเถอะ" เขาส่งมือมาให้เธอ ในขณะที่ร่างบางกำลังงงงวยกับคำชวน "ไปไหนเหรอจ้ะ?"
              "ไปขึ้นชิงช้าสวรรค์กันไง!"


              ภายในกระเช้า
              "..."
              "..."
              รู้งี้ไม่ขึ้นมาเสียก็ดีหรอก! 
              เคียวโกะคิดอย่างอึดอัดใจ ก็แหม! ถ้าเกิดรู้ว่าข้างในมันแคบพอที่จะนั่งแค่สองคน แถมยังต้องนั่งเบียดๆ กันอีก เธอก็คงไม่ขึ้นมาตั้งแต่ทีแรกแล้ว
              ต้องคอยมานั่งให้หัวใจเสียวเล่นนี่ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะ ไหนจะต้องสะดุ้งเฮือกทุกทีโดนตัวเอนมะคุง ไหนจะต้องคอยเบนสายตาไปทางอื่นจนไม่รู้จะมองไปทางดี....
              ถ้าเกิดเราจะตาย ก็ตายเพราะชิงช้าสวรรค์นี่แหล่ะ!
              พวกเขานั่งเงียบไปครู่ใหญ่เพราะต่างก็ทำตัวไม่ถูก จนเมื่อกระเช้ามาถึงจุดสูงสุด...
              "เคียวโกะ... ดูนั่นสิ" เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น เด็กสาวจึงมองไปตามทางที่เอนมะบอก
              "ว้าว!" เธอร้องออกมาอย่างตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้า ซึ่งเป็นวิวที่แทบจะมองเห็นเกือบทั่วเมืองนามิโมริเลยก็ว่าได้ แสงพระอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะลับตา ส่องลงมายังเมืองทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก เป็นความงามที่ไม่สามารถจะละสายตาได้
              "สวยจังเลยนะ.... อ๊ะ" ร่างบางที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าคนข้างๆ นั้นได้เข้ามาประชิดตัวจากข้างหลังที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไร
              ร่างของทั้งสองใกล้ชิดกันเสียจนได้กลิ่นกลิ่นกาย เคียวโกะหน้าแดงเมื่อเอนมะได้พ่นลมหายใจจรดตรงหลังใบหูเธออย่างเบาๆ ครั้นจะหันไปมองคนข้างหลัง ใบหน้าก็ห่างกันไม่กี่เซนต์ขนาดที่ว่าถ้าเกิดใครเผลอพูดออกไป ริมฝีปากคงได้แตะกันเป็นแน่
              "เอ่อ... เอนมะคุงจ้ะ ช่วยถอยออกไปหน่อยได้มั้ย คือฉันหายใจไม่ค่อย..." ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ริมฝีปากบางก็ถูกปิดด้วยริมฝีปากของคนอีกคน
              จูบครั้งที่สองนั้นช่างหอมหวาน และอ่อนโยนกว่าครั้งแรกเป็นไหนๆ อาจเป็นเพราะบรรยากาศหรืออาจจะเป็นความรักที่เธอมีให้เขามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้จูบนี้หวานดั่งลูกกวาดรสมิ้นท์ที่เพลิดเพลินและรู้สึกดี
              เนิ่นนานหลายวินาทีกว่าที่เขาจะถอนจูบออก ร่างบางที่ปากช้ำจากการกระทำเมื่อสักครู่กำลังสูดลมหายใจเข้าอย่างเอาเป็นเอาตาย เนื่องจากเธอยังไม่มีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มากเท่าไร แถมยังนานเสียจนเธอหายใจไม่ทัน เอนมะเผลอหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

               ฮ่าๆรอยยิ้มที่เรียกเสียงหัวใจให้เต้นรัวเป็นจังหวะกลองดัง เคียวโกะมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แล้วยิ้มบางๆ ให้กับตัวเอง

               อย่างนี้หรือเปล่านะ ที่เขาเรียกว่าความสุข?

              งั้นฉันขอ... ขอให้มันเป็นอย่างนี้...

             .... ตลอดไป                                     


             ลงกันเถอะ  เด็กสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะลงจากกระเช้าที่วนจนหมดรอบแล้ว ตามด้วยเอนมะ

              เด็กหนุ่มเหลือบมองดูนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาว่าใกล้เวลาที่ขบวนพาเหรดกำลังจะเริ่มแล้ว แต่ในขณะที่เขาจะเอ่ยปากชวนเด็กสาว เสียงข้อตวามเข้าก็ดังขึ้น

              โทษทีนะ แป๊บนึงเขาหันขอโทษเด็กสาวก่อนจะดูชื่อคนส่งมาว่าเป็นใคร

               จากอาเดลไฮท์?

               ปลายหางคิ้วเลิกขึ้นอย่างสงสัย เธอก็รู้ดีนี่นาว่าวันนี้เรามาเดทกับเคียวโกะ แต่ทำไมถึงส่งข้อความมานะ? มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า? เด็กหนุ่มสลัดความคิดพวกนั้นออกจากหัว และอ่านข้อความให้รู้กันไปเลย ดีกว่ามานั่งสับสนกับตนเอง

                โกคุเทระ ฮายาโตะ เรียกรวมพล ให้พวกเรามารวมตัวกันที่ร้าน xxx อย่างเร่งด่วน

                 ข้อความสั้นๆ แต่ได้ใจความปรากฏขึ้นในสายตาของเอนมะ เรียกรวมพลทำไมนะ หรือว่าเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อวานตอนกลางวัน  เด็กหนุ่มคิดไปถึงตอนที่ซาวาดะ สึนะโยชิโดนลอบจู่โจมจากแฟมิลี่อื่นที่ไม่เห็นด้วยกับพิธีสืบทอดครั้งนี้ เอาไงดีล่ะ ไปดีมั้ยนะ แล้วขบวนพาเหรดที่สัญญากับเคียวโกะไว้ว่าจะไปดูด้วยกันจะทำยังไงล่ะ? เอนมะคิดอย่างหนักใจ

                เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าจ้ะเอนมะคุงเคียวโกะถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล เด็กหนุ่มมองหน้าเธอก่อนจะตัดสินใจไป

               ขอโทษนะ ฉันคงไปดูขบวนพาเหรดกับเธอไม่ได้แล้วล่ะเขาว่าพลางก้มหัวขอโทษเด็กสาว

               เอ๋?

               เมื่อกี้อาเดลไฮท์ส่งข้อความมาน่ะ ว่าให้ไปเจอกันที่ร้าน xxx ด่วน เห็นว่ามีปัญหาอะไรสักอย่างนี่แหล่ะ

               อาเดลไฮท์... คนที่ย้ายมาพร้อมกับเอนมะคุงน่ะเหรอจ้ะ

               อืม ขอโทษด้วยนะเขาขอโทษเธออีกที เพื่อบอกให้เธอรู้ว่า เขาเสียใจจริงๆ

               ไม่เป็นไรจ้ะ ไปดีมาดีแล้วกันนะจ้ะเธอว่าด้วยรอยยิ้มอย่างไม่สงสัยอะไร เอนมะมองเคียวโกะด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ก่อนจะออกตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยพูดทิ้งท้ายไว้ให้เด็กสาวใจเต้นอยู่คนเดียว

                ขอโทษจริงๆ นะ ไว้คราวหน้าเราไปพักค้างแรมที่ทะเลแล้วกัน ฉันจะทำให้เธอไม่ผิดหวังแน่นอน

                เด็กสาวหน้าแดงแปร๊ด และตะโกนไล่หลังกลับไป

                ที่ว่าไม่ผิดหวังหมายถึงอะไรกันแน่จ้ะ! แล้วทำไมถึงต้องมีคำว่า ค้างแรมด้วยล่ะ!!” เอนมะหันมายิ้มทะเล้น ก่อนจะหายตัวไปท่ามกลางผู้คน เคียวโกะทำหน้ามุ่ยกับตัวเอง และก้าวเท้ากลับบ้านของตัวเองบ้าง เพราะตอนนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย

                ว่าแต่เอนมะคุงกับผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์ยังไงกันนะ?



    ____________
    ตอนนี้มาแบบมึนๆ เพราะตอนแต่งไรท์เตอร์ก็มึนๆ เหมือนกันค่ะ (ฮา)
    ขอคอมเม้นหน่อยนะค้า~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×