คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : the war.2
P r o l o g u e
สงครามคืออะไร....
นั่นคือสิ่งที่คาใจข้ามาตั้งแต่สมัยยังเด็ก
เสียงโหวกเหวกโวยวายดังมาจากทั่วสารทิศ นับเป็นกิจวัตรประจำวันของข้าแล้วที่จะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเปิดร้านขนมปังของท่านป้า ท่านป้าที่ได้ยื่นมือมาช่วยเหลือข้าเอาไว้จากสงครามเมื่อหลายปีก่อน ไม่แปลกที่เมืองทาเลย์ลูจะครึกครื้น นั่นคงเป็นเพราะติดกับท่าน้ำ อาณาจักรอื่นสามารถเข้ามาค้าขายได้ง่ายดายนัก หากแต่วันนี้จะดูครึกครื้นกว่าปกติเท่านั้นเอง
“คาร์ล จงเอาขนมนี่ไปวางเร็วเข้า หากสายเดี๋ยวจะไม่ทันการ”เสียงติดหวานของท่านป้าดังขึ้นจากหลังครัว ไม่รอช้า ข้ารีบขานรับ ก่อนจะเดินไปหยิบขนมจากเตาที่พึ่งอบเสร็จใหม่ กลิ่นของมันทำให้ท้องไส้ข้าเริ่มปั่นป่วน หากใครถามถึงขนมของร้านข้า ก็คงจะไม่มีใครไม่รู้จักเป็นแน่ คงเป็นเพราะฝีมือการทำขนมสูตรลับของท่านป้า(ที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้) ข้าพยายามหลายรอบที่จะหลอกถาม แต่ท่านป้าก็รู้ทันข้าทุกทีไป มักพูดอยู่เสมอว่าข้ามีความพยายามแต่ก็ยังอ่อนหัด
“ข้างนอกนั่นมีอะไรกัน ทำไมถึงได้เสียงดังเช่นนี้”
“ข้าก็อยู่กับท่านที่นี่จะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ”
“หากคนที่พูดอยู่ไม่ได้เป็นข้า เจ้าอาจโดนเด็ดปีกไปแล้ว”
“ข้าก็แค่ล้อเล่นน่ะท่านป้า..”
ท่านป้าไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเริ่มมีลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว ข้าช่วยท่านป้าขายของต่อสักพัก เพราะยิ่งช่วงสายแล้วคนยิ่งเยอะ ท่านป้ามองไม่ทันน่ะ อาจจะเพราะว่าท่านแก่แล้ว แต่ริ้วรอยบนใบหน้าก็ยังน้อยอยู่ หากมองเผลอๆคงจะอายุ 20-30 แต่จริงๆนั้นเลยไปเลข 6 แล้วล่ะ ข้าไม่อยากจะโม้
“แหนะ! อิลกรู เจ้าคิดจะขโมยของอีกแล้วหรือ”
“ข้าเปล่านะ! ท่านอย่ามาโมเมนะ ข้ากำลังจะหยิบมันไปจ่ายตังค์ต่างหากล่ะ”
‘อิลกรู’เด็กข้างบ้านที่อยู่เล่นกับข้าตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ ตอนนั้นข้าอายุ 12 เด็กนี่อายุ 5 ขวบ อิลกรูคือเพื่อนคนแรกของข้า บางทีข้าก็แอบอิจฉาอิลกรูที่มีพ่อแม่ดูแล แต่ก็นั่นแหละท่านป้าก็ให้ความรักดูแลข้าเหมือนกัน ข้าจึงไม่รู้สึกขาดความอบอุ่น
งั้นหรอ..
บางทีข้าก็ต้องการแค่คนที่เข้าใจข้าจริงๆ
“ไหนล่ะ งั้นก็เข้ามาจ่ายตังค์ซะสิ”ข้าแบมือมองหน้าอิลกรูอย่างหาเรื่อง แล้วเด็กนี่มันยอมซะที่ไหนกันล่ะ มีการมองค้อนกลับเสียด้วย แก่แดดซะจริง...
“ก็กำลังจะเข้าไปนี่ไง”ข้าส่ายหัวให้ตัวเองเบาๆ ก่อนจะวิ่งตามอิลกรูเด็กขี้ขโมยที่หยิบขนมปังแล้ววิ่งออกนอกร้านไปเฉย ได้ยินเสียงท่านป้าไล่หลังมาว่าไม่ต้องตาม แต่ข้าฟังที่ไหนล่ะ ไม่น่าเชื่อคำพูดเด็กเหลือขอนี่เลย บางทีข้าควรจะชินและรับมือได้แล้ว แต่กลับแพ้ทางเด็กนี่ทุกทีไป แสบนักนะ
น่าจับเด็ดปีกซะให้เข็ด!
ยังคงได้ยินเสียงดังโวยวายอย่างไม่หยุดหย่อนจากทางไหนซักแห่งซึ่งข้าไม่แน่ใจ จุดประสงค์ที่ข้ากำลังวิ่งอยู่ตอนนี้คือตามอิลกรูให้ทัน ว่าแต่เด็กนั่นวิ่งไปไหนแล้วนะ ข้าหยุดพักและเหลือบไปเห็นคุณลุงท่านหนึ่งหน้าตามอมแมมนั่งอยู่ตรงซอยแคบที่มีขยะเหม็นเน่าเต็มไปหมด หากตรงเข้าไปถามคงจะได้เรื่อง
“ท่านลุง ท่านเห็นเด็กตัวเท่านี้ผ่านมาทางนี้บ้างไหม”ข้ายกมือสูงประมาณเอวประกอบให้คุณลุงดู ท่านลุงส่ายหน้าและบอกว่าไม่เห็น ข้ากล่าวขอบคุณกำลังจะหมุนตัวกลับแต่ก็ต้องหยุดชะงักทันที
“เจ้าน่ะคาร์ลใช่มั้ย”
คุณลุงรู้ชื่อข้าได้อย่างไร?
“เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าข้ารู้ชื่อเจ้าได้อย่างไร แต่จงเดินทางไปที่ท่าเรือเพื่อรีบไปเมืองหลวงซะ”
ข้ามองคุณลุงด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“มีเหตุอันใดที่ข้าต้องไปด้วยเล่า”
“เจ้ายังเหมือนเดิมเลยนะ เมื่อ 8 ปีก่อนน่ะ...”
“เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ ข้าฟังไม่ทัน”ข้าพยายามถามเขาอีกรอบ แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
“จงเชื่อข้าเถิด ฟ้าลิขิตมาแล้วให้เจ้าเป็นเช่นนี้ สงครามเทพมารกำลังจะเกิด หากเจ้าปฏิเสธที่จะไม่เดินทาง อาจเกิดเหตุร้ายแรงขึ้น อย่ากังวลไปเลย ปีกของข้าจะคุ้มครองเจ้าเอง...”แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ ข้าลืมตาพบว่าอยู่ในห้องนอนของตนเอง โดยมีท่านป้าฟุบหลับอยู่ข้างๆ
“ท่านป้า”เสียงของข้าแหบพร่า ข้าไม่รู้เลยว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เพราะไม่กี่สิบนาทีก่อน ข้ายังวิ่งไล่ตามอิลกรูอยู่เลย ดูแล้วทุกอย่างผ่านไปรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว ข้าสงสัยชายคนนั้น ชายที่บอกให้ข้าเดินทางไปเมืองหลวง เขาเกี่ยวข้องอะไรกับข้างั้นหรือ พูดเหมือนรู้จักกับข้าดีอย่างนั้นทั้งๆที่เป็นคนแปลกหน้าต่อกันและกัน แถมข้ายังมีความรู้สึกคุ้นชินกับชายคนนั้นเสียด้วย
“อืม..คาร์ล เจ้าฟื้นแล้วหรือ รู้ไหมเจ้าหลับไปเกือบ 3 วันแหนะ”ท่านป้าสะลึมสะลืมตื่นขึ้นมา ข้าฟังที่ท่านป้าพูดอย่างไม่เชื่อหู จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าถามท่านป้าว่าโกหกหรือป่าว ท่านป้ามองข้าแล้วตอบว่าถ้าท่านป้าโกหกแล้วได้กำไรสามวันที่ไม่ได้เปิดร้านกลับมาท่านป้าก็ยินดี
ข้าถามท่านป้าอีกว่าทั้งสามวันที่ข้าหลับไปมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ท่านบอกว่าไม่มีอะไรมาก แค่ลูกค้าเข้ามาถามว่าทำไมไม่เปิดร้าน ข้าคิดว่าท่านป้าพูดผิดประเด็น เอาล่ะข้าจะถามใหม่
“ข้าหมายถึงมีทหารจากเมืองหลวงมาที่นี่บ้างไหม”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีทหารจากเมืองหลวงมาที่นี่”ท่านป้ามองข้าด้วยสายตาเหมือนตอนเด็กๆที่ข้าแอบขโมยของในครัวจนโดนเอ็ด ข้าบอกไปว่าข้าไม่รู้ ท่านป้าบอกว่าทหารที่มาจากเมืองหลวงรับสมัครคนเพื่อที่จะคัดเลือกแล้วไปต่อสู่กับพวกมาร ข้าถามท่านป้าไปว่ามันคือสงครามเมพมารใช่ไหม ท่านป้าตกใจเอามือทาบอกแล้วรีบยกมือปิดปากข้า แถมยังยกมือจุ๊ๆบอกให้ข้าเงียบ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาจนแทบกระซิบทั้งๆที่มีเราแค่สองคนอยู่ในบ้าน
“เจ้ารู้ไหมว่าสงครามเทพมารน่ะอันตรายแค่ไหน เทพนับร้อยต้องสูญเสียชีวิตโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เจ้ายังเด็ก ถ้าเป็นไปได้ข้าไม่อยากให้เจ้าพูดถึงเรื่องนี้ นอนพักซะเถอะ ข้าขอให้หลับฝันดี”
“แต่ข้าอยากปกป้องเมือง! ข้าอยากปกป้องพ่อและแม่ของข้า ข้ารักแผ่นดินนี้ และข้าต้องการที่จะรักษามัน”ท่านป้ามองตาข้าพยายามที่จะหาคำตอบบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าข้าจินตนาการไปเองหรือเปล่า ท่านป้าถอนหายใจออกมา แล้วยกมือมาขยี้หัวข้าเบาๆ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จงไป จงทำตามที่ใจเจ้าเรียกร้อง รีบไปซะสิก่อนที่จะไม่ทัน”
“เอ๋?”
“อย่ามัวทำหน้าโง่ ข้าบอกให้รีบไปไงล่ะ”
ก่อนที่ข้าจะตื่น ข้ายังจำคำสุดท้ายของชายท่านนั้นได้แม่นว่า
‘จงเชื่อมั่นในสัญชาติญาณตนเอง’
บางทีนับจากนี้ไปข้าอาจจะรู้ก็ได้ว่า
สงครามคืออะไร..
ความคิดเห็น