คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 003 - ' MARKSIC ' ❤ A Perfect Stranger - fin. 07/09/2016
ยุคสมัยเปลี่ยน
คนก็ต้องเปลี่ยนเป็นธรรมดาถูกป่ะ?
ถึงจะเปลี่ยนแบบสลับกันไปมาก็ก็ใช่ว่าเราจะเป็นขยะของสังคมนี่
นี่มันยุคไหนแล้วเปิดใจกันหน่อยดิแล้วจะรู้ว่ามันเป็นความแปลกที่ลงตัว!
ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของใจกลางเมืองซึ่งเป็นช่วงงานกีฬาประจำปีทำให้ตอนนี้ทุกคณะของมหาวิทยาลัยกำลังเตรียมงานกันอย่างขมักเขม้นรวมไปถึง
‘เจสสิก้าจอง’
หัวหน้าฝ่ายอุปกรณ์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ตอนนี้กำลังใช้เลื่อยตัดไม้สำหรับทำป้ายเชียร์บนแสตน
“ดื่มน้ำก่อนมั้ยคะ?”
เสียงของไอรีนรุ่นน้องปีหนึ่งในคณะเอ่ยถามด้วยความหวังดีพลางยื่นแก้วน้ำไปให้รุ่นพี่ปีสี่อย่างเจสสิก้า
“ขอบคุณนะ”
เจสสิก้าเอ่ยปากขอบคุณพลางรับแก้วน้ำมาพร้อมกับวางเลื่อยลงแล้วกระดกดื่มทันที
“ฉันขอถามได้มั้ยคะ?
ทำไมพี่ไม่ให้พี่ผู้ชายทำล่ะคะ?” ไอรีนเอ่ยปากถามพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างรอคำตอบ
“พี่ไม่อยากกินแรงคนอื่นไง”
เจสสิก้าตอบพลางส่งคืนแก้วน้ำให้กับไอรีนซึ่งเธอก็รับมันมาอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยคะ?”
ไอรีนถามด้วยความหวังดี
“ตรงพี่ไม่มีหรอกเธอลองไปช่วยตรงนั้นสิท่าทางจะขาดคนช่วยนะ”
เจสสิก้าตอบก่อนจะชี้ไปที่กลุ่มผู้หญิงที่กำลังนั่งทำอุปกรณ์สำหรับเชียร์ซึ่งไอรีนก็มองตามพลางพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปตามที่เจสสิก้าแนะนำ
ส่วนเจสสิก้าก็หยิบเลื่อยมาก่อนจะเลื่อยไม้ต่อ
“อิคนแมนคะได้เวลาแดกข้าวแล้วค่ะ
เชี่ย!” เสียงหวานของแทยอนเพื่อนสนิทสุดซี้ปึ้กดังขึ้นพลางเดินมาตรงเจสสิก้าโดยไม่ทันมองก่อนจะหลุดอุทานออกมาเสียงหลงเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเธอถืออะไรอยู่
“ร้องทำซากอะไรวะ?”
เจสสิก้าก็อดสะดุ้งไม่ได้ก่อนจะเปิดปากบ่นพลางมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างดุๆ
“อิห่า! กูก็กลัวตายมั้ยดีนะกูหยุดทันไม่งั้นกูคงไส้แตก” แทยอนบอกแกมบ่น
“เว่อร์และอินีออน”
เจสสิก้าเถียงกลับพลางเบะปากใส่
“เออๆแล้วจะไปแดกมั้ยคะข้าวอ่ะ”
แทยอนยอมยกธงขาวก่อนจะถามต่อ
“ไปดิ..เซฮุนพี่ฝากเลื่อยไม้ต่อหน่อยนะ”
เจสสิก้าตอบแทยอนก่อนจะหันไปบอกแกมสั่งรุ่นน้องที่กำลังเลื่อยไม้อยู่เช่นกันก่อนที่เธอจะเดินออกไปกับแทยอน
“แล้วอิสวยกับอิโย่งอ่ะ”
เจสสิก้าหันไปถามแทยอน
“มันไปรอที่โรงอาหารของคณะอักษรแล้วย่ะ”
แทยอนตอบ เหตุผลที่ต้องไปกินข้าวกันที่โรงอาหารของคณะอักษรศาสตร์เพราะคณะนี้น่ะอาหารอร่อยที่สุดแล้ว
ส่วนอิสวยกับอิโย่งที่เจสสิก้าพูดถึงก็คืออิมยุนอากับชเวซูยองซึ่งเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันเพียงแต่พวกเธอเรียนกันคนละคณะเท่านั้นเอง
[ Jessica Part ]
“อินีออน
อิแมนทางนี้!!”
นั่นคือเสียงเรียกของยัยยุนอาที่ดังขึ้นไม่เกรงใจใครท่ามกลางโรงอาหารซึ่งชื่อมันเรียก
อินีออน = แทยอน ส่วน อิแมน = ฉันเอง -0-
“ความหน้าด้านนี้อยู่ในกระแสเลือดจริงๆนะอิสวย”
แทยอนเอ่ยปากเหน็บอีกฝ่ายที่ทำเรื่องหน้าอายแต่ยังมีหน้ามายิ้มอยู่อีกแต่ก็นั่นแหละมันไม่เคยแคร์ใครอยู่แล้ว
“แน่นอนเพราะกูสวย”
ยุนอาบอกพลางยกมือขึ้นสะบัดผมเสมือนว่าตัวเองกำลังเป็นพรีเซนเตอร์แชมพูสระผมอย่างไงอย่างนั้น
คู่แข่งของใหม่ดาญาญ่ามั้ยล่ะ? -_-
“ค่ะ!” แทยอนตอบพลางกรอกตามองบนอย่างนึกหมั่นไส้
“อิโย่งมึงไม่คิดจะทักทายพวกกูหน่อยเหรอแดกอย่างเดียวเลย”
แทยอนหันไปตำหนิซูยองที่เอาแต่นั่งกินไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกันเลย
“คุยกับพวกมึงอ่ะตอนไหนก็แต่เรื่องกินกูต้องกินตอนนี้”
ซูยองเงยหน้าขึ้นตอบกลับก่อนจะหันไปสนใจอาหารเหมือนเดิม
“อิแมนมึงลืมเอาปากมาเหรอ?”
ยุนอาหันมาถามฉันที่ไม่ยอมพูดยอมจาเลย
“กูขี้เกียจ”
ฉันตอบไปพลางไหวไหล่อย่างไม่แยแส
“ดีออกมากค่ะคุณเพื่อน
:)” ยุนอาเหน็บพลางส่งยิ้มมาให้
“อิแมนมึงดูโต๊ะนั้นดิมองมึงตาเป็นมันเลย”
แทยอนสะกิดแขนฉันพลางเปิดปากพูดพร้อมกับพยักเพยิดใบหน้าให้ฉันดูโต๊ะข้างหน้าที่เอาแต่มองมาที่ฉันด้วยสายตาหวานเยิ้มแต่ประเด็นคือมันผู้หญิงทั้งโต๊ะ!
“เชี่ย! กูขนลุก”
ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจระคนสยองก่อนที่ขนที่แขนของฉันจะลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่
“เอ้า?
กูนึกว่ามึงชอบ” แทยอนบอกพลางยกยิ้มอย่างล้อเลียนฉัน
“อิห่า! ถึงกูจะแมนแต่กูอยากมีผัวเป็นผู้ชายค่ะไม่ใช่ชะนีแบบกู!” ฉันตอบเชิงเถียงกลับอย่างสุดใจ
“ค่ะๆผู้ชายคงจะจีบมึงหรอกค่ะแมนกว่านักมวยปล้ำอีกมึงอ่ะ”
แทยอนตอบเชิงประชดประชันก่อนจะหยิบตะเกียบแล้วคีบลูกชิ้นเข้าปาก
“อิสวยมึงดูผู้ชายคนนั้นดิหุ่นอย่างล่ำอ่ะ
กูอยากได้เป็นผัว!” ซูยองที่จู่ๆก็หยุดกินก่อนจะเปิดปากพูดพลางสะกิดยุนอาให้หันไปดูผู้ชายที่มันพูดถึงซึ่งแน่นอนต่อมเผือกของฉันกับแทยอนมันทำงานเร็วมากบวกกับสัญชาตญาณทำให้ก็หันไปมองด้วย
“ไม่ๆแต่กูว่าผู้ชายคนนั้นแซ่บกว่ามึงว่ามะอิแมน
> <”
แต่ยุนอากลับเห็นต่างก่อนจะพยักเพยิดใบหน้าไปที่ผู้ชายอีกคนที่เอาจริงก็หล่อดีแต่ฉันว่ามันก็ทั่วไปว่ะ
“กูเฉยๆว่ะเห็นแบบนี้เกลื่อนโลกแล้ว
-
-”
ฉันตอบออกไปตามความรู้สึกก่อนจะใช้ตะเกียบคีบคิมบับเข้าปากอย่างเบื่อหน่าย
“เอ้าอินี่! แล้วมึงชอบผู้ชายแบบไหนบอกพวกกูหน่อยดิ๊!”
ยุนอาพูดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะถามฉันกลับ
“.......”
ฉันเบื่อที่จะตอบคำถามจึงเสมองไปทางอื่นก่อนที่สายตาของฉันจะไปสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาดูติ๋มๆ
ผิวขาวเหมือนน้ำตาล แถมยังท่าทางมุ้งมิ้งมาก สเปคเลยค่ะ!
> <
“ทำนิ่ง
ทำนิ่งตอบกูดิอิแมนกูถามว่ามึงชอบผู้ชายแบบไหน” ยุนอาที่เห็นว่าฉันนิ่งไปก็ถามฉันซ้ำอีกครั้งแต่ตอนนี้น่ะฉันไม่สนใจอะไรแล้วอยากจะบอกแค่ว่า
ฉันต้องการผู้ชายคนนั้นเป็นผัวค่ะ!
“มึง..เชี่ยยยยยย!~ คนอะไรโคตรน่ารักเลยอ่ะ >////<”
“ไหนวะ?”
ซูยองถามพลางมองตามสายตาของฉันแต่เหมือนกับว่ามันจะไม่เห็นนะ
“มึงอย่าบอกกูนะว่าเป็นคนนั้นอ่ะ”
ยุนอาหันมาถามฉันเป็นนัยๆซึ่งฉันก็พยักหน้าพร้อมทำสีหน้าพร้อมจะจับ(?)ผู้ชายคนนั้นมาทำผัวให้ได้
“เดี๋ยวนะ..นี่มึงชอบตุ๊ดเหรอวะ?”
แทยอนหันมาถามฉันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ตบปากตามอายุมึงด่วน! ตุ๊ดเชี่ยอะไรก็แค่ผู้ชายติ๋มป่ะ” ฉันเปิดปากเถียงทันควันพลางมองหน้าแทยอนตาเขม็ง
อะไรผู้ชายคนนั้นก็แค่ร่างบาง ผิวขาว
ขาเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนผู้หญิงแค่นั้นเองทำไมต้องมองเป็นตุ๊ดวะ?
คนแมนไม่เข้าใจ (- - )( - -)
“ติ๋มเชี่ยอะไรแบบนั้นอ่ะตุ๊ดแล้วมึง!” ยุนอาเถียงกลับอย่างไม่ยอม
“อิสวยมึงก็ไม่ฉลาดเลยตุ๊ดอ่ะแบบนั้นเว้ย! แต่คนที่กูจองอ่ะเขาเรียกติ๋มเข้าใจป่ะ?”
ฉันเปิดปากอธิบายเชิงเถียงอีกฝ่าย
เอาดิตอนนี้เพื่อนไม่สนใจละขอช่วยว่าที่สามี(?)ก่อนค่ะ
“กูเพิ่งเคยเห็นโมเม้นที่อิแมนจะสาวแบบพวกเราสักทีนะ”
ซูยองบอกพลางทำหน้าอึ้งเล็กน้อย
“เอ้า?
กูก็เป็นผู้หญิงเหมือนพวกมึงป่ะ” ฉันรีบเปิดปากเถียงซูยองทันที
“เออๆช่างแม่งเหอะอย่างน้อยอิแมนก็ยังชอบผู้ชายที่อาจจะไม่เหมือนผู้ชายล่ะวะ”
ยุนอาบอกเป็นเชิงตัดบท
“พวกมึงอ่ะไม่เข้าใจสเปคแบบพวกมึงอ่ะกูเห็นจนเกลื่อนแล้วแต่แบบของกูดินานๆจะมีเร้าใจจะตาย”
ฉันบอกเชิงอธิบายพลางทำหน้าภูมิใจกับสเปคที่ค้นหามานานแสนนานของตัวเอง >
<
อีกด้านหนึ่ง
“มึงแดกไปเยอะแล้วอันนี้ของกู!” เสียงบอกเชิงโวยวายของหวังแจ๊คสันดังขึ้นพลางมองหน้าอีกฝ่ายที่พยายามจะแย่งเบค่อนในจานไปกินเสียให้ได้
“ผมให้พี่พูดใหม่ตั้งแต่นั่งมาเนี่ยผมยังไม่เห็นว่าพี่จะหยุดกินเบค่อนเลยนะ”
แบมแบมเปิดปากเถียงกลับพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ นาทีนี้พี่ก็พี่เถอะวะคนมันอยากแดกยังไงก็ต้องได้แดกดิ!
“แต่กูเป็นพี่นะ!” แจ๊คสันเถียงกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน สำหรับเขาแล้วเรื่องกินมันคือเรื่องใหญ่!
“พี่ก็พี่ดิแต่ถ้าแดกไม่เผื่อคนอื่นก็ไม่ไหวมั้ย?”
แบมแบมเถียงกลับพลางมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมเช่นกัน
นี่ถ้าเปรียบเสมือนสงครามคงเป็นคู่ที่น่าลุ้นที่สุดแล้วล่ะ
“อ้าว?
ไอเชี่ยยูค!”
แต่สุดท้ายแล้วทั้งแจ๊คสันและแบมแบมก็ต้องหน้าเหวอก่อนจะร่วมใจกันรุมด่ามือที่สาม(?)อย่างคิมยูคยอมที่จู่ๆก็ชุบมือเปิบแย่งเบค่อนชิ้นสุดท้ายไปกินหน้าตาเฉยแถมพอกลืนเสร็จยังมีหน้ามาส่งยิ้มให้อีก
“นี่ช่วยนะเนี่ยเห็นเถียงกันเลยตัดปัญหาให้ไง
:)” ยูคยอมตอบพลางส่งยิ้มไปให้ส่วนแจ๊คสันกับแบมแบมก็ทำได้เพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด
“เลิกเถียงกันแล้วมาแอ๊วสาวดีกว่ามึงดูโต๊ะนั้นดิสวยๆทั้งนั้นเลย
>
<” ปาร์คจินยองหรือในกลุ่มเรียกกันว่าจูเนียร์พูดขึ้นเชิงยุติสงครามขนาดย่อม(?)ก่อนจะพยักเพยิดใบหน้าไปที่โต๊ะตรงหน้าที่เยื้องไปทางขวาเล็กน้อยและแน่นอนที่วิธีนี้จะได้ผลก็พวกเขาน่ะขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงสำคัญสุด!
แต่ก็มีบางคนที่ชอบทำตัวแปลกแยกนะ..
[ Mark Part ]
สวัสดีครับผมชื่อ
‘ต้วนอี๋เอิน’ แต่โดยส่วนใหญ่เขาจะเรียกผมกันว่า ‘มาร์ค’ เหตุเพราะผมเป็นลูกครึ่งเกาหลี-ไต้หวัน-อเมริกา
และเพื่อความสะดวกในการเรียกชื่อของคนเกาหลีผมเลยให้พวกเขาเรียกผมว่ามาร์คนี่แหละ
ในตอนนี้ผมกำลังนั่งทานอาหารร่วมกับเพื่อนในกลุ่มที่โรงอาหารของคณะอักษรศาสตร์แต่ขอบอกก่อนเลยว่าในกลุ่มของผมไม่มีใครเรียนคณะนี้เลยแต่เพราะที่นี่อาหารอร่อยแถมผู้หญิงสวยๆก็มีเต็มไปหมด
แต่ผมไม่สนใจหรอก หยุดเลยนะ!
ผมรู้ว่าทุกคนต้องกำลังคิดว่าผมเป็นตุ๊ดแน่ๆที่ผมหมายถึงอ่ะคือผมเคยมีแฟนแต่เพราะความชอบส่วนตัวของผมที่อาจจะไม่เหมือนผู้ชายเท่าไหร่เลยทำให้คนอื่นมักจะล้อผมว่าเป็นตุ๊ดจนสุดท้ายแฟนผมก็ทนไม่ไหวเลยบอกเลิกผมเมื่อไม่นานนี้เองเลยเป็นเหตุทำให้ผมอยากจะปิดตายหัวใจยังไงล่ะ
“นี่คุณมาร์คครับมึงไม่คิดจะสนใจเลยเหรอ?”
อิมแจบอมหรือที่พวกเราในกลุ่มเรียกว่าเจบีหันมาถามผมพลางเลิกคิ้วสูงที่ผมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารโดยไม่คิดจะเงยหน้าไปสนใจผู้หญิงคนไหนเลย
“ไม่อ่ะ”
ผมตอบเพื่อนสนิทพลางส่ายหัวไปมา
“เชี่ย! กูว่าโต๊ะนั้นเด็ดสุด” เสียงของแจ๊คสันดังขึ้นอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพยักหน้าเพยิดใบหน้าไปที่โต๊ะที่ถัดจากเราไปสองโต๊ะซึ่งแน่นอนทุกคนสนใจกันหมดยกเว้นผมเนี่ยแหละ
“จริงด้วยว่ะแต่กูว่ามีสิทธิ์แค่สามว่ะ”
ชเวยองแจพูดขึ้นมาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของแจ็คสัน
“ผมก็ว่างั้นอีกคนแมนเป็นบ้าเลยว่ะถ้าเราเข้าไปคุยเขาจะไม่ต่อยหน้าเราถูกมะ?”
ยูคยอมพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของยองแจพลางแสดงสีหน้าเกรงกลัวเล็กน้อยซึ่งนั่นมันทำให้ผมนึกสนใจก็เลยยอมหันไปมองตามที่พวกมันมองและก็จริงที่ในกลุ่มนั้นมีคนหนึ่งที่ดูแมนเกินกว่าจะเป็นผู้หญิง...แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือเธอกำลังมองผมอยู่!
“แต่ผมว่าผู้หญิงคนที่แมนๆคนนั้นกำลังมองอยู่นะ”
แบมแบมพูดขึ้นพลางใช้สายตาเหล่มาที่หน้าผมนั่นทำให้ต่อมเผือกของทุกคนในกลุ่มเริ่มทำงานกันทันที
เรื่องแบบนี้สนใจกันดีเหลือเกิน -..-
“เออจริงอย่างที่แบมแบมมันพูดว่ะ..หรือว่าเขาชอบมึงวะ?”
เจบีพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยก่อนจะหันมาถามผมพลางเลิกคิ้วสูง
“มโนว่ะแค่มองไม่ได้หมายความว่าชอบป่ะ?”
ผมตอบกลับอีกฝ่ายก่อนจะเลิกสนใจผู้หญิงคนนั้นแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อ
เพราะไม่อยากจะยุ่งกับใครอีกแล้วเลยไม่อยากสนใจ
[ Jessica Part ]
เชี่ย! O_O
ทำยังไงดีวะคะคือตั้งแต่ฉันเจอสเปคของตัวเองแล้วฉันก็แทบจะไม่สนใจอาหารบนโต๊ะเลยเพราะฉันเอาแต่จ้องไปที่เขาแต่ทำยังไงดีล่ะตอนนี้เขาน่าจะรู้ตัวแล้วว่าฉันจ้องเขา
ทำยังไงดีวะคะ! คิดๆๆๆๆๆๆ
“เป็นเชี่ยอะไรอิแมนทำหน้าเหมือนเห็นผี”
อิสวยเปิดปากถามฉันพลางมองหน้าฉันด้วยความสงสัย
“มากกว่าผีอีก! มึงกูควรทำไงดีวะคือเมื่อกี๊เขามองกูอ่ะ!”
ฉันเอ่ยปากถามเพื่อยในกลุ่มอย่างร้อนรนถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้มองแล้วแต่เขาต้องรู้แน่ว่าฉันจ้องเขาอยู่
=[ ]=
“ใคร?
ตุ๊ดสเปคมึงอ่ะเหรอ?” อิสวยถามหน้ากวนๆ
“กูบอกว่าใช่ตุ๊ดไง!”
ฉันเปิดปากถัยงทันทีก็บอกแล้วไงว่าแบบนั้นอ่ะแค่ดูเหมือนแต่ไม่ใช่ไงเชื่อเซ้นของอิแมนคนนี้ดิ!
“เออๆนั่นแหละแล้วทำไมเขามองมึงทำไม?”
อิสวยเอ่ยปากถามแบบเหมือนขอไปทีไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านกับฉันเลย เออ! กูซึ้งมาก! -_-
“กูจะไปตรัสรู้มั้ยล่ะอิสวย!”
ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดคือตอนแรกก็ตกใจที่ผัว(?)ในอนาคตมองมาแต่พอโดนอิสวยพูดแบบนี้มันก็อดหงุดหงิดไม่ได้ป่ะ
“หยุดเลยมึงสองคนเลิกเถียงแล้วรีบแดกค่ะอิแมนมึงต้องไปช่วยงานที่คณะอีกไม่ใช่เหรอ?”
เป็นอินีออนคิมแทยอนที่เป็นคนยุติสงครามน้ำลายระหว่างฉันกับอิสวยก่อนจะหันมาพูดเชิงเตือนฉัน
เออ..ลืมไปเลยว่ะว่ามีงานที่ทำค้างอยู่ที่คณะ
หลังจากที่พวกเราทานอาหารกันเสร็จทุกคนต่างก็แยกกันกลับไปที่คณะของตัวเองซึ่งแน่นอนที่จะไม่มีใครเลยที่จะไปพร้อมกันเพราะคณะของพวกเราอยู่กันคนละฝากอย่างชัดเจนจึงทำให้ฉันต้องหรือคนอื่นต้องเดินไปที่คณะเพียงคนเดียว
“โอ๊ย!”
ในขณะที่ฉันกำลังเดินอยู่จู่ๆก็มีลูกบอลจากที่ไหนไม่รู้มากระทบเข้าที่ศีรษะของฉันอย่างจังจนฉันเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บแต่ยังโชคดีที่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้
เมื่อได้สติฉันจึงหยิบลูกบอลขึ้นมาถือพลางรีบมองหาตัวต้นเหตุที่ทำให้หัวของฉันต้องเจ็บทันที
เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับสิก้าคนแมนอย่างฉันเหรอวะ!
“เอ่อ..ขอบอลคืนได้มั้ยครับ?”
ในขณะที่ฉันกำลังกวาดสายตามองหาตัวต้นเหตุอยู่นั้นเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นนั่นทำให้ฉันหันมองด้วยความโมโหระคนหงุดหงิดแต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าเขาชัดเจน
เชี่ยยยยยยย!
นี่มันพ่อของลูกนี่หว่า =[ ]=
“บอลนายเหรอ?”
เอ่ยปากถามพลางเลิกคิ้วสูง
“ใช่
ว่าแต่มันโดนพี่หรือเปล่า?” คนตรงหน้าเอ่ยปากตอบก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง เป็นห่วงเหรอ?
“ยังจะมาถามอีกมันโดนหัวฉันเต็มๆเลยเนี่ยถามจริงเตะเป็นหรือเปล่าห๊ะ!?”
พอคนตรงหน้าเอ่ยถามว่าบอลมันโดนฉันมั้ยความโกรธที่อยู่ก่อนหน้านั้นก็กลับมามีอิทธิพลอีกครั้งนั่นจึงเป็นเหตุทำให้ฉันโพล่งออกไปแบบนั้น
แต่ดูเหมือนฉันอาจจะพูดแล้วใส่อารมณ์มากเกินไปจนทำให้คนตรงหน้าก้มหน้างุดแถมยังดูตัวเล็กลีบลงอย่างเห็นได้ชัด
เฮ้ย! ฉันมันดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?
หรือคนตรงหน้าก็แค่ขี้ป๊อดไปเอง?
“ผมขอโทษนะ..ไม่ได้ตั้งใจปกติก็ไม่เคยเตะหรอก”
คนตรงหน้าเอ่ยปากขอโทษฉันอย่างรู้สึกผิดในขณะที่เขาก็ยังคงก้มหน้าอยู่
“แล้วทำอะไร?”
เดี๋ยวนะมันจะดูเสียมารยาทเกินไปป่ะวะ?
ที่จู่ๆก็ถามไปแบบนั้นเหมือนเป็นพวกขี้เผือกไปเลยว่ะ
แต่คนมันก็อยากรู้อ่ะเป็นผู้ชายนะเว้ย!
ทำไมจะเตะบอลไม่เป็นวะ
แต่ถึงจะเตะไม่เป็นแต่อย่างน้อยมันก็น่าจะพอเคยผ่านการเล่นมาบ้างดิ
“เล่นตุ๊กตา”
คนตรงหน้าเงยหน้าตอบหน้าตาเฉย เดี๋ยวนะ? ฉันหูฝาดไปเปล่าวะ
คนตรงหน้าบอกว่าเล่นตุ๊กตานั่นมันของเล่นผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะคะ?
“ห๊ะ?
ตุ๊กตา?” ฉันพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเชื่อ
“ครับ..ก็ผมไม่ชอบความรุนแรงอีกอย่างตุ๊กตาก็น่ารักดี”
คนตรงหน้าตอบแถมยังแอบทำหน้าภูมิใจเล็กน้อย หรือว่าจริงๆแล้วคนที่ฉันชอบมันจะเป็นตุ๊ดจริงๆวะ
-_-
“มาร์คมึงได้ยังวะบอลอ่ะพวกกูเล่นวันนี้นะเว้ยไม่ใช่ชาติหน้า!”
ในขณะที่ฉันจะอ้าปากถามต่อเสียงของใครอีกคนก็ตะโกนดังมาแต่ไกลนั่นทำให้ทั้งฉันและคนตรงหน้าหันไปมอง
“เอ่อ..งั้นผมขอบอลคืนนะครับส่วนเรื่องที่ทำให้เจ็บตัวผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ”
อีกฝ่ายเอ่ยปากขอบอลที่อยู่ในมือของฉันอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากขอโทษแถมยังโค้งให้ด้วยความนอบน้อมนั่นทำให้ฉันเริ่มใจอ่อน(?)จึงยอมคืนลูกบอลให้แล้วก็ไม่คิดจะเอาเรื่อง
ไม่ใช่ว่ะ!
มันไม่ใช่ฉันอ่ะปกติคนอย่างอิแมนคนนี้ไม่เคยยอมใครเลยนะเว้ยทำไมต้องยอมผู้ชายคนนั้นวะ?
แม่งแปลกมากๆๆ แต่ที่ผู้ชายคนนั้นบอกว่าชอบเล่นตุ๊กตา...เชี่ย! เป็นผู้ชายที่น่ารักน่าทะนุถนอมอะไรเช่นนี้ > < #ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเขาเป็นตุ๊ดเลยนะ =[ ]=
“เอ้า? อิโง่!” เมื่อคิดได้ว่ายืนคุยกับผู้ชายคนนั้นมาตั้งนานยังไม่รู้ชื่อเลย เลยกะว่าจะหันไปถามแต่อีกฝ่ายก็เดินไปไกลแล้ว
ฉันเลยเปิดปากด่าตัวเองที่โง่ไม่ยอมถามนั่นแหละ
[ Mark Part ]
หลังจากที่ผมได้บอลคืนจากผู้หญิงคนที่เห็นที่โรงอาหารของคณะอักษรศาสตร์แล้วผมก็รีบเดินออกมาทันที
ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับก็ผมกลัวผู้หญิงคนนั้นอ่า T[ ]T
ไม่เข้าใจเลยทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงต้องทำหน้าโหดแบบนั้นด้วย
ตอนแรกที่ผมเห็นหน้าเธอผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ
แต่พอเธอตีหน้าโหดใส่เท่านั้นแหละผมนี่แทบอยากจะเอาหัวมุดดินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยน่ากลัวว่าหมาแถวบ้าน(?)ผมอีกอ่ะ
“ทำไมหน้าซีดวะ?
กะอิแค่ไปเอาบอลเอง?” แจ๊คสันเอ่ยปากถามผมพลางเลิกคิ้วสูงหลังจากที่เห็นหน้าของผมที่อาจจะซีดกว่าปกติ
#ยังจะซีดอีกเหรอ =[ ]=
“กูเจอผู้หญิงที่เห็นที่โรงอาหารมา”
ผมเอ่ยปากตอบพลางส่งบอลคืนให้กับแจ๊คสัน
“คนไหนวะ?”
แจ๊คสันถามพลางทำหน้านึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
“ก็..คนที่มองกูอ่ะ”
ผมตอบพลางนึกถึงหน้าที่โหดๆของผู้หญิงคนนั้นแล้วจู่ๆขนที่แขนก็ลุกชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“อ๋อ! ที่หน้าสวยๆแต่ท่าทางเหมือนผู้ชายอ่ะนะ?” แจ๊คสันถามเพื่อความแน่ใจซึ่งผมก็พยักหน้ารับ
“แล้วทำไมต้องหน้าซีดวะ?”
แจ๊คสันถามด้วยความสงสัยระคนงุนงง
“ก็มึงอ่ะเตะบอลไปโดนหัวเขาเขาเลยโกรธจนจะกินหัวกูอยู่แล้วเนี่ย!” ผมเปิดปากพูดพลางระบายอารมณ์ออกมากับน้ำเสียงที่มันอัดอั้น
ก็มันน่ากลัวจริงๆนะผู้หญิงคนนั้นอ่า T[
]T
“น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
แจ๊คสันถามพลางแอบลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย
“ก็ใช่อ่ะดิแล้วดูจากชุดที่ใส่แล้วน่าจะเรียนวิศวะด้วย”
ผมบอกพลางนึกไปถึงยูนิฟอร์มที่ผู้หญิงคนนั้นใส่ซึ่งมันเป็นยูนิฟอร์มที่ค่อนข้างโดดเด่นก็เลยจำง่าย
“ห๊ะ?
เรียนวิศวะ? โอเคกูไม่แปลกใจละทำไมมึงถึงหน้าซีด” แจ๊คสันร้องออกมาก่อนจะพูดต่อ
“กูไม่เล่นแล้วบอลอ่ะกลับไปเล่นตุ๊กตาเหมือนเดิมดีกว่าว่ะ”
ผมบอกก่อนจะเดินหนีไปโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรต่อ
รู้งี้ผมไม่น่ามาเล่นบอลด้วยเลยเหนื่อยก็เหนื่อยแถมยังโดนดุอีก =[ ]=
วันต่อมา
ตอนนี้ผมกำลังนั่งอ่านใบความรู้ระหว่างรอเวลาเข้าคลาสเรียนที่จะมาถึงในอีกประมาณสองชั่วโมง
#ขยันจริงพ่อคุ๊ณณณณณณณ =[ ]=
จริงๆก็ไม่ได้ขยันอะไรหรอก
(อ้าว)
แค่ขี้เกียจอยู่ที่หอพักเบื่อรูมเมทที่วันๆก็ชอบเอาแต่ส่งเสียงดังรบกวนผมอยู่เรื่อยทำให้ผมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย
ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเด็กเรียนนะแต่เข้าใจอารมณ์คนที่พ่อแม่วางกรอบเอาไว้ให้แต่เด็กแล้วมันติดเป็นสันดาน(?)ป่ะ
“มึงมีเรียนเช้าเหรอ?”
ในขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่นั้นเสียงที่โคตรคุ้นหูของแจ็คสันเพื่อนกลุ่มเดียวกันดังขึ้นก่อนจะถือวิสาสะทิ้งตัวนั่งบนเก้อี้ตรงข้ามกับผมโดยไม่รอให้ผมอันเชิญ(?)
“เปล่าอ่ะมีเรียนตอนบ่าย”
ผมตอบในขณะที่สายตาก็ยังคงจับจ้องไปที่ใบความรู้ที่เพิ่งได้มันมาเมื่อวานซืนซึ่งมันเป็นใบความรู้ที่อาจารย์แจกให้ล่วงหน้านั่นแหละ
“มึงขยันไง?
นี่แค่สิบเอ็ดโมงมั้ยล่ะ?” แจ็คสันเปิดปากบ่นผมตามประสาคนขี้เกียจ(?)
“ก็เบื่อรูมเมทที่ห้อง”
ผมละสายตาจากใบความรู้ตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับตอบคำถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ก็กูเคยแนะนำแล้วมั้ยล่ะว่าให้อยู่หอนอกแบบกูก็ไม่เชื่อ”
แจ็คสันบอกพลางทำหน้าเหมือนกำลังต่อว่าผม ก็คนมันขี้เกียจมั้ยล่ะ? -
-
“เปลืองตังค์”
ผมตอบออกไปสั้นๆแต่ได้ใจความอย่างชัดเจน
“ถุ้ย! บ้านมึงจนมากมั้ง?”
แจ็คสันทำท่าพ่นน้ำลายพร้อมกับมองผมด้วยสายตาเหมือนอยากจะต่อยหน้าผมเต็มที -
-
“บอกตอนไหนว่าบ้านจน?”
ผมตอบกลับอีกฝ่ายพลางเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างกวนประสาท
“ถ้าไม่เห็นมึงเป็นเพื่อนป่านนี้กูถีบยอดหน้ามึงไปแล้ว!” แจ็คสันบอกพลางส่งสายตาเชิงอาฆาตใส่ผม แต่คิดเหรอว่าจะกลัว?
บอกเลยว่าไม่!
“ขาสั้นแบบมึงถีบหน้ากูถึงได้ด้วยเหรอ?”
ผมพูดเชิงกวนประสาทอีกฝ่าย
“โอ้โห! ว่าอะไรก็ได้แต่มาด่ากูขาสั้นนี่กูปรี๊ดเลยนะเว้ยยยยยย!!”
แจ๊คสันบอกพลางตบโต๊ะหินอ่อนเสียงดังซึ่งมันไม่ได้ดังมาจากโต๊ะหรอกจามือมันนั่นแหละ
ไม่อยากจะบอกว่าตอนนี้มือมันแดงยิ่งว่ามะเขือเทศซะอีก
“โอ๊ย! เมื่อไหร่น้องจะเลิกตอแยพี่สักที
บอกแล้วไงว่าพี่ชอบผู้ค่ะไม่ได้ชอบชะนีเข้าใจมั้ยคะ!”
ในขณะที่แจ๊คสันกำลังทำท่าจะฆ่าผมเต็มแก่แต่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขัดขึ้นซึ่งมันสามารถเรียกความสนใจจากผมและแจ็คสันได้เป็นอย่างดี
“กูว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าคุ้นๆ”
แจ็คสันพูดพลางมองผู้หญิงคนนั้นอย่างพิจารณา ว่าแต่มันมานั่งข้างผมตอนไหนกันวะ?
“คุ้นเหมือนกัน”
ผมบอกอย่างเห็นด้วยพลางเพ่งสายตามองหน้าของอีกฝ่ายอย่างไม่ละสายตา
คือมันคุ้นมากแต่นึกไม่ออกอ่ะว่าเคยเห็นที่ไหนอีกอย่างระยะที่ผู้หญิงคนนั้นอยู่ก็ไกลพอสมควรแถมยังเห็นหน้าแค่ด้านข้างอีกเลยทำให้มองเห็นไม่สะดวกเท่าไหร่
[ Jessica Part ]
“พี่อย่าใจร้ายสิพวกผู้อ่ะนิสัยไม่ดีเท่าชะนีอย่างหนูนะคะ”
ฉันอยากจะบ้าตาย!
ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าฉันมันเหมือนทอมตรงไหนวะ?
ทำไมพวกชะนีพวกนี้ถึงได้ตามตอแยฉันขนาดนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ชะนีมาบอกชอบฉันแต่ยัยนี่หนักสุดค่ะขนาดปฏิเสธจนปากจะฉีกนางยังไม่เลิกตื้อฉันเลย
ตัวผู้อยู่ไหนกันคะเฮวมีพลีสสสสสสสส T[
]T
“พี่ชอบน้องไม่ได้ค่ะพี่ชอบผู้ค่ะได้ยินมั้ยคะ! อีกอย่างพี่มีผัวแล้วด้วย!”
ฉันพูดเชิงตอกย้ำความชัดเจนถึงจุดยืนของตัวเองให้ยัยรุ่นน้องจอมตื้อฟังจนเต็มหูแถมยังโกหกคำโตแต่ดูท่ายัยนี่จะหน้าด้าน(?)พอตัวดูไม่มีท่าทีท้อแท้เลยค่ะ
TT
“ไม่เชื่อหรอก! หนูจะตื้อจนกว่าพี่จะมีผัวมายืนยัน!” โอ้โห! หัวหมอจริงๆยัยน้องคนนี้มีมาขู่กันเลยเว้ย!
เดี๋ยวก่อนนะคะน้องทุกวันนี้อย่าว่าแต่ผัวเลยค่ะตัวผู้สักคนยังไม่คิดจะจีบพี่เลย T^T
แล้วดิฉันจะไปหาผัวมาจากไหนได้ล่ะคะ อ๊ากกกกกกกกก =[ ]=
“นั่นไงผัวพี่อยู่นั่นไง!”
เพราะอยากจะหลุดพ้นจากยัยรุ่นน้องจอมตื้อนี่สักทีฉันเลยพยายามกวาดสายตามองหาผู้ชายสักคนที่พอจะมาหลอกเป็นผัวฉันชั่วคราวจนสายตาไปสะดุดเข้ากับผัวในอนาคตฉันที่อยู่ห่างกันไกลพอสมควรแต่ความหล่อทะลุจนกระแทกตาเลยค่ะฉันเลยโมเมพูดออกมาพลางชี้ให้ยัยรุ่นน้องจอมตื้อดูก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาน้องคนนั้นโดยมียัยรุ่นน้องตามมาด้วย
- -
[ Mark Part ]
ในขณะที่ผมกับแจ็คสันกำลังเฝ้ามองสถานการณ์อยู่นั้นจู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มเดินเข้ามาใกล้ผมสองคนเรื่อยๆจนสามารถเห็นหน้าได้ชัดเจน
ซวยแล้วไง! นี่มันผู้หญิงจอมโหดคนนั้นไม่ใช่เหรอ?
เขาเดินมาทำไม? หรือว่าเขาจะมาต่อยผม? ไม่เอานะเว้ยหน้ายิ่งหล่อๆอยู่ T_____T
#เอิ่มมม..
“กูนึกออกแล้วผู้หญิงแมนๆที่โรงอาหารนี่หว่า”
แจ๊คสันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูท่าทางจะภูมิใจ คือคุณมึงภูมิใจแต่ผมใจคอไม่ดีเลยครับ
ยิ่งกว่าจับใบดำใบแดงอีก T^T
“นี่เลยค่ะผัวพี่
^_^”
ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยอยู่ๆผู้หญิงจอมโหดก็เดินเข้ามาคล้องแขนผมแถมยังเอาหัวมาซบที่แขนของผมอย่างออดอ้อนพร้อมกับเปิดปากพูดกับผู้หญิงอีกคนที่ตามมาด้วยโดยเน้นเสียงตรงคำว่า
‘ผัว’ อย่างหนักแน่น ผมไปมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะเรียนยังไม่จบเลยนะ
=[ ]=
“นายเป็นผัวพี่เขาจริงๆเหรอ?”
ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยปากถามผมเสียงเข้มพลางส่งสายตาอาฆาตมาให้กับผม
ส่วนผมที่ทำตัวไม่ถูกก็หันไปมองหน้าคนที่เกาะแขนผมซึ่งเธอเองก็ส่งสายตาเชิงบังคับมาให้ผมตอบเออออไปกับเธอ
อะไรกันวะครับทำไมชีวิตของผมถึงได้เจอแต่ผู้หญิงโหดๆแบบนี้ล่ะ T[ ]T
“เอ่อ..ชะ
ใช่ พี่เขาเป็นแฟนเราเอง ^///^” ผมยอมเออออไปกับผู้หญิงที่เกาะแขนผมจนเหมือนปลิงดูดเลือดพลางส่งยิ้มแห้งไปให้กับผู้หญิงตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว
“เห็นมั้ยคะว่าพี่มีผัวแล้วเพราะฉะนั้นเลิกหวังนะคะน้อง”
พี่คนที่เกาะแขนผมอยู่บอกผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับเบียดตัวเองให้เข้ามาใกล้ผมอีก
เอ่อ...คือบางทีก็ไม่ต้องใกล้มากก็ได้นะผมก็คนหรือเปล่า?
ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่หวั่นไหวนะครับ!
“หนูไม่เชื่ออ่ะถ้าคนนี้แฟนพี่จริงงั้นจูบกันให้ดูหน่อย!” แต่ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะไม่ยอมลดลาวาศอกกันเลยแถมยังพูดจาท้าทายคนที่เกาะแขนผมอีก
เอิ่ม...ผมหูไม่ฝาดใช่ป่ะ! O_O
“จะ..จูบเหรอ?”
ผมพูดออกมาอย่างอึ้งๆระคนตกใจกับคำพูดท้าทายของคนตรงหน้า ไม่เอานะครับผมไม่เอานะ T[ ]T
“ไม่กล้าเหรอคะ?”
ผู้หญิงตรงหน้าเอ่ยถามพลางเลิกคิ้วสูงพร้อมกับส่งสายตาจับผิดมายังผม
“คะ..คือว่า OxO”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้ตอบอีกฝ่ายจู่ๆพี่ปลิงสายโหด(?)ก็เขย่งตัวพร้อมกับจับหน้าผมเข้าไปใกล้ก่อนที่พี่เขาจะประทับจูบลงบนริมฝีปากผมโดยไม่ให้ผมตั้งตัว
เดี๋ยวดิ! ผู้หญิงสมัยนี้ทำไมน่ากลัวแบบนี้ล่ะ T^T
“จบนะคะน้อง!”
พี่ปลิงสายโหดถอนจูบจากผมแล้วหันไปพูดกับผู้หญิงตรงหน้าก่อนที่พี่ปลิงสายโหดจะลากผมออกไปจากตรงนี้
เอาตรงๆนะเหมือนวิญญาณหายไปเลยว่ะไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ =[ ]=
[ Jessica Part ]
“น้องคะ?
วิญญาณหายเหรอคะ?” ฉันเอ่ยปากถามว่าที่ผัวในอนาคตหลังจากที่ฉันลากเขาออกมาจากยัยรุ่นน้องจอมตื้อนั่นแต่ท่าทางของเขากลับดูเหมือนคนไม่มีวิญญาณเลย
สงสัยจังว่าเป็นอะไร? #นางไม่รู้จริงๆเหรอ
- -‘
“นี่พี่เป็นผู้หญิงประเภทไหนกันแน่เนี่ย!? อยู่ๆมาจูบผมแบบนั้นต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ยังไงเล่า!?”
ดูเหมือนว่าผัวในอนาคตจะเริ่มได้สติเขาก็โพล่งออกมาเหมือนพวกนางเอกในละครหลังข่าวที่โดนพระเอกจูบแล้วเพิ่งได้สติ
#ก็ดูนางเปรียบเทียบเนอะ =[ ]=
“แล้วจะโมโหเพื่อ?
ทำตัวเป็นนางเอกในละครไปได้” ฉันบอกพลางเลิกคิ้วใส่อีกฝ่ายก่อนจะทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“พี่ใช่ผู้หญิงจริงป่ะเนี่ย!?” ผัวในอนาคตเอ่ยปากถามฉันพลางมองหน้าฉันอย่างหวาดกลัว
“เอาบัตรประชาชนไปดูเลยมะ?”
ฉันถามพลางแกล้งมองหน้าอีกฝ่ายเหมือนจะเอาเรื่องจนอีกฝ่ายถอยออกห่างฉันทันที
โอ๊ยยยยยย~~~ ทำไมน้องน่ารักแบบนี้อยากได้ๆๆๆ >_<
“ไม่เอาแล้ว
ไม่อยากรู้แล้ว” คนตรงหน้าเอ่ยปากบอกพลางพองแก้มอย่างน่ารัก
“พี่ชื่อเจสสิก้านะเรียนวิศวกรรมโยธา
:)”
ฉันเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วมาแนะนำตัวเองให้คนตรงหน้ารู้จักพลางส่งยิ้มไปให้
เอาล่ะวันนี้ฉันต้องได้รู้จักผัวในอนาคตให้ได้!
“ทำไมเรียนสาขาแมนจัง?”
ผัวในอนาคตเอ่ยปากถามพลางมองหน้าฉันผมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ก็บ้านพี่เรียนวิศวะทั้งบ้านพี่ก็เลยขี้เกียจเรียนอย่างอื่น”
ฉันตอบคำถามของอีกฝ่ายซึ่งผัวในอนาคตก็พยักหน้ารับงึกๆ
“แล้วน้องชื่ออะไร?”
ฉันถามกลับพลางมองหน้าอีกฝ่าย
“ผมเหรอ?
ผมชื่อมาร์คเรียนคณะศึกษาศาสตร์” ผัวในอนาคตตอบคำถามของฉันพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างไม่วางตา
ต๊ายตาย! ฉันจะได้ผัวเป็นว่าที่ครูแหละ 5555
“เป็นครู?
แบบนี้สงสัยคงโดนนักเรียนแกล้งมากกว่าจะไปกำราบเด็กนะ” ฉันบอกอีกฝ่าย
“ใครบอก?
ผมโหดก็เป็นนะ” อีกฝ่ายบอกแกมเถียง
“จริงอ่ะ?
แบบน้องเนี่ยนะโหดเป็น? ได้ข่าวเมื่อกี้ยังทำท่ากลัวพี่อยู่เลย” ฉันบอกพลางเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเชื่อก่อนจะแกล้งตีหน้าโหดใส่อีกฝ่ายจนมาร์คถอยตัวออกห่างฉันอย่างฉับพลัน
-
-
“ผมนึกได้ว่ามีธุระผมไปก่อนนะ”
มาร์คบอกกับฉันก่อนจะรีบเดินหนีฉันไปทันที
ซึ่งแน่นอนฉันไม่เดินตามเขาไปหรอกคือขามันสั้นเดินตามยังไงก็ไม่ทันอยู่ดีนั่นแหละ -0-
เวลาผ่านมาเกือบสองสัปดาห์ที่ฉันพยายามเข้าหามาร์คว่าที่สามีในอนาคตแต่ก็เหมือนกับว่ามาร์คจะไม่ค่อยอยากอยู่กับฉันสักเท่าไหร่
ชวนคุยได้แป๊ปเดียวเขาก็หาเรื่องไปโน่นไปนี่ ฉันมันน่ากลัวมาเลยหรือไงวะ?
“อิแมนเป็นอะไรไปคะ?
ทำหน้าบูดเหมือนไม่ได้ถ่ายมาสามชาติ!”
สาบานค่ะว่าอิโย่งมันถามเพราะเป็นห่วงไม่ได้ต้องการด่าอะไรฉันเล๊ยยยยยยยย
“ถ้ากูไม่เห็นว่าเป็นเพื่อนนี่ต่อยหน้าไปละ! พูดจากับกูไม่เคยจะดีเลย” ฉันบอกแกมขู่อีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เอาล่ะๆเลิกทะเลาะกันตกลงมึงเป็นอะไร?”
แล้วก็เป็นอินีออนที่คอยห้ามปรามศึกสงครามขนาดย่อม(?)ระหว่างฉันกับอิโย่ง
คือเอาจริงๆแล้วฉันกับอิโย่งไม่ได้เกลียดอะไรกันหรอกแต่มันติดนิสัยที่ชอบแซะกันไปกันมาเนี่ยแหละ
เป็นสีสันของชีวิตดี 55555555
“กูเครียดอ่ะ
น้องแมร่งเอาแต่หลบหน้ากูกูเสียใจอ่ะ T^T”
ฉันบอกกับอิแมนพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้คล้ายคนท้อแท้ในชีวิต ก็ให้ทำไงได้วะ?
คนนี้ฉันจริงจังมากเลยนะแต่ดูเขาสิไม่เคยคิดจะสนใจกันเลยอ่ะ T[ ]T
“น้องที่ว่าอิน้องตุ๊ดของมึงอ่ะนะ?”
อิโย่งพูดพลางตักไอศครีมเข้าปาก เอาเหอะเพื่อเครียดมันก็ยังมีอารมณ์กิน โคตรซึ้ง!
“กูบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ตุ๊ด!” ฉันเปิดปากเถียงทันควัน ก็แค่เป็นผู้ชายเรียบร้อยป่ะวะ?
ทำไมต้องหาว่าเป็นตุ๊ดด้วย ตุ๊ดต้องเป็นอิโจควอนโน่นนนนนน วันๆไม่ทำอะไรนอกจากไปเต๊าะหนุ่มวิศวะฉันเห็นจนชินละ
“นั่นเด็กมึงเปล่าวะ?”
อิสวยบอกฉันพลางชี้ให้ดูนั่นทำให้ฉันรีบหันไปมองทันที แล้วมันก็ใช่ด้วย! เดี๋ยวนะ..น้องมันมาทำอะไรที่ตึกคณะครุศาสตร์วะ?
“ใช่อ่ะ”
ฉันตอบเพื่อนพลางถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“เป็นอะไรขอมึงอีกคะ?
ทำไมทีอย่างนี้ไม่เข้าไปหาน้องเขาล่ะ?” อิโย่งเอ่ยปากถามพลางขมวดคิ้งด้วยความสงสัย
“กูไม่อยากเข้าไปอ่ะ
เดี๋ยวน้องแมร่งก็หนีกูอีก บางทีกูก็เหนื่อยป่ะวะ”
ฉันบอกอิโย่งไปตามความรู้สึกข้างใน คือเข้าใจป่ะว่าการตามใครมากๆแล้วเขาไม่คิดจะสนใจเลยมันก็เหนื่อยถึงมันดูไม่ได้ใช้เวลานานมากแต่ฉันก็เหนื่อยว่ะ
เหนื่อยจริงๆ
“เออๆพวกกูเข้าใจ
นานๆทีมึงจะชอบผู้ชายให้พวกกูเห็น”
อิสวยบอกอย่างเข้าใจระคนเห็นใจฉันพลางเอื้อมมือมาตบที่บ่าของฉันอย่างให้กำลังใจ
เฮ้ออออออ
[ Mark Part ]
“นั่นใช่พี่ที่ชอบเข้ามาหามึงเปล่าวะ?”
เจบีสะกิดผมพลางพยักเพยิดปลายคางไปทางด้านขวามือของผมนั่นทำให้ผมที่กำลังต่อแถวรอซื้อของกินหันไปมองอย่างอดไม่ได้
“อืม..”
ผมตอบออกไปสั้นๆก่อนจะหันกลับมาดังเดิม
“มึงไม่คิดจะเข้าไปทักพี่เขาหน่อยเหรอ?”
แจ๊คสันถามผมด้วยน้ำเสียงติดซีเรียสเล็กน้อย
“ไม่เอาอ่ะ
พี่เขาน่ากลัว” ผมตอบคำถามของเพื่อนทันควันพลางส่ายหัวไปมาเป็นการยืนยันคำตอบ
“แต่กูว่าพี่เขาก็ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรนะเว้ย
แล้วอีกอย่างเวลาพี่เขาเข้ามาทักแกก็ทำตัวน่ารักดีไม่ได้โหดอย่างที่มึงเห็นนี่หว่า”
แจ๊คสันบอกเชิงอธิบายให้ผมฟัง
“มันก็ใช่
แต่ยังไงพี่เขาก็เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวอยู่ดีนั่นแหละ” ผมตอบโดยยืนยันคำตอบเดิม
ไม่ใช่ว่าไม่อยากเข้าไปทักทายแต่ก็กลัวว่าถ้าเข้าไปพี่เขาอาจจะไม่พอใจก็ได้
“แหม่...ใครมันจะไปเหมือนนาอึนแฟนเก่ามันเล่าทั้งน่ารัก
เรียบร้อย อ่อนหวานน่ะ” จูเนียร์พูดแกมแซวผมนั่นทำให้ผมชะงักไปเล็กน้อย
พูดขึ้นมาทำไมล่ะครับ =[
]=
“มึงจะพูดเพื่อ?
ดูหน้าไอมาร์คด้วยครับ!” เจบีบอกแกมเอ็ดจูเนียร์ที่อยู่ๆก็พูดถึงนาอึนแฟนเก่าของผมที่เรียนอยู่คณะครุศาสตร์
“พอพูดถึงนาอึนกูก็เพิ่งนึกได้ว่านาอึนเรียรครุไม่ใช่เหรอวะ?”
ยองแจพูดเชิงถาม
“อ้าว?
มาร์คทำไมมาทานอาหารที่คณะเราล่ะ?” ยังไม่ทันที่พวกเราจะพูดอะไรต่อเสียงอันคุ้นหูของผมก็ดังขึ้นทำให้ทั้งกลุ่มของผมหันไปมองก็พบกับนาอึนที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม
มันเป็นรอยยิ้มที่ผมชอบเอามากๆแต่ตอนนี้ยิ่งเห็นมันก็ยิ่งเจ็บว่ะ
“อ๋อ..พอดีว่าที่คณะอักษรศาสตร์คนมันเยอะอ่ะเราก็เลยมากินที่นี่”
ผมตอบนาอึนไปอย่างขอไปที ไม่อยากจะคุยด้วยหรอก ยิ่งคุยยิ่งเจ็บ T^T
“อ๋อ..แล้วมีที่นั่งหรือยัง?
ไปนั่งกับเรามั้ย?” นาอึนบอกเชิงเอ่ยเชิญชวนให้พวกผมไปนั่งด้วย
“โอเค!
เดี๋ยวพวกเราซื้อข้าวแล้วจะตามไปนะ : )”
ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรจูเนียร์ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีการปรึกษากันสักคำซึ่งนาอึนพอได้ยินคำตอบแบบนั้นเธอก็ส่งยิ้มมาให้ผมก่อนที่เธอจะเดินไปที่โต๊ะที่เธอจองเอาไว้
“มึงทำอะไรของมึงเนี่ย!
ไม่สงสารเพื่อนไง!”
เป็นเจบีที่ดูจะเดือนเนื้อร้อนใจแทนผมเขาจึงเปิดปากต่อว่าจูเนียร์ทันที
“ก็กูอยากให้สองคนนี้คืนดีกันอ่ะ! มาร์คกูรู้นะว่ามึงยังรักนาอึนอยู่อ่ะ
กูว่าจังหวะนี้แหละเหมาะแก่การปรับความเข้าใจแล้ว”
จูเนียร์บอกตามจุดประสงค์ของตัวเอง
“แต่..”
ผมที่กำลังจะเปิดปากเถียงแต่ก็เงียบไปเพราะจูเนียร์พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เชื่อกูเถอะ
ลองปรับความเข้าใจกันดูนาอึนอ่ะยังไม่ได้คุยหรือคบกับใคร
กูว่านาอึนก็ยังไม่เลิกรักมึงหรอกเชื่อกูเถอะ : )”
“มึงนี่นะจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของเพื่อนเหลือเกินไปโน่นเลยไปซื้อขนมเป็นเพื่อนกูด่วน!” เจบีบอกแกมสั่งก่อนจะลากคอจูเนียร์ให้เดินตามไป
“เดี๋ยวพวกกูไปซื้อข้าวร้านนั้นนะ”
แจ๊คสันบอกก่อนที่เขา ยองแจ ยูคยอม
และแบมแบมจะเดินแยกออกไปทิ้งเหลือไว้แค่ผมคนเดียว
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
ผมที่ซื้ออาหารเสร็จก่อนก็ยอมเดินมานั่งกินร่วมโต๊ะกับนาอึนตามที่จูเนียร์ตบปากรับคำเอาไว้
แต่เมื่อเห็นว่าผมมาคนเดียวนาอึนจึงเปิดปากถามผม
“ไปซื้อข้าวยังไม่เสร็จมั้ง”
ผมตอบนาอึนในขณะที่กำลังนั่งลงแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหาร
ก็แค่อยากจะรีบทานให้มันเสร็จๆจะได้ไม่ต้องอยู่นาน
“ยังโกรธเราอยู่เหรอ?”
ในขณะที่ผมกำลังทานอาหารอยู่นาอึนก็พูดขึ้นนั่นทำให้ผมหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“เราจะโกรธนาอึนทำไมล่ะ?”
ผมตอบนาอึนเสียงเรียบ
“แล้วมาร์คมีแฟนใหม่หรือยัง?”
นาอึนถามผมต่อพลางมองหน้าผมอย่างรอคำตอบ
“ยังอ่ะ”
ผมตอบออกไป
“แต่เราได้ยินมาว่ามีผู้หญิงคนนึงเข้ามาจีบมาร์คไม่ใช่เหรอ?
เห็นว่าสวยด้วยนี่นา” นาอึนพูดขึ้นทำให้ผมหยุดนิ่งพาลนึกไปถึงใบหน้าโหดๆของพี่เจสสิก้า
“พี่เขาไม่ได้จีบเราหรอกก็แค่เข้ามาคุยด้วยเฉยๆ”
ผมตอบออกไปอย่างตัดรำคาญพลางทานอาหารต่อ
“แล้วมาร์คไม่คิดจะชอบเขาเหรอ?”
นาอึนถามผมอีกครั้ง
“ไม่อ่ะ
เรายังไม่พร้อมมีแฟนใหม่” ผมตอบออกไปตามตรง
“ฉันถามตรงๆนะมาร์คยังชอบเราอยู่หรือเปล่า?”
นาอึนถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าให้เราพูดตามตรง
ใช่..เรายังชอบนาอึนอยู่ไม่รู้ว่าจะชอบอะไรนักหนาทั้งที่นาอึนก็บอกเลิกเราไปแล้วแต่เราก็ยังหวังว่านาอึนอาจจะกลับมาคบกับเราแต่ดูเหมือนเราจะฝันลมแล้งๆอ่ะ”
ผมตอบออกไปตามความจริงนั่นทำให้นาอึนนิ่งไปครู่หนึ่ง
“เราขอโทษที่เราบอกเลิกมาร์คไป
ตอนนั้นเราก็แค่หูเบาถึงได้ไปหลงฟังคำพูดของคนอื่นจนลืมนึกถึงใจของมาร์คอ่ะ”
นาอึนบอกขอโทษผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร
เราไม่โกรธนาอึนหรอก เราเข้าใจเป็นใครก็คงคิดว่าเราเป็นตุ๊ดอ่ะ
ขนาดตอนนี้คนอื่นยังมองเลยว่านาอึนกำลังคุยกับเพื่อนสาวไม่ใช่ผู้ชาย”
“เราอิ่มแล้วอ่ะ
ขอตัวก่อนนะ” ผมบอกนาอึนก่อนจะรีบลุกแล้วหยิบจานข้าวไปเก็บทันที
“เฮ้ออออออ~~” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ หลังจากที่หนีนาอึนออกมาได้ผมก็เลือกเดินมาที่สวนกลางของมหาวิทยาลัย
มันเป็นสถานที่ที่ผมชอบมากที่สุดเพราะมันค่อนข้างเงียบสงบ บรรยากาศก็ดี
เหมาะแก่การมาอ่านหนังสือ
“อิโย่งมึงกินอีกแล้วนะ
แล้วพอน้ำหนักขึ้นก็บ่น”
ในขณะที่ผมกำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศของสวนกลางอยู่นั้นเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นซึ่งมันก็เรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี
นั่นมันพี่หน้าโหดไม่ใช่เหรอ?
“โอ๊ยยยยย!~
อิแมนบ่นอยู่ได้ฟังเพลงต่อไปเลย”
“แล้วตกลงมึงจะเอายังไงกับน้องมาร์คอะไรนั่นอ่ะ?”
ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่สนใจแล้วถ้าเกิดว่าไม่ได้ยินชื่อตัวเอง
“ไม่รู้อ่ะ
กูท้อแล้วเนี่ย พอๆเลิกพูดกูไม่อยากเครียด”
พี่เจสสิก้าตอบพลางทำสีหน้าเหมือนคนหมดหวังก่อนที่จะหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วเสียบเข้าหูของตัวเองก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนอนราบไปพื้นหญ้า
น่ารักดีแฮะ ^_^
“เดี๋ยวๆอิแมนมึงนอนเลยเหรอ?”
พี่อีกคนที่เอ่ยปากถามด้วยความตกใจ
“จะไปใส่ใจอะไรมัน
แกยังไม่ชินอีกหรือไง?” เพื่อนของพี่เจสสิก้าอีกคนพูดขึ้น
จะว่าไปก็แปลกดีนะผู้คนอื่นคงไม่มีใครมานอนแบบนี้หรอกอย่างนาอึนเองแค่ผมชวนนั่งบนพื้นหญ้าเธอยังคิดแล้วคิดอีกพอจะนั่งทีก็ต้องหาอะไรมารอง
[ Jessica Part ]
“เห้ย! ฉันลืมเอกสารไว้ที่ห้องเรียนอ่ะ” อิสวยพูดขึ้นเสียงดังด้วยสีหน้าตกอกตกใจ
“เอ้า?
รีบไปเอาดิเดี๋ยวได้หายซะก่อน”
อินีออนบอกซึ่งอิสวยก็พยักหน้ารับก่อนจะลากอิโย่งไปด้วย
“อิแมน
ฉันหิวน้ำอ่ะเดี๋ยวขอไปซื้อก่อนนะ” อินีออนหันมาบอกฉันซึ่งฉันที่ไม่ได้เปิดเพลงดังอะไรก็ยังคงได้ยินฉันจึงพยักหน้ารับก่อนที่อินีออนจะลุกขึ้นเดินออกไป
ส่วนฉันก็ยังคงนอนอยู่แบบนั้นแหละพร้อมกับเปิดเพลงให้เสียงดังมากขึ้น เฮ้ออออออ!~~ ยิ่งคิดถึงหน้าของมาร์คก็ยิ่งเศร้าอ่ะ ทำไมน้องต้องคอยหนีฉันด้วยวะ? หรือฉันควรเลิกตื้อได้แล้ว?
“โอ๊ยยยยย!! เครียดโว้ยยยยยยยยย!~~~”
[ Mark Part ]
ผมรู้สึกสะดุ้งกับเสียงของพี่เจสสิก้าที่อยู่ๆก็ตะโกนออกมาโดยไม่คิดจะอายคนอื่นที่อยู่แถวนั้นเลย
แต่ดูเหมือนว่าพี่เขาจะไม่แคร์เลยสักนิด
“หลับแล้ว?”
ผมที่เห็นว่าพี่เจสสิก้านิ่งไปด้วยความสงสัยผมจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่าพี่เขาหลับไปแล้ว
“หลับไม่กลัวใครเลยหรือไง?”
ผมเปิดปากบ่นที่เห็นว่าพี่เจสสิก้าหลับไปทั้งที่ของๆเพื่อนพี่เขาก็ยังอยู่รอบกายของตัวเอง
“แกคู่นี้น่ารักจังเลยอ่ะ
ดูสิผู้หญิงหลับผู้ชายก็คอยดูแลน่ารักอ่ะ > <”
อยู่ๆผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนกำลังพูดถึงผมกับพี่เจสสิก้านั่นทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย
เดี๋ยวนะ?
“เอ่อ..คือพี่เขาไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ”
ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดไปแล้วอีกอย่างก็ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดกันด้วยผมจึงตอบปฏิเสธไป
“เห้ยแก
นั่นมันน้องมาร์คอะไรนั่นของอิแมนไม่ใช่เหรอวะ?”
ยุนอาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามาร์คกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์ในขณะที่ข้างของเขาก็มีเจสสิก้ากำลังนอนหลับอย่างไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“เออว่ะ
ทำไมอยู่ๆถึงได้มานั่งกับอิแมนวะ?” ซูยองบอกก่อนจะพูดเชิงถามด้วยความสงสัย
“แต่ว่ามันก็น่ารักดีนะ
ฉันว่าเราอย่างเพิ่งเข้าไปดีกว่าปล่อยให้อิแมนได้ฟินไปเถอะ”
แทยอนบอกอย่างยิ้มๆซึ่งยุนอากับซูยองก็เห็นด้วยทั้งสามคนจึงเลือกที่จะแยกย้ายกันไปที่อื่น
[ Jessica Part ]
“ตื่นแล้วเหรอครับ?”
หืม? เสียงของใคร? ทำไมมันคุ้นหู ว่าแต่ฉันเผลอหลับไปได้ยังไงวะ?
“เฮ้ย!” แต่พอฉันลืมตาขึ้นก็พบเข้ากับมาร์คที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆฉันส่งผลให้ฉันรู้สึกตกใจจนเผลอหลุดร้องออกมา
“มีอะไรเหรอครับ?”
มาร์คที่ดูจะตกใจเหมือนกันเอ่ยปากถามฉันด้วยน้ำเสียสั่นเครือ
ดูดิทำไมต้องกลัวฉันมากขนาดนี้วะ!
“ทำไมน้องต้องกลัวพี่ด้วยล่ะ?”
ฉันเอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ไม่อยากจะทำให้เขากลัวเลย
“ก็พี่ชอบทำหน้าโหดอ่ะผมกลัว”
มาร์คตอบออกมาพลางทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
“กลัวทำไมพี่ออกจะหน้าสวยไม่ได้หน้าโหดสักหน่อย
:
)” ฉันบอกอย่างติดตลกพลางส่งยิ้มไปให้
“พี่ยิ้มเป็นเหมือนคนอื่นได้ด้วยเหรอ?”
มาร์คเอ่ยปากถามฉันด้วยสีหน้างุนงงระคนไม่เชื่อ เดี๋ยวนะ?
“พี่คนค่ะน้องไม่ใช่หุ่นที่จะยิ้มไม่ได้
ถ้าไม่ติดว่าน้องเป็นสเปคพี่พี่จะเอาไม้ฟาดหน้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
ฉันกรอกตาไปมาเท่าความเซ็งที่ได้ยินแบบนี้ก่อนจะออกปากขู่อีกฝ่ายจนมาร์คทำหน้าจะร้องไห้อีกแล้ว
โอ๊ยยยยยยยย เปลี่ยนใจทันมั้ยวะ? TOT
“โหดอีกแล้วอ่า
T______T”
สามเดือนต่อมา
“พี่สิก้าผมซื้อกาแฟมาให้
:)” มาร์คบอกพลางยื่นแก้วกาแฟมาให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่ฉันชอบมันมากที่สุด
หลายคนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมอยู่ๆมาร์คก็มาทำดีกับฉัน
จะให้พูดยังไงดีล่ะ?
คือตั้งแต่วันนั้นฉันกับมาร์คก็ลองเปิดใจคุยกันดู
สรุปว่าจริงๆแล้วมาร์คก็ไม่ได้อยากจะหนีหน้าฉันหรอก
แต่เขาแค่กลัวว่าจะทำให้ฉันไม่พอใจ ซึ่งแน่นอนฉันไม่สนใจอะไรอยู่แล้วฉันเลยเอ่ยปากขอลองศึกษาดูใจกับเขา
ตอนแรกมาร์คก็ดูตกใจเพราะคงไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงดีๆที่ไหนมาขอผู้ชายคบหาก่อน
แต่มาร์คก็ยอมที่จะตกลงศึกษาดูใจกับฉันและดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปได้ดีทีเดียวล่ะ
“แหม...หวานกันจริ๊งงงงง
เห็นแล้วอิจค่า!~” อิโย่งพูดขึ้นแกมแซวพลางส่งยิ้มล้อเลียนฉันกับมาร์คตามประสา
“ไม่คิดเลยเนอะว่าคนอย่างอิแมนจะหาแฟนได้ก่อนพวกเราอีกอ่ะ”
อิสวยบอก
“ยังไม่ได้เป็นแฟนป่ะวะ?
มาร์คยังไม่เคยขอฉันเลย” ฉันบอกแกมเถียงพลางแอบเหล่มองมาร์คที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม
“โห...พูดแบบนี้ผมจะไปต่อยังไงเล่า?”
มาร์คบอกฉันอย่างเขินอายเล็กน้อย โอ้ยยยย!~~ น่ารักอ่ะ
>_<
“อ้าว?
มาร์คมากินข้าวที่คณะเราอีกแล้ว คิดถึงเราเหรอ?”
ในขณะที่พวกฉันกำลังคุยกันอยู่เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมากลางวงทำให้พวกฉันมองผู้หญิงคนนั้นด้วยความงุนงง
แต่มาร์คดูไม่มีอาการเลยสักนิด
“เปล่าอ่ะ”
มาร์คตอบผู้หญิงคนนั้นเสียงเรียบ ส่วนฉันก็ทำเพียงแค่มองและฟัง แต่ข้างในมันรู้สึกใจเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก
“ทำไมพูดจาห่างเหินกับเราจัง
แฟนกันทำไมพูดแบบนี้ล่ะ?”
ผู้หญิงคนนั้นพูดพลางมองมาที่หน้าของฉันอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า
ส่วนฉันก็พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดแล้วรอฟังคำพูดที่ออกมาจากปากของมาร์ค
“นาอึนเราว่าเธอเข้าใจผิด
เราเคยเป็นแฟนกับเธอก็จริงแต่เธอเองไม่ใช่เหรอที่บอกเลิกเรา อีกอย่างตอนนี้เราก็กำลังดูใจกับพี่คนนี้อยู่”
มาร์คตอบออกไปเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“อะไรนะ?
หมายความว่ายังไง?” ผู้หญิงคนนั้นมีท่าทีตกใจเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“ก็หมายความว่าเราชอบพี่คนนี้
ชอบที่พี่เขายอมรับตัวเราได้ ไม่เหมือนาอึนที่รับตัวตนเราไม่ได้
ทั้งที่เราเองก็เคยบอกเธอว่าเราแค่ชอบทำกิจกรรมที่ผู้หญิงชอบทำ
แต่พี่เขารับตัวตนเราได้ทั้งที่เพื่อนพี่เขาก็เคยคิดว่าเราเป็นตุ๊ดแต่พี่เขาก็ไม่เคยที่จะเลิกชอบเรา
แถมยังไม่เคยกลัวว่าจะมีคนมานินทาว่ามาคบกับคนที่เหมือนตุ๊ดอย่างเรา
เราว่าเธอน่าจะเข้าใจแล้ว” มาร์คอธิบายให้กับผู้หญิงคนนั้นฟังจนหน้าหงายกันไปข้างหนึ่งก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะทนไม่ไหวจึงเดินออกไป
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอ?”
ฉันเอ่ยปากถามมาร์คด้วยความมอยากรู้
“แฟนเก่าของผมน่ะครับ”
มาร์คตอบพลางยกยิ้มเล็กน้อย
“นายแน่ใจเหรอ?
ว่าชอบพี่จริงๆ?” ฉันเอ่ยปากถามอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ ไม่รู้สิแต่ฉันแค่รู้สึกว่าเหมือนมาร์คก็ไม่ได้ทุ่มเทให้ฉันเต็มร้อยหรอกมันเหมือนว่าเขายังแคร์ใครบางคนอยู่
“ตอนแรกผมไม่แน่ใจ
แต่ตอนนี้ผมมั่นใจว่าผมชอบพี่ เอาจริงๆผมว่าผมก็บ้าอ่ะที่เอาแต่หวังว่านาอึนจะเข้าแล้วกลับมาคบกับผม
แต่ไม่เลยนาอึนไม่เคยคิดจะเข้ามาคุยกับผมแต่ที่เธอเข้ามาคุยกับผมเพราะเธอได้ยินข่าวว่าพี่เข้ามาจีบผม
นาอึนก็เหมือนหมาหวงก้างทั้งที่เธออายที่มีผมเป็นแฟนแท้ๆแต่ก็ยังพยายามเรียกร้องให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม
ผิดกับพี่ที่ไม่เห็นจะอายอะไรเลยหรือจริงๆพี่อาย?”
“ไม่อายหรอก
ถ้าอายป่านนี้พี่คงไล่ให้นายไปนั่งที่อื่นแล้ว เห็นพี่โหดแบบนี้พี่ก็มีคนมาจีบเยอะแยะแถมดีกว่านายก็มีถมไปแต่เพราะพี่ชอบตัวตนของนายไง
:)” ฉันบอกอีกฝ่ายพลางส่งยิ้มไปให้
“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย
ทีนี้จะได้บอกเพื่อนถูกสักทีว่าพี่คือใครสำหรับผม ^_^”
“หมายความว่ายังไงเหรอ?”
ฉันเอ่ยถามด้วยความงุนงง
“ก็เพื่อนผมอ่ะเอาแต่ถามผมอยู่ได้ว่าพี่เป็นอะไรสำหรับผมกันแน่
รุ่นพี่หรือคนรู้ใจ แต่วันนี้ผมมีคำตอบให้เพื่อนได้แล้วแหละ”
มาร์คบอกเชิงอธิบายให้ฟัง
“ แล้วเพื่อนพี่เป็นอะไรของเราล่ะจ๊ะ?”
อิสวยถามแทนฉันพลางมองอย่างลุ้นกับคำตอบ
“ก็เป็นคนรู้ใจไง
เป็นแฟนกับผมนะ” มาร์คบอกอย่างกะทันหันไม่ให้ฉันตั้งตัวเลย
“ของ่ายๆงี้เลยเหรอ?”
ฉันถามออกไปอย่างอึ้งๆ
“ทำไมต้องยากเล่า?
ศึกษาดูใจกันมาก็ตั้งสามเดือนเอาจริงๆเราสองคนก็เหมือนแฟนกันตั้งนานแล้วนะ”
มาร์คบอกพลางอมยิ้มเล็กน้อย
“โหยยยยย
พูดแบบนี้ไม่คิดว่าพี่จะเขินเลยเหรอ?” ฉันบอกพลางเสตามองไปทางอื่นด้วยความเขินอาย
“ก็พี่เขินอยู่ไม่ใช่เหรอ?
:)” มาร์คบอกพลางส่งยิ้มแซวๆมาให้ฉันก่อนที่เพื่อนคนอื่นๆจะเห็นดีเห็นงามไปด้วย
เอาตรงๆนะ
ไม่เคยคิดว่าจะได้คบกับมาร์คจริงๆ ทั้งที่เพื่อนของฉันเคยพูดมาว่าฉันกับมาร์คเราต่างกันเกินไปเรื่องของไลฟ์สไตล์
แต่สำหรับฉันแล้วมันเป็น ‘ความแปลกที่ลงตัว’
ก็คิดดูสิฉันกับมาร์คก็เหมือนแค่สลับนิสัยกันแค่นั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ขาดหรือเกินไปเสียหน่อย
ขอแค่ลองมองในมุมกลับ มองในมุมต่าง เราก็อาจจะได้เจอในสิ่งใหม่แบบไม่คาดคิดก็ได้
ฉันเดาว่าทุกคงอิจฉาฉันใช่มั้ยล่ะ? ^O^
THE
END.
07 / 09 / 2016
โหยยยยยยยย
จบไปแล้วค่า!~
สำหรับคู่พี่สิก้าคนแมนกับน้องมาร์คคนติ๋ม
จบไปแบบว่าตัดได้น่าเกลียดมาก
5555555
คือพยายามตัดจบให้มันโอเคที่สุดแล้วค่ะไม่งั้นยาวแน่ๆ
อ่านไม่อ่านไม่ว่ากันค่า!~~~
ความคิดเห็น