ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SEKAI) 王子和雨 | WHEN THE RAIN FALLS,

    ลำดับตอนที่ #7 : 07 | ชะตาชี้นำ หัวใจไล่ตาม

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 61


    王子和雨

    WHEN THE RAIN FALLS,

    OHSEHUN l KIMJONGIN

    - OHARHA -

     

     

     

    ( 7 )

    ชะตาชี้นำ หัวใจไล่ตาม

     

     

     

    คิมจงอินในวัยยี่สิบเจ็ดปี ทำงานเป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ในโรงพยาบาลกลางเมืองแห่งหนึ่ง กำลังศึกษาต่อเฉพาะทางด้านอายุรกรรม ที่พักอาศัยคืออพาร์ตเมนต์ซึ่งห่างจากโรงพยาบาลไปหนึ่งสถานี บ้านเกิดตั้งอยู่ในเมืองซุนชอน ชอลลาใต้ โดยมีมารดาทำกิจการส่วนตัวร่วมกับพี่สาวแท้ๆ และจะมีโอกาสเจอกันแค่นานๆ ครั้งที่เขาลางานกลับไปเท่านั้น ฐานะถือว่าปานกลาง ไม่มีหนี้ และยังไม่มีรถขับ

     

     

    ส่วนปัจจุบัน คิมจงอินกำลังอยู่ที่สถานพยาบาลชุมชมของหมออวี้เฉียง แพทย์ชาวบ้านซึ่งใช้การรักษาผู้ป่วยโดยยาแผนโบราณและวิธีฝังเข็ม ซึ่งทุกครั้งที่ได้เห็นภาพนั้น หัวใจเขาแทบจะสั่งให้ร่างกายดิ้นตายเพราะอดรนทนดูวิธีที่ไม่ได้รับการรับรองจากแพทยสภาไม่ได้ บ้างก็ได้ผล แต่บ้างก็อาการแย่ลง ในฐานะแพทย์เหมือนกันแล้วจงอินอยากแทรกตัวเข้าทำการรักษาแทนเสียเหลือเกิน ติดอยู่ที่นี่ไม่ใช่โลกของเขา ไม่มีแม้แต่เครื่องไม้เครื่องมือเฉพาะให้ใช้การได้อย่างเหมาะสม

     

     

    ตรงหน้าคือซื่อชุน ชายแปลกหน้าที่ปรากฏตัวขึ้นเมื่อสี่วันก่อนและตามตื๊อเขาโดยอ้างเหตุผลของโรคประหลาดที่จงอินไม่รู้จัก ไม่แม้แต่จะเข้าใจโครงสร้างและการทำงานของโรคดังกล่าวด้วยซ้ำ

     

     

    ข้าให้โอกาสท่านอีกรอบนะซื่อชุน พูดทุกอย่างออกมา ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่แม้แต่เก็บไปคิดเลย

     

     

    หลังจากพูดออกไปเช่นนั้น ซื่อชุนก็ทำสีหน้าปั้นยาก ดีว่าเจ้าคนติดตามที่ชื่อลู่หานไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคงรีบออกตัวปกป้องนายแล้วบ่ายเบี่ยงคำถามอีกตามเคย

     

     

    อู๋ซื่อชุน... คือนามของข้า

     

     

    ...

     

     

    ...

     

     

    ล้วไงต่อ เขาถาม พูดมาแค่ชื่อแล้วก็ปิดปากเงียบอย่างกับมีอะไรที่น่าตกใจอย่างนั้นแหละ

     

     

    จ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? ซื่อชุนขมวดคิ้ว ทำอย่างกับว่าการที่เขาไม่หือไม่อือมันน่าแปลกใจมากอย่างนั้นแหละ

     

     

    บอกมาแค่ชื่อแล้วจะให้เข้าใจอะไร

     

     

    ดูท่าที่ป๋ายเซียนบอกว่าเจ้าเป็นคนต่างถิ่นคงจะจริง

     

     

    ได้ยินแล้วจงอินจึงขมวดคิ้วตอบ ชื่ออู๋ซื่อชุนมันโด่งดังแค่ไหน ทำไมถึงคิดว่าคนเขาจะต้องรู้จักเพียงแค่ได้ยินด้วย อย่างที่คิดว่าคนคนนี้ไม่ใช่แค่คุณชายธรรมดา คงเป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ มีชื่อเสียงอยู่พอสมควรกระมัง

     

     

    นี่เป็นความลับระหว่างข้ากับเจ้า อย่าได้คิดบอกคนนอกเด็ดขาด

     

     

    ...

     

     

    ข้าคือ เว่ยอ๋อง อู๋ซื่อชุน โอรสลำดับที่สามแห่งต้าถัง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จงเหริน เจ้าจะไปจริงๆ หรือ

     

     

    เปี้ยนป๋ายเซียนถามเป็นรอบที่ยี่สิบ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยืนอยู่หน้ารถม้า ข้างกันนั้นคืออู๋ซื่อชุนที่หายดีจนเกือบเป็นปกติและลู่หานซึ่งนั่งประจำที่ในตำแหน่งบังคับม้า

     

     

    อืม เจ้าต้องดูแลตัวเองดีๆ รักษาสุขภาพด้วย ไว้ข้าจะมาเยี่ยม จงอินตอบทั้งรอยยิ้มเสียมิได้ ระยะเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนอาจแสนสั้น แต่สำหรับป๋ายเซียนที่รู้จักจินจงเหรินมาร่วมสองเดือนแล้ว จะมีจิตผูกพันด้วยก็คงไม่แปลก

     

     

    พวกเจ้าต้องดูแลน้องชายข้าเป็นอย่างดีนะ! เดี๋ยวข้าจะตามไปหาถึงฉางอันในไม่ช้านี้แหละ ป๋ายเซียนกชับเสียงดัง การถูกเห็นเป็นน้องชายจริงๆ ทำให้จงอินกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย ถึงอย่างไรตัวจริงเขาก็อายุมากกว่า จะให้ทำใจลืมแล้วเสแสร้งเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบแปดคงไม่สนุกนัก

     

     

    ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าออกได้ง่ายๆ เจ้าอย่าพูดดีไปหน่อยเลย ลู่หานค้าน การที่จงเหรินได้เข้าไป ถือเป็นบุญหล่นทับเขาแล้ว

     

     

    เขายิ้มแห้งให้กับสถานการณ์นี้ บทสนทนายามซื่อชุนยอมสารภาพเมื่อสองสามวันก่อนยังเด่นชัดในห้วงคิด ที่ลู่หานบอกว่าจุดหมายปลายทางของเขาไม่ใช่ที่ที่จะเข้าออกได้ง่ายก็เป็นเรื่องจริง สถานที่แห่งนั้นอยู่ในฉางอัน เมืองหลวงและที่ตั้งวังหลวงแห่งต้าถัง ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่รุ่งโรจน์ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของจีน

     

     

    มิหนำซ้ำ ป๋ายเซียนยังไม่รู้ว่าซื่อชุนนั้นมีแซ่อู๋ ซึ่งเป็นแซ่ที่ยิ่งใหญ่หาใครเทียบในยุคสมัยนี้ และสถานที่ที่เขากำลังจะไปก็ไม่พ้นวังหลวง ซึ่งครั้งแรกที่เข้าใจเรื่องทุกอย่างนั้น จงอินสัญญากับตนเองหัวเด็ดตีนขาดว่าอย่างไรก็ไม่ไป

     

     

    แต่เขาแพ้ให้อู๋ซื่อชุน ชายผู้นี้กำลังจะตกที่นั่งลำบากเมื่อวสันตฤดูมาถึง ช่วงนี้ฝนเริ่มตกถี่ขึ้นแล้ว และจงอินก็ได้พิสูจน์ด้วยตนเองว่าช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ซื่อชุนไม่ได้ยินเสียงใดแม้ว่ามันจะดังอยู่ข้างหูก็ตาม หากเป็นคนธรรมดาแล้ว นี่คงเป็นปัญหาขี้ประติ๋วที่แค่ทำใจยอมรับให้ได้ก็พอ แต่เมื่อมันตกอยู่กับเชื่อพระวงศ์ผู้ซึ่งเวียนวนอยู่ในสมรภูมิแห่งการเมือง การหูหนวกชั่วขณะย่อมส่งผลอย่างใหญ่หลวง

     

     

    แน่นอนว่าคิมจงอินไม่สนใจลาภยศสรรเสริญหรืออำนาจวาสนา เพียงแต่คิดว่าการที่อุบัติเหตุนั้นสร้างโชคชะตายุ่งยากให้อุบัติขึ้นด้วยการส่งเขากลับมายุคอดีต ทั้งหมดนี้ต้องไม่ใช่แค่อยากให้จงอินใช้ชีวิตเป็นหนุ่มชาวบ้านไปวันๆ แน่ เช่นนั้นแล้วเขาจึงต้องใช้ความกล้าอย่างมากที่จะคว้าเอาจุดเปลี่ยนทุกอย่างไว้ เพื่อตามหาเหตุผลของการข้ามเวลาและตามหาหนทางกลับสู่โลกอันแท้จริงของตน

     

     

    เมื่อคิดตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว โชคชะตาเป็นสิ่งที่จับต้องหรือพิสูจน์ไม่ได้ เช่นนั้นก็มีแต่ต้องสู้กับมันด้วยตนเองเท่านั้น

     

     

    ข้าได้เลือกม้าดีที่สุดมาให้เจ้า อย่าได้หนีหายไปกลางทางเสียล่ะ ลู่หานพยักพเยิดไปยังม้าสีดำรูปร่างสวยสง่า ถ้าได้ขึ้นขี่เจ้าสิ่งนี้คงจะเท่ไม่หยอก เว้นเสียแต่เขาเป็นชายหนุ่มที่อยู่กับหนังสือหนังหามาทั้งชีวิต หาได้มีงานอดิเรกเป็นกีฬาแข่งม้าแต่อย่างใด

     

     

    ข้าขี่ไม่เป็น จงอินตอบตามตรง ขืนฝืนเดินทางแล้วตกม้าลงมากระดูกเชิงกรานหักคงไม่คุ้มกันแน่ๆ

     

     

    “บ๊ะ! เจ้าเป็นง่อยหรือไง แค่ขี่ม้าจะไปยากอะไรเล่า”

     

     

    “ถ้าข้าให้เจ้ารักษาคนแบบหมออวี้ เจ้าจะทำได้เลยหรือเปล่าล่ะ”

     

     

    “ข้ามิใช่หมอ จะรักษาใครได้” ลู่หานเบ้ปาก จินจงเหรินทำต่อปากต่อคำแบบข้างๆ คูๆ ฟังแล้วน่าโมโหนัก

     

     

    “ก็นั่นน่ะซี แล้วข้าที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อน อยู่ดีๆ จะให้ขึ้นขี่ได้ยังไง”

     

     

    “พอแล้ว” อู๋ซื่อชุนตัดบทก่อนที่ลู่หานกับจงเหรินจะเถียงกันอีกรอบ “ให้เขานั่งรถม้าไปกับข้าแล้วกัน”

     

     

    “แต่ว่าคุณชาย นั่นมัน...”

     

     

    ผู้ติดตามชั้นหนึ่งทำสีหน้ากระอีกกระอ่วน ป๋ายเซียนเห็นบรรยากาศแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเจ้านายบ่าวทั้งสองจะหัวสูงอะไรนักหนา คงมีเพียงคิมจงอินที่เข้าใจสถานการณ์นี้ได้ไม่ยาก หลังจากได้รู้ถึงฐานันดรที่แท้จริงของคุณชายซื่อชุน ความเจ้ากี้เจ้าการลู่หานแสดงออกมาตลอดหลายวันก็ดูจะไม่เกินเรื่องสักเท่าไรนัก

     

     

    “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฟังคำข้าและออกเดินทางได้แล้ว” ซื่อชุนว่าเช่นนั้นก่อนสะบัดชายเสื้อคลุมแล้วก้าวขึ้นรถม้าก่อนจะเสียฤกษ์

     

     

    จงอินจำต้องไหลตามน้ำอย่างเสียไม่ได้ ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วว่าจะยอมเป็นหูที่ใช้การได้ บัดนี้คงสายเกินไปที่จะหันหลังกลับเสียแล้ว

     

     

    มือหนึ่งยื่นออกมา รอรับให้ขึ้นไปด้วยกัน

     

     

    จะมีสามัญชนผู้ใดมีโอกาสได้นั่งขนาบข้างองค์ชายสามแห่งต้าถังอีก ข้อนั้นเขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งเบียดเสียดกับเว่ยอ๋องภายในรถม้าขนาดมาตรฐาน ว่ากันตามตรงแล้วมันค่อนข้างเล็กมากทีเดียวสำหรับผู้ชายสองคน ถ้าไม่ติดว่าเขาติดนิสัยต้องอาบน้ำแปรงฟันวันละสองรอบ มีหวังพ่อเชื้อพระวงศ์คงเหม็นสาปกลิ่นชาวบ้านตายไปแล้ว

     

     

    ลู่หานเริ่มออกรถม้า ได้ยินเสียงล่ำลาของป๋ายเซียนดังไกลออกไปทุกที

     

     

    “จินจงเหริน”

     

     

    ออกเดินทางได้ไม่ทันไร เสียงทุ้มนุ่มก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงสวนกลับว่า อะไร ไปแบบไม่คิด แต่เพราะตอนนี้จงอินรู้ดีว่าฐานันดรอีกฝ่ายช่างสูงเสียดฟ้า จะให้ปฏิบัติตนราวกับเป็นแค่เพื่อนมนุษย์ด้วยกันคงทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

     

     

    “ครับ...”

     

     

    “ขอบใจเจ้ามาก”

     

     

    ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไปไม่เป็น ลองนึกทบทวนดูถึงการตัดสินใจเข้าวังหลวงในครั้งนี้แล้ว ไม่รู้ว่าปลายทางจะขึ้นฟ้าหรือลงเหวกันแน่

     

     

     

     

     

     

    #องค์ชายกับสายฝน

     

     

    กลับมาแล้วค่ะ

    ทีแรกว่าจะลงทีละสองตอนเพื่อให้ทันช่วงที่หายไป

    แต่คิดอีกทีคือทบไปดีกว่า 55555555555 ลงวันละสองน่าจะเยอะไปค่ะ แง

    ชอบไม่ชอบยังไง ติดแท็กหรือคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันหน่อยนะคะ TvT












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×