คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03 | ชายแปลกหน้าผู้ไม่ได้ยินเสียงใด
王子和雨
WHEN THE RAIN FALLS,
OHSEHUN l KIMJONGIN
- OHARHA -
( 3 )
ชายแปลกหน้าผู้ไม่ได้ยินเสียงใด
คิมจงอินอนุมานว่าตัวเขาย้อนเวลาข้ามแผ่นดินมายังประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ถัง อันที่จริงจงอินไม่สันทัดด้านประวัติศาสตร์ถึงขนาดจดจำได้แม่นยำนัก หากก็พอรู้ว่านี่คือรัชสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งของจีนเลยก็ว่าได้ ถึงอย่างนั้นเขากลับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ดีว่าทำไมการตกตึกที่โรงพยาบาลถึงกลายมาเป็นอย่างนี้ไปได้ หากทุกการกระทำของโชคชะตาล้วนมีเหตุและผล หมายความว่าตัวตนของคิมจงอินกับจินจงเหรินย่อมต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
ทั้งที่อ้างว่าอยู่ในภาวะเสียความจำ แต่ป๋ายเซียนก็ยังอยากให้ติดสอยห้อยตามช่วยขายของป่าที่หามาได้ถึงในเมืองอยู่ดี ที่นี่ผิดจากย่านอาศัยแถวบ้านป๋ายเซียนราวฟ้ากับเหว เพราะมันทั้งคาคั่งไปด้วยผู้คน การค้าขาย รวมถึงสถาปัตยกรรมและวิธีชีวิตที่คงไม่มีนักประวัติศาสตร์คนใดมีโอกาสเห็นกับตา จะว่าน่าตื่นเต้นก็คงใช่ แต่ลึกๆ แล้วจงอินกลับรู้สึกไร้ประโยชน์ยิ่งกว่าที่แพทย์มือดีตกอับมาเป็นลูกมือพ่อค้าของป่าเช่นนี้
ป๋ายเซียนตะโกนโหวกเหวกแข่งกับพ่อค้าคนอื่นๆ แล้วเขม่นทางสายตาให้เขากระตือรือร้นได้สักครึ่งของเจ้าตัว จงอินแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตานั้น เขาเอาแต่มองไปรอบๆ เพราะอยากเก็บเกี่ยวสภาพแวดล้อมของยุคนี้ให้มากที่สุด การปรับตัวเป็นไปได้ยากเพราะสังคมและวัฒนธรรมต่างกันราวฟ้ากับเหว หลายครั้งที่เขาว่างจนไม่รู้จะทำอะไร พอไร้งานแพทย์กับสมาร์ทโฟนแล้ว เวลาช่างผ่านไปเชื่องช้าเหลือเกิน
ขายยังไม่ทันหมดฝนก็เริ่มลงเม็ด ป๋ายเซียนลงมือเก็บสินค้าของตนอย่างว่องไว ถึงขายไม่หมดก็ยังเอาไปทำกินเองได้ ขืนโดนฝนคงเน่าเสียจนหมดแน่
“มาช่วยข้าหน่อยจงเหริน อย่ามัวอืดอาดยืดยาดอยู่เลย”
จงอินโคลงศีรษะ เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มีคนหาว่าเขาอืดอาด ลองได้เห็นนายแพทย์คิมดูแลคนไข้ทีละสามวอร์ดพร้อมกัน ป๋ายเซียนคงถอนคำปรามาสแทบไม่ทัน
“ฝนตกแล้ว ยังไงเราก็กลับบ้านไม่ทันหรอกน่า” เขาเงยหน้ามองฟ้าอย่างเกียจคร้าน ยอมรับว่าตนในตอนนี้ไม่มีอารมณ์กระฉับกระเฉงเลยสักนิด “ทำไมไม่รอจนฝนหยุดแล้วค่อยเดินทางล่ะ”
“ถ้าเร่งเท้าหน่อยอาจจะทัน”
“ไม่ทันหรอก เราเดินตั้งเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงตลาด” จงอินท้วงคำพูดของป๋ายเซียน ฝนลงเม็ดขนาดนี้แล้ว เอาตรรกะที่ไหนมาคิดว่ายังจะหนีฝนทัน
“หากเป็นดังเจ้าว่า เราตกที่นั่งลำบากแน่” หนุ่มพ่อค้าของป่ายกตะกร้าใหญ่ขึ้นสะพายหลัง อีหรอบนี้คงดึงดันจะกลับบ้านให้ได้ ไม่กลัวพืชผักที่หามาจะเน่าเสียแล้วกระมัง
ไม่ทันขาดคำสายฝนก็เทลงมาเสียแล้ว จงอินรีบพาตนเองและตะกร้าบนหลังวิ่งเข้าหลบฝนใต้ชายคาร้านค้าใกล้ๆ โดยไม่รอความเห็นของคนที่มาด้วย ไม่นานนักป๋ายเซียนก็วิ่งตามเข้ามา บ่นกระปอดกระแปดโทษฟ้าฝนฟังน่าขัน ธรรมชาติไม่ได้กลั่นแกล้งถึงขนาดเทห่าฝนลงมา หากก็เม็ดใหญ่จนอาจทำให้จับไข้ถ้าฝืนเดินทางต่อ ตามทางเดินยังมีผู้คนคาคั่ง บ้างก็กางร่มหลากสีสันขึ้นบังตัว เป็นภาพซึ่งไม่ต่างกับยุคที่เขาจากมาสักเท่าไรนัก
เสียงโหวกเหวกเรียกความสนใจจากสองหนุ่มให้หันไปมอง รถม้าขนสินค้าวิ่งฝ่าฝนกลางถนน ส่งผลให้ผู้คนต้องรีบแหวกตัวเปิดทางผ่านให้ หากหลบไม่ทันคงบาดเจ็บสาหัสแน่ พอคิดได้อย่างนั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายผู้หนึ่งยังเดินทอดน่องอยู่กลางทาง ไม่มีทีท่าว่าจะรีบหลบให้พ้นระยะชนของรถม้าแต่อย่างใด
ชาวบ้านรอบๆ ต่างร้องบอกให้หลบด้วยความตื่นตระหนก ทว่าคนคนนั้นคงจะหูหนวกกระมัง ถึงได้ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวจนกระทั่งรถม้าวิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เห็นดังนั้นจงอินก็ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เผลอตะโกนออกไปร่วมกับเสียงร้องเตือนของคนอื่นๆ ในที่สุด
“ระวังรถม้า...!”
อยู่ดีๆ ชายหนุ่มกลางถนนก็เบิกตาโพลง หมุนตัวหันหลังไปพบรถม้าขนสินค้าที่พุ่งตรงเข้ามาก่อนจะกระโดดหลบเข้าข้างทางได้อย่างเฉียดฉิว สถานการณ์เมื่อสักครู่นี้ช่างน่าใจหายใจคว่ำ เกือบได้เห็นคนโดนเหยียบแล้วไหมเล่า
“ชายคนนั้นแต่งตัวดูดีมีฐานะ แต่กลับเลินเล่อยิ่งนัก” ป๋ายเซียนนินทา ซึ่งจงอินก็แอบเห็นด้วยในใจ
เขามองชายที่แต่งตัวดูดีมีฐานะผู้นั้นอย่างสนอกสนใจ อาจเพราะระหว่างยืนหลบฝนไม่ได้มีอะไรให้ทำนัก เท่าที่พอจะขยับได้ก็คงเป็นสายตาที่มองไปทางนั้นทีทางนี้ที ดูแล้วชายเลินเล่อนั่นคงจะเป็นคุณชายจากสักบ้านจริงๆ เพราะไม่ทันไรก็มีชายผู้ติดตามอีกคนรีบรุดเข้ามาดูอาการ วิ่งวนรอบตัว ท่าทางน่าขันยิ่งนัก
“ไปกันเถอะ” ป๋ายเซียนเรียก
“ฝนยังไม่หยุดเลยนี่”
“ขืนรอให้ฝนหยุดก็อีกเป็นชั่วยาม มีหวังถึงบ้านมืดค่ำกันพอดี”
“แล้วพืชผักพวกนี้จะเอายังไง”
“กลับไปข้าจะใช้ต้มซุปผักให้หมด อย่างน้อยคงกินได้สักสองสามวัน” ป๋ายเซียนอธิบาย นี่เป็นความคิดที่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่ายืนตากฝนนานสองนานโดยไม่มีอะไรทำ จะนั่งก็ยังไม่ได้ หากเป็นในโลกปกติเขาคงจะเรียกแท็กซี่กลับหรือไม่ก็แวะกินอาหารสักร้านระหว่างรอไปแล้ว
ออกเดินได้ไม่กี่ก้าว จงอินกลับต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นเปี้ยนป๋ายเซียนถูกคว้าแขนด้วยใครคนหนึ่งที่เขาจำได้แม่นยำ เป็นคุณชายเลินเล่อที่เกือบถูกรถม้าเหยียบเมื่อสักครู่นี้นั่นเอง เสียงฝนดังขนาดนี้คงไม่ใช่ว่าได้ยินคำนินทาของป๋ายเซียนหรอกนะ
“เจ้า... เมื่อสักครู่เป็นเสียงเจ้าใช่หรือไม่” คุณชายเอ่ยปากสู้เสียงฝน
“หา?” ป๋ายเซียนอุทาน ส่วนชายแปลกหน้าขมวดคิ้วมุ่น มีผู้ติดตามยืนช่วยลุ้นอยู่ด้านหลัง
“ข้าได้ยินเสียงบอกให้ระวัง”
“คนทั้งตลาดก็ร้องบอกท่านเช่นนั้น แล้วนี่มาจับข้าไว้ด้วยเหตุอันใด”
ป๋ายเซียนจิ๊ปาก อยู่ดีๆ คุณชายก็สะบัดมือออกโดยพลัน สีหน้าไม่สบอารมณ์เกิดขึ้นเพราะโดนป๋ายเซียนทำท่าทีไม่ดีใส่หรืออย่างไรก็ไม่รู้ได้ มิหนำซ้ำยังหันไปส่ายศีรษะเบาๆ ให้ผู้ติดตามซึ่งถอนหายใจอย่างผิดหวัง จงอินได้แต่มองภาพตรงหน้าตาปริบ ไม่เข้าใจว่าคนแปลกๆ ทั้งสองกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่
“ไปเถอะจงเหริน แปลกคนจริง”
ป๋ายเซียนบ่นพึมพำก่อนจะก้าวเท้าเดินนำเขาฝ่าสายฝนเพื่อตรงกลับบ้าน ในสายตาของเขาแล้ว คุณชายคนนี้หล่อเหลาเอาการทีเดียว ถ้าอยู่ในยุคเดียวกันก็คงจะถูกจับไปเดบิวต์เป็นไอดอลหรือเล่นเว็บซีรีส์อย่างไม่ต้องสงสัย หากพอทำตัวแปลกประหลาดแล้วความหล่อที่สั่งสมมาก็เป็นอันสูญเปล่า จงอินเข้าใจว่าป๋ายเซียนกำลังอารมณ์เสียและไม่อยากเสียเวลาตากฝนนานนัก เขาจึงก้าวเท้าตามไปอย่างไม่รอรี
น่าเสียดายว่ายุคสมัยนี้ไม่มีพลาสติก หรือถ้ามีผ้าใบที่กันน้ำก็ยังพอใช้ห่อผักพวกนี้ได้แท้ๆ
“เดี๋ยวจะเป็นไข้เอานะ” จงอินเอ่ยเตือนแบบไม่จริงจังนัก เคยได้ยินว่าคนสมัยโบราณป่วยง่ายแถมอายุสั้น น่าสนใจว่าจะเป็นเรื่องจริงเท็จแค่ไหน
หากมิใช่เปี้ยนป๋ายเซียนที่หันมาตอบรับบทสนทนานี้
“เดี๋ยวก่อน”
คิมจงอินชะงักฝีเท้า เพราะเป็นเสียงที่เพิ่งได้ยินมาก่อนหน้านี้เขาจึงจำได้แม่นยำว่ามาจากคุณชายคนพิลึกเมื่อสักครู่ เขาถอนหายใจ หันไปก็พบว่าอีกฝ่ายสาวเท้าเข้ามาจนหยุดยืนประจันหน้าในระยะห่างแค่หนึ่งก้าว คนคนนี้จะมีธุระอะไรกับหนุ่มชาวบ้านสองคนนักหนาก็สุดจะรู้
“เป็นเจ้า...”
“ผมทำไม?” เจ้าของผิวสีแทนเลิกคิ้ว จำได้ว่าตนเองไม่ได้นินทาอะไรคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
ดวงตาคมของคุณชายแสนเลินเล่อเบิกกว้างยิ่งกว่าเก่า ทำเอาเขานึกกังวลว่าจินจงเหรินจะสร้างปัญหาใดให้อีกหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรจงอินก็เตรียมมุกเสียความจำเอาไว้แล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอะไรมา เขาก็จะตอบกลับว่าไม่รู้เรื่องเสียให้หมด
“ข้าได้ยิน...” อีกฝ่ายยกมือขึ้นจับใบหูของตน “ได้ยินเสียงของเจ้าชัดเจน”
“ครับ?”
“ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงของเจ้ากัน นี่มันประหลาดมาก”
คราวนี้เขาขมวดคิ้ว ฟังอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“ถ้าไม่ได้ยินสิแปลก คุณไม่ได้หูหนวกนี่”
จงอินตอบปัด ตั้งใจว่าจะเดินหนีดื้อๆ เพราะกลัวพลัดหลงกับป๋ายเซียน แต่หนุ่มนักหาของป่าคงรู้ตัวไวกว่าถึงได้เป็นฝ่ายเดินย้อนกลับมาทั้งสีหน้าบูดบึ้ง
“ยังไม่จบอีกหรือท่าน มีธุระอะไรกับเราสองคนก็ว่ามา” ป๋ายเซียนเริ่มโวยอีกรอบ แต่กลับถูกอีกฝั่งเมินซึ่งๆ หน้า “นี่!”
ทั้งร่างของจงอินสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกมือแกร่งถือวิสาสะคว้าข้อมือเอาไว้ไม่ให้หนี เจ้าหมอนี่... นอกจากจะทำให้เขาต้องมัวตากฝนจนครั่นเนื้อครั่นตัวแล้ว ยังไร้มารยาทถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัวคนอื่นตามใจชอบ ทั้งยังเอาแต่พูดจาแปลกประหลาดอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่สนคำทักท้วงของใครอีกต่างหาก
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
“...”
“เหตุใดจึงมีเพียงเสียงของเจ้าเท่านั้นที่ข้าได้ยิน”
#องค์ชายกับสายฝน
LI5HT
ความคิดเห็น