คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 005 - ' DEASIC ' ❤ Coffee Shop - fin. 27/06/2013
ทุกๆคนย่อมมีสถานที่ที่เป็นความทรงจำของตัวเองกันอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าความทรงจำนั้นจะเป็นความทรงจำที่ดีหรือไม่เท่านั้นเอง...
คุณเคยมีความทรงจำกันมั้ย?
แล้วมันเป็นความทรงจำที่น่าจดจำรึป่าว? ความจริงแล้วผมก็มีความทรงจำอย่างหนึ่งที่มันอาจจะไม่น่าจดจำแต่เพราะเธอคนนั้นคือคนสำคัญของผมมันเลยทำให้ผมไม่สามารถลืมมันได้สักที
ไม่ว่าผมจะทำกี่วิธีก็ไม่สามารถทำให้ความทรงจำอันนั้นเลือนลางไปจากสมองผมได้เลย...
“ถามจริงๆเถอะว่ะ..ทำไมแกชอบมานั่งที่ตรงนี้ทุกวันเลยวะ?”
ยองแจซึ่งมีฐานะเป็นเพื่อนสนิทของจองแดฮยอนเอ่ยปากถามอย่างสงสัยที่ทุกๆวันแดฮยอนก็จะต้องชวนเขามาดื่มกาแฟที่ร้าน Coffee
Shop ทั้งที่ตัวของแดฮยอนเองเป็นคนไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟเป็นนิสัยอยู่แล้ว
“ก็ป่าว
แค่ไม่รู้จะไปที่ไหนดีเท่านั้นเอง...” แดฮยอนตอบยองแจกลับพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเล็กน้อยก่อนจะวางลงดังเดิม
“แน่ใจเหรอวะว่าแกไม่มีอะไรจริงๆ?”
ยองแจเอ่ยถามแดฮยอนอย่างสงสัยเพราะจากคำตอบบวกกับสีหน้าของแดฮยอนนั้นมันเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ซับซ้อนมากกว่านั้น
“ก็อย่างที่บอกไม่รู้จะไปที่ไหนดีเลยมาที่นี่มันแปลกมากรึไง?”
แดฮยอนยังคงยืนยันคำตอบดังเดิมพลางย้อนถามยองแจกลับ
“มันจะไม่แปลกเลยถ้าแกไม่มาร้านกาแฟปกติแกเป็นคนไม่ดื่มกาแฟจึงไม่มีเหตุผลที่แกจะมาที่นี่แกมีอะไรมากกว่าคำตอบที่แกตอบฉันเมื่อกี้รึป่าว?”
ยองแจบอกเชิงอธิบายให้แดฮยอนยังและก็ยังคงไม่ละความพยายามที่จะให้แดฮยอนตอบคำถามของเขาให้กระจ่าง
“...เรื่องมันก็ตั้งนานแล้วฉันไม่อยากจะคิดถึงมันว่ะ”
แดฮยอนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเปลี่ยนไปจากเดิม
ยองแจสามารถสัมผัสน้ำเสียงนั้นได้ว่าแดฮยอนกำลังรู้สึกเศร้าแค่ไหนจนไม่อยากจะเอ่ยถามต่อแต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากจะรู้เหตุผลที่แท้จริง..ที่ทำให้คนอย่างแดฮยอนเป็นแบบนี้
“ฉันก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเรื่องทุกข์ใจของแกหรอกนะแต่ถ้ามันหนักใจทำไมไม่ลองระบายให้คนสักคนฟังดูล่ะ?”
ยองแจบอกเชิงอธิบายให้อีกฝ่ายฟังก่อนจะเสนอความคิดให้อีกฝ่ายได้ลองพิจารณาดู
“ไว้วันหลังแล้วกัน..วันนี้ฉันขอตัวก่อนฝากจ่ายค่ากาแฟด้วยนะ”
แดฮยอนบอกปัดๆก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้แล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปโดยทิ้งยองแจให้เป็นคนจ่ายค่าเครื่องดื่มของเขา
“โฮ่! ไอ้เพื่อนบ้า!” ยองแจตะโกนต่อว่าแดฮยอนไล่หลังที่ทิ้งให้เขาต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มเพิ่มอีก 1 ทั้งที่เขาควรจะจ่ายแค่ของเขาคนเดียว - -!
Daehyun’s part
หลังจากที่ผมหนีการตอบคำถามของยองแจมาได้ก็เดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆจนมาหยุดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่อยูไม่ห่างไปจากบ้านของผม
ซึ่งผมก็เลือกที่จะเดินเข้าไปโดยเลือกที่จะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งไม้สีน้ำตาลอ่อน
เฮอะ! ผมไม่น่าพาไอยองแจไปที่ร้านกาแฟนั่นเลยจริงๆ ทำไมน่ะเหรอ? ผมมีความหลังที่เจ็บปวดเกี่ยวกับร้านกาแฟร้านนั้นทั้งที่สมองของผมก็เคยสั่งว่าอย่าไปที่ร้านนั้นอีก
แต่หัวใจของผมกลับไม่ยอมให้ความร่วมมือทำให้ทุกๆวันผมต้องที่ร้านนั่นและก็ต้องมานั่งเจ็บใจตัวเองอย่างนี้ทุกที
“เฮ้อ! แกมันโง่จริงๆเลยนะจองแดฮยอน!” ผมต่อว่าตัวเองพลางเอามือเขกหัวตัวเองไปหนักๆหนึ่งทีเพื่อที่จะทำให้ลืมเรื่องเก่าๆที่มันเคยอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจแต่ตอนนี้มันกำลังโผล่ขึ้นมา
แต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิดกลับทำให้เรื่องราวในอดีตนั้นกำลังลอยขึ้นในสมองคล้ายกับภาพยนตร์ที่เคยหยุดฉายไปแล้วกลับมาฉายอีกครั้งหนึ่ง
“วันนี้นึกยังไงถึงนัดฉันมาที่ร้านกาแฟ Coffee
Shop ฮะ?" ผมเอ่ยปากถามจองซูยอนหญิงสาวที่มีฐานะเป็นคนรักของผม
“คือว่าฉันมีเรื่องอยากจะคุยนิดหน่อยน่ะ..”
ซูยอนตอบผมพลางส่งยิ้มจางๆมาให้ก่อนที่จะก้มหน้าพลางเปลี่ยนสีหน้าเหมือนกำลังรู้สึกอึดอัด
“เป็นอะไรรึป่าว?
ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะซูยอน?” ผมเอ่ยปากถามซูยอนโดยที่ในใจของผมก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีนักที่เห็นซูยอนทำหน้าแบบนี้
“เอ่อ...ตอนนี้เราสองคนคบกันมานานเท่าไหร่แล้วเหรอ?”
แทนที่ซูยอนจะตอบคำถามให้ผมสบายใจแต่เธอดันมาถามผมกลับซึ่งคำถามก็สร้างความงุนงงระคนสงสัยให้ผมไม่ใช่น้อย
“ทำไมจู่ๆถึงได้ถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”
ผมเลือกที่จะยังไม่ตอบจึงเอ่ยปากถามซูยอนกลับ
“ตอบมาเถอะ..”
ซูยอนบอกเชิงคาดคั้นผมเล็กน้อย
“ก็ประมาณ 3 ปีกว่าๆแล้วล่ะทำไมเหรอ?” ผมยอมตอบซูยอนไปแต่โดยดีก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ
“แล้วถ้าเกิดว่าวันหนึ่งนายกับฉันต้องเลิกกันนายจะเสียใจรึป่าว?”
ซูยอนถามผมพลางเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมอย่างต้องการคำตอบ
“มันแน่นอนอยู่แล้วล่ะถ้าฉันไม่เสียใจก็หมายความว่าฉันไม่เคยรักเธอเลยน่ะสิ”
ผมตอบซูยอนเชิงติดตลกเล็กน้อยเผื่อจะช่วยลดบรรยากาศที่กำลังตึงเครียดอยู่ในขณะนี้
“เฮ้อ! งั้นนายทำใจก่อนแล้วกันนะ...” ซูยอนถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมาบอกผม
ซึ่งมันทำให้ผมต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยในคำพูดของเธอ
“หมายความว่ายังไง?”
ผมไม่รอให้ความสงสัยมันวนอยู่ในหัวจึงเอ่ยปากถามออกไปทันที
“คือ...วันพรุ่งนี้ฉันต้องไปเรียนที่อเมริกาและก็ไม่มีกำหนดจะกลับ..”
ซูยอนที่ในตอนแรกพูดอ้อมค้อมกันอยู่ตั้งนานก็เริ่มพูดเข้าประเด็นทันที
แต่มันกลับทำให้ผมรู้สึกตกใจและอึ้งในคำพูดของซูยอน ไปเรียนอเมริกา? ไม่มีกำหนดกลับ? คำพูดพวกนี้ลอยวนกันในหัวของผมเต็มไปหมด
“แล้วทำไมเธอถึงไม่เคยบอกฉันล่ะ?”
ผมเอ่ยปากถามซูยอนอย่างคาดคั้น
“ฉันแค่หาเวลาที่จะบอกนายไม่ได้เท่านั้นเองและเหตุผลที่ฉันนัดนายมาที่นี่...ก็เพื่อจะบอกว่าเราสองคนน่าจะหยุดความสัมพันธ์เอาไว้เท่านี้ดีกว่าเพราะถึงเราสองคนจะสานมันต่อยังไงก็คงไม่มีประโยชน์หรอก”
ซูยอนบอกผมด้วยท่าทีที่เย็นชาเหมือนไม่ใช่ซูยอนที่ผมรู้จัก หลังจากสิ้นคำพูดของซูยอนผมไม่สามารถทำอะไรได้เลยในตอนนี้ผมทำได้แค่อึ้งกับสิ่งที่ซูยอนเอ่ยออกมา
“เธอกำลังจะบอกเลิกฉันใช่มั้ยซูยอน?”
ผมเอ่ยปากถามซูยอนอีกครั้งเผื่อสิ่งที่ผมคิดอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น
“ใช่...เราสองคนควรจะจบกันเท่านี้แล้วไปตามทางของตัวเองเถอะนะ”
ซูยอนบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่ดูไร้เยื่อใยกับผมเป็นมากก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วทำท่าจะเดินออกไป
แต่ผมที่พึ่งได้สติจึงรีบไปวิ่งไปกอดเอวของซูยอนเอาไว้อย่างแน่นเหมือนกลัวว่าถ้าผมปล่อยเธอไปอาจจะไม่มีโอกาสมาเจอกันได้อีก
“อย่าไปเลยนะซูยอน...อย่าเลิกกับฉันเลยนะ...ถึงเธอจะไปเรียนที่อเมริกาโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหนแต่เราสองคนสามารถติดต่อกันได้นี่...ทำไมเธอถึงใจร้ายแบบนี้นะ...ซูยอน”
ผมเอ่ยปากพร่ำบอกซูยอนคล้ายกับกำลังละเมอโดยขณะนั้นน้ำตาของลูกชายก็ไหลออกมาจากดวงตาของผม
ส่วนซูยอนก้ไม่ต่างกันผมได้ยินเสียงร้องไห้ของเธออยู่ข้างๆหูนี่เอง
“ปล่อยฉันเถอะนะแดฮยอนอย่ารั้งฉันไว้เลยเพราะฉันไม่ได้รักนายแล้ว!”
ซูยอนบอกเชิงขอร้องผมพลางพยายามแกะมือของผมที่กำลังโอบรอบเอวของเธออยู่
โดยเมื่อสิ้นคำพูดของซูยอนผมกลับรู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีแรงจะทำอะไรเลยทำให้ซูยอนสามารถแกะมือผมออกจากเอวของเธออย่างง่ายดายก่อนที่เธอเองจะเดินจากไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามองผมเลยสักนิด
โดยวินาทีที่ซูยอนเดินจากไปน้ำตาของผมก็เริ่มไหลรินมาอย่างหนักก่อนที่ตัวเองจะล้มลงไปนั่งกับเก้าอี้อย่างอ่อนแรง...
“แดฮยอนมานั่งทำอะไรตรงนี้วะ!?”
เสียงของคิมฮิมชานเพื่อนบ้านของผมดังขึ้นทำให้ผมหลุดออกมาจากความคิดที่เจ็บปวดในอดีตของตัวเอง
“ก็แค่มานั่งเล่นเฉยๆแล้วแกมีอะไรถึงได้ส่งเสียงดังขนาดนี้ฮะ?”
ผมตอบฮิมชานก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ
“มาผู้หญิงมาหาแกเขารออยู่หน้าบ้านแกน่ะ”
ฮิมชานบอก
“ใคร?”
ผมเอ่ยปากถามฮิมชานอย่างสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้จักว่ะแกไปดูเองเหอะฉันไปจะไปซื้อของ”
ฮิมชานบอกก่อนที่จะเดินออกไป
ส่วนผมก็ลุกขึ้นจากม้านั่งแล้วเดินกลับบ้านอย่างไม่รีบร้อน
ซึ่งพอผมมาเดินมาเกือบจะถึงหน้าบ้านก็พบเข้ากับหญิงสาวตัวเล็กผิวขาวราวปุยเมฆ
ผมยาวสลวยสีน้ำตาลซึ่งมันทำให้ผมนึกไปถึงซูยอนผู้หญิงใจร้ายคนหนึ่งที่สร้างความทรงจำที่เลวร้ายให้กับผม
“มาหาผมมีอะไรเหรอคัรบ?”
ผมเอ่ยปากถามผู้หญิงคนนั้นอย่างสงสัย
ซึ่งเมื่อสิ้นคำถามของผมผู้หญิงคนนั้นก็หันมาพร้อมรอยยิ้มที่คุ้นชินสำหรับผมใช่แล้วล่ะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก...จองซูยอน
“พี่แดฮยอนใช่มั้ยคะ? :)”
แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือผู้หญิงตรงหน้ากลับทักชื่อผมที่ดูแปลกไปพลางฉีกยิ้มมาให้อย่างน่ารัก ตกลงซูยอนเธอกำลังทำอะไรกันแน่?
“ซูยอนเธอกำลังเล่นอะไรของเธออยู่ฮะ!?”
ผมเอ่ยปากถามร่างบางตรงหน้าด้วยความสงสัยระคนหงุดหงิดเล็กน้อยที่ร่างบางตรงหน้าพูดกับผมเหมือนเราสองคนไม่เคยรู้จักกัน
“ฉันไม่ได้ชื่อซูยอนหรอกค่ะ..ซูยอนน่ะเป็นพี่สาวฝาแฝดฉันเองฉันชื่อเจสสิก้าจองค่ะ :)”
หญิงสาวตรงหน้าบอกให้ผมหายสงสัยก่อนจะส่งยิ้มมาให้ตามเดิม
“น้องสาวฝาแฝด?
ซูยอนมีน้องสาวฝาแฝดด้วยเหรอ?” ผมทวนคำพูดของร่างบางตรงหน้าก่อนจะเอ่ยปากถามให้หายสงสัย
“ใช่ค่ะแต่ไม่แปลกหรอกค่ะที่พี่จะไม่รู้เพราะพอฉันกับพี่ซูยอนขึ้นมัธยมต้นก็แยกกันแล้วล่ะค่ะ...”
เจสสิก้าที่มีฐานะเป็นน้องสาวฝาแฝดของซูยอนตอบให้ผมหายสงสัย
“แล้วเธอมาที่นี่ทำไมเหรอ?”
ผมเอ่ยปากถามเข้าประเด็นทันที
“คือว่าที่ฉันมาที่นี่เพราะพี่ซูยอนสั่งมาว่าให้เอาจดหมายฉบับนี้มาให้พี่แดฮยอนความจริงแล้วฉันจะเอามาให้พี่ตั้งหลายเดือนแล้วล่ะค่ะแต่ฉันติดเรียนทุกวันเลยไม่มีเวลาเลย..แล้วก็นี่ค่ะจดหมาย”
เจสสิก้าบอกเชิงอธิบายให้ผมฟังพลางยื่นซองจดหมายสีชมพูที่เขียนหน้าซองตรงกึ่งกลางว่าฝากถึงแดฮยอน
ผมจึงรับมันมาทันทีแต่ก็ยังไม่คิดที่จะเปิดอ่าน
“แล้วทำไมซูยอนถึงไม่เอามาให้เองล่ะ?”
ผมถามเจสสิก้าอย่างสงสัย
“พี่ซูยอนไม่ได้บอกพี่ก่อนที่จะกลับอเมริกาเหรอคะ?”
เจสสิก้าถามผมกลับพลางขมวดคิ้วใส่ เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?
“ซูยอนบอกแค่ว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเท่านั้นเอง”
ผมตอบให้ร่างบางตรงหน้าหายสงสัย
“เฮ้อ! พี่นะพี่ใจร้ายจริงๆเลย” ร่างบางตรงหน้าถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะพูดบางอย่างออกมา
“แล้วตกลงมันมีอะไรเหรอ?”
ผมเอ่ยปากถามเจสสิก้าอย่างสงสัย
“คือฉันว่าเราหาที่คุยก่อนดีมั้ยคะ?
เรื่องมันยาวแล้วอีกอย่างตอนนี้ฉันก็เริ่มเมื่อยแล้วล่ะค่ะ” เจสสิก้าบอกพลางส่งยิ้มบางๆมาให้ผม เฮ้อ! น้องสาวกับพี่สาวแตกต่างกันจริงๆเลยนะ
“งั้นเข้ามาก่อนสิ”
ผมบอกเจสสิก้าพลางเปิดรั้วบ้านก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้เจสสิก้าเข้ามาก่อนที่จะปิดประตูรั้วแล้วเดินนำไปที่โต๊ะหน้าบ้านตรงลานสนามหญ้า
“บ้านพี่ใหญ่ดีนะคะ”
เมื่อเดินมาถึงเจสสิก้าก็รีบวางกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะหินอ่อนแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้หินอ่อนเข้าชุดกันก่อนจะเอ่ยชมเล็กน้อย
“อืม...ว่าแต่เรื่องที่เธอจะบอกคืออะไรเหรอ?”
ผมตอบรับก่อนจะทิ้งตัวลงหน้าบนเก้าอี้ตรงข้ามกับร่างบางก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ
“คือว่าความจริงแล้วพี่ซูยอนเธอไม่ได้ตั้งใจจะบอกเลิกกับพี่หรอกนะคะ
แต่เพราะเธอมีความจำเป็น...” เจสสิก้าที่ในตอนแรกเหมือนกำลังอิ่มเอมกับการจัดตกแต่งบ้านที่ผมกับซูยอนช่วยกันจัดสรรก่อนเริ่มเปิดปากเล่าต่อแต่เธอกลับเว้นวรรคเล็กน้อยทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามต่อ
“ความจำเป็นอะไรกัน!?”
“คือพี่ซูยอนเธอเป็นมะเร็งในลำไส้ซึ่งตัวของพี่ซูยอนเองก็มีเวลาเหลืออีกไม่กี่เดือน
แล้วเรื่องนี้พี่ซูยอนก็เคยโทรมาปรึษาฉันว่าควรจะบอกเลิกพี่ไปดีมั้ย..ซึ่งฉันไม่เห็นด้วยเลย
แต่พี่ซูยอนเธอกลับไม่ฟังที่ฉันพูดแล้วก็กลับไปที่อเมริกาแล้วประมาณ 1 เดือนเธอก็สิ้นลมค่ะ...” เจสสิก้าอธิบายให้ผมฟังอย่างละเอียดจนทำให้ผมอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ซูยอนเสียแล้วงั้นเหรอ? O_O
“เธอพูดว่าอะไรนะ!?”
ผมเอ่ยปากถามเจสสิก้าอีกครั้งหนึ่งเผื่อเรื่องเมื่อกี้อาจจะเป็นความฝันหรือผมอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้
“พี่ซูยอนเธอเสียแล้วค่ะ
แล้วก็จดหมายนั่นพี่ซูยอนก็เขียนก่อนจะสิ้นลมหายใจได้ 3 วันแล้วเธอก็สั่งเสียกับฉันว่าให้เอาจดหมายนี้มาให้พี่” เจสสิก้ายังยืนคำเดิมก่อนที่จะบอกถึงจดหมายที่อยู่ในมือของผม
“ยังไงพี่ก็เปิดอ่านมันด้วยนะคะเพราะพี่ซูยอนเธอกำชับฉันว่าพี่ต้องเปิดอ่านให้ได้
วันนี้ฉันก็มีธุระกับพี่เท่านี้แหละค่ะฉันขอตัวก่อนนะคะ :)” เจสสิก้าบอกเชิงกำชับผมเล็กน้อยเรื่องจดหมายก่อนที่เธอเองจะขอลากลับบ้านไปทิ้งให้ผมอยู่เพียงคนเดียวพร้อมกับจดหมายที่ซูยอนฝากเจสสิก้าเอามให้ผม
ผมที่กำลังจะเปิดอ่านจดหมายนั่นแต่ต้องชะงักเมื่อนึกถึงคำพูดของเจสสิก้า
ผมไม่อยากจะเชื่อว่าซูยอนเธอจะเสียไปแล้วหรือว่าความจริงเธอยังรักผมอยู่
ผมนี่มันโง่จริงๆเลยนะ โง่ที่เคยต่อว่าซูยอนต่างๆนานาเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม ผมนี่มันเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ...ขอโทษนะซูยอน
หลังจากที่ผมต่อว่าตัวเองเสร็จก่อนเลือกที่จะเปิดอ่านจดหมายนั่นทันทีโดยเนื้อความของจดหมายมีความว่า
ถึง แดฮยอนที่รัก
ตอนนี้นายเป็นยังไงบ้าง? สบายดีใช่มั้ย?
ฉันขอโทษด้วยนะที่ทำร้ายจิตใจของนายด้วยการบอกเลิกทั้งที่นายยังไม่ทันตั้งตัวแต่เพราะว่าฉันอยากให้นายลืมฉันไปโดยเร็วแต่ฉันกลับไม่เคยลืมนายออกไปจากหัวใจได้เลยสักครั้ง...ฉันขอโทษนะที่ไม่ยอมบอกความจริงนายไปว่าฉันสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้ไม่กี่เดือนแต่ที่ฉันไม่ยอมบอกนายไปเพราะไม่อยากให้นายต้องมาเป็นห่วง
หรือเป็นทุกข์กับฉันอีกฉันอยากให้นายมีชีวิตที่ดีกับผู้หญิงที่พร้อมใช้ชีวิตกับนายไปจนสิ้นลมหายใจ...ยังไงฉันก็หวังว่านายจะไม่โกรธฉันนะและดูแลสุขภาพตัวเองด้วยล่ะ
และถ้าเป็นไปได้ก็หาผู้หญิงคนอื่นมาเป็นแฟนได้แล้วนะอย่ารอฉันอีกเลยเพราะมันคงไม่มีวันนั้นอีกตลอดไปแล้วล่ะ....
จาก
จองซูยอน
หลังจากที่ผมอ่านเนื้อความจดหมายจบน้ำตาของผมก็ไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัวเลยและมันทำให้ผมคิดได้ว่าผมเป็นผู้ชายที่ไม่ดีเลยทั้งที่ซูยอนเขาหวังดีกับผมแต่ผมกลับไม่เห็นความหวังดีของเธอเลย
ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะย้อนเวลากลับไปดูแลเธอให้ดีที่สุดไม่ว่าเธอจะบอกเลิกผมหรือจะทำร้ายผมยังไงก็ตาม
ซูยอนฉันอยากจะขอโทษเธอที่เคยต่อว่าเธอมาตลอด
ฉันขอให้เธอไปสู่ชาติภพที่ดีและถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เธอและฉันได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
และฉันต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่สามารถทำตามที่เธอขอได้
นั่นคือให้ฉันไปมีผู้หญิงคนใหม่เพราะว่าทั้งหัวใจของฉันได้มอบให้เธอไปหมดแล้วมันไม่เหลือที่ว่างให้ใครอีกแล้วล่ะ...
ไม่ว่าเธอจะได้ยินหรือไม่ได้ยินแต่ฉันจะบอกเธอว่า...ฉันรักเธอ รักไม่มีวันเปลี่ยนแปลง และจะรักเธอตลอดไปจนกว่าฉันจะสิ้นลมหายใจเหมือนกับเธอ...
…The End…
#จบแล้วค่ะ TT จบได้เศร้าและห่วยมากบอกแล้วว่าหักมุม 55555
อย่างที่บอกอย่างเอาอะไรกับฟิคเรื่องนี้เลยแค่อยากแต่งดราม่า
ไม่รู้ว่ามันจะออกมาดีถูกใจกันมั้ยแต่ก็สุดความสามารถแล้วล่ะค่ะ
ยังไงก็เจอกันเรื่องหน้านะคะ ขอเม้นเป็นกำลังใจหน่อยเน้อ!
ความคิดเห็น