คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : △ chanbaek | night moves.
Night moves
CHANYEOL X BAEKHYUN
“ได้แค่สองแสนวอนเองเหรอครับ...”
“ผมให้คุณสุดๆแล้วนะ”
“แต่ผมจำเป็น--”
“มากกว่านี้ก็ไม่ไหวหรอกครับ ไม่งั้นคุณต้องลองหาที่อื่นแล้วล่ะ”
“....”
ร่างสูงทอดสายตามองกระเป๋ากล้องสีดำในมือทั้งคิ้วขมวดมุ่น เหมือนทั้งตัวมันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก็ไม่ได้อยากจะเป็นหนี้อะไรหรอกนะ แต่โรงรับจำนำคือแห่งเดียวที่เขาจะได้เงินไวและง่ายที่สุด
สุดท้ายแล้วความจำเป็นก็ชั่งใจชนะ ชายหนุ่มรีบเอี้ยวตัวรั้งเอากระเป๋าเป้เบี่ยงมาทางด้านหน้า ก่อนจะเปิดออกแล้วควานหาของบางอย่างข้างในนั้นภายใต้สายตาของเถ้าแก่โรงรับจำนำ หยิบขึ้นมาเป็นกระเป๋าสีดำความยาวหนึ่งคืบครึ่ง ก่อนมันจะถูกยื่นผ่านช่องเล็กๆให้เถ้าแก่รับมันไปเปิดดู
“เลนส์อันนี้ผมซื้อมาหกแสนวอน”
พูดกับเถ้าแก่ซึ่งกำลังหมุนเจ้าเลนส์กล้องสีดำในมือไปมาอย่างพินิจ ดวงตาเรียวเล็กนั้นเหลือบขึ้นมองเขานิดหน่อย แล้วชายวัยกลางคนก็เขยิบไปหลังจอคอมพิวเตอร์ข้างๆเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง
“ผมให้ได้อีกแสนห้า”
ปาร์คชานยอลคำนวณตัวเลขในใจ “รวมเป็นสามแสนห้า... ยังไม่พอเลย”
“ผมให้คุณได้แค่นี้แหละ” เหมือนเสียงนั้นจะติดตัดบทนิดๆ ชานยอลรู้ดีว่าถ้าเขาไม่พอใจในราคานี้ เถ้าแก่ก็คงจะไล่ให้ไปหาดูที่อื่นเป็นครั้งที่สอง
“งั้นผมขออีกห้าหมื่น” ชายหนุ่มต่อรอง “สี่แสนถ้วน ช่วยผมหน่อยนะครับ นะ”
“....”
“ผมจำเป็นต้องใช้เงินด่วนจริงๆ”
สุดท้ายแล้วชายวันกลางคนหลังกรงเหล็กดัดก็พยักหน้าหยวนๆแบบขอไปที เขานำเอาสิ่งของทั้งหมดยื่นให้ลูกน้องนำไปเก็บภายในห้องนิรภัยด้านใน ส่วนตัวเองก็เอาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ใช้บริการมากดคีย์ข้อมูลเข้าภายในคอมพิวเตอร์
ปาร์คชานยอลหยิบเอากรวยกระดาษมากดน้ำจากเครื่องทำน้ำดื่มแล้วกระดกใส่ปากอย่างกระหาย ให้ตายเถอะ เขาไม่เคยตกต่ำถึงขึ้นต้องเอาของรักของหวงมาฝากแลกเงินอย่างนี้มาก่อน ครั้นจะให้โทรไปหาพ่อแม่ก็น้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออกบอกใครไม่ได้
Rrrr
ไม่ทันขาดคำโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนส์ก็สั่นเรียกให้เจ้าของหยิบขึ้นรับ ครั้นเห็นชื่อบนหน้าจอชานยอลก็ได้แต่ใส่มันกลับไปเข้าไปที่เดิมและปล่อยให้สั่นก้นเขาอยู่อย่างนั้น ถ้าเจ้าหล่อนมีสำนึกเสียบ้างคงคิดได้ว่าเขาไม่อยากได้ยินเสียงหรือเจอหน้าเธออีก
“คุณปาร์คชานยอล”
เสียงจากเถ้าแก่ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งน้อยๆหลังหลุดจากภวังค์ความคิด เขาเดินผ่านชายหญิงวัยกลางคนไปยังเคาน์เตอร์ทางด้านในสุด หนังสือสัญญาขนาดเอห้าถูกยื่นมาตรงหน้า ข้างๆแป้นหมึกดำทางด้านซ้ายที่เขาไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรกับมัน
“ประทับนิ้วหัวแม่มือขวาด้วยครับ” เสียงเข้มๆนั้นพูด ผู้ใช้บริการยอมทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะเก้ๆกังๆประสาคนไม่เคย แต่หลังจากนั้นไม่นานนักเงินจำนวนสี่แสนวอนก็ถูกยื่นมาให้เขาผ่านทางช่องเล็กๆขนาดเล็กกว่าช่องส่งมอบของ
รีบหยิบเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมายัดเงินเก็บลงไปอย่างรีบร้อน โค้งศีรษะให้พอเป็นพิธีร่างสูงก็พาตัวเองออกจากสถานที่ซึ่งเขาได้แต่มองด้วยสายตาเรียบเฉยมาทั้งชีวิต ชานยอลไม่คิดมาก่อนว่าวันหนึ่งชีวิตเขาจะไร้ทางเลือกได้ถึงขนาดนี้ แล้วเงินสี่แสนวอนที่ยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ช่างมากมายและมีค่าเหลือเกิน
ป่านนี้เจ้าหน้าที่หอพักที่ติดต่อไว้คงกลับไปแล้ว ชานยอลยังคงปล่อยให้ตัวเองก้าวอาดๆไปตามฟุตบาธริมถนน ฟังเสียงจอแจของรถราช่วงหัวค่ำภายใต้หัวสมองว่างเปล่า โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยังสั่นไม่หยุด หยิบขึ้นมาครั้งล่าสุดก็ยังเป็นชื่ออีโซรา ถอนหายใจทิ้งอีกเฮือกหนึ่งก็กดตัดสายและปิดเครื่องตัดปัญหาให้หมดไป
ขอบ่นอีกครั้งหนึ่งว่าปาร์คชานยอลไม่นึกไม่ฝันเรื่องเหตุการณ์เมื่อวาน เขาไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ซ้ำเพื่อนที่หอบข้าวของไปฝากอยู่ห้องมันตอนนี้ก็คงจะไม่มีกำลังพอมาช่วยเหลือผู้ชายโชคร้ายอย่างเขาหรอก ชีวิตก็มีเพื่อนสนิทสุดๆอยู่คนเดียว แต่ก็ดันเป็นคนที่หักหลังเขาได้เจ็บแสบเสียยิ่งกว่าผู้หญิงสองหน้าคนนั้นเสียอีก
ชายหนุ่มไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาเดินมาไกลแค่ไหนและมีจุดหมายคือที่ใด เขาแค่เดินไปเรื่อยๆ ผ่านกลุ่มผู้ชายหลายกลุ่มและสายตาแปลกๆที่มองมา ชานยอลไม่คิดว่าเสื้อลายสก็อตทำให้เขาดูเหมือนพวกเร่ร่อน แต่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศแถวนี้แปลกๆ รถราบนถนนไม่เยอะมาก แต่ก็แวะจอดข้างทางกันบ่อยเหลือเกิน
หันกลับไปมองข้างหลังก็เห็นผู้ชายบางคนขึ้นรถไปยังกับถูกแวะรับ แถวนี้มันไม่เหมือนที่รอรถ และเขาเองก็ไม่ค่อยนั่งรถเมล์ผ่านบ่อยนัก เด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนโซลอย่างมากก็ไปแค่ที่ๆจำเป็น
“....!!”
เสียงบีบแตรเบาๆทำเอาชานยอลสะดุ้ง ทางซ้ายมือของเขาคือรถเมอร์เซเดสเบนซ์สีดำเงาวับที่กำลังชะลอลงช้าพอๆกับจังหวะเดิน กระจกฟิล์มทึบค่อยๆเลื่อนลง และใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีเทาเข้มก็ชะโงกมาจากฝั่งคนขับเพื่อมองมาทางเขาซึ่งอยู่บนฟุตบาธ
“เท่าไหร่?”
“....” ชานยอลงง เขาได้แต่หันซ้ายหันขวาพลางกระชับสายสะพายกระเป๋าเป้บนไหล่ให้เข้าที่ขึ้น รอบตัวไม่มีใครเลย หนำซ้ำกลุ่มผู้ชายมากหน้าหลายตาก็อยู่ไกลออกไปทางด้านหลังแล้วมากโข “ผม?”
ชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง แล้วเสียงนั้นก็ตอบกลับมาว่า “ใช่สิ” แล้วถึงถามซ้ำอีกครั้งว่า “เท่าไหร่?”
ปาร์คชานยอลไม่เข้าใจคำว่าเท่าไหร่สักเท่าไรนัก ทำไมต้องถามเหมือนเขาเป็นพวกเร่ขายของ ทั้งที่กระเป๋าของเขาก็เป็นเป้วัยรุ่นธรรมดาๆและไม่มีของห้อยพะรุงพะรังเลย
ชายในรถเอี้ยวใบหน้ามองเส้นถนนทางด้านหลัง เขาคงจะร้อนใจ ถึงได้ถามชานยอลมาอีก “เร็วเข้า เดี๋ยวรถเยอะขึ้นมาแล้วเราจะถูกบีบแตรไล่”
จะเราได้ยังไงในเมื่อชานยอลไม่ได้ขึ้นไปอยู่บนรถคันนั้น เขากลอกตามองซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทางยึกยักๆ พอหันกลับไปมองด้านหลังบ้างและเห็นผู้ชายขึ้นรถไปอีกนั่นแหละ ชายหนุ่มถึงได้พอนึกออกขึ้นมาว่าเขาคงอยู่ในถนนสายอโคจร
“ปกติเธอคิดเท่าไหร่ฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันเสนอราคาให้เธอสองแสนวอน”
“....”
“จะเอาหรือไม่เอา?”
สองแสนวอนนึ่มันครึ่งหนึ่งจากที่เขายอมเอาของรักไปจำนำจนหมดหน้าตักเลยนี่ หันไปอีกครั้งก็เห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ คงคิดว่าเขาเป็นคนร่วมอาชีพแปลกหน้าแต่มาหารายได้ทับที่สินะ
จะตกลงหรือไม่แต่ชานยอลก็รีบพาตัวเองขึ้นไปบนเมอร์เซเดสอย่างเร่งรีบท่ามกลางเสียงโหวกเหวกของคนพวกนั้นซึ่งพากันเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเข้าหา
เมอร์เซเดสสีดำเคลื่อนตัวออกมาแล้ว ปาร์คชานยอลรู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องเจอคนไม่รู้จักชี้หน้าด่าแบบฟังไม่ได้ศัพท์ไล่หลังมาแบบนี้ เขาหันกลับมายังท้องถนนเบื้องหน้า ไม่ถึงห้าวินาทีก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะหันไปมองข้างๆ
ได้มองชัดๆก็เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายผิวขาว ตัวไม่ใหญ่มากนักและคิดว่าคงจะเล็กกว่าเขาราวๆสิบเซนติเมตร มือซึ่งจับพวงมาลัยมีนาฬิกาคาสิโอสีเงินดูหรูหรา ชุดสูทสีเทาเข้มสีเดียวกันทั้งตัวนี่ก็คงจะเป็นของอาร์มานี่ และบางทีเนคไทลายทางนั่นปาร์คชานยอลก็คาดว่ามันคงราคาไม่ต่ำกว่าเส้นละแสนวอน
อย่างว่า... คนที่มีปัญญาขับเมอร์เซเดสไปไหนมาไหนแบบนี้...
“ที่ว่าสองแสนวอน...” ชานยอลเปิดบท พอนึกขึ้นได้ว่าเขายังนั่งพิงทับกระเป๋าเป้แทนเบาะก็รู้สึกอายความกะโปโลของตัวเองขึ้นมาเสียดื้อๆ “คุณพูดจริงเหรอครับ?”
ใบหน้านั้นฉายแววแปลกใจใส่ท้ายรถคันข้างหน้า เจ้าของสูทอาร์มานี่ขยับเนคไทที่คอให้หลวมขึ้นเล็กน้อย “ปกติเธอคิดมากกว่านี้เหรอ”
“อะ... เปล่าครับ” ร่างสูงรีบปฏิเสธ พูดให้ถูกคือเขาไม่รู้รายละเอียดของธุรกิจพวกนี้
“มีโรงแรมแนะนำหรือเปล่า”
ชานยอลไม่ได้ตอบอะไร อันที่จริงเรื่องโรงแรมไม่ได้เข้าหัวแทรกความคิดบ้าๆในตอนี้เลยด้วยซ้ำ เขาจะเอาจริงๆเหรอ จะเอาคืนนี้แลกกับเงินสองแสนวอนนั่นจริงๆหรือไง
รู้ตัวอีกทีเมอร์เซเดสสีดำก็แล่นเข้าจอดหน้าโรงแรมหรูในย่านแปลกถิ่นของชานยอลเรียบร้อยแล้ว เขาไม่กล้าสบตาพนักงานซึ่งรับกุญแจรถจากมือคนด้านหน้าเพื่อขับไปจอดให้ ไม่กล้าสบตาแม้แต่พนักงานต้อนรับลูกค้าตรงเคาน์เตอร์ในโถงต้อนรับของทางโรงแรม ชานยอลรู้สึกเหมือนตัวเองยืนผิดที่ แต่ก็ต้องขอบคุณผู้ชายตัวเล็กคนนั้นที่กล่าวปฏิเสธไม่ให้พนักงานพาไปส่งยังห้องพัก เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นมนุษย์ต่างดาวอะไรเทือกๆนั้นก็ได้
เขาพาร่างที่ใส่เพียงแค่กางเกงยีนส์สีดำขาดๆ เสื้อยืดหกพันวอน เสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีแดง และกระเป๋าโง่ๆอีกหนึ่งใบเข้าไปในลิฟท์อย่างคนผิดที่ผิดทาง ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ทางด้านในสุด และเขามีทางเลือกสองข้อคือการเข้าไปยืนข้างๆหรือยืนห่างออกมาทางประตูลิฟท์ แต่พอคิดว่าจะต้องถูกจ้องจากทางด้านหลังแล้วชานยอลขอเลือกข้อแรกเสียดีกว่า
แม้ซับในของสูทอาร์มานี่จะเสริมช่วงไหล่จนดูภูมิฐาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ชานยอลรู้สึกว่าเขาคาดเรื่องส่วนสูงของคนๆนี้ผิดสักเท่าไหร่ ตาเรียวรีนั่นไม่แม้แต่จะทันมาทางซ้าย มันตรงไปยังประตูลิฟท์ราวกับจะเพ่งให้มันรีบเปิดออกยังไงยังงั้น
“เอ่อ...” เขารู้สึกผิดจริงๆนั่นแหละที่จะต้องมายืนเต๊ะท่าเป็นผู้ชายราคาสองแสนวอนอยู่อย่างนี้ ถ้าถึงเวลาแล้วเผลอปล่อยไก่ออกไป นั่นไม่เข้าข่ายต้มตุ๋นเลยหรือไง “คุณ”
“มีอะไรหรือเปล่า?” เสียงนั้นถามกลับ คงเห็นเขาเป็นอีตัวจริงๆนั่นแหละถึงไม่คิดจะหันมามองกันตามมารยาทบ้างเลย
“อย่าหาว่างู้นงี้เลยนะครับ”
“....”
“คือผม...” มันไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือไงที่กระโดดขึ้นรถแล้วตามเขาเข้ามาถึงในโรงแรมแต่จะบอกว่าไม่ใช่พวกบริการเรื่องอย่างว่าน่ะ อยากจะขอเวลานอกสักสามชั่วโมงเพื่อเอาหัวโขกกำแพงให้หายงั่งจริงๆเลย “ผม...”
“....”
“ผมไม่ได้ขายตัวหรอก”
“....”
เป็นครั้งที่สองที่ตาคู่นั้นจับจ้องมาทางเขา แขนข้างที่จับกระเป๋าส่วนตัวนั้นไม่ได้กระดิกให้สูทอาร์มานี่เคลื่อนไหวแต่อย่างใด มันทั้งเงียบ ราบเรียบ แล้วก็เหมือนกับจะบีบให้ชายหนุ่มอายุยี่สิบคนหนึ่งให้เป็นโรคกลัวที่แคบขึ้นมากะทันหัน
“เธอพูดจริงเหรอ?”
ชานยอลพยักหน้ารับแบบเสียไม่ได้ เขาก็อยากจะยิ้มแห้งๆเป็นคำตอบที่มากกว่าการทำหน้าโง่แบบนี้อยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นตลกที่ร้ายเกินไปในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
คนในชุดสูทถอนหายใจ เขาหันกลับไปมองประตูลิฟท์อีกแล้ว “แล้วจะเอายังไง”
“เอ่อ...”
“จะกลับเลยก็ได้นะ”
“....”
“ฉันเข้าใจผิดเอง ขอโทษด้วย”
ประตูลิฟท์เปิดออกหลังจากมาถึงชั้นยี่สิบห้าแล้ว ทางเดินปูพรมกำมะหยี่เงียบเชียบ บางทีเจ้าของสูทอาร์มานี่คงจะกำลังหัวเสียไม่น้อยแต่ก็พยายามเก็บอาการ เพราะไม่ทิ้งเวลาถึงห้าวินาที เขาก็เลื่อนมือไปกดปิดประตูลิฟท์ทันที
หากแต่ก่อนจะทันได้กดปุ่มกลับไปยันชั้นล่างสุดชานยอลก็รีบคว้าข้อมือนั้นไว้เสียก่อน สถานการณ์เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ยิ่งตอนที่ดวงตาเรียวรีนั้นหันมามองตอบเขาอีกครั้ง
“จะขอค่าเสียเวลาเหรอ”
“ครับ?”
“เท่าไหร่”
เหมือนถูกเอาไม้หน้าสามตีกลางแสกหน้าไม่มีผิด ถึงจะเจ็บจี๊ดๆไปถึงใจแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรหรอก เรื่องนี้เขาผิดเองเต็มๆ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ”
ปาร์คชานยอลไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลยที่กล้าตัดสินใจและพูดเรื่องพวกนี้ออกไปทั้งที่เพิ่งบอกว่าไม่ได้ขายตัวอยู่หยกๆ
“จริงอยู่ที่ผมไม่เคยขาย... เอ่อ... แล้วก็ไม่ได้กะจะทำด้วย”
“....”
“แต่ว่า... พูดอย่างหน้าด้านๆเลยก็คือผมสนใจเงินสองแสนนั่น”
“เธอจะบอกอะไร”
“ถ้าคุณไม่รังเกียจคนไม่มีประสบการณ์กับผู้ชายด้วยกันอย่างผม...”
“....”
“....”
อีกครั้งที่ร่างเล็กตรงหน้าเขาถอนหายใจ มือที่ถือกระเป๋าหนังทรงแบนนั่นเลื่อนไปกดเปิดประตูลิฟท์ ก่อนจะก้าวเท้าออกไปเหยียบพื้นกำมะหยี่บนทางเดินด้วยท่าทางที่ไม่ต่างไม่จากเดิม
“มาสิ”
ชานยอลรู้สึกว่าขาของเขามันทั้งแข็งทั้งเก้งก้างเป็นที่สุดในตอนที่เดินตามร่างภายใต้สูทอาร์มานี่ เขาได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าตัดสินใจดีแล้วหรือไง นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยพิศวาสผู้ชายเลยสักครั้ง ยิ่งเรื่องที่จะให้ไปมีเซ็กส์ด้วย...
นี่เขาเป็นไอ้หน้าเงินที่ทำได้ทุกอย่างไปแล้วหรือไง
มือเรียวเล็กนั้นกำลังเอาคีย์การ์ดแนบกับระบบเซนเซอร์ตรงบานประตู ไม่นานนักมันก็ส่งเสียงอนุมัติพร้อมขึ้นไฟสีเขียวเป็นการเชิญชวนให้เปิดเข้าไป ห้องข้างในโอ่อ่ากว้างขวางจนชานยอลแทบเดาราคาไม่ถูก ขนาดห้องเดอลุกซ์บ้านๆในรีสอร์ทเล็กๆก็ปาไปแล้วคืนละแสนสองแสนวอน
ยิ่งทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเตียงคิงไซส์สีขาวอยู่ทางด้านหนึ่งของห้อง กวาดตามองรอบๆก็มีทั้งโซฟาบุหนังหรูหรา บาร์น้ำเล็กๆที่มีแก้วไวน์วางเรียงรายอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ ถ้าให้เดาชานยอลก็คิดว่าภายในห้องน้ำคงเป็นอ่างจากุชชี่ซึ่งมองเห็นวิวได้ทั้งเมืองเหมือนอย่างในหนังแน่ๆ
เขามองคนตรงหน้าวางกระเป๋าหนังและถอดสูทตัวนอกออกพาดบนโซฟา เพราะเป็นชายแท้มาตลอดชีวิตชานยอลถึงไม่คิดว่าเขาจะเกิดความรู้สึกอะไรกับทรวดทรงองค์เอวของผู้ชายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่ผอมกะหร่องหรือไอ้อ้วนก้นใหญ่ ตราบใดที่เป็นเพศชายล่ะก็ชานยอลก็เห็นเป็นเส้นตรงหมดทั้งโลกนั่นแหละ
“จะอาบน้ำก่อนหรือเปล่า”
เสียงนั้นถามขึ้น ปาร์คชานยอลส่ายหน้าพรืดทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้หันมามอง เขาชักจะเป็นไอ้งั่งเข้าไปทุกที “ไม่เป็นไรครับ”
ครั้นเจ้าของตาเรียวรีคู่นั้นหันหน้ามาชานยอลก็เห็นว่าทั้งเสื้อสูทและเนคไทถูกวางพาดไว้อย่างเป็นระเบียบแล้ว พอไม่ได้ใส่อะไรที่ดูเทอะทะซ้ำยังใส่เสื้อไว้ในกางเกง ร่างสูงก็ยิ่งรู้สึกว่าคนตรงหน้าตัวเล็กกว่าเขามากโข
“ฉันขอเวลาอาบน้ำยี่สิบนาที”
“....”
“ถ้าเกิดอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะก็”
“....”
“เปิดประตูห้องแล้วเดินออกไปได้เลย”
นั่นเป็นคำพูดที่เย็นชาจนชายหนุ่มเกิดอยากจะย้อนเวลากลับไปให้รู้แล้วรู้รอด ทุกครั้งที่เจ้าของสูทอาร์มานี่ถอนหายใจเขาก็รู้สึกเหมือนมีไฟร้อนลนตามเนื้อตัวให้วูบวาบไปด้วยความรู้สึกแย่ๆยังไงยังงั้น หรือเขาจะโพล่งออกไปตอนนี้ว่า ‘ด้วยความไร้ประสบการณ์ของผม ขอคิดคุณแค่แสนวอนก็พอ’ ดีล่ะ
ในขณะที่ตบตีกับความคิดในหัวอีกฝ่ายก็หายเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เอาล่ะ ปาร์คชานยอลมีเวลาต่อจากนี้อีกยี่สิบนาทีในการตัดสินใจว่าจะกลับไปเป็นผู้ชายจนๆคนเดิมหรือยอมเป็นอีตัวชั่วคราวเพื่อเงินสองแสนวอน แต่ถ้าเซ็กส์เขามันห่วยล่ะ... ก็ถ้าเป็นอย่างนั้นชานยอลคงละอายใจที่จะรับเงินอีกฝ่ายมาทั้งหน้ายิ้มระรื่นแน่ๆ
นี่มันตกต่ำกว่าการเข้าโรงรับจำนำเสียอีก...
แต่มันก็เป็นทางเลือกที่เข้ามาในจังหวะเหมาะเจาะพอดีไม่ใช่หรือไง เขาเป็นผู้ชาย ยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้วถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ เงินสี่แสนที่ได้มานั่นก็พอแค่จ่ายค่ามัดจำหอพักใหม่ ส่วนเงินจะกินจะใช้ชานยอลก็แทบไม่มีเหลืออยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นสองแสนวอนนี่คือเงินประทังชีวิตเห็นๆ ถึงมันจะแลกมาด้วยอะไรแบบนี้ก็เถอะ
ยังไงคนอย่างปาร์คชานยอลก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว
นับๆดูแล้วนี่มันยังไม่ถึงสิบนาทีดีด้วยซ้ำ ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมด้วยร่างของใครอีกคนในชุดคลุมอาบน้ำ เรือนผมสีดำเสยนั้นยังคงเป็นทรงเหมือนอย่างในตอนแรก ดูๆแล้วอย่างมากก็แค่เข้าไปเอาน้ำลูบตัว
ตาเรียวรีนั่นไม่ได้แสดงความสมเพชอย่างที่คิดเมื่อเห็นว่าเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมเหมือนปูนปั้นอะไรเทือกๆนั้น ไม่แม้แต่จะวางกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่บนบ่าไว้ตรงไหนสักแห่งอย่างที่ควรทำ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอ้งั่งอีกแล้วให้ตาย...
คิดได้อย่างนั้นก็เอากระเป๋าวางพิงไว้ที่โต๊ะข้างเตียงแล้วกลับมายืนถูกางเกงประสาคนมือว่าง มองคนตัวเล็กกว่าเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเบียร์กระป๋องออกกระดกดื่มอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ด้วยท่าทางที่ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนตามเขาเท่าไรนัก เผลอถอยไปหนึ่งก้าวอัตโนมัติเมื่ออีกฝ่ายเดินผ่านเขามานั่งลงที่เตียงตรงหน้า
กลิ่นน้ำหอมเย็นๆลอยเตะจมูกชวนให้รู้สึกแปร่งปร่า อย่าว่าแต่เป็นผู้ชายด้วยกันเลย ต่อให้เป็นผู้หญิงทรงสะบึ้มแต่ถ้าอยู่ในฐานะคนแปลกหน้าอย่างนี้แล้วชานยอลก็คิดไม่ออกว่าเขาควรเริ่มชักจูงเข้าสู่เรื่องอย่างว่าด้วยวิธีไหน ตาเอาแต่จับจ้องกระป๋องเบียร์สีเขียวในขณะที่หัวมันตื้อไปหมด ถ้าเขาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้คงไม่ถูกด่าพ่อล่อแม่อะไรใช่ไหม
“สูบบุหรี่หรือเปล่า”
คนตัวเล็กถาม ร่างสูงได้แต่ส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธแล้วก็มองดูมือขาวๆนั่นกะเทาะบุหรี่ในซองขึ้นมาจุดสูบ ชานยอลเพิ่งสังเกตเห็นไฟแช็คหลังจากมันถูกวางลงบนโต๊ะหัวเตียง ไฟแช็คซิปโปสีดำวางคู่กับกล่องมาร์ลโบโรแบล็คอย่างลวกๆ นับเวลาไปไม่ถึงอีกห้าวินาที กลิ่นเมนทอลเย็นๆก็ลอยมาพร้อมกับควันจนอยากสำลักให้รู้แล้วรู้รอด
แผ่นอกขาวๆที่โผล่พ้นคอชุดคลุมอาบน้ำมานั้นไม่ได้ชวนให้รู้สึกอะไรมากไปกว่าการอยากก้มลงมองอกแบนๆของตัวเอง ชานยอลไม่รู้ว่าการที่เขาตัดสินใจอย่างนี้จะไปรอดตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า อย่างน้อยก็ควรจะเกิดอารมณ์อะไรบ้างสิน่า
แต่ถ้าเกิดอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันจริงๆขึ้นมาเมี่อไหร่ ปาร์คชานยอลก็คงเอาแต่ด่าตัวเองว่าไม่ปกติสามเวลาหลังอาหารแน่
“เธอชื่ออะไร” เสียงนั้นถามเขาขึ้นในตอนที่บุหรี่ไหม้ไปได้ครึ่งมวน กะอีแค่ถามชื่อ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการเป็นคนฟังถึงได้ทำให้ตื่นเต้นได้ขนาดนี้
“ชานยอล”
“....”
“ปาร์คชานยอลครับ”
เป็นครั้งแรกที่ริมฝีปากบางนั้นเหยียดยิ้มออกมา รู้สึกประหลาดสิ้นดีเลย ทั้งที่เป็นแค่การบอกชื่อแต่ร่างสูงกลับรู้สึกเหมือนเขากำลังยืนทำอะไรสักอย่างที่น่าอายยังไงยังงั้น
มือนั้นเอื้อมไปบี้บุหรี่ลงกับที่เขี่ยสีเงินวาวบนโต๊ะหัวเตียง รอยยิ้มนั้นหายไปแล้ว และคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากก็ไม่ได้สื่อให้รู้อารมณ์ใดๆจนน่าอึดอัด
“จะเริ่มกันเลยไหม?”
ใช่แล้ว งานของเขาในคืนนี้ก็แค่เรื่องง่ายๆอย่างการมีเซ็กส์เท่านั้นเอง ถึงจะไม่อยากนึกถึงหน้าผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาสักเท่าไหร่แต่ว่าปาร์คชานยอลก็ควรรู้ว่าต้องทำอะไรเป็นอันดับแรก หนึ่งคือคนๆนี้ไม่ได้มีหน้าอกหน้าใจให้เขาบีบ สองคือชานยอลไม่พร้อมจะจับไปโดนในสิ่งที่มีเหมือนกันให้เซ็กส์ล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะอย่างนั้นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดก็น่าจะเป็นการจูบ เพราะอย่างน้อยหน้าใสๆของคนตรงหน้าก็ไม่ได้มีไรหนวดให้มันทิ่มแทงความรู้สึกเขาขึ้นมา
หลังจากวางมือลงไปบนลาดไหล่ก็ได้รู้ว่ามันเล็กกว่าที่คิด ชานยอลจับไม่ถนัดมือ แต่เขาก็โน้มตัวลงไปจูบคนที่นั่งไขว้ขวาไม่ยี่หระอยู่บนเตียงได้อย่างเก้ๆกังๆ
ละล้าละลังกว่าจะกล้าทาบริมฝีปากลงไปได้ อีกฝ่ายไม่ได้ช่วยเขาแม้แต่การยื่นหน้ามาจูบตอบด้วยความดูดดื่มใดๆ เจ้าของเมอร์เซเดสเบนซ์นั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น แค่ลืมตาอ้าปากปล่อยให้เขาสอดใส่ลิ้นเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆก็เท่านั้น
นึกเข้าไว้ว่าคนตรงหน้าคือผู้หญิงสวยๆสักคน ชานยอลบอกตัวเองตลอดเวลาที่หลับตากวาดลิ้นอยู่ข้างในโพรงปากนั้น
จะพอหรือยังนะ...
ลืมตาขึ้นมองทันทีที่รู้สึกได้ว่าอีกคนกำลังจูบตอบ เรียวปากบางดูดดึงอยู่กับริมฝีปากเขาจนส่งเสียงจ๊วบจ๊าบเบาๆ รู้สึกถึงรสขมปร่าของบุหรี่กลิ่นแบล็คเมนทอล ชานยอลถือวิสาสะเลื่อนมือขึ้นประคองใบหน้านั้นไว้ให้พอดีองศาที่ถนัด จากที่เหมือนเดินแบบไร้จุดหมาย ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามันไม่ต่างอะไรจากตอนเขาจูบผู้หญิงสักคนเลย
ละริมฝีปากออกจากกันอ้อยอิ่ง ได้ยินเสียงหอบหายใจดังขึ้นกลบเสียงแอร์หึ่งๆภายในห้องแล้วก็ตกใจตัวเองว่าเขาจูบกับคนแปลกหน้าเข้าจริงๆเสียแล้ว ถึงมันจะไม่ได้แย่อะไร แต่พอลืมตาขึ้นมารับรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแล้วก็ได้แต่รู้สึกแปลกๆอยู่ดี
“ใช้ได้”
แทบอยากจะอ้าปากค้างกับคำว่าใช้ได้ที่ออกมาจากปากอีกฝ่ายเหมือนคนไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ เอาเถอะ ก็คงจะช่ำชองดีอยู่แล้วไม่เหมือนไอ้ไก่อ่อนอย่างเขา
“ขึ้นมาสิ”
“อะ... หา?”
“....” ทำไมถึงได้รู้สึกว่าสายตานั่นเหมือนจะกำลังเอือมระอาไก่อ่อนปาร์คชานยอลกัน ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่ากำลังจะมีเซ็กส์ แต่ก็ยังเผลอแสดงอาการโง่ๆออกไปซะได้
ถอดถุงเท้าทั้งสองข้างออกก่อนจะพาร่างขึ้นไปบนเตียงคิงไซส์ ในใจมีแต่ความพะว้าพะวงจนน่ากลัวว่าเสียมารยาทกับใครอีกคนที่ขยับตัวไปนั่งเอนพิงหัวเตียงเพื่อรอให้เขาทำใจจนเสร็จ สายตานั้นเรียบเฉยเหมือนเห็นเด็กหนุ่มอายุยี่สิบเป็นแท่งบุหรี่ และยิ่งตอนที่เห็นว่าชานยอลนั่งคุกเข่าเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ปลายเตียง คนซึ่งเหมือนจะอายุมากกว่าก็หลุดหัวเราะเบาๆอย่างผ่อนคลาย
บีบกระชับหน้าเขาตัวเองไว้เพื่อไม่ให้มือสองข้างกลายเป็นส่วนเกิน เขาไม่กล้าเงยขึ้นมองคนในชุดคลุมอาบน้ำเลยสักนิด ไม่กล้าแม้แต่จะออกปากถามว่าต้องทำยังไงต่อ แต่ชานยอลคงกัดลิ้นตัวเองตายแน่ๆถ้าอีกฝ่ายสั่งให้เขาแก้ผ้าให้ดู
“ทำไมถึงนั่งอย่างนั้น”
“เอ่อ...”
“เธอทำอย่างกับว่าจะถูกฉันปล้ำอย่างนั้นแหละ”
ปกติเขาก็ไม่ใช่คนพูดน้อยอะไร แต่นี่คงเป็นสถานการณ์ยกเว้นที่ทำเอาร่างสูงเป็นใบ้ขึ้นมากะทันหัน ไม่ว่าจะพูดจะทำอะไรเขาก็รู้สึกถึงความเก้ๆกังๆของตัวเองไปเสียหมด ที่นี่ที่ไหน และเขามาทำอะไรกันแน่
“ไม่เคยกับผู้ชายอย่างนั้นสินะ” สภาพตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรจากซามูไรที่กำลังจะคว้านท้องโชว์เจ้านาย ถ้ารอนานกว่านี้ชานยอลเชื่อว่าอีกฝ่ายคงหยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบรอเขาได้ทั้งคอตตอน
“ไม่เคยครับ”
“ก็เหมือนเวลาเธอทำกับผู้หญิงนั่นแหละ”
“....”
“ส่วนตรงไหนที่ไม่ใช่ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“จะไม่พักสักหน่อยเหรอครับ?” ถามขึ้นทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายลงเตียงไปอีกรอบทั้งท่าทางแปลกๆ ถึงจะหยุดฟังและหันมามอง แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ไม่ได้ดูใส่ใจอะไรเขานัก
“เธอจะนอนที่นี่คืนนี้ก็ได้ เขามีบริการรูมเซอร์วิสฟรีตอนเช้าด้วย”
ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็หายเข้าไปในห้องน้ำอยู่นานสองนาน ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นมาหยิบเสื้อผ้าซึ่งกองอยู่ตรงข้างเตียงขึ้นมาทีละชิ้น เขาวางเสื้อพาดไว้และเริ่มสวมกางเกงก่อน ยังไม่ทันจะได้ใส่เสื้อร่างเล็กก็เปิดประตูออกมาในสภาพเดียวกับทีแรก
เรียวขาภายใต้กางเกงสแล็คมีราคาสีเทาพาร่างนั้นไปหยุดอยู่ยังหน้ากระจก เขาจัดแต่งทรงผมอีกสักหน่อยก็หยิบเนคไทบนโซฟาขึ้นมาผูกใหม่และรูดขึ้นจนถึงคอเสื้อ ใส่ทับด้วยเสื้อสูท จากนั้นก็หยิบเอากระเป๋าสัมภาระขึ้นมาถือไว้ก่อนจะรื้อหาอะไรบางอย่าง
สิ่งที่ชานยอลต้องการนั่นเอง... เหตุผลที่เขามาอยู่ที่นี่และยอมทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกันก่อนที่จะได้รู้ว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน
มือนั้นหยิบมันออกมาวางไว้ให้ตรงหน้ากระจก ชานยอลไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะได้เงินครบหรือเปล่า เขาถลาตามคนที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกไปโดยไม่มีแม้แต่คำบอกลา ครั้นถูกหันมามองทุกอย่างก็กลับกลืนลงไปในลำคอเสียหมด จะพูดอะไรถามอะไรก็นึกไม่ออกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“....”
พอเห็นว่าเงียบอยู่นานตาเรียวนั้นกลับหลุบลงเล็กน้อย เพียงครู่หนึ่งมันก็ช้อนมองขึ้นอีก และรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้านั้นสามารถกระตุกใจปาร์คชานยอลให้ไหววูบอย่างบอกไม่ถูก
“คืนนี้ฉันพอใจมาก”
“....”
“ขอบคุณเธอที่ยอมทำเรื่องบ้าๆพวกนี้นะ”
“ครับ...” ทำได้แค่ตอบรับออกไปเสียงแผ่ว พออีกคนตั้งท่าจะเดินออกไปจริงๆชานยอลก็ดันทำท่ายึกๆยักๆขึ้นมาอีก เขาละไม่เข้าใจตัวเองจริงๆว่าอยากพูดอะไรกันแน่ ทำไมต้องมาอยากรั้งคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันและควรปล่อยให้ผ่านไปอย่างนี้ด้วยเล่า
คนมองทำสายตาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้อีก ครั้งนี้เสียงนั้นติดเย็นชากว่าในทีแรกราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรนัก
“แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะติดโรคนะ”
“ครับ?”
“ฉันก็เพิ่งเคยใช้บริการพวกนี้เป็นครั้งแรก”
“....”
“กับเธอ”
ครั้งนี้คงคิดจะไปจริงๆแล้วถึงได้เปิดประตูออกไปทั้งอย่างนั้น ไม่ใช่สิ... นี่ไม่ใช่สิ่งที่ปาร์คชานยอลอยากฟังสักหน่อย เขาเปิดประตูตามออกไปทั้งที่ยังเปลือยท่อนบนและไม่ได้ใส่รองเท้า คว้าเอาท่อนแขนผ่านสูทอาร์มานี่ในระยะที่เจ้าตัวยังไม่ทันจะพ้นประตูห้องไปได้ถึงห้าก้าว
ตาคู่นั้นมองมาทางเขาแทนประโยคคำถามทั้งหมดทั้งมวลที่ไม่คิดจะพูด หลังจากพยายามกลืนก้อนความอายขนาดใหญ่ลงลำคอ ร่างสูงก็ตัดสินใจโพล่งคำถามออกไปหลังจากคิดทบทวนอยู่นานสองนาน
“ผม...”
“....”
“ยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
อีกแล้ว... ริมฝีปากบางเฉียบนั้นหยักยกรอยยิ้มบางๆขึ้นให้เขาใจสั่นอีกแล้ว
ผ่อนแรงลงเพื่อปล่อยให้อีกคนถึงท่อนแขนออกจากการกอบกุมแล้วเปิดกระเป๋าหนังทรงแบนออกเพื่อหยิบเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมา นามบัตรเล็กๆไม่ได้ถูกยื่นมาหาเขา มันค้างไว้ในมือนั้น เช่นเดียวกับสายตาราบเรียบที่กำลังหลุบลงซ่อนความขลาดอายเอาไว้
คนๆนี้อาจต้องใช้ความคิดมหาศาลก่อนพูดอะไรออกมา ทั้งสง่า ภูมิฐาน และดูโดดเดี่ยวจนอยากทำความรู้จักให้มากขึ้นอีก
แต่มันควรจะเป็นไปอย่างนั้นเหรอ?
“ถ้าไม่รังเกียจ” คนที่ดูเหมือนจะอายุมากกว่าพูดทั้งที่ยังไม่ยอมสบตา เสียงนั้นคล้ายอยากหยั่งเชิงเขาอยู่ในที “ถ้ามีครั้งหน้า...”
“ได้ครับ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงชิงตอบออกไปแบบนั้น นี่เป็นงานสบายก็จริง แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะตัดสินใจหารายได้เสริมโดยใช้ร่างกายง่ายๆแบบนี้ อาจจะเป็นหลังจากที่คนๆนี้พูดว่าเพิ่งขายซื้อบริการเขาเป็นคนแรกนั่นแหละ
แล้วมันก็แลกมาซึ่งรอยยิ้มอ่อนๆและการยื่นนามบัตรใบนั้นให้เขา
“ยิงเบอร์มานะ แล้วฉันจะโทรไป”
แผ่นหลังภายใต้สูทอาร์มานี่นั้นถูกบดบังด้วยประตูลิฟท์แล้ว ปาร์คชานยอลไม่คิดว่าเขาควรยืนอยู่ตรงนี้นานนัก ก้มหน้าลงมองกระดาษสีดำใบเล็กๆในมือ มันมีข้อความแค่สองบรรทัดเท่านั้นเอง ไม่มีตำแหน่ง ที่อยู่บริษัท หรืออีเมล์อะไรอย่างเช่นที่นามบัตรทั่วไปพึงจะมีเลย
บรรทัดล่างเป็นเบอร์โทรศัพท์ ส่วนบรรทัดบนเป็นชื่อที่เพราะจนสามารถจำได้ในครั้งเดียว
“บยอนแบคฮยอน”
_________________________
สารภาพว่าตอนเขียนตั้งใจจะให้เป็นฟิคห้าตอนจบค่ะ
แต่พอนึกๆถึงฟิคตัวเองเป็นหางว่าวแล้วก็... ตัดเป็น OS นั่นแหละ
อย่าลืมคอมเมนท์เป็นกำลังใจหรือติดแท็ก #oharhafic ให้ไปส่องหน่อยน๊า <3
ความคิดเห็น