ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) #สังคมเมียสิบเอ็ดของชานยอล | CHANYEOL x ALL

    ลำดับตอนที่ #3 : T H R E E | He is Mine

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 58


    M











    SECRET OF CHANYEOL

         #สังคมเมียสิบเอ็ดของชานยอล

    ….

    T H R E E

    He is Mine

     

     

     

     

    I can’t help myself

    I just wanna hear you say you got me baby

    All I wanna hear her say is “Are you mine?”

     

     

     

     

     

    “มาพบคุณปาร์คครับ เอ่อ -- ที่นัดไว้ ผมมาแทนอีแทมินน่ะครับ”

     

     

    “อ้อ ถอดเสื้อโค้ทให้ผมด้วยครับ แล้วกรุณานั่งรอที่โซฟาทางนั้นสักครู่ ขอผมเรียนบอสก่อน”

     

     

    จางอี้ชิงยิ้มให้คนตรงหน้าเมื่อลอบมองศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความรู้สึกฉงน ร่างในชุดเสื้อแขนยาวตัวพองกำลังเดินไปนั่งยังโซฟาบุหนังหลังจากถอดเสื้อโค้ทออกให้เขา หมวกบีนนี่สีดำทำให้ศีรษะนั้นดูเหมือนก้อนกลมๆอะไรสักอย่าง ให้ตายเถอะ เด็กผู้ชายคนนั้นไม่รู้หรือไงว่าการแต่งตัวแบบนี้เข้ามามัน -- น่าจับตามองสิ้นดี

     

     

    หลังจากต่อสายเข้าไปภายในห้องและพูดคุยกันเพียงสองประโยค อี้ชิงก็ต้องส่งเสียงเรียกคนที่เพิ่งจะหย่อนก้นนั่งไปหมาดๆให้ดีดตัวลุกขึ้นมาใหม่ด้วยท่าทางเงอะๆเงิ่นๆ “คุณปาร์คให้คุณเข้าพบได้ครับ”

     

     

    แหงสิ จะไม่ได้ได้ยังไง ก็ในเมื่อนัดไว้แล้ว ใครคนนั้นคิดในใจ

     

     

    ผนังกระจกตลอดทั้งแถบทำให้ห้องทำงานของประธานบริหารเนอร์วานาราวกับตั้งอยู่บนโซลทั้งเมือง มีโซฟารับรองตรงกลางห้องจัดเตรียมไว้ให้อยู่แล้ว ส่วนคนที่เป็นจุดหมายในการสัมภาษณ์ครั้งนี้กำลังยืนพิงสะโพกอยู่บนโต๊ะทำงาน แผ่นหลังของเขากว้างใหญ่ ไหล่ลาดนั้นทอดตัวเป็นทรงเสริมไหล่อย่างทรงสูทชั้นดี อาจเพราะรู้ว่าเขารออยู่ โดคยองซูถึงได้เผลอสะดุดขาตัวเองหลังจากคุณเลขา ฯ ปิดประตูห้องไปแล้วเสียอย่างนั้น

     

     

    เสี้ยวหน้านั้นหันมามองด้วยความแปลกใจ เป็นโชคดีว่าคนมาใหม่ไม่ได้ล้มหน้าคะมำลงไปกับพื้น แต่มันก็ทำให้เด็กหนุ่มเสียฟอร์มและแทบทำตัวไม่ถูกหลังจากนั่งลงบนโซฟารับรอง ปาร์คชานยอลยังยืนรอเขาเริ่มการสัมภาษณ์อยู่หลังโต๊ะทำงาน แต่เมื่อสังเกตุเห็นท่าทางละล้าละลังอย่างคนไม่ทันได้เตรียมพร้อม ร่างสูงจึงเดินอ้อมโต๊ะมาหยิบปากกาในกล่องทรงกระบอกและยื่นให้อย่างไม่ถือสาหาความนัก

     

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

    “สวัสดีคุณอีแทมิน”

     

     

    “ผมชื่อโดคยองซูครับ” คนพูดลืมแม้กระทั่งการถอดหมวกบีนนี่ออกจากหัว สายตาของผู้ชายตรงหน้าชวนให้ประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “คือแทมินเขาติดนัดแฟ -- ไม่สบาย เลยให้ผมมาแทน”

     

     

    “ถ้าอย่างนั้น คุณคงเป็นนักศึกษาคณะวารสารศาสตร์เหมือนกัน?” ชานยอลพิงสะโพกลงกับโต๊ะอีกแล้ว ชุดสูทอาร์มานี่สีดำขลับนั้นคล้ายจะมีอำนาจดูดสายตาของคนมองอย่างกับการ์แกนทัวในเรื่องอินเตอร์สเตลล่า และ -- เอ่อ ดูสายตาของเขาสิ

     

     

    “เปล่าครับ ผมเรียนวรรณคดีตะวันตก” คยองซูตอบหน้านิ่ง “เอาเป็นว่าเรามาเริ่มกันเลยดีไหมครับ”

     

     

    “เริ่มสิ ผมมีเวลาให้คุณสิบนาที”

     

     

    “สิบนาทีนี่ไล่ผมกลับเถอะครับ” คนบนโซฟาพึมพำ ปากก็เผลอกัดเอาหัวปากกาด้วยความเคยชินเวลาที่ประหม่าจนต้องใช้สมองมากกว่าปกติ โอ้ ชานยอลก็แค่ยิ้ม แต่ยิ้มนั้นแหละที่ทำเอาคนถูกมองรู้ตัวว่าไม่ควรกินปากกาของคนอื่นตามใจชอบ แน่นอน ห้ามแอบบ่นด้วย “ขอโทษครับ ปากผมมันไปไวกว่าความคิดเสมอเลย”

     

     

    ประธานบริหารกอดอกรอแล้ว ถึงจะไม่ขยับปากพูดอะไร แต่ดูจากนาฬิกาตั้งโต๊ะที่อีกฝ่ายหันมาให้ คยองซูรู้ได้ว่านี่เหลือเวลาอีกแค่หกนาทีแล้ว

     

     

    “คุณขึ้นเป็นประธานบริหารได้ตั้งแต่อายุยังน้อย มีเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จไหมครับ” ถึงจะรู้ว่าคำถามนี้น่ะมันเกลื่อนกลาดและไปหาเอาจากสารทางสังคมเล่มไหนก็ได้ แต่ในโพยมันอยู่เป็นคำถามแรก แทมินกำชับนักหนาว่านี่สำคัญที่สุด ซึ่งถ้าคนตรงหน้าไม่ได้แสดงอาการเบื่อหน่ายออกมาจนเห็นได้ชัด คยองซูคิดว่าก็คงไม่เป็นไรกระมัง

     

     

    ผิดคาดที่ร่างสูงเดินมานั่งลงบนโซฟาชุดเดียวกัน ตากลมโตนั้นเป็นประกายสนอกสนใจในบางอย่าง ชานยอลไม่ได้สนใจคำถามแรกของเขาจริงด้วย ริมฝีปากอิ่มหยักรอยยิ้มบางแล้วว่า “ไม่เคยมีใครเข้ามาพบผมโดยไม่ถอดหมวกมาก่อน”

     

     

    โอ้... โดคยองซูกำลังถูกขบขันหรือว่าตำหนิกันล่ะ

     

     

    “ถ้างั้นผมจะถอดออก --”

     

     

    พลันมือนั้นก็จับรั้งมือเขาไว้ สัมผัสอุ่นๆไม่ต่างจากไฟช็อตแล่นวาบเข้าสู่หัวใจเด็กหนุ่มซึ่งไม่เคยประสีประสากับความรักจนเผลอกัดริมฝีปากไม่รู้ตัว

     

     

    “ไม่ต้อง” ปลายนิ้วละออกผะแผ่ว แผ่นหลังในชุดสูทเอนลงพิงโซฟาแล้วว่า “ไม่มีใครเหมือนคุณ นั่นมันน่าสนใจมากอยู่แล้ว”

     

     

    “ผมไม่น่าสนใจหรอกครับ”

     

     

    “รู้ไหม คุณไม่ควรขัดผมในประเด็นนี้นะ คุณคยองซู” ชานยอลพูดกลั้วหัวเราะ มือที่อยู่บนพนักวางแขนเคาะเป็นจังหวะบางอย่างโดยที่ไม่มีเสียง รู้ว่าภายใต้ความขลาดอายนั้น เด็กหนุ่มก็คงคิดอะไรอยู่บ้างถึงได้จ้องตาเขากลับอย่างไม่ลดละ

     

     

    แล้วริมฝีปากรูปหัวใจก็ขยับพูด “คุณมันจอมบงการ”

     

     

    “แล้วคุณจะได้รู้”

     

     

    คยองซูไม่กล้าตอบรับคำเมื่อครู่ เขาจึงตัดสินใจก้มหน้าจับจ้องแผ่นกระดาษ ปากก็ขยับพูดตะกุกตะกักถึงคำถามต่อไป “เมื่อเก้าปีก่อน บลานซ์ประสบปัญหาธุรกิจและถูกเทคโอเวอร์ไป แต่ภายในสองปี คุณก็สามารถตั้งแบรนด์ใหม่ขึ้นมาได้ในฐานะเนอร์วานาต่อจากคุณพ่อของคุณ”

     

     

    “ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลสาธารณะ คุณสามารถเขียนตามสิ่งที่มีในอินเทอร์เน็ตได้เลย”

     

     

    “เกี่ยวกับเรื่องที่คุณ -- เอ่อ ในนี้ใช้คำว่าเจ้าชู้

     

     

    เขาอยากตอบหรือเปล่า ทำไมถึงได้ทำแค่ยิ้มอย่างนั้น

     

     

    ทันทีที่หมดเวลาให้สัมภาษณ์ จางอี้ชิงก็เคาะประตูห้องสามครั้งแล้วจึงเปิดเข้ามาเพื่อแจ้งนัดการประชุมต่อไป เจ้าของห้องขอเวลาอีกไม่กี่นาที แล้วจึงหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะผายมือช่วยดึงเอาคนที่กำลังทุลักทุเลเก็บของให้ลุกขึ้นยืนได้ถนัดถนี่ “เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่ลิฟท์”

     

     

    ร่างเล็กแทบจะลืมรับเอาเสื้อโค้มแบบพองจากมือเลขานุการในขณะเดินนำปาร์คชานยอลไปยังประตูลิฟท์ ทั้งคู่ตัดสินใจพูดคุยกันอีกเล็กน้อย เพื่อตอบแทนความน่าเสียดายในนัดประชุมสำคัญซึ่งชานยอลไม่สามารถยกเลิกกะทันหันได้

     

     

    “ขอให้การสัมภาษณ์ครั้งนี้ให้อะไรคุณได้มากพอ”

     

     

    “ผมไม่ได้คำตอบเลยสักข้อ” คนตอบไหวไหล่ จากนั้นต่างฝ่ายก็แค่หัวเราะน้อยๆราวกับว่านี่เป็นมารยาทหลังมุกตลกมื้ออาหารอย่างไรอย่างนั้น

     

     

    “คุณได้อย่างอื่นกลับไป”

     

     

    คยองซูก้มลงมองปากกาในกระเป๋าอกเสื้อ อ้อ อาจจะจริงที่ว่าเขาได้อย่างอื่นติดไม้ติดมือกลับมา นี่คงแพงกว่าเอาปากกาทุกแท่งที่เคยใช้ในชีวิตมารวมกันเสียอีก เสียงดังติ๊งร้องขึ้นเมื่อประตูลิฟท์เปิด นึกโมโหตัวเองที่เกิดอยากหวังไปไกลกว่าปากกา ถึงอย่างนั้น สายตาจากคนหน้าลิฟท์ที่มองมากลับทำให้คยองซูรู้ว่า ร่างกายที่ไม่เคยประสีประสาร่างนี้กำลังจินตนาการไปถึงทุกสัมผัสที่อีกฝ่ายจาบจ้วงเขาบนผืนเตียงเสียแล้ว

     

     

    เด็กหนุ่มไม่อยากให้ตัวเองคิดลามก แต่เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่าที่เอ่ยเรียกชื่อ เขาถึงรู้แก่ใจว่ามันยากเสียยิ่งกว่ายาก

     

     

    “โดคยองซู”

     

     

    “ปาร์คชานยอล”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังเสร็จสิ้นมื้อเย็นจากลูกค้าคนสำคัญ ปาร์คชานยอลก็นึกไปถึงธุระอีกหนึ่งอย่างที่เขาควรทำมันให้เรียบร้อยภายในวันนี้ จงอินทิ้งรถไว้ให้ที่บริษัทหลังจากนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้ในช่วงสาย ตอนนี้จึงมีแค่เจ้าของรถที่นั่งพิงเบาะคนขับในลานจอดรถเพียงลำพัง เชิ้ตเมธิคิวลัสสไตล์อังกฤษสีขาวถูกพับแขนขึ้นจนถึงใต้ข้อศอก นาฬิกาโรเล็กซ์ ออยสเตอร์ควอร์ซสีเงินวับสะท้อนภาพแสงสีแดงจากปลายมวนมาร์ลโบโรสีขาวที่อยู่ระหว่างปลายนิ้วชี้และนิ้วกลาง เมื่อมันถูกแตะเข้าจรดริมฝีปาก และผ่านกระบวนการสูบอัดนิโคตินเข้าปอด สิ่งที่เห็นได้ทางกรอบสายตาก็คือควันกลิ่นอาร์คติคแบล็คซึ่งถูกพ่นออกทางสองรูจมูก

     

     

    ในครั้งหนึ่ง ชานยอลจะสูบไม่เกินสองมวนเพื่อไม่ให้ตัวเองกลายเป็นคนติดบุหรี่จนเกินไปนัก เขาปล่อยมันจากปลายนิ้ว ยังไม่ทันที่รถจะแล่นออกไป สีแดงบนมวนบุหรี่ก็ค่อยๆมอดลงกระทั่งดับไปเองหลังจากที่ไม่มีเมอร์เซเดสสีดำอยู่ตรงนั้นแล้ว

     

     

    ความลับอีกอย่างหนึ่งที่น้อยคนนักจะได้เห็นคือรอยสักเล็กๆสีดำใต้แนวพับบริเวณข้อศอก ปกติมันจะอยู่ภายใต้แขนเสื้อเสมอ เว้นเสียแต่ตอนนี้ ตอนที่ปาร์คชานยอลไม่ใช่นักธุรกิจในมาดชุดสูทสีทะมึนและใช้สายตาคมกริบปราดมองใครต่อใคร

     

     

     

     

    BEFEHLC

     

     

    คุณอาจสะท้านไปทั้งตัว ถ้าได้ลองแปลความหมายของมัน

     

     

     

     

    ไม่นานนัก คอนโดมิเนียมสูงชะลูดเหนือใจกลางเมืองก็ปรากฏแก่สายตา มือยื่นออกไปนอกตัวรถเพื่อทาบบัตรสีดำเข้ากับเครื่องสแกน ที่จอดรถหนึ่งที่ถูกเว้นว่างไว้เสมอเพื่อรอให้ใครบางคนขับเข้ามา และวันนี้ก็เป็นเช่นวันนั้น ร่างสูงโปร่งก้าวลงจากรถ ทิ้งชุดสูทแขวนเอาไว้เหนือเบาะหลัง และหยิบตัวมาเพียงแค่โทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ในกางเกง ชานยอลไม่สนใจพนักงานต้อนรับซึ่งมองเขาตาเป็นประกาย ไม่สนใจแม้กระทั่งว่าคนพวกนั้นจะรู้หรือไม่เรื่องที่ปาร์คชานยอลมีลายเซ็นประทับในฐานะผู้ถือหุ้นคนสำคัญของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เนบิวล่าไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

     

     

    เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อให้สุภาพสตรีภายในลิฟท์ได้เดินสวนออกมาอย่างสะดวก ก่อนจะก้าวเข้าไปในนั้นตามลำพัง แล้วกดลิฟท์ไปยังชั้นที่ต้องการก่อนที่ใครจะคิดเหตุผลออกว่าควรหาเรื่องร่วมลิฟท์ไปกับผู้ชายคนนี้อย่างไรดี

     

     

    ห้องพักนั้นอยู่บนชั้นสี่สิบสอง ส่วนอีกห้องหนึ่งในชั้นเดียวกันนั้นเป็นห้องที่นักธุรกิจใหญ่ซื้อทิ้งไว้แต่นานๆจะมาพักสักที นอกนั้นคุณไม่ต้องมองหาห้องอื่น เพราะปาร์คชานยอลมีเงินมากพอที่จะจ่ายให้ที่นี่ตราบใดที่หวงจื่อเทายังเป็นของเขาอยู่ มือซ้ายล้วงเข้าไปภายในกระเป๋ากางเกงในขณะที่อุ้งมือขวาถือโทรศัพท์และคีย์การ์ดเอาไว้เป็นมั่นเหมาะ ทาบมันผ่านๆจนเกิดแสงสีเขียวเรืองเล็กๆที่ตัวสแกน จากนั้นภาพดาราหนุ่มที่กำลังถ่ายรูปเซลฟี่โดยใช้เวอร์ทูสีทองก็ปรากฏแก่สายตา

     

     

    ทันทีที่หันมาเห็นเจ้าของห้องตัวจริง จื่อเทาก็รีบผุดลุกจากโซฟากำมะหยี่สีขาว ตรงเข้ามาต้อนรับคนที่ไม่คิดว่าจะมาด้วยรอยยิ้มที่ฉีกออกจนน่ากลัวว่าจะถึงหู ชานยอลไม่ได้มีอะไรติดไม้ติดมือมานอกจากเครื่องมือสื่อสาร แต่ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเป็นลุคส์เฉียบอย่างเมื่อตอนเช้า หรือดูสบายๆอย่างในตอนนี้ จื่อเทาก็ชอบทั้งนั้น

     

     

    “พี่ไม่เห็นโทรบอกผมเลยว่าจะมา”

     

     

    เข็มหน้าปัดนาฬิกาบนผนังชี้เลขตอนสามทุ่มครึ่ง บางทีนี่อาจเป็นโปรแกรมที่ชายหนุ่มคิดว่าดีแล้วก็ได้ถึงได้เลือกโผล่มาในเวลาเดิมทุกครั้ง จื่อเทาปล่อยให้ร่างสูงกว่าทิ้งตัวลงพักเหนื่อยบนโซฟา ระหว่างนั้นก็หายไปจัดการหยิบชาร์ดอนเน่ย์จากตู้แช่ไวน์มาวางเสิร์ฟพร้อมแก้วทรงปารีส

     

     

    “พี่อยากฟังฟีดแบ็กจากนายโดยตรง”

     

     

    “พี่ก็รู้ว่าผมต้องชอบ แต่ผิดนะครับ” ได้ยินอย่างนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงหมายถึงของขวัญเล็กๆน้อยๆอย่างโทรศัพท์มือถือเครื่องหลักล้านวอนที่วางอยู่บนโต๊ะรับแขก คนฟังอมยิ้ม เดินไปนั่งลงข้างๆแล้วรินไวน์ให้อย่างเอาอกเอาใจ “ผมชอบมากๆเลยต่างหาก”

     

     

    ขณะจิบไวน์อึกแรก วงแขนกว้างก็เลื่อนไปตามแนวพนัก คล้ายจะโอบอีกคนไว้ให้อยู่ภายใต้อาณัติ จื่อเทาไม่เคยโทษไวน์รสดีที่ทำให้ชานยอลยิ้มได้ เพราะคงไม่มีสิ่งใดบนโลกดีไปกว่าดาราชื่อดังที่นั่งอยู่ตรงนี้หรอก

     

     

    “ชอบมาก แล้วต้องทำยังไง”

     

     

    โธ่ พี่ชานยอลของหวงจื่อเทา

     

     

    เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งไต่นิ้วไล่ไปตามแผ่นอก ขยับตัวเองให้เข้าสู่วงโอบของอีกคนมากขึ้น เมื่อปลายนิ้วหยุดอยู่บนกระดุมเม็ดแรก จื่อเทาก็รู้อีกว่าเขาควรถอดมันออกเดี๋ยวนี้เลยถ้าไม่อยากให้คนข้างๆหนีไปไหนในคืนนี้ แน่ล่ะ เขาไม่ชอบให้ชานยอลกลับบ้าน ไม่ชอบใครทุกคนที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้ชายคนนี้อย่างที่เขาได้รับ โดยเฉพาะพ่อนักเขียนเศรษฐีคนนั้น

     

     

    เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอ ซีอีโอหนุ่มหยุดมือของใครอีกคนไว้ จับมันขึ้นมาจูบผะแผ่วที่ปลายนิ้วแล้วส่งคืนกลับไปยังเจ้าของ “ให้พี่อาบน้ำก่อน”

     

     

    “ผมอาบด้วยเอาไหม”

     

     

    เมื่อส่งร่างกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปาร์คชานยอลก็ดูจะอยากได้ผ้าเช็ดตัวมากกว่าแก้วไวน์ที่เขาเพิ่งวางมันลงหลังจากดื่มจนหมด “กลิ่นสบู่นายยังแรงอยู่เลย รอข้างนอกนี่แหละ”

     

     

    แทนที่จะงี่เง่าเมื่อถูกปฏิเสธ ทว่าคำพูดซึ่งแสดงถึงความใส่ใจเล็กๆนั้นกลับทำเอาคนอายุน้อยกว่ายิ้มไม่หยุด จื่อเทารีบเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า จัดแจงเอาผ้าเช็ดตัวและชุดคลุมอาบน้ำมาพาดไว้ให้ที่ท่อนแขนแขกคนสำคัญ สายตาจับมองเป็นคำสัญญากลายๆว่าพออกมาจากห้องน้ำแล้ว ชานยอลจะต้องชื่นใจเป็นที่สุด

     

     

    ไม่รู้ว่าทำไม เพียงแค่เสียงสายน้ำที่ดังลอดออกมาจากบานประตูกระจกฝ้าแค่นั้นก็ทำให้ดาราดังนึกอยากฟอร์เวิร์ดเวลาให้ไปข้างหน้าไวๆเสียแล้ว พี่ชานยอลของเขาก็เป็นเสียแบบนี้ ชอบทำเป็นหนีให้ไล่ตาม ทำเหมือนว่าจะไม่มีใครจับได้อยู่หมัดเวลาที่เจ้าตัวไม่ต้องการ แต่แล้วอย่างไรล่ะ มีอะไรที่หวงจื่อเทาอยากได้แต่ไม่ได้บ้าง อย่างน้อยชานยอลก็รู้ว่าควรให้คืนนี้จบลงที่นี่ ถึงได้ยกเวลาสามทุ่มครึ่งจนถึงเช้าให้เขาเพียงคนเดียว

     

     

    ไม่นานนัก ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวก็ออกมาในสภาพที่มีหยดน้ำเกาะพราวเต็มตัว แม้แต่เรือนผมที่เปียกลู่ไม่เป็นทรงนั้นจื่อเทายังคิดว่าดูดี คนรอเอื้อมตัวไปวางโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ลงที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะขยับตัวให้อยู่ในองศาที่อีกฝ่ายจะโน้มลงมาจูบได้พอดี

     

     

    “รอไม่ไหวแล้วหรือ” ชานยอลถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ แฝงแววขบขันขณะมองไปยังขวดไวน์แดงในถังแช่ไวน์ซึ่งถูกตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะเตี้ยภายในห้องนอน อีกฝ่ายย้ายมันมาไว้ในนี้ แต่กลัวไม่สนใจจะดื่มอย่างที่แสดงออกในทีแรก

     

     

    “ครับ รอไม่ไหว” คนตอบแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผาก ชั่งใจว่าจะถอดชุดนอนนี่ออกเองหรือรอคนในชุดคลุมอาบน้ำดี

     

     


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียเมื่อไรล่ะ

     

     

    กลีบปากหยักยิ้มพึงใจ เมื่อท้ายที่สุดแล้ว ข้างกายของเขาในคืนนี้ก็มีพี่ชานยอลนอนเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผืนผ้าห่มหลังจากเสร็จศึกใหญ่ไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน มือของดาราหนุ่มจับไล้ไปตามโครงหน้าได้รูปนั้น พลันสมองก็นึกอะไรฉลาดๆขึ้นได้ และมันคงทำให้เขาหายแค้นกับบทลงโทษที่แสนถึงใจนั้นได้ดีพอเสียด้วย

     

     

    เอื้อมตัวไปดึงเปิดโคมไฟหัวเตียงแล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือเครื่องสีทองมาสไลด์ไปมาอยู่ไม่กี่ที จื่อเทายืดแขนขึ้นไปจนสุด ในขณะที่ศีรษะก็เอนซบลงกับลาดไหล่แกร่งด้วยรอยยิ้มเยาะ ไม่สิ ต้องแกล้งหลับต่างหากถึงจะเนียน

     

     

    สิ้นเสียงแชะ จัดการปิดไฟหัวเตียงแล้วกลับมานอนแต่งรูปต่ออีกหน่อย จากนั้นก็กดเข้าไลน์ปริศนาของใครบางคนโดยเลือกใช้ฟังก์ชั่นข้อความลับ กว่านายคนนั้นจะนึกขึ้นได้หลังจากนอนร้องไห้เสร็จว่าควรแคปหน้าจอมาฟ้องพี่ชานยอลของเขา รูปที่เขาส่งไปแบบดูได้ครั้งเดียวก็คงถูกลบไปแล้ว

     

     

    Send ~

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นแชทยอดนิยมปลุกให้คนตื่นง่ายอย่างคิมจุนมยอนสะดุ้งโหยงขึ้นกลางดึก ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสามกว่าแล้ว ใครกันที่จะมีธุระดึกดื่นขนาดนี้

     

     

    หากแต่หลังจากคลิกเข้าไปในไลน์ปริศนาที่เพิ่งแอดมาใหม่ ภาพดาราหนุ่มชื่อดังซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นพรีเซนเตอร์คนปัจจุบันของเนอร์วานาทำให้ใจของจุนมยอนรู้สึกไม่สู้ดีนัก การแจ้งเตือนนั้นอยู่ในข้อความลับ มือขาวสั่นเทาขึ้นมาโดยไร้สาเหตุขณะที่กำลังชั่งใจว่าจะกดเข้าไปดูดีหรือไม่

     

     

    แล้วความอยากรู้อยากเห็นก็แพ้การห้ามใจตัวเองอย่างสิ้นเชิง

     

     

    ตุบ

     

     

    มือของจุนมยอนไม่มีแม้แต่แรงที่จะถือเจ้าเครื่องมือสื่อสารเล็กๆนี่ไว้ รวมถึงร่างกายของเขาด้วย ร่างเล็กทิ้งตัวลงนอนสะอื้นไห้ น้ำตาไหลอาบแก้มจนเปียกชุ่มหมอนสีขาว มือที่กำชายผ้าห่มเอาไว้ค่อยๆคลายออกแล้วทุบเป็นกำปั้นลงบนเบาะนุ่มด้วยความคับแค้นใจ แค่คืนนี้ข้างตัวไม่มีใครอีกคนที่ควรอยู่ ชายหนุ่มก็คิดว่ามันมากเกินพอแล้ว

     

     

    แต่เล่นส่งภาพถ่ายตอนนอนกกกอดมาหยามกัน จะให้เขาทนไหวได้อย่างไร

     

     

    ทำไมปาร์คชานยอลถึงได้ใจร้ายขนาดนี้

     

     

     

     

    วันนี้พี่ชานยอลมาค้างกับผม ฝันดีนะครับคุณพี่ <3’

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

    ______________________________________________

     

    สงครามเมียสิบเอ็ดของชานยอล



    #สังคมเมียสิบเอ็ดของชานยอล









     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×