คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : △ chanbaek | TIME MACHINE
TIME MACHINE
( 타임 머신 )
‘เราเลิกกันเถอะ’
ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่พอถึงเวลาที่ต้องย้ายออกจากความทรงจำหลังนี้จริง ๆ บยอนแบคฮยอนกลับทำใจได้ยากลำบากกว่าที่คิดไว้ กลั้นใจจะไม่ให้เก็บของเก่า ๆ ลงกระเป๋ามากเกินไป บางสิ่งบางอย่างก็ทิ้งมันไปเสียบ้าง
...ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคงเป็นความรักที่ดีกว่า
“ที่ถืออยู่นั่นน่ะ... จะทิ้งจริง ๆ ใช่ไหม”
เสียงทุ้มนุ่มจากใครอีกคนขัดขึ้นมาก่อนที่กล่องดนตรีไม้จะถูกโยนใส่กล่องของทิ้งแล้ว แปลกนะ... แค่ได้ยินอย่างนั้นก็เกิดความรู้สึกลังเลที่จะทิ้งของชิ้นนี้เหมือนกับอีกหลาย ๆ ชิ้นก่อนหน้าขึ้นมา
จนถึงตอนนี้ปาร์คชานยอลก็ยังก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน ทั้งที่ไม่แม้แต่จะหันมาแยแสกันสักครั้ง ทว่าก็เอาแต่พูดดักคอไม่ให้เขายอมทิ้งอะไร ๆ ไปอย่างที่ตั้งใจ
อ้อ... คงจะรวมถึงตัวเองด้วยสินะ?
“ใช่ ทิ้งให้หมดนี่ล่ะ” พูดเสียงแข็งแล้วโยนกล่องดนตรีลงไปในกล่องลังที่จะถูกนำไปทิ้งในระยะเวลาอันใกล้อย่างไม่แยแส ถึงจะรู้สึกปวดหนึบในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่มันก็สายเกินไปแล้วกับการจะมานั่งหาสาเหตุของอาการนี่
ห้องทั้งห้องเงียบกริบเสียจนน่าอึดอัด ถึงตรงนี้แบคฮยอนไม่แน่ใจนักว่าที่เป็นอยู่แบบนี้กับการปล่อยให้อีกฝ่ายเปิดปากพูดทางใดน่าจะดีกว่ากัน
แหงล่ะ... นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกเลยที่เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดปากพูด การทะเลาะเบาะแว้งจะเริ่มขึ้นอย่างช่วยไมได้ มันเป็นแบบนี้เสมอในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ครึ่งปีที่มีแต่ความข่มขื่นและให้ความสำคัญต่อกันน้อยลงทุกที
“ดูนี่สิ”
ร่างสูงชูกรอบรูปในมือขึ้นมา จำได้ดีว่านั่นเป็นภาพในงานแต่งงานของเพื่อนที่ชื่อคิมจงแดเมื่อปีที่แล้ว
“......”
จำได้ว่านั่นเป็นรูปถ่ายใบแรกที่ได้ยืนอยู่ในเฟรมเดียวกัน ถึงจะอยู่กันคนละฟาก แต่เหมือนกับไม่ได้ยินเสียงนับก่อนจะกดชัตเตอร์ เพราะเขาและชานยอลกลับหันไปมองแล้วยิ้มให้กันนั่นเอง
...แล้วหลังจากนั้นก็ตัดสินใจคบหาดูใจกัน
“หน้าตาเหมือนตอนนี้ไม่มีผิด”
“ไม่ใช่แค่หน้าหรอกนะ...”
ปาร์คชานยอลยิ้มอ่อน ๆ ความนัยอะไรนั่นทำเอาแบคฮยอนต้องเบือนหน้าหนีก่อนที่จะปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่าเข้าใจนัยประหวัดนั่นดีแค่ไหน
ให้พูดจาหวานหูแค่ไหน สุดท้ายการกระทำทุกอย่างก็ยังเดิม ๆ
“ยังรักกันอยู่หรือไง?”
ใช่... เป็นไปได้ก็ควรจะเรียกว่าเกลียดด้วยซ้ำ ไอ้คำว่ารักอะไรนั่นมันจืดจางหายไปกับระยะห่างมานานแล้ว
“รักสิ”
“......”
พูดไปก็เท่านั้น ในเมื่อทางตันมาจ่อรอตรงหน้าแล้วคงไม่มีประโยชน์อะไรอีก แบคฮยอนไม่ต้องการคำว่าเพื่อนหรอก ไม่ต้องการแม้แต่โอกาสที่จะได้เจอหน้ากันอีกครั้งตราบเท่าที่ยังมีชีวิต
“จะเอาอะไรไปอีกไหม?”
เอี้ยวหน้าหันมาจากกองงานพะเนินแล้วระบายยิ้มบาง ดูไม่ออกหรอกว่านั่นน่ะดีใจจนตัวสั่นหรือเศร้าสร้อยเสียจนอยากตายกันแน่ อย่างน้อยถ้ามีเวลาให้กันมากกว่านี้สักนิด ใส่ใจอีกสักหน่อย ก็คงไม่ต้องมาหันหลังให้แล้วแยกกันไปแบบนี้
แต่มารำลึกเอาตอนนี้ก็เท่านั้น พวกเขามาไกลเกินไปแล้ว
“ตามมาที่ห้องหน่อยสิ มีอะไรจะให้”
เสียงบีบแตรรถดังเรียกจากหน้าบ้าน มองผ่านหน้าต่างออกไปเป็นรถคันคุ้นตาที่นัดแนะกันไว้ให้มารับเวลานี้ ได้เวลาที่บยอนแบคฮยอนกำลังจะไปแล้ว
“เฮ้... ฉันรีบนะ”
หันกลับมาอีกที ชานยอลกำลังเดินลิ่วไปยังห้องที่ว่า อะไรกันล่ะที่เตรียมไว้ให้ ถามเท่าไรก็ไม่ตอบ
เสียงบีบแตรรถยังดังเรียกเป็นระยะ ๆ ขณะเดียวกันร่างสูงโปร่งนั้นก็หายไปจากสายตา อันที่จริงแบคฮยอนไม่น่าคิดมากเลย ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะไปตามทางของตัวเองแล้วยังต้องคาดหวังอะไรอีก
ใช่... คาดหวังว่าปาร์คชานยอลคนนั้นจะเข้ามากอดเขาเอาไว้และขอให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เพียงแต่พอเงยหน้าขึ้นมอง แผ่นหลังของใครบางคนก็หายไปจากกรอบสายตาจนชวนให้รู้สึกเบาโหวงในอก บยอนแบคฮยอนไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเขาในตอนนี้ต้องการอะไรกันแน่
ต่อให้มีเวลามากกว่านี้... แล้วอะไร ๆ มันจะดีขึ้นหรือเปล่า?
สุดท้ายก็เดินตามอดีตคนรักไปได้แค่ครึ่งทางแล้วเลี้ยวหันกลับมารื้อเอากล่องดนตรีซึ่งตัดสินใจทิ้งไปแล้วขึ้นมาปัดฝุ่นลวก ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋า เสี้ยวนาทีที่ริมฝีปากบางแย้มยิ้มขึ้นมาได้ คล้ายกับได้ยินเสียงดนตรีเบา ๆ ขับกล่อมอยู่ไกล ๆ อาจจะมาจากครั้งแรกที่ชานยอลหมุนมันก็ได้
“ลาก่อน...”
ตัดใจลากสัมภาระออกไปตามเสียงแตรที่บีบเรียก มองภาพบ้านในความทรงจำไว้เป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต หลังจากตั้งมั่นว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก
“ยังรักเหมือนกัน”
ปาร์คชานยอลได้ยินเสียงรถแล่นออกไปแล้ว ริมฝีปากอิ่มหยักยิ้มบางเบากับตัวเอง น้ำตาอุ่น ๆ รื้นขึ้นก่อนจะไหลลงมาเป็นสาย
ถึงแม้จะมีเวลาขึ้นแค่ไหน... แต่ความรู้สึกที่เสียไปแล้วก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้
ไม่ว่าความรักนั้นยังผูกพันเพียงใด
สุดท้ายแล้วความรู้สึกที่ไม่ได้ถูกทะนุถนอมย่อมหายเข้าไปในทางตันจนได้
แหวนสีเงินเกลี้ยงลับสายตาไปเมื่อปิดฝากำมะหยี่สีแดงลง เขายังคงยิ้มให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น ยิ้มกระทั่งแน่ใจว่าบ้านหลังนี้มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่...
“รักสิ... รักเสมอ...”
ถ้าจะรู้สึกเร็วกว่านี้อีกสักนิด หรือได้สบตาพูดคุยกันอีกครั้ง... บางที ความรักนั้นอาจยื้อมันไว้สำเร็จก็ได้
_________________________________________
ช็อตฟิค.... 555555555555555 โคตรช็อตฟิคจริง ๆ ค่ะ
โอ้เขียนแล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไง วูบ ๆ นึง อ่านฆ่าเวลานะคะ 55555555
ขอบคุณเพ่ตริ๋มส์ (Agent-Smith) สำหรับออริจินัลดั้งเดิมด้วย <3
ชอบไม่ชอบยังไง พูดถึงให้ชื่นใจกันหน่อยนะคะ
ปล. ตอนแรกลงไว้ในเพจ # ฟิคฮบ แล้วย้ายมาลงที่นี่จ้ะ
ความคิดเห็น