ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    - JESSICA HAREM ( SNSD&ETC. ) -

    ลำดับตอนที่ #4 : 003 - ' MARKSIC ' ❤ A Perfect Stranger - fin. 07/09/2016

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ย. 59














     

     



    ยุคสมัยเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยนเป็นธรรมดาถูกป่ะ?

    ถึงจะเปลี่ยนแบบสลับกันไปมาก็ก็ใช่ว่าเราจะเป็นขยะของสังคมนี่

    นี่มันยุคไหนแล้วเปิดใจกันหน่อยดิแล้วจะรู้ว่ามันเป็นความแปลกที่ลงตัว!








     

     

     

    ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของใจกลางเมืองซึ่งเป็นช่วงงานกีฬาประจำปีทำให้ตอนนี้ทุกคณะของมหาวิทยาลัยกำลังเตรียมงานกันอย่างขมักเขม้นรวมไปถึง เจสสิก้าจอง หัวหน้าฝ่ายอุปกรณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ตอนนี้กำลังใช้เลื่อยตัดไม้สำหรับทำป้ายเชียร์บนแสตน

     

    “ดื่มน้ำก่อนมั้ยคะ?” เสียงของไอรีนรุ่นน้องปีหนึ่งในคณะเอ่ยถามด้วยความหวังดีพลางยื่นแก้วน้ำไปให้รุ่นพี่ปีสี่อย่างเจสสิก้า

     

    “ขอบคุณนะ” เจสสิก้าเอ่ยปากขอบคุณพลางรับแก้วน้ำมาพร้อมกับวางเลื่อยลงแล้วกระดกดื่มทันที

     

    “ฉันขอถามได้มั้ยคะ? ทำไมพี่ไม่ให้พี่ผู้ชายทำล่ะคะ?” ไอรีนเอ่ยปากถามพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ

     

    “พี่ไม่อยากกินแรงคนอื่นไง” เจสสิก้าตอบพลางส่งคืนแก้วน้ำให้กับไอรีนซึ่งเธอก็รับมันมาอย่างรวดเร็ว

     

    “มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ?” ไอรีนถามด้วยความหวังดี

     

    “ตรงพี่ไม่มีหรอกเธอลองไปช่วยตรงนั้นสิท่าทางจะขาดคนช่วยนะ” เจสสิก้าตอบก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มผู้หญิงที่กำลังนั่งทำอุปกรณ์สำหรับเชียร์ซึ่งไอรีนก็มองตามพลางพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปตามที่เจสสิก้าแนะนำ ส่วนเจสสิก้าก็หยิบเลื่อยมาก่อนจะเลื่อยไม้ต่อ

     

    “อิคนแมนคะได้เวลาแดกข้าวแล้วค่ะ เชี่ย!” เสียงหวานของแทยอนเพื่อนสนิทสุดซี้ปึ้กดังขึ้นพลางเดินมาตรงเจสสิก้าโดยไม่ทันมองก่อนจะหลุดอุทานออกมาเสียงหลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอถืออะไรอยู่

     

    “ร้องทำซากอะไรวะ?” เจสสิก้าก็อดสะดุ้งไม่ได้ก่อนจะเปิดปากบ่นพลางมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างดุๆ

     

    “อิห่า! กูก็กลัวตายมั้ยดีนะกูหยุดทันไม่งั้นกูคงไส้แตก” แทยอนบอกแกมบ่น

     

    “เว่อร์และอินีออน” เจสสิก้าเถียงกลับพลางเบะปากใส่

     

    “เออๆแล้วจะไปแดกมั้ยคะข้าวอ่ะ” แทยอนยอมยกธงขาวก่อนจะถามต่อ

     

    “ไปดิ..เซฮุนพี่ฝากเลื่อยไม้ต่อหน่อยนะ” เจสสิก้าตอบแทยอนก่อนจะหันไปบอกแกมสั่งรุ่นน้องที่กำลังเลื่อยไม้อยู่เช่นกันก่อนที่เธอจะเดินออกไปกับแทยอน

     

    “แล้วอิสวยกับอิโย่งอ่ะ” เจสสิก้าหันไปถามแทยอน

     

    “มันไปรอที่โรงอาหารของคณะอักษรแล้วย่ะ” แทยอนตอบ เหตุผลที่ต้องไปกินข้าวกันที่โรงอาหารของคณะอักษรศาสตร์เพราะคณะนี้น่ะอาหารอร่อยที่สุดแล้ว ส่วนอิสวยกับอิโย่งที่เจสสิก้าพูดถึงก็คืออิมยุนอากับชเวซูยองซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเพียงแต่พวกเธอเรียนกันคนละคณะเท่านั้นเอง

     

     

    [ Jessica Part ]

    “อินีออน อิแมนทางนี้!!” นั่นคือเสียงเรียกของยัยยุนอาที่ดังขึ้นไม่เกรงใจใครท่ามกลางโรงอาหารซึ่งชื่อมันเรียก อินีออน = แทยอน ส่วน อิแมน = ฉันเอง -0-

     

    “ความหน้าด้านนี้อยู่ในกระแสเลือดจริงๆนะอิสวย” แทยอนเอ่ยปากเหน็บอีกฝ่ายที่ทำเรื่องหน้าอายแต่ยังมีหน้ามายิ้มอยู่อีกแต่ก็นั่นแหละมันไม่เคยแคร์ใครอยู่แล้ว

     

    “แน่นอนเพราะกูสวย” ยุนอาบอกพลางยกมือขึ้นสะบัดผมเสมือนว่าตัวเองกำลังเป็นพรีเซนเตอร์แชมพูสระผมอย่างไงอย่างนั้น คู่แข่งของใหม่ดาญาญ่ามั้ยล่ะ? -_-

     

    “ค่ะ!” แทยอนตอบพลางกรอกตามองบนอย่างนึกหมั่นไส้

     

    “อิโย่งมึงไม่คิดจะทักทายพวกกูหน่อยเหรอแดกอย่างเดียวเลย” แทยอนหันไปตำหนิซูยองที่เอาแต่นั่งกินไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกันเลย

     

    “คุยกับพวกมึงอ่ะตอนไหนก็แต่เรื่องกินกูต้องกินตอนนี้” ซูยองเงยหน้าขึ้นตอบกลับก่อนจะหันไปสนใจอาหารเหมือนเดิม

     

    “อิแมนมึงลืมเอาปากมาเหรอ?” ยุนอาหันมาถามฉันที่ไม่ยอมพูดยอมจาเลย

     

    “กูขี้เกียจ” ฉันตอบไปพลางไหวไหล่อย่างไม่แยแส

     

    “ดีออกมากค่ะคุณเพื่อน :)” ยุนอาเหน็บพลางส่งยิ้มมาให้

     

    “อิแมนมึงดูโต๊ะนั้นดิมองมึงตาเป็นมันเลย” แทยอนสะกิดแขนฉันพลางเปิดปากพูดพร้อมกับพยักเพยิดใบหน้าให้ฉันดูโต๊ะข้างหน้าที่เอาแต่มองมาที่ฉันด้วยสายตาหวานเยิ้มแต่ประเด็นคือมันผู้หญิงทั้งโต๊ะ!

     

    “เชี่ย! กูขนลุก” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจระคนสยองก่อนที่ขนที่แขนของฉันจะลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่

     

    “เอ้า? กูนึกว่ามึงชอบ” แทยอนบอกพลางยกยิ้มอย่างล้อเลียนฉัน

     

    “อิห่า! ถึงกูจะแมนแต่กูอยากมีผัวเป็นผู้ชายค่ะไม่ใช่ชะนีแบบกู!” ฉันตอบเชิงเถียงกลับอย่างสุดใจ

     

    “ค่ะๆผู้ชายคงจะจีบมึงหรอกค่ะแมนกว่านักมวยปล้ำอีกมึงอ่ะ” แทยอนตอบเชิงประชดประชันก่อนจะหยิบตะเกียบแล้วคีบลูกชิ้นเข้าปาก

     

    “อิสวยมึงดูผู้ชายคนนั้นดิหุ่นอย่างล่ำอ่ะ กูอยากได้เป็นผัว!” ซูยองที่จู่ๆก็หยุดกินก่อนจะเปิดปากพูดพลางสะกิดยุนอาให้หันไปดูผู้ชายที่มันพูดถึงซึ่งแน่นอนต่อมเผือกของฉันกับแทยอนมันทำงานเร็วมากบวกกับสัญชาตญาณทำให้ก็หันไปมองด้วย

     

    “ไม่ๆแต่กูว่าผู้ชายคนนั้นแซ่บกว่ามึงว่ามะอิแมน > <” แต่ยุนอากลับเห็นต่างก่อนจะพยักเพยิดใบหน้าไปที่ผู้ชายอีกคนที่เอาจริงก็หล่อดีแต่ฉันว่ามันก็ทั่วไปว่ะ

     

    “กูเฉยๆว่ะเห็นแบบนี้เกลื่อนโลกแล้ว - -” ฉันตอบออกไปตามความรู้สึกก่อนจะใช้ตะเกียบคีบคิมบับเข้าปากอย่างเบื่อหน่าย

     

    “เอ้าอินี่! แล้วมึงชอบผู้ชายแบบไหนบอกพวกกูหน่อยดิ๊!” ยุนอาพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะถามฉันกลับ

     

    “.......” ฉันเบื่อที่จะตอบคำถามจึงเสมองไปทางอื่นก่อนที่สายตาของฉันจะไปสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดูติ๋มๆ ผิวขาวเหมือนน้ำตาล แถมยังท่าทางมุ้งมิ้งมาก สเปคเลยค่ะ! > <

     

    “ทำนิ่ง ทำนิ่งตอบกูดิอิแมนกูถามว่ามึงชอบผู้ชายแบบไหน” ยุนอาที่เห็นว่าฉันนิ่งไปก็ถามฉันซ้ำอีกครั้งแต่ตอนนี้น่ะฉันไม่สนใจอะไรแล้วอยากจะบอกแค่ว่า ฉันต้องการผู้ชายคนนั้นเป็นผัวค่ะ!

     

    “มึง..เชี่ยยยยยย!~ คนอะไรโคตรน่ารักเลยอ่ะ >////<

     

    “ไหนวะ?” ซูยองถามพลางมองตามสายตาของฉันแต่เหมือนกับว่ามันจะไม่เห็นนะ

     

    “มึงอย่าบอกกูนะว่าเป็นคนนั้นอ่ะ” ยุนอาหันมาถามฉันเป็นนัยๆซึ่งฉันก็พยักหน้าพร้อมทำสีหน้าพร้อมจะจับ(?)ผู้ชายคนนั้นมาทำผัวให้ได้

     

    “เดี๋ยวนะ..นี่มึงชอบตุ๊ดเหรอวะ?” แทยอนหันมาถามฉันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

     

    “ตบปากตามอายุมึงด่วน! ตุ๊ดเชี่ยอะไรก็แค่ผู้ชายติ๋มป่ะ” ฉันเปิดปากเถียงทันควันพลางมองหน้าแทยอนตาเขม็ง อะไรผู้ชายคนนั้นก็แค่ร่างบาง  ผิวขาว ขาเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนผู้หญิงแค่นั้นเองทำไมต้องมองเป็นตุ๊ดวะ? คนแมนไม่เข้าใจ (- - )( - -)

     

    “ติ๋มเชี่ยอะไรแบบนั้นอ่ะตุ๊ดแล้วมึง!” ยุนอาเถียงกลับอย่างไม่ยอม

     

    “อิสวยมึงก็ไม่ฉลาดเลยตุ๊ดอ่ะแบบนั้นเว้ย! แต่คนที่กูจองอ่ะเขาเรียกติ๋มเข้าใจป่ะ?” ฉันเปิดปากอธิบายเชิงเถียงอีกฝ่าย เอาดิตอนนี้เพื่อนไม่สนใจละขอช่วยว่าที่สามี(?)ก่อนค่ะ

     

    “กูเพิ่งเคยเห็นโมเม้นที่อิแมนจะสาวแบบพวกเราสักทีนะ” ซูยองบอกพลางทำหน้าอึ้งเล็กน้อย

     

    “เอ้า? กูก็เป็นผู้หญิงเหมือนพวกมึงป่ะ” ฉันรีบเปิดปากเถียงซูยองทันที

     

    “เออๆช่างแม่งเหอะอย่างน้อยอิแมนก็ยังชอบผู้ชายที่อาจจะไม่เหมือนผู้ชายล่ะวะ” ยุนอาบอกเป็นเชิงตัดบท

     

    “พวกมึงอ่ะไม่เข้าใจสเปคแบบพวกมึงอ่ะกูเห็นจนเกลื่อนแล้วแต่แบบของกูดินานๆจะมีเร้าใจจะตาย” ฉันบอกเชิงอธิบายพลางทำหน้าภูมิใจกับสเปคที่ค้นหามานานแสนนานของตัวเอง > <

     

     

    อีกด้านหนึ่ง

    “มึงแดกไปเยอะแล้วอันนี้ของกู!” เสียงบอกเชิงโวยวายของหวังแจ๊คสันดังขึ้นพลางมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามจะแย่งเบค่อนในจานไปกินเสียให้ได้

     

    “ผมให้พี่พูดใหม่ตั้งแต่นั่งมาเนี่ยผมยังไม่เห็นว่าพี่จะหยุดกินเบค่อนเลยนะ” แบมแบมเปิดปากเถียงกลับพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ นาทีนี้พี่ก็พี่เถอะวะคนมันอยากแดกยังไงก็ต้องได้แดกดิ!

     

    “แต่กูเป็นพี่นะ!” แจ๊คสันเถียงกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน สำหรับเขาแล้วเรื่องกินมันคือเรื่องใหญ่!

     

    “พี่ก็พี่ดิแต่ถ้าแดกไม่เผื่อคนอื่นก็ไม่ไหวมั้ย?” แบมแบมเถียงกลับพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมเช่นกัน นี่ถ้าเปรียบเสมือนสงครามคงเป็นคู่ที่น่าลุ้นที่สุดแล้วล่ะ

     

    “อ้าว? ไอเชี่ยยูค!” แต่สุดท้ายแล้วทั้งแจ๊คสันและแบมแบมก็ต้องหน้าเหวอก่อนจะร่วมใจกันรุมด่ามือที่สาม(?)อย่างคิมยูคยอมที่จู่ๆก็ชุบมือเปิบแย่งเบค่อนชิ้นสุดท้ายไปกินหน้าตาเฉยแถมพอกลืนเสร็จยังมีหน้ามาส่งยิ้มให้อีก

     

    “นี่ช่วยนะเนี่ยเห็นเถียงกันเลยตัดปัญหาให้ไง :)” ยูคยอมตอบพลางส่งยิ้มไปให้ส่วนแจ๊คสันกับแบมแบมก็ทำได้เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

     

    “เลิกเถียงกันแล้วมาแอ๊วสาวดีกว่ามึงดูโต๊ะนั้นดิสวยๆทั้งนั้นเลย > <” ปาร์คจินยองหรือในกลุ่มเรียกกันว่าจูเนียร์พูดขึ้นเชิงยุติสงครามขนาดย่อม(?)ก่อนจะพยักเพยิดใบหน้าไปที่โต๊ะตรงหน้าที่เยื้องไปทางขวาเล็กน้อยและแน่นอนที่วิธีนี้จะได้ผลก็พวกเขาน่ะขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงสำคัญสุด! แต่ก็มีบางคนที่ชอบทำตัวแปลกแยกนะ..

     

    [ Mark Part ]

    สวัสดีครับผมชื่อ ต้วนอี๋เอิน แต่โดยส่วนใหญ่เขาจะเรียกผมกันว่า มาร์ค เหตุเพราะผมเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไต้หวัน-อเมริกา และเพื่อความสะดวกในการเรียกชื่อของคนเกาหลีผมเลยให้พวกเขาเรียกผมว่ามาร์คนี่แหละ

     

    ในตอนนี้ผมกำลังนั่งทานอาหารร่วมกับเพื่อนในกลุ่มที่โรงอาหารของคณะอักษรศาสตร์แต่ขอบอกก่อนเลยว่าในกลุ่มของผมไม่มีใครเรียนคณะนี้เลยแต่เพราะที่นี่อาหารอร่อยแถมผู้หญิงสวยๆก็มีเต็มไปหมด แต่ผมไม่สนใจหรอก หยุดเลยนะ! ผมรู้ว่าทุกคนต้องกำลังคิดว่าผมเป็นตุ๊ดแน่ๆที่ผมหมายถึงอ่ะคือผมเคยมีแฟนแต่เพราะความชอบส่วนตัวของผมที่อาจจะไม่เหมือนผู้ชายเท่าไหร่เลยทำให้คนอื่นมักจะล้อผมว่าเป็นตุ๊ดจนสุดท้ายแฟนผมก็ทนไม่ไหวเลยบอกเลิกผมเมื่อไม่นานนี้เองเลยเป็นเหตุทำให้ผมอยากจะปิดตายหัวใจยังไงล่ะ

     

    “นี่คุณมาร์คครับมึงไม่คิดจะสนใจเลยเหรอ?” อิมแจบอมหรือที่พวกเราในกลุ่มเรียกว่าเจบีหันมาถามผมพลางเลิกคิ้วสูงที่ผมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารโดยไม่คิดจะเงยหน้าไปสนใจผู้หญิงคนไหนเลย

     

    “ไม่อ่ะ” ผมตอบเพื่อนสนิทพลางส่ายหัวไปมา

     

    “เชี่ย! กูว่าโต๊ะนั้นเด็ดสุด” เสียงของแจ๊คสันดังขึ้นอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพยักหน้าเพยิดใบหน้าไปที่โต๊ะที่ถัดจากเราไปสองโต๊ะซึ่งแน่นอนทุกคนสนใจกันหมดยกเว้นผมเนี่ยแหละ

     

    “จริงด้วยว่ะแต่กูว่ามีสิทธิ์แค่สามว่ะ” ชเวยองแจพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของแจ็คสัน

     

    “ผมก็ว่างั้นอีกคนแมนเป็นบ้าเลยว่ะถ้าเราเข้าไปคุยเขาจะไม่ต่อยหน้าเราถูกมะ?” ยูคยอมพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของยองแจพลางแสดงสีหน้าเกรงกลัวเล็กน้อยซึ่งนั่นมันทำให้ผมนึกสนใจก็เลยยอมหันไปมองตามที่พวกมันมองและก็จริงที่ในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งที่ดูแมนเกินกว่าจะเป็นผู้หญิง...แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือเธอกำลังมองผมอยู่!

     

    “แต่ผมว่าผู้หญิงคนที่แมนๆคนนั้นกำลังมองอยู่นะ” แบมแบมพูดขึ้นพลางใช้สายตาเหล่มาที่หน้าผมนั่นทำให้ต่อมเผือกของทุกคนในกลุ่มเริ่มทำงานกันทันที เรื่องแบบนี้สนใจกันดีเหลือเกิน -..-

     

    “เออจริงอย่างที่แบมแบมมันพูดว่ะ..หรือว่าเขาชอบมึงวะ?” เจบีพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยก่อนจะหันมาถามผมพลางเลิกคิ้วสูง

     

    “มโนว่ะแค่มองไม่ได้หมายความว่าชอบป่ะ?” ผมตอบกลับอีกฝ่ายก่อนจะเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้นแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ เพราะไม่อยากจะยุ่งกับใครอีกแล้วเลยไม่อยากสนใจ

     

     

    [ Jessica Part ]

    เชี่ย! O_O ทำยังไงดีวะคะคือตั้งแต่ฉันเจอสเปคของตัวเองแล้วฉันก็แทบจะไม่สนใจอาหารบนโต๊ะเลยเพราะฉันเอาแต่จ้องไปที่เขาแต่ทำยังไงดีล่ะตอนนี้เขาน่าจะรู้ตัวแล้วว่าฉันจ้องเขา ทำยังไงดีวะคะ!   คิดๆๆๆๆๆๆ

     

    “เป็นเชี่ยอะไรอิแมนทำหน้าเหมือนเห็นผี” อิสวยเปิดปากถามฉันพลางมองหน้าฉันด้วยความสงสัย

     

    “มากกว่าผีอีก! มึงกูควรทำไงดีวะคือเมื่อกี๊เขามองกูอ่ะ!” ฉันเอ่ยปากถามเพื่อยในกลุ่มอย่างร้อนรนถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มองแล้วแต่เขาต้องรู้แน่ว่าฉันจ้องเขาอยู่ =[  ]=

     

    “ใคร? ตุ๊ดสเปคมึงอ่ะเหรอ?” อิสวยถามหน้ากวนๆ

     

    “กูบอกว่าใช่ตุ๊ดไง!” ฉันเปิดปากถัยงทันทีก็บอกแล้วไงว่าแบบนั้นอ่ะแค่ดูเหมือนแต่ไม่ใช่ไงเชื่อเซ้นของอิแมนคนนี้ดิ!

     

    “เออๆนั่นแหละแล้วทำไมเขามองมึงทำไม?” อิสวยเอ่ยปากถามแบบเหมือนขอไปทีไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านกับฉันเลย เออ! กูซึ้งมาก! -_-

     

    “กูจะไปตรัสรู้มั้ยล่ะอิสวย!” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดคือตอนแรกก็ตกใจที่ผัว(?)ในอนาคตมองมาแต่พอโดนอิสวยพูดแบบนี้มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ป่ะ

     

    “หยุดเลยมึงสองคนเลิกเถียงแล้วรีบแดกค่ะอิแมนมึงต้องไปช่วยงานที่คณะอีกไม่ใช่เหรอ?” เป็นอินีออนคิมแทยอนที่เป็นคนยุติสงครามน้ำลายระหว่างฉันกับอิสวยก่อนจะหันมาพูดเชิงเตือนฉัน เออ..ลืมไปเลยว่ะว่ามีงานที่ทำค้างอยู่ที่คณะ

     

    หลังจากที่พวกเราทานอาหารกันเสร็จทุกคนต่างก็แยกกันกลับไปที่คณะของตัวเองซึ่งแน่นอนที่จะไม่มีใครเลยที่จะไปพร้อมกันเพราะคณะของพวกเราอยู่กันคนละฝากอย่างชัดเจนจึงทำให้ฉันต้องหรือคนอื่นต้องเดินไปที่คณะเพียงคนเดียว

     

    “โอ๊ย!” ในขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่จู่ๆก็มีลูกบอลจากที่ไหนไม่รู้มากระทบเข้าที่ศีรษะของฉันอย่างจังจนฉันเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บแต่ยังโชคดีที่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้ เมื่อได้สติฉันจึงหยิบลูกบอลขึ้นมาถือพลางรีบมองหาตัวต้นเหตุที่ทำให้หัวของฉันต้องเจ็บทันที เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับสิก้าคนแมนอย่างฉันเหรอวะ!

     

    “เอ่อ..ขอบอลคืนได้มั้ยครับ?” ในขณะที่ฉันกำลังกวาดสายตามองหาตัวต้นเหตุอยู่นั้นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นนั่นทำให้ฉันหันมองด้วยความโมโหระคนหงุดหงิดแต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเขาชัดเจน เชี่ยยยยยยย! นี่มันพ่อของลูกนี่หว่า =[  ]=

     

    “บอลนายเหรอ?” เอ่ยปากถามพลางเลิกคิ้วสูง

     

    “ใช่ ว่าแต่มันโดนพี่หรือเปล่า?” คนตรงหน้าเอ่ยปากตอบก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง เป็นห่วงเหรอ?

     

    “ยังจะมาถามอีกมันโดนหัวฉันเต็มๆเลยเนี่ยถามจริงเตะเป็นหรือเปล่าห๊ะ!?” พอคนตรงหน้าเอ่ยถามว่าบอลมันโดนฉันมั้ยความโกรธที่อยู่ก่อนหน้านั้นก็กลับมามีอิทธิพลอีกครั้งนั่นจึงเป็นเหตุทำให้ฉันโพล่งออกไปแบบนั้น แต่ดูเหมือนฉันอาจจะพูดแล้วใส่อารมณ์มากเกินไปจนทำให้คนตรงหน้าก้มหน้างุดแถมยังดูตัวเล็กลีบลงอย่างเห็นได้ชัด เฮ้ย! ฉันมันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ? หรือคนตรงหน้าก็แค่ขี้ป๊อดไปเอง?

     

    “ผมขอโทษนะ..ไม่ได้ตั้งใจปกติก็ไม่เคยเตะหรอก” คนตรงหน้าเอ่ยปากขอโทษฉันอย่างรู้สึกผิดในขณะที่เขาก็ยังคงก้มหน้าอยู่

     

    “แล้วทำอะไร?” เดี๋ยวนะมันจะดูเสียมารยาทเกินไปป่ะวะ? ที่จู่ๆก็ถามไปแบบนั้นเหมือนเป็นพวกขี้เผือกไปเลยว่ะ แต่คนมันก็อยากรู้อ่ะเป็นผู้ชายนะเว้ย! ทำไมจะเตะบอลไม่เป็นวะ แต่ถึงจะเตะไม่เป็นแต่อย่างน้อยมันก็น่าจะพอเคยผ่านการเล่นมาบ้างดิ

     

    “เล่นตุ๊กตา” คนตรงหน้าเงยหน้าตอบหน้าตาเฉย เดี๋ยวนะ? ฉันหูฝาดไปเปล่าวะ คนตรงหน้าบอกว่าเล่นตุ๊กตานั่นมันของเล่นผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะคะ?

     

    “ห๊ะ? ตุ๊กตา?” ฉันพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเชื่อ

     

    “ครับ..ก็ผมไม่ชอบความรุนแรงอีกอย่างตุ๊กตาก็น่ารักดี” คนตรงหน้าตอบแถมยังแอบทำหน้าภูมิใจเล็กน้อย หรือว่าจริงๆแล้วคนที่ฉันชอบมันจะเป็นตุ๊ดจริงๆวะ -_-

     

    “มาร์คมึงได้ยังวะบอลอ่ะพวกกูเล่นวันนี้นะเว้ยไม่ใช่ชาติหน้า!” ในขณะที่ฉันจะอ้าปากถามต่อเสียงของใครอีกคนก็ตะโกนดังมาแต่ไกลนั่นทำให้ทั้งฉันและคนตรงหน้าหันไปมอง

     

    “เอ่อ..งั้นผมขอบอลคืนนะครับส่วนเรื่องที่ทำให้เจ็บตัวผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ” อีกฝ่ายเอ่ยปากขอบอลที่อยู่ในมือของฉันอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากขอโทษแถมยังโค้งให้ด้วยความนอบน้อมนั่นทำให้ฉันเริ่มใจอ่อน(?)จึงยอมคืนลูกบอลให้แล้วก็ไม่คิดจะเอาเรื่อง ไม่ใช่ว่ะ! มันไม่ใช่ฉันอ่ะปกติคนอย่างอิแมนคนนี้ไม่เคยยอมใครเลยนะเว้ยทำไมต้องยอมผู้ชายคนนั้นวะ? แม่งแปลกมากๆๆ แต่ที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าชอบเล่นตุ๊กตา...เชี่ย! เป็นผู้ชายที่น่ารักน่าทะนุถนอมอะไรเช่นนี้ > < #ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเขาเป็นตุ๊ดเลยนะ =[  ]=

     

    “เอ้า? อิโง่!” เมื่อคิดได้ว่ายืนคุยกับผู้ชายคนนั้นมาตั้งนานยังไม่รู้ชื่อเลย เลยกะว่าจะหันไปถามแต่อีกฝ่ายก็เดินไปไกลแล้ว ฉันเลยเปิดปากด่าตัวเองที่โง่ไม่ยอมถามนั่นแหละ

     

     

    [ Mark Part ]

    หลังจากที่ผมได้บอลคืนจากผู้หญิงคนที่เห็นที่โรงอาหารของคณะอักษรศาสตร์แล้วผมก็รีบเดินออกมาทันที ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับก็ผมกลัวผู้หญิงคนนั้นอ่า T[  ]T ไม่เข้าใจเลยทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงต้องทำหน้าโหดแบบนั้นด้วย ตอนแรกที่ผมเห็นหน้าเธอผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่พอเธอตีหน้าโหดใส่เท่านั้นแหละผมนี่แทบอยากจะเอาหัวมุดดินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยน่ากลัวว่าหมาแถวบ้าน(?)ผมอีกอ่ะ

     

    “ทำไมหน้าซีดวะ? กะอิแค่ไปเอาบอลเอง?” แจ๊คสันเอ่ยปากถามผมพลางเลิกคิ้วสูงหลังจากที่เห็นหน้าของผมที่อาจจะซีดกว่าปกติ #ยังจะซีดอีกเหรอ =[ ]=

     

    “กูเจอผู้หญิงที่เห็นที่โรงอาหารมา” ผมเอ่ยปากตอบพลางส่งบอลคืนให้กับแจ๊คสัน

     

    “คนไหนวะ?” แจ๊คสันถามพลางทำหน้านึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่

     

    “ก็..คนที่มองกูอ่ะ” ผมตอบพลางนึกถึงหน้าที่โหดๆของผู้หญิงคนนั้นแล้วจู่ๆขนที่แขนก็ลุกชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

     

    “อ๋อ! ที่หน้าสวยๆแต่ท่าทางเหมือนผู้ชายอ่ะนะ?” แจ๊คสันถามเพื่อความแน่ใจซึ่งผมก็พยักหน้ารับ

     

    “แล้วทำไมต้องหน้าซีดวะ?” แจ๊คสันถามด้วยความสงสัยระคนงุนงง

     

    “ก็มึงอ่ะเตะบอลไปโดนหัวเขาเขาเลยโกรธจนจะกินหัวกูอยู่แล้วเนี่ย!” ผมเปิดปากพูดพลางระบายอารมณ์ออกมากับน้ำเสียงที่มันอัดอั้น ก็มันน่ากลัวจริงๆนะผู้หญิงคนนั้นอ่า T[   ]T

     

    “น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” แจ๊คสันถามพลางแอบลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย

     

    “ก็ใช่อ่ะดิแล้วดูจากชุดที่ใส่แล้วน่าจะเรียนวิศวะด้วย” ผมบอกพลางนึกไปถึงยูนิฟอร์มที่ผู้หญิงคนนั้นใส่ซึ่งมันเป็นยูนิฟอร์มที่ค่อนข้างโดดเด่นก็เลยจำง่าย

     

    “ห๊ะ? เรียนวิศวะ? โอเคกูไม่แปลกใจละทำไมมึงถึงหน้าซีด” แจ๊คสันร้องออกมาก่อนจะพูดต่อ

     

    “กูไม่เล่นแล้วบอลอ่ะกลับไปเล่นตุ๊กตาเหมือนเดิมดีกว่าว่ะ” ผมบอกก่อนจะเดินหนีไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ รู้งี้ผมไม่น่ามาเล่นบอลด้วยเลยเหนื่อยก็เหนื่อยแถมยังโดนดุอีก =[  ]=

     

     

    วันต่อมา

    ตอนนี้ผมกำลังนั่งอ่านใบความรู้ระหว่างรอเวลาเข้าคลาสเรียนที่จะมาถึงในอีกประมาณสองชั่วโมง #ขยันจริงพ่อคุ๊ณณณณณณณ =[  ]=

     

    จริงๆก็ไม่ได้ขยันอะไรหรอก (อ้าว) แค่ขี้เกียจอยู่ที่หอพักเบื่อรูมเมทที่วันๆก็ชอบเอาแต่ส่งเสียงดังรบกวนผมอยู่เรื่อยทำให้ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเด็กเรียนนะแต่เข้าใจอารมณ์คนที่พ่อแม่วางกรอบเอาไว้ให้แต่เด็กแล้วมันติดเป็นสันดาน(?)ป่ะ

     

    “มึงมีเรียนเช้าเหรอ?” ในขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่นั้นเสียงที่โคตรคุ้นหูของแจ็คสันเพื่อนกลุ่มเดียวกันดังขึ้นก่อนจะถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งบนเก้อี้ตรงข้ามกับผมโดยไม่รอให้ผมอันเชิญ(?)

     

    “เปล่าอ่ะมีเรียนตอนบ่าย” ผมตอบในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ใบความรู้ที่เพิ่งได้มันมาเมื่อวานซืนซึ่งมันเป็นใบความรู้ที่อาจารย์แจกให้ล่วงหน้านั่นแหละ

     

    “มึงขยันไง? นี่แค่สิบเอ็ดโมงมั้ยล่ะ?” แจ็คสันเปิดปากบ่นผมตามประสาคนขี้เกียจ(?)

     

    “ก็เบื่อรูมเมทที่ห้อง” ผมละสายตาจากใบความรู้ตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

     

    “ก็กูเคยแนะนำแล้วมั้ยล่ะว่าให้อยู่หอนอกแบบกูก็ไม่เชื่อ” แจ็คสันบอกพลางทำหน้าเหมือนกำลังต่อว่าผม ก็คนมันขี้เกียจมั้ยล่ะ? - -

     

    “เปลืองตังค์” ผมตอบออกไปสั้นๆแต่ได้ใจความอย่างชัดเจน

     

    “ถุ้ย! บ้านมึงจนมากมั้ง?” แจ็คสันทำท่าพ่นน้ำลายพร้อมกับมองผมด้วยสายตาเหมือนอยากจะต่อยหน้าผมเต็มที - -

     

    “บอกตอนไหนว่าบ้านจน?” ผมตอบกลับอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างกวนประสาท

     

    “ถ้าไม่เห็นมึงเป็นเพื่อนป่านนี้กูถีบยอดหน้ามึงไปแล้ว!” แจ็คสันบอกพลางส่งสายตาเชิงอาฆาตใส่ผม แต่คิดเหรอว่าจะกลัว? บอกเลยว่าไม่!

     

    “ขาสั้นแบบมึงถีบหน้ากูถึงได้ด้วยเหรอ?” ผมพูดเชิงกวนประสาทอีกฝ่าย

     

    “โอ้โห! ว่าอะไรก็ได้แต่มาด่ากูขาสั้นนี่กูปรี๊ดเลยนะเว้ยยยยยย!!” แจ๊คสันบอกพลางตบโต๊ะหินอ่อนเสียงดังซึ่งมันไม่ได้ดังมาจากโต๊ะหรอกจามือมันนั่นแหละ ไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้มือมันแดงยิ่งว่ามะเขือเทศซะอีก

     

    “โอ๊ย! เมื่อไหร่น้องจะเลิกตอแยพี่สักที บอกแล้วไงว่าพี่ชอบผู้ค่ะไม่ได้ชอบชะนีเข้าใจมั้ยคะ!” ในขณะที่แจ๊คสันกำลังทำท่าจะฆ่าผมเต็มแก่แต่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขัดขึ้นซึ่งมันสามารถเรียกความสนใจจากผมและแจ็คสันได้เป็นอย่างดี

     

    “กูว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ” แจ็คสันพูดพลางมองผู้หญิงคนนั้นอย่างพิจารณา ว่าแต่มันมานั่งข้างผมตอนไหนกันวะ?

     

    “คุ้นเหมือนกัน” ผมบอกอย่างเห็นด้วยพลางเพ่งสายตามองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา คือมันคุ้นมากแต่นึกไม่ออกอ่ะว่าเคยเห็นที่ไหนอีกอย่างระยะที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ก็ไกลพอสมควรแถมยังเห็นหน้าแค่ด้านข้างอีกเลยทำให้มองเห็นไม่สะดวกเท่าไหร่

     

    [ Jessica Part ]

    “พี่อย่าใจร้ายสิพวกผู้อ่ะนิสัยไม่ดีเท่าชะนีอย่างหนูนะคะ” ฉันอยากจะบ้าตาย! ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าฉันมันเหมือนทอมตรงไหนวะ? ทำไมพวกชะนีพวกนี้ถึงได้ตามตอแยฉันขนาดนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ชะนีมาบอกชอบฉันแต่ยัยนี่หนักสุดค่ะขนาดปฏิเสธจนปากจะฉีกนางยังไม่เลิกตื้อฉันเลย ตัวผู้อยู่ไหนกันคะเฮวมีพลีสสสสสสสส T[    ]T

     

    “พี่ชอบน้องไม่ได้ค่ะพี่ชอบผู้ค่ะได้ยินมั้ยคะ! อีกอย่างพี่มีผัวแล้วด้วย!” ฉันพูดเชิงตอกย้ำความชัดเจนถึงจุดยืนของตัวเองให้ยัยรุ่นน้องจอมตื้อฟังจนเต็มหูแถมยังโกหกคำโตแต่ดูท่ายัยนี่จะหน้าด้าน(?)พอตัวดูไม่มีท่าทีท้อแท้เลยค่ะ TT

     

    “ไม่เชื่อหรอก! หนูจะตื้อจนกว่าพี่จะมีผัวมายืนยัน!” โอ้โห! หัวหมอจริงๆยัยน้องคนนี้มีมาขู่กันเลยเว้ย! เดี๋ยวก่อนนะคะน้องทุกวันนี้อย่าว่าแต่ผัวเลยค่ะตัวผู้สักคนยังไม่คิดจะจีบพี่เลย T^T แล้วดิฉันจะไปหาผัวมาจากไหนได้ล่ะคะ อ๊ากกกกกกกกก =[   ]=

     

    “นั่นไงผัวพี่อยู่นั่นไง!” เพราะอยากจะหลุดพ้นจากยัยรุ่นน้องจอมตื้อนี่สักทีฉันเลยพยายามกวาดสายตามองหาผู้ชายสักคนที่พอจะมาหลอกเป็นผัวฉันชั่วคราวจนสายตาไปสะดุดเข้ากับผัวในอนาคตฉันที่อยู่ห่างกันไกลพอสมควรแต่ความหล่อทะลุจนกระแทกตาเลยค่ะฉันเลยโมเมพูดออกมาพลางชี้ให้ยัยรุ่นน้องจอมตื้อดูก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาน้องคนนั้นโดยมียัยรุ่นน้องตามมาด้วย - -

     

    [ Mark Part ]

    ในขณะที่ผมกับแจ็คสันกำลังเฝ้ามองสถานการณ์อยู่นั้นจู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเดินเข้ามาใกล้ผมสองคนเรื่อยๆจนสามารถเห็นหน้าได้ชัดเจน ซวยแล้วไง! นี่มันผู้หญิงจอมโหดคนนั้นไม่ใช่เหรอ? เขาเดินมาทำไม? หรือว่าเขาจะมาต่อยผม? ไม่เอานะเว้ยหน้ายิ่งหล่อๆอยู่ T_____T #เอิ่มมม..

     

    “กูนึกออกแล้วผู้หญิงแมนๆที่โรงอาหารนี่หว่า” แจ๊คสันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูท่าทางจะภูมิใจ คือคุณมึงภูมิใจแต่ผมใจคอไม่ดีเลยครับ ยิ่งกว่าจับใบดำใบแดงอีก T^T

     

    “นี่เลยค่ะผัวพี่ ^_^” ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยอยู่ๆผู้หญิงจอมโหดก็เดินเข้ามาคล้องแขนผมแถมยังเอาหัวมาซบที่แขนของผมอย่างออดอ้อนพร้อมกับเปิดปากพูดกับผู้หญิงอีกคนที่ตามมาด้วยโดยเน้นเสียงตรงคำว่า ผัว อย่างหนักแน่น ผมไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะเรียนยังไม่จบเลยนะ =[   ]=

     

    “นายเป็นผัวพี่เขาจริงๆเหรอ?” ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยปากถามผมเสียงเข้มพลางส่งสายตาอาฆาตมาให้กับผม ส่วนผมที่ทำตัวไม่ถูกก็หันไปมองหน้าคนที่เกาะแขนผมซึ่งเธอเองก็ส่งสายตาเชิงบังคับมาให้ผมตอบเออออไปกับเธอ อะไรกันวะครับทำไมชีวิตของผมถึงได้เจอแต่ผู้หญิงโหดๆแบบนี้ล่ะ T[   ]T

     

    “เอ่อ..ชะ ใช่  พี่เขาเป็นแฟนเราเอง ^///^” ผมยอมเออออไปกับผู้หญิงที่เกาะแขนผมจนเหมือนปลิงดูดเลือดพลางส่งยิ้มแห้งไปให้กับผู้หญิงตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

     

    “เห็นมั้ยคะว่าพี่มีผัวแล้วเพราะฉะนั้นเลิกหวังนะคะน้อง” พี่คนที่เกาะแขนผมอยู่บอกผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับเบียดตัวเองให้เข้ามาใกล้ผมอีก เอ่อ...คือบางทีก็ไม่ต้องใกล้มากก็ได้นะผมก็คนหรือเปล่า? ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่หวั่นไหวนะครับ!

     

    “หนูไม่เชื่ออ่ะถ้าคนนี้แฟนพี่จริงงั้นจูบกันให้ดูหน่อย!” แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะไม่ยอมลดลาวาศอกกันเลยแถมยังพูดจาท้าทายคนที่เกาะแขนผมอีก เอิ่ม...ผมหูไม่ฝาดใช่ป่ะ! O_O

     

    “จะ..จูบเหรอ?” ผมพูดออกมาอย่างอึ้งๆระคนตกใจกับคำพูดท้าทายของคนตรงหน้า ไม่เอานะครับผมไม่เอานะ T[  ]T

     

    “ไม่กล้าเหรอคะ?” ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วสูงพร้อมกับส่งสายตาจับผิดมายังผม

     

    “คะ..คือว่า OxO” ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้ตอบอีกฝ่ายจู่ๆพี่ปลิงสายโหด(?)ก็เขย่งตัวพร้อมกับจับหน้าผมเข้าไปใกล้ก่อนที่พี่เขาจะประทับจูบลงบนริมฝีปากผมโดยไม่ให้ผมตั้งตัว เดี๋ยวดิ! ผู้หญิงสมัยนี้ทำไมน่ากลัวแบบนี้ล่ะ T^T

     

    “จบนะคะน้อง!” พี่ปลิงสายโหดถอนจูบจากผมแล้วหันไปพูดกับผู้หญิงตรงหน้าก่อนที่พี่ปลิงสายโหดจะลากผมออกไปจากตรงนี้ เอาตรงๆนะเหมือนวิญญาณหายไปเลยว่ะไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ =[  ]=

     

     

    [ Jessica Part ]

    “น้องคะ? วิญญาณหายเหรอคะ?” ฉันเอ่ยปากถามว่าที่ผัวในอนาคตหลังจากที่ฉันลากเขาออกมาจากยัยรุ่นน้องจอมตื้อนั่นแต่ท่าทางของเขากลับดูเหมือนคนไม่มีวิญญาณเลย สงสัยจังว่าเป็นอะไร? #นางไม่รู้จริงๆเหรอ - -‘

     

    “นี่พี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่เนี่ย!? อยู่ๆมาจูบผมแบบนั้นต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงเล่า!?” ดูเหมือนว่าผัวในอนาคตจะเริ่มได้สติเขาก็โพล่งออกมาเหมือนพวกนางเอกในละครหลังข่าวที่โดนพระเอกจูบแล้วเพิ่งได้สติ #ก็ดูนางเปรียบเทียบเนอะ =[  ]=

     

    “แล้วจะโมโหเพื่อ? ทำตัวเป็นนางเอกในละครไปได้” ฉันบอกพลางเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายก่อนจะทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว

     

    “พี่ใช่ผู้หญิงจริงป่ะเนี่ย!?” ผัวในอนาคตเอ่ยปากถามฉันพลางมองหน้าฉันอย่างหวาดกลัว

     

    “เอาบัตรประชาชนไปดูเลยมะ?” ฉันถามพลางแกล้งมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะเอาเรื่องจนอีกฝ่ายถอยออกห่างฉันทันที โอ๊ยยยยยย~~~ ทำไมน้องน่ารักแบบนี้อยากได้ๆๆๆ >_<

     

    “ไม่เอาแล้ว ไม่อยากรู้แล้ว” คนตรงหน้าเอ่ยปากบอกพลางพองแก้มอย่างน่ารัก

     

    “พี่ชื่อเจสสิก้านะเรียนวิศวกรรมโยธา :)” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วมาแนะนำตัวเองให้คนตรงหน้ารู้จักพลางส่งยิ้มไปให้ เอาล่ะวันนี้ฉันต้องได้รู้จักผัวในอนาคตให้ได้!

     

    “ทำไมเรียนสาขาแมนจัง?” ผัวในอนาคตเอ่ยปากถามพลางมองหน้าฉันผมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

     

    “ก็บ้านพี่เรียนวิศวะทั้งบ้านพี่ก็เลยขี้เกียจเรียนอย่างอื่น” ฉันตอบคำถามของอีกฝ่ายซึ่งผัวในอนาคตก็พยักหน้ารับงึกๆ

     

    “แล้วน้องชื่ออะไร?” ฉันถามกลับพลางมองหน้าอีกฝ่าย

     

    “ผมเหรอ? ผมชื่อมาร์คเรียนคณะศึกษาศาสตร์” ผัวในอนาคตตอบคำถามของฉันพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างไม่วางตา ต๊ายตาย! ฉันจะได้ผัวเป็นว่าที่ครูแหละ 5555

     

    “เป็นครู? แบบนี้สงสัยคงโดนนักเรียนแกล้งมากกว่าจะไปกำราบเด็กนะ” ฉันบอกอีกฝ่าย

     

    “ใครบอก? ผมโหดก็เป็นนะ” อีกฝ่ายบอกแกมเถียง

     

    “จริงอ่ะ? แบบน้องเนี่ยนะโหดเป็น? ได้ข่าวเมื่อกี้ยังทำท่ากลัวพี่อยู่เลย” ฉันบอกพลางเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเชื่อก่อนจะแกล้งตีหน้าโหดใส่อีกฝ่ายจนมาร์คถอยตัวออกห่างฉันอย่างฉับพลัน - -

     

    “ผมนึกได้ว่ามีธุระผมไปก่อนนะ” มาร์คบอกกับฉันก่อนจะรีบเดินหนีฉันไปทันที ซึ่งแน่นอนฉันไม่เดินตามเขาไปหรอกคือขามันสั้นเดินตามยังไงก็ไม่ทันอยู่ดีนั่นแหละ -0-

     

     

    เวลาผ่านมาเกือบสองสัปดาห์ที่ฉันพยายามเข้าหามาร์คว่าที่สามีในอนาคตแต่ก็เหมือนกับว่ามาร์คจะไม่ค่อยอยากอยู่กับฉันสักเท่าไหร่ ชวนคุยได้แป๊ปเดียวเขาก็หาเรื่องไปโน่นไปนี่ ฉันมันน่ากลัวมาเลยหรือไงวะ?

     

    “อิแมนเป็นอะไรไปคะ? ทำหน้าบูดเหมือนไม่ได้ถ่ายมาสามชาติ!” สาบานค่ะว่าอิโย่งมันถามเพราะเป็นห่วงไม่ได้ต้องการด่าอะไรฉันเล๊ยยยยยยยย

     

    “ถ้ากูไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนนี่ต่อยหน้าไปละ! พูดจากับกูไม่เคยจะดีเลย” ฉันบอกแกมขู่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

     

    “เอาล่ะๆเลิกทะเลาะกันตกลงมึงเป็นอะไร?” แล้วก็เป็นอินีออนที่คอยห้ามปรามศึกสงครามขนาดย่อม(?)ระหว่างฉันกับอิโย่ง คือเอาจริงๆแล้วฉันกับอิโย่งไม่ได้เกลียดอะไรกันหรอกแต่มันติดนิสัยที่ชอบแซะกันไปกันมาเนี่ยแหละ เป็นสีสันของชีวิตดี 55555555

     

    “กูเครียดอ่ะ น้องแมร่งเอาแต่หลบหน้ากูกูเสียใจอ่ะ T^T” ฉันบอกกับอิแมนพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้คล้ายคนท้อแท้ในชีวิต ก็ให้ทำไงได้วะ? คนนี้ฉันจริงจังมากเลยนะแต่ดูเขาสิไม่เคยคิดจะสนใจกันเลยอ่ะ T[  ]T

     

    “น้องที่ว่าอิน้องตุ๊ดของมึงอ่ะนะ?” อิโย่งพูดพลางตักไอศครีมเข้าปาก เอาเหอะเพื่อเครียดมันก็ยังมีอารมณ์กิน โคตรซึ้ง!

     

    “กูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ตุ๊ด!” ฉันเปิดปากเถียงทันควัน ก็แค่เป็นผู้ชายเรียบร้อยป่ะวะ? ทำไมต้องหาว่าเป็นตุ๊ดด้วย ตุ๊ดต้องเป็นอิโจควอนโน่นนนนนน วันๆไม่ทำอะไรนอกจากไปเต๊าะหนุ่มวิศวะฉันเห็นจนชินละ

     

    “นั่นเด็กมึงเปล่าวะ?” อิสวยบอกฉันพลางชี้ให้ดูนั่นทำให้ฉันรีบหันไปมองทันที แล้วมันก็ใช่ด้วย! เดี๋ยวนะ..น้องมันมาทำอะไรที่ตึกคณะครุศาสตร์วะ?

     

    “ใช่อ่ะ” ฉันตอบเพื่อนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

     

    “เป็นอะไรขอมึงอีกคะ? ทำไมทีอย่างนี้ไม่เข้าไปหาน้องเขาล่ะ?” อิโย่งเอ่ยปากถามพลางขมวดคิ้งด้วยความสงสัย

     

    “กูไม่อยากเข้าไปอ่ะ เดี๋ยวน้องแมร่งก็หนีกูอีก บางทีกูก็เหนื่อยป่ะวะ” ฉันบอกอิโย่งไปตามความรู้สึกข้างใน คือเข้าใจป่ะว่าการตามใครมากๆแล้วเขาไม่คิดจะสนใจเลยมันก็เหนื่อยถึงมันดูไม่ได้ใช้เวลานานมากแต่ฉันก็เหนื่อยว่ะ เหนื่อยจริงๆ

     

    “เออๆพวกกูเข้าใจ นานๆทีมึงจะชอบผู้ชายให้พวกกูเห็น” อิสวยบอกอย่างเข้าใจระคนเห็นใจฉันพลางเอื้อมมือมาตบที่บ่าของฉันอย่างให้กำลังใจ เฮ้ออออออ

     

     

    [ Mark Part ]

    “นั่นใช่พี่ที่ชอบเข้ามาหามึงเปล่าวะ?” เจบีสะกิดผมพลางพยักเพยิดปลายคางไปทางด้านขวามือของผมนั่นทำให้ผมที่กำลังต่อแถวรอซื้อของกินหันไปมองอย่างอดไม่ได้

     

    “อืม..” ผมตอบออกไปสั้นๆก่อนจะหันกลับมาดังเดิม

     

    “มึงไม่คิดจะเข้าไปทักพี่เขาหน่อยเหรอ?” แจ๊คสันถามผมด้วยน้ำเสียงติดซีเรียสเล็กน้อย

     

    “ไม่เอาอ่ะ พี่เขาน่ากลัว” ผมตอบคำถามของเพื่อนทันควันพลางส่ายหัวไปมาเป็นการยืนยันคำตอบ

     

    “แต่กูว่าพี่เขาก็ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรนะเว้ย แล้วอีกอย่างเวลาพี่เขาเข้ามาทักแกก็ทำตัวน่ารักดีไม่ได้โหดอย่างที่มึงเห็นนี่หว่า” แจ๊คสันบอกเชิงอธิบายให้ผมฟัง

     

    “มันก็ใช่ แต่ยังไงพี่เขาก็เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอยู่ดีนั่นแหละ” ผมตอบโดยยืนยันคำตอบเดิม ไม่ใช่ว่าไม่อยากเข้าไปทักทายแต่ก็กลัวว่าถ้าเข้าไปพี่เขาอาจจะไม่พอใจก็ได้

     

    “แหม่...ใครมันจะไปเหมือนนาอึนแฟนเก่ามันเล่าทั้งน่ารัก เรียบร้อย อ่อนหวานน่ะ” จูเนียร์พูดแกมแซวผมนั่นทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย พูดขึ้นมาทำไมล่ะครับ =[  ]=

     

    “มึงจะพูดเพื่อ? ดูหน้าไอมาร์คด้วยครับ!” เจบีบอกแกมเอ็ดจูเนียร์ที่อยู่ๆก็พูดถึงนาอึนแฟนเก่าของผมที่เรียนอยู่คณะครุศาสตร์

     

    “พอพูดถึงนาอึนกูก็เพิ่งนึกได้ว่านาอึนเรียรครุไม่ใช่เหรอวะ?” ยองแจพูดเชิงถาม

     

    “อ้าว? มาร์คทำไมมาทานอาหารที่คณะเราล่ะ?” ยังไม่ทันที่พวกเราจะพูดอะไรต่อเสียงอันคุ้นหูของผมก็ดังขึ้นทำให้ทั้งกลุ่มของผมหันไปมองก็พบกับนาอึนที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบเอามากๆแต่ตอนนี้ยิ่งเห็นมันก็ยิ่งเจ็บว่ะ

     

    “อ๋อ..พอดีว่าที่คณะอักษรศาสตร์คนมันเยอะอ่ะเราก็เลยมากินที่นี่” ผมตอบนาอึนไปอย่างขอไปที ไม่อยากจะคุยด้วยหรอก ยิ่งคุยยิ่งเจ็บ T^T

     

    “อ๋อ..แล้วมีที่นั่งหรือยัง? ไปนั่งกับเรามั้ย?” นาอึนบอกเชิงเอ่ยเชิญชวนให้พวกผมไปนั่งด้วย

     

    “โอเค! เดี๋ยวพวกเราซื้อข้าวแล้วจะตามไปนะ : )” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรจูเนียร์ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีการปรึกษากันสักคำซึ่งนาอึนพอได้ยินคำตอบแบบนั้นเธอก็ส่งยิ้มมาให้ผมก่อนที่เธอจะเดินไปที่โต๊ะที่เธอจองเอาไว้

     

    “มึงทำอะไรของมึงเนี่ย! ไม่สงสารเพื่อนไง!” เป็นเจบีที่ดูจะเดือนเนื้อร้อนใจแทนผมเขาจึงเปิดปากต่อว่าจูเนียร์ทันที

     

    “ก็กูอยากให้สองคนนี้คืนดีกันอ่ะ! มาร์คกูรู้นะว่ามึงยังรักนาอึนอยู่อ่ะ กูว่าจังหวะนี้แหละเหมาะแก่การปรับความเข้าใจแล้ว” จูเนียร์บอกตามจุดประสงค์ของตัวเอง

     

    “แต่..” ผมที่กำลังจะเปิดปากเถียงแต่ก็เงียบไปเพราะจูเนียร์พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

    “เชื่อกูเถอะ ลองปรับความเข้าใจกันดูนาอึนอ่ะยังไม่ได้คุยหรือคบกับใคร กูว่านาอึนก็ยังไม่เลิกรักมึงหรอกเชื่อกูเถอะ : )

     

    “มึงนี่นะจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของเพื่อนเหลือเกินไปโน่นเลยไปซื้อขนมเป็นเพื่อนกูด่วน!” เจบีบอกแกมสั่งก่อนจะลากคอจูเนียร์ให้เดินตามไป

     

    “เดี๋ยวพวกกูไปซื้อข้าวร้านนั้นนะ” แจ๊คสันบอกก่อนที่เขา ยองแจ ยูคยอม และแบมแบมจะเดินแยกออกไปทิ้งเหลือไว้แค่ผมคนเดียว

     

    “แล้วคนอื่นล่ะ?” ผมที่ซื้ออาหารเสร็จก่อนก็ยอมเดินมานั่งกินร่วมโต๊ะกับนาอึนตามที่จูเนียร์ตบปากรับคำเอาไว้ แต่เมื่อเห็นว่าผมมาคนเดียวนาอึนจึงเปิดปากถามผม

     

    “ไปซื้อข้าวยังไม่เสร็จมั้ง” ผมตอบนาอึนในขณะที่กำลังนั่งลงแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหาร ก็แค่อยากจะรีบทานให้มันเสร็จๆจะได้ไม่ต้องอยู่นาน

     

    “ยังโกรธเราอยู่เหรอ?” ในขณะที่ผมกำลังทานอาหารอยู่นาอึนก็พูดขึ้นนั่นทำให้ผมหยุดชะงักไปชั่วขณะ

     

    “เราจะโกรธนาอึนทำไมล่ะ?” ผมตอบนาอึนเสียงเรียบ

     

    “แล้วมาร์คมีแฟนใหม่หรือยัง?” นาอึนถามผมต่อพลางมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ

     

    “ยังอ่ะ” ผมตอบออกไป

     

    “แต่เราได้ยินมาว่ามีผู้หญิงคนนึงเข้ามาจีบมาร์คไม่ใช่เหรอ? เห็นว่าสวยด้วยนี่นา” นาอึนพูดขึ้นทำให้ผมหยุดนิ่งพาลนึกไปถึงใบหน้าโหดๆของพี่เจสสิก้า

     

    “พี่เขาไม่ได้จีบเราหรอกก็แค่เข้ามาคุยด้วยเฉยๆ” ผมตอบออกไปอย่างตัดรำคาญพลางทานอาหารต่อ

     

    “แล้วมาร์คไม่คิดจะชอบเขาเหรอ?” นาอึนถามผมอีกครั้ง

     

    “ไม่อ่ะ เรายังไม่พร้อมมีแฟนใหม่” ผมตอบออกไปตามตรง

     

    “ฉันถามตรงๆนะมาร์คยังชอบเราอยู่หรือเปล่า?” นาอึนถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

     

    “ถ้าให้เราพูดตามตรง ใช่..เรายังชอบนาอึนอยู่ไม่รู้ว่าจะชอบอะไรนักหนาทั้งที่นาอึนก็บอกเลิกเราไปแล้วแต่เราก็ยังหวังว่านาอึนอาจจะกลับมาคบกับเราแต่ดูเหมือนเราจะฝันลมแล้งๆอ่ะ” ผมตอบออกไปตามความจริงนั่นทำให้นาอึนนิ่งไปครู่หนึ่ง

     

    “เราขอโทษที่เราบอกเลิกมาร์คไป ตอนนั้นเราก็แค่หูเบาถึงได้ไปหลงฟังคำพูดของคนอื่นจนลืมนึกถึงใจของมาร์คอ่ะ” นาอึนบอกขอโทษผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

     

    “ไม่เป็นไร เราไม่โกรธนาอึนหรอก เราเข้าใจเป็นใครก็คงคิดว่าเราเป็นตุ๊ดอ่ะ ขนาดตอนนี้คนอื่นยังมองเลยว่านาอึนกำลังคุยกับเพื่อนสาวไม่ใช่ผู้ชาย”

     

    “เราอิ่มแล้วอ่ะ ขอตัวก่อนนะ” ผมบอกนาอึนก่อนจะรีบลุกแล้วหยิบจานข้าวไปเก็บทันที

     

    “เฮ้ออออออ~~” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ หลังจากที่หนีนาอึนออกมาได้ผมก็เลือกเดินมาที่สวนกลางของมหาวิทยาลัย มันเป็นสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุดเพราะมันค่อนข้างเงียบสงบ บรรยากาศก็ดี เหมาะแก่การมาอ่านหนังสือ

     

    “อิโย่งมึงกินอีกแล้วนะ แล้วพอน้ำหนักขึ้นก็บ่น” ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศของสวนกลางอยู่นั้นเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นซึ่งมันก็เรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี นั่นมันพี่หน้าโหดไม่ใช่เหรอ?

     

    “โอ๊ยยยยย!~ อิแมนบ่นอยู่ได้ฟังเพลงต่อไปเลย”

     

    “แล้วตกลงมึงจะเอายังไงกับน้องมาร์คอะไรนั่นอ่ะ?” ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่สนใจแล้วถ้าเกิดว่าไม่ได้ยินชื่อตัวเอง

     

    “ไม่รู้อ่ะ กูท้อแล้วเนี่ย พอๆเลิกพูดกูไม่อยากเครียด” พี่เจสสิก้าตอบพลางทำสีหน้าเหมือนคนหมดหวังก่อนที่จะหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วเสียบเข้าหูของตัวเองก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนราบไปพื้นหญ้า น่ารักดีแฮะ ^_^

     

    “เดี๋ยวๆอิแมนมึงนอนเลยเหรอ?” พี่อีกคนที่เอ่ยปากถามด้วยความตกใจ

     

    “จะไปใส่ใจอะไรมัน แกยังไม่ชินอีกหรือไง?” เพื่อนของพี่เจสสิก้าอีกคนพูดขึ้น จะว่าไปก็แปลกดีนะผู้คนอื่นคงไม่มีใครมานอนแบบนี้หรอกอย่างนาอึนเองแค่ผมชวนนั่งบนพื้นหญ้าเธอยังคิดแล้วคิดอีกพอจะนั่งทีก็ต้องหาอะไรมารอง

     

     

    [ Jessica Part ]

    “เห้ย! ฉันลืมเอกสารไว้ที่ห้องเรียนอ่ะ” อิสวยพูดขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าตกอกตกใจ

     

    “เอ้า? รีบไปเอาดิเดี๋ยวได้หายซะก่อน” อินีออนบอกซึ่งอิสวยก็พยักหน้ารับก่อนจะลากอิโย่งไปด้วย

     

    “อิแมน ฉันหิวน้ำอ่ะเดี๋ยวขอไปซื้อก่อนนะ” อินีออนหันมาบอกฉันซึ่งฉันที่ไม่ได้เปิดเพลงดังอะไรก็ยังคงได้ยินฉันจึงพยักหน้ารับก่อนที่อินีออนจะลุกขึ้นเดินออกไป ส่วนฉันก็ยังคงนอนอยู่แบบนั้นแหละพร้อมกับเปิดเพลงให้เสียงดังมากขึ้น เฮ้ออออออ!~~ ยิ่งคิดถึงหน้าของมาร์คก็ยิ่งเศร้าอ่ะ ทำไมน้องต้องคอยหนีฉันด้วยวะ? หรือฉันควรเลิกตื้อได้แล้ว?

     

    “โอ๊ยยยยย!! เครียดโว้ยยยยยยยยย!~~~

     

     

    [ Mark Part ]

    ผมรู้สึกสะดุ้งกับเสียงของพี่เจสสิก้าที่อยู่ๆก็ตะโกนออกมาโดยไม่คิดจะอายคนอื่นที่อยู่แถวนั้นเลย แต่ดูเหมือนว่าพี่เขาจะไม่แคร์เลยสักนิด

     

    “หลับแล้ว?” ผมที่เห็นว่าพี่เจสสิก้านิ่งไปด้วยความสงสัยผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่าพี่เขาหลับไปแล้ว

     

    “หลับไม่กลัวใครเลยหรือไง?” ผมเปิดปากบ่นที่เห็นว่าพี่เจสสิก้าหลับไปทั้งที่ของๆเพื่อนพี่เขาก็ยังอยู่รอบกายของตัวเอง

     

    “แกคู่นี้น่ารักจังเลยอ่ะ ดูสิผู้หญิงหลับผู้ชายก็คอยดูแลน่ารักอ่ะ > <” อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังพูดถึงผมกับพี่เจสสิก้านั่นทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย เดี๋ยวนะ?

     

    “เอ่อ..คือพี่เขาไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ” ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดไปแล้วอีกอย่างก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดกันด้วยผมจึงตอบปฏิเสธไป

     

     

    “เห้ยแก นั่นมันน้องมาร์คอะไรนั่นของอิแมนไม่ใช่เหรอวะ?” ยุนอาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามาร์คกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ในขณะที่ข้างของเขาก็มีเจสสิก้ากำลังนอนหลับอย่างไม่รู้ตัวเลยสักนิด

     

    “เออว่ะ ทำไมอยู่ๆถึงได้มานั่งกับอิแมนวะ?” ซูยองบอกก่อนจะพูดเชิงถามด้วยความสงสัย

     

    “แต่ว่ามันก็น่ารักดีนะ ฉันว่าเราอย่างเพิ่งเข้าไปดีกว่าปล่อยให้อิแมนได้ฟินไปเถอะ” แทยอนบอกอย่างยิ้มๆซึ่งยุนอากับซูยองก็เห็นด้วยทั้งสามคนจึงเลือกที่จะแยกย้ายกันไปที่อื่น

     

     

    [ Jessica Part ]

    “ตื่นแล้วเหรอครับ?” หืม? เสียงของใคร? ทำไมมันคุ้นหู ว่าแต่ฉันเผลอหลับไปได้ยังไงวะ?

     

    “เฮ้ย!” แต่พอฉันลืมตาขึ้นก็พบเข้ากับมาร์คที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆฉันส่งผลให้ฉันรู้สึกตกใจจนเผลอหลุดร้องออกมา

     

    “มีอะไรเหรอครับ?” มาร์คที่ดูจะตกใจเหมือนกันเอ่ยปากถามฉันด้วยน้ำเสียสั่นเครือ ดูดิทำไมต้องกลัวฉันมากขนาดนี้วะ!

     

    “ทำไมน้องต้องกลัวพี่ด้วยล่ะ?” ฉันเอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ไม่อยากจะทำให้เขากลัวเลย

     

    “ก็พี่ชอบทำหน้าโหดอ่ะผมกลัว” มาร์คตอบออกมาพลางทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้

     

    “กลัวทำไมพี่ออกจะหน้าสวยไม่ได้หน้าโหดสักหน่อย : )” ฉันบอกอย่างติดตลกพลางส่งยิ้มไปให้

     

    “พี่ยิ้มเป็นเหมือนคนอื่นได้ด้วยเหรอ?” มาร์คเอ่ยปากถามฉันด้วยสีหน้างุนงงระคนไม่เชื่อ เดี๋ยวนะ?

     

    “พี่คนค่ะน้องไม่ใช่หุ่นที่จะยิ้มไม่ได้ ถ้าไม่ติดว่าน้องเป็นสเปคพี่พี่จะเอาไม้ฟาดหน้าเดี๋ยวนี้แหละ!” ฉันกรอกตาไปมาเท่าความเซ็งที่ได้ยินแบบนี้ก่อนจะออกปากขู่อีกฝ่ายจนมาร์คทำหน้าจะร้องไห้อีกแล้ว โอ๊ยยยยยยยย เปลี่ยนใจทันมั้ยวะ? TOT

     

    “โหดอีกแล้วอ่า T______T

     

     

    สามเดือนต่อมา

    “พี่สิก้าผมซื้อกาแฟมาให้ :)” มาร์คบอกพลางยื่นแก้วกาแฟมาให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันชอบมันมากที่สุด หลายคนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมอยู่ๆมาร์คก็มาทำดีกับฉัน

     

    จะให้พูดยังไงดีล่ะ? คือตั้งแต่วันนั้นฉันกับมาร์คก็ลองเปิดใจคุยกันดู สรุปว่าจริงๆแล้วมาร์คก็ไม่ได้อยากจะหนีหน้าฉันหรอก แต่เขาแค่กลัวว่าจะทำให้ฉันไม่พอใจ ซึ่งแน่นอนฉันไม่สนใจอะไรอยู่แล้วฉันเลยเอ่ยปากขอลองศึกษาดูใจกับเขา ตอนแรกมาร์คก็ดูตกใจเพราะคงไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงดีๆที่ไหนมาขอผู้ชายคบหาก่อน แต่มาร์คก็ยอมที่จะตกลงศึกษาดูใจกับฉันและดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้ดีทีเดียวล่ะ

     

    “แหม...หวานกันจริ๊งงงงง เห็นแล้วอิจค่า!~” อิโย่งพูดขึ้นแกมแซวพลางส่งยิ้มล้อเลียนฉันกับมาร์คตามประสา

     

    “ไม่คิดเลยเนอะว่าคนอย่างอิแมนจะหาแฟนได้ก่อนพวกเราอีกอ่ะ” อิสวยบอก

     

    “ยังไม่ได้เป็นแฟนป่ะวะ? มาร์คยังไม่เคยขอฉันเลย” ฉันบอกแกมเถียงพลางแอบเหล่มองมาร์คที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

     

    “โห...พูดแบบนี้ผมจะไปต่อยังไงเล่า?” มาร์คบอกฉันอย่างเขินอายเล็กน้อย โอ้ยยยย!~~ น่ารักอ่ะ >_<

     

    “อ้าว? มาร์คมากินข้าวที่คณะเราอีกแล้ว คิดถึงเราเหรอ?” ในขณะที่พวกฉันกำลังคุยกันอยู่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมากลางวงทำให้พวกฉันมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความงุนงง แต่มาร์คดูไม่มีอาการเลยสักนิด

     

    “เปล่าอ่ะ” มาร์คตอบผู้หญิงคนนั้นเสียงเรียบ ส่วนฉันก็ทำเพียงแค่มองและฟัง แต่ข้างในมันรู้สึกใจเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ทำไมพูดจาห่างเหินกับเราจัง แฟนกันทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางมองมาที่หน้าของฉันอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ส่วนฉันก็พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดแล้วรอฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของมาร์ค

     

    “นาอึนเราว่าเธอเข้าใจผิด เราเคยเป็นแฟนกับเธอก็จริงแต่เธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกเลิกเรา อีกอย่างตอนนี้เราก็กำลังดูใจกับพี่คนนี้อยู่” มาร์คตอบออกไปเสียงเรียบแต่หนักแน่น

     

    “อะไรนะ? หมายความว่ายังไง?” ผู้หญิงคนนั้นมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ

     

    “ก็หมายความว่าเราชอบพี่คนนี้ ชอบที่พี่เขายอมรับตัวเราได้ ไม่เหมือนาอึนที่รับตัวตนเราไม่ได้ ทั้งที่เราเองก็เคยบอกเธอว่าเราแค่ชอบทำกิจกรรมที่ผู้หญิงชอบทำ แต่พี่เขารับตัวตนเราได้ทั้งที่เพื่อนพี่เขาก็เคยคิดว่าเราเป็นตุ๊ดแต่พี่เขาก็ไม่เคยที่จะเลิกชอบเรา แถมยังไม่เคยกลัวว่าจะมีคนมานินทาว่ามาคบกับคนที่เหมือนตุ๊ดอย่างเรา เราว่าเธอน่าจะเข้าใจแล้ว” มาร์คอธิบายให้กับผู้หญิงคนนั้นฟังจนหน้าหงายกันไปข้างหนึ่งก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะทนไม่ไหวจึงเดินออกไป

     

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ?” ฉันเอ่ยปากถามมาร์คด้วยความมอยากรู้

     

    “แฟนเก่าของผมน่ะครับ” มาร์คตอบพลางยกยิ้มเล็กน้อย

     

    “นายแน่ใจเหรอ? ว่าชอบพี่จริงๆ?” ฉันเอ่ยปากถามอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ไม่รู้สิแต่ฉันแค่รู้สึกว่าเหมือนมาร์คก็ไม่ได้ทุ่มเทให้ฉันเต็มร้อยหรอกมันเหมือนว่าเขายังแคร์ใครบางคนอยู่

     

    “ตอนแรกผมไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมชอบพี่ เอาจริงๆผมว่าผมก็บ้าอ่ะที่เอาแต่หวังว่านาอึนจะเข้าแล้วกลับมาคบกับผม แต่ไม่เลยนาอึนไม่เคยคิดจะเข้ามาคุยกับผมแต่ที่เธอเข้ามาคุยกับผมเพราะเธอได้ยินข่าวว่าพี่เข้ามาจีบผม นาอึนก็เหมือนหมาหวงก้างทั้งที่เธออายที่มีผมเป็นแฟนแท้ๆแต่ก็ยังพยายามเรียกร้องให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม ผิดกับพี่ที่ไม่เห็นจะอายอะไรเลยหรือจริงๆพี่อาย?”

     

    “ไม่อายหรอก ถ้าอายป่านนี้พี่คงไล่ให้นายไปนั่งที่อื่นแล้ว เห็นพี่โหดแบบนี้พี่ก็มีคนมาจีบเยอะแยะแถมดีกว่านายก็มีถมไปแต่เพราะพี่ชอบตัวตนของนายไง :)” ฉันบอกอีกฝ่ายพลางส่งยิ้มไปให้

     

    “ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย ทีนี้จะได้บอกเพื่อนถูกสักทีว่าพี่คือใครสำหรับผม ^_^

     

    “หมายความว่ายังไงเหรอ?” ฉันเอ่ยถามด้วยความงุนงง

     

    “ก็เพื่อนผมอ่ะเอาแต่ถามผมอยู่ได้ว่าพี่เป็นอะไรสำหรับผมกันแน่ รุ่นพี่หรือคนรู้ใจ แต่วันนี้ผมมีคำตอบให้เพื่อนได้แล้วแหละ” มาร์คบอกเชิงอธิบายให้ฟัง

     

    “ แล้วเพื่อนพี่เป็นอะไรของเราล่ะจ๊ะ?” อิสวยถามแทนฉันพลางมองอย่างลุ้นกับคำตอบ

     

    “ก็เป็นคนรู้ใจไง เป็นแฟนกับผมนะ” มาร์คบอกอย่างกะทันหันไม่ให้ฉันตั้งตัวเลย

     

    “ของ่ายๆงี้เลยเหรอ?” ฉันถามออกไปอย่างอึ้งๆ

     

    “ทำไมต้องยากเล่า? ศึกษาดูใจกันมาก็ตั้งสามเดือนเอาจริงๆเราสองคนก็เหมือนแฟนกันตั้งนานแล้วนะ” มาร์คบอกพลางอมยิ้มเล็กน้อย

     

    “โหยยยยย พูดแบบนี้ไม่คิดว่าพี่จะเขินเลยเหรอ?” ฉันบอกพลางเสตามองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย

     

    “ก็พี่เขินอยู่ไม่ใช่เหรอ? :)” มาร์คบอกพลางส่งยิ้มแซวๆมาให้ฉันก่อนที่เพื่อนคนอื่นๆจะเห็นดีเห็นงามไปด้วย

     

    เอาตรงๆนะ ไม่เคยคิดว่าจะได้คบกับมาร์คจริงๆ ทั้งที่เพื่อนของฉันเคยพูดมาว่าฉันกับมาร์คเราต่างกันเกินไปเรื่องของไลฟ์สไตล์ แต่สำหรับฉันแล้วมันเป็น ความแปลกที่ลงตัว ก็คิดดูสิฉันกับมาร์คก็เหมือนแค่สลับนิสัยกันแค่นั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ขาดหรือเกินไปเสียหน่อย ขอแค่ลองมองในมุมกลับ มองในมุมต่าง เราก็อาจจะได้เจอในสิ่งใหม่แบบไม่คาดคิดก็ได้ ฉันเดาว่าทุกคงอิจฉาฉันใช่มั้ยล่ะ? ^O^

















    THE END.











    07 / 09 / 2016

    โหยยยยยยยย จบไปแล้วค่า!~

    สำหรับคู่พี่สิก้าคนแมนกับน้องมาร์คคนติ๋ม

    จบไปแบบว่าตัดได้น่าเกลียดมาก 5555555

    คือพยายามตัดจบให้มันโอเคที่สุดแล้วค่ะไม่งั้นยาวแน่ๆ

    อ่านไม่อ่านไม่ว่ากันค่า!~~~






     
    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×