ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF/OS) #OHARHAFIC | CHANBAEK SEKAI

    ลำดับตอนที่ #7 : △ chanbaek | PLEASE,

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 58


     

     

     

     

    PLEASE,

    c h a n y e o l x b a e k h y u n

    - o h a r h a -

     

     




     

     

    รู้ ฉันรู้ ยังไงก็คงไม่ต่าง

     

     

     

     

    เสียงจากแรงสั่นบนโต๊ะทางซ้ายดังมาพักหนึ่งแล้ว หากแต่สองมือก็ยังง่วนอยู่กระดุม แขนเสื้อ หรือแม้แต่การผูกเนคไทที่ยากกว่าทุกวัน รอยคล้ำใต้ตายังปรากฏจาง ๆ ถึงจะกลบไปรอบหนึ่งด้วยแป้งของผู้ชายแล้ว หลังจากใช้เวลาอยู่ถึงหลายนาที ในที่สุดเขาก็ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายที่ชายแขนเสื้อขวาได้สำเร็จ

     

    เสื้อสูทสีดำวางพาดอยู่บนพนักเก้าอี้ทำงาน คอมพิวเตอร์บนโต๊ะยังถูกเปิดเอาไว้ ไฟล์มากมายถูกลากวางบนเดสก์ท็อปจนดูระเกะระกะ เป็นครั้งแรกอีกที่เขาตัดสินใจดึงปลั๊กมันออกโดยไม่สนใจจะกดชัทดาวน์ให้เรียบร้อย ปาร์คชานยอลแค่อยากให้มันดับไป เหมือนกับความรู้สึกเขาตอนนี้

     

    คว้าเอาเสื้อสูทตัวนอกขึ้นมาสวมอย่างเชื่องช้า โทรศัพท์เงินจำนวนหนึ่งอยู่ในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อยดีแล้ว ร่างสูงก็พาตัวเองออกจากห้อง เขาไม่ได้หันไปเช็กอีกรอบด้วยซ้ำว่าได้ลืมล็อกประตูหรือเปล่า

     

    เสียงทักทายจากพนักงานตรงล็อบบี้แค่ลอยผ่านหู พนักงานทางด้านหน้าโทรแจ้งกับพนักงานด้านนอกให้จัดการเรียกรถแท็กซี่เข้ามาให้ มันรับชานยอลขึ้นไปนั่ง และขับผ่านให้วิวทิวทัศน์เข้ามาเยี่ยมเยียนสายตาของคนตรงเบาะหลัง ตาดำวาวสะท้อนตึกราใจกลางเมือง เคลื่อนที่เหมือนม้วนเทปแบบเก่า พร่ามัวและล่องลอย

     

    “ไปงานเหรอครับ”

     

    โชเฟอร์ชวนคุยผ่านกระจกมองหลัง ชุดสูทรีดเรียบอย่างดีและท่าทางสงบนิ่งของคนใส่ช่วยให้เดาไม่ยาก ชานยอลแค่ยิ้มรับ ผ่านไปแค่ห้าวินาทีเขาก็จำไม่ได้ล้วว่าประโยคเมื่อครู่นี้ว่าอย่างไร

     

    กระทั่งตึกสูงของโรงแรมปรากฏทางด้านขวา เขายัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือโชเฟอร์ พาร่างเอื่อยเฉื่อยของตัวเองลงจากรถ ป้ายบอกทางใกล้ ๆ ล็อบบี้ชี้ไปห้องบอลรูมทางปีกซ้าย ชานยอลแทบไม่เห็นแขกเหรื่อคนอื่นในเวลานี้ นอกเหนือจากคนของทางออแกไนซ์ที่ยั่งวุ่นในการเตรียมความพร้อมของงาน

     

    “มางานเหรอคะ”

     

    “ปาร์คชานยอลครับ”

     

    เขาตอบ หญิงสาวในเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายถึงร้องอ๋อและเดินอ้อมนำไปทางด้านข้างเวที ผ่านซุ้มดอกไม้สีสันสวยสด โครงเหล็กสีเงินและทองสลับลายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ มีแค่โซนโต๊ะบุฟเฟ่ท์เท่านั้นที่ทางโรงแรมส่งคนมาจัดการ

     

    ประตูไม้โอ๊คหลายบานทอดยาวไปตามทางเดิน แต่ละบานจะมีเลขห้องและป้ายบอกหน้าที่ของมันอยู่ เธอพาเขาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง จากนั้นจึงเปิดออกให้โยไม่พาตัวเองเข้าไปก้าวก่ายทางด้านใน

     

    ชานยอลไม่สนใจเสียงประตูปิดทางด้านหลัง ในหูเขาสดับฟังเสียงจอแจในการพูดคุยของใครหลายคน ในนั้นคือคนดูแลเสื้อผ้า ผู้ช่วย แล้วก็ช่างแต่งหน้าที่กำลังจรดปลายเครื่องมือลงบนริมฝีปากผู้ชายหน้ากระจก

     

    “หล่อแล้วค่ะ” หล่อนว่า จากนั้นจึงยิ้มทักทายเมื่อหันมาเป็นบุคคลใหม่ภายในห้อง

     

    ชายหนุ่มจับจ้องเงาสะท้อนบนนั้น จ้องมองใบหน้าซึ่งกำลังส่งยิ้มมาให้เขาก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาหา จากนี้เป็นเวลาส่วนตัว และหญิงสาวอีกสามคนในห้องก็รู้ตัวเองดีว่าหมดหน้าที่ของเจ้าหล่อนชั่วขณะแล้ว ถึงได้พากันขอตัวไปช่วยงานที่อีกห้อง

     

    “ดีใจที่นายมา”

     

    ชานยอลไม่รู้ว่าเขาควรตอบรับอย่างไรในคำนี้ วันนี้คนตรงหน้าดูดีเหลือเกิน ดีกว่าวันไหน ๆ ที่บยอนแบคฮยอนอยากหล่อเกินเขา ตาเรียวรีนั้นเป็นประกายระยับ แถมกลีบบนแขนเสื้อเชิ้ตทั้งสองข้างก็ไร้ที่ติ มันทำให้ดูแปลกตาไปจากการพับขยุ้ม ๆ อย่างที่เจ้าตัวทำตลอดมา

     

    “กินอะไรมาหรือยัง” คนตัวเล็กเดินไปหยิบขวดน้ำเปล่าเย็น ๆ ที่ยังไม่ถูกแกะมาเปิดฝา เขาดูดมันจากหลอดเสียอึกหนึ่ง จากนั้นจึงส่งผ่านมาให้อีกคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ “ไม่เอาเหรอ”

     

    แบคฮยอนพยักเพยิดอีก แต่ชานยอลไม่ชอบเลย นี่เป็นครั้งแรกที่เขานึกเลี่ยงจูบทางอ้อมนี้

     

    เห็นอย่างนั้น คนถามจึงยอมแพ้แล้วหมุนปิดฝาขวดน้ำ แล้วเดินเอามันไปวางไว้ที่เดิม

     

    “ชานยอล?”

     

    อ้อมกอดใหญ่สวมเข้าจากด้านหลัง ตวัดผ่านท่อนแขน และรัดแน่นจนรู้ได้ถึงความโหยหาจากเจ้าของ ใบหน้าของชานยอลซุกลงไปบนไหล่นั้น กดฝังจมูกโด่งและสูดเอากลิ่นน้ำหอมที่เขาเคยชอบมาตลอด แบคฮยอนยังตัวเท่าเดิม เขารู้ และยิ่งนิ่งให้เขาทำตามใจชอบได้อย่างนี้ ชานยอลก็ยิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายรู้มาตลอดเช่นกัน

     

    เสียงถอนหายใจของแบคฮยอนกรีดใจเขาให้เป็นแผล แล้วก็ปล่อยให้มันสมานตัวด้วยแรงจับรั้งกอดนี้ให้แนบแน่นกว่าเก่า ริมฝีปากบางเฉียบนั้นคล้ายจะกระซิบคำว่าแน่น ๆ แต่ชานยอลรู้ดีว่าเสียงแบบนั้นจะไม่ถูกเปล่งออกมาอีก

     

    “ถึงตอนนี้แล้วนะ” เขาไม่อยากเงียบฟังสิ่งที่แบคฮยอนพูด แต่บางอย่างกลับจุกขึ้นมาจนแน่นขนัดไปทั้งลำคอ “ชานยอล”

     

     

     

     

    รู้เธอมีเหตุผลอะไรสักอย่าง

    ที่ทำให้เธอไม่คิดจะอยู่กับฉัน

     

     

     

     

    “คิดอีกทีได้ไหม” เขาฝืนส่งเสียงแหบพร่าออกไปอย่างน่าสังเวช ชานยอลเคยคิดว่าตัวเองทนได้ แต่เขาคิดผิดมาตลอด ผิดตั้งแต่ที่ยอมปล่อยให้แบคฮยอนพูดมันจนจบ

     

    “....”

     

    “ทำไม...”

     

    แบคฮยอนไม่ตอบอีกแล้ว ทั้งยังหมุนตัวกลับมาเพื่อแตะมือเย็นเยียบนั้นลงบนใบหน้าของเขา ดวงตาที่เคยเป็นประกายนั้นสั่นไหว “ทำไม่ได้เหรอ”

     

    เขาจุกในอก แต่ก็ยังส่ายหน้าตอบกลับไปช้า ๆ “ทำไม่ได้”

     

    ทันทีที่พูดคำนั้น แบคฮยอนลดมือ ริมฝีปากเปื้อนยิ้มก็ค่อย ๆ หุบลง

     

    “ฉันขอโทษ ฉันคิดผิดไป”

     

    “ได้โปรด... แบคฮยอน”

     

    “....”

     

    “ได้โปรด”

     

    เขาทรุดลงคุกเข่าโดยรั้งร่างนั้นไว้กับตัว รัดวงเขนเข้ากับเอว ซบหน้าลงบนหน้าท้อง และต่อให้ต้องทิ้งศักดิ์ศรีไปมากกว่านี้ ปาร์คชานยอลก็ยังเลือกที่จะอ้อนวอนอยู่ดี

     

    “สิ่งเดียวที่ฉันทำได้ก็คือนาย”

     

    “ชานยอล”

     

     

     

     

    แต่ฉันรัก รักเธอไปแล้วทั้งใจ

     

     

     

     

    “ฉันรักนายไปแล้ว”

     

    “....”

     

    “คิดอีกทีเถอะ”

     

    ระหว่างนั้น ชานยอลรู้ว่ามันคือความรู้สึกดีที่เกินเลย รู้มากขึ้นว่าเขาเองที่เป็นฝ่ายถลำลึกไปกับความเหงา ชานยอลรู้ว่าแบคฮยอนรู้สึกเหมือนกัน เขาถึงไม่กลัว และไม่ได้คิดว่าจะมีสิ่งอื่นใดมาล่มความสุขนั้นลง

     

    เขารักไปแล้ว แบคฮยอนรู้

     

    แล้วทำไมยังตัดสินใจแบบนี้

     

    “เราต้องเดินหน้า ชานยอล” ชานยอลคิดว่าแบคฮยอนเข้ากับหูกระต่ายสีดำ แต่เขาไม่ชอบเลย เขาเกลียดที่แบคฮยอนใส่มันในวันนี้ “อย่าทำแบบนี้เลย”

     

    “....”

     

    “มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว”

     

    “....”

     

    “รู้ใช่ไหม”

     

     

     

     

    รู้ ฉันรู้ว่าเธอต้องไป

    แต่อยากจะขอร้องเธออีกครั้ง

     

     

     

     

    มือของเขาถูกแกะออก แบคฮยอนเห็นน้ำตา แต่ก็ยังรักษาสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ได้ดีจนน่ากลัว มือเล็กดึงให้เขายืนขึ้น จัดแต่งเนคไทให้ กระชับเสื้อสูทตัวนอกให้เข้าที่อย่างเชื่องช้า แล้วจับจดสายตามองมันอยู่สองนาน

     

    “เดี๋ยวงานจะเริ่มแล้ว”

     

    แบคฮยอนเลือกเป็นคนใจร้าย ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่อาจยอมรับมันได้

     

    สองมือนั้นทาบทับลงมาบนหน้าเขาอีก ก่อนจะเลื่อนเข้ามาจรดริมฝีปากอ้อยอิ่ง สองตายังเบิกมอง แล้วแบคฮยอนก็ปิดมันลงเพื่อมอบจูบดูดดื่มที่แสนโหยหา เนิ่นนาน และชานยอลหวังให้ตัวเองขาดอากาศหายใจตายไปกับความรู้สึกนี้

     

    “ฉันก็ขอร้องนาย ชานยอล”

     

     

     

     

    โปรดถามใจเธออีกที

    เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ

     

     

     

     

    ปาร์คชานยอลทอดสายตามองกลีบดอกไม้มหาศาลซึ่งถูกโรยใส่ทางเดินตรงกลาง สีหน้าปลื้มปิติของทุกคนในงานไม่สามารถทำให้เขายิ้มตามได้ แต่ชานยอลทำมัน จากใจ จากคำขอร้อง จากความเป็นจริงที่บีบรัดตัวเขาให้ยอมโอนอ่อนตามอย่างไร้ข้อแม้

     

    ชายกระโปรงสีขาวเข้ามาใกล้ขึ้นอีก มันทอดผ่านบันไดยกระดับ ก่อนจะแผ่อยู่ตรงกลางสายตา เบื้องหลังลาดไหล่ในชุดสูทสีดำของคนที่เขายืนเคียงข้าง

     

    ชานยอลไม่รู้ว่าแบคฮยอนยิ้มออกมาได้อย่างไร ในขณะที่หันกลับมาเพื่อรับกล่องกำมะหยี่สีแดงไปจากมือเขา แววตานั้นสั่นไหวเป็นครั้งสุดท้าย และชายหนุ่มรู้สึกขอบคุณ ที่อย่างน้อยตอนอยู่ต่อหน้าเขามันก็ไม่ได้พราวระยับอย่างที่ผู้หญิงคนนั้นเห็น

     

    ปาร์คชานยอลรู้ว่ามันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว

     

     

     

     

    เพราะทั้งใจฉันมันยังมีแค่เธอ

     

     

     

     

     

     #OHARHAFIC

     

    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×