ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (SF/OS) #OHARHAFIC | CHANBAEK SEKAI

    ลำดับตอนที่ #6 : ▲ kaihun | STEAL MY BOY - (40%)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 58















     

    STEAL MY BOY

    JONGIN X SEHUN

    _______

    เนื้อเรื่องและไทม์ไลน์เวลาไม่ได้ยึดตามความจริงนะคะ

    จินตนาการบวกความมโนล้วนๆ <3

     

     

     

     




     

     

    สารภาพก็ได้ว่าช่วงนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยจะดี





     

    ผมรู้ว่าร้อยทั้งร้อยพี่จงแดที่ทำท่าจะเข้ามาถามอะไรผมแล้วเดินออกไปเมื่อกี้คงจะคิดว่าเพลงที่ส่งเสียงออกมาทางหูฟังของผมมันห่วยแตกสิ้นดี อ้อใช่ ผมหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่พี่เขาเดาผิดน่ะ

     

    ขมวดคิ้วแล้วเพ่งมองภาพบนจอสมาร์ทโฟนซะจนตาแทบจะหลุด นั่นไง พี่มินซอกมองมาแล้วทำปากเป็นเส้นตรงใส่ คงจะคิดว่าผมเล่นเกมจับผิดอยู่ล่ะสิ อ้อใช่ เกมนั้นน่ะมันสนุกจริงๆนั่นแหละ แต่ก็เฉพาะตอนที่ไม่มีอะไรทำเท่านั้นแหละ แบบว่าบางทีที่น่าเบื่อสุดๆผมก็จะเล่นมัน

     

    ตัดตัวเลือกห่วยแตกออกไปสองข้อแล้วก็ใช่ว่าผมจะรู้สึกดีถ้าคุณกำลังหาสาเหตุความหงุดหงิดนี่หรอกนะ จะว่ายังไงดีล่ะ... ผมพูดได้หรือไง? อ้อได้... ได้สิ ถ้าผมบอกล่ะก็สัญญาได้ไหมล่ะว่านี่จะเป็นความลับระหว่างเรา

     

    ผมละกลัวคุณเอาเรื่องนี้ไปทรานส์ลงแฟนไซต์จริงๆ

     

    คือ...

     

    เฮ้ ผมไว้ใจคุณได้แน่นะ?

     

    คือ...

     

    ก็นั่นแหละ




     

    ผมหงุดหงิดโอเซฮุน




     

    ขอทีเถอะ อย่าเพิ่งสบถว่าผมงี่เง่าได้ไหมเล่า ถึงเหตุผลของผมจะงี่เง่าไปสักหน่อยแต่มันก็ค่อนข้างละเอียดอ่อนจริงๆนะ ก็หมอนั่นน่ะ... หมู่นี้ชักจะบ้ากล้องเกินไปแล้ว คิดว่าตัวเองหล่อมากนักหรือไง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่ป้อยอเรื่องหน้าตาจนเซฮุนหลงตัวเองขนาดนี้หรอก

     

    “คยองซู”

     

    “....”

     

    “นายว่าเทามันถ่ายรูปขึ้นไหม”

     

    ผมใช้เวลามองรูปคู่ของสองคนนั้นบนหน้าจออีกสักสามสี่วินาที

     

    โดคยองซูขมวดคิ้วน้อยๆ เขาคล้ายจะเหลือกตามองผมหลังจากที่ละสายตาขึ้นจากเกมซูเปอร์สตาร์ของค่ายเราได้ แล้วอีกอย่างก็คือคยองซูไม่เคยบอกให้ผมเรียกเขาว่าพี่ เพราะอายุเราไม่ได้ห่างกันมากขนาดนั้น ถ้าเรียกคงจั๊กจี้พิลึก

     

    ตอนนี้เขาถอดหูฟังออกหนึ่งข้าง “เมื่อกี้พูดอะไรหรือเปล่า?”

     

    “....”

     

    “....”

     

    “อืม... ช่างเถอะ”

     

    ผมชอบอยู่กับคยองซูจัง

     

    เขาไม่เซ้าซี้แล้วก็ออกจะ... อ่า... นี่เป็นความลับนี่นา เพราะงั้นผมก็คงพูดได้ว่าเขาออกจะชวนให้รู้สึกสบายใจพอสมควรเวลาอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยสนใจฟังผม เหมือนอย่างที่ผมไม่สนใจว่าโอจิเซ็น เรียวมะในปรินซ์ออฟเทนนิสหวดลูกจนสนามพังได้ยังไง

     

    ผมเพิ่งรู้มาว่าเมื่อเร็วๆนี้แฟนคลับของเราแชร์เรื่องที่เราเป็นคู่ขา... เอ่อ ผมว่ามันทะแม่งๆ พวกคุณเรียกมันว่าอะไรนะ? คู้จิ้นใช่ไหม นั่นแหละ เราเป็นคู่จิ้นระดับค่าย ซึ่งผมว่ามันก็ไม่เลวหรอก ดีกว่าเอาผมไปจับคู่กับพี่ชานยอลแค่เพราะมีคนแชร์รูปกิ๊ฟลูบหัวนมน่าเกลียดๆบนสเตจนั่น เขาทำมันไปได้ยังไง!

     

    นั่น ร้อนใจอยากให้ผมวกกลับมาเรื่องของเซฮุนใช่ไหมล่ะ

     

    โอเค ผมจะเล่าก็ได้ อันนี้จริงช่วงนี้ผมหงุดหงิดตัวเองนิดหน่อยเรื่องที่อารมณ์บูดเป็นตูดหมาแค่เพราะหมอนั่นอัพรูปคู่กับจื่อเทาบ่อยเกินความจำเป็น แล้วผมก็จะรีบสารภาพก่อนโดนคุณจับผิดเลยว่าผมแอบสมัครอินสตราแกรมเอาไว้ส่องน่ะ ดักคอต่อไว้เลยว่าที่ผมไม่เล่นก็เพราะมันไม่ได้น่าสนุกเลยสักนิด ทำไมโลกต้องรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ด้วยวะ?

     

    เดี๋ยวจะหาว่าผมแซะเซฮุนมันอีก เข้าเรื่องเลยแล้วกัน

     

    เมื่อก่อนผมกับเซฮุนสนิทกันกว่านี้ คงพอจะเคยได้ยินพวกแฟนแอคเอาไปแชร์ๆกันใช่ไหม? ก็ไม่ผิดหรอก เราอยู่กลุ่มเดียวกัน อายุเท่ากัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน แล้วแพลนที่ว่าจะได้เดบิวท์เป็นบอยแบนด์วงเดียวกันก็ยิ่งแน่นอนอีก

     

    หมอนั่นค่อนข้างดูขี้อายถ้าเทียบกับตอนนี้ อย่างน้อยๆก็ไม่ชูสองนิ้วถ่ายรูปหรือว่าใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเก๊กหล่อหน้ากล้องโฟนแค่เพราะรู้ว่ามิแรนด้าฟอลโล่วอินสตราแกรม อ้าวนี่ผมขี้แซะอีกแล้ว (อมยิ้ม)

     

    แต่เดี๋ยวนี้เราห่างกันเกินไป ห่างกันจนเหมือนเพื่อนร่วมวงที่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร หัวข้อสนทนาล่าสุดที่ยาวเกินสามนาทีคือเราถกกันสั้นๆเกี่ยวกับที่พี่ชานยอลชอบกินไส้ เซฮุนบอกว่ามันอร่อยอยู่นะ แต่ผมก็ยังยืนยันว่าไม่ค่อยจะพิศวาสอยากลองกินเมนูแนะนำนี้อย่างชาวเกาหลีค่อนประเทศสักเท่าไหร่

     

    อย่าแซว ผมรู้ว่าคนไทยเกินครึ่งประเทศก็ยังจำชื่อน้ำพริกได้ไม่ครบด้วยซ้ำ

     

    วกกลับมาที่เรื่องเซฮุนอีกครั้ง อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ และยอมรับก็ได้ว่ามันค่อนข้างงี่เง่าพอสมควรสำหรับผู้ชายอายุขึ้นเลขสอง




     

    ผมรู้สึกเหมือนถูกขโมยอะไรบางอย่างไป

     

     

     










     

     

     

     

    “....”

     

    เซฮุนหันมามองผม ไม่ทันได้สนใจว่าในแก้วกระเบื้องลายการ์ตูนนี่จะเป็นกาแฟหรือว่าน้ำส้มคั้นสำเร็จรูปด้วยซ้ำหน้าขาวๆนั่นก็หันกลับไปง่วนกับเชือกรองเท้าต่อ ก็เป็นปีมาแล้วที่เชือกรองเท้าน่ามองกว่าหน้าตาของคนเพิ่งตื่นนอน

     

    เช้าวันนี้ไม่ได้พิเศษอะไร มันก็คือวันหยุดสั้นๆที่ผู้จัดการพอจะมีให้เราได้ในตอนที่ยังไม่คัมแบ็คซิงเกิลใหม่ หลังจากนั้นพรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มเก็บของและตัดสินใจว่าแฟชั่นสนามบินในวันมะรืนควรเป็นสไตล์ไหนดี แฟนๆตื่นเต้นเสมอถ้าเราแต่งตัวจัดจ้าน

     

    “จะไปไหน” ผมถามไปตามมารยาท ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะมีมันเพื่ออะไรกับเพื่อนเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ก็นั่นแหละ ตอนนี้เราห่างเกินจนเหมือนคนที่ต้องมีมารยาทต่อกันพอสมควร

     

    “ไปนั่งรถเล่นกับเทา เดี๋ยวมันจะมารับ”

     

    ผมไม่จำเป็นต้องพยักหน้ารับรู้ ตราบใดที่เจ้าของสายตานั้นไม่ได้หันมามอง

     

    เขายังง่วนอยู่กับรองเท้าผ้าใบราคาเหยียบหมื่นที่เพิ่งซื้อมาจากญี่ปุ่น ผมว่ามันก็สวยดี แต่ไม่สวยเท่าราคา “มาเซราติน่ะสุดยอดไปเลย เห็นแล้วอยากจะได้บ้างสักคัน”

     

    “เหาะได้หรือไง คันละตั้งเป็นร้อยล้าน” ผมตอบเขา ถ้าเข้าใจไม่ผิดว่าประโยคเมื่อครู่เป็นการชวนคุยกลายๆน่ะนะ

     

    ได้ผลแฮะ ตาคู่นั้นหันกลับมามองค้อน ไม่ถึงห้าวินาทีจากนั้นเซฮุนก็หันไปพ่นลมหายใจใส่หน้าม้าให้ประตูห้องดู ผมเกรงว่าบทสนทนาของเราจะสั้นขึ้นอีกขั้นแล้ว

     

    “แต่ถ้ามีรถมันก็ดี ไปไหนมาไหนสะดวกออก”

     

    “อ้อ” ผมครางรับ “แต่เดินเอาก็ได้นี่ อย่างเวลาไปไหนไกลหน่อยผู้จัดการก็จะเอารถมารับอยู่แล้ว”

     

    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งทัศนคติและรสนิยมของเราไม่ค่อยตรงกัน ผมมักจะใช้เวลาราวๆสามในสี่ระหว่างที่เราเงียบกันเพื่อคิดทบทวน แทบจำไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนเราคุยเรื่องอะไรกันบ้าง เท่าที่พอจำได้ก็มีการ์ตูนเรื่องโปรด เซฮุนคล้อยตามผม หลังจากนั้นก็จะเป็นเรื่องคลิปเต้นเจ๋งๆของทางฝั่งตะวันตก

     

    เขายังเต้นสวยเหมือนเดิม บางทีผมก็สงสัยว่าเรายังชอบดูคลิปเต้นแชนแนลเดียวกันอยู่หรือเปล่า เซฮุนไม่ได้บอกผมว่าเจอใครที่เต้นท่าโรบอทสวยกว่าคนที่เราเคยวิจารณ์หรือยัง พอถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้ หมอนี่ไม่เคยตอบเหมือนกันสักรอบถ้าผมถามว่าชอบสเต็ปอัพภาคไหนมากที่สุด

     

    ผมกำลังคิดว่าจะพูดอะไรต่อ และหวังให้เซฮุนยอมเสียเวลาคิดเหมือนกัน

     

    เราหันไปมองผนังสีขาวพร้อมกันหลังจากได้ยินเสียงโทรทัศน์ ถ้าให้เดาล่ะก็พี่แบคฮยอนคงจะตื่นแล้ว ร่างผมโปร่งของเซฮุนยืนพักขาแบบเก้ๆกังๆหลังจากผมหันกลับมา




     

    ทำไมเราไม่คุยกันต่ออีกสักหน่อย




     

    ผมคิด แต่ก็ได้แค่พยักหน้ารับในตอนที่เขายกมือขึ้นโบกอากาศในระดับหัวไหล่เพียงเพื่อจะประกอบคำว่า “งั้นไปแล้วนะ”

     

    ผมมองเขาเปิดประตูห้อง เสื้อแขนยาวสีดำขับให้โอเซฮุนดูหล่อและโตขึ้นอีกหลายเท่าถ้าเทียบกับชุดสูทนักเรียนสีเหลืองแปร๋นเมื่อปีก่อน กระเป๋าทรงแบนที่เขาถือก็เป็นของแบรนด์เอ็มซีเอ็ม ถึงมันจะดูฟู่ฟ่าแต่เราก็ได้มาฟรี

     

    เซฮุนชะงักตัวเองอยู่ตรงประตูอีก คิ้วเรียวนั่นขมวดนิดหน่อย “ลืมถามไป ว่าจะฝากซื้ออะไรไหม”

     

    ผมใช้เวลาประมวลคำถามของเขาครู่หนึ่ง แล้วถึงได้ออกปากตอบกลับไปแบบงงๆ “หิวข้าว แต่ถ้าจะนั่งรถเล่นถึงเย็นก็เดี๋ยวต้มรามยอนกินดีกว่า”

     

    หุ่นดีๆของหมอนี่ดูเก้งก้างขึ้นมาอีกแล้ว เขาเคาะปลายนิ้วลงกับขอบประตูคล้ายกับอยากขบคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นถึงเซฮุนจะลอบถอนหายใจ แต่ผมที่มองเขาตลอดย่อมเห็นอยู่แล้ว

     

    “โอเค” เขาขานรับ ดูไม่อยากใส่ใจกับคนเพิ่งตื่นนอนอย่างผมสักเท่าไหร่ แม้แต่จะพูดคำว่าไปแล้วนะอีกทีก็ดูน่าเก้อเขินเกินไปสำหรับสถานการณ์ของเราในตอนนี้ เพราะอย่างนั้นโอเคจึงเป็นคำสุดท้ายที่ปิดบทสนทนาระหว่างผมกับเขาในเช้าวันนี้ลง

     

    ผมอยากแซะเขามากกว่านี้อีกเรื่องที่ไปเห่อรถมาเซราติของเทา

     

    แต่ก็นั่นแหละ... ผมไม่รู้ว่าจะงี่เง่าในฐานะอะไร

     










     

     

     

     

     

     

    สารภาพก็ได้ว่าวันนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยจะดี




     

    ผมรู้ว่าสายตาของพี่แบคฮยอนที่มองมานั้นแปลได้กลายๆว่าเมนส์ไม่มาหรือไง อ๋อแน่ล่ะ มันแน่อยู่แล้ว ถ้าผมมีประจำเดือนขึ้นมาจริงๆล่ะก็จะยกกางเกงในซับเลือดตัวแรกในชีวิตให้พี่เขาไว้บูชาเลย แต่ก็นั่นแหละ ผมแค่คิด เหมือนอย่างที่พี่แบคฮยอนไม่ได้พูดมันออกมา

     

    และก่อนที่ใครจะได้มองผมแล้วคาดเดาสาเหตุแห่งความไม่สบอารมณ์นี้ไปต่างนานา ผมก็รีบหยิบเอารองเท้าผ้าใบสีขาวคาดฟ้าบนชั้นมาใส่ ก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่งเพราะไม่แน่ใจนักว่ามันจะเข้ากับเสื้อเชิ้ตสกรีนลายคลาสสิคที่แฟนคลับให้มาหรือเปล่า

     

    แต่ก็ช่างเถอะว่ะ ไม่ค่อยมีใครด่าผมเรื่องแต่งตัวไม่เข้ากันอยู่แล้ว

     

    เป็นเรื่องจริงที่คิมจงอินมันพวกเห็นอะไรอยู่ริมขวาสุดของตู้ก็หยิบออกมาใส่ เว้นเสียแต่ในวันมิดโทนที่ผมอยากจะดำทั้งตัวน่ะนะ (ผิวของผมเป็นสีแทน! มันนับรวมในสีดำไม่ได้) บางทีก็ไม่รู้ว่าทำไมคนอื่นต้องทำให้มันดูยากเสมอ ยกตัวอย่างเช่นพี่ชานยอลที่ใส่แค่ฮู้ดแขนยาวตัวเดียวก็อุ่นแล้ว แต่เขาก็ยังเสียเวลาอีกหน่อยแค่เผื่อจะเลือกเสื้อคลุมหนาๆอีกตัวใส่ทับเข้าไปอีก แล้วหมวกของพี่เขาก็เยอะจนแทบจะเผื่อแผ่ให้คนทั้งวงใส่ได้เจ็ดวันไม่ซ้ำ (ขอวงเล็บอีกทีว่าผมเห็นพี่ชานยอลก็ชอบใส่อยู่ไม่กี่ใบเท่านั้นแหละ)

     

    “อ้าว จะไปไหนล่ะจงอิน?”

     

    ผมผูกเชือกรองเท้าจนเสร็จแล้วถึงได้เอี้ยวตัวหันกลับไปหาพี่จุนมยอน ไม่ใช่อะไรนะคุณ ถ้าถูกขัดจังหวะตอนยังใส่รองเท้าไม่เสร็จดีผมมักจะง่วงแล้วเดินกลับไปนอนต่อในห้องได้ง่ายๆเลยเพราะเกิดขี้เกียจขึ้นมากะทันหัน

     

    “ไปเดินเล่น” ผมตอบ พี่จุนมยอนพยักหน้ารับ “เอาไรไหมพี่”

     

    “เออไปเถอะ” เขาไม่ได้สนใจอะไรนัก ทำตัวเหมือนคุณแม่ที่เอือมระอาเวลาลูกชายอยากไปค้างบ้านเพื่อนไม่มีผิด

     

    ผมจับบั้นท้ายเช็คว่ายัดกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋าหลังเรียบร้อยแล้ว ส่วนในมือก็มีโน้ตสามคู่ใจกับกุญแจห้อง แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับการออกไปเดินเล่นแบบไร้จุดหมายในวันนี้ ลังเลอีกหน่อยกับมือที่ถือของคู่ใจเอาไว้ หรือผมจะถือถุงกระดาษไปดีล่ะ

     

    เอ้อช่างเถอะ ผมเปิดประตูห้องออกทันที อยู่นานกว่านี้เดี๋ยวจะขี้เกียจ

     

    ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายแก่ๆ นึกขอบคุณที่ฟุตบาธในโซลยังมีต้นไม้ตั้งกันแดดกันลมอยู่ให้บ้างผมจะได้ไม่ต้องอาบแดดมากไปกว่านี้ ร้านกาแฟเจ้าโปรดอยู่ไม่ไกลจากหอพักของเรามากนัก แล้วก็ในเวลาทำงานปกติ กังนัมก็ไม่ได้คนเยอะเพราะเขาขลุกอยู่ในออฟฟิศกันหมด นั่นทำให้ผมไม่ต้องยืนรอคิวนาน

     

    ผมชั่งใจหลายทีแล้วว่าอยากกลับไปนั่งรถประจำทางดูสักครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่มอง ผู้จัดการชอบให้เรานั่งแท็กซี่หรือไม่ก็เรียกเขามารับมากกว่า

     

    ผมหยอดเงินทอนนิดๆหน่อยๆลงในกล่องทิปหลังจากได้โกโก้รสขมปร่ามาถือไว้ในมือ นี่มันบ่ายแล้ว ผมจะดื่มกาแฟไปทำไมอีก นึกๆดูแล้วแปดหน้าที่ผ่านมานี่คือการเล่าชีวประวัติหรือไงเนี่ย?

     

    ผมนั่งสไลด์หน้าจอโทรศัพท์พลางงับหลอดค้างไว้ หมวกแก๊ปสีดำที่ผมใส่ยิ่งทอดเงาผ่านแก้วโกโก้ให้สีมันดูเข้มจนขมยิ่งกว่าเดิม ผมดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย แล้วก็กดกลับเข้ามาที่แอพอินสตราแกรมเพียงเพื่อจะรับรู้ว่าเซฮุนไม่ได้บ้าอัพรูปขึ้นมาให้ผมหงุดหงิดเองคนเดียวอีก

     

    แล้วก็อย่างกับโลกรู้อย่างนั้นแหละ




     

    “แกๆ ดูนี่สิ โอ๊ยยยยย เทาฮุนเขาไปด้วยกันอีกแล้วอ่ะ”

     

    “เฮ้ยจริงดิ อยากจะกรี๊ด”

     

    “นี่ไงมีคนถ่ายรูปมา จอดมาเซราติหน้าเซเว่นเลยนะ อห.”




     

    ติ่งไม่มีงานทำนี่น่ากลัวจริงๆนะครับว่าไหม...................

     

    ผมกดหมวกต่ำแล้วรีบถือแก้วโกโก้ลุกออกไปจากร้านก่อนที่พวกเธอจะทันรู้ตัวว่าที่นั่งโซฟาด้านหลังมีมนุษย์ที่ชื่อคิมจงอินอายุยี่สิบปีและปัจจุบันเป็นสมาชิกวงบอยแบนด์ค่ายเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนท์นั่งสิงอยู่ และถึงจะได้ยินเสียงซุบซิบพร้อมความรู้สึกว่าถูกมองหลังจากนั้น แต่ก็ถือว่าผมได้เผ่นแนบออกมาเป็นที่สำเร็จแล้ว

     

    อืม... แล้วผมจะไปไหนต่อดี

     

     

     










     

     

     

     

    ตาของผมสะท้อนภาพมาเซราติราคาหลักร้อยล้านในขณะที่มองเจ้าสกู๊ตเตอร์ราคาหกแสนวอนตรงหน้า หลังใช้เวลาพักใหญ่ๆเพื่อตรวจเช็คสภาพและพูดคุยเรื่องสเปคเครื่องแล้ว ผมก็ดันเดินไปกดเงินสดมาจ่ายให้เจ้าของร้าน (อย่าเรียกโชว์รูมเลย มันคือร้านนั่นแหละ) ในเครื่องมีน้ำมันอยู่ราวๆครึ่งถัง เขาว่ามันคงมากพอให้ผมขับไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม

     

    ความต้องการชั่ววูบของผมคงทำให้ระยะทางในการไปซื้อไก่ทอดกินตอนดึกหรือดูหนังหดใกล้เข้ามาอีกหน่อย มันสะดวกแล้วก็กะทัดรัดกว่า ส่วนใหญ่ผมก็ทำอะไรคนเดียวอยู่แล้วด้วย

     

    นึกภาพมงกูเกาะหน้ารถตอนที่ผมขับเหมือนในหนังแล้วน่ารักจัง พอคิดอย่างนี้แล้วก็ยังกับเห็นตึกแถวรอบๆค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างเป็นแนวโค้งเหมือนภูเขาในต่างจังหวัดเลย ถ้ามีนายทุนสักคนอยากให้ผมถ่ายโฆษณาหรือเอ็มวีสักตัวท่ามกลางวิวสวยๆแทนที่จะเป็นสตูดิโอแบบในโฆษณารถยนต์ล่ะก็ สาบานได้ว่าผมไม่มีทางปฏิเสธ

     

    “ขอบคุณนะครับ” ผมโค้งให้คุณป้าที่ยืนนับเงินหน้าบาน แล้วจึงยกขาพาดไปอีกฝั่งของเบาะแล้วจับกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ให้เสียบอยู่ในกระเป๋ากางเกงอย่างปลอดภัย เรื่องดีเล็กน้อยอีกข้อในวันนี้คือเขาแถมหมวกกันน็อคให้ผมด้วย

     

    ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากนั้นผมก็มานั่งแหง่กอยู่ตรงม้านั่งในสวนสาธารณะ มือสไลด์เข้าแอพพลิเคชั่นสำหรับถ่ายรูปแล้วก็ แชะ ถ่ายรูปลูกสาวคนใหม่ไว้เป็นที่ระลึกมาสองรูปถ้วน

     

    ครั้นจะสไลด์หาแอพโซเชียลเน็ตเวิร์คแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เล่น ผมไม่ค่อยชอบตัวเองเวลาที่แปลงร่างเป็นเด็กขี้อวด แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายผมเลยคลิกเข้าไลน์กลุ่มของวงเราที่ร้างมาชาติเศษแล้วโพสรูปสกู๊ตเตอร์ลงไป

     

     

    SUHO! EXO!!

    อะไรน่ะ  15.40 PM

     

     

    พี่จุนมยอนตอบรับแทบจะทันที เดาว่าแกคงตกใจแทบตายตอนที่ไลน์กลุ่มเด้งแจ้งเตือนขึ้นมา เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา เพราะอย่างนั้นการหาช่องทางเพิ่มสำหรับกระจ่ายเรื่องสำคัญในบางครั้งก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมในช่วงแรกๆเรายังบ้าคลั่งคุยอะไรไร้สาระกันในนี้อีกด้วย

     

     

    종인

    15.41 PM   ซื้อมา

    종인

    15.41 PM   สวยไหม

    real__pcy

    โว้ว  15.41 PM

    real__pcy

    ติสม์เหรอ หรือไง?  15.42 PM

    XIURISTA_90

    ดูเก่า  15.42 PM

    종인

    15.42 PM   มือสอง แต่แต่งเครื่องแล้ว

     

     

    ผมพิมพ์ตอบพี่มินซอกไป ถ้าเป็นต่อหน้าล่ะก็เขาต้องทำให้ผมรู้สึกผิดท้อมันมาได้แน่ๆ ความเป็นคนเจ้าระเบียบของเขาบางทีก็มีแค่พี่ลู่หานที่มองข้ามมันได้น่ะนะ อ้อ เพิ่มพี่อี้ชิงไปด้วยอีกคน

     

    ไม่มีใครตอบผมมาอีกถึงแม้ว่าจะขึ้นคำว่ารี้ดที่ข้อความสุดท้ายถึงหกคนแล้วก็ตามที ผมไม่รู้ว่าเซฮุนเห็นหรือยัง แต่ต่อให้เขาเห็นก็คงไม่คิดว่าผมเป็นเด็กขี้อิจฉาแล้วยังหงุดหงิดง่ายอย่างที่ผมกำลังเป็นอยู่นี่หรอก

     

    ผ่านไปอีกห้านาทีมันก็ยังหยุดอยู่ที่แค่หกคน อ้อ เมื่อหนึ่งนาทีก่อนหน้านี้คยองซูกับพี่อี้ชิงเข้ามาตอบแล้วเหมือนกัน

     

     

    D.O

    =_=  15.45 PM

    zyxzjs

    สวยๆ ^_^  15.46 PM
     

     

     

    แล้วมันก็ขึ้นจำนวนคนอ่านแล้วเป็นแปด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ว่าจะผ่านมาอีกสิบนาทีจนผมเปิดเข้ามาดูเป็นครั้งที่สอง บางทีผมก็คิดนะว่าทำไมอยู่ดีๆถึงได้มาสนใจกับอะไรไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ด้วย ในหัวของผมเดาไปต่างๆนานาว่าสามคนที่อ่านแล้วไม่ตอบนั้นน่าจะเป็นพี่แบคฮยอน พี่จงแด แล้วก็อาจจะพี่ลู่หาน




     

    แต่ว่านะ คุณเข้าใจหรือเปล่า?

     

    แม้แต่ผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลย




     

    “....”




     

    ผมเหมือนเด็กเรียกร้องความสนใจแค่เพราะอยากได้สิ่งที่โดนขโมยไปกลับคืนมา

     

     







     

     

     

     

     

    He be my queen since we were sixteen

    We want the same things,

    We dream the same dreams, alright

     

    But I know, I know, I know for sure

     

     

     

     

     

     

     

    40%
    #StealKH

     

     

     

     

    _________________________

     

    เป็นไคฮุนอีกแบบที่คิดจะเขียนมานานมากแล้ว

    ขอบคุณแคนดี้และรูปเมื่อวานนี้

    ขอบคุณไคฮุนสำหรับแรงมโน

    ขอบคุณเอ็กโซทุกคนที่ได้แซะถึง 555555555555555555555


     


     

    อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจหรือติดแท็ก  #StealKH  ให้ไปส่องหน่อยน๊า <3



     

    M
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×