ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) RED SNITCH | sekai chankai (Hogwarts!AU)

    ลำดับตอนที่ #5 : 05 | THE MIND IS NOT A BOOK

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 61


     

     

    RED SNITCH

    (AU!HOGWARTS)

    OSH | KJI | PCY

     

     

    ( 5 )

    ‘THE MIND IS NOT A BOOK’

     

     

     

    ปิดเทอมฤดูหนาวมาเยือนแล้ว นั่นหมายถึงช่วงเวลาสุดพิเศษของนักเรียนที่เกียจคร้านและอยากผจญภัย หรือเอ่อ -- บางคนก็แค่โฮมซิกนิดหน่อย เสียงหูดรถไฟดังก้องชานชาลาฮอกส์มี้ด เป็นสัญญาณว่าใครก็ตามที่กำลังร่ำลากับเพื่อนให้รีบแบกกระเป๋าหนีเสียถ้าไม่อยากตกรถไฟ แทมและคีย์โบกมือหยอยๆ ขณะพากันรีบเร่งเพราะกลัวไม่มีที่นั่ง เหลือเพียงคิมจงอินในชุดโค้ตหนา ที่คอมีผ้าพันคอสีแดงสลับเหลืองคอยให้ไออุ่น ชายหนุ่มยืนอยู่บนชานชาลาขณะมองความจอแจสุดท้ายในวันนี้

     

     

    “เฮ้ อย่าลืมตามมาไวๆ ล่ะเพื่อน”

     

     

    เขายิ้มรับคำของแทม สัญญาที่ว่าจะตามไปเยี่ยมคุณนายอีในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของวันหยุดและชิมพายสูตรพิเศษเป็นสิ่งที่ห้ามลืมโดยเด็ดขาด ปีนี้เป็นปีแรกที่พ่อและแม่ไปทำงานอยู่นิวยอร์กในฐานะทูตประสานงานระหว่างกระทรวงเวทมนตร์กับมาคูซ -- อ้า หรือจะออกเสียงว่าอย่างไรก็ช่าง! ถึงแม้แทมออกปากชวนแล้วว่าให้เขาไปอยู่บ้านหมอนั่นแทนการต้องเปล่าเปลี่ยวอยู่ฮอกวอตส์ในปีนี้ แต่จงอินก็ปฏิเสธ เขาแค่อยากได้เวลาอยู่ตามลำพังสักพักหนึ่ง

     

     

    จงอินพ่นควันหนาวออกจากปาก สายตาพลันเหลือบไปเห็นกลุ่มของนักเรียนสลิธีรินที่อยู่ไม่ไกล พลันในใจก็กลับขุ่นมัวขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

     

    เจ้าคนน่ารังเกียจ เขาสบถ

     

     

    ฝันร้ายในคืนงานเลี้ยงผุดขึ้นหลอกหลอนจนเขาต้องรีบหันตัวเดินหนีไปจากตรงนั้น เซฮุนยืนร่ำลากับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะหยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นบนรถไฟไปพร้อมเซเลน่าและเอดิสันประหนึ่งว่าไม่เห็นซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์อยู่ตรงนั้น แต่จงอินสนที่ไหนเล่า ให้ทั้งคู่ห่างกันคนละซีกโลก เขาก็คงจะยิ่งกว่ายินดีด้วยซ้ำ โอ้ วันหยุดนี้จะต้องมีความสุขสุดๆ แน่ ครึ่งเดือนที่ไม่มีโอเซฮุน!

     

     

    เจ้าของผิวสีแทนเลือกใช้วันหยุดแรกไปกับการไล่จับลูกสนิชในสนามควิดดิชตามลำพัง ทั้งทดลองท่าใหม่ๆ เร่งความเร็วเพื่อคำนวณจุดหักที่สามารถทำได้ หรือแม้กระทั่งการลองเดาใจเจ้าสนิชสีทองว่ามันมีรูปแบบการบินหนีอย่างไร อาจจะสักห้า สิบ หรือยี่สิบครั้ง จนกระทั่งร่างกายมันร้องประท้วงว่าเหนื่อยจนแทบทนไม่ไหวแล้วนั่นแหละ คิมจงอินถึงได้ยอมลงจากไม้กวาด เก็บลูกสนิชลงกล่อง ทิ้งตัวเองลงนอนแผ่หลาบนสนามหญ้าพลางครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

     

     

    ท้องฟ้าช่วงปลายปีไม่สดใสเอาเสียเลย ส่วนเขาที่มานอนหนาวโดยไม่สวมชุดควิดดิชอยู่กลางหิมะก็บ้าบอพอกัน ทำไมแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ถึงได้มีเรื่องแย่เกิดขึ้นมากมายนัก จงอินไม่รู้จะลำดับความรู้สึกอย่างไร ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีจัดการกับส่วนที่มืดมนที่สุดในจิตใจ ซึ่งใครบางคนฝังกลับมันไว้ด้วยการกระทำเลวร้ายเกินให้อภัย

     

     

    เขาปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้าหลังต้องข่มตานอนไม่หลับมาหลายคืน นี่เป็นครั้งแรกที่ใจพอจะสงบลงได้บ้าง ไม่ต้องปั้นหน้าฉีกยิ้มให้ใครหรือทำเหมือนทุกอย่างมันปกติเสียเต็มประดา อากาศเริ่มเย็นขึ้นทุกทีแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงท้องฟ้าก็คงมืดสนิท ผิวหน้าของเขาถูกหิมะโปรยปรายลงมาจนชาไปหมด บางทีถ้ามันสามารถกัดกินไปถึงหัวใจจนไม่ต้องรู้สึกอะไรได้ก็คงดี

     

     

    คิมจงอินลืมตาตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกได้ถึงผ้าผืนหนาที่ถูกสะบัดปกคลุมร่างกาย เขาดีดตัวลุกนั่ง พบว่ามันเป็นเสื้อโค้ตตัวเก่งที่เคยเห็นใครบางคนใส่อยู่บ่อยๆ เมื่อปลายปีที่แล้ว

     

     

    นักกีฬาไม่ควรป่วยนะ

     

     

    ปาร์คชานยอลยื่นช็อกโกแลตกบมาให้เขา

     

     

    ซีกเกอร์แห่งทีมกริฟฟินดอร์นิ่งอึ้ง หากใครคนหนึ่งเป็นฝันร้ายอย่างสุดแสนในคืนวันคริสมาสต์ เช่นนั้นใครอีกคนก็คงเป็นฝันที่ช่วยประโลมจิตใจ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากตบหน้าตัวเองหนึ่งครั้งหรือกัดลูกควิชดิชให้ฟันหักไปซี่ เรื่องแบบนี้มันเป็นจริงได้ที่ไหนเล่า คนที่ว่าจะหลบหน้ากันทำไมถึงได้มาอยู่ตรงนี้ ไม่มีทาง

     

     

    ฉันแค่บังเอิญมาเจอนาย สบายใจได้ กัปตันทีมอธิบาย ค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งบนพื้นหญ้าที่เป็นหิมะ ปฏิเสธจะรับเสื้อโค้ตคืนมาเพราะอยากให้อีกฝ่ายห่มมันเอาไว้ก่อน พอเปิดเรียนแล้วเราจะเหลือแข่งอีกแค่สองนัดในปีนี้ มันเป็นสองครั้งสุดท้ายของฉัน ก็เลยทำให้คิดถึงสนามควิดดิชบ่อยกว่าปกติเท่านั้นเอง”

     

     

    คำว่าสุดท้ายทำให้จงอินใจหาย เป็นเรื่องที่รู้แก่ใจว่านักเรียนปีเจ็ดใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ซึ่งมันแย่สิ้นดีที่ก่อนหน้านั้นทั้งคู่อาจจะไม่มีความทรงจำสุดท้ายดีพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝั่งหนึ่งคือคนเห็นแก่ตัวอย่างเขา สิ่งที่ทำลงไปนั้นไม่ใกล้เคียงกับการแก้ไขเลย เขารู้สึกยุ่งยากยิ่งกว่าเก่า และชานยอลเองก็คงจะสับสนเหมือนกันถึงได้ไม่พยายามไล่ตามอย่างทุกที

     

     

    เลือกกัปตันทีมได้หรือยัง

     

     

    ได้แล้ว ชานยอลตอบ มือยกขึ้นทุบอกซ้ายเบาๆ แล้วว่าทั้งรอยยิ้ม รายชื่ออยู่ในนี้แล้ว

     

     

    อย่างนั้นหรือ จงอินหัวเราะ รู้สึกดีขึ้นจมที่ระหว่างเขากับคนข้างๆ ยังพอจะคุยเล่นกันได้ คือว่า

     

     

    คืนนั้น

     

     

    ทั้งคู่พูดขึ้นมาพร้อมกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน สองนักควิดดิชมือดีประจำบ้านกริฟฟินดอร์คงจะหัวเราะลั่นแล้วทึกทักว่าอยากเล่นบทคู่หู ทว่าหลังจากที่เกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมากมายแล้ว จงอินจึงได้รู้ว่าฟางที่เชื่อมระหว่างเขากับชานยอลเอาไว้นั้นบางนิดเดียว แล้วมันก็เพิ่งจะขาดลงเมื่อครู่ ทิ้งให้สองหนุ่มจมลงสู่ทะเลของความกระอักกระอ่วน อึดอัดและน่ารำคาญ

     

     

    คนแก่กว่าพรูลมหายใจ ส่วนเขาได้แต่เม้มปากปิดสนิท นายก่อน

     

     

    จงอินส่ายศีรษะ

     

     

    ชานยอลกระแอมไอเล็กน้อย เอี้ยวตัวมาหาเขาจะแทบจะหันหน้าหากัน ทั้งใบหูใต้หมวกไหมพรมและจมูกก็ดูแดงอย่างประหลาด ตรงกันข้ามกับอากาศหนาวๆ ที่น่าจะทำให้เลือดลมไม่ไหลเวียน คืนนั้น ฉันอยากขอโทษนายที่มัวแต่ตกใจ บางทีฉันน่าจะคว้าแขนนายเอาไว้

     

     

    คนฟังเห็นด้วยโดยการไม่ค้านอะไรออกไป แน่ล่ะว่าถ้าชานยอลเลือกทำอย่างนั้น คืนคริสมาสต์อาจจะเป็นอะไรที่ดีกว่าความเป็นจริงขึ้นมาหน่อยก็ได้ เพราะอย่างน้อยคนคนนี้ก็คงไม่ทำอะไรเหมือนกับหมอนั่น ต่อให้เขาและชานยอลจำต้องแตกกันไป แต่จงอินก็แน่ใจว่าคงไม่มีคนใดคิดจะแว้งกลับมาทำร้ายกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงกันข้ามกับ — เขาไม่อยากนึกถึงชื่อนั้น ไม่อยากปล่อยให้ความทรงจำอันแสนเลวร้ายกลับมาครอบครองพื้นที่ในสมองอีกแล้ว

     

     

    เป็นความจริงที่ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกผิดเหลือเกิน นายใจร้าย แต่ฉันก็เร่งรัดความรู้สึกนี้จนเกือบจะพังความสัมพันธ์ของเราลง” เชสเตอร์มือหนึ่งของทีมว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่นายจูบฉันในตอนที่เรากำลังคุยกันเรื่องตัดใจ นายอยากให้ฉันคิดว่ายังไงจงอิน

     

     

    เจ้าของผิวสีแทนนิ่งเงียบ แต่ดวงตากระสับกระส่ายไปมาอย่างคิดไม่ตก คิมจงอินควรจะบอกออกไปจริงๆหรือ ทั้งสิ่งที่เขาคิด ที่เขาทำ ทุกๆ อย่างเดินทางเข้าสู่จุดตัดและกำลังจะผ่านเลยไปในไม่ช้า

     

     

    “ฉัน...”

     

     

    ชานยอลรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ “ฉันแปลกใจที่นายตอบไม่ได้นะ — ช่างเถอะ มันสำคัญเสียเมื่อไร”

     

     

    จงอินไม่รู้ว่าชานยอลพูดจริงหรือเล่น หากกัปตันทีมก็แค่ยิ้มเหมือนอย่างเคย ทว่าภายในใจเขากลับรู้สึกเจ็บปวด ไม่อยากคิดว่าความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นในตอนนี้มีผลมาจากสิ่งที่โอเซฮุนได้กระทำเอาไว้ เขาไม่ได้ต้องการคนปลอบใจ และไม่ได้ต้องการให้ความรู้สึกไขว้เขวในฐานะชายหนุ่มเหล่านี้ลงหลักปักฐานกับคนตรงหน้าด้วย บางทีเขาควรจะหันไปหาคริสตัล จอง แต่ก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่า เขาไม่นึกถึงเธอ เช่นเดียวกับที่ท่าจับลูกสนิชเท่ๆ ของซีกเกอร์แห่งบ้านสิงโตดูเท่น้อยยิ่งกว่ามายากลห่วยๆ ของเจสัน ฟอกซ์เสียแล้ว

     

     

    “แล้วตอนนี้นายพยายามอยู่หรือเปล่า”

     

     

    อีกฝ่ายทำตาโต เข้าใจว่าเขาคงหมายความถึงคำพูดของตนเมื่อคืนนี้ “พยายามสิ แต่มันยากน่าดู” พยายามสร้างระยะห่าง พยายามตัดใจเพราะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นคือทั้งหมดที่ปาร์คชานยอลทำ

     

     

    ช่วงเวลาของจุดตัดกำลังจะผ่านเลยไป ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างเป็นคนไม่รู้จัก เดินทางมาจากต่างถิ่นต่างหนแห่ง จากนั้นจึงบรรจบเข้าด้วยกันเป็นความสนิทชิดเชื้อ และอีกไม่นานหลังจากนี้ ต่างฝ่ายก็ต่างต้องแยกจากกันไป และจงอินยังนึกไม่ออกเลยว่าตราบใดที่ทุกอย่างยังคารังคาซังแบบนี้ เขากับชานยอลจะมีหน้ามาเจอกันในอนาคตหรือ

     

     

    ริมฝีปากอิ่มอ้าขึ้น หุบลง แต่แล้วก็อ้าขึ้นอีก

     

     

    “ฉันอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม”

     

     

    คิมจงอินเอ่ยคำพูดหยุดโลก ชานยอลถึงกับนิ่งค้างยิ่งกว่าเก่า มือใหญ่เผลอขยำกางเกงส่วนหน้าขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ว่าจะทบทวนคำพูดจงอินอีกสักร้อยครั้ง เชสเตอร์หนุ่มก็ค่อนข้างแน่ใจว่าตนเองฟังผิดไป

     

     

    เหมือนเดิม นั่นไม่เหลืออยู่ในความเป็นจริงอีกแล้วด้วยซ้ำนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ฮอกส์มี้ด บางทีจงอินคงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่พูดมันออกมา หรือแม้แต่เขาเองก็บ้าด้วยที่ยังใจเต้นแรง ปล่อยให้ความดีใจและขมขื่นปนเปกันจนยุ่งเหยิงไปหมด อย่างไรก็ตาม คำว่าเหมือนเดิมนั้นเป็นสิ่งที่เจ็บปวด เพราะหมายถึงการที่พวกเขาไม่ได้เดินต่อไปข้างหน้าและไม่อาจหันหลังกลับได้อีก

     

     

    ทั้งสองมองหน้ากันราวกับหยั่งเชิง บางทีความสัมพันธ์นี้อาจดำเนินมาถึงจุดเลวร้ายที่สุดแล้วก็ว่าได้ ต่างฝ่ายจึงต่างต้องการข้อแลกเปลี่ยนเพื่อจะดำรงไว้ซึ่งตัวตนของอีกคน หากชีวิตของคิมจงอินขาดปาร์คชานยอลไป มันอาจจะร้ายแรงพอๆ กับการสูญเสียความอบอุ่นทั้งหมดในจิตใจ หรือถ้าเป็นปาร์คชานยอลที่สูญเสียคิมจงอิน โลกทั้งโลกคงดำมืดลงทันตา

     

     

    ชานยอลแค่นหัวเราะขมขื่น ดวงตาเบนหนีไปยังหิมะทีมเปลี่ยนให้สนามควิดดิชกลายเป็นทุ่งหนาวเหน็บขนาดย่อม

     

     

    และเขายังรู้อีกด้วยว่าเส้นด้ายบางๆ ที่เชื่อมระหว่างตนกับกัปตันทีมเอาไว้มีหน้าตาเป็นอย่างไร ตั้งแต่การจูบครั้งแรก ปาร์คชานยอลก็ประกาศชัดแล้วว่าพร้อมจะอยู่กับเขาแค่ในฐานะคนรักเท่านั้น ตรงกันข้ามหากคิมจงอินไม่อาจตอบรับความรู้สึกนั้นได้ เขาก็แค่ต้องถูกทิ้งอยู่กลางหิมะนี้ตัวคนเดียวต่อไปแม้จะอยากคว้าใครเอาไว้ก็ตาม

     

     

    “ปล่อยให้มันผ่านไป จงอิน” คนแก่กว่าตัดบท จากนั้นจึงหันมายิ้มให้เขาเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอกันอีกครั้ง “แค่ตอนนี้... ปล่อยให้มันผ่านไปก่อน”

     

     

    ไม่ — ไม่ใช่แบบนั้น

     

     

    เขาอยากรั้งชานยอลเอาไว้

     

     

    “ตอนนี้ฉันยังวนเวียนอยู่รอบตัวนายก็เพราะมีความหวัง แต่สักวันเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แน่” ชานยอลใช้น้ำเสียงเหมือนกับตอนอธิบายกลยุทธ์การแข่งขันควิดดิชไม่มีผิด สักวันน่ะมันเมื่อไรเล่า อีกหนึ่งปี สองปี หรือว่าตลอดไปนับจากนี้ที่จะไม่มีปาร์คชานยอลคนเดิมอีกแล้ว

     

     

    การรับรักชานยอลไม่ใช่เรื่องยาก ซีกเกอร์หนุ่มไม่รู้สึกเลยว่าเขาจะต้องฝืนใจมากมายนักเพื่อยอมรับเงื่อนไขในการคงอยู่ของอีกฝ่ายไว้ หากส่วนที่มืดมนในจิตใจก็บีบบังคับให้คิมจงอินทำตรงกันข้าม มองดูอีกฝ่ายค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ปัดเศษหญ้าออกจากกางเกงก่อนจะพรูลมหายใจเป็นควันขาวซึ่งจางหายไปในอากาศ

     

     

    “อืม ฉันจะรอ”

     

     

    จงอินตอบออกไปแค่นั้น ฟุบหน้าลงกับเข่าที่ชันขึ้นขณะเงียบฟังเสียงฝีเท้าที่ลาจาก หลังจากนี้เป็นอนาคตที่เขาจะไม่มีวันได้สัมผัส เมื่อจบจากฮอกวอตส์ไปก็ง่ายดายว่าทั้งคู่จะกลายเป็นชีวิตที่อยู่คนละโลกโดยสิ้นเชิง ชานยอลอาจกลายเป็นมือปราบมารคนเก่งของกระทรวงในขณะที่เขายังเป็นนักเรียนอยู่ที่นี่ ชานยอลคงได้พบเจอคนใหม่ๆ ที่จะทำให้ลืมคิมจงอินไปได้ ในขณะที่เขายังคงติดอยู่กับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ อีกสองปี

     

     

    วันหยุดฤดูหนาวชั้นปีห้า คิมจงอินตัดสินใจสละสิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิตไป

     

     

     

     






     

     

     

     

    โอเซฮุนวางกระเป๋าเดินทางลงหน้าคฤหาสน์สูงใหญ่ในย่านกริมโมลด์เพลส มือขาวซีดกระชับเสื้อโค้ตและผ้าพันคอไหมพรมสีเขียวเข้มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ ริมฝีปากได้รูปพ่นควันออกไปในอากาศ ก่อนจะล้วงหยิบกุญแจสีทองในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาไขประตูสีไม้โอ๊กแกะสลัก จากนั้นจึงผลักเปิดเข้าไปอย่างเงียบเชียบเพราะไม่อยากให้คุณนายโอรู้ตัวไวนัก

     

     

    ตามกำหนดการที่แจ้งไว้ทางจดหมายแล้ว เขาควรจะต้องอยู่อ่านทบทวนการสอบว.พ.ร.ส.ที่ฮอกวอตส์ร่วมกับเพื่อนๆ จนถึงวันมะรืน แต่ท้ายแล้วเขากลับยกเลิกมันทั้งหมดเพียงเพื่อจะหาสถานที่สงบๆ ตั้งสติให้ตนเองตลอดช่วงวันหยุดฤดูหนาวนี้ มีเวลาครึ่งเดือนหลังจากการกระทำอุกอาจที่ได้ทำลงไปกับคิมจงอินในห้องน้ำพรีเฟ็ค

     

     

    น้ำตาของจงอินทำให้เขาปวดใจได้อย่างเหลือเชื่อ แต่สังหรณ์บางอย่างก็เตือนว่าถ้ายอมปล่อยอีกฝ่ายในตอนนั้น โอเซฮุนจะไม่มีสิทธิ์ครอบครองคิมจงอินได้อีกตลอดกาล แน่นอนว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขายกให้ผลลัพธ์เป็นจุดมุ่งหมายอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม หากมันทำให้จงอินยอมพ่ายแพ้อยู่แทบเท้าได้ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องคิดมากทั้งนั้น

     

     

    ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก เอาเถิด ไม่มีประโยชน์ที่จะร้องไห้ให้กับน้ำยาที่หกไปแล้ว

     

     

    ยิ่งได้เห็นคนคนนั้นที่ชานชาลาฮอกส์มี้ด เซฮุนก็ยิ่งอยากปลอบใจว่าความเลวร้ายที่เขาทำลงไปนั้นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของอะไรดีๆ ในอนาคตก็เป็นได้ จงอินเกลียดเขา แล้วอย่างไรล่ะ? เกลียดมากก็หมายความว่ารู้สึกมาก อีกเดี๋ยวปาร์คชานยอลก็จะเรียนจบแล้ว เมื่อศัตรูหัวใจหายไป โอกาสก็มากขึ้นตาม!

     

     

    วันนี้บ้านตระกูลโอก็เงียบเหมือนอย่างเคย บางทีพ่อกับแม่อาจจะจิบชาแล้วดูสารคดีผู้วิเศษอยู่ในห้องหนังสือก็เป็นได้

     

     

    กล่องของขวัญขนาดหนึ่งกำปั้นสองอันถูกซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อโค้ต เขาได้ยินเสียงพูดของบิดาหลังบานประตูอย่างที่คิดเอาไว้ ควรทักทายว่า เมอร์รี่คริสต์มาสย้อนหลัง! หรือว่า สุขสันต์วันปีใหม่ล่วงหน้า! จึงจะเหมาะสมกว่ากันในการเซอร์ไพร์ส นานๆ ทีบ้านหลังนี้ก็ควรจะครึกครื้นบ้างเป็นไร

     

     

    หากเมื่อแง้มประตูเปิดออกเพื่อดูลาดเลา เจ้าชายแห่งบ้านสลิธีรินกลับต้องชะงักกึก

     

     

    “ผมจัดการศพของวู้ดแมนอย่างแนบเนียน พวกมือปราบมารสาวมาไม่ถึงเราแน่นอนครับ”

     

     

    ศพ?

     

     

    การที่พ่อไม่ได้กำลังคุยอยู่กับแม่ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายนัก ตระกูลโอมักจะมีแขกเหรื่อแวะเวียนมาบ่อยครั้ง ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็นึกไม่ออกว่างานที่ปรึกษาพิเศษในกระทรวงเวทมนตร์จะเกี่ยวข้องกับการอำพรางศพและหลบซ่อนจากพวกมือปราบมารไปได้อย่างไร

     

     

    “ทำได้ดีมาก อีกไม่นานข้าจะกลับมาคิดบัญชีพวกมัน”

     

     

    “เราจะต้องทวงคืนอำนาจให้ท่านได้สำเร็จครับ”

     

     

    อีกเสียงหนึ่งแหบพร่าและทุ้มต่ำจนน่าขนลุก ฟังดูคล้ายกับเสียงชายแก่ๆ ในสภาพซากศพสักคนหนึ่ง เซฮุนรู้ว่าเขาไม่ควรจะมาแอบฟังอย่างนี้เลย แต่หากพับบานประตูปิดตอนนี้ เสียงล็อกของกลอนก็จะต้องเรียกความสนใจจากสองคนนั้นได้อยู่ดี

     

     

    ในที่สุดเขาจึงสูดลมหายใจลึก ยอมโผล่หน้าออกไปทักทายพ่อและแขกน่าสงสัยคนนั้นคงจะดีกว่ามาหลบๆ ซ่อนๆ อยู่อย่างนี้ แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเสีย ทำเหมือนชื่อวู้ดแมนไม่อยู่ในหัวสมอง ไม่เคยได้ยินมาก่อน เขาเพิ่งกลับมาถึงเมื่อนาทีก่อนนี้เอง!

     

     

    “เมอร์รี่คริสต์มาสย้อนหลั—”

     

     

    เขาเผลอหยุดหายใจ

     

     

    “— ครับพ่อ...”

     

     

    นอกจากวิลลิส โอแล้ว ในห้องหนังสือไม่มีวี่แววของบุคคลที่สองอยู่เลย

     

     

    หัวหน้าตระกูลโอคนปัจจุบันดึงแขนเสื้อลงปิดถึงข้อมือ จากนั้นจึงผุดลุกขึ้นยืนทั้งรอยยิ้มกว้าง ก่อนอ้าแขนออกต้อนรับบุตรชายคนเดียวให้จมเข้าสู่อ้อมกอดหลังไม่ได้เจอหน้าค่าตามาตลอดสามเดือน เซฮุนกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ เขาแน่ใจว่าบทสนทนาเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบวินาทีด้วยซ้ำ คู่สนทนาไม่มีทางที่จะหายตัวไปดื้อๆ แค่จังหวะที่เขาผลักประตูเข้ามาแน่

     

     

    “ยินดีต้อนรับกลับ ลูกคนเก่งของพ่อ”

     

     

    แล้วพ่อกำลังคุยกับใครอยู่?

     

     

     

     

     

     


     

     

     

     

     

    สองสัปดาห์ผ่านไปรวดเร็วเสียจนใครต่อใครต่างโอดครวญ เว้นเสียแต่คิมจงอินที่มั่นใจกว่าครั้งไหนว่าน่าจะสอบผ่านว....ได้อย่างน้อยก็สองวิชา ช่วงสัปดาห์แรกของวันหยุดหมดไปกับการลุยอ่านหนังสือหลังเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆ ส่วนในสัปดาห์หลัง เขาเดินทางไปขลุกตัวในบ้านของแทมซึ่งอยู่ที่หมู่บ้านอัตเทอรี่ เซนต์ แคทช์โพล เขตเดวอน ชิมรสชาติพายสูตรพิเศษของคุณนายอีจนน้ำหนักขึ้นมาเกินหนึ่งกิโลกรัม จากนั้น เขากลับมาที่ฮอกวอตส์พร้อมกันกับเพื่อนสนิท โดยได้พายอบกรอบแบบพอดีคำมาอีกหนึ่งกระปุกใหญ่ๆ ด้วย

     

     

    แทมเริ่มเบื่อพายจะแย่ หนุ่มร่างผอมเริ่มบ่นว่ากางเกงชักจะคับขึ้น ซึ่งนั่นอันตรายแน่ๆ

     

     

    วันรุ่งขึ้นโรงเรียนจะเปิดสอนตามกำหนดการณ์ จงอิน แทม และคีย์รวมตัวกับเพื่อนบ้านกริฟฟินดอร์อีกราวสามถึงสี่คนมานั่งติวที่โถงอาหาร เขาคิดถึงเอแคลร์ช็อกโกแลตสูตรเอลฟ์ประจำบ้าน มันทำให้สมองแล่นมากกว่าปกติ

     

     

    ระหว่างนั้น คีย์ซึ่งอู้การติวด้วยการหยิบหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตมาอ่านก็พูดขึ้น

     

     

    หวา พวกเขาเจอศพอีกแล้ว!” จงอินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนวิชาปรุงยา นึกสนใจเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับโลกเวทมนตร์กันแน่นี่เป็นศพที่สองแล้วน่ะซี ก่อนหน้านี้ก็เอ็ดการ์ วู้ดแมน เจ้าหน้าที่กองตรวจสอบการใช้เวทมนตร์ ถึงข่าวจะออกมาว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่พ่อของฉันบอกว่ามีอะไรแปลกๆ

     

     

    พ่อของคีย์ทำงานอยู่ในกองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ ดังนั้นบางครั้ง พวกเขาจึงได้รับข่าวสารเชิงลึกจากการบอกเล่าของคีย์อยู่บ้าง หาได้ยากที่จะมีพ่อมดแม่มดเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางเวทมนตร์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้นเลย ถึงอย่างนั้นสองเหตุการณ์นี้จึงมีผู้วิเคราะห์ว่าแปลกอยู่ไม่น้อย

     

     

    แล้วคราวนี้เป็นศพของใครเล่าจงแดถาม

     

     

    โทมัส แองเกน่า เขาเป็นมือปราบมาร ตายด้วยคำสาปพิฆาตอย่างแน่นอน

     

     

    กลุ่มชายหนุ่มทั้งหกคนฮือฮาเมื่อคีย์หันหน้าข่าวให้ดู ถึงตอนนี้จะยังไม่มีประกาศเตือนภัยอย่างเป็นทางการจากกระทรวงเวทมนตร์ออกมา แต่อีกไม่นานนี้ต้องมีแน่

     

     

    คิมจงอินหน้าตึงขึ้นถนัดตา ไม่ใช่เพราะเคร่งเครียดกับสถานการณ์แปลกๆ สุดอันตรายในตอนนี้ แต่เป็นเพราะเห็นใครบางคนเดินเข้ามาภายในโถงอาหารพร้อมกับกลุ่มเพื่อนชาวสลิธีรินอีกสามคน โอเซฮุนเองก็น่าจะกลับถึงฮอกวอตส์ด้วยรถไฟขบวนเดียวกันกับเขา อีกฝ่ายอยู่ในชุดเสื้อคอเต่าสีขาว บนแขนพาดเสื้อโค้ตสีดำสนิทเอาไว้ จงอินนึกโกรธตนเองนักที่สายตาทำงานไม่เข้าเรื่อง เขาสั่งมันให้กดลงมองหนังสือตามเดิม แต่ก็ช้ากว่าการที่เซฮุนหันมาสบตากันอย่างพอดิบพอดี

     

     

    ทั้งร่างของเขาร้อนรุ่มเมื่อนึกถึงคืนงานเต้นรำที่แสนน่ารังเกียจ ถึงพยายามจะกินเอแคลร์ให้อร่อยต่อไปอย่างไร แต่ก็พะอืดพะอมจนยัดอะไรลงท้องไม่ไหวอีกแล้ว

     

     

    ฉันจะไปเข้าห้องน้ำจงอินรีบบอกกลุ่มเพื่อนก่อนที่เขาจะแสดงอาการอาเจียนออกมา

     

     

    หากออกจากโถงแค่ไม่กี่ก้าว ก็เกือบชนเข้ากับปาร์คชานยอลและลูคัส ทิลซึ่งกำลังเดินคุยเรื่องการสอบส....กันอย่างออกรส

     

     

    ขอโทษทีเขาชิงพูดออกไปทั้งสีหน้าไม่สู้ดีนัก ถึงยากจะพูดอะไรกับชานยอลให้มากขึ้น แต่บทสนทนากลางสนามควิดดิชเมื่อวันก่อนก็ลอยเข้ามาให้ต้องหลบสายตาแล้วเดินหนีอยู่ดี

     

     

    ซีกเกอร์หนุ่มคิดมาตลอดว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเขาดีขึ้นมากแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เลย เรื่องบ้าๆ นั่นยังฝังตัวอยู่ในทุกอณูความทรงจำ คล้ายจะเย้ยหยันว่าคิมจงอินช่างน่าสมเพชถึงขนาดเปิดช่องให้อริลบหลู่ศักดิ์ศรีได้ เขาวักน้ำลูบหน้าลูบตา เงยขึ้นอีกทีก็เห็นใครบางคนยืนซ้อนหลังอยู่ในบานกระจก เรียกให้เจ้าของผิวสีแทนจำต้องหมุนตัวกลับไปหาอย่างเชื่องช้า

     

     

    ชานยอลไม่ได้อยู่กับลูคัส แต่อยู่ต่อหน้าเขานี่เอง

     

     

    เป็นอะไรไป ไม่สบายหรือ

     

     

    จงอินเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง นี่คือหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาไม่รู้จะพูดอะไรกับกัปตันทีม ชานยอลเคยเป็นคนที่ทำให้สบายใจที่สุดเมื่ออยู่ด้วย ทว่าในตอนนี้กลับนึกถึงแต่ระยะห่างที่ชานยอลวอนขอถึงสองครั้งสองครา เขาพยายามจะทำเฉยอย่างที่รับปาก แต่ต้องยกเว้นตอนที่อยู่ประจันหน้ากันด้วยความจงใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างนี้

     

     

    เปล่า ไม่เป็นอะไรมากหรอกชายหนุ่มดีใจที่ได้รับความเป็นห่วง ดีใจที่ชานยอลยอมละเมิดคำพูดของตนเองเพียงแค่เห็นว่าเขาดูไม่ดีขนาดไหน หากการตอบปฏิเสธก็ไม่ต่างอะไรจากจุดสิ้นสุดบทสนทนา ชานยอลอึดอัดเกินกว่าจะพูดอะไรต่อ ผิดกับจงอินที่อยากให้มันเกิดอะไรขึ้นก็ได้เพื่อยื้อคนตรงหน้าเอาไว้

     

     

    อยากไปห้องพยาบาลหรือเปล่า

     

     

    คนแก่กว่าตัดสินใจพูดเท่าที่จำเป็น เขารู้ว่าชานยอลเจ็บแค่ไหนจากดวงตาคู่นั้น รู้ทั้งรู้แต่ก็แสร้งทำเป็นปกติเหมือนอย่างก่อนหน้านี้ บางทีคิมจงอินคงเห็นแก่ตัวเกินกว่าจะกล้าเสียสละสิ่งสำคัญในชีวิตจริงๆ อย่างที่ได้ตั้งใจเอาไว้

     

     

    เป็นห่วงหรือไง

     

     

    ห่วงซีชานยอลตอบโดยไม่คิดนี่ฉันกำลังละเมิดข้อตกลงของเราอยู่นะ

     

     

    หนุ่มปีห้าแค่นหัวเราะเบาๆ แต่พออ้าปากจะพูดอะไรต่ออีก เสียงคุยโหวกเหวกของกลุ่มนักเรียนที่กำลังตรงมายังห้องน้ำก็ทำให้ทั้งคู่ชะงักการโต้ตอบใดๆ เอาไว้ ชานยอลได้จังหวะถอยตัวออก วางมือใหญ่ที่แสนอบอุ่นลงบนศีรษะของเขาแล้วยีเบาๆ อย่างที่เคย ตามความเคยชินแล้วจงอินไม่ควรต้องรู้สึกอะไรกับมัน เขาได้สิ่งที่อยากได้มาตลอด กัปตันทีมพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะทำตัวเป็นปกติ ถึงแม้ว่าลึกๆ แล้วทั้งคู่รู้ดีว่าระยะห่างมันเพิ่มมากขึ้นเท่าไร

     

     

    ดูแลสุขภาพด้วย ฉันจะแจ้งตารางซ้อมผ่านจงแดไปอีกที

     

     

    ปาร์คชานยอลทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินสวนกับเอดิสัน หวงและเพอร์ซิวัล โบนส์ซึ่งเบะปากทันทีที่เห็นเขาอยู่หน้าอ่างล้างมือ จงอินจำได้ว่าสองคนนี้คือกลุ่มนักเรียนบ้านสลิธีริน เขาจึงไม่สบอารมณ์อยู่บ้างที่ต้องถูกเขม่นใส่ ถ้าเป็นในช่วงอารมณ์ปกติ จงอินแน่ใจว่าพวกนี้ได้โดนดีแน่

     

     

    เอดิสันและเพอร์ซิวัลแยกย้ายกันเข้าสุขา แต่ทันทีหลังจากนั้น โอเซฮุนก็ตามเข้ามาในห้องน้ำทั้งใบหน้าราบเรียบ

     

     

    คราวนี้จงอินโกรธจนหน้าขึ้นสี ไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นแค่ความบังเอิญไร้สาระในเมื่อเซฮุนชอบปรากฏตัวด้วยจังหวะเลวร้ายอยู่เสมอๆ อีกฝ่ายแสร้งทำเป็นเลิกคิ้วแปลกใจ สร้างการแสดงห่วยแตกขึ้นคล้ายจะกวนประสาทกันอย่างไรอย่างนั้น ถ้าเป็นทุกทีเขาคงตะโกนด่าอย่างจงเกลียดจงชังไปแล้ว แต่นั่นคงน้อยเกินไปถ้าเทียบกับความขยะแขยงที่มีในใจ มันมากจนถึงขนาดไม่อยากจะมองหน้าหมอนี่เกินวินาทีด้วยซ้ำไป

     

     

    แต่ในจังหวะที่จะเดินหนีออกจากห้องน้ำ ต้นแขนก็ถูกกระชากกลับมาให้ยืนประจันหน้า และโดยไม่ทันตั้งตัว เซฮุนบีบกรามของเขาแล้วกดริมฝีปากแนบลงมาเช่นเดียวกับคืนนั้นไม่มีผิด พอขัดขืน ร่างก็ถูกดันจนแผ่นหลังชิดผนังกระเบื้องเย็นเยียบ จงอินต่อต้านด้วยการเบี่ยงใบหน้าหนี กัดริมฝีปากคนน่ารังเกียจจนเลือดซิบ ส่วนกำปั้นก็ตบเข้าที่ศีรษะคุณชายสลิธีรินจนหน้าหัน

     

     

    โอเซฮุนหันกลับมามองเขาทั้งรอยยิ้มอดทนอดกลั้น บนปากมีเลือดซิบจากฝีมือซีกเกอร์คนเก่งแห่งบ้านสิงโตเมื่อครู่นี้

     

     

    คนรึอุตส่าห์คิดถึงแทบแย่

     

     

    ไปตายซะเขาสบถลอดไรฟัน แต่เซฮุนกลับเท้ามือลงกับผนัง เลื่อนใบหน้าเข้ามากระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงเบาหวิวขนาดที่เอดิสันกับเพอร์ซิวัลไม่มีทางจะได้ยิน

     

     

    แต่คนที่เห็นหน้าฉันแล้วทนไม่ไหวคือนายนี่นา

     

     

    สะอิดสะเอียน!”

     

     

    จงอินผลักคนตรงหน้าออกไปให้พ้นทาง ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าขนาดเดินออกมาถึงทางเดินแล้ว เจ้าคนฉวยโอกาสก็ยังเดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามเขามาติดๆ เซฮุนเลียริมฝีปากเปื้อนเลือดของตน ไม่สนใจว่าคนที่เดินสวนจะสนใจบาดแผลหรือการเห็นสองซีกเกอร์บ้านคู่กัดอยู่ด้วยกันมากกว่า คิมจงอินกำลังฉุนเฉียวเต็มที เขาโกรธจนตัวสั่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเร่งฝีเท้าไวๆ หวังจะสลัดเจ้าตัวปัญหาให้หลุดไป

     

     

    ไม่เอาน่า นายอยากให้เราพลอดรักกันกลางโถงอาหารจริงๆ หรือกัปตันทีมสลิธีรินดักคอเขา หรืออันที่จริงแล้วใช้คำว่าข่มขู่น่าจะเหมาะกว่า จงอินคิดว่าถ้ากลับไปหากลุ่มเพื่อนแล้วจะหนีพ้น แต่คำของเซฮุนทำให้เกิดกลัวขึ้นมาว่าหมอนี่จะทำอะไรแผลงๆ อีก

     

     

    ไปไกลๆ จากฉันจงอินพูดโดยไม่หันไปมองหน้า อาการพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียนกำลังพุ่งตัวมาจุกอยู่ตรงคออีกแล้ว อย่างไรก็ทำเฉยใส่กันมาได้ตั้งสองสัปดาห์ แต่ทำไมถึงต้องเรียกนรกกลับมาสู่ชีวิตเขาด้วยการคุกคามกันไม่เลิกอย่างนี้อีก

     

     

    เฮ้ นายก็รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง

     

     

    เซฮุนกระซิบ ทำเอามือที่ร่ำจะหยิบไม้กายสิทธิ์ของเขาสั่นกึก ถ้าสร้างปัญหากลางทางเดินขึ้นมาตอนนี้ มีหวังบ้านกริฟฟินดอร์คงถูกตัดคะแนนจนร่อยหรอแล้วก็โดนกักบริเวณแน่ จะอย่างไรจงอินก็ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนไปด้วย เขาพยายามใช้เวลาในช่วงสั้นๆ คิดหาสถานที่ตามใจหมอนี่ แต่ก็ปลอดภัยสำหรับตนเองขึ้นมาให้ได้ ผลเลยลงท้ายที่ห้องเก็บไม้กวาดซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโถงใหญ่นั่นเอง

     

     

    ทันทีที่เข้ามาได้ เซฮุนก็เอ่ยคาถาพอดีกับที่เขาล้วงมือหยิบไม้กายสิทธิ์ได้ไวจนน่าโมโห

     

     

    เอ็กซ์สเปลล์ลิอาร์มัส

     

     

    เท่านั้นไม้แอชขนหางยูนิคอร์นก็กระเด็นหลุดจากมือคิมจงอินราวกับภาพฉายซ้ำ เขากัดฟันกรอด จ้องหน้าเจ้าชายแห่งสลิธีรินอย่างกินเลือดกินเนื้อ

     

     

    เซฮุนเสียบไม้กายสิทธิ์ขนาดสิบเอ็ดนิ้วครึ่งของตนไว้กับขอบกางเกงด้านหลัง จากนั้นจึงย่างสามขุมหาซีกเกอร์คู่ปรับ ซีกหน้าข้างซ้ายยังระบมจากหมัดของจงอินเมื่อครู่นี้ไม่หาย แต่แค่นี้เทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในใจจนเหมือนจะระเบิด

     

     

    ฉันไม่คิดว่านายกับปาร์คชานยอลจะยังเข้าหน้ากันติดหนุ่มบ้านงูแค่นยิ้ม ใช้สายตาโลมเลียคนในชุดสเวตเตอร์สีน้ำเงินเข้มอย่างจงใจอย่างน้อยๆ ก็น่าจะไว้หน้ากันหน่อย

     

     

    สาบานกับเมอร์ลินว่าฉันคิดแค่อยากจะฆ่านายจงอินโพล่งเต็มปากเต็มคำ

     

     

    แน่นอน ที่รักเซฮุนหัวเราะเบาๆ ขยับเข้าชิดอีกคนจนลมหายใจรดกันในระยะประชิดนายขยี้ฉันได้ด้วยปากนี้เลย

     

     

    มือขาวซีดรวบแขนสองข้างของจงอินขึ้นเหนือศีรษะแล้วล็อกไว้ด้วยมือเดียว ส่วนเข่าก็ล็อกเรียวขาที่ทำท่าจะพยศเอาไว้จนอยู่หมัด ถ้าคิมจงอินทำได้แค่ด่ากันด้วยคำพูดแสบๆ คันๆ เหล่านั้น สำหรับโอเซฮุนมันคงมีค่าแค่เร้าใจ เพราะเขาชินกับคิมจงอินที่เป็นคิมจงอินเสียแล้ว

     

     

    จงอินอยากเบี่ยงหนีริมฝีปากคาวเลือดแต่ก็ทำได้ยาก เขาถูกจับหันกรามกลับมาหา บีบบังคับให้อ้าปากรับลิ้นชื้นซึ่งบุกรุกเข้ามากอบโกยทุกสิ่งทุกอย่าง ช่วงชิงจนลมหายใจสุดท้ายกระทั่งแทบขาดใจ เซฮุนเอียงใบหน้าปรับองศาเพื่อจูบเขาอยู่นาน ทั้งกวาดลิ้น กัดเม้มริมฝีปากอิ่มอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะจบช่วงเวลาแห่งความทรมานอันยาวนานด้วยการจูบเบาๆ อีกหนึ่งทีแล้วก้มลงไปยังลาดไหล่

     

     

    ปลายนิ้วแหวกคอเสื้อสเวตเตอร์ออกกว้าง ปากอ้างับลาดไหล่สีแทนจนคนถูกกัดบังเกิดเสียงแปลกๆ ด้วยความเจ็บจี๊ด

     

     

    อะ...!”

     

     

    กัปตันทีมสลิธีรินดูดไหล่เขา แล้วเปลี่ยนมาเป็นฟัดแก้มแรงๆ หนึ่งทีจนจงอินขนลุกซู่ทั้งตัวเพราะรังเกียจเกินจะทน

     

     

    ว่าง่ายจังที่รัก

     

     

    เซฮุนยียวน แต่คิมจงอินในสภาพที่ถูกล็อกแขนล็อกขาสมบูรณ์แบบเช่นนี้จะไปทำอะไรได้นอกจากโขกหน้าผากแรงๆ ไปหนึ่งที เสียงโป๊กดังลั่นห้องเก็บไม้กวาด อย่าว่าแต่โอเซฮุนบิดใบหน้าเหยเก ตัวเขาเองก็เจ็บหน้าผากมากไม่แพ้กัน แต่ก็ถือว่าคุ้ม ดีกว่ายอมให้หมอนี่เล่นสนุกตามใจชอบแล้วตอบโต้ไม่ได้เลยเหมือนอย่างในห้องน้ำพรีเฟ็คนั่น

     

     

    คุณชายตระกูลโอเจ็บทั้งศีรษะซีกซ้ายและหน้าผาก เจ็บยันปากที่ถูกกัดจนได้เลือด จงอินเล่นกันแสบนัก ใจคอจะพยศให้ถึงที่สุด ไม่ยอมงอให้กันบ้างเลยหรือไร แบบนี้มันน่านัก!

     

     

    รู้อยู่ว่าทำให้คนที่เกลียดชังมาเปิดใจให้มันยาก ในเมื่อหัวใจไม่ใช่หนังสือ ไม่ใช่สิ่งของที่จะควบคุมให้เป็นไปตามต้องการได้ง่ายๆ แต่โอเซฮุนปฏิญาณกับตนเองไว้แล้ว ต่อให้อยู่กันคนละซีกโลก หรือยากยิ่งกว่าฝึกมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนาม แต่เขาก็จะเป็นที่หนึ่งในใจของคิมจงอินให้ได้ ไม่ว่าด้วยหนทางหรือวิธีใดก็ตาม

     

     

    เจ้าของผิวขาวซีดยอมถอยตัวออกเพราะไม่อยากหาเรื่องเจ็บมากกว่าเก่า เป็นอย่างที่คิดว่าจงอินรีบรุดไปเก็บไม้กายสิทธิ์ ทำท่าจะเสกคำสาปใส่เขา ถ้าไม่ติดว่าเซฮุนไวถึงขนาดหยิบไม่กายสิทธิ์ขึ้นตั้งท่าพร้อมตอบโต้ได้ทัน ปลายคางคงมีแต่หนองไหลออกมาเต็มไปหมดแล้ว

     

     

    แต่ก็นั่นแหละ โชคไม่เข้าข้างคิมจงอินสักเท่าไรนัก เพราะทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตูห้องเก็บไม้กวาดออกไป ก็ปะทะสายตาเข้ากับลูคัส ทิล นักเรียนปีเจ็ดคนดังคู่หูปาร์คชานยอลอย่างกับเป็นจังหวะจับวาง

     

     

    ลูคัสกะพริบตาปริบ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดรุ่นน้องร่วมหอคอยถึงได้ออกมาจากห้องเก็บไม้กวาด มิหนำซ้ำพอมองเลยเข้าไปด้านใน กลับมีเจ้าชายแห่งบ้านสลิธีรินในสภาพยืนกุมศีรษะยืนทำหน้าตายอยู่ด้วย พอคิดได้ว่าสองคนคงจะเข้าไปหาเรื่องกันประสาคู่ปรับ ตาเจ้ากรรมก็ดันสังเกตเห็นรอยกัดจูบวับๆ แวมๆ โผล่พ้นคอเสื้อซึ่งเอียงกระเท่เร่ไปข้างหนึ่ง

     

     

    เจ้าของผมสีบลอนด์กลืนน้ำลายดังเอื้อก ขอให้สิ่งที่เห็นมีตื้นลึกหนาบางมากพอจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่อย่างนั้นนี่คงไม่ดีกับปาร์คชานยอลแน่ๆ


     

     

     

     

     

    -------------------------------------------



    เป็นเรื่องที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็เขียนยากพอตัวเลย 55555

    ไม่ต้องใจหายเรื่องกัปตันปาร์คนะคะ อยู่ชิงรักหักสวาทด้วยจนจบเรื่องแน่นอน คิคิ


    _________________50%__________________


    ชอบจัง จูบแล้วซัดๆ เนี่ย 5555555555555555

    ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช นะคะ

    จะได้มีไฟมาเขียนให้อ่านเรื่อยๆ T_T



     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×