ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - JESSICA HAREM ( SNSD&ETC. ) -

    ลำดับตอนที่ #8 : 007 - ' HUNSIC ' ❤ Love direct selling - 40 per.

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 60











     









    ความรักมันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา และทุกสถานที่

    แต่ความรักที่อยู่ๆก็ส่งตรงมาถึงบ้านแบบนี้มันก็น่าตกใจไปนะ...














    #ในเช้าวันหนึ่ง

    เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ดีเป็นอย่างมาก อากาศนี่ก็เย็นกำลังดีชวนให้ผมไม่อยากจะลุกขึ้นจากที่นอนเลยล่ะ ถ้าไม่ได้ยินเสียงของกริ่งหน้าประตูบ้านที่ส่งเสียงดังถี่ๆที่เป็นสัญญาณบอกได้ว่าคนที่มาหาผมนั้นกดย้ำอย่างบ้าระห่ำจนผมไม่สามารถจะนอนต่อได้จึงต้องลุกขึ้นจากที่นอนพลางมุ่ยหน้าอย่างไม่พอใจแล้วเดินออกจากห้องแล้วลงบันไดไปชั้นล่างก่อนจะเดินไปที่ประตูหน้าบ้านเนี่ยแหละ -_-

     

    เมื่อผมเดินก้าวฉับๆจนมาถึงหน้าประตูซึ่งแน่นอนเสียงของกริ่งนั้นมันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนที่กำลังกดน่ะไม่เหนื่อยบ้างเหรอ? ถึงได้กดย้ำแทบไม่มีเวลาหายใจแบบนั้นน่ะ -...-

     

    “กว่าจะเดินมาเปิดได้นะ!” เมื่อผมเปิดประตูก็พบเข้ากับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีใบหน้าเรียวสวยเป็นรูปไข่ ดวงตาทั้งสองข้างก็ดูสวยราวดั่งเพชร สันจมูกที่โด่งนั้นช่างรับกับใบหน้าของเธอคนนี้ได้ดีทีเดียว ถ้าให้พูดแบบรวมๆเลยก็คือผู้หญิงตรงหน้าถือว่าสวยขั้นนางแบบเลยล่ะ *O* ว่าแต่...ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน?

     

    “เอ่อ...เธอเป็นใคร?” ผมเอ่ยปากถามผู้หญิงตรงหน้าอย่างสงสัยที่พอเปิดประตูมาเจอหน้ากันก็ขยับปากบ่นผมทำเหมือนเราสองคนสนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทอง(?)ทั้งที่ผมไม่เคยเจอหน้าเธอมาก่อน

     

    เจสสิก้าจองจบป่ะ!” ผู้หญิงตรงหน้าตอบด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดก่อนจะเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่เข้ามาในบ้านของผมทันทีโดยที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากให้เข้ามาสักคำ เป็นผู้หญิงที่มารยาทไม่มีเลยจริงๆเถอะ - -

     

    “เดี๋ยวก่อนดิ! อยู่ๆเธอมาบอกชื่อของเธอทำไม? สิ่งที่ฉันถามคือว่าเธอเป็นใครนะ!” ผมที่เพิ่งได้สติก็ปิดประตูบ้านให้เหมือนเดิมก่อนจะเดินตามผู้หญิงคนนั้นไปอย่างรวดเร็วพลางเอ่ยปากถามคำถามเดิมซ้ำ

     

    “ฉันเป็นใครไม่สำคัญรู้แค่ชื่อกันก็พอแล้วนายชื่ออะไร?” เจสสิก้าตอบผมก่อนจะถามผมกลับพลางเลิกคิ้วสูง

     

    “เซฮุน...โอเซฮุน” ผมตอบคำถามของเจ้าหล่อนอย่างง่ายดายเพราะไม่อยากจะมีปัญหากับเธอหรอกนะท่าทางดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ =[ ]=

     

    “ชื่อเฉิ่มชะมัดเลย..แล้วมีห้องไหนว่างบ้างมั้ย?” เจสสิก้าบอกเชิงบ่นพร้อมกับเบะปากใส่ก่อนจะถามต่อเหมือนกับว่าที่นี่คือคอนโดโดยเธอเป็นลูกค้าและผมเป็นพนักงานของที่นี่ ให้ตายสิผู้หญิงคนนี้ไม่มีความเป็นกุลสตรีอะไรเลยจริงๆ

     

    “เดี๋ยวก่อนนะที่นี่เป็นบ้านของฉันไม่ใช่คอนโดบางทีเธออาจจะมาผิดที่” ผมบอกเจสสิก้าเพื่อให้เธอเข้าใจ บางทียัยนี่อาจจะมาหาเพื่อนหรือญาติแล้วมาผิดบ้านก็ได้นะ -0-

     

    “บ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านก็มีแต่บ้านหลังนี้ไม่ใช่รึไง? แล้วฉันจะเข้าผิดบ้านได้ด้วยเหรอ?” เจสสิก้าย้อนผมกลับจนผมแทบจุก ปากร้ายเป็นบ้าเลยผู้หญิงคนนี้ - -!

     

    “แต่ฉันไม่ได้รู้จักเธอเลยนะ” ผมบอกให้เจสสิก้าเข้าใจ

     

    “แล้วใครว่าฉันรู้จักนายมิทราบ - -“ เจสสิก้าตอบกลับมาด้วยสีหน้าเอือมๆระคนมึน เดี๋ยวๆผู้หญิงคนนี้มันเต็มหรือเปล่าวะ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะครับ!!

     

    “ถ้าไม่รู้จักแล้วจะมาที่นี่ได้ยังไงเล่า!” ผมบอกคนตรงหน้าอย่างโมโห รู้จักก็ไม่ได้รู้จักกันแต่กลับเดินเข้ามาในบ้านผมหน้าตาเฉยแถมยังทำตัวเหมือนตัวเองเป็นแขกวีไอพีอย่างนั้นแหละ

     

    “ก็นั่งรถมาตามแผนที่จบป่ะ! ถามมากอยู่ได้” เจสสิก้าตอบผมด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดแถมยังด่าผมต่ออีก เอ้า! คนไม่รู้มันผิดเหรอครับ!!?

     

    “ห้องน้ำอยู่ไหน?” เจสสิก้าเปลี่ยนเรื่องถามผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

     

    “อยู่ทางนั้น” ผมตอบพลางชี้ให้เจ้าหล่อนดู

     

    “ดี! นายช่วยเอากระเป๋าชั้นขึ้นไปเก็บด้วยนะ J” เจสสิก้าบอกกก่อนจะสั่งผมแล้วเดินลั้ลลาเข้าห้องน้ำไป โว๊ะ! ผมเป็นเจ้าของบ้านนะครับไม่ใช่คนใช้!!!

     

     

     

    หลังจากวันแรกที่ผู้หญิงอย่าง เจสสิก้า ย่างก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้และชีวิตของผม ในคราแรกที่ผมเห็นเธอผมกล้าพูดอย่างเต็มปากว่าเธอเป็นเหมือนรักแรกพบของผม...แต่พอเจอคำพูดของเธอเข้าไปทุกอย่างมันสลายไปหมด T^T และที่แย่กว่านั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 3 วันชีวิตผมแทบหาความสงบสุขไม่เจอเลย บ้างก็ใช้ผมทำอาหาร บ้างก็ใช้ให้ผมจัดการกับแมลงสาบ

     

    เธอสั่งผมทุกอย่างเปรียบเสมือนกับว่าผมเป็นคนใช้ส่วนตัวของเธอดีๆนี่เอง =[ ]= ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ไม่เคยต้องมาเป็นคนรับใช้ใครเลยนะแล้วยัยเจสสิก้าคนนี้เป็นครายยยยยยยย!!!!

     

    “เซฮุน!! ท่อน้ำแตกอ่ะมาซ่อมหน่อยสิ!” อีกแล้วนี่มันครั้งที่สามแล้วนะที่เธอทำแตกไม่รู้ว่าแรงเธอมันเยอะหรือท่อน้ำของผมมันไร้คุณภาพเองกันแน่ แต่ขอบอกไว้เลยว่าผมยังไม่เคยทำมันแตกสักครั้งเลย =[  ]=

     

    “เธอไปทำอะไรมันอีกเล่า!” ผมรีบวิ่งไปดูในห้องน้ำก็พบกับเจ้าปัญหาและแน่นอนทั้งผมและเธอเปียกกันไปหมดเพราะน้ำมันกระจายออกมาทั่วห้องก่อนจะถือโอกาสฉุด(?)เจสสิก้าออกจากห้องน้ำไม่งั้นได้เปียกกันไม่เลิกแน่

     

    “ไม่ได้ทำสักหน่อยท่อน้ำของนายมันไร้คุณภาพนี่!” เจสสิก้าเถียงผมแบบข้างๆคูๆแถมยังไปโทษสิ่งของที่ไม่มีชีวิตซะอีก ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่ยอมให้ตัวเองผิดเลยจริงๆ !!!!

     

    “ท่อน้ำนี้ฉันใช้มา 5 ปีมันไม่เคยมีปัญหาเลยแต่พอเธอมาอยู่ก็เป็นแบบนี้!” ผมบอกเชิงต่อว่าผู้หญิงข้างๆที่ยืนทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว

     

    “ไม่เห็นจะเกี่ยวเลยแล้วแทนที่จะบ่นโบ้ยความผิดให้ฉันรีบโทรไปให้ช่างมาซ่อมสิ! บื้อได้โล่เลยเถอะนายอ่ะ!” เจสสิก้าบอกแบบตัดบทก่อนจะเอ่ยปากสั่งแถมยังมีหน้ามาด่าผมอีก

     

    “ทำผิดแล้วยังมีด่าคนอื่นอีกเธอนี่มันเกินคนเลย!!” ผมเอ่ยปากเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้เจ้าหล่อนเช่นกัน

     

    “ใครว่าฉันผิด! นายมีหลักฐานป่ะล่ะ!?” เจสสิก้ายังไม่เลิกแก้ตัวแถมยังเถียงผมกับพร้อมต้องการหลักฐานที่บ่งบอกว่าเธอเป็นคนผิด โว๊ะ! ใครมันจะไปมีวะไม่คิดว่าเกิดเรื่องนี่ถ้ารู้แบบนี้ติดกล้องวงจรปิดดูทุกสถานการณ์แม่ม!

     

    “...........”

     

    “เงียบแบบนี้แสดงว่าไม่มีหลักฐานเพราะฉะนั้นแทนที่นายจะมาโยนความผิดให้กับฉันรีบไปโทรหาช่างมาซ่อมซะฉันขอไปนอนก่อนนะ J” เจสสิก้าบอกอย่างรู้ทันว่าผมคงไม่มีทางเล่นงานเธอได้ก่อนจะเอ่ยปากแล้วส่งยิ้มมาให้ก่อนจะเดินหนีขึ้นห้องนอนไป เหอะ! ถ้านิสัยเธอไม่ใช่แบบนี้ผมจะชอบรอยยิ้มรอยนี้มาก!

     

     

     

    #บนห้องนอนของเจสสิก้า

    หลังจากหนีจากเซฮุนเข้ามาในห้องได้แล้วเจสสิก้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ความจริงที่ท่อน้ำแตกมันก็เป็นฝีมือของเธอนั่นแหละแต่ถ้าบอกว่าเป็นคนทำมีหวังโดนเซฮุนใช้ให้ซ่อมแน่ เจสสิก้าไม่เอาด้วยหรอกนะ T[         ]T

     

    “เฮ้อ! ทำไมคุณน้าจะต้องให้ฉันมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ” เจสสิก้าถอนหายใจก่อนจะเดินห่อเหี่ยวมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างเหนื่อยอ่อน เหตุผลที่เธอมาที่นี่เพราะว่าคุณน้าซึ่งเป็นแม่ของเซฮุนได้ไหว้วานให้เธอช่วยทำให้เซฮุนมีความรักกับเขาเสียที

     

    ซึ่งมันทำให้เจสสิก้าคิดแล้วคิดอีกแต่ด้วยความที่คุณน้ามีพระคุณต่อเธอและครอบครัวเธอมากทำให้เจสสิก้าไม่สามารถปฏิเสธได้จึงต้องเก็บกระเป๋ามาที่บ้านของเซฮุนโดยคุณน้าเป็นคนบอกไว้ว่าห้ามให้เซฮุนรู้เด็ดขาดว่าคุณน้าส่งตัวเธอมา

     

    ความจริงเธอก็ไม่ได้อยากจะทำตัวไม่ไร้มารยาทแบบนั้นหรอกแต่ถ้าทำตัวแบบผู้หญิงทั่วไปมันก็ยังไงอยู่มีหวังเซฮุนคงจะไม่ให้เธออยู่ด้วยแน่เลยต้องใช้วิธีหน้าด้าน(?)แบบนี้เนี่ยแหละถ้าเขาไล่ก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น

     

    “แล้วฉันจะเริ่มต้นยังไงดีเนี่ย!” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างคิดหนักพลางยกมือทั้งสองข้างมากุมขมับพลางคิดหาวิธีในการทำให้เซฮุนมีความรัก แต่เรื่องแบบนี้มันต้องเกิดจากความรู้สึกของเจ้าตัวสิ! แล้วเธอจะทำยังไงล่ะ!?

     

    “จริงสิ...เราจำเป็นต้องรู้สเปคของเซฮุนก่อนไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางหาผู้หญิงให้ถูกใจแน่” เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจสสิก้าก็เด้งตัวขึ้นจากที่นอนก่อนจะลุกแล้วก้าวเดินฉับๆไปที่ประตูพลางเปิดออกแล้วเดินลงไปชั้นล่างทันทีโดยที่ยังไม่ได้ปิดประตูให้สนิท

     

    เมื่อลงมาข้างล่างเจสสิก้าก็พยายามกวาดสายตามองหาเซฮุนแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เขาไปไหนของเขากันนะ? คิดอยู่ในใจก่อนจะพยายามมองหาอีกครั้งแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเจอ

     

    “ไหนบอกว่าจะขึ้นไปนอนไง!” แต่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆเสียงของเซฮุนก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังส่งผลให้เจสสิก้าเผลอกระโดดหนีไปตามนิสัยของเธอเวลาตกใจอะไรมากๆทำให้หน้าผากของเธอไปกระแทกกับเสาของบ้านอย่างจัง

     

    “โอ๊ยยยยยยย...!” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบที่หน้าผากปอยก่อนจะพยายามตั้งสติที่ตอนนี้มันกำลังมึนอยู่ซึ่งมาจากสาเหตุเมื่อครู่นั่นแหละ

     

    “เป็นอะไรมั้ยเนี่ย?” เซฮุนถามเจสสิก้าด้วยน้ำเสียงที่ติดเป็นห่วงระคนตกใจ ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบนิสัยของผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่แต่ยังไงเจสสิก้าก็ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงเขาก็ต้องห่วงเป็นธรรมดานั่นแหละ

     

    “ก็เจ็บน่ะสิถามได้! แล้วเดินมาทำไมเงียบๆล่ะ?” เจสสิก้าบอกเสียงดังก่อนจะถามต่ออย่างสงสัย

     

    “แล้วฉันผิดตรงไหน? นี่บ้านฉันฉันอยากจะเดินมีเสียงหรือไม่มีก็สิทธิ์ของฉันดิ -..-“ เซฮุนตอบเจสสิก้ากลับอย่างกวนๆจนทำให้เจสสิก้าลืมความเจ็บไปชั่วขณะ

     

    “ย๊า! ฉันถามนายดีๆนะก็ตอบดีๆเซ่!” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างหงุดหงิดที่โดนตอบกลับอย่างกวนๆ

     

    “เออๆแล้วลงมาทำไม?” เซฮุนบอกปัดๆก่อนจะถามต่ออย่างสงสัยเพราะไม่อยากจะทะเลาะหรอกนะ

     

    “สเปคผู้หญิงของนายเป็นยังไงเหรอ?” เมื่อโดนถามมาทำให้เจสสิก้านึกถึงจุดประสงค์ของเธอออก เธอจึงเอ่ยถามออกไป

     

    “จะอยากรู้ไปทำไม? - -“ เซฮุนไม่ตอบแต่ดันถามกลับพร้อมกับส่งสายตาเชิงจับผิดอีกฝ่าย นึกยังไงมาถามสเปคเรา? ยัยนี่คิดจะทำอะไรของเขา - -

     

    “ตอบมาเถอะน่า! จะมาสงสัยอะไรนักหนาล่ะ” เมื่อโดนถามกลับโดยที่ยังไม่ให้คำตอบเจสสิก้าก็เกิดหงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อๆทำให้เผลอหงุดหงิดใส่คนตรงหน้าไปด้วย

     

    “ฉันชอบผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงจบมะ?” เซฮุนตอบก่อนจะทำท่าเดินเข้าไปในห้องครัวแต่คำตอบของเขากลับไม่มีความกระจ่างทำให้เจสสิก้าต้องรีบลุกขึ้นแล้วสาวเท้าเดินตามเซฮุนไปเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบที่ชัดเจนมากกว่านี้

     

    “แล้วผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงมันเป็นแบบไหนล่ะ?” เจสสิก้าถามเซฮุนอย่างเซ้าซี้ในขณะที่เขาเปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำออกมาเทใส่แก้วแล้วกระดกดื่มในรวดเดียว

     

    “ก็แบบที่ไม่ใช่เธอไงล่ะ!” ตอบหลังจากดื่มน้ำเสร็จก่อนจะเก็บขวดน้ำไว้ในตู้เย็นเหมือนเดิม

     

    “แล้วแบบฉันมันต่างจากผู้หญิงคนอื่นตรงไหนล่ะ?” เจสสิก้าถามเซฮุนอย่างสงสัยแต่สำหรับเซฮุนมันเหมือนกับเธอกำลังแสดงความโง่ออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัวนะ ผู้หญิงบ้าอะไรวะดูเหมือนฉลาดแต่กลับโง่เนี่ย - -

     

    “มีสมองลองคิดเองดูดิ!” เซฮุนพูดแค่นั้นก่อนจะเดินหนีเจสสิก้าไปทิ้งให้เจสสิก้าครุ่นคิดกับคำตอบของเซฮุน แต่พอคิดไปคิดมามันก็ทำให้เธอรู้ว่าเซฮุนกำลังหาว่าเธอโง่!

     

    “ฮึ้ย! ไอผู้ชายปากกระเบื้อง(?)!” เจสสิก้าร้องออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะสบถคำด่าใส่ผู้ชายที่เดินออกจากห้องครัวไปหลายนาทีแล้วก่อนที่เธอจะเดินกระแทกเท้าปึงปังขึ้นห้องไปด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดระคนโมโห ใครว่าฉันโง่ ฉันแค่คิดไม่ทันหรอกย่ะ!

     

     

    เวลาผ่านมาเกือบจะหนึ่งสัปดาห์แล้วแต่ฉันไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นช่วยให้เซฮุนมีความรักยังไงดี? เวลาถามถึงสเปคเขาทีไรเขาก็ชอบกวนใส่ฉันจนฉันแทบอยากจะกระโดดถีบสองขา(?)ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแต่มันติดที่ทำไม่ได้ไง! แล้วอีกอย่างใครมันจะโง่ทำล่ะเนอะได้เจ็บตัวแน่ =[  ]=

     

    “เจสสิก้า...เจสสิก้า...เจสสิก้าโว้ย!~” ในขณะที่ฉันกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองแต่ฉันก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงของเซฮุนดังอยู่ข้างๆอยู่จนรู้สึกเหมือนคลอเคลียในหูจะพังนั่นแหละทำให้ฉันทั้งสะดุ้งและตกใจจนเผลอเด้งลุกขึ้นจากโซฟากะทันหันจนทำให้หัวของฉันไปกระแทกเข้ากับคางของเซฮุนอย่างจัง

     

    “โอ๊ย!/โอ๊ย!” เราทั้งสองคนต่างก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บที่ไม่ต่างกัน

     

    “เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!?” เซฮุนเปิดปากดุฉันพลางยกมือขึ้นมาจับที่ปลายคางนั่น

     

    “นายนั่นแหละมาพูดเสียงดังข้างหูใส่ทำไมล่ะฉันก็ตกใจสิ!” ฉันเปิดปากตอบพลางถลึงตาใส่อย่างกรุ่นโกรธ

     

    “ก็ฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้งแต่เธอไม่ตอบรับเองนี่หว่า” เซฮุนตอบเสมือนกับว่าเขากำลังโยนความผิดมาให้ฉัน

     

    “จะว่าฉันผิดหรือไง?” ฉันเอ่ยปากถามพลางมองหน้า

     

    “โอ๊ยยยย~~~ เธอจะไปผิดได้ยังไงตั้งแต่ฉันอยู่กับเธอมาฉันก็ผิดตลอดแหละ” เซฮุนตอบแกมประชดฉัน นี่กะจะทำให้ฉันสำนึกสินะแต่ขอโทษเถอะค่ะคนอย่างเจสสิก้าหน้าด้านกว่าที่คิด(?)

     

    “แล้วนายมีอะไรกับฉันเหรอ?” ฉันเลือกที่จะไม่ใส่ใจคำพูดของเซฮุนแต่กลับเอ่ยปากถามเพื่อให้คลายความสงสัย

     

    “เมื่อไหร่เธอจะออกไปจากบ้านฉันสักที” เซฮุนเอ่ยถามเสียงเรียบแต่กลับมีสีหน้าจริงจังทำเอาฉันรู้สึกจุกที่คอ ทำไมฉันรู้สึกว่าต่อมความหน้าด้านของฉันมันหยุดทำงานวะคือตอนนี้บอกเลยนะว่าหน้าชามาก

     

    “ไม่รู้! ไม่ออก! ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ!” ฉันตอบพลางเปิดปากโวยวายก่อนจะรีบสะบัดตูด(?)หนีขึ้นห้องนอนไป ทำไมอยู่ๆมันรู้สึกอยากจะร้องไห้วะ? ทำไมอ่ะ? ฉันมันดูแย่มากเลยไงวะ TT

     

    “มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิจะหนีไปแบบนี้ตลอดไม่ได้นะเว้ย!” เซฮุนตะโกนไล่หลังฉันด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดแต่ฉันเลือกจะไม่ฟังแล้วรีบเปิดประตูพร้อมกับแทรกตัวเข้าไปภายในห้องนอนอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูห้องพร้อมกับลงกลอนประตูที่ฉันแอบให้ช่างมาทำตอนที่เซฮุนไม่อยู่






    “เอะอะก็ไล่ไอคนใจร้าย! คิดว่าฉันอยากจะอยู่ให้นายมาไล่หรือไงกันเล่า…” ฉันบ่นกับตัวเองอย่างน้อยใจก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนพลางเอนหลังนอนราบไปกับเตียงนอนด้วยความรู้สึกหลากหลาย ยอมรับว่าการมาอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักกันเลยมันดูหน้าด้านแค่ไหนแต่ก็อย่างที่บอกไงฉันจะยังกลับไม่ได้ถ้าเซฮุนยังไม่มีแฟน T^T

     

    “ควรทำยังไงดี?” ฉันพูดขึ้นพลางนึกคิดหาทางออกให้เรื่องนี้มันจบๆแต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยสักนิด

     

    ไลน์~~

     

    .ในขณะที่ฉันกำลังพยายามครุ่นคิดหาทางออกเพื่อจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเสียงข้อความเข้าของแอพพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นซึ่งมันก็ดึงความสนใจของฉันได้เป็นอย่างดีโดยการที่ฉันหันไปมองแล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาแล้วเปิดหน้าจอดูชื่อของคนที่ส่งข้อความมา…ปาร์คชานยอล

     

    Real__pcy : ว่างมั้ย?

    Real__pcy : ออกมาหาหน่อยดิ

    Jessica.syj : ทะเลาะกับซึลกิอีกแล้วใช่ป่ะ

    Real__pcy : เออ

         Jessica.syj : ครั้งนี้ทะเลาะเรื่องอะไรกันอีกล่ะ?

    Real__pcy : ซึลกิจะแต่งงาน

                                                                                    Jessica.syj : เรื่องจริง! O_O

    Real__pcy : เออ รายละเอียดเดี๋ยวเล่า

    ตกลงออกมาหาได้ป่ะ?

                                                                                    Jessica.syj : ได้ดิ จะให้ฉันไปเจอที่ไหน?

    Real__pcy : ร้านเดิมนั่นแหละ

                                                                                    Jessica.syj : เออๆจะรีบไปแล้วกัน

    Real__pcy : ให้ไปรับป่ะ?

                                                                                   Jessica.syj : ไม่ต้องอ่ะ ไม่ได้อยู่บ้าน

    Real__pcy : แล้วอยู่ไหน?

                                                                                   Jessica.syj : เจอกันค่อยเล่าทีเดียว

    Real__pcy : เออ รีบมาจะรอนะ

     

    หลังจากที่บทสนทนาระหว่างฉันกับชานยอลจบลงฉันก็เด้งตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย

     

     

    “พูดแรงเกินไปเปล่าวะ?” ผมพูดกับตัวเองด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่เอ่ยถามถึงเรื่องที่ว่าเมื่อไหร่เจสสิก้าจะออกไปจากบ้านของผมเสียทีแล้วพอเธอทำหน้าทำตาเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรแต่แววตาของเธอกลับดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัดทำเอาผมรู้สึกใจกระตุกวูบกะทันหัน พูดตรงๆว่าเป็นพวกแพ้น้ำตากับแววตาเศร้าๆของผู้หญิงแต่ก็ไม่เคยรู้สึกแย่เท่ากับวันนี้เลยว่ะ

     

    กริ่ง!~ กริ่ง!~

     

    ในขณะที่ผมกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับก้าวเท้าเดินไปยังประตูบ้านอย่างไม่รีบร้อนอะไร

     

    “เซอร์ไพรส์ค่ะ ^_^” เมื่อผมเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตูพร้อมกับออกแรงบิดก่อนจะดึงมันเข้ามาหาตัวจนกว้างพอจะให้เห็นหน้าผู้มาใหม่แต่ผมก็ต้องนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงของคนตรงหน้าอย่างชัดเจน...อิมยุนอา

     

    “อะ..เอ่อ..มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” ผมที่กำลังอึ้งอยู่ก็พยายามขยับริมฝีปากเอ่ยถามอีกฝ่ายแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกินทำให้มันดูตะกุกตะกักจนเห็นได้ชัด

     

    “ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ? ก่อนที่ฉันจะไปอเมริกาฉันก็มาบ้านนายบ่อยๆนะ ว่าแต่จะใจร้ายไม่ชวนฉันเข้าไปหน่อยหรือไง?” ยุนอาตอบพลางยกยิ้มไปด้วยตามนิสัยของเธอซึ่งมันเป็นนิสัยที่ผมชอบมันมากแต่ดูเหมือนว่าผมจะปล่อยให้เธอยืนนานเกินไปเธอจึงพูดขึ้นเชิงเตือนสติของผม

     

    “อ๋อ...เข้ามาสิ” ผมบอกก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้เธอเดินเข้ามา ผมไม่รู้เลยว่าเธอกลับมาจากต่างประเทศตั้งแต่ตอนไหนกันแต่ไม่ว่ายังไงแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยสำหรับผม

     

    “ทำไมบ้านนายดูรกแปลกๆเหมือนไม่ใช่บ้านนายเลยอ่ะ?” ยุนอาเอ่ยปากถามผมหลังจากที่เธอกวาดสายตาสำรวจบ้านของผม เอิ่ม..จะบอกยังไงดีล่ะว่ามีผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาทำตัวหน้าเอ๋อเข้ามาอยู่บ้านผมแบบงงๆแถมยังมาทำให้บ้านของผมเกือบพังพินาศ(?)อีก

     

    “เอ่อ..คือ...” ผมที่ไม่รู้จะตอบยุนอายังไงดีเลยทำได้แค่พูดติดอ่างแบบนั้นพลางกรอกตามองไปรอบๆเหมือนกับว่าต้องการความช่วยเหลือ

     

    “เซฮุน! ฉันจะออกไปข้างนอกนะ!” บรรลัยแล้วไงครับ! ทำไมยัยนี่ถึงได้ลงมาข้างล่างได้ถูกจังหวะขนาดนี้ -0-

     

    “ใครเหรอ?” ยุนอาที่ได้ยินเสียงของยัยเจสสิก้านั่นก็ทำหน้างงๆพลางหันมาถามผมแล้วมองหน้าของผมอย่างรอคำตอบ จะให้ตอบยังไงดีล่ะ?

     

    “อ่ะ…เอ่อ…เพื่อนของพี่เหรอ?” เจสสิก้าที่เพิ่งเดินลงมาเกิดอาการชะงักพลางแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมมีแขกและไม่รู้ด้วยสีหน้าเหมือนคนกำลังวิตกกังวลของผมอาจจะไปสะดุดให้เจสสิก้าได้เห็นทำให้เธอเลือกจะเปลี่ยนการเรียกสรรพนามของผมซึ่งมันก็ทำให้ผมงุนงงจนเผลอมองหน้าเจสสิก้าอย่างไม่เข้าใจ

     

    “น้องสาวของฮุนเหรอ?” ยุนอาเอ่ยปากถามผมด้วยความสงสัยพลางหันมามองหน้าผมซึ่งผมเองก็มีท่าทีอึกอักอย่างทำอะไรไม่ถูก

     

    “ค่ะ! ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่เซฮุน ^_^” เจสสิก้าตอบคำถามของยุนอาแทนผมพลางส่งยิ้มไปให้ยุนอาก่อนที่เธอจะเดินมาหยุดตรงผมกับยุนอา เล่นละครเก่งจริงแม่คุณ..แต่ก็ขอบคุณนะ

     

    “อ๋อ..หน้าตาสวยดีนะคะชื่ออะไรเหรอ?” ยุนอาบอกเชิงเอ่ยปากชมก่อนจะถามต่อ

     

    “เจสสิก้าค่ะ”ยัยนั่นตอบพลางส่งยิ้มไปให้ยุนอาเล็กน้อย

     

    “แล้วนี่แต่งตัวจะออกไปไหน?” ผมที่เหลือบไปเห็นการแต่งตัวของเจสสิก้าที่เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่จึงเอ่ยปากถามพลางเลิกคิ้วสูง

     

    “ออกไปหาเพื่อน…ค่ะ” เจสสิก้าตอบคำถามของผมด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอชอบใช้กับผมแต่ดูเหมือนว่าเธอจะเพิ่งคิดว่าเพิ่งโกหกยุนอาไปว่าเธอเป็นน้องของผมทำให้เจสสิก้าแอบกระแอมในลำคอเล็กน้อยก่อนจะทิ้งหางเสียงให้กับผม

     

    “เพื่อน?” ผมทวนคำพูดของอีกฝ่ายพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

     

    “ค่ะ…งั้นฉันขอตัวนะคะ J” เจสสิก้าตอบรับผมด้วยน้ำเสียงห้วนๆก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้ยุนอาแล้วรีบก้าวเท้าเดินฉับๆออกไปด้วยความรีบเร่งส่วนผมเองก็ทำเพียงแค่มองตามหลังของเจสสิก้าไป นี่โกรธมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?

     

    “ลูกพี่ลูกน้องฮุนนี่หน้าตาน่ารักดีนะคะเธอมีแฟนหรือยัง?” ยุนอาเอ่ยปากถามนั่นทำให้ผมดึงสติกลับมา

     

    “ไม่มีหรอก” ผมก็ตอบส่งเดชไปงั้นแหละ จะไปรู้ได้ไงว่ายัยนั่นมีแฟนแล้วหรือยังแต่ดูจากความใจกล้าที่กล้าเข้ามานอนในบ้านผมได้โดยไม่กระดากอายคาดว่าไม่หน้าหาแฟนได้ #เดี๋ยวๆ

     

    “ดีจัง ฉันว่าลูฮานต้องชอบแน่ๆ” ยุนอาพูดขึ้นพลางยกยิ้มเล็กน้อย

     

    “ใครเหรอ?” ผมที่ไม่คุ้นชื่อที่ยุนอาเอ่ยออกมาจึงเอ่ยปากถามพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

     

    “เพื่อนของยุนเองพอดีช่วงนี้เขากำลังอกหักจากผู้หญิงที่ไปจีบมาก็เลยกะว่าจะหาสาวช่วยไปดามใจสักหน่อย ^_^” ยุนอาตอบเชิงอธิบายจุดประสงค์ของตัวเองให้ผมฟัง เฮอะๆผู้หญิงอย่างยัยนั่นเนี่ยนะ -0-

     

    “แล้วนี่ยุนทานอะไรมาหรือยัง?” ผมเอ่ยปากถามยุนอาด้วยความเป็นห่วง

     

    “ยังเลย...ไปหาอะไรกินข้างนอกมั้ย?” ยุนอาตอบก่อนจะถามผมซึ่งผมก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย นานๆทีจะได้มีโอกาสอยู่กับคนที่ตัวเองแอบชอบแบบนี้ใครจะโง่ไม่ไปกันล่ะ ^///^

     

     

    “ชานยอล!” ฉันเปิดปากเรียกชื่อของคนทักฉันมาในไลน์หลังจากที่ฉันย่างกายเข้ามาภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเป็นร้านอาหารที่ฉันกับชานยอลชอบมากินกันประจำตอนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน ถ้าจะให้พูดให้เข้าใจง่ายๆคือชานยอลเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวที่ฉันสนิทด้วย…จริงๆก็ไม่ได้อยากจะสนิทกับมันนักหรอกแต่พอคบมันเป็นเพื่อนปุ๊บมันก็ตามวอแวไปเรื่อยจนคนในคณะของฉันก็คิดว่ามันเป็นแฟนฉันนี่แหละ -*-

     

    “ทำไมอ้วนขึ้นวะ?” และนี่คือคำทักทายของเพื่อนสนิทฉันเอง - -!

     

    “หยาบคาย! แล้วนี่สั่งอะไรมาเยอะแยะรวยเหรอ?!” ฉันเปิดปากต่อว่าชานยอลทันควันพร้อมกับถลึงตาใส่พลางเลื่อนเก้าอี้พร้อมกระแทกตัวลงนั่งอย่างไม่กลัวเจ็บก่อนจะเปิดปากบ่นอีกฝ่ายที่สั่งอาหารมาสั่งเต็มโต๊ะทั้งที่กินกันอยู่แค่สองคน

     

    “เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายจังวะ?” ชานยอลเอ่ยปากถามพลางเลิกคิ้วสูง หึ! มันคงไม่รู้สินะว่าเรื่องรูปร่างสำหรับผู้หญิงมันซีเรียสแค่ไหนกัน!

     

    “ช่างเหอะ! เข้าเรื่องตกลงยังไงเรื่องซึลกิ?” ฉันเลือกจะไม่สนใจก่อนจะรีบพูดเปิดประเด็นทันที

     

    “ก็อย่างที่บอกคัดค้านหัวชนฝาแค่ไหนซึลกิก็ยังยืนยันที่จะแต่งงานกับมัน” พอพูดเรื่องของซึลกิคนที่กวนประสาทอย่างชานยอลก็แปรเปลี่ยนเป็นผู้ชายที่น่ากลัวขึ้นมาทันที แต่จะทำยังไงได้ชานยอลขึ้นชื่อเรื่องหวงน้องสาวมากแค่ไหนใครๆต่างก็รู้กัน

     

    “เอาตรงๆป่ะ? ฉันว่าแกก็เลิกหวงน้องสาวเกินเหตุเถอะ ซึลกิมันก็โตพอจะดูแลตัวเองและตัดสินใจอะไรเองได้แล้วนะ” ฉันบอกเชิงแสดงความคิดเห็นเพราะจากที่ฉันรู้จักซึลกิมาซึลกิก็ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนต่อโลกที่จะตามคนอื่นไม่ทันอีกอย่างคนที่ซึลกิคบหาด้วยก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรอาจจะแค่มีลุคที่ดูเจ้าชู้ไปหน่อยก็เถอะ

     

    “ถึงยังไงซึลกิมันยังเด็กในสายตาฉันอยู่ดีนั่นแหละ” ชานยอลบอกเสียงเรียบแต่น้ำเสียงกลับแฝงไปด้วยความอ่อนโยน

     

    “ยังไงก็ลองคุยกันดีๆก่อน ทำตัวเป็นพ่อน้องมันไปได้” ฉันเปิดปากบอกแกมบ่นพลางเบ้ปากใส่คนตรงหน้า

     

    “หรือจะให้ทำตัวเป็นพ่อทูนหัวของเธอเหรอ?” ชานยอลเปิดปากถามพลางส่งสายตาระยิบระยับมาให้ฉัน อิ้ว! ขนลุก

     

    “แหวะ! ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”

     

    “เอ้า? นึกว่าชอบ ^_^” ชานยอลบอกพลางฉีกยิ้มกว้างจนเกือบจะเห็นฟันครบทุกซี่

     

    “เพ้อเจ้อ!” ฉันเปิดปากต่อว่าชานยอลก่อนจะเอื้อมมือไปตักอาหารมาใส่ในจานของตัวเอง

     

    “เออ! แล้วที่แกบอกว่าไม่ได้อยู่บ้านหมายความว่าไง?” ชานยอลที่คงขี้เกียจจะสร้างสงครามน้ำลายกับฉันแล้วดูเหมือนจะนึกเรื่องที่คุยในไลน์กับฉันมาได้เขาจึงเปิดปากถามออกมาพลางมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ

     

    “อ๋อ! ฉันย้ายไปอยู่บ้านญาติ” ฉันตอบคำถามของชานยอลแบบขอไปทีโดยที่ตอนนี้จิตใจของฉันกำลังจดจ่อไปที่อาหารตรงหน้า ที่จริงก็ไม่ได้หิวอะไรหรอกแค่ไม่อยากให้ไอคนตรงหน้ามันถามเซ้าซี้มากแค่นั้นแหละ - -

     

    “แถวไหนอ่ะ?” ชานยอลเปิดปากถามต่อพลางตักอาหารเข้าปาก

     

    “จะไปหาไง?” ฉันเปิดปากถามพลางเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย

     

    “ไม่ได้เหรอ?” ชานยอลถามกลับพลางเลิกคิ้วสูงก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

     

    “คิดว่ามึงหล่อมากเหรอ?” ฉันถามกลับพลางมองหน้าชานยอลอย่างเอือมระอา

     

    “โอ้โห! เดี๋ยวนี้หัดพูดคำหยาบจะฟ้องแม่” ชานยอลทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่ฉันหลุดพูดคำหยาบใส่เพราะปกติเราจะไม่ค่อยใช้คำที่หยาบขนาดนี้หรอกนะ

     

    “แม่แกจะทำอะไรฉัน? ปกติแม่แกก็รักฉันมากกว่าแกอีก” ฉันตอบกลับพลางยักคิ้วใส่อีกฝ่ายอย่างผู้ชนะ

     

    “ใครบอก…ฉันจะฟ้องแม่แกหรอก ฟ้องเสร็จจะฝากฝังเป็นลูกเขยเลยไง ^_^” ชานยอลตอบกลับพลางส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ เหอะ!

     

    “กินเข้าไปเผื่อปากจะหายว่าง!” ฉันพูดพร้อมกับตักอาหารแล้วยัดเข้าปากของคนตรงหน้าด้วยความหมั่นไส้พลางจิกตาใส่ชานยอล











    “ฉันจะไปจากที่นี่จนกว่านายจะมีแฟน!

    “อะไรของเธอวะ? พูดจาไม่รู้เรื่องแล้ว”

    “ฉันพูดจริงๆถ้านายมีแฟนเมื่อไหร่ฉันสัญญาว่าจะออกไปจากที่นี่แล้วก็ชีวิตของนายด้วย”

    “ขอให้เธอจำคำพูดเอาไว้ให้ดีแล้วกัน”











    02 / 08 / 2017

    ฮัลโหลลลลล~~ เห็นมีคนถามหาเลยมาอัพสักหน่อย

    มาไม่เยอะเพราะช่วงนี้เรียนหนักและติดสอบ

    จะมาอัพให้อ่านเรื่อยๆนะคะ

    แต่งไปแต่งมาเริ่มงงแล้วว่าใครคือพระเอก 555











     
     
    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×