ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) RED SNITCH | sekai chankai (Hogwarts!AU)

    ลำดับตอนที่ #8 : 08 | WHAT WE TRULY ARE

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 61


     

     

    RED SNITCH

    (AU!HOGWARTS)

    OSH | KJI | PCY

     

     

    ( 8 )

    WHAT WE TRULY ARE

     

     

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่โอเซฮุนได้เห็นเธสตรอล สัตว์วิเศษแห่งความตายกับตาตนเอง

     

     

    มือขาวซีดยกขึ้นละล้าละลัง แตะลงบนสันจมูกของเจ้าม้าโครงกระดูกสีดำที่โน้มคอลงมาหาอย่างเป็นมิตร ราวกับกำลังดีใจที่ได้มีตัวตนขึ้นในสายตาพ่อมดคนหนึ่ง เสียงร้องครางต่ำแบบม้านั้นทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจและเศร้าสร้อยได้พร้อมกัน

     

     

    เขาหันไปหาเพื่อนร่วมบ้านอีกสามคนเมื่อถูกเอ่ยเรียก สายตาของเอดิสัน เพอร์ซิวัล และเซเลน่าดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อเจ้าชายแห่งบ้านสลิธีรินมีปฏิสัมพันธ์กับเธสตรอล ถึงแม้ว่าภาพที่ทุกคนเห็นจะเหมือนกับลูบคลำอากาศอยู่ก็ตาม น้อยคนในฮอกวอตส์ที่จะเห็นมัน น้อยคนที่เคยผ่านการสัมผัสความเป็นความตายและได้รู้ซึ้งถึงชีวิต น้อยคน... ที่จะสามารถเข้าใจได้ว่าทายาทคนเดียวของตระกูลโอคิดอะไรอยู่ในใจ

     

     

    เซฮุนก้าวขึ้นรถม้าด้วยสายตาราบเรียบ วันนี้เขาอยู่ในชุดสีดำสนิทตลอดทั้งตัว นัยน์ตาสีรัตติกาลที่เคยเป็นประกายเจ้าเล่ห์แสนกล บัดนี้กลับลุ่มลึกและเย็นเยียบเสียจนแม้แต่เพื่อนร่วมคันรถยังรู้สึกไม่สนิทใจ

     

     

    มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดีว่าได้เห็นอะไรมาในช่วงปิดภาคเรียน

     

     

    เขาจำได้แม้กระทั่งเสียงฝีเท้าของตนเองยามที่เหยียบย่ำเข้าไปในตรอกน็อกเทิร์น สวมผ้าคลุมสีดำสนิทที่แทบจะบดบังใบหน้า ก่อนจะหยุดลงที่บอร์เจ็นและเบิร์กส์ ร้านขายของเกี่ยวกับศาสตร์มืดซึ่งราวกับตั้งอยู่ในส่วนมืดมิดที่สุดของตรอกคับแคบสกปรกแห่งนี้ เมื่อเปิดประตูและเข้าไปก็ยิ่งหายใจไม่ออก ถึงแม้ว่าคนที่อยู่ภายในห้องประชุมมืดสลัวด้านหลังร้านจะเป็นครอบครัวของตนเองและเหล่าคนในตระกูลเลือดบริสุทธิ์ที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีก็ตาม

     

     

    ชายหนุ่มโค้งศีรษะให้บิดาซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะตัวยาว ยิ่งได้เห็นสิ่งนั้นอีกครั้ง เขาก็ยิ่งอึดอัดจนแทบบ้า

     

     

    ใบหน้าบิดเบี้ยวของใครบางคนปรากฏอยู่บนท้องแขนซ้ายของ วิลลิส โอ ดวงตาคมปลาบนั้นกวาดมองไปรอบๆ หยุดอยู่ที่เขาครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ผ่านเลยไปยังคนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในชุดสีดำสนิทเช่นเดียวกัน นับด้วยตาเปล่าแล้วเซฮุนคิดว่าคงมีประมาณเกือบยี่สิบชีวิต ส่วนตรงข้ามของเขาก็คือ เลวิธาน อีกหนึ่งตระกูลเลือดบริสุทธิ์ทรงอำนาจซึ่งรวมอยู่ในยี่สิบแปดตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของโลกผู้วิเศษ

     

     

    โอเซฮุน...” เสียงทุ้มต่ำน่าหวาดกลัวจากคนบนท้องแขนของบิดาเอ่ยเรียก

     

     

    จอมมาร

     

     

    โอเซฮุนเดินหน้าก้าวหนึ่ง ท่ามกลางสายตาพึงพอใจของวิลลิส โอและความสนใจของกลุ่มพ่อมดแม่มดที่เรียกตนเองว่า ผู้เสพความตาย เขาได้พบจอมมารครั้งแรกเมื่อตอนปิดเทอมคริสต์มาสที่ผ่านมา และตอนนั้นเองที่เจ้าชายสลิธีรินคนปัจจุบันได้ถูกเกริ่นให้รับมอบหมายงานสำคัญ ซึ่งจะมีก็แต่นักเรียนฮอกวอตส์เท่านั้นที่ทำได้ แล้วใครเล่าจะน่าไว้ใจที่สุด ถ้าไม่ใช่บุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลโอ ซึ่งเป็นตระกูลผู้ให้ที่พักพิงแก่เศษเสี้ยวแห่งจอมมารที่แตกสลาย

     

     

    ผมเปิดห้องประสงค์ได้ตามคำแนะของท่านแล้วครับเขาพูดเสียงเรียบ สายตาก้มมองต่ำลงบนโต๊ะว่างเปล่าเพียงแต่ยังไม่เจอเบาะแสของสิ่งนั้นแม้แต่น้อย

     

     

    เขาเคยได้ยินเรื่องเหตุจลาจลในโลกผู้วิเศษเมื่อสามปีก่อน แต่ไม่รู้มาก่อนว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของมันจะเลวร้ายยิ่งกว่าที่กระทรวงเวทมนตร์ออกข่าวมากนัก แม้แต่บ้านตระกูลโอเองก็เก็บงำความลับเอาไว้มากมาย มากจนระยะเวลาสองสัปดาห์ในการปิดเทอมครั้งก่อนมีน้อยเกินไปสำหรับการทำความเข้าใจด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเซฮุนทำใจยอมรับไม่ได้ในทันที และระยะเวลาหนึ่งเทอมที่ผ่านมาก็ไม่ต่างอะไรจากการเตรียมใจ นี่เป็นความปรานีแสนยิ่งใหญ่ที่จอมมารมอบให้แก่ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์อย่างวิลลิส โอและสายเลือด

     

     

    เซฮุนทำไขสือไม่สำเร็จเพราะเขาถูกพินิจใจอย่างทะลุปรุโปร่ง นั่นเป็นเหตุผลที่ตลอดหนึ่งเทอมมานี้ ชายหนุ่มต้องเพียรพยายามในการลอบเรียนสกัดใจด้วยตนเองอย่างเอาเป็นเอาตายโดยใช้ห้องประสงค์ที่เพิ่งค้นพบ เขาพูดเรื่องนี้กับใครไม่ได้ แม้แต่จะกลับเป็นแค่นักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่งยังเป็นไปไม่ได้เลย ทุกสิ่งที่ค้ำคอโอเซฮุนเอาไว้ช่างหนักหนาสาหัส เพราะไม่ใช่เพียงแค่ชีวิตเดียวของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกสิ่งที่จะนำมาซึ่งการสูญสิ้นของตระกูลโอ รวมถึงอันตรายของคนใกล้ชิดด้วย

     

     

    นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พิสูจน์การสกัดใจของตนเอง ท่ามกลางเหล่าเลจิลิเมนซึ่งเชี่ยวชาญการอ่านใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นพ่อของเขา หัวหน้าตระกูลเลวิธาน หรือแม้แต่จอมมารที่ไม่รู้ว่าหลงเหลือความสามารถใดอยู่บ้างในตอนนี้

     

     

    เรารู้ว่ามันต้องใช้เวลา จอมมารพูด เป็นภารกิจที่ยากยิ่ง แม้แต่กับพ่อมดเก่งๆ อย่างพ่อของเธอก็ตาม

     

     

    ผมจะพยายามให้มากขึ้นครับ

     

     

    จอมมารหัวเราะเสียงต่ำ ดูเหมือนเธอจะเตรียมใจพร้อมแล้วสินะ เด็กน้อย”

     

     

    ม่านตาสีดำขยายขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าใครก็หวังได้รับใช้จอมมารทั้งนั้น แต่หน้าที่สำคัญกลับมาตกอยู่ที่เขา ผู้นำพาความรุ่งโรจน์หรือแม้แต่หายนะของวงศ์ตระกูล ซึ่งเซฮุนตอบไม่ได้ว่าเขาต้องการมันหรือไม่ ถึงแม้จะถูกสอนสั่งมาแต่เด็กว่าการเป็นเลือดบริสุทธิ์นั้นน่าภูมิใจ และมักเกิ้ลก็ไม่ต่างอะไรจากสัตว์เดรัจฉาน แต่ลึกๆ แล้วในใจของเขาก็ยังรู้สึกกังขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

     

     

    “เป็นโชคดีของเธอ เพราะดูเหมือนเลวิธานจะได้คำบอกใบ้เล็กน้อยมาเมื่อเร็วๆ นี้”

     

     

    คำบอกใบ้ถูกนำออกมาในลักษณะที่เซฮุนคาดไม่ถึง เขาแทบหยุดหายใจอีกครั้งเมื่อพบว่าผู้หญิงที่ถูกนำเข้าห้องมาด้วยสภาพถูกมัดมือและเท้าก็คือ ศาสตราจารย์เพเนโลพี ก๊อนท์ อาจารย์สอนวิชาอักษรรูนโบราณในฮอกวอตส์นั่นเอง

     

     

    เพเนโลพีเป็นหญิงสาววัยกลางคนค่อนไปทางมีอายุ คางเล็กแหลม และมีรูปร่างผอมกะหร่อง ทำให้เวลาที่เธอตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัวนั้นดูไม่ต่างอะไรจากหนูตัวเล็กๆ ที่น่าสงสารเลยแม้แต่น้อย

     

     

    “หล่อนคือตระกูลก๊อนท์คนสุดท้าย และเธอควรจะรู้ไว้ว่าว่าก๊อนท์คือทายาทสายตรงของซัลลาซาร์ สลิธีริน” ทริสตัน เลวิธาน พูดขณะใช้ไม้กายสิทธิ์ลอยตัวเพเนโลพีขึ้นไปวางบนโต๊ะ ต่อหน้าจอมมาร พ่อของเขา และผู้เสพความตายอีกสิบกว่าคน “และหล่อนนี่เอง... ที่เป็นคนนำสิ่งล้ำค่าเช่นนั้นไปซ่อนไว้ในฮอกวอตส์”

     

     

    เพเนโลปีมองไปรอบๆ ด้วยสายตาหวาดกลัว เซฮุนแน่ใจว่าหล่อนจำเขาได้หลังจากพยายามส่งสายตาเว้าวอนให้ช่วยเหลือ เท่านั้นชายหนุ่มก็รู้ดีว่าจอมมารต้องการให้เขาทำอะไร

     

     

    มือขาวซีดหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาถือไว้ด้วยมือที่สั่นเทา น้ำลายเหนียวหนืดเกินกว่าจะกลืนลงลำคอแห้งผาก เหงื่อเย็นผุดซึมตรงขมับจนเปียกชุ่ม ถึงแม้จะฝึกการสกัดใจมาเป็นอย่างดีแล้ว แต่การรักษาอาการของตนให้เหมือนคนไร้หัวจิตหัวใจนั้นยังยากเกินความสามารถเขามากนัก

     

     

    “ศาสตราจารย์...” เขาปลดผ้าปิดปากเชลยหญิงออกด้วยเวทมนตร์ “คุณรู้แล้วใช่ไหมครับว่าเราต้องการอะไร”

     

     

    “ฉันพูดไม่ได้!” เพเนโลพีร้องขึ้นทันที “ให้ตายเถอะเมอร์ลิน มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะมาถามหาสิ่งนั้นจากฉัน!

     

     

    ศาสตราจารย์เพเนโลพี ก๊อนท์หวาดกลัวจนถึงขั้นร้องไห้ ทั้งที่อันตรายมาจ่ออยู่ตรงปลายคางแล้วแท้ๆ เซฮุนไม่เข้าใจว่าเหตุใดหล่อนจึงไม่พูดมันออกมาให้ทุกอย่างจบๆ ไปเสีย

     

     

    “ศาสตราจารย์ บอกผมมาเถอะครับ” เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น หวังจะใช้สายตาเกลี้ยกล่อมให้เพเนโลพียอมแพ้แต่โดยดี “ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีทางเลือก นอกจากบีบคั้นคุณด้วยคำสาป...”

     

     

    “ฉันทำปฏิญาณไม่คืนคำเอาไว้” หล่อนร่ำไห้ “หากฉันบอกที่ซ่อนของมัน ฉันก็ต้องตายอยู่ดี”

     

     

    “แต่ว่า...” เซฮุนร้อนใจแทน แล้วถ้าเป็นคำใบ้เล่า มีวิธีอื่นใดที่จะใช้ตุกติกคำปฏิญาณไม่คืนคำได้บ้าง ชายหนุ่มรู้จักมันว่าเป็นคำสัญญาที่ยืนยันด้วยชีวิต แต่ถ้าเพเนโลปีไม่ยอมบอกอะไรเลย หล่อนก็คง

     

     

    “อะวาดา เคราฟดา”

     

     

    แสงสีเขียวสว่างวาบขึ้น ก่อนคำสาปพิฆาตจะถูกยิงออกจากปลายไม้กายสิทธิ์แกนเอ็นหัวใจมังกรของวิลลิสจนฉีกเอาชีวิตของอาจารย์สอนวิชาอักษรรูนโบราณไปต่อหน้าต่อตา

     

     

    โอเซฮุนเห็นศาสตราจารย์ก๊อนท์เบิกตาโพลงแล้วสิ้นใจลงด้วยสองตาของเขาเอง

     

     

    หัวใจของชายหนุ่มวัยสิบหกปีราวกับหยุดเต้น ดวงตาจ้องเขม็งภาพตรงหน้าจนแดงก่ำ มือที่ถือไม้กายสิทธิ์ขู่เข็ญอยู่ก่อนหน้าสั่นเทาจนไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรง

     

     

    “ขออภัยเป็นอย่างสูง จอมมาร ลูกชายของผมยังอ่อนต่อโลกมากนัก” วิลลิสกล่าวขอโทษใบหน้าบนท้องแขนของตนด้วยความหวั่นเกรง หากจอมมารไม่คิดเมตตาตระกูลโอแล้ว อนาคตคงจบสิ้นเป็นแน่

     

     

    แล้วอนาคตที่ว่านั้นจะเป็นแบบไหนกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เซฮุนมองดูเอดิสันกินเยลลี่ในงานเลี้ยงต้อนรับเปิดเทอมอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนตัวเขากินอะไรไม่ลงแม้แต่สิ่งที่เคยเป็นของโปรดอย่างเบคอนกับสเต๊ก ยามที่ถูกเซเลน่าถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ชายหนุ่มตอบได้แค่ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเท่านั้น

     

     

    เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโถงอาหารโดยไม่สนใจเสียงทักทายของบรรดาผีที่ร่อนไปมาอย่างเริงร่า ชุดคลุมสีดำเขียวคล้ายจะร้อนรุ่มขึ้นมาทันตาเมื่ออาจารย์ใหญ่พูดถึงการหายตัวไปของอาจารย์วิชาอักษรรูนโบราณ ตอนนี้อยู่ในช่วงที่กระทรวงติดตามตัว ไม่มีเบาะแสว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร

     

     

    มือวักน้ำจากก๊อกขึ้นลูบใบหน้าพลางมองตนเองในกระจกห้องน้ำ เจ้าของฉายาเจ้าชายแห่งสลิธีรินในยามนี้ช่างดูอิดโรยและมืดมน ในที่นี้มีเพียงเขาที่รู้ว่าศาสตราจารย์ก๊อนท์ไม่มีแม้แต่ลมหายใจอีกต่อไปแล้ว แต่เซฮุนก็พูดมันออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงเก็บงำรอยด่างดำในใจนั้นเอาไว้แต่เพียงลำพัง เขาไม่รู้ว่าเหตุใดทุกอย่างจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ และมันจะจบลงเมื่อไร มีอีกกี่ชีวิตที่ต้องถูกทำลายเพื่อให้จอมมารได้คืนชีพอีกครั้ง

     

     

    “รุ่นพี่มาอยู่ที่นี่เอง”

     

     

    โอเซฮุนช้อนสายตาขึ้นมองใครอีกคนผ่านกระจกตรงหน้า อีกฝ่ายอยู่ในชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกับเขา ส่วนบนอกติดเข็มกลัดพรีเฟ็คบ้านสลิธีรินสีเขียวเข้มซึ่งเพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ หลังจากขึ้นปีห้าเต็มตัว

     

     

    “คุณเด่นออกจะตาย ขืนปลีกตัวออกมาทั้งอย่างนี้ก็ถูกสงสัยแย่สิครับ”

     

     

    “ช่างฉัน เลวิธาน

     

     

    เขาตอบปัด ใช้มือเสยเรือนผมสีดำซอยสั้นของตนขึ้นอย่างลวกๆ แล้วหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยสองตาจริงๆ ในวันนั้น... โอเซฮุนจำได้ว่า เตนล์ เลวิธาน ปรากฏตัวอยู่ในร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์ด้วย คนตรงหน้ามีลักษณะที่อ่อนแอกว่าเขาเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง รูปร่างผอมบาง นัยน์ตาพราวระยับสีดำเช่นเดียวกับเรือนผม แล้วยังผิวขาวๆ ที่ถอดแบบมาจากทริสตันไม่ผิดเพี้ยน

     

     

    “อย่าทำห่างเหินนักสิครับ ยังไงตอนนี้เราก็อยู่ในสถานะใกล้ชิดกันพอสมควร จริงไหม” เตนล์ยิ้ม สำหรับเขาแล้ว อีกฝ่ายช่างเหมือนจิ้งจอกเลวิธานตัวน้อยๆ ที่กำลังฝนเขี้ยวเล็บอย่างไรอย่างนั้น

     

     

    “ไม่จำเป็นต้องไปสนคำพูดของพวกผู้ใหญ่ นายแค่ต้องใช้ชีวิตนักเรียนของนายให้ดี ส่วนฉันก็จะรับผิดชอบหน้าที่ของฉัน”

     

     

    “แต่พ่อสั่งให้ผมคอยช่วยสนับสนุนคุณ” คนอายุน้อยกว่าหนึ่งปีว่า เตนล์นั้นผิดกับเซฮุนก็ตรงที่อีกฝ่ายกระตือรือร้นในการรับใช้จอมมารเป็นอย่างยิ่ง จนผู้เสพความตายบางคนต่างพูดกันว่า บางทีทริสตันอาจจะสอนลูกได้ดีกว่าวิลลิส โอกระมัง “ในเมื่อเราไม่มีเบาะแสอะไรมากไปกว่าห้องต้องประสงค์ รุ่นพี่ไม่ยิ่งต้องการผู้ช่วยหรอกหรือครับ?”

     

     

    ตาสีเข้มกดมองเจ้าจิ้งจอกน้อยที่กำลังกระหายศาสตร์มืดด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นจึงตัดสินใจได้ว่าต่อปากต่อคำกับหมอนี่ไปก็เท่านั้น “ฉันไม่ต้องการ”

     

     

    ได้ยินอย่างนั้นเตนล์ก็แค่นหัวเราะ ก้าวเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าเจ้าชายตระกูลโอผู้โชคดีอย่างไม่ยี่หระ “ผมจะเมินเฉยต่อคำปฏิเสธนี้ก็แล้วกัน เพราะต่อไปรุ่นพี่จะต้องการความช่วยเหลือจากผมแน่นอน”

     

     

    “...”

     

     

    “เราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะครับ คุณคงไม่อยากให้เขาโมโหหรอก”

     

     

    “นายอาจนึกดูถูกฉันเพราะเรื่องในวันนั้น” เขาไม่ได้สนลาภยศสรรเสริญของจอมมาร เพียงแต่นึกรำคาญเลวิธานจูเนียร์ก็เท่านั้น “แต่เชื่อเถอะว่านายยังไม่รู้จักฉันดีพอหรอก”

     

     

    ปลายนิ้วขาวซีดเชยคางพรีเฟ็คคนล่าสุดของบ้านสลิธีรินให้เงยขึ้นสบตาอย่างชัดๆ หากสัตว์ร้ายตัวนี้คิดจะข่วนตั้งแต่ยังไม่รู้ประสา ทางเลือกเดียวก็มีแต่ต้องทำให้หลาบจำเท่านั้น โอเซฮุนคงดูน่าสมเพชที่ไม่ได้เป็นคนฆ่าเพเนโลปี ก๊อนท์ แต่ถ้าแค่การทรมานนิดๆ หน่อยๆ ละก็ เขาแน่ใจว่าตนเองทำได้... และอาจจะทำได้ดีทีเดียวเมื่อไม่สบอารมณ์ขึ้นมา

     

     

    เซฮุนสะบัดมือออกจนเตนล์หน้าหัน อย่างแย่ที่สุดเด็กนี่ก็คงรี่ไปฟ้องทริสตัน เลวิธานว่าถูกเขาผลักไสไล่ส่ง แต่นั่นมันไม่สำคัญอะไรเลย

     

     

    เจ้าชายสลิธีรินกลับเข้ามาในโถงอาหาร สอดส่องสายตาจนเจอคนในชุดคลุมสีดำแดงที่นั่งอยู่โต๊ะยาวริมสุด ตั้งแต่ที่คุยกันครั้งล่าสุดในห้องต้องประสงค์หลังจบการสอบว.พ.ร.ส. อีกฝ่ายก็เหมือนจะหายไปจากกรอบสายตาตลอดระยะเวลาสองเดือนมานี้ ปากอวบอิ่มนั้นกำลังอ้างับขนมทรัฟเฟิล และถ้าเป็นไปได้... เร็วที่สุดนับจากนี้ เขาก็อยากสัมผัสมันอีกครั้ง

     

     

    โอเซฮุนไม่อยากให้แสงสว่างหนึ่งเดียวในใจตอนนี้ดับมอดลงไปไวนัก ถึงแม้ว่าคิมจงอินจะคอยบี้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตามที

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เฮ้ โคลิน นายต้องตัดสินใจให้เฉียบขาดกว่านี้!”

     

     

    ครับ!”

     

     

    คิมจงอินหักหัวไม้กวาดตีโค้งรอบเสาทำประตู ก่อนจะหันไปตะโกนบอกโคลิน แฮงค์ เชสเซอร์ปีสามซึ่งไม่เคยเขวี้ยงควัฟเฟิลผ่านคีปเปอร์อย่างดีแลน บรอสแนนได้เลยสักครั้ง เขาเริ่มตำแหน่งกัปตันทีมมาได้สองสัปดาห์นับตั้งแต่การซ้อมครั้งแรก ควบคู่ไปกับการเรียนชั้นปีหกที่ทั้งยากและหนักหนาขึ้นกว่าทั้งห้าปีที่ผ่านมา ใครว่าได้ลงเรียนน้อยลงแล้วจะสบาย ขอเถียงขาดใจเลยว่ามันไม่จริง ชักนึกสงสัยขึ้นมาเสียแล้วว่าปาร์คชานยอลทำอย่างไร ถึงได้เรียนดีกีฬาเด่นโดยไม่ขาดตกบกพร่องอย่างนั้น

     

     

    และใช่ เขาไม่ได้รับการติดต่อจากชานยอลอีกเลยนับตั้งแต่เรื่องวันนั้น จวบจนกระทั่งจบการศึกษาไป จงอินยังไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรในใจอดีตกัปตันทีมกันแน่ ไม่ว่าพยายามครุ่นคิดอย่างไรก็นึกไม่ออก จดจำได้เพียงคำพูดชวนให้คลางแคลงใจเท่านั้น

     

     

    ไม่มีประโยชน์กับการร้องไห้ให้น้ำยาที่หกไปแล้ว เขารู้

     

     

    หลังจบการซ้อม จงอินได้รับคำแนะนำว่าให้ลองไปใช้ห้องน้ำพรีเฟ็คในฐานะกัปตันทีมควิดดิชดูสักครั้ง หากเขาก็ทำแค่พยักหน้ารับแกนๆ เพราะนึกถึงห้องน้ำควิดดิชทีไร ความทรงจำในคืนงานพร็อมเมื่อปีที่แล้วกลับมีแต่จะเด่นชัดขึ้นมาเท่านั้น สำหรับจงอินแล้วนั่นเป็นสถานที่แห่งความทรงจำเลวร้ายซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ทำใจลืมไม่ลง  ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจะถูกโอเซฮุนล่วงเกินอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่รู้สึกราวกับโดนคุกคามจนหมดสิ้นศักดิ์ศรีขนาดนั้น

     

     

    ท้ายแล้วชายหนุ่มผิวแทนก็พาร่างชุ่มเหงื่อกลับมายังหอพักกริฟฟินดอร์พร้อมกับคนอื่นๆ หลังจากอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วจงอินจึงตัดสินใจว่าจะนอนพักยาว หอนอนใหม่ยังคงเป็นรูมเมตชุดเดิมกับปีที่ผ่านมา ทุกคนจับจองเตียงนอนตามมุมเดิมด้วยความเคยชิน และถึงแม้ว่าหอนอนปีหกจะกว้างขึ้น แต่จงอินก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากเดิมนัก

     

     

    คล้อยหลับไปได้ไม่กี่ชั่วโมง เสียงบางอย่างกระทบกับหน้าต่างก็ปลุกให้ซีกเกอร์หนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นจนได้ เขามองเพื่อนร่วมห้องอีกสามคนที่ยังคงหลับสนิทก่อนจะตัดสินใจเป็นผู้เสียสละลุกไปดูความผิดปกตินี้เสียเอง ครั้นเลื่อนบานหน้าต่างเปิดขึ้น ใครบางคนก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับไม้กวาดไฟร์โบลต์รุ่นลิมิเต็ดที่จงอินเคยอยากได้จับใจ

     

     

    นาย!”

     

     

    โอเซฮุนในชุดเสื้อแขนยาวและกางเกงวอร์มลำลองรีบใช้มือจับขอบหน้าต่างเอาไว้ป้องกันเขาปิดใส่ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพทุบายที่จงอินรู้สึกว่าไม่ได้เห็นมาพักใหญ่กำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า

     

     

    ออกมากับฉัน

     

     

    ไอ้บ้าเอ๊ย ใครจะไปให้โง่กันเล่า

     

     

    หยิบไม้กวาดนายมา ก่อนที่คนอื่นๆ จะตื่นเพราะเสียงเราเถียงกันเซฮุนพยักพเยิดไปทางเตียงของแทม คีย์และจอห์น ซึ่งได้ผลชะงัดนัก จนถึงตอนนี้คิมจงอินก็ยังไม่ต้องการให้ใครรับรู้ว่าความสัมพันธ์กับคู่ปรับอย่างเจ้าชายสลิธีรินมันแปลกประหลาดเพียงใด

     

     

    เขาเดินไปคว้าเอาไม้กวาดนิมบัสคู่ใจแล้วปีนออกทางหน้าต่าง การขึ้นขี่ไม้กวาดกลางอากาศค่อนข้างทุลักทุเลแต่ก็ไม่เกินความสามารถของซีกเกอร์มือดีแห่งบ้านกริฟฟินดอร์ จงอินไม่รู้ว่าเจ้าคนน่ารำคาญต้องการอะไรถึงได้บุกรุกหอนอนต่างบ้านดึกๆ ดื่นๆ มิหนำซ้ำยังถูกห้องเสียด้วย ไม่นานนักทั้งคู่ก็บินมาหยุดอยู่กลางสนามควิดดิชมืดๆ มีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ส่องลงมาให้พอระวังไม่บินชนเสา

     

     

    ทันทีที่บินลงมาจนเท้าแตะสนามหญ้า เขาก็เห็นโอเซฮุนกำลังซุ่มเปิดกล่องบางอย่างในความมืด หลังจากนั้นจึงได้รู้ในตอนที่อีกฝ่ายหยิบลูกสนิชสีทองแวววาวขึ้นมาถือเอาไว้

     

     

    ในนามของเมอร์ลิน! นี่นายจะทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ กันแน่

     

     

    ฉันทนรอให้ถึงแมตช์ของเราไม่ไหวเซฮุนว่าไม่มีควัฟเฟิล ไม่มีบลัดเจอร์ แต่ก็คงสนุกได้ล่ะมั้ง

     

     

    นี่เรียกฉันออกมาเพื่อทำเรื่องบ้าๆ นี่น่ะหรือ

     

     

    หรือนายจะไม่สน?” มือขาวซีดปล่อยสนิชสีทองออกจากมือจนมันบินหายไปในความมืด บ้างก็ปรากฏแสงสีทองวิบวับยามต้ององศากับแสงจันทร์ หากพอลดสายตากลับมามองคนตรงหน้าอีกทีก็พบว่าเซฮุนขึ้นขี่ไม้กวาดและออกตัวบินขึ้นฟ้าเสียแล้ว

     

     

    จงอินอ้าปากค้าง ก่อนจะรีบคร่อมขานั่งนิมบัสแล้วบินไปตามแสงประกายสีทองที่เห็นอยู่รำไรบ้าง หมอนี่กำลังโกงชัดๆ ยังไม่ทันจะมีสัญญาณเริ่มก็เล่นบินนำกันเสียแล้ว อีหรอบนี้ฝ่ายได้เปรียบก็เป็นโอเซฮุนน่ะซี!

     

     

    ความมืดเป็นทัศนวิสัยที่แย่เหลือเกินสำหรับตำแหน่งซีกเกอร์ เขาเกือบบินชนเสาและอัฒจันทน์ไปอย่างละที แล้วไหนจะเห็นแสงสีทองตรงหางตาเป็นสิบครั้งแต่คว้าเอาไว้ไม่ทันอีก ตลอดห้าปีที่เล่นควิดดิช เขาพยายามจับรูปแบบการบินของโกลเด้นสนิชในทุกครั้งที่ต้องไล่จับมัน สิ่งที่ถูกสร้างจากเวทมนตร์ไม่น่าจะมีความคิดที่เป็นอิสระ แต่ลูกสนิชก็แหกกฎเกณฑ์เหล่านั้นด้วยการปั่นหัวซีกเกอร์คนแล้วคนเล่าให้จับไม่ได้ไล่ไม่ทันสำเร็จอยู่ดี

     

     

    ตาสีเข้มมองเห็นว่าครั้งนี้มันบินหนีลงไปด้านล่าง แต่จะให้พุ่งตัวใส่ด้วยความเร็วเหมือนอย่างตอนแข่งปีทีแล้วคงเป็นไปไม่ได้แน่ เขามองแทบไม่เห็นพื้นหญ้า และถ้าเจ็บตัวขึ้นมาคงมีแต่จะโดนโอเซฮุนหัวเราะเยาะจนล้มทั้งยืนเลยกระมัง

     

     

    ถึงอย่างนั้นจงอินก็กดหัวไม้กวาดลงต่ำแล้วพยายามเหลือบมองพื้นไปด้วย เจ้าสนิชกำลังบินอยู่นิ่งๆ ถ้าลอบเข้าไปทีเผลอคงจะพอคว้ามันเอาไว้ได้ทัน เขาลุ้นจนแทบหยุดหายใจ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องทำอะไรอย่างนี้นอกเหนือการแข่ง มือสีแทนค่อยๆ เอื้อมไปหาอย่างเชื่องช้า สนิชยังคงไม่รู้ตัว และเขาคงจะทำสำเร็จในครั้งนี้แน่

     

     

    ถ้าไม่เพียงแต่ปลายนิ้วจะสัมผัสกับมือของใครอีกคนที่โผล่ออกมาด้วยแผนเดียวกัน

     

     

    คว้าได้สัมผัสเย็นๆ ในขณะที่ทั้งร่างเสียหลักกลิ้งตกจากไม้กวาดพร้อมๆ กับคนที่ประสานมือกับเขาไว้แน่น ไฟร์โบลต์กับนิมบัสชนกันจนกระเด็นออกไปคนละทาง โชคดีว่าต่างฝ่ายต่างขี่มาไม่เร็วมาก แรงกระแทกที่เกิดบนผืนหญ้าจึงไม่รุนแรงถึงขนาดแขนหรือขาหักเช่นที่เคยได้ประสบพบเจอกันมาแล้ว ซีกเกอร์แห่งบ้านสิงโตค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ส่งเสียงครางต่ำในลำคอเพราะปวดเนื้อตัวเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อสักครู่

     

     

    จงอินพบว่าเขากำลังนอนทับอยู่บนร่างของโอเซฮุน ส่วนมือขวาที่ประสานอยู่กับมือซ้ายของอีกฝ่ายกลายเป็นกรงขังโกลเด้นสนิชที่จับได้เมื่อครู่ไปโดยปริยาย ครั้นจะดันตัวลุกขึ้นเพื่อถอยห่าง ทั้งร่างก็ถูกพลิกกลับให้เป็นฝ่ายอยู่ข้างใต้ แผ่นหลังแนบกับสนามหญ้าเย็นๆ ต้นฤดูใบไม้ร่วง

     

     

    ออกไปเขาสั่ง จับลูกสนิชได้พร้อมกันแบบนี้ ผลคงออกมาเป็นเสมออย่างไม่ต้องสงสัย

     

     

    อืม... ขอปฏิเสธ ฉันว่าแบบนี้ก็ไม่เลว

     

     

    ใบหน้าของเซฮุนอยู่ในระยะที่ใกล้พอจะมองเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรอยยิ้มน่ารังเกียจซึ่งประดับประดับอยู่บนริมฝีปากบางเฉียบ จงอินยกมือซ้ายขึ้นหวังจะผลักอีกฝ่าย แต่กลายเป็นพลาดให้ถูกจับกดลงกับพื้นหญ้าไปอีกข้าง คนอยู่ข้างใต้อย่างไรก็เสียเปรียบจริงๆ

     

     

    อย่าได้คิดจะทำอะไรบ้าๆ อีกเชียว ไม่อย่างนั้นฉันฆ่านายแน่เขาขู่เสียงลอดไรฟัน แต่นั่นกลับทำให้เซฮุนหัวเราะ



    คิมจงอินรู้ว่านัยน์ตาของคู่ปรับบ้านสลิธีรินกำลังจ้องมองเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งมาจากตัวอีกคนก็มีแต่จะยิ่งทำให้รู้สึกประหลาด ท่าทางในตอนนี้ไม่ดีเลย โอเซฮุนซึ่งกำลังคร่อมอยู่ด้านบนอาจคิดทำอะไรเลวร้ายขึ้นมาอีกก็ได้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จงอินสบถด่าตนเองว่าไม่ระวังตัวและไม่รู้จักเข็ดหลาบ

     

     

    ขอจูบได้ไหม

     

     

    อะไรนะเขาอุทาน จะว่าตกใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ก็ว่าได้ จงอินไม่เคยถูกพูดว่าขอจูบมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรับมือไม่ถูกจนให้คำตอบช้ากว่าที่ตั้งใจเอาไว้ไม่มีทาง—”

     

     

    แต่ก็เท่านั้น เพราะโอเซฮุนกดริมฝีปากลงมาก่อนจะจบประโยคเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งยังใช้ทีเผลอของคนพูดไม่จบแล้วสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปาก ตักตวงเอารสชาติที่แสนถวิลหาจนคนถูกกระทำแทบหมดลม พอถูกส่งเสียงครางประท้วงก็ผละออกให้โกยเอาลมหายใจเข้าปอด จากนั้นจึงจูบลงมาอีกซ้ำๆ จนกระทั่งจงอินรู้สึกว่าริมฝีปากของเขาอาจช้ำเลือดช้ำหนองไปแล้วก็ได้

     

     

    คราวนี้เซฮุนจูบเยอะกว่าปกติ ไม่ ไม่ใช่ปกติ มันไม่เคยปกติอยู่แล้ว... แต่มันก็นานจนทำให้รู้สึกแปลกๆ จนเริ่มคิดอะไรไม่ออก แต่เจ้าคนน่ารังเกียจก็ยังไม่ยอมผละตัวออกไปเสียที

     

     

    จงอินเหนื่อยจนหมดแรงจะต่อต้าน เขาปล่อยให้เซฮุนแตะหน้าผากชนกัน หอบหายใจประสาน รดลมร้อนๆ ใส่ใบหน้าอีกฝ่าย นี่มันแปลกประหลาดเกินไปสำหรับคนไม่ชอบขี้หน้ากัน คิดได้ดังนั้นจึงเบี่ยงใบหน้าหนีเพราะคาดเดาว่าคนข้างบนคงจะลุกออกไปหลังจากนี้ แต่ผิดคาดว่าโอเซฮุนกลับจูบหนักๆ เข้าที่สันกรามเขา แล้วจึงก้มฝังใบหน้าลงกับลาดไหล่ก่อนจะนิ่งไปทั้งๆ อย่างนั้น

     

     

    ให้ตาย... ออกไปได้แล้ว!”

     

     

    นายเริ่มชินกับมันแล้วนี่เสียงทุ้มพูดอู้อี้ อีกทั้งยังหัวเราะในลำคอจนไหล่กว้างสั่นเทาเล็กน้อยยอมให้ฉันจูบขนาดนี้ แล้วยังจะผลักไสไล่ส่งกันอีกนะ คิมจงอิน

     

     

    หุบปากเขาบอกอย่าพูดเหมือนฉันเต็มใจไปกับการกระทำของนาย

     

     

    แต่นายเคยขัดขืนมากกว่านี้

     

     

    ขอบคุณความมืดที่ทำให้โอเซฮุนไม่ต้องเห็นว่าเขากำลังโกรธจนหน้าแดงขนาดไหน จริงอยู่ว่าเมื่อสักครู่นี้เป็นการไหลไปตามน้ำเพราะรู้ว่าขัดขืนไปก็เท่านั้น แต่ถ้าเป็นครั้งก่อนๆ จงอินเรียกว่ามันไม่ต่างอะไรจากการถูกฉวยโอกาสบังคับขืนใจ จะเป็นในห้องน้ำพรีเฟ็ค ห้องเก็บไม้กวาด หรือว่าระเบียงทางเดินชั้นเจ็ดก็ดี แต่เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นโดยที่เขาอยากจะสับหมอนี่ให้เป็นชิ้นๆ

     

     

    หรือว่าจริงแล้ว... กัปตันของกริฟฟินดอร์จะชินกับการจูบผู้ชายมากกว่าที่คิด

     

     

    ได้ยินเช่นนั้น จงอินก็ออกแรงยกแขนขึ้นหวังจะหลุดจากพันธนาการด้วยแรงโทสะ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าสภาพของเขาในตอนนี้สู้อะไรเซฮุนไม่ได้เลย

     

     

    เขาคิดหาคำพูดเจ็บแสบ คำแล้วคำเล่าให้โอเซฮุนตอบโต้ไม่ได้ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันบอกได้เลยว่าจูบของนายเหม็นสาบที่สุด

     

     

    งั้นหรือคนถูกสบประสาทเลิกคิ้วแล้วนายไปรู้จักจูบดีๆ มาจากไหนล่ะ... ปาร์คชานยอล?”

     

     

    คำพูดนี้ทำให้จงอินนึกถึงวันสุดท้ายที่อดีตกัปตันยอมมองหน้าเขา รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลในหอนอนปีเจ็ด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำสีหน้าอย่างไร และมันกระตุกใจคนข้างบนแค่ไหน เซฮุนถึงยอมปล่อยมือข้างที่ไม่ได้จับลูกสนิชเอาไว้แล้วเลื่อนลงสะกิดผิวเนื้อใต้ชายเสื้ออย่างหยอกเย้า

     

     

    ทำไมทำหน้าเร้าใจอย่างนั้นล่ะที่รัก?” เจ้าชายสลิธีรินกระซิบถามข้างหู เมินเฉยต่ออาการสะดุ้งโหยงของคนข้างใต้อย่างสิ้นเชิงหรือว่าเขาทำอะไรนาย

     

     

    มันไม่เกี่ยวกับนาย

     

     

    “...” หรือว่าเรื่องสนุกคืนนั้นจะกลายเป็นข้อผิดพลาดไปเสียแล้ว เซฮุนยังจำสีหน้าของปาร์คชานยอลในตอนนั้นได้ดี สายตาที่ราวกับอยากจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าแล้วยังเจ็บปวดสุดประมาณนั่น เมื่อกอปรเข้ากับสีหน้าของจงอินเมื่อสักครู่นี้แล้ว ทำให้อยากจะบังคับถอดความทรงจำไปดูในอ่างเพนซิฟให้รู้แล้วรู้รอดอา ฉันไม่น่าเลยแฮะ

     

     

    จงอินไม่รู้ว่าเซฮุนพึมพำเรื่องใด แต่เขาแค่อยากหลุดจากสถานการณ์แบบนี้แล้วไปให้พ้นๆ กัปตันทีมควิดดิชของบ้านคู่อริ ในเมื่อมือซ้ายถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้ว จะใช้ประโยชน์ด้วยการซัดสักหมัดสองหมัดก็น่าจะดี

     

     

    ถ้านายต่อยฉัน ฉันจะทำมันแน่ๆ ...กลางสนามควิดดิชนี่แหละ

     

     

    โอเซฮุนข่มขู่เสียงเรียบ และถึงแม้จะยังไม่รู้ชัดว่ามันที่ว่าคืออะไร แต่จงอินก็หวั่นใจเกินกว่าจะกล้าเสี่ยง เขารู้ว่าเซฮุนทำได้มากกว่าจูบ และหมอนี่อาจจะทำมันแน่ๆ เหมือนกับที่เคยทำมาแล้ว

     

     

    เลิกเล่นสนุกด้วยเรื่องพรรค์นี้ได้แล้ว! ถึงนายจะคิดว่ามันทำลายศักดิ์ศรีของฉันได้ก็ตามเขาตวาดอย่างเหลืออดเท่านี้ฉันก็เกลียดนายจนไม่รู้จะเกลียดยังไงได้อีก แล้วถ้านายเองก็เกลียดฉันมากนัก ทำไมไม่ประลองกันให้รู้ดำรู้แดงไปเลยเล่า

     

     

    “...”

     

     

    ดวงตาสองคู่มองสบกันนิ่ง พักหนึ่งทีเดียวที่คิมจงอินอึดอัดจนเหมือนอกจะระเบิด เขาสุดทนกับไอ้สิ่งบ้าบอคอแตกทั้งหลายที่เซฮุนกระทำมันเต็มที ถึงแม้ลึกๆ จะรู้ดีว่านี่มันไม่ใช่อะไรที่ผู้ชายจะใช้แกล้งศัตรู แต่นอกจากเหตุผลพิลึกพิลั่นพรรค์นี้แล้ว จงอินคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง

     

     

    ให้ตายเถอะเมอร์ลิน...” คนคร่อมอยู่ด้านบนแค่นหัวเราะราวเย้ยหยันนายโง่ หรือเพราะแค่ไม่รู้จะหาคำอธิบายอะไรให้กับสิ่งที่เราเป็นอยู่กันแน่

     

     

    ไม่มีคำอธิบายอะไรมากไปกว่าเราเป็นศัตรูกัน

     

     

    เขาตอกกลับเสียงแข็ง  ก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเซฮุนค่อยๆ คลายมือที่ประสานกันออกจนเป็นอิสระ ส่งผลให้สนิชสีทองที่อุตส่าห์จับมาอย่างยากลำบากบินหนีไปต่อหน้าต่อตา

     

     

    ก็ดีริมฝีปากบางของโอเซฮุนวาดเป็นรอยยิ้ม หากนัยน์ตากลับไม่ยิ้มตามแม้แต่น้อยมาดูกันว่ากับคนที่เกลียดแล้ว... ฉันจะเลวร้ายได้มากกว่าที่นายคิดหรือเปล่า

     

     

    “...!”

     

     

    คิมจงอินถูกกระชากให้ลุกขึ้นเดินตามอีกฝ่ายไปยังขอบสนาม เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าโอเซฮุนคิดจะทำอะไรบางอย่าง โชคร้ายว่าเขาลืมพกไม้กายสิทธิ์มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงจะตอบโต้หมอนี่ด้วยคำสาปแย่ๆ สักอย่างไปแล้ว

     

     

    ฉุดกระชากลากถูได้ไม่กี่ก้าว จงอินก็สะบัดมือหนีได้สำเร็จ แต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายวิ่งตามมากระชากแขนแล้วใช้สองมือจับใบหน้าให้หันไปรับจูบแกมบังคับ เมื่อต่างฝ่ายต่างยืนยื้อยุดกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ซีกเกอร์หนุ่มแห่งบ้านกริฟฟินดอร์จะสะบัดตัวออกแล้วเหวี่ยงมัดใส่หน้าหล่อๆ นั้นไปสักที ความมืดทำให้กะระยะได้ยากจนไม่ได้ต่อยโดนโอเซฮุนจังๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ หากก็ทำให้เจ้าชายสลิธีรินหน้าหันจนชะงักไปครู่หนึ่ง

     

     

    เขาไม่มีแม้แต่ความรู้สึกผิดในการทำร้ายร่างกายครั้งนี้ อันที่จริงมันยังเทียบไม่ได้กับการบังคับใจที่ผ่านๆ มาเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่การแข่งจับลูกสนิชก่อนหน้านี้เกือบจะทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วเชียว

     

     

    นายคงไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้หรอก

     

     

    กัปตันทีมกริฟฟินดอร์พูดเสียงสั่น ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วที่เหตุการณ์ในห้องน้ำพรีเฟ็คถูกขุดขึ้นมาตอกย้ำความสัมพันธ์ของทั้งคู่

     

     

    ส่วนที่มืดมนที่สุดในใจของฉัน...”

     

     

    ทิ้งไว้แค่นั้น แล้วคิมจงอินก็ก้าวเท้าไวๆ ไปหยิบไม้กวาดนิมบัสคู่ใจ ก่อนจะบินหายไปในความมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืน

     

     

    โอเซฮุนใช้หลังมือปาดเลือดบริเวณมุมปาก ก่อนจะเสยเรือนผมสีดำจนยุ่งเหยิง ดูงุ่นง่านราวกับเด็กน้อยที่ไม่มีวันได้สิ่งของตามต้องการ แล้วไหนจะโกลเด้นสนิชที่เอาแต่บินวนเวียนอยู่รอบๆ เหมือนกำลังเยาะเย้ยถากถางนี่อีก เขากับจงอินไม่มีทางญาติดีกันได้ ลำพังตอนอยู่ในห้องต้องประสงค์ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วแท้ๆ

     

     

    มันสายเกินไปที่เขาจะรักใครอย่างง่ายดาย และยากยิ่งกว่าเมื่อไม่มีทางรู้เลยว่าจะเหลือเวลาอยู่กับมันอีกนานเท่าไร

     

     

     

     

     

    -------------------------------------------



    เนื้อเรื่องเริ่มเข้าสู่เฟสสองแล้ว

    ขอชี้แจงก่อนว่า จักรวาลนี้จะไม่อ้างอิงกับเส้นเรื่องหลักในแฮร์รี่ พอตเตอร์นะคะ

    ดังนั้น ตัวละครจึงอาจไม่ใช่คนเดียวกัน แม้แต่จอมมารก็จะไม่ใช่ ทอม ริดเดิล ค่ะ

    แม้แต่รายละเอียดบางอย่างก็ถูกปรับเปลี่ยนตามสมควร หวังว่าจะสนุกนะคะ!


    ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช ค่ะ



     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×