ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF/OS) #OHARHAFIC | CHANBAEK SEKAI

    ลำดับตอนที่ #13 : △ chanbaek | TIME MACHINE

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.11K
      9
      6 ต.ค. 58











    TIME MACHINE

     ( 타임 머신 )



     




     

     

    เราเลิกกันเถอะ

     

     

    ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาที่ต้องย้ายออกจากความทรงจำหลังนี้จริง ๆ บยอนแบคฮยอนกลับทำใจได้ยากลำบากกว่าที่คิดไว้ กลั้นใจจะไม่ให้เก็บของเก่า ๆ ลงกระเป๋ามากเกินไป บางสิ่งบางอย่างก็ทิ้งมันไปเสียบ้าง

     

     

     

     

    ...ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคงเป็นความรักที่ดีกว่า

     

     

     

     

    “ที่ถืออยู่นั่นน่ะ... จะทิ้งจริง ๆ ใช่ไหม”

     

     

    เสียงทุ้มนุ่มจากใครอีกคนขัดขึ้นมาก่อนที่กล่องดนตรีไม้จะถูกโยนใส่กล่องของทิ้งแล้ว แปลกนะ... แค่ได้ยินอย่างนั้นก็เกิดความรู้สึกลังเลที่จะทิ้งของชิ้นนี้เหมือนกับอีกหลาย ๆ ชิ้นก่อนหน้าขึ้นมา

     

     

    จนถึงตอนนี้ปาร์คชานยอลก็ยังก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน ทั้งที่ไม่แม้แต่จะหันมาแยแสกันสักครั้ง ทว่าก็เอาแต่พูดดักคอไม่ให้เขายอมทิ้งอะไร ๆ ไปอย่างที่ตั้งใจ

     

     

     

     

    อ้อ... คงจะรวมถึงตัวเองด้วยสินะ?

     

     

     

     

    “ใช่ ทิ้งให้หมดนี่ล่ะ” พูดเสียงแข็งแล้วโยนกล่องดนตรีลงไปในกล่องลังที่จะถูกนำไปทิ้งในระยะเวลาอันใกล้อย่างไม่แยแส ถึงจะรู้สึกปวดหนึบในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็สายเกินไปแล้วกับการจะมานั่งหาสาเหตุของอาการนี่

     

     

    ห้องทั้งห้องเงียบกริบเสียจนน่าอึดอัด ถึงตรงนี้แบคฮยอนไม่แน่ใจนักว่าที่เป็นอยู่แบบนี้กับการปล่อยให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดทางใดน่าจะดีกว่ากัน

     

     

    แหงล่ะ... นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดปากพูด การทะเลาะเบาะแว้งจะเริ่มขึ้นอย่างช่วยไมได้ มันเป็นแบบนี้เสมอในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ครึ่งปีที่มีแต่ความข่มขื่นและให้ความสำคัญต่อกันน้อยลงทุกที

     

     

    “ดูนี่สิ”

     

     

    ร่างสูงชูกรอบรูปในมือขึ้นมา จำได้ดีว่านั่นเป็นภาพในงานแต่งงานของเพื่อนที่ชื่อคิมจงแดเมื่อปีที่แล้ว

     

     

    ......

     

     

    จำได้ว่านั่นเป็นรูปถ่ายใบแรกที่ได้ยืนอยู่ในเฟรมเดียวกัน ถึงจะอยู่กันคนละฟาก แต่เหมือนกับไม่ได้ยินเสียงนับก่อนจะกดชัตเตอร์ เพราะเขาและชานยอลกลับหันไปมองแล้วยิ้มให้กันนั่นเอง

     

     

    ...แล้วหลังจากนั้นก็ตัดสินใจคบหาดูใจกัน

     

     

     

     

    “หน้าตาเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด”

     

     

    ไม่ใช่แค่หน้าหรอกนะ...”

     

     

    ปาร์คชานยอลยิ้มอ่อน ๆ ความนัยอะไรนั่นทำเอาแบคฮยอนต้องเบือนหน้าหนีก่อนที่จะปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าเข้าใจนัยประหวัดนั่นดีแค่ไหน

     

     

    ให้พูดจาหวานหูแค่ไหน สุดท้ายการกระทำทุกอย่างก็ยังเดิม ๆ

     

     

     

     

    ยังรักกันอยู่หรือไง?

     

     

     

     

    ใช่... เป็นไปได้ก็ควรจะเรียกว่าเกลียดด้วยซ้ำ ไอ้คำว่ารักอะไรนั่นมันจืดจางหายไปกับระยะห่างมานานแล้ว

     

     

     

     

    “รักสิ”

     

     

     

     

    “......”

     

     

    พูดไปก็เท่านั้น ในเมื่อทางตันมาจ่อรอตรงหน้าแล้วคงไม่มีประโยชน์อะไรอีก แบคฮยอนไม่ต้องการคำว่าเพื่อนหรอก ไม่ต้องการแม้แต่โอกาสที่จะได้เจอหน้ากันอีกครั้งตราบเท่าที่ยังมีชีวิต

     

     

    จะเอาอะไรไปอีกไหม?

     

     

    เอี้ยวหน้าหันมาจากกองงานพะเนินแล้วระบายยิ้มบาง ดูไม่ออกหรอกว่านั่นน่ะดีใจจนตัวสั่นหรือเศร้าสร้อยเสียจนอยากตายกันแน่ อย่างน้อยถ้ามีเวลาให้กันมากกว่านี้สักนิด ใส่ใจอีกสักหน่อย ก็คงไม่ต้องมาหันหลังให้แล้วแยกกันไปแบบนี้

     

     

    แต่มารำลึกเอาตอนนี้ก็เท่านั้น พวกเขามาไกลเกินไปแล้ว

     

     

    ตามมาที่ห้องหน่อยสิ มีอะไรจะให้

     

     

     

     

    เสียงบีบแตรรถดังเรียกจากหน้าบ้าน มองผ่านหน้าต่างออกไปเป็นรถคันคุ้นตาที่นัดแนะกันไว้ให้มารับเวลานี้ ได้เวลาที่บยอนแบคฮยอนกำลังจะไปแล้ว

     

     

    “เฮ้... ฉันรีบนะ”

     

     

    หันกลับมาอีกที ชานยอลกำลังเดินลิ่วไปยังห้องที่ว่า อะไรกันล่ะที่เตรียมไว้ให้ ถามเท่าไรก็ไม่ตอบ

     

     

    เสียงบีบแตรรถยังดังเรียกเป็นระยะ ๆ ขณะเดียวกันร่างสูงโปร่งนั้นก็หายไปจากสายตา อันที่จริงแบคฮยอนไม่น่าคิดมากเลย ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปตามทางของตัวเองแล้วยังต้องคาดหวังอะไรอีก

     

     

    ใช่... คาดหวังว่าปาร์คชานยอลคนนั้นจะเข้ามากอดเขาเอาไว้และขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

     

     

    เพียงแต่พอเงยหน้าขึ้นมอง แผ่นหลังของใครบางคนก็หายไปจากกรอบสายตาจนชวนให้รู้สึกเบาโหวงในอก บยอนแบคฮยอนไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเขาในตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่

     

     

    ต่อให้มีเวลามากกว่านี้... แล้วอะไร ๆ มันจะดีขึ้นหรือเปล่า?

     

     

    สุดท้ายก็เดินตามอดีตคนรักไปได้แค่ครึ่งทางแล้วเลี้ยวหันกลับมารื้อเอากล่องดนตรีซึ่งตัดสินใจทิ้งไปแล้วขึ้นมาปัดฝุ่นลวก ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋า เสี้ยวนาทีที่ริมฝีปากบางแย้มยิ้มขึ้นมาได้ คล้ายกับได้ยินเสียงดนตรีเบา ๆ ขับกล่อมอยู่ไกล ๆ อาจจะมาจากครั้งแรกที่ชานยอลหมุนมันก็ได้

     

     

    “ลาก่อน...”

     

     

    ตัดใจลากสัมภาระออกไปตามเสียงแตรที่บีบเรียก มองภาพบ้านในความทรงจำไว้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต หลังจากตั้งมั่นว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก

     

     

    “ยังรักเหมือนกัน”

     

     

     

     

     







     

     

    ปาร์คชานยอลได้ยินเสียงรถแล่นออกไปแล้ว ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มบางเบากับตัวเอง น้ำตาอุ่น ๆ รื้นขึ้นก่อนจะไหลลงมาเป็นสาย

     

     

    ถึงแม้จะมีเวลาขึ้นแค่ไหน... แต่ความรู้สึกที่เสียไปแล้วก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้

     

     

    ไม่ว่าความรักนั้นยังผูกพันเพียงใด

     

     

    สุดท้ายแล้วความรู้สึกที่ไม่ได้ถูกทะนุถนอมย่อมหายเข้าไปในทางตันจนได้

     

     

     

    แหวนสีเงินเกลี้ยงลับสายตาไปเมื่อปิดฝากำมะหยี่สีแดงลง เขายังคงยิ้มให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น ยิ้มกระทั่งแน่ใจว่าบ้านหลังนี้มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่...

     

     

     

     

    “รักสิ... รักเสมอ...”

     

     

     

     

    ถ้าจะรู้สึกเร็วกว่านี้อีกสักนิด หรือได้สบตาพูดคุยกันอีกครั้ง... บางที ความรักนั้นอาจยื้อมันไว้สำเร็จก็ได้
















    _________________________________________

    ช็อตฟิค.... 555555555555555 โคตรช็อตฟิคจริง ๆ ค่ะ
    โอ้เขียนแล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไง วูบ ๆ นึง อ่านฆ่าเวลานะคะ 55555555
    ขอบคุณเพ่ตริ๋มส์ (Agent-Smith) สำหรับออริจินัลดั้งเดิมด้วย <3

    ชอบไม่ชอบยังไง พูดถึงให้ชื่นใจกันหน่อยนะคะ

    ปล. ตอนแรกลงไว้ในเพจ # ฟิคฮบ แล้วย้ายมาลงที่นี่จ้ะ






























     

    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×